ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ดอย, -ดอย- |
ดอย | (n) mountain, See also: hill, Syn. ภูเขา, Example: เขาไปสอนหนังสือชาวเขาอยู่บนดอย, Count Unit: ดอย, ลูก | คนดอย | (n) hill tribe, See also: mountaineer, Syn. ชาวดอย, ชาวเขา, คนภูเขา, Example: เราสามารถสอบสวนเรื่องความเป็นอยู่ของคนดอยตามหลักวิชาชาติพันธุ์วิทยา, Count Unit: คน | คนดอย | (n) hill tribe, See also: mountaineer, Syn. ชาวดอย, ชาวเขา, คนภูเขา, Example: เราสามารถสอบสวนเรื่องความเป็นอยู่ของคนดอยตามหลักวิชาชาติพันธุ์วิทยา, Count Unit: คน | ชาวดอย | (n) hill-man, See also: tribespeople, Syn. ชาวเขา, ชาวดอย, คนดอย, คนภูเขา | อดอยาก | (v) starve, Syn. อดๆ อยากๆ, Ant. มีกิน, Example: บนเรือสินค้าที่ผมนั่งไปนั้น ไม่ได้อดอยากอะไร, Thai Definition: ไม่มีจะกิน, ขาดแคลนอาหาร, มีไม่พอกิน | ความอดอยาก | (n) starvation, See also: famine, destitution, Example: การผลิตอาหารของโลกมีปัญหาจนถึงขั้นทำให้เกิดความอดอยาก, Thai Definition: การไม่มีจะกิน, การขาดแคลนอาหาร, การไม่มีพอกิน | ติดอยู่ในใจ | (v) be doubtful, See also: be suspicious, be questionable, be dubious, Syn. ค้างคาใจ, Example: การกระทำที่ผ่านมาของเขายังติดอยู่ในใจผม จึงทำให้ผมไม่สามารถเชื่อใจเขาได้อีก, Thai Definition: ข้องอยู่ในใจ, ยังคงค้างคาใจอยู่ | ประดิดประดอย | (v) elaborate, See also: decorate, embellish, adorn, trim, Syn. ประดอย, Example: เธอนั่งประดิดประดอยร้อยพวงมาลัย, Thai Definition: บรรจงทำให้งดงามและละเอียดลออยิ่งขึ้น | ติดอยู่ที่ปาก | (v) be stuck at one's lips, Example: ชื่อร้านอาหารมันติดอยู่ที่ปาก, Thai Definition: นึกไม่ออกโดยกะทันหัน | อดอยากปากแห้ง | (v) starve, See also: be famished, be short of food, Syn. อดอยาก, อดโซ, อดข้าวอดน้ำ, Example: พวกที่เป็นรัฐมนตรีรวย แต่ชาวบ้านต้องอดอยากปากแห้ง, Thai Definition: ขาดแคลนอาหาร, ไม่มีพอกิน, ไม่มีจะกิน | อย่างใดอย่างหนึ่ง | (adj) either...or..., See also: one or the other, Example: เด็กๆ สามารถเลือกของอย่างใดอย่างหนึ่งบนโต๊ะนั่นได้ | อย่างใดอย่างหนึ่ง | (adj) either...or..., See also: one or the other, Example: เด็กๆ สามารถเลือกของอย่างใดอย่างหนึ่งบนโต๊ะนั่นได้ |
|
| ดอย ๑ | น. ภูเขา. | ดอย ๒ | ก. ผูก, มัด, เช่น ดอยศพ. | ดอย ๓ | ก. ตอก เช่น ดอยลูกทอยขึ้นต้นไม้ | ดอย ๓ | ชก, ตี, เช่น ดอยลูกคาง | ดอย ๓ | ทอย, ปา. | ประดอย | ก. ทำให้งดงามและละเอียดลออยิ่งขึ้น, มักใช้เข้าคู่กับคำ ประดิด เป็น ประดิดประดอย. | ประดิดประดอย | ก. บรรจงทำให้งดงามและละเอียดลออยิ่งขึ้น, ใช้ว่า ประดอย ก็ได้. | พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ | ก. พูดห้วน ๆ. | หมากัดอย่ากัดตอบ | ก. อย่าลดตัวลงไปต่อสู้หรือต่อปากต่อคำกับคนพาลหรือคนที่มีศักดิ์ต่ำกว่า. | อดอยาก | ก. ไม่มีจะกิน, ขาดแคลนอาหาร, มีไม่พอกิน. | อดอยากปากแห้ง | ก. ไม่ได้กินของที่อยากกิน, อดแห้งอดแล้ง ก็ว่า. | กฎหมู่ | น. การกดดันที่บุคคลจำนวนมากนำมาใช้บีบบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำหรือเว้นกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง (มักไม่เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย). | ก้นปิด | ว. เรียกใบไม้ที่มีก้านติดอยู่ภายในของใบ เช่นใบบัว ใบมะละกอ ว่า ใบก้นปิด. | กระจาน | น. แผ่นตะกั่วหรือโลหะแผ่นเล็ก ๆ บาง ๆ ที่ติดอยู่เหนือเบ็ดสำหรับล่อปลา. | กระแจะ ๓ | น. ชื่อรูปปลอกเหล็กสำหรับจับช้างดุ ทางปลายสัณฐานปากเปิดอย่างคีมคีบเบ้าทองเหลือง มีกำลังหดตัวให้ปลายจดเข้าหากันได้ ที่ริมปากมีงาแซงทำด้วยเหล็กปลายแหลมข้างละอัน ที่โคนปลอกมีที่สำหรับสวมคันไม้ไผ่ที่ทะลวงให้กลวง ร้อยเชือกซึ่งผูกจากปลอกลอดออกมาจากคันไม้ ใช้สำหรับพุ่งเข้าไปเกาะขาช้างข้างใดข้างหนึ่งไว้ เมื่อเกาะได้แล้ว โรยปลายไปผูกกับขอนไม้ไว้เพื่อช้างจะได้ลาก ช้างกำลังดุก็ลากไป งาแซงก็จะฝังลึกเข้าไปทุกทีจนไม่สามารถจะก้าวขาได้ ก็เป็นอันจับได้ | กระโจมกระจาม | ก. พรวดพราดอย่างลุกลน (เป็นคำใช้ในทางที่ติ). | กระเช้าสวรรค์ | น. อุปกรณ์เพื่อความเพลิดเพลินชนิดหนึ่ง มักมีตามสวนสนุกและในงานเทศกาลต่าง ๆ ประกอบด้วยล้อโลหะขนาดใหญ่คู่ขนานกัน หมุนด้วยแรงกลในแนวตั้งรอบแกนที่ติดอยู่กับที่ มีที่นั่งคล้ายกระเช้าห้อยติดอยู่เป็นช่วง ๆ ระหว่างโครงของล้อทั้ง ๒, ชิงช้าสวรรค์ ก็ว่า. | กระโชกกระชาก | ว. อาการพูดอย่างตวาดหรืออย่างกระแทกเสียง. | กระแตไต่ไม้ ๒ | น. ชื่อเฟินอิงอาศัยชนิด <i> Drynaria quercifolia</i> (L.) J. Sm. ในวงศ์ Polypodiaceae ขึ้นเกาะตามต้นไม้ใหญ่ในป่าที่ชุ่มชื้น เหง้ามีขนเป็นปุยสีนํ้าตาลแก่คล้ายกระแต ใบมี ๒ ชนิด คือ ใบสร้างอับสปอร์ ยาวประมาณ ๑ เมตร เว้าเป็นแฉกลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ และมีอับสปอร์เป็นจุด ๆ สีนํ้าตาลเข้มใต้ใบ ใบไม่สร้างอับสปอร์ ขนาดประมาณฝ่ามือ ขอบจักหยาบ ๆ สีนํ้าตาล แข็งติดอยู่กับเหง้าจนผุ ไม่หล่นเหมือนใบสร้างอับสปอร์ ทำหน้าที่กักปุ๋ย, กระปรอกว่าว ใบหูช้าง สไบนาง สะโมง หรือ หัวว่าว ก็เรียก. | กระแตเวียน | น. อุปกรณ์สำหรับช่วยให้เด็กหัดเดิน ทำด้วยกระบอกไม้ไผ่ให้มีข้อติดอยู่ข้างหนึ่ง แล้วสวมลงกับหลักไม้ เหนือข้อตอนบนสอดไม้ขวางให้ยาวพอสมควรสำหรับให้เด็กเกาะประคองตัวหัดเดิน. | กระเป๋า ๑ | น. เครื่องใช้รูปคล้ายถุงหรือกระเพาะ ทำด้วยหนังบ้าง ผ้าบ้าง สำหรับใส่เงินหรือของต่าง ๆ ใช้คาดเอวก็มี ติดอยู่ในตัวเสื้อหรือกางเกงก็มี ใช้หิ้วก็มี | กระโปก ๒ | น. เครื่องเกวียนสำหรับยึดเพลา ติดอยู่กับตัวทูบ. | กระพังเหิร | น. ชื่อการฟันด้วยขอช้างวิธีหนึ่ง คือฟันให้หยุดอย่างชะงัก. | กระพัด | น. เชือกหรือลวดหนังตีเป็นเกลียวหุ้มผ้าแดง ปรกติคล้องผูกอยู่รอบคอช้าง เมื่อตั้งสัปคับหรือกูบอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้ปลายทั้ง ๒ ข้างผูกสัปคับหรือกูบเพื่อรั้งมิให้เลื่อนไปทางท้ายช้างขณะเดินขึ้นที่ชัน, เขียนเป็น กระพัตร ก็มี เช่น และกระพัตรรัตคนควร (ดุษฎีสังเวย). | กระแสจิต | น. กระแสความนึกคิดหรือกระบวนความนึกคิดที่เกิดดับต่อเนื่องกันไป, เรียกอาการที่ส่งความนึกคิดติดต่อกันระหว่างจิตของคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างกันโดยไม่ต้องอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง ว่า การส่งกระแสจิต. | กระหม่อม | น. ส่วนของกะโหลกอยู่ตรงแนวกลางศีรษะ แต่ตํ่ากว่าส่วนสูงสุดลงมาใกล้หน้าผาก ในเด็กแรกเกิดจนถึง ๒ ขวบส่วนนี้จะมีเนื้อเยื่ออ่อนปิดรอยประสานกะโหลกที่ยังเปิดอยู่ หลังจากนั้นเนื้อเยื่ออ่อนนี้จะกลายเป็นกระดูก, โดยปริยายหมายรวม ๆ ว่า หัว เช่น เป่ากระหม่อม ลงกระหม่อม, ขม่อม ก็ว่า | กระหมุบกระหมิบ | ก. หมุบหมิบ, อาการที่ริมฝีปากเผยอขึ้นและหุบลงโดยเร็ว, อาการของปากที่พูดอย่างไม่ออกเสียง, เช่น ทำปากกระหมุบกระหมิบ สวดมนต์กระหมุบกระหมิบ. | กระอ้อกระแอ้ | ว. อ้อแอ้, อาการออกเสียงของเด็กที่เริ่มหัดพูด, อาการที่พูดไม่ชัดอย่างคนเมา. | กรับ ๒ | (กฺรับ) ก. แห้งติดอยู่เหมือนกาวติดชาม ว่า กรับแห้ง. | กลอุปกรณ์ | (กนอุปะกอน, กนอุบปะกอน) น. อุปกรณ์เชิงกลที่ออกแบบหรือผลิตขึ้นเพื่อใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง. | กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ | ว. กว่าจะได้ผลดังประสงค์ ก็ต้องเสียอย่างใดอย่างหนึ่งไป ดุจเอาถั่วกับงามาคั่วพร้อมกัน กว่าจะคั่วจนถั่วสุก งาก็จะไหม้หมดไปก่อน. | กสิณ | (กะสิน) น. สมถกรรมฐานหมวดหนึ่งที่กำหนดอารมณ์โดยอาศัยธาตุ ๔ คือ ปฐวี (ดิน) อาโป (นํ้า) เตโช (ไฟ) วาโย (ลม), วรรณะ (สี) ๔ คือ นีล (สีเขียวคราม) ปีต (สีเหลือง) โลหิต (สีแดง) โอทาต (สีขาว), อากาศ (ที่ว่าง) และ อาโลก (แสงสว่าง) รวมเป็น ๑๐ อย่าง โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งในการกำหนดอารมณ์ให้เหมาะกับจริตของผู้ที่จะเจริญกรรมฐาน. | ก่อหวอด | ก. อาการที่ปลาบางชนิดมีปลากัด ปลาช่อน เป็นต้น พ่นฟองน้ำไว้สำหรับเก็บไข่, โดยปริยายหมายถึงอาการที่เริ่มจับกลุ่มเพื่อทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง. | กองทุน | น. เงินหรือทรัพย์สินที่เอามารวมเป็นก้อนเดียวกันเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ในการสมรส. | กองทัพน้อย | น. หน่วยทหารที่ประกอบด้วยทหารหลายกองพล มีจำนวนไม่แน่นอน เป็นการจัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง มีแม่ทัพน้อยเป็นผู้บังคับบัญชา. | กอดเข่า, กอดเข่าเจ่าจุก | ก. อยู่ในที่จำกัดอย่างหงอยเหงา เช่น ฝนตกทั้งวัน ไปไหนไม่ได้ ต้องนั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่แต่ในบ้าน. | กะโตงกะเตง | ว. โตง ๆ เตง ๆ, ติดอยู่รุงรัง, พัวพัน. | กะร่องกะแร่ง | ว. ร่องแร่ง, อาการที่ห้อยติดอยู่จวนจะหลุด. | กะหนอกะแหน | (-หฺนอ-แหฺน) ว. เสียงพูดอย่างน่าเอ็นดูเหมือนเสียงเด็กพูด. | กันท่า | ก. แสดงกิริยาอาการขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งได้สะดวก. | กาหลงรัง | น. ผู้ที่ไปหลงติดอยู่ ณ บ้านใดบ้านหนึ่งแล้วไม่ยอมกลับบ้านของตน, ผู้เร่ร่อนไปไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่ง. | กาเฟอีน | น. สารประกอบอินทรีย์ประเภทพิวรีน มีสูตรเคมี C<sub>8</sub>H<sub>10</sub>O<sub>2</sub>N<sub>4</sub> ลักษณะเป็นผลึกสีขาว มีในใบชา เมล็ดกาแฟ เป็นยาเสพติดอย่างอ่อน มีฤทธิ์อย่างแรงต่อหัวใจ ใช้ในการแพทย์. | กามาพจร, กามาวจร | ว. ที่ยังติดอยู่ในกาม, ที่ท่องเที่ยวอยู่ในกามภพ. | การตายโดยผิดธรรมชาติ | น. การที่บุคคลถึงแก่ความตายด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (๑) ฆ่าตัวตาย (๒) ถูกผู้อื่นทำให้ตาย (๓) ถูกสัตว์ทำร้ายตาย (๔) ตายโดยอุบัติเหตุ (๕) ตายโดยยังมิปรากฏเหตุ. | กาฬโรค | (กานละ-, กาละ-) น. ชื่อโรคระบาดอย่างร้ายแรงชนิดหนึ่ง มักมีอาการบวมนูนที่รักแร้เป็นต้น. | กำจาย ๓ | น. เรียกงาช้างที่หักติดอยู่ในไม้หรือสิ่งอื่น ๆ ว่า งากำจาย. | กำบน | ก. กัมบน, หวั่นไหว, เช่น ปางน้นนไกรโกรมธาตุ เอาดอยราชเมรู แลนนทพนชูเปนเซรอด ก็เกอดพิการกำบน (ม. คำหลวง ทานกัณฑ์). | กำยาน ๑ | น. วัตถุหอมชนิดหนึ่ง เกิดจากยางใสกลิ่นหอมที่ออกจากเปลือกของต้นกำยานบางชนิด เกิดขึ้นได้เนื่องจากเปลือกถูกกรีดหรือมีราลง ก็จะขับยางใสกลิ่นหอมออกมา เมื่อแห้งจะแข็งติดอยู่กับลำต้น แกะออกมาได้. | กำยาน ๒ | น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางหลายชนิดในสกุล <i> Styrax</i>วงศ์ Styracaceae ขึ้นตามป่าเขาในระดับสูง ใบเดี่ยว ด้านบนสีขาว ดอกสีขาว หอมอ่อน ๆ ไม้ต้นชนิดนี้บางชนิดเมื่อเปลือกถูกกรีดหรือมีราลง ก็จะขับยางใสกลิ่นหอมออกมา เมื่อแห้งจะแข็งติดอยู่กับลำต้น แกะออกมาได้ เรียกว่า กำยาน. | กิจกรรม | น. การที่ผู้เรียนปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อการเรียนรู้ |
| | Austerity policy | นโยบายประหยัดอย่างเข้มงวด [เศรษฐศาสตร์] | BWR type reactor | เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำเดือด, เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ใช้น้ำเป็นทั้งตัวทำให้เย็นและตัวหน่วงความเร็ว นิวตรอน โดยออกแบบการทำงานให้น้ำเดือดอยู่ภายในแกนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และใช้ไอน้ำที่เกิดขึ้นไปขับกังหันไอน้ำของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยตรงเพื่อ ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า [นิวเคลียร์] | Boiling water reactor | เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำเดือด, เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ใช้น้ำเป็นทั้งตัวทำให้เย็นและตัวหน่วงความเร็วนิวตรอน โดยออกแบบการทำงานให้น้ำเดือดอยู่ภายในแกนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และใช้ไอน้ำที่เกิดขึ้นไปขับกังหันไอน้ำของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยตรงเพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า [นิวเคลียร์] | Unsealed source | ต้นกำเนิดรังสีชนิดไม่ปิดผนึก, วัสดุกัมมันตรังสีที่ไม่เป็นไปตามคำนิยามของต้นกำเนิดรังสีชนิดปิดผนึก เช่น วัสดุกัมมันตรังสีไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดๆ ที่ไม่ได้มีการบรรจุหรือห่อหุ้มปิดผนึกด้วยโลหะหรือวัสดุอื่นใดอย่างมิดชิดถาวร การใช้ต้นกำเนิดรังสีชนิดนี้ อาจเกิดการแพร่กระจาย ฟุ้งกระจาย หกเปรอะเปื้อน ซึมรั่ว ออกจากภาชนะที่บรรจุได้ [นิวเคลียร์] | structural language | ภาษาโครงสร้าง, เทคนิคในการใช้โครงสร้างควบคุมภายในภาษาโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมที่ได้ไม่ซับซ้อนมากเกินไป โครงสร้างควบคุมที่ใช้กันได้แก่ การทำงานตามลำดับ การทำงานซ้ำตามเงื่อนไข การเลือกทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง เทคนิคนี้นิยมใช้กันในภาษาคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ [คอมพิวเตอร์] | Nuclear reactions | ปฏิกิริยานิวเคลียร์, ปฏิกิริยาที่เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงภายในนิวเคลียสของอะตอม เช่น ฟิชชัน ฟิวชัน การจับยึดนิวตรอน หรือ การสลายกัมมันตรังสี ซึ่งแตกต่างกับปฏิกิริยาเคมี ที่จำกัดอยู่เพียงการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของอิเล็กตรอนที่อยู่รอบๆ นิวเคลียส [นิวเคลียร์] | Total Communication | การสื่อสารระบบรวม, รูปแบบการสอนนักเรียนที่บกพร่องทางการได้ยิน ที่ไม่ได้เน้นการฝึกฟัง หรือภาษามืออย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนในอดีต แต่พยายามจะใช้หลายๆ ระบบรวมกัน [Assistive Technology] | Starvation | ความอดอยาก [TU Subject Heading] | Amnesty International | องค์การนิรโทษกรรมสากล องค์การนี้เริ่มต้นจากเป็นขบวนการเล็ก ๆ ก่อน เพื่อทำหน้าที่ประท้วง (Protest) แต่ภายในเวลาไม่นานนัก ได้ขยายตัวออกเป็นองค์การ เพื่อให้สมกับเป้าหมายและภารกิจที่ต้องปฏิบัติเพิ่มขึ้นมากมาย คติดั้งเดิมของการรณรงค์ระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนบรรดาบุคคลที่ต้องถูกคุม ขังอยู่ทั่วโลก ด้วยข้อหาเกี่ยวกับความเชื่อถือทางการเมืองและการศาสนานั้น ได้บังเกิดจากความคิดของบุคคลหนึ่งชื่อปีเตอร์ เบเนนสันปีเตอร์ เบเนนสัน ได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ประจำวันอาทิตย์ของอังกฤษชื่อ Sunday Observer เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1961 โดยให้หัวเรื่องบทความว่า ?นักโทษที่ถูกลืม? (The Forgotten Prisoners) บทความนี้ได้ประทับใจมติมหาชนทั่วโลกทันที และภายในปีเดียว องค์การได้รับเรื่องร้องเรียนในนามของนักโทษกว่า 200 รายองค์การนิรโทษกรรมสากลมีเป้าหมายนโยบายกว้างๆ อยู่ 3 ข้อ คือ ต้องการให้ปล่อยนักโทษผู้มีนโนธรรม (Prisoners of Conscience) ทั้งหมด ให้มีการยุติการทรมานนักโทษไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ รวมทั้งการลงโทษประหารชีวิตและให้มีการพิจารณาพิพากษาคดีนักโทษการเมืองทั้ง หมดอย่างเป็นธรรมและไม่รอช้า องค์การนี้นอกจากจะมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้ดำรงความเป็นกลางไม่เข้ากับฝ่ายใด และเป็นที่น่าเชื่อถือไว้วางใจได้อย่างแท้จริงแล้ว ยังเป็นเสมือนศูนย์ข้อมูลและข้อสนเทศที่สำคัญ ซึ่งบรรดาบุคคลสำคัญๆ ทางการเมืองทั่วโลกได้ใช้อ้างอิงอีกด้วยในปัจจุบัน องค์การนิรโทษกรรมมีสมาชิกและผู้สนับสนุนเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านคน จากประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศ องค์การอยู่ภายใต้การบริหารของคณะกรรมการบริหารจำนวน 9 คน รวมทั้งตัวเลขาธิการอีกผู้หนึ่ง ทำหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อมติเกี่ยวกับนโยบาย และเป็นหัวหน้าของสำนักเลขาธิการขององค์การด้วย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ องค์การมีผู้แทนของตนประจำอยู่กับองค์การสหประชาชาติ เมื่อปี ค.ศ. 1978 ได้รับรางวัลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และในปี ค.ศ. 1977 ก็ได้รับรางวัลสันติภาพโนเบลมาแล้ว [การทูต] | ASEAN Troika | กลุ่มผู้ประสานงานของอาเซียน " เป็นข้อเสนอของไทยในการประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการ ณ กรุงมะนิลา เมื่อ 28 พฤศจิกายน 2542 ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ผู้นำประเทศ/รัฐบาลอาเซียน เป็นกลไกเฉพาะกิจในระดับรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาเซียนสามารถแก้ไขและร่วมมือกันได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ทันท่วงทีและใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ในเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพ และในเรื่องที่อาเซียนมีความห่วงกังวลร่วมกันว่ามี แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประสานงานอาเซียนจะปฏิบัติงานโดยยึดหลักการที่สำคัญของอาเซียน คือ หลักฉันทามติ และการไม่แทรกแซงกิจการภายใน กลุ่มผู้ประสานงานอาเซียนประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ ประเทศที่เป็นประธานคณะกรรมการประจำของ อาเซียนในปัจจุบัน อดีต และอนาคต " [การทูต] | black tie | ชุดราตรีสโมสร เสื้อสูทสีดำ ปกหุ้มต่วนแพรหรือไหมสีดำ หรือเสื้อสูทสีขาว ปกไม่หุ้มต่วนแพร เสื้อเชิ้ตสีขาว อกตีเกล็ดหรือมีระบายลูกไม้ที่สาบอก ผ้าผูกคอหูกระต่าย (bow-tie) สีดำ กางเกงสีดำมีแถบดิ้นไหมสีดำ มีผ้าคาดเอวสีดำ ใช้สำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำหรืองานกลางคืนที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ทั้งงานของราชการและงานสังคมของบุคคลธรรมดาที่จัดอย่างหรู black tie เรียกชื่ออื่นได้อีก เช่น tuxedo หรือ smoking jacket หรือ dinner jacket [การทูต] | Declaration | คำประกาศ หรือ ปฏิญญา ตามความเห็นของผู้ทรงคุณความรู้ทางกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนมากได้ให้ความเห็นว่า คำนี้มีความหมายต่างกันอยู่สามประการ คือประการแรก ใช้เป็นชื่อเรียกข้อกำหนดต่าง ๆ ของสนธิสัญญา กล่าวคือ ตามสนธิสัญญานี้ ภาคีคู่สัญญารับที่จะปฏิบัติตามแนวทางบางประการในอนาคตประการที่สอง เป็นคำประกาศถ่ายเดียว (Unilateral Declaration) ซึ่งก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่แก่รัฐอื่นๆ เช่น คำประกาศสงครามประการสุดท้าย หมายถึง การกระทำซึ่งรัฐหนึ่งหรือหลายรัฐได้ติดต่อแจ้งไปยังรัฐอื่น ๆ ซึ่งเป็นการอธิบายหรือให้เหตุผลสนับสนุนพฤติกรรมของฝ่ายตนในอดีต หรืออธิบายทรรศนะและเจตจำนงเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง คำประกาศสำหรับความหมายสองประการหลังไม่ถือว่ามีลักษณะเป็นสนธิสัญญาอนึ่ง ในกรณีคำประกาศถ่ายเดียว (Unilateral Declaration) นั้น บางทีรัฐหนึ่งต้องการเสนอนโยบายหรือหนทางปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งของตน โดยประกาศนโยบายหรือหนทางปฏิบัตินั้นไปให้รัฐอื่นๆ ทราบกันไว้ อาทิเช่น ลัทธิมอนโร (Monroe Doctrine) ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศออกไปในรูปคำประกาศถ่ายเดียว เป็นต้น [การทูต] | Diplomatic Expressions | ถ้อยคำสำนวนที่ใช้ในวงการทูต กล่าวคือ ในวงการทูตจะมีการนิยมใช้ถ้อยคำสำนวนการทูต ถือกันว่าเป็นภาษาที่สุภาพ ซึ่งจะมีความหมายลึกซื้งเพียงใดนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูตจะทราบกันดี อาทิเช่น?My Government views with concern หรือ with grave concern? จะแสดงถึงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย หรือแสดงการประท้วง?My Government cannot remain indifferent to the matter? จะส่อถึงเจตนาที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปส่วนถ้อยคำสำนวนที่ว่า ?In such event my Government would feel bound to reconsider its position หรือ to consider its own interest??My Government will have to claim a free hand? หรือ ?feel obliged to formulate express reservations regarding?เหล่านี้เป็นถ้อยคำสำนวนที่เตือนให้ทราบว่า อาจเกิดการแตกร้าว หรือตัดขาดในพันธไมตรีที่มีต่อกันได้เมื่อรัฐบาลหนึ่งประกาศถือว่าการกระทำ ของอีกรัฐบาลหนึ่งเป็น ?an unfriendly act? หรือการกระทำที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ ย่อมหมายถึงการเตือนให้ทราบว่า การกระทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่สงครามได้ถ้าหากในตอนเสร็จสิ้นการประชุมกันมีการ แถลงการณ์หรือโฆษกของที่ประชุมแจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมได้ทำความตกลงกันโดยสมบูรณ์ (Full agreement) แต่ไม่มีการเปิดเผยให้ทราบว่ามีการตกลงอะไรกันบ้าง จะทำให้เป็นที่สงสัยกันว่าได้มีการตกลงกันโดยสมบูรณ์จริงละหรือ ถ้าหากคำประกาศนั้นใช้ถ้อยคำว่า มี ?substantial agreement? ก็พอจะอนุมานได้ว่าแท้ที่จริงยังมีเรื่องสำคัญ ๆ ที่ยังตกลงกันไม่ได้อีกบางเรื่อง อนึ่ง หากว่ามีการแถลงว่า ?there was a full exchange of views? ก็เท่ากับพูดว่า มิได้มีการตกลงกันแต่อย่างใดทั้งสิ้น [การทูต] | Food and Agriculture Organization | องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ " เป็นทบวงการชำนัญพิเศษขององค์การสหประชาชาติ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2488 มีหน้าที่บรรเทาความอดอยากและหิวโหยของ ประชากรโลกด้วยการส่งเสริม และพัฒนาเกษตรกรรม การปรับปรุงโภชนาการ และแสวงหาความมั่นคงทางด้านอาหาร ปัจจุบันมีสมาชิก 171 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี " [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Hugo Grotius (1583-1645) | บรมครูทางกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ เป็นบุคคลแรกที่ได้ประกาศเสรีภาพของทะเล (Freedom of the Seas) ในตำราของท่านชื่อ Mare Liberumนักกฎหมาย รัฐบุรุษ และปรัชญาเมธีด้านมนุษยธรรมของเนเธอร์แลนด์ผู้นี้ ภายหลังเกิดมาได้ไม่กี่ปีก็ส่อให้เห็นว่าเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดอย่างน่า มหัศจรรย์ เขาเริ่มศึกษาวิชากฎหมายตั้งแต่มีอายุได้ 11 ขวบ ณ สถาบันศึกษาชั้นสูงแห่งเลย์เด็นในเนเธอร์แลนด์ และได้รับปริญญาเอกทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัย ณ เมืองออร์ลีนส์ ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อมีอายุได้เพียง 15 ปี โดยที่เป็นผู้ฝักใฝ่ในการเมือง เขาได้ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1618 ด้วยข้อหาทางการเมือง แต่ต่อมาใน ค.ศ. 1621 ได้หลบหนีไปยังประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ 1625 เขาได้แต่งตำรากฎหมายซึ่งถือกันว่าเป็นตำราอมตะชื่อว่า Jure Belli ac Pacis (แปลว่า เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยสงครามและสันติภาพ) เป็นงานเขียนที่เหมาะกับสมัย และเขียนอย่างนักวิชาการอันเยี่ยมยอดที่สุดไม่มีใครเหมือนในสมัยนั้น และด้วยความรู้สึกที่รักความยุติธรรมอย่างแรงกล้าด้วยเหตุนี้ ทั่วโลกจึงขนานนาม Hugo Grotius ว่าเป็นบิดาแห่งกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายนานาชาติ (Father of the Law of Nations) [การทูต] | Inter-Governmental Maritime Consultative Organization | องค์การที่ปรึกษาทางทะเลระหว่างรัฐบาล หมายถึงองค์การที่ปรึกษาเกี่ยวกับการเดินเรือทางทะเล ระหว่างรัฐบาล องค์การนี้มีฐานะเป็นองค์การชำนัญพิเศษแห่งหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ ประเทศทั้งหมดรวม 35 ประเทศ ได้ประชุมร่วมกันจัดทำอนุสัญญาขององค์การนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ในการประชุมขององค์การที่ปรึกษาการเดินเรือทางทะเล ณ กรุงเจนีวา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1948 อนุสัญญามีผลบังคับใช้เมื่อ วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1958 เมื่อมีประเทศต่าง ๆ รวม 21 ประเทศได้ให้สัตยาบัน ซึ่งในจำนวนนี้ 7 ประเทศเป็นอย่างน้อยจะต้องมีเรือเดินทะเลของตนไม่น้อยกว่า 1 ล้านตัน (Gross tons) วัตถุประสงค์ขององค์การ IMCO คือ1. จัดวางกลไกเพื่อความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิก ในด้านการวางระเบียบข้อบังคับของราชการ และการปฏิบัติซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องทางวิชาการหรือเทคนิค รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทางทะเล2. สนับสนุนให้มีการยกเลิกการกระทำที่เลือกที่รักมักที่ชัง และข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นของรัฐบาล3. รับพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติในทำนองตั้งข้อจำกัดอย่างไม่ยุติธรรมของบริษัท หรือองค์การเดินเรือทั้งหลาย4. รับพิจารณาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ ที่องค์การหนึ่งใดหรือองค์การชำนัญพิเศษของสหประชาชาติส่งมาให้พิจารณา 5. จัดให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อสนเทศใด ๆ ระหว่างรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องที่องค์การ IMCO กำลังพิจารณาอยู่องค์การนี้ยังจัดให้มีการร่างอนุสัญญาและความตกลงต่าง ๆ รวมทั้งส่งข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปให้รัฐบาล และองค์การระหว่างรัฐบาลทั้งหลาย รวมทั้งจัดการประชุมเท่าที่พิจารณาเห็นว่าจำเป็นองค์การนี้ประชุมกันทุกสอง ปี มีหน้าที่วางนโยบายเกี่ยวกับการเดินเรือทางทะเล ระหว่างสมัยประชุมจะมีคณะเจ้าหน้าที่ขององค์การ เรียกว่า คณะมนตรี (Council) ทำหน้าที่บริหารงานในองค์การ คณะมนตรีประกอบด้วยสมาชิก 16 คน ในจำนวนนี้ 8 คน เป็นผู้แทนจากประเทศที่สนใจให้การบริการเกี่ยวกับการเดินเรือระหว่างประเทศ และอีก 8 คนเป็นตัวแทนจากประเทศที่สนใจการค้าทางทะเลระหว่างประเทศ องค์การมีสำนักเลขาธิการ ประกอบด้วยตัวเลขาธิการ เลขานุการคณะกรรมการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางทะเล และเจ้าหน้าที่ประจำตามจำนวนที่องค์การต้องการแล้วแต่กรณี สำนักงานใหญ่ขององค์การตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ [การทูต] | Pacific Charter | คือกฎบัตรแปซิฟิค ซึ่งประกาศ ณ กรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ในโอกาสที่มีการตกลงกันทำสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( Southeast Asia Defense Treaty-SEATO ) ประเทศที่ลงนามเป็นภาคีในสนธิสัญญา คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาสาระสำคัญในสนธิสัญญาดังกล่าว หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า SEATO (ซีโต้) นั้นคือ ทุกประเทศภาคีจะร่วมมือกันในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมให้พลเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมาตรฐานการครอง ชีพสูงขึ้น มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และมีสวัสดิภาพสังคมที่ดี แต่จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดคามสนธิสัญญาคือ บรรดาประเทศภาคีตกลงที่จะป้องกันหรือตอบโต้ความพยายามใด ๆ ที่จะล้มล้างเสรีภาพที่มีอยู่ในเขตสนธิสัญญา หรือทำลายอธิปไตยหรือบูรณภาพแห่งเขตแดนของประเทศภาคี พูดอย่างสั้น ๆ ก็คือฝ่ายโลกเสรีอันมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ต้องการกีดกันมิให้ประเทศฝ่ายคอมมิวนิสต์เข้าไปมีอำนาจครอบงำดินแดนเขต เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างสงครามเย็น (Cold War ) โดยวิธีรุกรานหรือวิธีอื่นใดก็ตาม [การทูต] | Personal Diplomacy | คือการเจรจากันโดยตรงระหว่างรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศด้วยกัน ส่วนการเจรจากันโดยตรงระหว่างประมุขของรัฐ หรือหัวหน้าของรัฐบาล แต่เดิมก็จัดอยู่ในประเภทการมทูตส่วนบุคคล แต่มาในปัจจุบันนี้ มักนิยมเรียกกันว่าเป็นทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) แยกออกต่างหากจากการทูตส่วนบุคคลมีผู้สังเกตการณ์หลายคนเตือนว่า ในกรณีที่เกิดเรื่องหรือปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่นั้น ไม่ควรหันเข้าใช้วิธีส่งผู้แทนพิเศษจากนครหลวงไปแก้ปัญหา ควรให้เอกอัครราชทูตเป็นผู้ดำเนินการมากกว่า เพราะประการแรก การกระทำเช่นนั้นยังผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของตัวเอกอัครราชทูตเอง ทั้งยังกระทบกระเทือนต่อการที่เขาจะปฏิบัติงานให้ประสบผลอย่างเต็มที่ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้นในภายหน้าด้วย อีกประการหนึ่ง จะพึงคาดหมายได้อย่างไรว่า ตัวผู้แทนพิเศษที่ส่งไปนั้นจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของปัญหา รวมทั้งตัวบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่ากับตัวเอกอัครราชทูตเอง ซึ่งได้ประจำทำงานอยู่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ณ ที่นั่น แม้แต่ แฮโรลด์ นิโคลสัน ก็ไม่เห็นด้วย และได้เตือนว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งไปเยือนและพบปะกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอีกประเทศหนึ่งบ่อย ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่ควรสนับสนุน เพราะการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนคาดหมายไปต่าง ๆ นานาแล้ว ยังจะทำให้เกิดเข้าใจผิด และเกิดความสับสนขึ้นมาได้แม้แต่ผู้รอบรู้ในเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทางการ ทูตบางคนก็ยังแคลงใจว่า การทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) จะได้ประโยชน์และให้ผลจริง ๆ หรือไม่ นอกจากเฉพาะในกรณียกเว้นจริง ๆ เท่านั้น บ้างเห็นว่า การพบปะเจรจาแบบสุดยอดมักจะกลายสภาพเป็นการโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์มากกว่า ที่จะเป็นการเจรจากันอย่างแท้จริง เพราะมีอันตรายอยู่ว่า ผู้ร่วมเจรจามักจะแสดงความคิดเห็นตามความรู้สึกมากกว่าตามข้อเท็จจริง เพราะมัวแต่เป็นห่วงและคำนึงถึงประชามติในประเทศของตนมากเกินไปนอกจากนี้ ผู้เจรจาไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อลดหย่อนหรือทำการประนีประนอม ( ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งหากจะให้เจรจาบังเกิดผล) เพราะกลัวเสียหน้าหากกระทำเช่นนั้น ตามปกติ ถ้าให้นักการทูตเป็นผู้เจรจา เขาจะมีโอกาสมากกว่าที่จะใช้วิธีหลบหลีกอันชาญฉลาดในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้เป็นผลตามที่มุ่งประสงค์ [การทูต] | Personal Inviolability of Diplomatic Agents | หมายถึง ตัวบุคคลของตัวแทนทางทูตจะถูกละเมิดมิได้ กล่าวคือ มาตรา 29 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้ว่า ?ตัวบุคคลของตัวแทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้ ตัวแทนทางการทุตจะไม่ถูกจับกุมหรือกักขังในรูปใด ๆ ให้รัฐผู้รับปฏิบัติต่อตัวแทนทางการทูตด้วยความเคารพตามสมควร และดำเนินการที่เหมาะสมทั้งมวลที่จะป้องกันการประทุษร้ายใด ๆ ต่อตัวบุคคล เสรีภาพ หรือเกียรติของตัวแทนทางการทูต?ตัวบุคคลของตัวแทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้ นั้น ได้ถือเป็นปัจจัยหลักในการที่ให้ผู้แทนทางการทูตได้รับสิทธิและความคุ้มกัน ทั้งมวล ถึงกับมีการพูดกันว่า ผู้ใดประทุษร้ายต่อตัวเอกอัครราชทูต จักถือว่าเป็นการทำร้ายต่อประมุขของประเทศซึ่งผู้แทนทางการทูตผู้นั้นเป็น ตัวแทนอยู่ ทั้งยังถือว่าเป็นการยังผลร้ายต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชาติทั้ง มวลด้วยตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1964 ชายหนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งมีจิตวิปลาส ได้ใช้มีดแทง นายเอ็ดวิน โอไรส์ชาวเออร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศญี่ปุ่น ในเขตนอกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงโตเกียว รัฐมนตรีว่าการกระทวงมหาดไทยญี่ปุ่นได้ลาออกจากตำแหน่งทันทีและรุ่งขึ้นใน วันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1964 นายอิเคดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในสมัยนั้น ได้ทำการขอโทษต่อประชาชนชาวอเมริกันทางวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการดำเนินการในทำนองนี้ และการที่นายกรัฐมนตรีอิเคดะได้ปฏิบัติดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า การที่ตัวบุคคลของผู้แทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้นั้น มีความสำคัญมากเพียงใดตัวแทนทางการทูตจะถูกจับ ถูกฟ้องศาล หรือถูกลงโทษฐานประกอบอาชญากรรมนั้นไม่ได้ เพราะถือว่าผู้แทนทางการทูตมิได้อยู่ในอำนาจศาลของรัฐผู้รับ อย่างไรก็ดี หากผู้แทนทางการทูตกระทำความผิดอย่างโจ่งแจ้ง รัฐผู้รับอาจขอให้รัฐผู้ส่งเรียกตัวกลับไปยังประเทศของเขาได้ในทันที [การทูต] | Potsdam Proclamation | คือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต] | Recall of Diplomats | การเรียกตัวนักการทูตกลับประเทศของตน คือ ผู้แทนทางการทูตอาจถูกรัฐบาลของตนริเริ่มเรียกตัวกลับประเทศได้ด้วยเหตุผล ต่าง ๆ เช่น ผู้แทนทางการทูตนั้นขอลาออก หรือลาออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญ หรือถูกโยกย้ายไปประจำอีกแห่งหนึ่ง หรือเกิดความไม่พอใจอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ถ้าหากรัฐบาลปรารถนาจะเรียกหัว หน้าคณะผู้แทนทางการทูตกลับโดยถาวรเนื่องจากไม่พอใจในตัวเขา โดยมากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกัน คือ รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้หัวหน้าคณะทูตผู้นั้นทำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งเสีย มากกว่าที่จะใช้วิธีสั่งปลด อันเป็นการกระทำที่รุนแรงกว่ามากนอกจากนี้ หัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตหรือเอกอัครราชทูตอาจถูกรัฐบาลเรียกตัวกลับตามคำ ขอร้องของรัฐบาลประเทศผู้รับ เนื่องจากกระทำตนไม่เป็นที่พึงปราถนาของประเทศผู้รับ (Persona non grata) ก็ได้ ตามปกติ คำขอร้องจากรัฐผู้รับขอให้เรียกตัวกลับนั้น มักได้รับการตอบสนองโดยดีในทันทีจากรัฐผู้ส่ง แต่ถ้าหากรัฐผู้ส่งปฏิเสธคำขอร้องดังกล่าวนั้น รัฐผู้รับอาจขับให้ออก (Dismiss) จากประเทศก็ได้ [การทูต] | white tie | ชุดราตรีสโมสร " เสื้อสูทหางยาวสีดำ กางเกงสีดำมีผ้าผูกคอหูกระต่าย (bow-tie) สีขาว เสื้อเชิ้ตสีขาว แถบดิ้นไหมสีดำ ใช้ในโอกาสงานกลางคืนที่จัดอย่างเป็นทางการ (งานราตรีสโมสร-formal evening entertainments) เช่น งานพระราชทานเลี้ยงกระยาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดี ซึ่งมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ งานแสดงอุปรากร งานเต้นรำ " [การทูต] | sterile insect technique | การควบคุมจำนวนแมลงด้วยแมลงที่เป็นหมัน, คือ วิธีการควบคุมประชากรแมลง โดยใช้แมลงชนิดเดียวกันที่เป็นหมันด้วยรังสี โดยมีหลักการคือ นำแมลงม ทำให้เป็นหมันด้วยรังสีชนิดก่อไอออน แล้วปล่อยไปในธรรมชาติ แมลงตัวเมียที่ได้รับการผสมพันธุ์กับแมลงตัวผู้ที่เป็นหมัน จะไม่สามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้ การควบคุมแมลงวิธีนี้ จะต้องปล่อยแมลงที่เป็นหมันจำนวนมากหลายรุ่นต่อเนื่องกัน จนกว่าประชากรแมลงลดลงหรือหมดไป ข้อดีของวิธีการนี้เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการใช้ยาฆ่าแมลง คือ ไม่มีสารพิษตกค้างในผลิตผลการเกษตร และไม่ทำลายแมลงที่เป็นประโยชน์ ประเทศไทยมีการใช้วิธีการนี้ควบคุมแมลงวันผลไม้ (Oriental fruit fly) ที่ดอยอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา [พลังงาน] | unsealed source | ต้นกำเนิดรังสีชนิดไม่ปิดผนึก, หมายถึง วัสดุกัมมันตรังสีที่ไม่เป็นไปตามคำนิยามของต้นกำเนิดรังสีชนิดปิดผนึก ได้แก่ วัสดุกัมมันตรังสี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดๆ ที่ไม่ได้มีการบรรจุหรือห่อหุ้มปิดผนึกด้วยโลหะ หรือวัสดุอื่นใดอย่างมิดชิดถาวร การใช้ต้นกำเนิดรังสีชนิดนี้ อาจเกิดการแพร่กระจาย ฟุ้งกระจายหกเปรอะเปื้อน ซึมรั่วออกจากภาชนะบรรจุได้ [พลังงาน] | ก๊าซ | ก๊าซ, ก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นก๊าซหุงต้มหรือก๊าซไฮโดรคาร์บอนเหลว ซึ่งได้แก่ โปรเปน โปรปิลีน นอร์มัลบิวเทน ไอโซ-บิวเทน หรือบิวทีลีนส์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันเป็นส่วนใหญ่ [พลังงาน] | ก๊าซหุงต้ม | ผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติและจากกระบวนการกลั่นน้ำมัน ดิบในโรงกลั่นน้ำมัน มีจุดเดือดอยู่ระหว่าง –420C – 0.50C เป็นของผสมของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีคาร์บอน 3-4 อะตอม มีสถานะเป็นก๊าซ ที่อุณหภูมิและความดันบรรยากาศ สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือน ยานพาหนะ และในโรงงานอุตสาหกรรม [ปิโตรเลี่ยม] | ดีเซล | ผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดหนึ่งที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ โดยมีช่วงจุดเดือดอยู่ระหว่าง 1500-360oC น้ำมันดีเซลจะต้องจุดระเบิดได้เองโดยเร็วและเผาไหม้ได้หมดภายใต้สภาวะภายใน ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ดีเซลหมุนเร็วหรือโซล่า เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ความเร็วรอบสูงกว่า 1, 000 รอบ/นาที และดีเซลหมุนช้า หรือ ขี้โล้ เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเรือเดินทะเลและการผลิตไฟฟ้า [ปิโตรเลี่ยม] | เบนซิน | ผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดหนึ่งทีได้จากการกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบโดยมีช่วงจุดเดือดอยู่ระหว่าง 30-2000C, Example: ผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดหนึ่งทีได้จากการกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบโดยมีช่วงจุดเดือดอยู่ระหว่าง 30-2000C เป็นของผสมของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนตั้งแต่ 4 -11 อะตอมผสมรวมกันมีคุณสมบัติเหมาะที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์เบนซิน มี 3 ชนิดด้วยกันคือ<br>ฬออกเทน 87 สีเขียว<br>ออกเทน 91 สีแดง<br>ออกเทน 95 สีเหลือง<br>ปัจจุบันน้ำมันเบนซินทุกชนิดในไทยเป็นน้ำมันไร้สารตะกั่วทั้งหมด สาเหตุที่มีการเรียกชื่อตามค่าออกเทนและมีสีต่างกัน เพื่อให้ผู้บริโภคเลื่อกใช้น้ำมันให้ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งานของเครื่อง ยนต์ [ปิโตรเลี่ยม] | Halobutyl rubber | ยาง XIIR เป็นยางสังเคราะห์ชนิดหนึ่งซึ่งได้จากการทำปฏิกิริยาฮาโลจิเนชัน (Halogenation) ของยาง IIR กับก๊าซคลอรีน (Cl 2) หรือก๊าซโบรมีน (Br 2) ได้เป็นยางคลอโรบิวไทล์ (CIIR) หรือยางโบรโมบิวไทล์ (BIIR) ตามลำดับ ยางฮาโลบิวไทล์นี้มีปริมาณฮาโลเจนอยู่น้อยมากจึงไม่จัดอยู่ในพวกยางที่มี ขั้ว แต่ยางชนิดนี้คงรูปได้เร็ว มีระดับการคงรูปสูง และมีความต้านทานต่อการเกิด reversion ในระหว่างการคงรูปได้ดี ดังนั้นยางฮาโลบิวไทล์จึงสามารถใช้ผสมกับยางที่ไม่อิ่มตัวชนิดอื่นๆ เช่น ยางธรรมชาติได้ดีและยังสามารถเกิดการคงรูปร่วมกับยางที่ไม่อิ่มตัวชนิดอื่นๆ ได้ สมบัติของยางชนิดนี้โดยทั่วไปดีกว่ายาง IIR เล็กน้อย คือ มีอัตราการซึมผ่านของก๊าซต่ำกว่า มีความทนทานต่อโอโซน ความร้อน สภาพอากาศ และสารเคมีต่างๆ ได้ดีกว่า แต่มี hysteresis สูงกว่า การใช้งานนิยมใช้ผลิตยางโอริงหรือปะเก็นยางชนิดที่ต้องทนต่อสารเคมี ท่อไอน้ำ ยางบุด้านในของยางล้อแบบไม่มียางใน สายพาน ยางบุต่างๆ และจุกปิดขวดยา เป็นต้น [เทคโนโลยียาง] | Silicone rubber | ยางซิลิโคนเป็นยางสังเคราะห์ชนิดหนึ่งซึ่งในแกนสายโซ่หลักของโมเลกุล ประกอบด้วยอะตอมของซิลิกอน (Si) และออกซิเจน (O) มีสูตรโครงสร้างทางเคมีเป็นพอลิไซลอกเซน (polysiloxane) ยางซิลิโคนมีหลายเกรด แต่ละเกรดจะแตกต่างกันที่หมู่ R ที่เกาะอยู่บนสายโซ่หลัก ดังนี้ MQ หมู่ R เป็นหมู่เมทิล (CH 3 ) VMQ หมู่ R เป็นหมู่ไวนิล (CH 2 = CH 2) PMQ หมู่ R เป็นหมู่ฟีนิล (C 6 H 5 ) PVMQ หมู่ R มีทั้งหมู่ฟีนิล หมู่ไวนิล และหมู่เมทิล FVMQ หมู่ R มีทั้งหมู่ไตรฟลูออโรโพรพิล หมู่ไวนิล และหมู่เมทิล แต่เกรดที่ใช้กันมากที่สุดจะเป็นพอลิเมอร์ของไดเมทิลไซลอกเซน (หมู่ R คือ CH 3) หรือที่มีชื่อย่อว่า MQ สมบัติโดยทั่วไปมีค่าความทนต่อแรงดึง ความต้านทานต่อการขัดถู และความต้านทานต่อแรงกระแทกต่ำมาก ดังนั้นจึงต้องมีการเติมสารตัวเติมเสริมแรงเช่น ซิลิกาเข้าช่วย แต่ยางซิลิโคนทนต่อสภาพอากาศ ออกซิเจน โอโซน แสงแดด และความร้อนได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานได้ที่อุณหภูมิสูงหรือต่ำมากๆ ได้ เนื่องจากยางชนิดนี้มีราคาสูงมาก ดังนั้นการใช้งานจึงจำกัดอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถใช้ยางชนิดอื่นๆ ได้ เช่น การผลิตชิ้นส่วนของยานอวกาศ เครื่องบิน รถยนต์ ยางโอริง หน้ากากออกซิเจน แป้นกดของโทรศัพท์มือถือ งานทางการแพทย์และเภสัชกรรม เป็นต้น [เทคโนโลยียาง] | Adoptive Transfer | เซลล์ผสมทั้งสองชุดนี้อย่างใดอย่างหนึ่งมาถ่ายทอด [การแพทย์] | Amides, Simple | สารอามีดอย่างง่าย [การแพทย์] | Antifibrinolytic Agents | สารต้านไฟบริโนลัยติก, ยาแก้ไฟบริโนไลซิส, สารติดอยู่เพื่อป้องกันเลือดออก [การแพทย์] | Anxiety Disorders, Acute | ความผิดปกติจากอารมณ์หวั่นวิตกสุดขีดอย่างเฉียบพลัน [การแพทย์] | Aplasia | ไม่มีเซลล์สร้างเม็ดเลือดอยู่เลย, จำนวนเซลล์ลดลง, ไขกระดูกไม่มีเซลล์สร้างเม็ดเลือดเลย [การแพทย์] | Birth Rate, Crude | อัตราเกิดอย่างหยาบ, อัตราเกิดอย่างหยาบ, อัตราเกิดมีชีพ, อัตราเกิดมีชีพอย่างหยาบ, อัตราเกิดอย่างหยาบ, อัตราเกิดมีชีพอย่างหยาบ [การแพทย์] | Blood Film, Thick | ฟิล์มเลือดอย่างหนา [การแพทย์] | Blood Loss, Acute | การเสียเลือดเฉียบพลัน, หนองฝีที่กระดูกชนิดเฉียบพลัน, การเสียเลือดมากๆทันที, การเสียเลือดอย่างปัจจุบัน, เสียเลือดเฉียบพลัน [การแพทย์] | Bottles, Screw Capped | ขวดแก้วที่มีฝาปิดอย่างสนิท [การแพทย์] | Budding Yeast | ติ่งเซลล์ติดอยู่ข้างผนังแม่ [การแพทย์] | Calcium, Protein Bound | สารแคลเซี่ยมที่ติดอยู่กับโปรตีน [การแพทย์] | Catheter for Percutaneous Biliary Drainage, Sel | สายสวนระบายน้ำดีจากตับใหม่ชนิดติดอยู่ได้เอง [การแพทย์] | Closure, Critical | การปิดอย่างวิกฤต [การแพทย์] | Cold Turkey | การหักดิบ, หยุดยาเสพติดอยู่ทันทีโดยไม่มีการให้ยาช่วย [การแพทย์] | Colic Pain, Renal | ปวดอย่างรุนแรง [การแพทย์] | Colic, Biliary, Acute | ปวดอย่างรุนแรงและเฉียบพลันจากนิ่วน้ำดี [การแพทย์] | Colic, Renal | ปวดอย่างรุนแรง, ปวดร้าวที่บั้นเอวจนดิ้น, ปวดท้องเกิดจากไต [การแพทย์] | Compounds, Strong Acid | สารที่มีความเป็นกรดอย่างแรง [การแพทย์] | Compounds, Weak Acid | สารที่มีความเป็นกรดอย่างอ่อน [การแพทย์] |
| Don't stand until the rug has come to a complete stop. | โปรดอย่ายืนจนกว่า พรมจะลงจอดอย่างสมบูรณ์ Aladdin (1992) | Hey, it's only an eternity of servitude. | เฮ้ ข้าเป็นข้ารับใช้มาตลอดอยู่แล้ว Aladdin (1992) | Why would he think that? | ทำไมเขาต้องคิดอย่างนั้น? Basic Instinct (1992) | I don't know. I don't think so. Did you--? | ผมไม่รู้ ผมไม่คิดอย่างนั้น คุณล่ะ? Basic Instinct (1992) | An Indian goddess at peace. It has a tranquility to it, don't you think? | พระฮินดูสู่ความสงบ มันมีความสงบในตัว คุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ? Basic Instinct (1992) | She wasn't going to say that. | เธอจะไม่พูดอย่างนั้นหรอก Basic Instinct (1992) | One time I was stuck on a boat with some people for four months. | ครั้งหนึ่งฉันเคย.. ติดอยู่บนเรือกับคนบางคนถึง 4 เดือน The Bodyguard (1992) | Please don't cry | โปรดอย่าร่ำไห้ The Bodyguard (1992) | Oh, for God's sake, please don't keep staring like that. | เห็นแก่พระเจ้าเถอะ ได้โปรดอย่าเอาแต่ จ้องแบบนั้น Wuthering Heights (1992) | Harder! | ผมยังโสดอยู่เลยครับ Hero (1992) | You forget who you're talking to, half-wit? | แกลืมรึเปล่าว่าพูดอยู่กับใคร ไอ้ทึ่ม The Lawnmower Man (1992) | It is probably going to make it worse. | ทุกอย่างในชีวิตผมมันผิดอยู่แล้ว The Lawnmower Man (1992) | Who you talking to, half-wit? | ลืมรึเปล่าว่าพูดอยู่กับใคร ไอ้ทึ่ม The Lawnmower Man (1992) | You're trapped in here, aren't you? | แกก็ติดอยู่ที่นี่เหมือนกัน The Lawnmower Man (1992) | You're trapped right here. | แกติดอยู่ที่นี่ The Lawnmower Man (1992) | Well, a cuckoo like him and a smart guy like you. | คนเอ๋อ ๆ อย่างเขา กับคนฉลาดอย่างนาย Of Mice and Men (1992) | I think you got your hand caught in a machine. | ฉันจะบอกว่า มือนายติดอยู่ในเครื่องจักร Of Mice and Men (1992) | He got his hand caught in a machine. | มือเขาติดอยู่ในเครื่องจักร Of Mice and Men (1992) | Got his hand caught in a machine. | มือเขาติดอยู่ในเครื่องจักร Of Mice and Men (1992) | I don't know. Gee, why are you doing anyways? | ฉันไม่รู้ ทำไมนายถึงพูดอย่างนั้น Of Mice and Men (1992) | - Well, why'd you think that? | - ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ Of Mice and Men (1992) | He got his hand caught in a machine. | มือเขาติดอยู่ในเครื่องจักร Of Mice and Men (1992) | We're live at Olympic Park, the brand-new bobsledding venue... just a few miles outside of downtown Calgary. | เรารายงานสดอยู่ที่ โอลิมปิก ปาร์ค สนามแข่งบ๊อบสเลดใหม่ล่าสุด... ห่างจากตัวเมืองคาลการี่ เพียงไม่กี่ไมล์ Cool Runnings (1993) | - Are you stuck? | - - คุณติดอยู่? - In the Name of the Father (1993) | Look, all I'm saying is this: | มองหาสิ่งที่ผมกำลังพูดอย่างนี้ In the Name of the Father (1993) | The four people you see in the front... are one of the most cunning and cruel criminal conspiracies... ever to set foot on English soil. | สี่คน ที่คุณเห็นในหน้า ... อย่างใดอย่างหนึ่งและมีไหวพริบมากที่สุดคือ โหดร้าย ... ที่เคยตั้งเท้าบนดินภาษาอังกฤษ In the Name of the Father (1993) | So I stuck my tongue in it. Do you remember that? | ดังนั้นผมจึงติดอยู่ในลิ้นของมัน คุณจำได้ว่า? In the Name of the Father (1993) | "The Parade of Innocence." What do you think? | "ขบวนของ lnnocence." คุณคิดอย่างไร? In the Name of the Father (1993) | Lindo, I still think it's wrong. | ลินโด ฉันก็ยังคิดว่ามันผิดอยู่นะ The Joy Luck Club (1993) | Mrs. Jordan, you sound as if Ted and I are getting married. | คุณนายจอร์แดนคะ คุณพูดอย่างกับว่า ฉันกับเท็ดกำลังจะแต่งงานกันเลย มันยังแทบจะไม่เป็นแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ The Joy Luck Club (1993) | - "Hello, darling"? You know, I always knew you were a jerk. | รู้ไหม ผมคิดอยู่เสมอว่าแม่เป็น... The Joy Luck Club (1993) | - No. I'm just sorry that you got stuck with such a loser. | หนูแค่เสียใจที่แม่ต้องมาติดอยู่กับคนขี้แพ้ The Joy Luck Club (1993) | Very bad dysentery. | ตอนเป็นโรคบิดอย่างรุนแรงมาก The Joy Luck Club (1993) | A box - Is it steel - Are there locks | กล่อง / มันเป็นเหล็ก/ มันปิดอยู่ The Nightmare Before Christmas (1993) | And the whole thing's topped with a bow | และที่ด้านบนของกล่องจะมีโบว์ติดอยู่ The Nightmare Before Christmas (1993) | I'll cut you 300 units from it. | ...ยังสดอยู่ Schindler's List (1993) | I want these. | อย่าติดอยู่กับชื่อน่า... Schindler's List (1993) | It's happening again, isn't it? | งั้นก็ต้องจัดอยู่ในกลุ่ม 89 ? เหรอคุณนักสืบ ? Deep Throat (1993) | I want the truth. | คุณยังไม่พร้อมว่าผมคิดอย่างไร Deep Throat (1993) | Agent Mulder believes we are not alone. | แล้ว Agent Mulder หละ เขาคิดอย่างไร ? Deep Throat (1993) | - Stay right there. | - หยุดอยู่ตรงนั้น Squeeze (1993) | I knocked but I saw the door was open. | ผมเคาะประตู แต่เห็นว่าประตูเปิดอยู่ Squeeze (1993) | I want you to keep the car running and step out of the car. | ฉันต้องการให้รถติดอยู่ แล้วคุณลงจากรถไป Squeeze (1993) | - l'm ready to explode. | - ท้องฉันจะระเบิดอยู่แล้ว Junior (1994) | - Car's waiting out front. | - รถจอดอยู่ข้างหน้าแล้ว Junior (1994) | He comes back and-- You know, just... alone with his thoughts. | เขากลับมา และรู้มั้ย ยืนคิดอยู่คนเดียว Junior (1994) | I didn't say that. Why are you being so negative? | ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น ทำไมมองในแง่ร้ายจัง Junior (1994) | What makes you say that? | ทำไมถึงคิดอย่างนั้น Junior (1994) | - What a horrible thing to say. | - ทำไมพูดอย่างนั้น Junior (1994) | - l don't know. I'm thinkin'. | - ผมไม่รู้ กำลังคิดอยู่ Junior (1994) |
| ชาวดอย | [chāo døi] (n, exp) EN: mountain people | ชาวป่าชาวดอย | [chāo pā chāo døi] (n, exp) EN: hillfolk ; hill dwellers ; hill people FR: montagnards [ mpl ] | ดอย | [døi] (v) FR: attacