ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: cl, -cl- |
|
| | | nucleate | (vi, vt) ก่อตัวขึ้นเป็น nucleus, ก่อเป็นรูปร่างขึ้น | exclusive economic zone | (n) เขตเศรษฐกิจจำเพาะ | reclaimed land | (n) การถมทะเลหรือคลองให้เป็นพื้นดิน | clearance | (n) การทำให้หมดไป, การกวาดล้าง, Syn. removal | grey cloth | (n) ผ้าที่ยังไม่ผ่านกระบวนการตกแต่งสำเร็จ | inclusively | (adv) อย่างครอบคลุม, อย่างกว้างๆ | clothing material | (n) พัสตราภรณ์, เครื่องนุ่งห่ม | clear cut | (adj) ชัดเจน, เด่นชัด เช่น There isn’t any clear cut way of distinguishing Thai people from Chinese people., Syn. clear-cut | razor clam | (n) หอยหลอด | article number | (n) รหัสสินค้าที่มักแสดงเป็นบาร์โค้ด ซึ่งสามารถถูกอ่านเป็นตัวเลขและข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ | relative clause | (n, phrase) อนุประโยคที่ใช้ขยาย | muscle-flexing | (n) การเบ่งกล้าม, การอวดกล้ามเป็นมัดๆ, การเบ่งอำนาจ เช่น I hope that when the muscle flexing and cheering is over they will go on a retreat, and reflect on how they should bear this awesome responsibility.; I love muscle flexing, wrestling, swapping muscle pictures. | clipping | (n) กฤตภาค, ข่าวในหนังสือพิมพ์ที่ตัดเป็นชิ้นๆ เช่น The company is a public relations supplier of media directories, media software, press clippings, Internet clipping, media lists and news. | club foot | (n) เท้าแป, อาการเท้าแป เช่น Physiotherapy treatment helps club feet., Helping children with clubfeet., See also: club feet, clubfeet | Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) | (n, name) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ พยาธิสภาพของโรคเอแอลเอสอยู่ที่บริเวณแกนสมอง และไขสันหลัง ทำให้ผู้ป่วยมีกล้ามเนื้อแขนขา และลำตัวอ่อนแรง กลืนลำบาก และพูดไม่ชัด คำว่า “Amyotrophic” หมายถึง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ฝ่อลีบและเต้นพลิ้ว (fasciculation) ส่วนคำว่า “Lateral sclerosis” หมายถึงรอยโรคในทางเดินของกระแสประสาทซึ่งควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อในไขสันหลัง โรคเอแอลเอสพบน้อยมาก โดยพบได้เพียง 4 ถึง 6 ต่อประชากร 100, 000 คน และโอกาสที่จะพบผู้ป่วยรายใหม่มีเพียง 1.5 ถึง 2.5 ต่อประชากร 100, 000 คนต่อปี โรคนี้เป็นกับผู้ใหญ่วัยใดก็ได้ แต่จะพบบ่อยขึ้นตามอายุ อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 65 ปี โดยมักเป็นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าโรคเอแอลเอสเกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้ป่วยราวร้อยละ 5 (โดยเฉพาะผู้ป่วยอายุน้อย) อาจมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว สิ่งแวดล้อมหรือสารพิษบางชนิด อาจมีผลกับการเกิดโรคนี้ เนื่องจากพบว่าในบางพื้นที่ของโลก เช่นที่เกาะกวม พบโรคนี้มากกว่าที่อื่น นอกจากนั้นการศึกษาทางระบาดวิทยายังพบว่า นักกีฬาบางประเภท โดยเฉพาะนักฟุตบอลอาชีพมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าประชากรทั่วไป ปัจจุบันเชื่อว่าสาเหตุของโรคนี้อาจเกิดจาก กลไกภูมิคุ้มกันต่อตนเองผิดปกติ (Autoimmune attack) หรือเกิดจากกลไกอนุมูลอิสระ (Free radicals) ทำลายเซลล์ประสาทของตนเอง ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า การเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทในสมองและไขสันหลังเกิดจากสารสื่อนำกระแสประสาท (neurotransmitter) ที่เรียกว่ากลูตาเมต (glutamate) กระตุ้นให้เกิดการทำลายเซลล์ (ข้อมูลจาก ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ สาขาวิชาอายุรศาสตร์ปัจฉิมวัย : http://www.thonburihospital.com/th/tip_detail.asp?id=22 , http://www.inf.ku.ac.th/article/diag/520506/alsmnd.html) |
| cle | (suf) เล็ก, See also: จิ๋ว | clad | (adj) ที่แต่งตัว, Syn. clothed, dressed | clam | (n) หอยชนิดหนึ่งกินได้ | clan | (n) กลุ่มคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน, Syn. clique, set | clap | (n) การปรบมือ | clap | (vi) ปรบมือ, Syn. applaud, cheer | clap | (sl) โรคหนองใน | claw | (n) กรงเล็บ | clay | (n) ดิน | clay | (n) ร่ายกายมนุษย์ | clef | (n) สัญลักษณ์ที่ใช้เริ่มในการเขียนโน้ต เพื่อบอกระดับเสียง (เช่น กุญแจซอล) | clip | (n) ครั้ง, See also: คราว, Syn. time | clip | (n) คลิป, See also: ที่ติดของอันเล็กๆ | clip | (n) ตัดออก, Syn. snip, trim | clip | (vi) ติดด้วยคลิป | clip | (vt) ติดด้วยคลิป | clip | (sl) มิวสิกวิดีโอเพลง, See also: ภาพยนตร์สั้น | clit | (sl) คลิทอริส | clod | (n) คนโง่, Syn. dolt, simpleton | clod | (n) ดิน, See also: แผ่นดิน, Syn. soil, earth | clog | (n) รองเท้าไม้ | clop | (vi) ทำเสียงดังกอบๆ | clop | (n) เสียงดังกอบๆ (เหมือนเสียงเท้าสัตว์กระทบกับน้ำ) | clot | (vi) จับตัวเป็นลิ่ม | clot | (sl) โง่ | cloy | (vt) ทำให้เอียน, See also: ทำให้เบื่อเนื่องจากมีมากเกินไป, Syn. satiate, surfeit | cloy | (vi) เอียน, See also: เบื่อเนื่องจากมีมากเกินไป | club | (vi) ช่วยกันออกค่าใช้จ่าย, See also: ช่วยกันเสียค่าใช้จ่าย, Syn. share, defray | club | (vt) ตี (ด้วยไม้), See also: ตีด้วยไม้กระบอง, Syn. cudgel, bludgeon, batter, pound | club | (n) ไพ่ดอกจิก | club | (n) ไม้ตีกอล์ฟ, Syn. golf club | club | (n) ไม้พลอง, See also: ไม้ตะบอง, ไม้กระบอง, Syn. cudgel, stick, bat, bludgeon, baton, billy, truncheon, blackjack, shillelagh, shillalah, staff, cane | club | (vi) รวมกลุ่ม, See also: รวมกัน, Syn. unite, combine | club | (n) สถานเริงรมย์, See also: ไนต์คลับ, Syn. nightclub, cabaret | club | (n) สโมสร, See also: สมาคม, Syn. association, society, set, circle | clue | (vt) บอกเป็นนัยๆ, See also: บอกใบ้, บอกเงื่อนงำให้, เป็นร่องรอยสู่, ชี้ทาง, Syn. hint | clue | (n) ร่องรอย, See also: เงื่อนงำ, เบาะแส, Syn. hint, suggestion, trace, sign, evidence, mark, intimation, key | clack | (vi) เกิดเสียงแหลม | clack | (vt) ทำให้เกิดเสียงแหลมขึ้นทันที | clack | (vi) พูดเร็ว | claim | (n) การเรียกร้อง, Syn. demand, request, call | claim | (vt) เรียกร้อง, Syn. demand, require | claim | (vt) อ้าง, See also: กล่าวอ้าง | clamp | (n) เครื่องมือที่ทำให้ติดแน่นเข้าด้วยกัน, Syn. fastener, fastening | clang | (vi) เกิดเสียงดังแคร๊งที่กังวานนาน (เช่นเสียงโลหะกระทบกัน) | clang | (vt) ทำให้เกิดเสียงดังแคร๊งที่กังวานนาน (เช่นเสียงโลหะกระทบกัน) | clang | (n) เสียงดังแคร๊งที่กังวานนาน (เช่นเสียงโลหะกระทบกัน) | clank | (vi) เกิดเสียงดังแคร๊ง | clank | (vt) ทำให้เกิดเสียงดังแคร๊ง | clank | (n) เสียงดังแคร๊ง (ที่ไม่กังวานมากและในช่วงเวลาสั้น), Syn. clangor |
| acclaim | (อะเคลม') vt., n. เปล่งเสียงด้วยความ ยินดี, โห่ร้องต้อนรับ, สนับสนุนด้วยการโห่ร้อง, เสียงไชโยโห่ร้อง -acclamation n., Syn. hail | acclimate | (อะไคล' เมท) vt., vi. ปรับตัวให้ชินกับอากาศ. -acclimation n., Syn. adapt | acclimatise | (อะไคล' มะ | acclivity | (อะคลิฟ' วิที) n. ที่ชันขึ้น, ทางขึ้น. | aclassis | ภาวะที่เนื้อเยื่อเจริญผิดปกติกลมกลืนเข้ากับเนื้อเยื่อธรรมดา | acleistocardia | ภาวะที่ foramen ovale ของหัวใจไม่สามารถปิดได้ | aclinic | (เอคลิน' นิค) adj. เกี่ยวกับเส้นที่ไม่เอียงหรือเฉียง | aclinic line | (เอคลิน' นิค) เส้นศูนย์สูตรแม่เหล็ก., Syn. magnetic equator | acyclic | (เอโส' คลิค, เอซิด' คลิค) adj. ไม่เป็นวัฏจักร, ไม่มีลักษณ์หมุนรอบ | adminicle | (แอดมิน' นิเคิล) n. สิ่งช่วย, สิ่งเสริม. สิ่งค้ำจุน -adminicular adj. (auxiliary) | alarm clock | นาฬิกาปลุก | all clear | สัญญาณที่ว่าการโจมตีทางอากาศได้ผ่านพ้นไปแล้ว | all-terrain vehicle | รถที่ใช้ได้กับทุกดินฟ้าอากาศ | alpha particle | อนุภาคที่มีประจุบวกที่ประกอบด้วยสองโปรตอนและสองนิวตรอน, นิวเคลียสของอะตอมของธาตุฮีเลียม (nucleus of a helium atom) | alsike clover | (แอล' ซิค) n. ไม้จำพวกถั่วชนิดหนึ่งของยุโรป (Trifolium hybridum), Syn. Alsike | alto clef | เครื่องหมายดนตรีที่อยู่กลาง C บนเส้นที่สามของ staff., Syn. viola clef | anaclinal | (แอนนะไคล' นัล) adj. ซึ่งลาดลงในทิศทางตรงข้ามทางลาดของชั้นที่ล้อมรอบ | anaclisis | (แอนนะไคล' ซิส) n. ขบวนการเลือกแบบหนึ่งทางจิตวิเคราะห์ โดยดูจากปมที่เกี่ยวกับตัณหา (livido) . -anaclitic adj. | annular eclipse l | ุริยคราสเป็นวงแหวนรอบพระจันทร์ที่มืด (an eclipse of the su | anticlimax | (แอนทีไคล' แมคซฺ) n. เหตุการณ ์ (ข้อสรุป, บทความ, การพูด, เนื้อหา) ที่สำคัญน้อยกว่าที่คาดหมายอย่างกระทันหัน, การเปลี่ยนความเข้มข้นหรือความสำคัญของเรื่องราวดังกล่าวอย่างทันที. -anticlimac- | anticyclone | (แอนทีไซ' โคลน) n. ลมบ้าหมูรอบบริเวณกลางที่มีความกดดันบรรยากาศสูง. | antinucleon | (แอนทีนู' คลิออน) n. antiproton, antineutron | antiparticle | (แอน' ทีพาทิเคิล) n. อนุภาคที่ทำลายกันเองเมื่อปะทะกัน เช่น อีเล็คตรอน และโปซิตรอน (as an electron and a positron) | appendicle | (อะเพน'ดิเคิล) n. ส่วนยื่นขนาดเล็ก -appendicular adj. | arctic circle | เส้นขนานกับเส้นศูนย์สูตรที่ 23 องศา 28'S ของขั้วโลกเหนือ (imaginary line) | ariticles of confederatio | รัฐธรรมนูญของ 13 อาณานิคมของอเมริกาในปี 1781 | arteriosclerosis | (อาร์เทอรี่โอสคละโร'ซิส) n. ภาวะผนังเส้นโลหิตแดงหนาและมีความยึดหยุ่นน้อยลง -arteriosclerotic adj. | article | (อาร์'ทิเคิล) n. สิ่งของ, ชิ้น, สินค้า, บทความ, มาตรา, ข้อ, ข้อบังคับ, รายการ, คำนำหน้านาม. -vt. กล่าวหา, ฟ้อง, ทำให้ข้อบังคับผูกมัด, Syn. item, object, piece, essay | asclepiadaceous | (อะคลิพีอะเด'เซียส) adj. เกี่ยวกับพืชจำพวก milkweed | atherosclerosis | (แอธธะโรสเคลอโร'ซิส) n. arteriosclerosis แบบหนึ่งที่มีการสะสมไขมันที่ผิวหน้าและหลอดโลหิต. -atherosclerotic adj. (a form of arteriosclerosis) | atomic clock | นาฬิกาปรมาณูที่มีความเที่ยงตรงมาก | auricle | (ออ'ริเคิล) n. ใบหู, หัวใจห้องบน, กระดูกคล้ายใบหู, หูหัวใจ (auricular appendage) -auricled adj. (pinna, atrium) | autoclave | (ออ'โทเคลฟว) n. เครื่องอบความร้อนสูงด้วยไอน้ำ ใช้ในการฆ่าเชื้อ | autocycle | (ออโทไซ'เคิล) จักรยานยนต์ | bank clerk | n. เจ้าหน้าที่ธนาคารที่เกี่ยวกับการถอน และฝากเงิน, ดูteller (ของอเมริกา) | barnacle | (บาร์'นะเคิล) n. เพรียงที่เกาะอยู่ใต้ท้องเรือและหิน, สิ่งที่เกาะติด, คนที่ยากที่จะสลัดให้หลุดหรือหนีได้ | battleclad | adj. ติดอาวุธเต็ม | becloud | (บิเคลาดฺ') { beclouded, beclouding, beclouds } vt. ทำให้มืดมนด้วยเมฆ, ทำให้ยุ่งเหยิง, ปกคลุม | bespectacled | (บิสเพค'ทะเคิลดฺ) adj. สวมแว่นตา | bicycle | (ไบ'ไซเคิล, -ซิค'เคิล) { bicycled, bicycling, bicycles } n., vi. (ขี่) จักรยานสองล้อ, See also: bicyclist, bicycler n. | booking clerk | n. คนขายตั๋ว | breechcloth | n. ผ้าคาดเอว | breechclout | n. ผ้าคาดเอว | carbuncle | (คาร์'บังเคิล) n. โรคฝีฝักบัว, สิวหัวใหญ่, พลอยแดง, โกเมน, See also: carbuncled adj. ดู carbuncle, carbuncular adj. ดู carbuncle | caruncle | n. ส่วนยื่นของเนื้อเยื่อ, หงอน, หงอนไก่, เนื้องอก, See also: caruncular adj. ดูcaruncle carunculous adj. ดูcaruncle | casement cloth | n. ผ้าม่านหน้าต่างชนิดบาง | cataclasite | (แคททะแคลส'ไซทฺ) n. หินที่แตกละเอียด | cataclatic | (แคททะแคลท'ทิค) adj. ซึ่งแตกละเอียด | cataclysm | (แคท'ทะคลิซ'ซึม) n. การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง (โดยเฉพาะทางการเมืองและสังคม) , ความเกลียด, ความหายนะ., See also: cataclysmic adj, ดูcataclysm cataclysmal adj. ดูcataclysm, Syn. disaster | cheesecloth | n. ผ้าฝ้ายหยาบและเบา, ผ้าห่อเนย |
| acclaim | (n) การโห่ร้อง, เสียงไชโยโห่ร้อง | acclaim | (vi, vt) ร้องไชโย, โห่ร้อง | acclamation | (n) การโห่ร้อง, เสียงไชโยโห่ร้อง | acclimate | (vt) ปรับตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ | acclimation | (n) การปรับตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ | acclivity | (n) เนิน, ทางขึ้น | anticlockwise | (adv) หมุนซ้าย, หมุนทวนเข็มนาฬิกา | article | (n) บทความ, สิ่งของ, คำนำหน้านาม | auricle | (n) ใบหู, หัวใจห้องบน | barnacle | (n) เพรียง | becloud | (vt) พยับเมฆ | bedclothes | (n) เครื่องนอน, ที่นอนหมอนมุ้ง | bespectacled | (adj) สวมแว่นตา | bicycle | (n) จักรยานสองล้อ | bicyclist | (n) คนขี่จักรยานสองล้อ | binnacle | (n) กล่องใส่เข็มทิศในเรือ | broadcloth | (n) ผ้าสักหลาดอย่างดี | canticle | (n) เพลงสวดในพิธีศาสนา | carbuncle | (n) ฝีฝักบัว, ตุ่มตามผิวหนัง, โกเมน, พลอยสีแดง | cataclysm | (n) น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, มหาภัยพิบัติ, ความหายนะ, กลียุค | chronicle | (n) บันทึกเหตุการณ์, รายงานเหตุการณ์, จดหมายเหตุ | chronicle | (vt) บันทึกเหตุการณ์ | chronicler | (n) ผู้บันทึกเหตุการณ์, นักประวัติศาสตร์ | circle | (n) วงกลม, วงแหวน, วงเวียน, บริเวณ, ขอบเขต, หมู่คณะ, การหมุนเวียน, วัฏจักร | circle | (vt) ล้อมรอบ, วง, พัน, ม้วน, หมุนรอบ, โคจรรอบ | circlet | (n) วงแหวน, รัดเกล้า | clad | (vt pt และ pp ของ) clothe | claim | (n) สิทธิ, คำร้อง, การเรียกร้องสิทธิ์, การอ้างสิทธิ | claim | (vt) อ้างสิทธิ, เรียกร้องสิทธิ์, ยืนยัน | claimant | (n) ผู้อ้างสิทธิ, ผู้เรียกร้องสิทธิ์, โจทก์ | clairvoyant | (n) หมอดู, ผู้วิเศษ, ผู้มีตาทิพย์, ผู้มีญาณทิพย์ | clam | (n) หอยกาบ | clamber | (vi) คลาน, ตะกาย, ปีน, ปีนป่าย | clammy | (adj) ชื้น, หมาด, เย็น | clamorous | (adj) กึกก้อง, ดัง, เอ็ดตะโร, อลหม่าน | clamour | (n) เสียงโห่ร้อง, เสียงเอ็ดตะโร, เสียงอึกทึกครึกโครม | clamour | (vt) ส่งเสียงดัง, ส่งเสียงกึกก้อง, ส่งเสียงเอ็ดตะโร, โห่ร้อง | clamp | (n) คีมหนีบ, ปากคีบ, ที่หนีบ | clan | (n) สกุล, แซ่, ตระกูล, เผ่าพันธุ์, ครอบครัว | clandestine | (adj) ลับ, ลอบ, ไม่เปิดเผย, ปิดบัง, ส่วนตัว | clang | (n) เสียงดังกราว | clang | (vi) ส่งเสียงดังกราว | clangour | (n) เสียงดังกราว | clangour | (vi) ส่งเสียงดังกราว | clank | (n) เสียงลากโซ่ | clank | (vi) มีเสียงลากโซ่ | clannish | (adj) ถือพวก, ถือพี่ถือน้อง, เล่นพรรคเล่นพวก | clansman | (n) พี่น้องร่วมสกุล, พี่น้องร่วมแซ่, พวกพ้อง | clap | (n) เสียงตบมือ, เสียงกระพือปีก, เสียงตีปีก | clap | (vi, vt) ตบมือ, กระพือปีก, ตีปีก |
| primary nucleus | แกนปฐมภูมิ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | primary reinsurance clause | ข้อกำหนดความรับผิดต่อผู้เอาประกันภัยเริ่มแรก [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | phylloclade; cladode; cladophyll | ลำต้นคล้ายใบ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | phylogenetic classification | การจำแนกตามวิวัฒนาการชาติพันธุ์ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | periclinal | ขนานกับผิว [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | periclinal chimera | เพอริไคลนัลไคมีรา [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | pansclerosis | การกระด้างทั่ว [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | postal article | ไปรษณียภัณฑ์ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | pedicellate; pedicellated; pedicled; pediculate; pedunculate; pedunculated | มีก้าน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | peritoneoclysis | การฉีดเข้าช่องท้อง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | partial indemnity clause | ข้อกำหนดจ่ายค่าสินไหมทดแทนบางส่วน [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | proclamation | ประกาศ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | proclamation | ประกาศ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | proclamation, royal | ประกาศพระบรมราชโองการ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | proclamation, Royal | ประกาศพระบรมราชโองการ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | postmenopausal; postclimacteric | -หลังวัยหมดระดู [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | protrusive occlusion | การสบ(ฟัน)ยื่น [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] | piston clearance | ระยะห่างลูกสูบ [ยานยนต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | pellicle | ๑. เยื่อผิว๒. ฝ้าลอย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | Parliaments, Clerk of the | เลขาธิการสภาขุนนาง (อังกฤษ) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | palate, cleft; palatoschisis; uraniscochasma; uranoschisis; uranoschism | เพดานโหว่ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pain clinic | คลินิกบำบัดอาการเจ็บปวด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | papilla, sublingual; caruncle, sublingual | ปุ่มเนื้อใต้ลิ้น [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | presclerosis | ระยะก่อนกระด้าง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | presclerotic | -ก่อนกระด้าง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | palaeoclimate; paleoclimate | ภูมิอากาศบรรพกาล [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] | palaeoclimatology; paleoclimatology | ภูมิอากาศบรรพกาลวิทยา [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] | phrenemphraxis; phrenic crush; phreniclasia; phreniclasis; phrenicotripsy | การบีบบี้ประสาทกะบังลม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | phrenic crush; phrenemphraxis; phreniclasia; phreniclasis; phrenicotripsy | การบีบบี้ประสาทกะบังลม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | phreniclasia; phrenemphraxis; phrenic crush; phreniclasis; phrenicotripsy | การบีบบี้ประสาทกะบังลม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | phreniclasis; phrenemphraxis; phrenic crush; phreniclasia; phrenicotripsy | การบีบบี้ประสาทกะบังลม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pupil, occluded | รูม่านตาหนองปิด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pupil, secluded | รูม่านตายึดติด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | periodontal traumatism; occlusal traumatism | ภาวะบาดเจ็บเหตุสบ(ฟัน) [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] | pyroclastic rock; volcanic clastic | หินตะกอนภูเขาไฟ [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] | pathology, clinical | พยาธิวิทยาคลินิก [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pair and set clause | ข้อกำหนดคู่และชุด [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | population decline | การลดลงของประชากร [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | physiologically balanced occlusion | การสบ(ฟัน)ได้ดุลเชิงสรีระ [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] | Protection and Indemnity Club | ชมรมความคุ้มครองและการชดใช้ (ชมรมพีแอนด์ไอ) [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | postclimacteric; postmenopausal | -หลังวัยหมดระดู [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | prosecution clause | ข้อกำหนดการฟ้องคดี [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | phrenicotripsy; phrenemphraxis; phrenic crush; phreniclasia; phreniclasis | การบีบบี้ประสาทกะบังลม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | parity clause | ข้อกำหนดความเสมอภาค [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | population cluster | กลุ่มประชากร [ ดู population aggregate ] [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | peak value clause | ข้อกำหนดมูลค่าสูงสุด [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | preeclampsia | โรคพิษแห่งครรภ์ระยะก่อนชัก [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | principal, undisclosed | ตัวการที่ไม่เปิดเผย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | premature contact; interceptive occlusal contact | สบก่อนตำแหน่งกำหนด [ มีความหมายเหมือนกับ deflective occlusal contact ๒ ] [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] | plastic clay | พลาสติกเคลย์ [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] |
| Click | คลิก [เทคโนโลยีการศึกษา] | Virtual classroom | ห้องเรียนเสมือน, <br />ห้องเรียนเสมือน<br /> [เทคโนโลยีการศึกษา] | Classification | การวิเคราะห์หนังสือ [เทคโนโลยีการศึกษา] | Encyclopedia | สารานุกรม [เทคโนโลยีการศึกษา] | Unsigned article | บทความไม่กำกับชื่อผู้เขียน [เทคโนโลยีการศึกษา] | Clipping | กฤตภาค [เทคโนโลยีการศึกษา] | Dewey Decimal Classification | การจัดหมู่ระบบทศนิยมดิวอี้ [เทคโนโลยีการศึกษา] | Encyclopedia | สารานุกรม, Example: คำว่า “สารานุกรม” เป็นคำสมาสจากคำ “สาร” และ “อนุกรม” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้นิยามของคำ “สาร” [ สาน, สาระ ] (น) หมายถึง แก่น, เนื้อแท้ มักใช้เข้าคู่กับคำ แก่น เป็นแก่นสาระ; ข้อความ, ถ้อยคำ, เรื่องราว “อนุกรม” (น) หมายถึง ลำดับ, ระเบียบ, ชั้น, เช่น โดย อนุกรม, นิยมใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น พจนานุกรม ปทานุกรม นามานุกรม สารานุกรม อักขรานุกรม เมื่อนำคำมาสมาสเป็นคำเดียวคือ “สารานุกรม” (น) หนังสือที่รวบรวมความรู้ทุกแขนงหรือเฉพาะแขนงใดแขนงหนึ่ง มักเรียงตามลำดับอักษร [ 1 ] <p>ดังนั้นอาจกล่าวโดยรวมได้ว่า สารานุกรมเป็นหนังสือที่อธิบายเรื่องราว ให้ความรู้พื้นฐานในเรื่องต่างๆ อย่างกว้างขวาง และให้ความรู้ทั่วๆ ไป เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชานั้นๆ ข้อมูลที่นำเสนอจะอยู่ในรูปบทความ เรียบเรียงตามลำดับอักษรของชื่อเรื่องหรือหัวเรื่องหรือกลุ่มเนื้อหา และมีดัชนีช่วยในการค้นเนื้อหา หนังสือสารานุกรมมีทั้งชนิดเล่มเดียวจบ และเป็นชุดหมายเล่มจบ <p>ความสำคัญของหนังสือสารานุกรม [ 2 ] <p>1. หนังสือสารานุกรมเป็นหนังสือซึ่งรวมวิชาความรู้ และเรื่องราวต่างๆ ที่มนุษย์เรียนรู้และได้คิดสร้างสรรค์ไว้ทั้งหมดจึงนับเป็นคลังทรัพย์สินทางปัญญาที่บริบูรณ์ในตัวเอง เปิดโอกาสให้ผู้ใฝ่รู้สามารถอ่านเพื่อแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้ทุกเวลาตามความสามารถของตน เหมือนห้องสมุดขนาดเล็กที่เคลื่อนย้ายได้ตามผู้เป็นเจ้าของความรู้ในหนังสือสารานุกรมที่สร้างขึ้นในแต่ละยุคแต่ละสมัยจะทันสมัยที่สุดสำหรับยุคนั้นๆ <p>2. มีส่วนในการสร้างและพัฒนาวิธีการจัดระบบความรู้ต่างๆ มีการจัดหมวดหมู่ความรู้ เรียงลำดับความสำคัญของความรู้ ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ การสร้างคำแทนเนื้อเรื่อง และการเลือกคำสำคัญที่มีอยู่ในเรื่องแต่ละเรื่องมาจัดทำเป็นดัชนีค้นเรื่อง ท้ายเล่มหรือในเล่มสุดท้ายของชุดทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหาเรื่องที่ต้องการ วิธีการเหล่านี้เป็นต้นเค้าส่วนหนึ่งของวิชาบรรณารักษศาสตร์ และสารนิเทศศาสตร์ในปัจจุบัน <p>ประเภทของสารานุกรม สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ <p>1. สารานุกรมทั่วไป (General encyclopedia) คือ สารานุกรมที่มีขอบเขตกว้างขวางครอบคลุมทุกสาขาวิชา ใช้ค้นหาเรื่องทั่วไป โดยมีการจัดทำโดยแบ่งกลุ่มกลุ่มผู้อ่านได้แก่สารานุกรมสำหรับผู้ใหญ่ และสำหรับเด็ก เช่น <p>สารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตสถาน. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2498-ปัจจุบัน <p>สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ : โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, 2526-ปัจจุบัน. <p>สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับเสริมการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, 2548-ปัจจุบัน <p>The Encyclopedia American. New York : American, [ c1971 ]. <p>2. สารานุกรมเฉพาะวิชา (Subject encyclopedia) คือ สารานุกรมที่ให้ความรู้ข้อเท็จจริงเฉพาะสาขาวิชาหนึ่งๆ อย่างลึกซึ่งกว้างขวางกว่าคำอธิบายในเรื่องเดียวกันในสารานุกรมทั่วไป เช่น <p>สารานุกรมศึกษาศาสตร์ ฉบับเฉลิมพระเกียรติ 12 สิงหาคม 2535. กรุงเทพฯ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2535. <p>เกียรติศักดิ์ ศรีพิมานวัฒน์, บรรณาธิการ. สารานุกรมโทรคมนาคมไทย ฉบับพุทธศักราช 2552. กรุงเทพฯ : สมาคมวิชาการไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ โทรคมนาคม และสารสนเทศ (อีซีทีไอ), 2552. <p>Hunt, William Dudley. Encyclopedia of American architecture. New York : McGraw-Hill, 1980. <p>สารานุกรมที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ สารานุกรมบริเตนนิกา Encyclopedia Britannica สารานุกรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีการตีพิมพ์ฉบับแรกในภาษาอังกฤษในช่วงปี พ.ศ. 2311-2314 (ค.ศ. 1768–1771) ในเมืองเอดินบะระ สกอตแลนด์ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการตีพิมพ์และจำหน่ายในฉบับซีดี [ 3 ] <p>ภาพตัวอย่างสารานุกรม <p><img src="http://thaiglossary.org/sites/default/files/20110301-encyclopedia-1.jpeg" alt="สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับเสริมการเรียนรู้"><img src="http://thaiglossary.org/sites/default/files/20110301-encyclopedia-3.jpeg" alt="สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"><p><img src="http://thaiglossary.org/sites/default/files/20110301-encyclopedia-4.jpeg" alt="สารบัญ"><img src="http://thaiglossary.org/sites/default/files/20110301-encyclopedia-5.jpeg" alt="ดัชนีเพื่อช่วยในการค้นหา"> <p>แหล่งข้อมูล <p>[ 1 ] ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2546. <p>[ 2 ] แม้นมาส ชวลิต, คุณหญิง. “สารานุกรม.” สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ 12 Z2531) : 67-68. <p>[ 3 ] http://th.wikipedia.org/wiki/สารานุกรม [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Click | คลิก, การใช้นิ้วกดลงไปปุ่มของเมาส์ แล้วดีดนิ้วออกทันที โดยมากจะหมายถึงการใช้นิ้วกดไปที่ปุ่มซ้ายของเมาส์ แต่ถ้ากดที่ปุ่มขวาของเมาส์ จะเรียกว่า คลิกขวา [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Anonymous classic | งานที่ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง, หนังสือแบบฉบับที่ไม่มีชื่อผู้แต่ง [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Book cloth | ผ้าเย็บปกหนังสือ [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Children's encyclopedia | สารานุกรมสำหรับเด็ก [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Library classification | การจัดหมู่หนังสือ, Example: เดิมห้องสมุดส่วนใหญ่จัดเก็บหนังสือ ตามขนาดของหนังสือ ตามสีของปก หรือตามลำดับเลขทะเบียนของหนังสือ ต่อมา ได้มีผู้คิดระบบจัดหมู่หนังสือขึ้น โดยแบ่งวิชาความรู้ออกเป็นหมวดหมู่ โดยมีพัฒนาการ ดังนี้ <p> <p>1. สมัยโบราณ <p><p> 1.1 ชาวอัสซีเรียน เชื่อกันว่า ชาวอัสซีเรียนเป็นพวกที่เริ่มวิธีการจัดหมู่อย่างเป็นแบบแผน ในสมัยพระเจ้าอัสซูบานิปาล มีการจัดกลุ่มแท่งดินเหนียวในห้องสมุดแห่งเมืองนิเนเวห์ออกเป็น 2 หมวดใหญ่แบ่งตามเนื้อเรื่อง คือ เรื่องราวทางโลก และ เรื่องราวทางสวรรค์ <p><p> 1.2 ชาวโรมัน ห้องสมุดในสมัยโรมัน มีการแบ่งแยกหนังสือตามประเภทของผู้เขียน เป็น 2 หมวด คือ หนังสือของพวกนักเขียนนอกศาสนา และหนังสือของพวกนักเขียนที่นับถือศาสนาคริสต์หรือนักบวช <p><p> 1.3 ชาวอียิปต์ คัลลิมาคัส ซึ่งเป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดอเล็กซานเดรีย จัดแบ่งวิชาความรู้ออกเป็น 5 หมวดใหญ่ คือ กวีนิพนธ์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา วาทศิลป์ และเบ็ดเตล็ด <p> 2 สมัยกลาง อริสโตเติล นักปราชญ์ชาวกรีก คิดระบบการจัดแบ่งวิชาความรู้ออกเป็น 3 ภาคได้แก่ <p><p> - ความรู้ภาคปฏิบัติ (Practical หรือ Ethical) ประกอบด้วย วิชาเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ <p><p> - ความรู้ในทางสร้างสรรค์ (Productive หรือ Creative) ประกอบด้วย วิชากวีนิพนธ์ และศิลปะ <p><p> - ความรู้ภาคทฤษฎี (Theoretical) ประกอบด้วยวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเทววิทยา <p> 3. สมัยศตวรรษที่ 16 คอนราด เกสเนอร์ (Conrad Gesner) เขียนหนังสือชื่อ Bibliotheca Universalis ซึ่งเป็นบรรณานุกรมที่รวบรวมรายชื่อหนังสือภาษาลาติน กรีก และฮินดู จัดเรียงตามรายชื่อหนังสือตามลำดับหัวข้อวิชา โดยแบ่งออกเป็น 21 หัวข้อ <p> 4. สมัยศตวรรษที่ 17 เซอร์ ฟรานซิส เบคอน (Sir Francis Bacon) ได้เขียนหนังสือชื่อ The Advancement of Learning ขึ้นในปี ค.ศ. 1605 โดยเบคอนมีความคิดว่า มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดเป็น 3 ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนมีผลทำให้เกิดความรู้ขึ้น ได้แก่ ส่วนที่ 1 ความจำ (Memory) ทำให้เกิดวิชาประวัติศาสตร์ ส่วนที่ 2 จินตนาการ (Imagination) ทำให้เกิดวิชาร้อยกรอง และ ส่วนที่ 3 เหตุผล (Reason) ทำให้เกิดวิชาปรัชญา <p> จากแนวความคิดนี้เอง ประธานาธิบดี โธมัส เจฟเฟอสัน (Thomas Jefferson) แห่งสหรัฐอเมริกา ได้นำมาจัดทำเป็นระบบจัดหมู่หนังสือในห้องสมุดส่วนตัว ซึ่งต่อมาก็ได้ถูกนำมาใช้เป็นระบบจัดหมู่หนังสือในหอสมุดรัฐสภาอเมริกันในยุคแรก <p> 5. สมัยศตวรรษที่ 18 กุสตาฟ บูรเนต์ (Gustave Brunet) ชาวฝรั่งเศส เขียนหนังสือคู่มือการจัดหมู่หนังสือและห้องสมุดชื่อ Manuel du Libraire et d l' Amateur de Livres โดยแบ่งความรู้ออกเป็น 5 หมวดใหญ่คือ เทววิทยา นิติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา และวรรณคดี <p> 6. สมัยศตวรรษที่ 19-20 ได้มีผู้คิดระบบจัดหมู่หนังสือเพื่อใช้ในห้องสมุดอย่างจริงจังหลายระบบ ได้แก่ <p><p> ค.ศ. 1876 ระบบทศนิยมดิวอี้ <p><p>ค.ศ. 1891 ระบบเอ็กแพนซีฟ <p><p>ค.ศ. 1901 ระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน <p><p>ค.ศ. 1905 ระบบทศนิยมสากล <p><p> ค.ศ. 1906 ระบบซับเจ็ค <p><p> ค.ศ. 1933 ระบบโคลอน <p><p> ค.ศ. 1935 ระบบบิบลิโอกราฟิค <p> ระบบการจัดหมู่ในระยะแรกมีแนวคิดในการแบ่งวิชาความรู้ออกเป็นหมวดหมู่อย่างมีเหตุผลตามแนวทฤษฎี จึงเรียกว่า ระบบทฤษฎี (Theoretical system) ต่อมาในศตวรรษที่ 20 แนวความคิดเปลี่ยนเป็นการคำนึงถึงหนังสือที่มีอยู่จริงในห้องสมุด จึงเรียกว่า ระบบปฏิบัติ (Practical system) <p> บรรณานุกรม <p> กุลธิดา ท้วมสุข. 2533. การวิเคราะห์เลขหมู่หนังสือ. พิมพ์ครั้งที่ 2 แก้ไขปรับปรุง. ขอนแก่น : ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. <p> จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะอักษรศาสตร์. แผนกวิชาบรรณารักษศาสตร์. 2520. ประวัติการทำบัตรรายการและการจัดหมู่หนังสือ. เอกสารบรรณารักษศาสตร์ เล่ม 19. กรุงเทพฯ : แผนกวิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. <p> Wynar, Bohdan S. 1985. Introduction to Cataloging and Classification. 7th ed. Littletob, Colo. : Libraries Unlimited. [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Clipping | กฤตภาค, Example: <strong>กฤตภาค</strong> นับว่าเป็นวัสดุสารนิเทศของห้องสมุดอย่างหนึ่ง เป็นการนำข้อความหรือบทความที่ตัดจากหนังสือพิมพ์และวารสารฉบับล่วงเวลา โดยผู้ที่ต้องการจะเก็บบันทึกบทความ ข้อความที่น่าสนใจ บทบรรณาธิการ จดหมายถึงบรรณาธิการ ภาพถ่าย การ์ตูน รวมถึงเรื่องราวที่ยังไม่มีการรวบรวมจัดพิมพ์เป็นหนังสือ ฯลฯ มักรวบรวมเก็บเข้าแฟ้มไว้เป็นคอลเล็กชัน โดยจะมีการจัดเก็บด้วยหัวเรื่อง หรือวิธีการจำแนกอื่น เช่น ชื่อสิ่งพิมพ์ เลขหน้า วัน เดือน ปี นำมาให้หัวเรื่อง จัดเก็บเข้าแฟ้ม โดยเรียงสำดับตามตัวอักษร เก็บไว้ในตู้จุลสาร เพื่อนำมาใช้ค้นคว้าและอ้างอิง นอกจากนี้ยังสามารถเป็นประโยชน์ในการจัดนิทรรศการ หรือรวบรวมเพื่อให้ทราบแนวโน้มความสนใจของประชาชนในเรื่องและช่วงเวลาต่างๆ ได้อีกด้วย</p> การจัดทำกฤตภาค ทำโดยการนำข่าวสารที่ต้องการจัดเก็บมาตัดเก็บมาเฉพาะส่วนที่ต้องการ นำไปผนึกลงบนกระดาษเปล่า และแจ้งถึงแหล่งที่มาของข้อเท็จจริงไว้ที่หัวกระดาษเพื่อใช้อ้างอิงได้ โดยมีวัตถุประสงค์ จัดทำเป็นเครื่องมือช่วยผู้ใช้ให้สามารถค้นหาข้อมูลปลีกย่อยที่ปรากฏในสิ่งพิมพ์ เพื่อช่วยในการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากการจัดเก็บกฤตภาคไว้ใน "ตู้กฤตภาค" แล้วนั้น ปัจจุบันยังได้มีการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือช่วยจัดเก็บกฤตภาคได้โดย การจัดเก็บโดยวิธีบันทึกลงบนฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ ด้วยอุปกรณ์บันทึกภาพ (Scanner) เมื่อต้องการใช้จะต้องสืบค้นและอ่านผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถสืบค้นได้อย่างรวดเร็ว ลดความซ้ำซ้อน ลดปัญหาการใช้กระดาษ และลดปัญหาพื้นที่จัดเก็บได้อีกวิธีหนึ่ง</p> <p> สิ่งที่ควรคัดเก็บไว้ ควรเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในหนังสือทั่วไป เช่น</p> <ul> <li> ชีวประวัติบุคคลสำคัญ</li> <li> เรื่องราว หรือภาพเกี่ยวกับประเทศ และสถานที่ที่หาไม่ได้ในหนังสือ</li> <li> เรื่องและภาพแสดงกิจกรรมต่างๆ เช่น การอุตสาหกรรมบางประเภท</li> <li> ภาพและเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติศึกษา ที่หาไม่ได้ในหนังสือ</li> <li> ภาพและข่าวเกี่ยวกับท้องถิ่นที่ห้องสมุดตั้งอยู่</li> <li> สารคดีเรื่องต่างๆ ซึ่งไม่อาจหาได้จากที่อื่นอีก เป็นต้น</li> </ul> <p> อ้างอิง : แม้นมาส ชวลิต. (2549). คู่มือบรรณารักษ์ (ฉบับปรับปรุงแก้ไข) เล่ม 1. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ.<span _fck_bookmark="1" style="display: none"> </span></p> [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Close shelf system | การจัดชั้นหนังสือระบบชั้นปิด, ระบบชั้นปิด [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Cyclopedia | วิทยานุกรม [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Claim | การทวง [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Decimal classification | การจัดหมู่หนังสือระบบทศนิยม [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Dewey Decimal Classification | การจัดหมู่ระบบทศนิยมดิวอี้ [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Inclusive edition | ฉบับรวมนิพนธ์ [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Library of Congress Classification System | ระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือของห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Universal Decimal Classification | ระบบทศนิยมสากล [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Unsigned article | บทความไม่กำกับชื่อผู้เขียน [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Classification, Dewey Decimal | การวิเคราะห์หนังสือระบบทศนิยมดิวอี้, Example: ระบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey Decimal Classification Syste, - DDC หรือ DC) เป็นระบบการจัดหมู่หนังสือที่เก่าแก่และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ผู้คิดระบบทศนิยมดิวอี้ คือ เมลวิล ดิวอี้ (Melvil Dewey) บรรณารักษ์ชาวอเมริกัน เมื่อปี ค.ศ. 1873 และจัดพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1876 ใช้ชื่อว่า A Classicification and Subject Index for Cataloging and Arranging Books and Pamphlets of a Library โดยครอบคลุมการแบ่งย่อยเนื้อหาวิชาจากเรื่องกว้างๆ ไปจนถึงเนื้อเรื่องเฉพาะ นอกเหนือจากฉบับพิมพ์แล้ว ปัจจุบันคือ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 22 ยังมีเป็นแบบออนไลน์อีกด้วย <p> <p> ลักษณะทั่วไปของระบบทศนิยมดิวอี้ <p> 1. ระบบทศนิยมดิวอี้ เป็นระบบที่คิดขึ้นโดยการแบ่งวิชาความรู้ออกเป็นหมวดหมู่ตามหลักทฤษฎี (Theoretical systems) กล่าวคือ กำหนดการแบ่งหมวดหมู่วิชาความรู้ในแต่ละหมวดหมู่ โดยคำนึงถึงลำดับพัฒนาการของการเกิดวิชาความรู้ในแต่ละสาขาเป็นสำคัญ เริ่มจาก <p> - ปรัชญา: เป็นเนื้อหาความรู้แรก เป็นเรื่องที่มนุษย์คิดเกี่ยวกับตน คือใคร มาจากไหน ความดีหรือความชั่ว คืออะไร เป็นอย่างไร <p> - ศาสนา: เป็นวิชาที่มนุษย์คิดเกี่ยวกับพระเจ้า พระเจ้าคือใคร จะช่วยให้มนุษย์หลุดพ้นจากความทุกข์ได้อย่างไร <p> - สังคมศาสตร์: ถัดจากคิดเกี่ยวกับตัวเอง คือ การที่มนุษย์คิดเกี่ยวกับบุคคลอื่น การอยู่ร่วมกันต้องมีการคิดถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับผู้อื่น <p> - ภาษา: การที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับถ้อยคำและการสื่อสารเพื่อการติดต่อ สมาคม <p> - วิทยาศาสตร์: มนุษย์คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ในธรรมชาติ ทำไมจึงเกิด มีการคิด พิสูจน์ ได้ข้อเท็จจริงที่อธิบายปรากฏารณ์ต่างๆ และบันทึกข้อเท็จจริงนั้นๆ ไว้ <p> - วิทยาศาสตร์ประยุกต์ หรือเทคโนโลยี: เมื่อมนุษย์นำความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดความสุขสบาย <p> - ศิลปะและนันทนาการ: มนุษย์คิดสร้างสรรค์จากความประทับใจของตนเป็นงานเชิงศิลปะ ดนตรี และความบันเทิง <p> - วรรณกรรมหรือวรรณคดี: งานศิลปะที่สร้างขึ้นถูกมนุษย์นำมาถ่ายทอด และบอกเล่าผ่านทางตัวอักษร <p> - ประวัติศาสตร์: มนุษย์บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับคน สถานที่ เหตุการณ์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ <p> - ความรู้ทั่วไปหรือเบ็ดเตล็ด: การเอาความรู้อื่นๆ ที่ไม่อาจจัดไว้ในหมวดหมู่อื่นได้ มารวมไว้ด้วยกัน <p> 2. จัดแบ่งหมวดวิชาความรู้ในสาขาต่างๆ โดยเริ่มจากเรื่องทั่วๆ ไป สู่เรื่องที่เฉพาะยิ่งขึ้น แบ่งออกเป็นชั้น ชั้นละ 10 กลุ่ม จากหมวดใหญ่ไปหาหมวดหมู่ย่อย ดังนี้ <p> 2.1 การแบ่งครั้งที่ 1 (First Summary) คือ แบ่งวิชาความรู้ทุกแขนงวิชาของมนุษยชาติออกเป็นหมวดใหญ่ (Main class) 10 หมวด ใช้เลขอารบิกหลักร้อย 0-9 เป็นสัญลักษณ์แทนวิชาความรู้ทั้ง 10 หมวด ดังนี้ <p> 000 วิทยาการคอมพิวเตอร์และ ความรู้ทั่วไป (Computer science, information & general works) <p> 100 ปรัชญาและจิตวิทยา (Philosophy and psychology) <p> 200 ศาสนา (Religion) <p> 300 สังคมศาสตร์ (Social sciences) <p> 400 ภาษา (Languages) <p> 500 วิทยาศาสตร์ (Science) <p> 600 เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (Technology and applied science) <p> 700 ศิลปะและนันทนาการ (Arts and recreation) <p> 800 วรรณคดี (Literature) <p> 900 ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และชีวประวัติ (History, geography and biography) <p> 2.2 การแบ่งครั้งที่ 2 (Second Summary) คือ การแบ่งหมวดวิชาความรู้หมวดใหญ่แต่ละหมวดออกเป็นหมวดย่อย (Division) 10 หมวด ใช้เลขอารบิกหลักสิบ 0-9 แทนความรู้หมวดย่อย เช่น หมวดใหญ่ 600 เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ แบ่งเป็นหมวดย่อย 10 หมวด คือ <p> 600 เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (Technology (Applied sciences) <p> 610 แพทยศาสตร์ (Medical sciences) <p> 620 วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) <p> 630 เกษตรศาสตร์ (Agriculture) <p> 640 คหกรรมศาสตร์ (Home economics) <p> 650 การจัดการ (Management) <p> 660 อุตสาหกรรมเคมี (Chemical engineering) <p> 670 โรงงานอุตสาหกรรม (Manufacturing) <p> 680 โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้เฉพาะอย่าง (Manufacture for specific uses) <p> 690 การก่อสร้าง (Buildings) <p> ดังนั้น หมวดใหญ่ 10 หมวดจึงแบ่งเป็นหมวดย่อยได้ 100 หมวด ดังนี้ <p> 000 วิทยาการคอมพิวเตอร์และความรู้ทั่วไป (Computer science, information & general works) <p> 010 บรรณานุกรม (Bibliographies) <p> 020 บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ (Library & information sciences) <p>030 หนังสือรวบรวมความรู้ทั่วไป สารานุกรม (Encyclopedias & books of facts) <p> 040 ยังไม่กำหนดใช้ (No longer used) <p> 050 นิตยสาร วารสาร และสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Magazines, journals & serials) <p> 060 สมาคม องค์การและพิพิธภัณฑวิทยา (Associations, organizations & museums) <p> 070 สื่อใหม่ วารสารศาสตร์ และการพิมพ์ (News media, journalism & publishing) <p>080 รวมเรื่อง (General collections) <p> 090 ต้นฉบับตัวเขียน หนังสือหายาก (Manuscripts & rare books) <p> 100 ปรัชญา (Philosophy) <p> 110 อภิปรัชญา (Metaphysics) <p> 120 ญาณวิทยา ความเป็นเหตุผล ความเป็นมนุษย์ (Epistemology, causation, humankind) <p> 130 จิตวิทยานามธรรม (Paranormal phenomena) <p> 140 แนวความคิดปรัชญาเฉพาะกลุ่ม (Specific philosophical schools) <p> 150 จิตวิทยา (Psychology) <p> 160 ตรรกศาสตร์ ตรรกวิทยา (Logic) <p> 170 จริยศาสตร์ ศีลธรรม (Ethics (Moral philosophy)) <p> 180 ปรัชญาสมัยโบราณ สมัยกลาง ตะวันออก (Ancient, medieval, Oriental philosophy) <p> 190 ปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่ (Modern Western philosophy (19th-century, 20th-century)) <p> 200 ศาสนา (Religion) <p> 210 ศาสนาธรรมชาติ (Natural theology) <p> 220 ไบเบิล (Bible) <p> 230 เทววิทยาตามแนวคิดคริสต์ศาสนา (Christian theology) <p> 240 ศีลธรรมชาวคริสต์ การอุทิศเพื่อศาสนา (Christian moral & devotional theology) <p> 250 คริสต์ศาสนาในท้องถิ่นและระเบียบแบบแผนปฏิบัติ (Christian orders & local church) <p> 260 สังคมชาวคริสต์ เทววิทยาทางศาสนา (Christian social theology) <p> 270 ประวัติคริสต์ศาสนา (Christian church history) <p> 280 นิกายต่างๆ ในคริสต์ศาสนา (Christian denominations & sects) <p> 290 ศาสนาเปรียบเทียบและศาสนาอื่นๆ (Other & comparative religions) <p> 300 สังคมศาสตร์ สังคมวิทยา และ มนุษยวิทยา (Social sciences, Sociology & anthropology) <p> 310 สถิติศาสตร์ (General statistics) <p> 320 รัฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง (Political science) <p> 330 เศรษฐศาสตร์ (Economics) <p> 340 กฎหมาย (Law) <p> 350 รัฐประศาสนศาสตร์ และวิทยาการทหาร (Public administration) <p> 360 การบริการสังคม และสมาคม (Social services; assoication) <p> 370 การศึกษา (Education) <p> 380 การพาณิชย์ การสื่อสาร การขนส่ง (Commerce, communications, transport) <p>390 ประเพณี ขนบธรรมเนียม คติชนวิทยา (Customs, etiquette, folklore) <p> 400 ภาษา (Language) <p> 410 ภาษาศาสตร์ (Linguistics) <p> 420 ภาษาอังกฤษ (English & Old English) <p> 430 ภาษาเยอรมัน (Germanic languages; German) <p> 440 ภาษาโรมานซ์ ; ภาษาฝรั่งเศส (Romance languages; French) <p> 450 ภาษาอิตาลี ภาษาโรมัน (Italian, Romanian, Rhaeto-Romantic) <p> 460 ภาษาสเปน ภาษาโปรตุเกส (Spanish & Protugese languages) <p> 470 ภาษาละติน (Italic languages; Latin) <p> 480 ภาษากรีก (Hellenic languages; Classical Greek) <p> 490 ภาษาอื่นๆ (Other languages) <p> 500 วิทยาศาสตร์ (Sciences) <p> 510 คณิตศาสตร์ (Mathematics) <p> 520 ดาราศาสตร์ (Astronomy & allied sciences) <p> 530 ฟิสิกส์ (Physics) <p> 540 เคมี (Chemistry & allied sciences) <p> 550 วิทยาศาสตร์โลก (Earth sciences) <p> 560 บรรพชีวินวิทยา (Paleontology; Paleozoology) <p>570 ชีววิทยา (Life sciences) <p> 580 พฤกษศาสตร์ (Plants) <p>590 สัตววิทยา (Zoological sciences/Animals) <p> 600 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ เทคโนโลยี (Technology (Applied sciences)) <p> 610 แพทยศาสตร์ (Medical sciences; Medicine) <p>620 วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering & applied operations) <p> 630 เกษตรศาสตร์ (Agriculture) <p> 640 คหกรรมศาสตร์ ชีวิตครอบครัว (Home economics & family living) <p> 650 การจัดการธุรกิจ (Management & auxiliary services) <p> 660 วิศวกรรมเคมี (Chemical engineering) <p> 670 โรงงานอุตสาหกรรม (Manufacturing) <p> 680 สินค้าที่ผลิตจากเครื่องจักร (Manufacture for specific uses) <p> 690 การก่อสร้าง (Buildings) <p> 700 ศิลปกรรม การบันเทิง (Arts) <p> 710 ภูมิสถาปัตย์ (Civic & landscape art) <p> 720 สถาปัตยกรรม (Architecture) <p> 730 ประติมากรรม (Plastic arts; Sculture) <p> 740 การวาดเขียน มัณฑนศิลป์ (Drawing & decorative arts) <p> 750 จิตรกรรม ภาพเขียน (Painting & paintings) <p> 760 ศิลปะการพิมพ์ ศิลปะกราฟิก (Graphic arts; Printmaking & prints) <p> 770 การถ่ายรูป ภาพถ่าย (Photography & photographs) <p> 780 ดนตรี (Music) <p> 790 การบันเทิง นันทนาการ กีฬา (Recreational & performing arts) <p> 800 วรรณกรรม วรรณคดี (Literature) <p> 810 วรรณคดีอเมริกันในภาษาอังกฤษ (Literature rhetoric & criticism) <p> 820 วรรณคดีภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษโบราณ (English & Old English literatures) <p> 30 วรรณคดีภาษาเยอรมัน (Literatures of Germanic languages) <p> 840 วรรณคดีภาษาฝรั่งเศส ภาษาโรมานซ์ (Literatures of Romance languages) <p> 850 วรรณคดีภาษาอิตาลี ภาษาโรมัน (Italian, Romanian, Rhaeto-Romanic) <p> 860 วรรณคดีภาษาสเปน ภาษาโปรตุเกส (Spanish & Portugese literature) <p> 870 วรรณคดีภาษาละติน (Italic literature; Latin) <p> 880 วรรณคดีภาษากรีก (Hellenic literatures; Classical Greek) <p> 890 วรรณคดีภาษาอื่นๆ (Literatures of other languages) <p> 900 ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ (History, geography & biography) <p> 910 ภูมิศาสตร์ การท่องเที่ยว (Geography & travel) <p> 920 ชีวประวัติ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ (Biography, genealogy, insignia) <p> 930 ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ (History of ancient world) <p> 940 ประวัติศาสตร์ยุโรป โลกตะวันตก (General history of Europe) <p> 950 ประวัติศาสตร์เอเชีย โลกตะวันออก (General history of Asia; Far East) <p> 960 ประวัติศาสตร์แอฟริกา (General history of Africa) <p> 970 ประวัติศาสตร์อเมริกาเหนือ (General history of North America) <p> 980 ประวัติศาสตร์อเมริกาใต้ (General history of South America) <p> 990 ประวัติศาสตร์ส่วนอื่นๆ ของโลก (General history of other areas) <p>จากหมวดย่อย 100 หมวด เลขตัวที่ 2 คือเลขหลักสิบของหมวดย่อยทั้ง 100 หมวด เป็นเลข 0-9 เหมือนๆ กัน เพราะหมวดใหญ่แต่ละหมวดแบ่งเป็น 10 หมวดย่อยเท่าๆ กัน ซึ่งเป็นหลักการขั้นพื้นฐานของระบบที่ใช้เลขฐาน 10 เป็นหลักในการแบ่งหมวดหมู่วิชาความรู้จากหมวดใหญ่ไปหมวดย่อย และเลขหมู่หมวดใหญ่แต่ละหมวด ต่างก็มีเนื้อหาครอบคลุมวิชาความรู้หมวดย่อยทุกหมวด เช่น หมวด 100 ครอบคลุมวิชาความรู้ในหมวด 110-190 <p> <p>2.3 การแบ่งครั้งที่ 3 (Third Summary) คือ การแบ่งวิชาความรู้ในหมวดย่อยแต่ละหมวดออกเป็นหมู่ย่อย (Section) 10 หมู่ย่อย ตัวอย่าง การแบ่งหมวดย่อย 630 <p> 630 เกษตรศาสตร์ <p> 631 เทคนิค อุปกรณ์ และวัสดุ (Techniques, equipment, materails) <p> 632 ความเสียหายของพืชอันเกิดจากเชื้อโรคและสัตว์ (Plant injuries, diseases, pests) <p> 633 การเพาะปลูกพืชไร่ (Field & plantation crops) <p> 634 การทำสวนผลไม้ ผลไม้ และป่าไม้ (Orchards, fruits, forestry) <p> 635 การทำสวนครัว (Garden crops (Horticulture)) <p> 636 สัตวบาล (Animal husbandry) <p> 637 อุตสาหกรรมนมเนย (Processing dairy & related products) <p> 638 การเพาะเลี้ยงแมลง (Insect culture) <p> 639 การล่าสัตว์ การตกปลา การอนุรักษ์ (Hunting, fishing, comservation) <p> ในแต่ละหมู่ย่อย ยังแบ่งวิชาความรู้ออกไปสู่เรื่องที่เฉพาะมากขึ้นได้อีก โดยการกระจายเลขหลังจุดทศนิยมต่อจากเลข 3 หลักดังกล่าว เช่น <p> หมวด 600 Technology (Applied sciences) เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ประยุกต์ <p> 610 Medical sciences Medicine (การแพทย์) <p> 611 Human anatomy, cytology, tissues (กายวิภาคศาสตร์ เนื้อเยื่อ) <p> 630 Agriculture & related technologies (การเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร) <p> 631 Crops & their production (พืชและผลิตผล) <p> 632 Plant injuries, diseases, pests (โรคพืช แมลงศัตรูพืช) <p> 633 Field crops (พืชไร่) <p> 634 Orchards, fruits, forestry (ผลไม้และการทำป่าไม้) <p> .9 Forestry (การทำป่าไม้) <p> .92 Forest economy (ไม้เศรษฐกิจ) <p> .928 Management (การจัดการ) <p> .956 Forestation (การเพาะพันธุ์) <p> .9562 Seeds, seed collecting, seeding (เมล็ดพันธุ์) <p> ตัวอย่าง หนังสือ เรื่อง การปลูกพืชด้วยเมล็ด เลขหมู่ที่กำหนดได้ คือ 634.9562 <p> พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน เลขหมู่ที่กำหนดได้ คือ 495.913 <p> ระบบทศนิยมดิวอี้มีตารางช่วย (Auxiliary tables) ซึ่งเป็นตารางย่อยใช้เติมเข้ากับเลขหมู่หนังสือ เพื่อระบุลักษณะเฉพาะของหนังสือมากยิ่งขึ้น ว่าเนื้อเรื่องที่เขียนในลักษณะใด เขียนเป็นภาษาใด เกี่ยวกับพื้นที่หรือท้องถิ่นใด หรือเกี่ยวกับใคร เป็นต้น ช่วยให้สามารถวิเคราะห์เนื้อหาได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ตารางช่วยดังกล่าวมี 7 ตาราง ได้แก่ <p> ตารางที่ 1 ตารางเลขวิธีเขียน (Standard subdivisions) หรือ ตารางย่อยมาตรฐาน ใช้ประกอบกับเลขหลักในแผนการจัดหมู่ได้ทุกหมวดหมู่ แสดงถึงวิธีเขียน เช่น <p> 01- สำหรับหนังสือที่เขียนในเชิงทฤษฎีและปรัชญา <p> 02- สำหรับหนังสือคู่มือ หนังสือภาพ หนังสือที่มีตาราง แผนภูมิ หรือแผนภาพเป็นส่วนประกอบสำคัญ หนังสือนามานุกรม และหนังสือเบ็ดเตล็ดอื่นๆ <p> 03- สำหรับหนังสือพจนานุกรม สารานุกรม บัญชีคำศัพท์ <p> 04- เป็นเลขว่างซึ่งจะกำหนดใช้เพื่อแบ่งย่อยเรื่องเฉพาะของเลขหมู่บางเลขหมู่เท่านั้น <p> 05- สำหรับสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง เช่น หนังสือรายปี รายงานประจำปี วารสารและหนังสือพิมพ์ <p> 06- สำหรับเรื่องของสมาคมและชมรมวิชาชีพ รวมทั้งการดำเนินงานของสมาคมหรือชมรมนั้นๆ <p> 07- สำหรับหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อการศึกษาและการสอน เช่น ตำรา งานวิจัย หลักสูตร สมุดแบบฝึกหัด เป็นต้น <p> 08- สำหรับหนังสือที่เขียนถึงประวัติและพรรณนาเรื่องราวของบุคคลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มเชื้อชาติ กลุ่มอาชีพ <p> 09- สำหรับหนังสือที่เขียนถึงประวัติของเรื่องราวต่างๆ ในยุคสมัยใดยุคสมัยหนึ่ง และเขียนถึงเรื่องราวต่างๆ ในพื้นที่หรือท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง <p> ตัวอย่าง <p> เนื้อเรื่องของหนังสือ คือ ประวัติของพุทธศาสนา <p> พุทธศาสนา (เลขหมู่คือ 294) <p> วิธีเขียน (เลขจากตารางที่ 1) <p> ประวัติ (-09) <p> เลขหมู่ที่กำหนดจากการเติม ได้เป็น 294.309 <p> เนื้อเรื่องของหนังสือ เป็น พจนานุกรมทางวิทยาศาสตร์ <p> วิทยาศาสตร์ (500) <p> วิธีเขียน (เลขจากตารางที่ 1) <p> พจนานุกรม (-03) <p> เลขหมู่ที่เกิดจากการเติม 503 <p> ตารางที่ 2 ตารางเลขภูมิศาสตร์ (Areas) ใช้ประกอบกับเลขหลักในแผนการจัดหมู่ที่มีคำอธิบายให้เพิ่มเลขภูมิศาสตร์ เพื่อแสดงให้ทราบถึงสถานที่ทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องภายในเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงลงไปว่าเป็นที่ใด ซึ่งอาจจะเป็นทวีป ประเทศ รัฐ เมือง แม่น้ำ มหาสมุทร เป็นต้น <p> -1 เขตภูมิศาสตร์ทั่วๆ ไป ไม่จำกัดเฉพาะในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เช่น เขตมหาสมุทร ทะเล เขตภูมิอากาศ <p> -2 สำหรับหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในเขตพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ทั่วๆ ไป ไม่จำกัดเฉพาะแห่งใดแห่งหนึ่ง <p> -3 ดินแดนสมัยโบราณ เช่น เมโสโปเตเมีย ปาเลสไตน์ อียิปต์ <p> -4 ทวีปยุโรป <p> -5 ทวีปเอเซีย <p> -6 ทวีปแอฟริกา <p> -7 ทวีปอเมริกาเหนือ <p> -8 ทวีปอเมริกาใต้ <p> -9 พื้นที่ส่วนอื่นๆ เช่น หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก และดินแดนที่อยู่นอกโลก เช่น อวกาศ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร <p> ตารางที่ 3 ตารางเลขเฉพาะสำหรับหมวดวรรณคดี ใช้เติมเข้ากับเลขหมู่ในหมวดวรรณคดีเพื่อระบุลักษณะคำประพันธ์ของวรรณคดีนั้นๆ <p> -08 สำหรับหนังสือรวมวรรณคดี เฉพาะภาษาของนักเขียนหลายๆ คน <p> -09 สำหรับหนังสือประวัติศาสตร์และวิจารณ์วรรณคดีเฉพาะภาษาของนักเขียนหลายๆ คน <p> -1-8 ลักษณะคำประพันธ์ ได้แก่ <p> -1 กวีนิพนธ์ <p> -2 บทละคร <p> -3 นวนิยาย <p> -4 ความเรียง บทความ <p> -5 สุนทรพจน์ ปาฐกถา <p> -6 จดหมาย <p> -7 เรื่องเชิงล้อเลียนและตลกขบขัน <p> -8 งานเขียนเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เช่น บันทึกประจำวัน บันทึกความจำ สุภาษิตคำคม <p> ตารางที่ 4 ตารางเลขเฉพาะสำหรับหมวดภาษา เป็นตารางเลขย่อยซึ่งกำหนดให้ใช้เติมเข้ากับเลขหมู่ในหมวดภาษาเฉพาะ เพื่อระบุเรื่องเฉพาะของแต่ละภาษานั้น เช่น ไวยากรณ์ภาษา พจนานุกรมภาษา หลักการอ่าน เขียนภาษา เป็นต้น <p> -1 หลักในการเขียนและพูดภาษาต่างๆ ในรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน <p> -2 นิรุกติศาสตร์ <p> -3 พจนานุกรมภาษา <p> -32-39 พจนานุกรมสองภาษา <p> -5 ระบบโครงสร้างหรือหลักไวยากรณ์ของภาษาที่ใช้เป็นมาตรฐาน <p> -7 ภาษาที่ไม่ได้ใช้เป็นมาตรฐาน เช่น ภาษาถิ่น ภาษาแสลง ภาษาโบราณ <p> -8 ภาษาประยุกต์ (การนำเอาภาษาไปประยุกต์ใช้ในกรณีต่างๆ เช่น การแปล การสอน) <p> ตัวอย่าง <p> เนื่อเรื่องของหนังสือ เป็นพจนานุกรมภาษาไทย <p> ภาษาไทย (495.91) <p> เรื่องเฉพาะทางภาษา (เลขจากตารางที่ 4) <p> พจนานุกรมภาษาเดียว (-3) <p> เลขหมู่ที่เกิดจากการเติม 495.913 <p> ตารางที่ 5 ตารางเลขเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ กลุ่มชนชาติ เป็นตารางย่อยที่ใช้เติมเข้ากับเลขหมู่หรือเลขในตารางอื่นเพื่อแบ่งย่อยเนื้อเรื่องออกไปตามกลุ่มเชื้อชาติหรือเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ <p> -01 ชนพื้นเมือง <p> -03 กลุ่มเผ่าพันธุ์พื้นฐานของมนุษย์ เช่น คอเคซอยด์ มองโกลอยด์ <p> -1-9 กลุ่มเชื้อชาติของมนุษย์ จัดตามถิ่นกำเนดหรือถิ่นที่อยู่ <p> -1 เชื้อชาติอเมริกันเหนือ <p> -2 เชื้อชาติแองโกล-แซกซอน บริติช อังกฤษ <p> -3 เชื้อชาตินอร์ดดิค เช่น พวกเยอรมัน <p> -4 เชื้อชาติลาตินใหม่ เช่น พวกฝรั่งเศส <p> -5 เชื้อชาติอิตาเลียน <p> -6 เชื้อชาติสเปนและโปรตุเกส <p> -7 เชื้อชาติอิตาลิค เช่น พวกโรมันโบราณ <p> -8 เชื้อชาติกรีก <p> -9 เชื้อชาติอื่นๆ เช่น พวกอินเดียน สลาฟ แอฟริกัน ไทย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ <p> ตัวอย่าง <p> เนื้อเรื่องของหนังสือ เรื่อง ประเพณีการแต่งงานของไทย <p> ประเพณีการแต่งงาน (392.5) <p> เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ (เลขจากตารางที่ 5) <p> เชื้อชาติไทย (-9591) <p> เลขหมู่ที่เกิดจากการเติม 392.50899591 <p> ตารางที่ 6 ตารางเลขภาษา กำหนดเพื่อใช้กับเลขหมู่ในตารางช่วยอื่น เพื่อระบุภาษาที่ใช้ในการเขียนเนื้อเรื่องของหนังสือแต่ละเล่ม <p> สังเขปตารางเลขภาษา <p> -1 ภาษาอินโด-ยูโรเปียน <p> -2 ภาษาอังกฤษและแองโกล-แซกซอน <p> -3 ภาษาเยอรมัน <p> -4 ภาษาตระกูลโรมานซ์ เช่น ภาษาฝรั่งเศส <p> -5 ภาษาอิตาเลียน <p> -6 ภาษาสเปนและโปรตุเกส <p> -7 ภาษาตระกูลอิตาลิค เช่น ภาษาลาติน <p> -8 ภาษาตระกูลเฮลเลนิก เช่น ภาษากรีก <p> -9 ภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาฮีบรู เป็นต้น <p> ตัวอย่าง <p> เนื้อเรื่องของหนังสือ สารานุกรมภาษาไทย <p> สารานุกรมทั่วไป (039) <p> ภาษา (เลขจากตารางที่ 6) <p> ภาษาไทย (-95911) <p> เลขหมู่ที่เกิดจากการเติม 039.95911 <p> ตารางที่ 7 ตารางเลขบุคคล เป็นตารางย่อยซึ่งกำหนดให้ใช้เติมเข้ากับเลขหมู่หรือเลขในตารางช่วยอื่นเพื่อระบุเรื่องย่อยของหนังสือว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในลักษณะใด เช่น กลุ่มอาชีพ เพศ วัย ชนชั้นทางสังคม ฯลฯ ตาราง 7 จะใช้ประกอบกับเลขหมู่ที่มีคำอธิบายให้เติมเลขบุคคลจากตาราง 7 ช่วย (Add "Persons" notation ...) เช่น Add "Person" notation 04-87 from Table 7 to base number 704 e.g. lawyers as artists 704.344; however, class art dealers in 338.7617; description, critical appraisal, wors, biography of artisits in 709.2 <p> สังเขปตารางเลขบุคคล <p> -01 ปัจเจกบุคคล <p> -02 กลุ่มบุคคลทั่วไปไม่ระบุลักษณะเฉพาะทางอาชีพ เพศ วัย และอื่นๆ <p> -03 กลุ่มบุคคลจัดตามภูมิหลังทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ <p> -04 กลุ่มบุคคลจัดตามเพศและความสัมพันธ์ทางเครือญาติ <p> -05 กลุ่มบุคคลจัดตามอายุ <p> -06 กลุ่มบุคคลจัดตามลักษณะทางสังคมและเศรษฐกิจ <p> -08 กลุ่มบุคคลจัดตามสภาพทางร่างกายและจิตใจ <p> -09 กลุ่มบุคคลที่ไม่จัดอยู่ในวิชาชีพเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น นักวิจัย นักการศึกษา บรรณารักษ์ และนักสารสนเทศ โดยจะมีตัวเลขแบ่งย่อยอีกตามกลุ่มบุคคลในสาขาวิชาชีพต่างๆ <p> ตัวอย่าง หนังสือเกี่ยวกับจิตรกรรมและมัณฑนศิลป์ของเด็กนักเรียน <p> จิตรกรรมและมัณฑศิลป์ (704.04-.87) <p> เด็กนักเรียน หาเลขเด็กนักเีรียนจากตาราง 7 (-054 4) <p> เลขหมู่ทีเ่กิดจากการเติม 704.0544 <p> บรรณานุกรม <p>Guide to use of Dewey decimal classification : based on the practice of the Decimal Classification Office at the Library of Congress. 1962. Lake Placid Club, N.Y. : Forest Press. <p>OCLC Online Computer Library Center, Inc. Summaries DDC Dewey Decimal Classification. 2003. Rereive from http://www.oclc.org/dewey/resources/summaries/deweysummaries.pdf. <p> กุลธิดา ท้วมสุข. 2533. การวิเคราะห์เลขหมู่หนังสือ. ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น. <p> ทองหยด ประุทุมวงศ์ และ พรทิยพ์ สุวันทารัตน์. การวิเคราะห์สารนิเทศระบบทศนิยมดิวอี้ ใน เอกสารประกอบการสอนชุดวิชา การวิเคราะห์สารนิเทศ หน้า 150-217. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Classification, Library of Congress | ระบบการจัดหมู่รัฐสภาอเมริกัน, การวิเคราะห์หนังสือระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน, Example: ระบบการจัดหมู่รัฐสภาอเมริกัน (Library of Congress Classficiation - LC) หรือเรียกสั้นๆ ว่า LC หรือระบบ LCC เป็นระบบที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการจัดหมู่หนังสือของหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน <p> ในระยะแรกก่อตั้งหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน เมื่อปี ค.ศ. 1800 ระบบจัดหมู่หนังสือที่ใช้อยู่นั้น คิดขึ้นโดยจอห์น เบคเลย์ (John Beckley) โดยจัดหนังสือตามขนาดหน้ายก หนังสือขนาดเดียวกันจัดเรียงตามลำดับเลขทะเบียนของหนังสือ <p> ต่อมาในปี ค.ศ. 1812 เมื่อหนังสือมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงได้เปลี่ยนเป็นวิธีการจัดหมู่หนังสือตามเนื้อเรื่อง โดยนำระบบจัดหมู่หนังสือของ The Library Company of Philadelphia มาใช้ แบ่งเนื้อเรื่องเป็น 18 หมวด เมื่อห้องสมุดไฟไหม้ จึงได้จัดซื้อหนังสือจำนวน 6, 487 เล่มจากห้องสมุดส่วนตัวของประธานาธิบดีโธมัส เจฟเฟอร์สัน โดยคิดระบบตามที่ประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน โดยแบ่งออกเป็น 44 หมวด <p> จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1890 เมื่อมีหนังสือเพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ บรรณารักษ์ของหอสมุดในขณะนั้น คือ จอห์น รัสเซล ยัง (John Russell Young)คิดว่าระบบเดิมไม่เหมาะสม ควรคิดหาระบบใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น จึงมอบหมายให้ เจมส์ แฮนสัน (James Hanson) และ ชาร์ลส์ มาร์แตล (Charles Martel) ศึกษาหาแนวทางที่จะสร้างระบบจัดหมู่หนังสือใหม่เพื่อใช้ในหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน <p> การศึกษาอย่างจริงจังได้เริ่มเมื่อ เฮอร์เบิร์ต พุตนัม (Herbert Putnum) เข้ามาดำรงตำแหน่งบรรณารักษ์ในปี ค.ศ. 1899 และยังคงมอบหมายให้ แฮนสันและมาร์แตลรับศึกษาต่อไป โดยนำระบบ 3 ระบบ คือ ระบบทศนิยมดิวอี้ ระบบเอ็กแพนซีฟ และระบบจัดหมู่หนังสือของเยอรมัน ชื่อ Halle Schema ของออตโต ฮาร์ตวิก (Otto Hartwig) พบว่า ระบบเอ็กแพนซีฟมีความเหมาะสมมาก เนื่องจากการจัดหมวดหมู่กว้างขวางและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายทุกๆ หมวดตามต้องการ สัญลักษณ์ที่ใช้สามารถขยายได้ทั้งชนิดที่เป็นตัวอักษรและตัวเลข เพราะเป็นสัญลักษณ์ผสม เหมาะกับหอสมุดรัฐสภาอเมริกันซึ่งมีหนังสือจำนวนมาก จึงได้จัดทำระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกันขึ้นโดยยึดหลักการของระบบเอ็กแพนซีฟ <p> มีการจัดทำหมวด Z เป็นหมวดแรก เมื่อปี ค.ศ. 1902 <p> ลักษณะทั่วไปของระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน <p>1. ระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกันเป็นระบบที่คิดขึ้นโดยจัดแบ่งหมวดหมู่ตามสาขาวิชาความรู้ที่มีอยู่จริงของหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน <p>2. สัญลักษณ์เป็นสัญลักษณ์ผสมระหว่างตัวอักษรโรมันตัวพิมพ์ใหญ่และเลขอารบิค โดยอักษรโรมันตัวใหญ่หนึ่งตัวแทนหมวดใหญ่และเพิ่มอักษรโรมันตัวใหญ่อีกหนึ่งหรือสองตัวแทนหมวดย่อย (ยกเว้นหมวด E-F และ Z) และแบ่งหมู่ย่อยต่อไปอีก โดยใช้เลขอารบิคจาก 1-9999 รวมทั้งขยายโดยใช้จุดทศนิยม <p>3. แผนการจัดหมวดหมู่จัดแบ่งวิชาความรู้ในสาขาต่างๆ โดยเริ่มจากเรื่องทั่วไปสู่เรื่องที่เฉพาะยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ <p>3.1 การแบ่งครั้งที่ 1 เป็นการแบ่งเนื้อหาวิชาเป็น 20 หมวดใหญ่ (Main class) โดยใช้อักษรตัวเดียวโดดๆ A-Z ยกเว้น I, O, W, X, Y <p>A ความรู้ทั่วไป (General Works) <p>B ปรัชญา จิตวิทยา ศาสนา (Philosophy, Psychology, Religion) <p>C ศาสตร์ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ (Auxiliary sciences of history) <p>D ประวัติศาสตร์ : เรื่องทั่วไปและประวัติศาสตร์โลกเก่า (History : general and old world) <p>E-F ประวัติศาสตร์ : อเมริกา (History : America) <p>G ภูมิศาสตร์ แผนที่ มานุษยวิทยา นันทนาการ (Geography, Maps, Anthropology, Recreation) <p>H สังคมศาสตร์ (Social science) <p>J รัฐศาสตร์ (Political science) <p>K กฎหมาย (Law) <p>L การศึกษา (Education) <p>M ดนตรี (Music) <p>N ศิลปกรรม (Fine Arts) <p>P ภาษาและวรรณคดี (Languages and Literature) <p>Q วิทยาศาสตร์ (Sciences) <p>R แพทยศาสตร์ (Medicines) <p>S เกษตรศาสตร์ (Agriculture) <p>T เทคโนโลยี (Technology) <p>U ยุทธศาสตร์ (Military science) <p>V นาวิกศาสตร์ (Naval science) <p>Z บรรณานุกรม บรรณารักษศาสตร์ (Bibliography, Library science) <p>3.2 การแบ่งครั้งที่ 2 เป็นการแบ่งหมวดย่อย (subclass) ตามสาขาวิชา โดยใช้ตัวอักษรโรมันตั้งแต่ 2 ตัว ถึง 3 ตัว เป็นสัญลักษณ์ และใช้หลักการเรียงลำดับตามตัวอักษร A-Z ยกเว้นหมวด Z จะไม่มีการแบ่งครั้งที่ 2 เช่น หมวด Q แบ่งออกเป็นหมวดย่อย 12 หมวดดังนี้คือ <p>Q วิทยาศาสตร์ (Science) <p> QA คณิตศาสตร์ (Mathematics) <p> QB ดาราศาสตร์ (Astronomy) <p> QC ฟิสิกส์ (Physics) <p> QD เคมี (Chemistry) <p> QE ธรณีวิทยา (Geology) <p> QH ธรรมชาติวิทยา (Natural History) <p> QK พฤกษศาสตร์ (Botany) <p> QL สัตววิทยา (Zoology) <p> QM กายวิภาคศาสตร์ (Human Anatomy) <p> QP สรีรวิทยา (Physiology) <p> QR จุลชีววิทยา (Microbiology) <p> ซึ่งยังคงแบ่งต่อไปได้อีก เมื่อต้องการขยายเลขหมู่เพิ่มในภายหลัง <p> 3.3 การแบ่งครั้งที่ 3 คือ การแบ่งออกเป็น หมู่ (division) โดยใช้ตัวเลขอารบิกตั้งแต่ 1-9999 ประกอบตัวอักษรโรมัน ในแต่ละหมู่จะมีจำนวนการแบ่งเป็นหมู่ย่อยไม่เท่ากัน เช่น หมวด LA จะแบ่งเป็น LA1-LA 2397 หรือ หมวด HV จะแบ่งเป็น HV 1-HV 9920 เป็นต้น สามารถที่จะขยายเลขหมู่สำหรับวิชาการที่จะเพิ่มใหม่ การแบ่งครั้งที่ 3 มี 2 ลักษณะ คือ <p> 3.3.1 การแบ่งโดยใช้เลขทศนิยม คือ การนำเอาเลขทศนิยมมาขยายเลขย่อยในกลุ่มนั้น ให้ได้เลขหมู่เพิ่มขึ้นสำหรับเนื้อหาวิชาที่ควรจะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน <p> 3.3.2 การแบ่งโดยใช้เลขคัตเตอร์ คือ การใช้ตัวอักษรและตัวเลขสำหรับการแบ่งย่อยเนื้อหาที่ละเอียดลงไปอีก เช่น การแบ่งย่อยตามชื่อทางภูมิศาสตร์ (geographical name) และการแบ่งย่อยตามรายชื่อเนื้อหาวิชาเฉพาะ (special topics) และการแบ่งตามเลขคัตเตอร์สำรองที่ได้กำหนดไว้แล้ว <p> ตัวอย่าง HF 5438.5 HF เป็นหมวดย่อยของ H คือ สังคมศาสตร์ ซึ่ง HF เป็นหมู่ย่อย หมายถึง การค้า (Commerce) และแบ่งออกเป็นหมู่ คือ 5438 หมายถึง การขาย (Selling) จากนั้นแบ่งโดยใช้เลขทศนิยม คือ .5 หมายถึง การส่งเสริมการขาย (Sales promotion) <p> ตัวอย่าง ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น 600 ปี <p> DS เป็นเลขหมู่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย <p> 575 แบ่งย่อยเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทางการเมืองและการทูต <p> .5 แบ่งย่อยเป็นความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ A-Z <p> .J3 ประเทศญี่ปุ่น (Japan = .J3) <p> จะได้เลขหมู่เป็น DS 575.5.J3 ปัจจุบัน หนังสือคู่มือหมวดหมู่รัฐสภาอเมริกันมีทั้งแบบสิ่งพิมพ์และแบบออนไลน์ <p> บรรณานุกรม <p> Library of Congress. Library of Congress Classification Outline. 2011. [ Online ] Retrieve from: http://www.loc.gov/catdir/cpso/lcco/. Accessed 20110516. <p> กุลธิดา ท้วมสุข. 2533. การวิเคราะห์เลขหมู่หนังสือ. ขอนแก่น : ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. <p> กมลา รุ่งอุทัย. 2533. การวิเคราะห์สารนิเทศระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน ใน เอกสารการสอนชุดวิชา การวิเคราะห์สารนิเทศ หน้า 219-281. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. <p> อัมพร ทีขะระ. 2532. คู่มือการจัดหมู่ระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน. กรุงเทพฯ : ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาััลัย. [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Clip art | คลิปอาร์ต [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Subject encyclopedia | สารานุกรมเฉพาะวิชา [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] | Polyclonol antibodies | โพลิโคลนอลแอนติบอดีย์ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Monoclonal antibodies | โมโนโคลนอลแอนติบอดีย์ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Motor vehicle industry | อุตสาหกรรมยานยนต์ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Cleaner production | การผลิตที่สะอาด [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Clean technology | เทคโนโลยีสะอาด [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Nucleotide sequence | นิวคลิโอไทด์ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Nanoparticles | วัสดุโครงสร้างนาโน [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Particle size determination | การกระจายของขนาดอนุภาค [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Particle size determination | การกระจายของขนาดอนุภาค [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Molecular cloning | การโคลนยีน [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Tropical cyclone | พายุหมุนเขตร้อน พายุไซโคลน เฮอร์ริเคน ไต้ฝุ่น วิลลี-วิลลี บาเกียว เรียกแตกต่างกันตามถิ่นที่เกิดพายุ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Solar eclipse | สุริยุปราคา [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Disclosure of information | การเปิดเผยข้อมูล [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Criticality (Nuclear engineering) | ค่าวิกฤต (วิศวกรรมนิวเคลียร์) [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Clones (Algebra) | โคลนส์ (พีชคณิต) [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Human cloing | โคลนิงมนุษย์ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Clinical biochemistry | ชีวเคมีคลินิก [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Veterinary clinical niochemistry | ชีวเคมีคลินิกทางสัตวแพทยศาสตร์ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Nucleotide | นิวคลีโอไทด์, Example: <p>nucleotide (นิวคลีโอไทด์) เป็นหน่วยย่อยของดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอ ประกอบด้วยเบสและหมู่ฟอสเฟตเชื่อมต่อกับน้ำตาล เบสที่พบในดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอได้แก่ adenine (A) guanine (G) และ cytosine (C) ที่แตกต่างคือ thymine (T) พบเฉพาะในดีเอ็นเอ ส่วน uracil (U) พบเฉพาะในอาร์เอ็นเอ น้ำตาลที่พบในดีเอ็นเอเป็นดีออกซีไรโบสและน้ำตาลไรโบสพบในอาร์เอ็นเอ ส่วนหมู่ฟอสเฟตเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างนิวคลีโอไทด์โมเลกุลหนึ่งกับอีกโมเลกุลหนึ่งโดยเกิดพันธะฟอสโฟไดเอสเทอร์ ทำให้สายดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอยาวขึ้น <br> <br>แหล่งข้อมูล<br> สุรินทร์ ปิยะโชคณากุล. "โครงสร้างและหน้าที่ของดีเอ็นเอ" ในพันธุวิศวกรรมเบื้องต้น. หน้า 5-41. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2545. [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Rubber, Reclaimed | ยางรีเคลม [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | DNA cloning | การโคลนดีเอ็นเอ, Example: DNA cloning เป็นการเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอที่สนใจให้มากขึ้น โดยการส่งถ่ายดีเอ็นเอที่สนใจเข้าไปในเซลล์ผู้รับ เซลล์ผู้รับที่นิยมใช้คือ เซลล์แบคทีเรีย E. coli เนื่องจากเลี้ยงง่าย โตเร็ว เพิ่มจำนวนได้มากมายในเวลาอันสั้น จึงได้ดีเอ็นเอที่สนใจเพิ่มขึ้นมากมาย การโคลนดีเอ็นเอเริ่มด้วยการแยกดีเอ็นเอที่สนใจออกจากดีเอ็นเอทั้งหมดโดยใช้เอนไซม์ตัดจำเพาะ แล้วเชื่อมต่อเข้ากับดีเอ็นเอพาหะที่ถูกตัดด้วยเอนไซม์ตัดจำเพาะ ดีเอ็นเอพาหะที่นิยมใช้คือ พลาสมิด ซึ่งช่วยให้ดีเอ็นเอที่สนใจสามารถเพิ่มจำนวนและแสดงออกได้ในเซลล์ผู้รับ แล้วส่งดีเอ็นเอพาหะที่ถูกเชื่อมต่อเข้าสู่เซลล์ผู้รับโดยขั้นตอนที่เรียกว่า transformation หลังจากนั้นเมื่อเอาเซลล์ผู้รับมาเลี้ยง เซลล์ผู้รับจะเพิ่มมากขึ้นในขณะเดียวกันชิ้นดีเอ็นเอที่สนใจเพิ่มขึ้นด้วย <br> <br>แหล่งข้อมูล<br> สุรินทร์ ปิยะโชคณากุล. “การโคลนยีน” ในพันธุวิศวกรรมเบื้องต้น. หน้า 106-125. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2545. [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Systemic scleroderma | โรคหนังแข็ง [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Nuclear winter | ฤดูหนาวนิวเคลียร์ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] |
| *make a clean break* | (phrase) ตัดใจจาก | articles of association | (n) ข้อบังคับบริษัท | bicycle way | (n) ทางจักรยาน, See also: cycleway, Syn. bike way | Bob's your uncle | สบายมาก, ไม่มีปัญหา | cataclysmic | (adj) ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือหายนะอย่างฉับพลันและรุนแรง | chiclet keyboard | (n, slang) คำสแลงของ "คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์" เนื่องจากปุ่มบนคีย์บอร์ดแต่ละปุ่มมีลักษณะคล้ายกับหมากฝรั่งยี่ห้อ Chiclet | clade | (n) เครือบรรพบุรุษ | clam | (n) หอยตลับ | clarion call | (vi) เสียงเรียกร้อง | classified advertisement | (n, phrase) โฆษณาย่อย | classifying | (n) การจำแนกประเภท | claymore | ชื่อดาบชนิดหนึ่งของชาวสก็อตแลนต์ เป็นดาบที่มีด้ามจับไขว้กัน เวลาใช้ต้องจับดาบสองมือ | clean | (n, adj) สะอาด | clearance formality | (n) พิธีการออกของจากศุลกากร | clerical officer | เจ้าพนักงานธุรการ | Clerk of Conscription Unit | (n) เสมียนหน่วยสัสดี | click | (n, slang) กิโลเมตร (click : slang for, ’kilometer’) | click wrap agreement | สัญญาหรือข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์ที่โดยมีการคลิกตกลงโดยชัดเจน | clickstream | (n) พฤติกรรมการคลิก | cliff-hanger | (n, adj) cliff-hanger (n) นวนิยายเป็นตอน ๆ ที่ตื่นเต้นตรึงจิตใจคนดู หรือ เหตุการณ์ หรือการแข่งขันที่ตื่นเต้นตรึงใจคนดู syn. clifhanger , cliff-hanging, cliffhanging (adj) exciting: you don't know what will happen next. a) Acliffanger is a situation or part of a play or film that is very exciting or frightening because you are left for a long time not knowing what will happen next. b) The election is likely to be a cliff-hanger. c) Cliffhanger ending to keep you in suspense., Syn. exciting | climate | (n) ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ ไม่ใช่คำแปล คำนี้ไม่ได้มีความหมายคล้ายกับ weather คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจความหมายอย่างชัดเจนระหว่างคำสองคำนี้ จึงอยากให้ทางลองดูช่วยให้ความหมายอย่างชัดเจนว่า climate หมายถึง ลักษณะภูมิอากาศของภูมิประเทศ ส่วน weather คือ ลักษณะอากาศขณะหนึ่ง | climate | (n) climate = ลักษณะภูมิอากาศของพื้นที่ในระยะยาวนานหลายฤดู หรือหลายปี หรือหลายศัตวรรษ ซึ่งรวมถึงอุณหภูมิ ปริมาณฝน ลม ความชื้น ความกดดัน การแผ่รังสืของพระอาทิตย์ whether = ลักษณะอากาศในพื้นที่เป็นหลายๆชั่วโมงหรือหลายๆวัน ซึ่งรวมถึงอุณหภูมิ ปริมาณฝน ลม ความชื้น ความกดดัน การแผ่รังสืของพระอาทิตย์ | climatic | (adj) เกี่ยวกับภูมิประเทศ, เกี่ยวกับอากาศ | Climatic aspects in urban design—a case study | (n, vi, vt, modal, ver) Climatic aspects in urban design—a case study Isaac G. Capeluto, , A. Yezioro and E. Shaviv Faculty of Architecture and Town Planning, Technion—Israel Institute of Technology, 32000, Haifa, Israel Received 11 December 2001; revised 13 February 2002; accepted 21 February 2002.; Available online 4 April 2002. Abstract We present a case study of a design of a new business district in Tel Aviv city. In this work climatic aspects were taken into consideration in the very early design stages. For that purpose, two models SustArc (Proceedings of the ISES 1997 Solar World Congress, Taejon, Korea, 1997, p. 148) and FLUENT 5.0.2 (Fluent's User's Guide, Fluent Inc., NH, USA, 1999) were applied in order to achieve solar and wind rights. The new business district was designed as a high-density urban area and is located near an old low-rise residential quarter. SustArc was used as a design tool to create the solar envelope that shows the maximum available volume in which it is possible to build without violating the solar rights of existing residential neighborhood, the main avenues and the pedestrian sidewalks. FLUENT, on the other hand, was implemented as an evaluative tool, in a trial and error method, until a design solution could be achieved, in which the wind rights of the residential neighborhood were preserved, while ensuring tolerable winds inside the business district. The paper presents the process of sun and wind controlled planning, as well as the recommendations. Author Keywords: Solar rights; Wind rights; Urban design; Design tools Article Outline 1. Introduction 2. Sun, winds and urban design 3. Planning control for sun and winds in a new business district 4. Planning control for sun access 5. Planning control for wind access and protection 6. Summary and conclusions Acknowledgements References 1. Introduction During the conceptual design phase of urban districts, the designer deals with different geometrical characteristics related to the building's height and width, in relation to the open spaces and the pedestrian sidewalks. New buildings may create a different microclimate, like changing the wind regime and shading of existing neighborhoods, as well as in the new district. To protect solar rights, as well as wind rights, is a complex task. Moreover, tolerable winds should be achieved along the pedestrian sidewalks. The determination of a preferable design solution becomes specially complicated due to mutual influences. On the other hand, ignoring the solar rights at the stage of the preparation of the master plan may cause discomfort conditions around the buildings beyond repair. Different design tools for solar insolation conscious design were developed. We can classify these tools into generation tools and evaluation tools. The generative design tools aid to define the proper geometry. Some examples are [ 1, 2, 3, 4, 5 and 6 ] for determining solar rights. These tools generate nomograms that present all possible solutions to a given problem. These nomograms are called “Solar Envelopes”. The evaluation tools, on the other hand, analyze the performance of a given design. Some examples are Kroner and Abrey [ 7 ], Yezioro and Shaviv [ 8 and 9 ] and Capeluto and Shaviv [ 5 ] for evaluating solar rights for buildings and in open spaces among them. Heliodons are also used to evaluate the proposed design, namely a scaled down 3D physical model examined in the laboratory. For microclimate and wind rights conscious design, there are today only evaluative design tools. These are either wind tunnel studies, or computational fluid dynamics (CFD) simulation tools. The CFD models are very powerful, require heavy calculations, but provide detailed results that can show clearly the defects in suggested designs. As a result, new design alternatives may be thought of and re-evaluated, until a good and satisfactory design is achieved. In the design of the new business district in Tel Aviv (Fig. 1), we have used SustArc, as the design tool to evaluate the proposed design (Fig. 2). We have also used SustArc to create the solar envelope that shows the maximum available volume in which it is possible to build while keeping the solar rights of the existing neighborhood (Fig. 5). We used FLUENT to evaluate the existing situation, the proposed solution and the mitigation design, in which the wind rights to the residential neighborhood were preserved, while ensuring tolerable winds along the pedestrian sidewalks ( Fig. 8 and Fig. 9). The paper presents the design process along with the different design tools implemented to create the solutions and to simulate and evaluate the proposed design. Using these tools we could develop rules and design guidelines that ensure proper insolation and ventilation in the existing residential neighborhood as well as creating good microclimatic conditions inside the new business district. Display Full Size version of this image (63K) Fig. 1. An aerial view of the business district. Display Full Size version of this image (24K) Fig. 2. Sun-view presenting the shading of the main green avenue (the area adjacent to the tall buildings from the right) and the residential neighborhood (the long square on the right). 2. Sun, winds and urban design There are many places in which urban design take into consideration solar rights and winds protection. Let us mention a few: New York, Boston, Chicago, Philadelphia, Pittsburgh and San Francisco, in the USA, Calgary, Edmonton, Halifax, London, Montreal, Ottawa and Toronto, in Canada [ 10 ]. Many tall buildings were built during the past in all of the above cities. These tall buildings caused different problems, like shading, loss of daylight, and creation of strong winds around the tall buildings on one hand, and at the same time avoid good ventilation by creating wind stagnation at some parts around them. From the accumulating experience, the city leaders and designers recognized the need to control the changes in the microclimatic conditions created by a proposed design. In many cities, large projects, including tall buildings, require wind studies, as well as shading evaluation. Nevertheless, in most places, the planning control for wind protection and solar insolation are not mandatory and are not imposed by standards, but rather open to negotiations with the developers. Defining urban standards can be carried on along three different approaches [ 10 ]: Prescriptive and descriptive standards, in which the exact physical solution is given. For example, the specific maximum height of buildings in the inner city neighborhood of San Francisco is dictated along with the angle of the slope of a plan that cut the upper floors further from the street. Performance standards, in which the expected performance of the design is given. For example, Boston zoning ordinance dictates for some downtown areas, that “No net increase in shadow is permitted between 8 a.m. and 2.30 p.m.”. In San Francisco for example a performance standard is set for the maximum allowed wind velocity so that “a building form which causes wind speeds to exceed 11 miles/h in areas where people walk and 7 miles/h in areas where people sit, should not be used”. Discretionary review, in which a comprehensive study is required as part of the environmental impact study (EIS) process. For example, in New York, sponsors of large development projects are required to conduct wind studies. The expected wind velocities in new or existing open spaces shall not exceed the mean wind velocity in existing comparable open spaces. There are not yet urban standards and legislation in Israel about how much a building can shade neighboring buildings, open spaces, or what is the maximum allowed wind speed. As for solar rights, we were contracted to develop legislation [ 11 ] and we hope that our future recommendations will be imposed. However, in many cities, the Israeli ministry of the environment demands from every developer, who intends to build high-rise buildings, a discretionary review for winds and shading, as part of the EIS. As there are not yet urban standards, the results of the study are not always imposed on the project. The shading study is usually an evaluation process, carried by different computer codes, while the wind assessment is in most cases a wind tunnel study. In the following chapter we shall demonstrate the approach to deal with planning control for sun access and wind access and protection [ 12 ] that was carried out in the design of a new business district in Tel Aviv. 3. Planning control for sun and winds in a new business district A new business district is being planned in the heart of Tel Aviv on an area of 250, 000 m2. The urban density was changed from 200% to 450%. As a result, the developers wish to build in the area many high-rise buildings 40 stories and above. Existing low-rise residential buildings that surround this new business district will be affected by the high-rise buildings (see Fig. 1). The new master plan of this district was not approved yet, and the residents of neighboring communities can submit objections to the new plan, which they did. The designers of the Tel Aviv City planning department produced a 3D model of the site, in which they assumed that all developers would build the maximum allowed (a likely outcome). The model allows the visualization of the spatial drawbacks in the preliminary design. In particular, it was found that the new buildings create a high wall that would deprive the sun and winds (coming mainly from west) from the existing buildings (Fig. 2). Therefore, the designers of Tel Aviv City planning department decided to adopt certain rules for the design of this new business district so as to ensure sun and winds in the existing residential neighborhood. The Tel Aviv climate is hot and humid, and the sea breeze helps in summer to bring about thermal comfort in open spaces, as well as indoors. Therefore, the proposed high-rise buildings should not block the sea breeze. Moreover, tall buildings can create strong winds at the foot of the buildings. This fact complicates the situation, as near tall buildings the wind velocity may change very fast from extremely strong wind to no breeze at all. The sun in Tel Aviv is undesirable in summer but it can cause any open space and parks to be a very pleasant and enjoyable place to stay in winter. Therefore, permanent shading, even if needed in summer, compromises winter sun. A dynamic solution, like shading open spaces and sidewalks in summer by deciduous trees that supply winter insolation, is preferred. In general, at least one pedestrian sidewalk should be exposed to winter sun to provide thermal comfort in winter. The other sidewalk, which is shaded by the building in winter, can be protected from the summer sun by permanent shading devices, or by evergreen trees. On top of it, in Israel there is a requirement by law, for every residential unit, to have solar panels for hot water. It is mandatory, therefore, that these panels will be exposed to the sun the year around. 4. Planning control for sun access “Solar Rights Envelope” defines the space of all possible solutions for the determination of a design that does not violate the solar rights of existing buildings and open spaces during a given period of the year (See Fig. 3). The model SustArc creates such an envelope [ 5 and 6 ]. Display Full Size version of this image (18K) Fig. 3. The solar rights envelope. In the design of the new business district, the use of solar envelopes was recommended to protect the solar rights. The requirement was to achieve solar access during the entire winter, between 8 a.m. and 3.00 p.m., in the residential neighborhood, as well as in the main avenue that is the only existing green open area. The solar envelope that fulfills the above requirement, as well as the obtained shape of the buildings under this envelope, are presented in Fig. 4. Display Full Size version of this image (11K) Fig. 4. The solar envelope that ensure solar rights in the existing residential neighborhood as well as in the main green open space. Although the requirements were only to ensure solar access to the residential neighborhood, we added the demand that the main two avenues from west to east will be exposed to the sun during the same period. This is in order to ensure that the morning and afternoon walk from the railway station to work, is in the sun (see Fig. 6). On top of it, we required that the main inner street parallel to the main green avenue would have solar access during lunchtime from 12.00 to 13.00. These requirements will allow the people to enjoy walking in the sun to the two avenues (A and B in Fig. 6) that lead them to the main green avenue, to have lunch in the garden, or in the planned restaurants along the green avenue. Fig. 5 presents the solar envelope that was accepted as design guidelines for the relocation or reshaping of the tall buildings in the business district. All buildings higher than this envelope (these are the buildings that can be seen above the net of the envelope) must be displaced to another location, or should be reshaped (see Fig. 6). This is a descriptive approach, in which all possible consistent solutions are given in advance. However, we mixed the descriptive approach with the performance one, by allowing some exceptions, as long as the shading caused by these buildings is not above a given standard. But, till such standard will exist, a discretionary review approach might be necessary. Display Full Size version of this image (36K) Fig. 5. The solar envelope that ensure solar rights in the existing residential neighborhoods as well as in the main avenues and streets. Display Full Size version of this image (22K) Fig. 6. The maximum allowed floors for each building, keeping solar rights in the existing residential neighborhoods as well as in the main avenues and streets. Based on these design guidelines a new scheme was suggested by the city planners, that follows the solar envelope (see Fig. 7). Until now, few tall buildings have already been relocated and reshaped, so that they will not stick out from the given solar envelope. Display Full Size version of this image (33K) Fig. 7. Design guidelines on building mass as proposed by the city planners. View from south–east. 5. Planning control for wind access and protection Contrary to other cities, where the requirements were only to protect from high wind velocity around tall buildings, the demand in our case was to ensure good ventilation to the residential neighborhood located east to the business center. The situation today is, that in the business district, most of the buildings are seven floors high and are in a very bad physical condition. Therefore, the majority of the buildings should be demolished and replaced by new ones. The only exception is the first row of buildings near the freeway that are seven floors and new. Today, one can feel in the neighboring residential quarter the good breeze coming from the west. The proposed new tall buildings, thirty floors and above, may block the breeze. As a result, the residents of this quarter objected to the new design on the ground of wind rights. The question that was raised, therefore, was what should be the ventilation corridors inside the business district tissue, so that good natural ventilation will remain in the residential neighborhood, as well as in the new business district. This fact complicated the situation, as in many design alternatives the very solution for ensuring the breeze in the residential quarter, may cause excessive winds in the business district (see Fig. 9 and Fig. 10). There are not yet design tools that can create the envelope of all possible solutions that satisfy wind requirements, or wind protection. Therefore, performance approach and evaluation technique were applied by using a CFD simulation model FLUENT 5.0.2 [ 13 ]. We required the following: wind velocity in the main avenues and streets should be in summer at least 2 m/s in walking areas, and 1 m/s in sitting areas. In winter, wind velocity in the main green avenue should not be higher than 5 m/s in walking areas and 3.5 m/s in sitting areas. In other streets, where people move fast, it can reach up to 9 m/s . In the residential neighborhood, the breeze should be similar to what exists today. FLUENT is a very powerful tool. It requires heavy calculations, but gives detailed results that can show the wind pattern in any plan or cross-section (see Fig. 9 and Fig. 10). We used FLUENT with the k– turbulence model, to evaluate the existing situation. We compared it with the proposed design (Fig. 9) and with the design based on the solar envelope ( Fig. 10). Many different design alternatives were proposed and evaluated, until a design solution was found, in which the wind rights of the residential neighborhood are preserved while ensuring tolerable winds inside the business district. As the buildings are not yet designed, and for the master plan only general information about the mass of the buildings is required, we assumed simple shapes, and conducted parametric evaluation, in order to find the influence of each design option on the wind pattern. Also, as the simulations are CPU time intensive, we shorten the evaluation procedure by presenting in the same plan different widths for the ventilation corridors, as well as different widths for the north–south streets. In this way we could learn from the same run, what is the preferred width of the ventilation corridors. Fig. 8 presents the standard meteorological wind measurements on site, 10 m above the ground. From this figure one learns that the desired winds in the hot seasons come mainly from the west and northwest and in general the wind velocity is about 3.5 m/s. To ensure wind rights, we carried simulations for these two directions. In all simulations we assumed a wind profile appropriate for the urban roughness and wind velocity of 3.5 m/s at the entrance. Display Full Size version of this image (21K) Fig. 8. The wind rose as measured in site. Fig. 9 and Fig. 10 show few of the simulations results and only for winds coming from the west. In general, the wind coming from northwest gave better results than what is shown here. Fig. 9 and Fig. 10 top left present the existing situation; i.e. all buildings are seven floors high. The widths of the north–south streets are 16 and 36 m according to the existing situation and widths of the east–west streets are 36, 24 and 12 m. The latter are the ventilation corridors that should allow the sea breeze to reach the residential neighborhood. According to the wind pattern obtained, we required that the north–south streets should be at least 36 m in order not to have wind stagnation in the street. The ventilation corridors should be at least 24 m, preferable 36 m. For the 12 m wide ventilation corridor, the wind velocity in the residential neighborhood is too low, even in the existing situation of seven floors high buildings. Therefore, we defined the wind pattern examined area as the area east to the 24 and 36 m ventilation corridors only. Based on these recommendations ventilation corridors were designed and required by the city planners (see Fig. 11). Display Full Size version of this image (80K) Fig. 9. Simulating winds in the business district by using FLUENT: Top left—existing situation. Top right—proposed design. Bottom—parametric analysis. Display Full Size version of this image (79K) Fig. 10. Simulating winds in the business district by using FLUENT: Top left—existing situation. Top right—proposed design according to the Solar envelope section. Bottom left—parametric analysis: Seven floors buildings along the pathway. Bottom right—parametric analysis: Adding trees at the entrance of the ventilation corridor. Display Full Size version of this image (16K) Fig. 11. Ventilation corridors as requested by the city planners. Fig. 9 presents the simulation results for the proposed design (top right) and parametric analysis for mitigation (bottom left and right). We can see that cutting the building in 45ฐ at the exit of the business district, improves the ventilation in both the main green avenue and the residential neighborhood (bottom left). On the other hand, changing the plan of the middle tower from square to round deteriorates the microclimate conditions. Fig. 10 presents the simulation results for the proposed design according to the solar envelope section (top right) and parametric analysis for mitigation (bottom left and right). We can see that the design according the solar envelope preserves also the wind rights. However, the wind velocity along the east–west pathway is too high, and should be reduced. Adding seven floors high buildings along the 36 m wide pathway, reduces the high velocity wind speed in this pathway, but also reduces a little bit the wind velocity in the residential neighborhood. Adding trees at the entrance to the ventilation corridors reduces the wind velocity inside the ventilation corridors, and also in the residential neighborhood. However, the wind pattern obtained is quite satisfactory (bottom right). 6. Summary and conclusions This work presents a case study in which, for the first time, the solar rights envelope was used in Israel for the design of a new business district in Tel Aviv, keeping solar rights in a high-density urban area. Using this solar envelope we could determine the maximum allowed heights of the buildings that ensure proper insolation in the existing residential neighborhood as well as in the new business district and the main green avenue. The requirement to build under the solar envelope is a prescriptive/descriptive approach. To protect both, the solar and wind rights, the solar envelope was created first, this envelope was then evaluated using a CFD technique to ensure the wind rights and tolerable winds inside the business district. From the many simulations performed (only few of them shown here) we found that it is not easy to use the prescriptive/descriptive approach, as was done in the solar rights requirement. Only for the determination of the geometry of the ventilation corridors to ensure wind rights, such an approach can be applied. However, for the wind control, a standard performance approach should be applied. This is because the winds pattern depends on the exact geometry of all buildings around. Changing the geometry of one building can influence the wind pattern around other buildings. Therefore, performance standards should be established, and the wind pattern around the building should be evaluated against these standards, by certified tools and users. Acknowledgements This research was supported by the fund for promotion of research at the Technion. Research Number 022.732, and 022.751. References 1. F. Arumi, Computer-aided energy design for buildings. In: D. Watson, Editor, Energy conservation through building design, McGraw-Hill, New York (1979). 2. Shaviv E. Design tools for solar rights and sun-shades determination. Proceedings of the Ninth National Passive Solar Conference ASES, Boulder, CO, 1984. p. 14–9. 3. Wright R, Hoinkes R. Computational issues in urban design: developing a strategy for solar impact assessment. In: Flemming, Wyk, editors. CAAD futures. Amsterdam: Elsevier Science Publishers B.V., 1993. 4. Schiler M, Ueng-Fang P. Solvelope: an interactive computer program for defining and drawing solar envelopes. 18th National Passive Solar Conference-ASES, Washington, DC, 1993. 5. Capeluto IG, Shaviv E. Modeling the design of urban grids and fabric with solar rights considerations. Proceedings of the ISES 1997 Solar World Congress, Taejon, Korea, 1997. p. 148–60. 6. Capeluto IG, Shaviv E. Modeling the design of urban fabric with solar rights consideration. IBPSA 99, Kyoto, Japan, 1999. p. 1341–7. 7. Kroner WM, Abrey D. From the sun's point of view. Proceedings of the 10th National Passive Solar Conference, Ralleigh, North Carolina, USA, 1985. 8. Yezioro A, Shaviv E. A Design tool for analyzing mutual shading between buildings, Solar energy, Vol. 52, No. 1. USA: Pergamon Press, 1994. p. 27–37. 9. Yezioro A, Shaviv E. Shading: analyzing mutual shading among buildings. IBPSA 99, Kyoto, Japan, 1999. 10. Bosselmann P, Arens E, Dunker K, Wright R. Sun, wind, and pedestrian comfort. A study of Toronto's central area. Center for Environmental Design Research, University of California at Berkeley and Center for Landscape Architecture Research, University of Toronto. The Department of Planning and Development, City of Toronto, 1991. 11. Shaviv E, Capeluto IG, Yezioro A. Solar rights in high density urban design. Research Proposal No. 022.732, Ministry of Housing, Israel, 2001. 12. HELIOS Climate Energy CAD and Architecture Ltd. Urban climatic design of a new business district in Tel Aviv. Internal Report, 2000 [ in Hebrew ]. 13. FLUENT Inc. Fluent user's guide. NH, USA: Fluent Inc., 1999. Corresponding author. Tel.: +972-4-829-4013; fax: +972-4-829-4617 Building and Environment Volume 38, Issue 6, June 2003, Pages 827-835 | climbing perch | ปลาหมอไทย | clinker | ปูนเม็ด | clip | (slang) กิโล | close quarters battle | (n) การต่อสู้ระยะประชิด | closely | (adv) อย่างใกล้ชิด, อย่างจดจ่อ, อย่างตั้งใจ example: He is studying his textbook very closely. | closet | (n, slang) พวกแอบจิต | Clostridium difficile | [คลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล] แบคทีเรียหนึ่งในสาเหตุที่พบมากที่สุดของการติดเชื้อของลำไส้ใหญ่ ในสหรัฐอเมริกามีผลต่อผู้คนนับล้านต่อปี ผู้ป่วยที่ใช้ยาปฏิชีวนะอยู่ในความเสี่ยงของการกลายเป็นติดเชื้อกับการรักษาได้ยาก. ยาปฏิชีวนะจะรบกวนแบคทีเรียปกติของลำไส้, ช่วยให้ดื้อยาแบคทีเรียที่จะกลายเป็นตัวต้านที่อยู่ภายในลำไส้ใหญ่. หลายคนติดเชื้อแบคทีเรียรักษาลำบากเพราะไม่มีอาการ. คนเหล่านี้กลายเป็นผู้ให้บริการของเชื้อแบคทีเรียและสามารถติดเชื้อผู้อื่น ในคนอื่นๆ, สารพิษที่มีผลก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วง, อาการปวดท้อง, การอักเสบอย่างรุนแรงของลำไส้ใหญ่ (ไส้ใหญ่), ไข้, การตรวจนับเม็ดเลือดขาว, อาเจียนและการคายน้ำ. ในผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง, เยื่อบุภายในของลำไส้ใหญ่จะกลายเป็นที่รุนแรงอักเสบ (สภาพที่เรียกว่าเยื่อแผ่นบาง ๆ รอบเซลล์ผิดปกติ). ไม่ค่อยมีผนังและหลุมพัฒนา (ลำไส้ใหญ่จะไม่ค่อยมีผนังกั้นแต่จะเป็นรูพรุน) ซึ่งสามารถนำไปสู่การติดเชื้อที่คุกคามชีวิตของช่องท้อง | clown knifefish | ปลากราย | club | สโมสร | clueless | (slang) ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย | cluster munitions | (n) ระเบิดลูกปราย | cluster munitions | (n) ระเบิดลูกปราย | clutch bag | กระเป๋าถือของสตรีแบบหนีบ | come out of the closet | การเปิดเผยต่อสาธารณะว่าเป็นรักร่วมเพศ, การเปิดเผยความลับหรือเรื่องที่มีคนรู้เพียงไม่กี่คน ให้สาธารณขนได้รับรู้, See also: come out, A. disclose, let on, divulge, expose, give away, let out, reveal, Syn. out | Conclusions | (n) | cut classes | (vi) หนีเรียน | cycleway | (n) ทางจักรยาน | Declaration of a State of Emergency | (n) ประกาศภาวะฉุกเฉิน | declare war on | (vt, phrase) ประกาศสงครามกับ | declared | (adj) ที่แสดงเจตนารมย์ | disclaim | (vi) งดใช้สิทธิ์เรียกร้อง | Disclaimer: Longdo provides neither warranty nor responsibility for any damages occu | | dishcloth | (n) ผ้าล้างจาน | Encyclopaedia Britannica | (name) เป็นหนังสือที่มีลักษณะคล้ายกับ Dictionary ให้ข้อมูลต่างๆมากมาย | Euclidean geometry [ math. ] | เรขาคณิตแบบอุดมคติ | exclude | (vt) ไม่รวม |
| ♪ will be crystal clear | #มันจะกระจ่างชัดขึ้นมาเอง# The Role You Were Born to Play (2012) | I would like to play the role of Rizzo. Hey, Mr. Clippenger. | ฉันอยากจะเล่นบท ริซโซ่ คุณ คลิปเพนเกอร์ The Role You Were Born to Play (2012) | I'm not joining the Glee Club. | ผมไม่เข้ากลีคลับหรอก The Role You Were Born to Play (2012) | It's cliché. | มันน่ารำคาญ The Role You Were Born to Play (2012) | It's filled with classic rock from the '80s. | มันมีแต่เพลงร็อคคลาสสิคยุค 80 The Role You Were Born to Play (2012) | Bet you're a classic rock guy, right? | พนันกันไหม นายรู้จักเพลงร็อคคลาสสิค ไหม? The Role You Were Born to Play (2012) | If they succeed, they will set a legal precedent that will clear the way for Unique to become a Cheerio! | ถ้าเขาทำได้ จะได้รับบทตามกฎ มันเป็นทางที่ชัดเจนว่ายูนิคจะกลายเป็นเชียร์ริโอ The Role You Were Born to Play (2012) | Cleaned carpets that don't dry properly can create kawasaki syndrome. | ทำความสะอาดด้วย มันยังไม่แห้งดีที มันสามารถเกิดโรคคาวาซากิได้ The Role You Were Born to Play (2012) | We've become somewhat of a progressive bubble here at McKinley High, and I think that's due to the fact that the Glee Club is being run by a strange, weepy man-child who has lotion in his hair, but no adult friends. | พวกเราจะกลายเป็น คนที่ก้าวหน้าที่นี่แมคคินลีย์ไฮ และเนื่องจากกลีคลับควบคุบ The Role You Were Born to Play (2012) | William, I spent the last year stifling my natural hatred for you and helping you win a Glee Club national championship. | วิลเลี่ยม ฉันใช้เวลาปัที่แล้ว ฉันกลั้นความเกลียดไว้เพื่อคุณและช่วยคุณให้ชนะ แชมป์ชมรมร้องเพลงระดับชาติ The Role You Were Born to Play (2012) | ♪ the townfolk clapped, I was only five ♪ | ชาวเมืองเขาก็ปรบมือให้ ฉันแค่ 5 ขวบ The Role You Were Born to Play (2012) | And I don't feel right in men's clothing, but I can't wear dresses every day. | และฉันรู้สึกแย่ในชุดของผู้ชาย แต่ฉันก็ใส่ชุดผู้หญิงทุกวันไม่ได้ มันแย่มากที่เธอรู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน The Role You Were Born to Play (2012) | In your case, it's close to 90. | แต่สำหรับเธอน่ะ คงจะซักเก้าสิบ The Role You Were Born to Play (2012) | It was heroic doses of clonopin and chardonnay, and... | มันเป็นความกล้าหาญของโคลโนพินและชาร์ดอนเน่ และ The Role You Were Born to Play (2012) | I would rather be here, far from you but feeling really close, rather than close to you but feeling really far away. | ฉันอยู่ที่นี่ดีกว่า แม้จะห่างไกลคุณ แต่รู้สึกว่าใกล้กัน ดีกว่าใกล้กับคุณ แต่รู้สึกอยู่แสนไกล The Role You Were Born to Play (2012) | But, Mr. Shue, you can't just leave the Glee Club like that, with no one in charge. | แต่ครูชูว์ คุณจะทิ้งกลีคลับไปเฉยๆไม่ได้นะ The Role You Were Born to Play (2012) | I spoke to Principal Figgins about it, and since Glee Club is not an actual class, we don't need a certified teacher to run it. | และกลีคลับก็ไม่ใช่ชั้นเรียนจริงๆ เราจึงไม่จำเป็นต้องมีครูจริงๆมาดูแล เราจึงไม่ทำเป็นต้องมีครูจริงๆมาดูแล The Role You Were Born to Play (2012) | Will you take over the Glee Club? | จะรับช่วงดูแลกลีคลับมั้ย The Role You Were Born to Play (2012) | And now he's gonna take over Glee Club because Will's going to Washington on sabbatical. | Blue Ribbon Panel เพื่อเขียนหลักสูตรศิลปะทั่วประเทศ -ว้าว ขอแสดงความยินดีด้วย Glease (2012) | This is crazy. But Glee Club is your life. | มิสเตอร์ชู ฟินน์จะยึดกลีคลับไม่ได้นะ Glease (2012) | Mr. Shue, Finn cannot take over Glee Club. | ฟินน์ ฮัดสัน, ชูสเตอร์ ไปที่ห้องทำงาน ครู ฟิกกินส์ เดี๋ยวนี้ Glease (2012) | Okay, Sue, this is none of your business, and besides, I've already cleared this with Figgins, so, I don't see what the problem is. | ต่อคนทั้งอเมริกา ยกเว้นคุณ ฟินเกือบเรียนไม่จบ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา Glease (2012) | Sue, Glee Club is not a class. | โอเค งั้นให้ฉันเตือนสติหน่อย Glease (2012) | I can take this glee club to sectionals, and I know we can win. | ความเอือมระอาของฉันกับโรงเรียนนี่ Glease (2012) | For the past year, I have shown the glee club mercy, and this school has enjoyed an unprecedented era of peace, but if floaty the Gravy Clown is allowed to take over Glee Club, my détente with the art in this school | คุณกำลังคุกคามรัฐโอไฮโอ Glease (2012) | Alright people, since your egregious ineptitude is making me lose my will to live, I decided to bring in some of my best upperclassmen to help you up your game. | เป็นไงบ้าง ฉันสบายดี -ก็นะขึ้นๆลงๆ ตอนนี้ฉันกับฟิน Glease (2012) | You must have done everything a person could possibly do in that state, including hillbilly hand-fishing, and plus-sized male prostitution. | ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่นายอยากพูด ฉันเห็นธาตุแท้ของนายแล้ว ฟินน์ ฮัดสัน Glease (2012) | (whirring and clanging) | ฉันยกเครื่องรถเก่านี้มา และพวกคุณต้องคิดว่ายังไง ถึงจะน่าเชื่อว่าเป็นลิง ใน กรีส Glease (2012) | An old clunker. | มัน คือ Glease (2012) | Yeah, it an old clunker. | ไฮโดรเมติค Glease (2012) | (clapping a rapid rhythm) | คุณกำลังเลื่อนผ่านความร้อน ไฟฟ้าจาระบี! ไฟฟ้าจาระบี! Glease (2012) | Apparently the girl playing Sandy has gained so much weight, she can't fit into her clothes. | ซ้อมเพื่อการออดิชั่นใหญ่ของเธอ? ใช่ นั้นถูกต้องเลย นี่ รูมเมทของฉัน เคิร์ท Glease (2012) | And if you're both not over your exes, it's a perfect opportunity for closure. | ฉันไม่ได้หลับ ฉันมีชีวิตอยู่ Glease (2012) | I have closure. | มากับฉันนะ ฉันทำคนเดียวไม่ได้ Glease (2012) | Dig in, everybody, and then we'll have pillow fights and ghost stories and prayer circles and back rubs. | นี่เรืยกว่านิ้ว แค่ล้วงมันเข้าไปในรูขนมพายของเธอ Glease (2012) | You can eat Kleenex. They taste like clouds. | ฉันไม่อยากจะทำกับตัวเองแบบนั้น อาเจียน... Glease (2012) | classic Sue Sylvester. | ตั้งแต่ฉันเกิดมา เถอะน่า อาร์ตี้ Glease (2012) | You know, it's not easy balancing UCLA classes and recording backup vocals or having Puckerman always hit me up for sugar mamas' phone numbers. | คุณลดไปได้เท่าไร สองนิ้วในหนึ่งวัน ฉันไม่รู้ บางทีเราสามารถ เปิดกาวร้อนบน มาลี่ย์ ไม่ต้องเป็นห่วง เราจัดการมันได้แน่ๆ Glease (2012) | ♪ Your future's so unclear now ♪ | อา อา อา Glease (2012) | (door closes) ♪ Look at me | ไม่มีความกลัว และความลังเล# Glease (2012) | Auditioning for an off-Broadway play, throwing yourself at an upperclassman, and telling me that I need to get back in the game. | ด้อยค่าและเอาแต่ใจ มีค่าแค่เล็กน้อย Glease (2012) | Mr. Shue's in Washington, so now Finn's in charge of the glee club, and they have to win Sectionals, which is just a week away. | ครูชูว์ไปวอร์ชิงตัน ตอนนี้เลยเป็นหน้าที่ของฟินน์ ที่ต้องมาดูแลกลีคลับ และพวกเขาต้อง ชนะระดับเขต ซึ่งจะแข่งในสัปดาห์หน้า Dynamic Duets (2012) | The Secret Society of Superheroes Club is now in session. | การประชุมของสมาพันธ์ลับ ของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ เริ่มขึ้นแล้ว Dynamic Duets (2012) | It is the purpose of this club to fight injustice, to right all that which is wrong, and to preserve truth, justice and peace in the halls of McKinley High. | เป้าหมายของชมรมเรา เพื่อต่อสู้ความอยุติธรรม เพื่อแก้ผิดให้เป็นถูก และเพื่อรักษาความจริง ความยุติธรรม และสันติสุข Dynamic Duets (2012) | A club where you have to wear full-body spandex? | ชมรมที่ต้องใส่ชุดรัดติ้วทั้งตัวน่ะเหรอ Dynamic Duets (2012) | Glee Club, 20 minutes. | เจอกันที่กลีคลับ อีก 20 นาที Dynamic Duets (2012) | Okay, so the first order of business today is to welcome the newest members to the glee club... | โอเค อันดับแรกของวันนี้ ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ของเราสู่กลีคลับ Dynamic Duets (2012) | It was my first lesson in Glee Club today, and it was a total disaster. | วันนี้เป็นวันแรกในชมรมกลีของผม และมันหายนะมาก Dynamic Duets (2012) | I think it's just that the... the glee club doesn't see me as an adult. | ผม... ผมว่า มันอาจจะเพราะ กลีคลับไม่ได้มองว่าผมเป็นผู้ใหญ่เลย Dynamic Duets (2012) | You know, Clark Kent was an awesome guy, but it was Superman who inspired everyone. | นายรู้นิ Clark Kent เป็นคนที่เจ๋งมาก แต่ ซุปเปอร์แมน ต่างหาก ที่เป็นแรงบันดาลใจทุกคน Dynamic Duets (2012) |
| cl | 5. When the reaction is over, place the test-tube on a damp cloth. | cl | A bad cold prevented her from attending the class. | cl | A beam of sunlight came through the clouds. | cl | A bear can climb a tree. | cl | A bicycle race was held in Nagoya last year. | cl | A bicycle will rust if you leave it in the rain. | cl | About the same time as he entered the classroom and arrived at his seat the chime to announce class rings across the school. | cl | About this time tomorrow, we'll be climbing Mt. Fuji. | cl | A boy snatched my purse as he rode by on his bicycle. | cl | A business cycle is a recurring succession of periods of prosperity and periods of depression. | cl | A cat was sharpening its claws against a post. | cl | Access to a suspected underground nuclear facility. | cl | Acclimate a plant to a new environment. | cl | Accordingly, besides noun declension patterns, there also existed a greater variety of verb conjugation patterns than in Modern English. | cl | According to John, the bank closes at 3 p.m. | cl | According to the newspaper, the boy was knocked unconscious and lay on his back with his eyes closed. | cl | According to the weather forecast, it will clear up tomorrow. | cl | Acids act on many things including metals. | cl | A clean river flows through our town, and we can see many carp swimming in it. | cl | A clerk in the office is only a pawn in the game of big business. | cl | A clever student can answer such a question easily. | cl | A clever student would not do such a thing. | cl | A clock has two hands. | cl | A clock must be above all correct. | cl | A clock stopped. | cl | A closed fist can indicate stress. | cl | A cloud floated across the sky. | cl | A cloud is a mass of vapor. | cl | A cloud of hornets set at the children. | cl | A cloud passed across the moon. | cl | A coat is an article of clothing. | cl | A computer is no more alive than a clock is. | cl | Acquaint a newcomer with the rules of the club. | cl | Actors, artists, musicians, and writers may use many forms including spoken and written words, actions, colors and sounds. | cl | A cup of coffee cleared my head. | cl | A customs declaration is required. | cl | A declaration of political views. | cl | Adjust the setting of the alarm clock. | cl | Admission to the club is eagerly sought. | cl | A doctor's instruments must be kept absolutely clean. | cl | A dog is a clever animal. | cl | Adverbial time clauses (here 'when') write about the future in the present tense. | cl | A few people clapped after his lecture. | cl | After 11 o'clock the guests began to leave by twos and threes. | cl | After 1639 Japan closed the door to foreign cuisine. | cl | After cleaning the windows, there always seems to be a visible trace of dirt. | cl | After climbing Mt Fuji I got the inspiration for a poem. | cl | After dark clouds, you get periods of refreshing clear weather. | cl | After getting downsized he started off on a clean slate and started a business working out of a home office. | cl | After I asked him a question, what he meant was clarified. |
| รถจักรยานยนต์ | (n) motorcycle, Syn. รถเครื่อง, จักรยานยนต์, รถมอเตอร์ไซค์, มอเตอร์ไซค์, Example: จอมกระโดดซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ควบหายไปต่อหน้าต่อตาผม, Count Unit: คัน, Thai Definition: รถจักรยานที่มีเครื่องยนต์ | ความใกล้ชิด | (n) closeness, See also: acquaintance, proximity, Syn. ความสนิทสนม, Ant. ความห่างเหิน, Example: โดยทั่วไปเด็กจะมีความใกล้ชิดกับแม่มากกว่าพ่อแม่จึงมีอิทธิพลโน้มน้าวจิตใจเด็กได้มากกว่า | ความอบอุ่น | (n) warmth, See also: proximity, closeness, Ant. ความว้าเหว่, Example: นักจิตวิทยาส่วนใหญ่ศึกษาพบว่าเด็กที่ขาดความอบอุ่นใกล้ชิดจากมารดาในตอนเริ่มต้นชีวิตจะมีความบกพร่องหลายอย่างเกิดขึ้นทางด้านจิตใจ | ชำระสะสาง | (v) clear work, Syn. สะสาง, Example: ผมเอางานที่คั่งค้างอยู่บนโต๊ะออกมาชำระสะสางให้เรียบร้อย, Thai Definition: ทำเรื่องที่มีปัญหาหรือสิ่งที่สะสมหมักหมมอยู่ให้หายยุ่ง | ตากผ้า | (v) dry clothes in the sun, See also: dry clothes in the air, Example: แม่ตากผ้าไว้กลางแดด | ทะเบียนรถ | (n) motor vehicle registration, See also: car license, Syn. ทะเบียนรถยนต์, Example: กระทรวงคมนาคมได้ทำการเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถใหม่นัยว่าเพื่อทำให้มีเบอร์รองรับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น, Thai Definition: ใบสำคัญที่แสดงหลักฐานผู้เป็นเจ้าของรถยนต์, รูปร่างลักษณะของรถ | น้ำสะอาด | (n) clean water, Ant. น้ำสกปรก, Example: เมื่อกรดด่างหรือสารเคมีเข้าตาควรรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดที่พอจะหาได้ทันที | ประกาศตัว | (v) declare oneself, See also: announce, proclaim, Example: กลุ่มผู้ประท้วงได้พยายามเคลื่อนไหวที่จะประกาศตัวจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อต่อต้านรัฐบาล | ประจำใจ | (v) adhere to, See also: stick fast to, attach, cling to, keep something in mind, Example: เขายึดคติทำดีได้ดีเป็นคติประจำใจเขาในการดำเนินชีวิต, Thai Definition: ยึดไว้ในใจ | ผู้เรียกร้อง | (n) one who demands, See also: claimant, Syn. คนเรียกร้อง, Ant. ผู้ให้, Example: ไม่มีใครเชื่อว่าเขาคือผู้เรียกร้อง ให้นายกรัฐมนตรีปลดรองอธิบดีออกจากตำแหน่ง, Count Unit: คน, Thai Definition: ผู้แสดงความต้องการให้ผู้อื่นให้สิ่งของหรือให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง | ภาษีรถยนต์ | (n) motor-vehicle tax, See also: automobile tax, Thai Definition: เงินที่รัฐเรียกเก็บจากผู้ที่มีรถยนต์อยู่ในครอบครอง | มีระดับ | (v) be high class, See also: be luxurious, be lavish, fancy, be first-class, Syn. หรูหรา, Example: เธอพิถีพิถันกับการแต่งตัว เสื้อผ้าทุกชิ้นจะต้องมีระดับ | มีเส้นมีสาย | (v) have a circle of friends, See also: have a group of helpers, have insiders, Syn. มีเส้นสาย, Ant. ไร้เส้นสาย, Example: คนพวกนี้ร่ำรวยมาจากอาชีพนอกกฎหมายคน มีเส้นมีสายผูกพันอยู่กับตำรวจ, Thai Definition: มีพวกพ้องหรือผู้ช่วยเหลือที่อยู่วงใน | ระดับโลก | (adj) world-class, See also: outstanding, Syn. ยิ่งใหญ่, สุดยอด, Example: ภายในห้องแสดงนิทรรศการเต็มไปด้วยชุดเครื่องเพชร จากร้านเพชรชื่อดังระดับโลก | ยึดติด | (v) adhere to, See also: stick to, cleave, cling to, Ant. ปล่อยวาง, Example: การตั้งคำถามต่อสาธารณะเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่าเขากำลังยึดติดกับอดีต, Thai Definition: ติดอยู่กับสิ่งนั้นๆ ตลอด | รถสามล้อถีบ | (n) tricycle, See also: pedicab, trishaw, Syn. รถสามล้อ, รถจักรยานสามล้อ, สามล้อ, สามล้อถีบ, Example: หน้าโรงแรมจะเต็มไปด้วยรถสามล้อถีบ จอดรอคอยหาลูกค้าด้วยความหวัง, Count Unit: คัน, Thai Definition: รถที่มี 3 ล้อ ใช้เท้าถีบ ใช้ล้อหมุน | รายล้อม | (v) surround, See also: encircle, hem in, ring, Example: ทันทีที่คุณปู่มาถึงบ้าน บรรดาหลานๆ ก็กรูออกมารายล้อมคุณปู่ แล้วเสียงเพลงอวยพรวันเกิดก็ก้องกังวานขึ้น, Thai Definition: เรียงวนรอบ | ล้างบาง | (v) eliminate, See also: wipe out, clean up, purge, Example: วันนี้ตำรวจตั้งใจล้างบางขบวนการค้ายาย่านท่าเรือ, Thai Definition: ปราบปรามหรือกำจัดให้หมดสิ้นไป | วงงาน | (n) work cycle, Example: การจัดลำดับงานแบบนี้ทำให้เวลาครบวงงานน้อยลง, Thai Definition: การงานที่เกี่ยวข้องในแวดวงนั้น | วงการทูต | (n) diplomatic circles, Syn. แวดวงทูต, Example: แขกที่มาอวยพรคู่บ่าวสาวมีแต่ผู้ที่อยู่ในวงการทูตทั้งนั้น, Count Unit: วงการ, Thai Definition: หน่วยงานและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทูต | วงการศาสนา | (n) religious circles, Syn. แวดวงศาสนา, Example: ทุกวงการก็มีคนเลว ไม่เว้นแม้แต่วงการศาสนา, Count Unit: วงการ, Thai Definition: หน่วยงานและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศาสนา | วงการศิลปะ | (n) art circles, See also: creative circles, Syn. แวดวงศิลปะ, Example: เขากลายเป็นศิลปินชั้นแนวหน้าของวงการศิลปะภายในเวลาอันรวดเร็ว, Count Unit: วงการ, Thai Definition: หน่วยงานและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ | อ้างว่า | (v) claim, See also: cite, mention, Syn. อ้างถึง, กล่าวถึง, Example: นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎรโดยอ้างว่าเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน | แก๊ก | (adv) sound of door clicking, Example: ใครทำอะไรอยู่ในครัวเสียงดังแก๊ก, Thai Definition: เสียงดังเช่นนั้น | ขี้ตู่ | (v) be apt to make false claims, See also: falsely claim as one's own, Syn. ขี้ตู่กลางนา, Example: ท่านคงไปฟังมาจากใครหรืออ่านของใคร แล้วมาขี้ตู่เอาว่าเป็นของผม, Thai Definition: ชอบทึกทักเอาเป็นของตัว | ครึ้มฟ้าครึ้มฝน | (v) be very cloudy, Syn. ครึ้มฝน, Ant. โล่ง, ปลอดโปร่ง, Example: กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าพรุ่งนี้จะครึ้มฟ้าครึ้มฝน, Thai Definition: ท้องฟ้ามืดมัวด้วยเมฆฝน | คลาสสิก | (adj) classical, Thai Definition: งานที่มีท่วงทีแบบเก่าชั้นเยี่ยม, งานที่เป็นต้นแบบ หาคนที่ทำเสมอไม่ได้, Notes: (ปาก) | คลาสสิก | (n) classic, Example: วรรณคดีมีรูปเป็นคลาสสิกแต่มีการแสดงออกเป็นโรแมนติก, Thai Definition: งานศิลปะแบบกรีก-โรมัน, โดยปริยายหมายถึงงานชั้นสูงหรืองานชั้นมาตรฐาน | ไคลแมกซ์ | (n) climax, Syn. จุดสำคัญ, จุดสุดยอด, จุดไคลแมกซ์, Example: ก่อนที่จะไหลเข้าสู่ไคลแมกซ์ของเรื่อง ลองมาดูข้อมูลเบื้องต้นกันก่อน, Notes: (อังกฤษ) | ชั้นต่ำ | (adj) low (class), See also: inferior, Syn. ชั้นล่าง, Ant. ชั้นสูง, Example: ถึงแม้นิโกรจะเป็นไทแก่ตัวก็ตาม แต่ส่วนมากก็ยังเป็นคนชั้นต่ำและฐานะยากจนมาก | ซกมก | (adj) dirty, See also: filthy, foul, soiled, unclean, Syn. สกปรก, Ant. สะอาด, Example: เขาใส่เสื้อผ้าซกมกเข้ามาในงานเลี้ยง, Notes: (ปาก) | ตุ๊กๆ | (n) tuk-tuk, See also: motor-tricycle, Syn. รถตุ๊กๆ, Example: ก่อนขึ้นรถให้ถามทางดีๆ ระวังอย่าไปผิดที่เพราะจะเสียค่ารถตุ๊กๆ ฟรี | ถกผ้า | (v) roll up (clothing), See also: hold up, Example: ในแถบนี้น้ำท่วมเสียจนชาวบ้านต้องถกผ้าเดินลุยน้ำ, Thai Definition: ดึงผ้านุ่งให้สูงพ้นเข่า | เบลอ | (v) blur, See also: become unclear or indistinct, Syn. มึนงง, Example: เขารู้สึกเบลอไปชั่วขณะเมื่อทราบข่าวร้าย, Notes: (อังกฤษ) | ปมสังหาร | (n) clues of murder, Example: ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเร่งให้ตำรวจสรุปประเด็นที่เป็นปมสังหารในคดีนี้ให้เร็วที่สุด, Thai Definition: เงื่อนงำอันเป็นที่มาของฆาตกรรม | ปังตอ | (n) cleaver, See also: chopper, Syn. มีดปังตอ, Example: พ่อค้าข้าวมันไก่ใช้ปังตอสับไก่อย่างชำนาญ, Count Unit: เล่ม, Thai Definition: มีดใหญ่ทำครัว, Notes: (จีน) | พ้นตัว | (v) succeed in escaping, See also: get clear of, Syn. รอดตัว, Example: เขาพ้นตัวจากคดีเรื่องนี้ไปได้อย่างโล่งอก, Thai Definition: รอดตัวไปได้ | เพื่อนซี้ | (n) close friend, See also: bosom friend, intimate friend, Syn. เพื่อนสนิท, Example: พวกเขาเป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่ชั้นประถม, Notes: (สแลง) | มอเตอร์ไซค์ | (n) motorcycle, Syn. รถจักรยานยนต์, Example: เขามีอาชีพเสริมคือขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างในซอย, Notes: (อังกฤษ) | รกเรื้อ | (v) be untidy, See also: be in disorder, be littered, be cluttered, be in a mess, be in a muddle, Syn. รกร้าง, รก, รกรุงรัง, Ant. เป็นระเบียบ, Example: เมื่อ 3 ปีที่แล้ว บริเวณสวนยังไม่รกเรื้อด้วยหญ้าอย่างเช่นทุกวันนี้, Thai Definition: รกเพราะปล่อยทิ้งไว้ | รถเครื่อง | (n) motorcycle, Syn. จักรยานยนต์, รถจักรยานยนต์, มอเตอร์ไซค์, รถมอเตอร์ไซค์, Example: รถเครื่องนิยมทำเสียงให้ดังผิดปกติ รบกวนชาวบ้าน, Count Unit: คัน, Thai Definition: รถจักรยานที่มีเครื่องยนต์, Notes: (ปาก) | โล่งแจ้ง | (adj) clear, See also: open, spacious, Example: แผ่นฟ้าสีครามกว้างไกลดูสะอาดหมดจด โล่งแจ้ง ไร้ขอบเขต, Thai Definition: ไม่มีหลังคาคุม | หลบลี้หนีหน้า | (v) make oneself scarce, See also: avoid, keep away from, slink, take to one's heels, make one's gateway, show a clean pair o, Syn. หลบหน้า, หนีหน้า, Ant. เผชิญหน้า, Example: เด็กต้องเผชิญสถานการณ์เช่นนี้เข้า มักจะพยายามหลบลี้หนี้หน้าผู้คนและเก็บตัวตามลำพัง, Thai Definition: หนีหายไปเลย, ไม่ยอมมาพบปะ | จยย. | (n) motor cycle, Syn. จักรยานยนต์, Thai Definition: เรียกรถที่เดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น และมีล้อไม่เกิน 2 ล้อ | ดีเอ็นเอ | (n) DNA, See also: deoxyribonucleic acid, Syn. กรดดีออกซีไรโบนิวคลิอิก | น. | (n) clock, Syn. นาฬิกา | พ.อ.ต. | (n) Flight Sergeant Third Class, See also: FS3, Master Sergeant, Syn. พันจ่าอากาศตรี | พ.อ.ท. | (n) Flight Sergeant Second Class, See also: FS2, Senior Master Sergeant, Syn. พันจ่าอากาศโท | พ.อ.อ. | (n) Flight Sergeant First Class, See also: FS1, Chief Master Sergeant, Syn. พันจ่าอากาศเอก | เครื่องอบผ้า | (n) clothes dryers |
| อา | [ā] (n) EN: uncle ; aunt FR: oncle [ m ] ; tante [ f ] | แอร์ | [aē] (n, exp) EN: air conditioner ; air conditioning FR: air conditionné [ m ] ; airco [ m ] ; climatisation [ f ] | แอบอ้าง | [aēp-āng] (v) EN: claim, pretend that something is true FR: affirmer ; prétendre ; soutenir (que) | อากาศ | [ākāt] (n) EN: weather ; climate FR: temps [ m ] ; météo [ f ] ; climat [ m ] | อากาศหนาว | [ākāt nāo] (n, exp) EN: cold weather FR: il fait froid ; temps froid [ m ] ; climat froid [ m ] | อากาศตามฤดูกาล | [akāt tām reudūkān] (n, exp) EN: climate | อาเขย | [ā khoēi] (n, exp) EN: uncle-in-law | อักษรควบ | [aksøn khūap] (n, exp) EN: consonant cluster ; compound consonants FR: doublet consonantique [ m ] ; séquence consonantique [ f ] | อักษรกลาง | [aksøn klāng] (n, exp) EN: medium tone consonant ; middle-class letters FR: consonne moyenne [ f ] | อักษรสามหมู่ | [aksøn sām mū] (n, exp) FR: les trois classes de consonnes [ fpl ] ; les trois classes consonantiques [ fpl ] | อักษรเสียงกลาง | [aksøn sīeng klāng] (n, exp) EN: medium tone consonant ; middle-class letters FR: consonne moyenne [ f ] | อักษรเสียงสูง | [aksøn sīeng sūng] (n, exp) EN: high-level consonant ; high-class letter FR: consonne haute [ f ] | อักษรเสียงต่ำ | [aksøn sīeng tam] (n, exp) EN: low-tone consonants ; low-class letters ; low consonant FR: consonne basse [ f ] | อักษรสูง | [aksøn sūng] (n, exp) EN: high-level consonant ; high-class letter FR: consonne haute [ f ] | อักษรต่ำ | [aksøn tam] (n, exp) EN: low-tone consonants ; low-class letters ; low consonant FR: consonne basse [ f ] | อัน | [an] (classif, (n)) EN: [ classifier : small objects ; pieces of candy ; ashtrays ; round objects ; objects with unknown classifiers ] FR: [ classificateur : petits objets ; choses en général ] | อ้าง | [āng] (v) EN: claim ; pretend that something is true ; quote ; cite FR: affirmer ; prétendre ; prétexter ; alléguer ; soutenir (que) | อ้างอิง | [āng-ing] (v) EN: refer (to) ; cite ; quote ; consult ; claim ; allege FR: citer ; se référer (à) | อ้างสิทธิ์ | [āng sit] (v, exp) EN: claim | อ้างสิทธิ์ใน... | [āng sit nai …] (v, exp) EN: lay claim to ; vindicate for | อ้างว่า | [āng wā] (v) EN: claim ; claim something is true ; pretend that something is true FR: affirmer que ; prétendre que ; soutenir que | อันตรภาคชั้น | [antaraphāk chan] (n, exp) EN: class interval | อันตรภาคชั้นเปิด | [antaraphāk chan poēt] (n, exp) EN: open-ended class interval | อัณฑะ | [antha] (n) EN: scrotum ; testicles ; testis FR: scrotum [ m ] ; testicule [ m ] | อนุภาค | [anuphāk] (n) EN: particle FR: particule [ f ] | อนุภาคนาโน | [anuphāk nānō] (n) EN: nanoparticles FR: nanoparticule [ f ] ; microparticule [ f ] | อ่าว | [āo] (adv) EN: fast ; quickly ; at full speed ; at a fast clip FR: rapidement | อภิไธย | [aphithai] (n) EN: name ; nomenclature | อารมณ์ในการใช้จ่าย | [ārom nai kān chaijāi] (n, exp) EN: inclination to spend | อาศัย | [āsai] (v) EN: rely on ; live on ; depend on ; cling to ; rest on ; resort to ; be based on FR: dépendre de | อสุจิ | [asuji] (adj) EN: unclean ; impur FR: impur | อาชญาบัตรผูกขาด | [ātyābat phūkkhāt] (n, exp) EN: exclusive prospecting license for minerals | อวัยวะเพศหญิง | [awaiyawa phēt ying] (n, exp) EN: vagina ; clitoris FR: organe sexuel féminin [ m ] ; vagin [ m ] ; clitoris [ m ] | อวสาน | [awasān] (n) EN: end ; conclusion ; final stage FR: conclusion [ f ] ; fin [ f ] | อาวุธนิวเคลียร์ | [āwut niūkhlīa] (n, exp) FR: arme nucléaire [ f ] | แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า | [baeng pen kok pen lao] (v, exp) EN: split into factions ; form cliques | แบ่งตาม | [baeng tām] (v, exp) EN: be classified according to | แบบฟอร์มการเสียภาษีศุลกากร | [baēpføm kān sīa phāsī sunlakākøn] (n, exp) EN: customs declaration form | ใบ | [bai] (n) EN: [ classifier : leaves (of trees); round and hollow objects (hats, cups, glasses, bowls, tin-cans, eggs, fruit, bags, wallets); small documents (tickets, certificates, leaflets) ] FR: [ classificateur : feuilles (arbres et plantes); objets ronds et creux (chapeaux, coupes, bols, cannettes, oeufs, fruits); petits documents (billets, tickets, certificats) ] | ใบเบิกร่อง | [baiboēkrǿng] (n) EN: port clearance permit | ใบแดง | [bai daēng] (n, exp) FR: exclusion pour fraude électorale [ f ] | ใบเมี่ยง | [baimīeng] (n) EN: cloth used for wrapping the dead body | บ่ายโมง | [bāi mōng] (n, exp) EN: one o'clock in the afternoon ; one p.m. FR: treize heures ; une heure de l'après-midi | ใบแนบ | [bai naēp] (n, exp) EN: enclosure | ใบเปิด | [baipoēt] (n, exp) EN: claim for reimbursement | บาน | [bān] (n) EN: [ classifier : doors, windows; mirrors; frames; screens; other flat things ] FR: [ classificateur : portes, fenêtres ; miroirs ; cadres ; écrans ; autres objets plats ] | บานชื่นหนู | [bāncheūn nū] (n, exp) EN: Narrowleaf Zinnia ; Classic Zinnia | บรรจุ | [banju] (v) EN: fill ; pack ; charge ; load ; hold ; enclose ; contain FR: remplir ; emplir ; charger ; contenir | บรรลุ | [banlu] (v) EN: reach ; attain ; achieve ; accomplish ; get ; obtain ; acquire ; fulfill FR: obtenir ; réussir ; atteindre ; accomplir ; parvenir à ; conclure ; acquérir | บรรลุข้อตกลง | [banlu khøtoklong] (v, exp) EN: reach an agreement ; come to an agreement ; close a deal ; reach an accord ; make a bargain FR: parvenir à un accord ; conclure un accord |
| | | abducens muscle | (n) the ocular muscle whose contraction turns the eyeball outward, Syn. lateral rectus muscle, lateral rectus, rectus lateralis | abocclusion | (n) the condition in which the upper teeth do not touch the lower teeth when biting | acclaim | (n) enthusiastic approval, Syn. acclamation, eclat, plaudits, plaudit | acclaim | (v) praise vociferously, Syn. herald, hail | acclimatization | (n) adaptation to a new climate (a new temperature or altitude or environment), Syn. acclimatisation, acclimation | acclimatize | (v) get used to a certain climate, Syn. acclimatise, acclimate | acclivitous | (adj) sloping upward, Syn. rising, uphill | ace of clubs | (n) the ace in the club suit | aclinic line | (n) an imaginary line paralleling the equator where a magnetic needle has no dip, Syn. magnetic equator | acorn barnacle | (n) barnacle that attaches to rocks especially in intertidal zones, Syn. rock barnacle, Balanus balanoides | acroclinium | (n) genus of herbs and shrubs of Australia and South Africa: everlasting flower; most species usually placed in genus Helipterum, Syn. genus Acroclinium | acyclic | (adj) not cyclic; especially having parts arranged in spirals rather than whorls, Ant. cyclic | acyclic | (adj) having an open chain structure, Syn. open-chain, Ant. cyclic | acyclovir | (n) an oral antiviral drug (trade name Zovirax) used to treat genital herpes; does not cure the disease but relieves the symptoms, Syn. Zovirax | african clawed frog | (n) a tongueless frog native to Africa; established in the United States as result of release of laboratory and aquarium animals, Syn. Xenopus laevis | against the clock | (adv) as fast as possible; before a deadline, Syn. against time | age class | (n) people in the same age range | alarm clock | (n) a clock that wakes a sleeper at some preset time, Syn. alarm | alicyclic compound | (n) an aliphatic compound that contains a ring of atoms | all clear | (n) a signal (usually a siren) that danger is over | all clear | (n) permission to proceed because obstacles have been removed | alpha particle | (n) a positively charged particle that is the nucleus of the helium atom; emitted from natural or radioactive isotopes | alpine clover | (n) European mountain clover with fragrant usually pink flowers, Syn. Trifolium alpinum | alpine clubmoss | (n) a variety of club moss, Syn. Lycopodium alpinum | alto clef | (n) a clef that puts middle C on the third line of a staff, Syn. viola clef | ammonia clock | (n) an atomic clock based on vibrational frequency of the nitrogen atom in the ammonia molecule | amyotrophic lateral sclerosis | (n) thickening of tissue in the motor tracts of the lateral columns and anterior horns of the spinal cord; results in progressive muscle atrophy that starts in the limbs, Syn. ALS, Lou Gehrig's disease | anaclinal | (adj) of valleys and rivers; progressing in a direction opposite to the dip in surrounding rock strata, Ant. cataclinal | anaclisis | (n) (psychoanalysis) relationship marked by strong dependence on others; especially a libidinal attachment to e.g. a parental figure | anaclitic | (adj) of or related to relationships that are characterized by the strong dependence of one person on another | anaclitic depression | (n) severe and progressive depression in infants who lose their mother and do not get a suitable substitute | anacyclus | (n) a Spanish pellitory, Syn. genus Anacyclus | analog clock | (n) a clock that displays the time of day by the position of hands on a dial | anconeous muscle | (n) the muscle that extends the forearm and abducts the ulna in pronation of the wrist, Syn. musculus anconeus | annular eclipse | (n) only a thin outer disk of the sun can be seen | antagonistic muscle | (n) (physiology) a muscle that opposes the action of another | antarctic circle | (n) a line of latitude north of the south pole | anterior serratus muscle | (n) muscles that rotate the scapula and elevate the rib cage, Syn. serratus anterior, musculus serratus anterior, serratus magnus | anticlimactic | (adj) of or relating to a sudden change from an impressive to a ludicrous style, Syn. anticlimactical | anticlimactic | (adj) coming after the climax especially of a dramatic or narrative plot, Ant. climactic | anticlimax | (n) a disappointing decline after a previous rise | anticlimax | (n) a change from a serious subject to a disappointing one, Syn. bathos | anticlinal | (adj) sloping downward away from a common crest, Ant. synclinal | anticyclone | (n) (meteorology) winds spiraling outward from a high pressure center; circling clockwise in the northern hemisphere and counterclockwise in the southern, Ant. cyclone | anticyclonic | (adj) of or relating to or characteristic of the atmosphere around a high pressure center | antiparticle | (n) a particle that has the same mass as another particle but has opposite values for its other properties; interaction of a particle and its antiparticle results in annihilation and the production of radiant energy | appendicle | (n) a small appendage | arbitration clause | (n) a clause in a contract providing for arbitration of disputes arising under the contract | arctic circle | (n) a line of latitude near but to the south of the north pole; it marks the northernmost point at which the sun is visible on the northern winter solstice and the southernmost point at which the midnight sun can be seen on the northern summer solstice | armor-clad | (adj) covered with heavy steel, Syn. armour-clad, armor-plated, steel-plated, armour-plated |
| 1st-class | n. 1. a class mail comprising letters, postcards, and other mail sealed against inspection, having a higher priority than second, third, or fourth-class mail; -- it is the highest class of mail not handled in a special manner, as is registered or priority mail. Syn. -- first-class, first-class mail, 1st-class mail [ WordNet 1.5 ] | Acclaim | v. t. [ L. acclamare; ad + clamare to cry out. See Claim, Clamor. ] [ R. ] 1. To applaud. “A glad acclaiming train.” Thomson. [ 1913 Webster ] 2. To declare by acclamations. [ 1913 Webster ] While the shouting crowd Acclaims thee king of traitors. Smollett. [ 1913 Webster ] 3. To shout; as, to acclaim my joy. [ 1913 Webster ] | Acclaim | v. i. To shout applause. [ 1913 Webster ] | Acclaim | n. Acclamation. [ Poetic ] Milton. [ 1913 Webster ] | Acclaimer | n. One who acclaims. [ 1913 Webster ] | Acclamation | n. [ L. acclamatio: cf. F. acclamation. ] 1. A shout of approbation, favor, or assent; eager expression of approval; loud applause. [ 1913 Webster ] On such a day, a holiday having been voted by acclamation, an ordinary walk would not satisfy the children. Southey. [ 1913 Webster ] 2. (Antiq.) A representation, in sculpture or on medals, of people expressing joy. [ 1913 Webster ] 3. In parliamentary usage, the act or method of voting orally and by groups rather than by ballot, esp. in elections; specif. (R. C. Ch.), the election of a pope or other ecclesiastic by unanimous consent of the electors, without a ballot. [ Webster 1913 Suppl. ] Acclamation medals are those on which laudatory acclamations are recorded. Elmes. [ 1913 Webster ]
| Acclamatory | a. Pertaining to, or expressing approval by, acclamation. [ 1913 Webster ] | Acclimatable | a. Capable of being acclimated. [ 1913 Webster ] | Acclimatation | n. [ Cf. F. acclimation. See Acclimate. ] Acclimatization. [ 1913 Webster ] | Acclimate | v. t. [ imp. & p. p. Acclimated p. pr. & vb. n. Acclimating. ] [ F. acclimater; à (l. ad) + climat climate. See Climate. ] To habituate to a climate not native; to acclimatize. J. H. Newman. [ 1913 Webster ] | Acclimatement | n. Acclimation. [ R. ] [ 1913 Webster ] | Acclimation | n. The process of becoming, or the state of being, acclimated, or habituated to a new climate; acclimatization. [ 1913 Webster ] | Acclimatizable | a. Capable of being acclimatized. [ 1913 Webster ] | Acclimatization | n. The act of acclimatizing; the process of inuring to a new climate, or the state of being so inured. Darwin. [ 1913 Webster ] | Acclimatize | v. t. [ imp. & p. p. Acclimatized p. pr. & vb. n. Acclimatizing ] To inure or habituate to a climate different from that which is natural; to adapt to the peculiarities of a foreign or strange climate; said of man, the inferior animals, or plants. [ 1913 Webster ] | Acclimature | n. The act of acclimating, or the state of being acclimated. [ R. ] Caldwell. [ 1913 Webster ] | Acclive | a. Acclivous. [ Obs. ] [ 1913 Webster ] | Acclivitous | a. Acclivous. I. Taylor. [ 1913 Webster ] | Acclivity | n.; pl. Acclivities [ L. acclivitas, fr. acclivis, acclivus, ascending; ad + clivus a hill, slope, fr. root kli to lean. See Lean. ] A slope or inclination of the earth, as the side of a hill, considered as ascending, in opposition to declivity, or descending; an upward slope; ascent. [ 1913 Webster ] | Acclivous | a. [ L. acclivis and acclivus. ] Sloping upward; rising as a hillside; -- opposed to declivous. [ 1913 Webster ] | Accloy | v. t. [ OF. encloyer, encloer, F. enclouer, to drive in a nail, fr. L. in + clavus nail. ] To fill to satiety; to stuff full; to clog; to overload; to burden. See Cloy. [ Obs. ] Chaucer. [ 1913 Webster ] | Aclinic | a. [ Gr. 'a priv. + kli`nein to incline. ] (Physics.) Without inclination or dipping; -- said of the imaginary line near the earth's equator on which the magnetic needle balances itself horizontally, having no dip. The aclinic line is also termed the magnetic equator. Prof. August. [ 1913 Webster ] | Acroclinium | n. 1. 1 a genus of herbs and shrubs of Australia and Southern Africa, with an everlasting flower; most species are usually placed in genus Helipterum. Syn. -- genus Acroclinium [ WordNet 1.5 ] | Acyclic | a. [ Pref. a- not + cyclic. ] Not cyclic; not disposed in cycles or whorls; as: (a) (Bot.) Of a flower, having its parts inserted spirally on the receptacle. (b) (Org. Chem.) Having an open-chain structure; aliphatic. [ Webster 1913 Suppl. ] | Adenosclerosis | ‖n. [ NL.; adeno- + sclerosis. ] (Med.) The hardening of a gland. AS [ Webster 1913 Suppl. ] | Adminicle | n. [ L. adminculum support, orig., that on which the hand rests; ad + manus hand + dim. ending -culym. ] 1. Help or support; an auxiliary. Grote. [ 1913 Webster ] 2. (Law) Corroborative or explanatory proof. [ 1913 Webster ] In Scots law, any writing tending to establish the existence or terms of a lost deed. Bell. [ 1913 Webster ] | Aëroclub | n. [ Aëro- + club. ] A club or association of persons interested in aëronautics. [ Webster 1913 Suppl. ] | Afterclap | n. An unexpected subsequent event; something disagreeable happening after an affair is supposed to be at an end. Spenser. [ 1913 Webster ] | Alicyclic | a. (Org. Chem.) pertaining to compounds that have a ring in the structure, but are not aromatic, as cyclohexane or cyclohexene. Compare aliphatic and aromatic. [ PJC. ] | all-inclusive | adj. 1. broad in scope or content. Syn. -- all-embracing, across-the-board, blanket(prenominal), broad, complete, global, panoptic, wide. [ WordNet 1.5 ] | alpha particle | . (Physics & Chem.) a particle emitted at high velocity from certain radioactive substances. It is identical to the helium nucleus, consisting of two protons and two neutrons. Rays of such particles are called alpha rays. [ Webster 1913 Suppl. +PJC ] | Anaclastic | a. [ Gr. &unr_; to bend back and break; to reflect (light); &unr_; + &unr_; to break. ] 1. (Opt.) Produced by the refraction of light, as seen through water; as, anaclastic curves. [ 1913 Webster ] 2. Springing back, as the bottom of an anaclastic glass. [ 1913 Webster ] Anaclastic glass, a glass or phial, shaped like an inverted funnel, and with a very thin convex bottom. By sucking out a little air, the bottom springs into a concave form with a smart crack; and by breathing or blowing gently into the orifice, the bottom, with a like noise, springs into its former convex form. [ 1913 Webster ]
| Anaclastics | n. (Opt.) That part of optics which treats of the refraction of light; -- commonly called dioptrics. Encyc. Brit. [ 1913 Webster ] | Ancle | n. See Ankle. [ 1913 Webster ] | Angusticlave | n. [ L. angustus narrow + clavus a nail, a stripe. ] (Rom. Antiq.) A narrow stripe of purple worn by the equites on each side of the tunic as a sign of rank. [ Webster 1913 Suppl. ] | Anorthoclase | n. [ Gr. 'an priv. + orthoclase. ] (Min.) A feldspar closely related to orthoclase, but triclinic. It is chiefly a silicate of sodium, potassium, and aluminium. Sp. gr., 2.57 -- 2.60. [ Webster 1913 Suppl. ] | Antanaclasis | ‖n. [ Gr. &unr_;; 'anti`/ + 'ana`klasis a bending back and breaking. See Anaclastic. ] (Rhet.) (a) A figure which consists in repeating the same word in a different sense; as, Learn some craft when young, that when old you may live without craft. (b) A repetition of words beginning a sentence, after a long parenthesis; as, Shall that heart (which not only feels them, but which has all motions of life placed in them), shall that heart, etc. [ 1913 Webster ] | Anticlastic | a. [ Pref. anti- = Gr. kla^n to break. ] Having opposite curvatures, that is, curved longitudinally in one direction and transversely in the opposite direction, as the surface of a saddle. [ 1913 Webster ] | Anticlimax | n. (Rhet.) A sentence in which the ideas fall, or become less important and striking, at the close; -- the opposite of climax. It produces a ridiculous effect. Example: Next comes Dalhousie, the great god of war, Lieutenant-colonel to the Earl of Mar. [ 1913 Webster ] | Anticlinal | n. (Geol.) The crest or line in which strata slope or dip in opposite directions. [ 1913 Webster ] | Anticlinal | a. [ Pref. anti- + Gr. kli`nein to incline. ] 1. Inclining or dipping in opposite directions. See Synclinal. [ 1913 Webster ] 2. (Bot.) occurring at right angles to the surface of a plant organ. [ PJC ] Anticlinal line, Anticlinal axis (Geol.), a line from which strata dip in opposite directions, as from the ridge of a roof. -- Anticlinal vertebra (Anat.), one of the dorsal vertebræ, which in many animals has an upright spine toward which the spines of the neighboring vertebræ are inclined. [ 1913 Webster ]
| Anticline | n. [ See Anticlinal. ] (Geol.) A structure of bedded rocks in which the beds on both sides of an axis or axial plane dip away from the axis; an anticlinal. Contrassted with syncline. [ Webster 1913 Suppl. ] | Anticlinorium | ‖n.; pl. Anticlinoria [ NL., fr. Gr. 'anti` against + kli`nein to incline + 'o`ros mountain. ] (Geol.) The upward elevation of the crust of the earth, resulting from a geanticlinal. [ 1913 Webster ] | Anticly | adv. Oddly; grotesquely. [ 1913 Webster ] | Anticyclone | n. (Meteorol.) A movement of the atmosphere opposite in character, as regards direction of the wind and distribution of barometric pressure, to that of a cyclone. -- An`ti*cy*clon"ic a. -- An`ti*cy*clon"ic*al*ly adv. [ 1913 Webster ] | anticyclonic | adj. 1. of or pertaining to an anticyclone; moving in the opposite direction of a cyclone. [ WordNet 1.5 ] | antiparticle | n. (Physics) A fundamental particle which has the same mass as one of the common fundamental particles, but which has an opposite charge, and for which certain other of the properties (e. g. baryon number, strangeness) may be opposite to that of the normal particle. The antiparticle to an electron is called a positron; the antiparticle to a proton is called an antiproton; the antiparticle to a neutron is called an antineutron. When a particle and its corresponding antiparticle collide, they typically annihilate each other with the production of large quantities of energy, usually in the form of radiation. The interaction of a proton and antiproton cause annihilation with production of mesons. [ PJC ] | Appendicle | n. [ L. appendicula, dim. of. appendix. ] A small appendage. [ 1913 Webster ] | Arbuscle | n. [ L. arbuscula small tree, shrub, dim. of arbor tree. ] A dwarf tree, one in size between a shrub and a tree; a treelike shrub. Bradley. [ 1913 Webster ] | armour-clad | adj. 1. 1 protected with a covering of armor. Syn. -- steel-plated. [ WordNet 1.5 ] Variants: armour-plated, armor-plated, armor-clad |
| 的 | [de, ㄉㄜ˙, 的] of; structural particle: used before a noun, linking it to preceding possessive or descriptive attributive #2 [Add to Longdo] | 的 | [dì, ㄉㄧˋ, 的] aim; clear #2 [Add to Longdo] | 了 | [le, ㄌㄜ˙, 了] (modal particle intensifying preceding clause); (completed action marker) #3 [Add to Longdo] | 了 | [liǎo, ㄌㄧㄠˇ, 了 / 瞭] clear #3 [Add to Longdo] | 个 | [gè, ㄍㄜˋ, 个 / 個] individual; this; that; size; classifier for people or objects in general #10 [Add to Longdo] | 也 | [yě, ㄧㄝˇ, 也] also; too; (in classical Chinese) final particle serving as copula #11 [Add to Longdo] | 这 | [zhè, ㄓㄜˋ, 这 / 這] this; these; (commonly pronounced zhei4 before a classifier, esp. in Beijing) #12 [Add to Longdo] | 上 | [shàng, ㄕㄤˋ, 上] on; on top; upon; first (of two parts); previous or last (week etc); upper; higher; above; previous; to climb; to go into; above; to go up; to attend (class or university); third tone of putonghua #15 [Add to Longdo] | 着 | [zhe, ㄓㄜ˙, 着 / 著] particle attached after verb to indicate action in progress, like -ing ending #26 [Add to Longdo] | 着 | [zhuó, ㄓㄨㄛˊ, 着 / 著] to wear (clothes); to contact; to use; to apply #26 [Add to Longdo] | 与 | [yú, ㄩˊ, 与 / 與] (same as 歟|欤, final particle expression doubt or surprise, similar to 吗 or 呢) #28 [Add to Longdo] | 等 | [děng, ㄉㄥˇ, 等] class; rank; grade; equal to; same as; wait for; await; et cetera; and so on; et al. (and other authors); after; as soon as; once #38 [Add to Longdo] | 地 | [de, ㄉㄜ˙, 地] -ly; structural particle: used before a verb or adjective, linking it to preceding modifying adverbial adjunct #40 [Add to Longdo] | 被 | [bèi, ㄅㄟˋ, 被] by (indicates passive-voice sentences or clauses); to cover; to wear #45 [Add to Longdo] | 给 | [gěi, ㄍㄟˇ, 给 / 給] to; for; for the benefit of; to give; to allow; to do sth (for sb); (passive particle) #51 [Add to Longdo] | 时 | [shí, ㄕˊ, 时 / 時] o'clock; time; when; hour; season; period; surname Shi #52 [Add to Longdo] | 啊 | [a, ㄚ˙, 啊] (a modal particle showing affirmation, approval, or consent) #57 [Add to Longdo] | 下 | [xià, ㄒㄧㄚˋ, 下] down; downwards; below; lower; later; next (week etc); second (of two parts); to decline; to go down #58 [Add to Longdo] | 把 | [bǎ, ㄅㄚˇ, 把] to hold; to contain; to grasp; to take hold of; a handle; particle marking the following noun as a direct object; classifier for objects with handle #62 [Add to Longdo] | 出 | [chū, ㄔㄨ, 出] to go out; to come out; to occur; to produce; to go beyond; to rise; to put forth; to occur; to happen; classifier for dramas, plays, operas etc #67 [Add to Longdo] | 得 | [de, ㄉㄜ˙, 得] structural particle: used after a verb (or adjective as main verb), linking it to following phrase indicating effect, degree, possibility etc #68 [Add to Longdo] | 那 | [nà, ㄋㄚˋ, 那] that; those; commonly pr. nei4 before a classifier, esp. in Beijing #71 [Add to Longdo] | 之 | [zhī, ㄓ, 之] (possessive particle, literary equivalent of 的); him; her; it #76 [Add to Longdo] | 家 | [jiā, ㄐㄧㄚ, 家] home; family; classifier for families or businesses; refers to the philosophical schools of pre-Han China; noun suffix for specialists in some activity such as musician or revolutionary, corresponds to English -ist, -er, -ary or -ian; surname Jia #92 [Add to Longdo] | 吧 | [ba, ㄅㄚ˙, 吧] (modal particle indicating polite suggestion); ...right?; ...OK? #93 [Add to Longdo] | 次 | [cì, ㄘˋ, 次] next in sequence; second; the second (day, time etc); secondary; vice-; sub-; infra-; inferior quality; substandard; order; sequence; hypo- (chem., meaning extra oxygen atom); classifier for enumerated events: time #96 [Add to Longdo] | 可 | [kě, ㄎㄜˇ, 可] can; may; able to; to approve; to permit; certain(ly); to suit; (particle used for emphasis) #97 [Add to Longdo] | 本 | [běn, ㄅㄣˇ, 本] roots or stems of plants; origin; source; this; the current; root; foundation; basis; (classifier for books, periodicals, files etc) #107 [Add to Longdo] | 名 | [míng, ㄇㄧㄥˊ, 名] name; noun (part of speech); place (e.g. among winners); famous; classifier for people #108 [Add to Longdo] | 所 | [suǒ, ㄙㄨㄛˇ, 所] actually; place; classifier for houses, small buildings, institutions etc; that which; particle introducing a relative clause or passive #111 [Add to Longdo] | 种 | [zhǒng, ㄓㄨㄥˇ, 种 / 種] seed; breed; species; race; strain; kind; type; sort; classifier meaning kind, type, sort; classifier for languages #113 [Add to Longdo] | 位 | [wèi, ㄨㄟˋ, 位] position; location; classifier for people; place; seat; classifier for binary bits (e.g. 十六位 16-bit or 2 bytes) #117 [Add to Longdo] | 比 | [bǐ, ㄅㄧˇ, 比] (particle used for comparison and "-er than"); to compare; to contrast; to gesture (with hands); ratio; abbr. for Belgium 比利時|比利时 #118 [Add to Longdo] | 道 | [dào, ㄉㄠˋ, 道] direction; way; method; road; path; classifier for long thin stretches, rivers, roads etc; principle; truth; morality; reason; skill; method; Dao (of Daoism); to say; to speak; to talk #123 [Add to Longdo] | 却 | [què, ㄑㄩㄝˋ, 却 / 卻] but; yet; however; while; to go back; to decline; to retreat; nevertheless #125 [Add to Longdo] | 呢 | [ne, ㄋㄜ˙, 呢] (question particle for subjects already mentioned) #135 [Add to Longdo] | 只 | [zhī, ㄓ, 只 / 隻] classifier for birds and certain animals, one of a pair, some utensils, vessels etc #136 [Add to Longdo] | 起 | [qǐ, ㄑㄧˇ, 起] to rise; to raise; to get up; to initiate (action); classifier for cases or unpredictable events #145 [Add to Longdo] | 走 | [zǒu, ㄗㄡˇ, 走] to walk; to go; to run; to move (of vehicle); to visit; to leave; to go away; to die (euph.); from; through; away (in compound verbs, such as 撤走); to change (shape, form, meaning) #154 [Add to Longdo] | 车 | [chē, ㄔㄜ, 车 / 車] car; vehicle; CL:輛|辆[ liang4 ]; machine; to shape with a lathe; surname Che #195 [Add to Longdo] | 车 | [jū, ㄐㄩ, 车 / 車] vehicle on land #195 [Add to Longdo] | 要求 | [yāo qiú, ㄧㄠ ㄑㄧㄡˊ, 要 求] request; require; stake a claim (to something); to ask; to demand #196 [Add to Longdo] | 跟 | [gēn, ㄍㄣ, 跟] heel; to follow closely; to go with; to marry sb (of woman); with; towards; as (compared to); from (different from); and (in addition to) #202 [Add to Longdo] | 岁 | [suì, ㄙㄨㄟˋ, 岁 / 歲] year; years old; classifier for years old #225 [Add to Longdo] | 则 | [zé, ㄗㄜˊ, 则 / 則] (expresses contrast with a previous sentence or clause); standard; norm; rule; to imitate; to follow; then; principle #227 [Add to Longdo] | 开 | [kāi, ㄎㄞ, 开 / 開] to open; to start; to turn on; to write out (a medical prescription); to operate (vehicle); abbr. for 開爾文|开尔文 degrees Kelvin #236 [Add to Longdo] | 部 | [bù, ㄅㄨˋ, 部] ministry; department; section; part; division; troops; board; (classifier for works of literature, films, machines etc) #246 [Add to Longdo] | 场 | [cháng, ㄔㄤˊ, 场 / 場] threshing floor; classifier for events and happenings; classifier for number of some languages and actions (cannot be followed by a noun) #247 [Add to Longdo] | 场 | [chǎng, ㄔㄤˇ, 场 / 場] a place; an open space; a field; a courtyard; classifier for events such as sports matches, concerts, or cultural events; classifier for number of exams #247 [Add to Longdo] | 股 | [gǔ, ㄍㄨˇ, 股] share; portion; section; part; thigh; (classifier for smells, electric currents, spirals etc); whiff #248 [Add to Longdo] |
| 込める | [こめる, komeru] TH: รวมไว้ EN: to include | 着せる | [きせる, kiseru] TH: สวมเสื้อให้ EN: to put on clothes | 風雲 | [ふううん, fuuun] TH: เมฆลม EN: winds and clouds | 暴く | [あばく, abaku] TH: แฉโพย EN: to disclose | 成り立つ | [なりたつ, naritatsu] TH: สรุปได้ EN: to conclude | 決定的 | [けっていてき, ketteiteki] TH: ถึงที่สุด EN: conclusive | 取り巻く | [とりまく, torimaku] TH: ล้อมรอบ EN: to circle | 閉める | [しめる, shimeru] TH: ปิด EN: to close (vt) | 近い | [ちかい, chikai] TH: ใกล้ EN: near, close by | 脱ぐ | [ぬぐ, nugu] TH: ถอดเสื้อผ้า EN: to take off clothes | 障害 | [しょうがい, shougai] TH: อุปสรรค EN: obstacle | 組み込む | [くみこむ, kumikomu] TH: ประกอบไปด้วย EN: to include | 澄む | [すむ, sumu] TH: สดใส EN: to clear (e.g. weather) | 曇る | [くもる, kumoru] TH: มืดครึ้ม EN: to become cloudy | 内祝 | [うちいわい, uchiiwai] TH: การให้ของขวัญหรือเงินแก่เครือญาติหรือเพื่อนสนิทเพื่อแสดงความยินดี EN: gifts for close relatives or friends | 商品 | [しょうひん, shouhin] TH: สินค้า EN: article of commerce | 小物 | [こもの, komono] TH: ของจุกจิก ชิ้นเล็ก ๆ EN: small articles | 傾く | [かたむく, katamuku] TH: เอียง EN: to incline | 組 | [くみ, kumi] TH: คำเรียกระดับชั้นเรียน EN: class | 叩く | [たたく, tataku] TH: ปรบมือ EN: to clap | 読者層 | [どくしゃそう, dokushasou] TH: กลุ่มผู้อ่าน EN: class of readers | 乗り越える | [のりこえる, norikoeru] TH: ข้าม EN: to climb over | 抱きしめる | [だきしめる, dakishimeru] TH: กอดรัด EN: to hug someone close |
| clever | (adj) ฉลาดแกมโกง มีไหวพริบ (มีความหมายต่างจาก intelligent เล็กน้อย), See also: raffiniert |
| | | | は | [ha] (prt) (1) (pronounced わ in modern Japanese) topic marker particle; (2) indicates contrast with another option (stated or unstated); (3) adds emphasis; (P) #4 [Add to Longdo] | と | [to] (prt, conj) (1) if; when; (2) and; (3) with; (4) particle used for quoting (with speech, thoughts, etc.); (n) (5) (abbr) (See と金) promoted pawn (shogi); (P) #10 [Add to Longdo] | こと | [koto] (prt) (1) (particle always used at sentence-end) particle indicating a command; (2) (fem) (often as ことね) particle indicating mild enthusiasm; (3) particle indicating a gentle interrogative; (4) (at sentence end as ことよ) particle used to soften a judgment or conclusion #21 [Add to Longdo] | や | [ya] (prt) (1) such things as (non-exhaustive list related to a specific time and place); and ... and; (2) (See や否や) (after the dictionary form of a verb) the minute (that) ...; no sooner than ...; (int) (3) punctuational exclamation in haiku, renga, etc.; (aux) (4) (ksb #31 [Add to Longdo] | ん | [n] (int) (1) (abbr) used to express approval, especially in slurred or unclear speech (abbr. of interjection "un"); (2) (See ぬ・1) negative verb ending used in informal speech (abbr. of negative verb ending "nu"); (3) (See 乃・の) abbr. of particle "no"; (4) (See に) abbr. of particle "ni" (used especially when it precedes the verb "naru") #43 [Add to Longdo] | 記事 | [きじ, kiji] (n) article; news story; report; account; (P) #60 [Add to Longdo] | 会 | [かい, kai] (n, n-suf) (1) meeting; assembly; party; (2) association; club; (P) #98 [Add to Longdo] | 時 | [どき, doki] (suf) (1) hour; o'clock; (suf, adj-no) (2) (See 緊急時) (specified) time; when ...; during ... #101 [Add to Longdo] | 部 | [べ, be] (n, n-suf) (1) (higher than a 課) department (in an organization); division; bureau; (2) club; (3) part; component; element; (4) category; (ctr) (5) counter for copies of a newspaper or magazine; (P) #104 [Add to Longdo] | 上 | [じょう, jou] (n-suf) (1) from the standpoint of; as a matter of (e.g. fact); in the field of; being of the type of; (2) aboard (a ship or vehicle); on top of; on; above; (n) (3) (See 下・げ・2) first volume (e.g. book); (n, pref) (4) superior quality; best; top; high class; (5) going up; (6) governmental; imperial; (7) presenting; showing; (pref) (8) ana- (medical, biol.); (P) #111 [Add to Longdo] | 位 | [くらい, kurai] (adv, suf) (1) (orig. from 座居, meaning "seat") throne; crown; (nobleman's) seat; (2) (See 位階) government position; court rank; (3) social standing; rank; class; echelon; rung; (n) (4) grade (of quality, etc.); level; tier; rank; (5) (See 桁・2) digit (e.g. the tens, the hundreds, etc.); place; (6) (See どの位) degree; extent; amount; (P) #116 [Add to Longdo] | なら(P);ならば(P) | [nara (P); naraba (P)] (aux) (1) (hypothetical form of the copula だ, from なり and sometimes classed as a particle) if; in case; if it is the case that; if it is true that; (2) (なら only) as for; on the topic of; (conj) (3) (col) (abbr) (See それなら) if that's the case; if so; that being the case; (4) (ならば only) if possible; if circumstances allow; (P) #141 [Add to Longdo] | 金 | [きん, kin] (n, n-suf) (1) gold; golden (color); metaphor for (most) valuable; gold (medal, cup); (2) money (written before an amount); (3) (abbr) (See 金曜) Friday; (4) (See 五行・1) metal (fourth of the five elements); (5) Jin (dynasty of China; 1115-1234 CE); (6) (abbr) (See 金将) gold general (shogi); (7) (abbr) (col) (See 金玉・きんたま) testicles; (suf, ctr) (8) karat; carat; (P) #176 [Add to Longdo] | 局 | [つぼね, tsubone] (n) (1) court lady; lady-in-waiting (Heian period); (2) (See 曹司・1) separate room in a palace (esp. for a lady) (Heian period); (3) room for a very low class prostitute; (4) (See 局女郎) very low class prostitute #177 [Add to Longdo] | 大学(P);大學(oK) | [だいがく, daigaku] (n) (1) (See 総合大学) post-secondary education institution, incl. university, college, etc.; (2) (abbr) (See 大学寮, 国学・こくがく・2) former central university of Kyoto (established under the ritsuryo system for the training of government administrators); (3) (See 四書) the Great Learning - one of the Four Books; (P) #195 [Add to Longdo] | 型 | [かた(P);がた, kata (P); gata] (n) (1) model; type (e.g. of machine, goods, etc.); (2) (がた when a suffix) (See 朝型) type; style; pattern; (3) mold (mould); template; model; (4) kata (standard form of a movement, posture, etc. in martial arts, sport, etc.); (5) form (i.e. customary procedure); (6) size (i.e. clothing, shoes); (7) (obsc) (See 品種) (taxonomical) form; (P) #203 [Add to Longdo] | 等 | [ら, ra] (n, n-suf, ctr) (1) class; order; rank; (suf) (2) (See 等・など) et cetera (etc.); and the like; (pref) (3) equal #221 [Add to Longdo] | 氏 | [し, shi] (suf) (1) (hon) Mr; (n) (2) clan; (3) (hon) he; him; (ctr) (4) (hon) counter for people #225 [Add to Longdo] | 高等 | [こうとう, koutou] (adj-na, n, adj-no) high class; high grade; (P) #228 [Add to Longdo] | 事典 | [じてん(P);ことてん, jiten (P); kototen] (n) cyclopedia; encyclopedia; (P) #309 [Add to Longdo] | 車 | [くるま, kuruma] (n) (1) car; automobile; vehicle; (2) wheel; (P) #327 [Add to Longdo] | クラブ | [kurabu] (n) (1) club (e.g. golf, tennis); (2) clubs (card suit); (3) (See 蟹) crab; (P) #332 [Add to Longdo] | 巻(P);巻き | [まき, maki] (n) (1) roll (e.g. of cloth); (2) winding; (3) volume (of book); (P) #343 [Add to Longdo] | 事 | [じ, ji] (n) (1) thing; matter; (2) incident; occurrence; event; something serious; trouble; crisis; (3) circumstances; situation; state of affairs; (4) work; business; affair; (5) after an inflectable word, creates a noun phrase indicating something the speaker does not feel close to; (n-suf) (6) (See 事・ごと・1) nominalizing suffix; (7) (See 事・ごと・2) pretending to ...; playing make-believe ...; (P) #353 [Add to Longdo] | 百科 | [ひゃっか, hyakka] (n) (1) many objects (for study); (2) (abbr) (See 百科事典) encyclopedia; encyclopaedia #361 [Add to Longdo] | 文章 | [ぶんしょう, bunshou] (n) (1) { ling } sentence; article; composition; (2) (writing) style; (P) #388 [Add to Longdo] | 円(P);圓(oK) | [えん(P);まる, en (P); maru] (n) (1) (えん only) Yen; money; (2) circle; (P) #395 [Add to Longdo] | 級 | [きゅう, kyuu] (n, n-suf) class, grade, rank; school class, grade; (P) #403 [Add to Longdo] | 終了 | [しゅうりょう, shuuryou] (n, vs) end; close; termination; (P) #426 [Add to Longdo] | 節 | [よ, yo] (n) (1) occasion; time; (2) section (of a literary work); paragraph; verse; stanza; passage; (3) node (of a plant stem); (4) { ling } clause; (5) (taxonomical) section; (P) #501 [Add to Longdo] | 側(P);傍;端 | [そば(側;傍)(P);そく(側);はた, soba ( gawa ; bou )(P); soku ( gawa ); hata] (n) (1) near; close; beside; vicinity; proximity; besides; while; (2) (はた only) third person; (P) #561 [Add to Longdo] | 最終 | [さいしゅう, saishuu] (n, adj-no) last; final; closing; (P) #585 [Add to Longdo] | 明記 | [めいき, meiki] (n, vs) clear writing; specification; (P) #605 [Add to Longdo] | 山 | [やま, yama] (n, ctr) (1) mountain; hill; (2) mine (e.g. coal mine); (3) heap; pile; (n) (4) crown (of a hat); thread (of a screw); tread (of a tire); (5) climax; peak; critical point; (6) guess; speculation; (7) (used by policemen, crime reporters, etc.) criminal case; crime; (8) (See 山鉾) festival float (esp. one mounted with a decorative halberd); (n-pref) (9) wild; (P) #606 [Add to Longdo] | 歌(P);唄(P);詩 | [うた, uta] (n) (1) (歌, 唄 only) (唄 is primarily used for shamisen songs) song; (2) (歌 only) (See 短歌) classical Japanese poetry (esp. tanka); (3) (歌, 詩 only) modern poetry; (P) #610 [Add to Longdo] | 車両(P);車輛(oK);車輌(oK) | [しゃりょう, sharyou] (n) rolling stock; railroad cars; vehicles; (P) #617 [Add to Longdo] | 曖昧(P);あい昧 | [あいまい, aimai] (adj-na, n) (1) vague; ambiguous; unclear; (2) { math;comp } fuzzy; (P) #668 [Add to Longdo] | ○;〇(iK) | [まる, maru] (n) (1) circle (sometimes used for zero); (2) (See ◎) (ant #677 [Add to Longdo] | 最後 | [さいご, saigo] (n, adj-no) (1) last; end; conclusion; latest; most recent; (exp) (2) (after -tara form or -ta form followed by "ga") no sooner than; right after (often having negative consequences); (3) (arch) (See 最期) one's final moments; (P) #683 [Add to Longdo] | 台 | [だい, dai] (n, n-suf) (1) stand; rack; table; (2) support; (3) belt; (ctr) (4) counter for machines, incl. vehicles; (n) (5) setting (e.g. in jewellery); (n, n-suf, ctr) (6) (See 代・だい・2, 代・だい・6) level (e.g. price level); range (e.g. after physical units); period (of time, e.g. a decade of one's life); (P) #686 [Add to Longdo] | 掲載 | [けいさい, keisai] (n) (1) publication (e.g. article in paper); appearance; insertion; (vs) (2) to insert (e.g. an article); to run (e.g. in a newspaper); to carry (e.g. an article); (P) #713 [Add to Longdo] | 派 | [は, ha] (n, n-suf) clique; faction; school; (P) #717 [Add to Longdo] | 組(P);組み(P) | [くみ, kumi] (n) (1) (pronounced ぐみ as a suffix) set (of items); (2) group (of people); class (of students); company (esp. construction); family (i.e. mafia); team; (3) typesetting; composition; (P) #753 [Add to Longdo] | 条 | [じょう, jou] (n) (1) article (in document); provision; (2) stripe; streak; line #754 [Add to Longdo] | 一方 | [ひとかた, hitokata] (n) (1) one (esp. of two); the other; one way; the other way; one direction; the other direction; one side; the other side; one party; the other party; (conj) (2) (See 他方・2) on the one hand; on the other hand; (3) whereas; although; but at the same time; meanwhile; in turn; (n-adv, n-suf) (4) (after noun, adjective-stem or plain verb) just keeps; being inclined to ...; tending to be ...; tending to do ...; continuously ...; just keeps on ...ing; only; (P) #802 [Add to Longdo] | 分類 | [ぶんるい, bunrui] (n, vs) classification; categorization; sorting; (P) #819 [Add to Longdo] | 判断 | [はんだん, handan] (n, vs) judgement; judgment; decision; adjudication; conclusion; decipherment; divination; (P) #823 [Add to Longdo] | とも | [tomo] (prt) (1) certainly; of course; to be sure; surely; (2) even if; no matter (who, what, when, where, why, how); though; although; (3) (with neg. verb) without even; without so much as; (4) (after an adverb) (See 遅くとも) at the (least, earliest, etc.); (5) (sometimes esp. an emphatic form of the particle と) (See と・1, と・2, と・3, と・4) emphatic particle; (P) #841 [Add to Longdo] | 行 | [こう, kou] (n, n-suf) (1) going; travelling (traveling); (2) type of classical Chinese verse (usu. an epic); (3) (arch) district (of similar merchants); guild; (suf, pref) (4) bank #873 [Add to Longdo] | 対 | [つい, tsui] (n) (1) pair; couple; set; (2) (See 対句) antithesis; (ctr) (3) counter for items that come in pairs; (4) counter for sets (of clothes, small furniture, utensils, etc.); (P) #879 [Add to Longdo] |
| エミッタ結合素子 | [エミッタけつごうそし, emitta ketsugousoshi] ECL, Emitter Coupled Logic [Add to Longdo] | オラクル | [おらくる, orakuru] Oracle [Add to Longdo] | クライアント | [くらいあんと, kuraianto] client [Add to Longdo] | クライアントサーバコンピューティング | [くらいあんとさーばこんぴゅーていんぐ, kuraiantosa-bakonpyu-teingu] client-server computing [Add to Longdo] | クライアントハブ | [くらいあんとはぶ, kuraiantohabu] client hub [Add to Longdo] | クラスタ | [くらすた, kurasuta] cluster [Add to Longdo] | クラスタ装置 | [クラスタそうち, kurasuta souchi] clustered device [Add to Longdo] | クラス階層 | [クラスかいそう, kurasu kaisou] class hierarchy [Add to Longdo] | クラッド | [くらっど, kuraddo] clad, cladding (of a fiber) [Add to Longdo] | クラッド径 | [クラッドけい, kuraddo kei] clad(ding) diameter [Add to Longdo] | クリア | [くりあ, kuria] clear (vs) [Add to Longdo] | クリアエリア | [くりあえりあ, kuriaeria] clear area [Add to Longdo] | クリアエントリー機能 | [クリアエントリーきのう, kuriaentori-kinou] clear entry function [Add to Longdo] | クリアバンド | [くりあばんど, kuriabando] clear band [Add to Longdo] | クリアリングハウス | [くりありんぐはうす, kuriaringuhausu] clearing house [Add to Longdo] | クリック | [くりっく, kurikku] click (vs) [Add to Longdo] | クリッピング | [くりっぴんぐ, kurippingu] clipping [Add to Longdo] | クリップアート | [くりっぷあーと, kurippua-to] clip art [Add to Longdo] | クリップボード | [くりっぷぼーど, kurippubo-do] clipboard [Add to Longdo] | クレームトークン | [くれーむとーくん, kure-muto-kun] claim token [Add to Longdo] | クローズ | [くろーず, kuro-zu] close (vs) [Add to Longdo] | クローズドシステム | [くろーずどしすてむ, kuro-zudoshisutemu] closed system [Add to Longdo] | クローズドショップ | [くろーずどしょっぷ, kuro-zudoshoppu] closed shop [Add to Longdo] | クローン | [くろーん, kuro-n] clone [Add to Longdo] | クローンメーカ | [くろーんめーか, kuro-nme-ka] clone maker [Add to Longdo] | クロッキング | [くろっきんぐ, kurokkingu] clocking [Add to Longdo] | クロック | [くろっく, kurokku] clock [Add to Longdo] | クロックサイクル | [くろっくさいくる, kurokkusaikuru] clock cycle [Add to Longdo] | クロックスピード | [くろっくすぴーど, kurokkusupi-do] clock speed [Add to Longdo] | クロックトラック | [くろっくとらっく, kurokkutorakku] clock track [Add to Longdo] | クロックパルス | [くろっくぱるす, kurokkuparusu] clock signal, clock pulse [Add to Longdo] | クロックレート | [くろっくれーと, kurokkure-to] clock rate [Add to Longdo] | クロック供給源 | [クロックきょうきゅうげん, kurokku kyoukyuugen] clock source [Add to Longdo] | クロック周波数 | [クロックしゅうはすう, kurokku shuuhasuu] clock frequency [Add to Longdo] | クロック信号 | [くろっくしんごう, kurokkushingou] clock signal, clock pulse [Add to Longdo] | クロック速度 | [クロックそくど, kurokku sokudo] clock speed, clock frequency, clock rate [Add to Longdo] | クロック分配 | [クロックぶんぱい, kurokku bunpai] clock (signal) distribution [Add to Longdo] | グローバル宣言 | [グローバルせんげん, guro-baru sengen] global declaration [Add to Longdo] | サーバクライアント型 | [サーバクライアントがた, sa-bakuraianto gata] client-server model [Add to Longdo] | サービスクラス | [さーびすくらす, sa-bisukurasu] service class [Add to Longdo] | サービス種別 | [サービスしゅべつ, sa-bisu shubetsu] service class [Add to Longdo] | サイクル | [さいくる, saikuru] cycle [Add to Longdo] | サイクルスチール | [さいくるすちーる, saikurusuchi-ru] cycle stealing [Add to Longdo] | サイクルタイム | [さいくるたいむ, saikurutaimu] cycle time [Add to Longdo] | サイクル時間 | [サイクルじかん, saikuru jikan] cycle time [Add to Longdo] | サブクラス | [さぶくらす, sabukurasu] subclass [Add to Longdo] | システムクロック | [しすてむくろっく, shisutemukurokku] system clock [Add to Longdo] | システムライフサイクル | [しすてむらいふさいくる, shisutemuraifusaikuru] system life cycle [Add to Longdo] | システム宣言 | [システムせんげん, shisutemu sengen] system declaration [Add to Longdo] | シンクライアント | [しんくらいあんと, shinkuraianto] thin client [Add to Longdo] |
| 山岳部 | [さんがくぶ, sangakubu] Bergsteiger_Club [Add to Longdo] | 徒党 | [ととう, totou] -Bande, Clique, Verschwoerer [Add to Longdo] | 派閥 | [はばつ, habatsu] Clique [Add to Longdo] | 肥える | [こえる, koeru] dick_werden, fett_werden, fruchtbar_werden, einen_feinen_Geschmacl_haben [Add to Longdo] | 藩 | [はん, han] FEUDALER_CLAN, FEUDALHERR [Add to Longdo] | 藩主 | [はんしゅ, hanshu] Haupt_eines_Clans, Feudalherr [Add to Longdo] | 藩閥 | [はんばつ, hanbatsu] -Clan [Add to Longdo] | 軍閥 | [ぐんばつ, gunbatsu] Militaerclique [Add to Longdo] | 閥 | [ばつ, batsu] CLIQUE, CLAN, PARTEI [Add to Longdo] |
|
add this word
You know the meaning of this word? click [add this word] to add this word to our database with its meaning, to impart your knowledge for the general benefit
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |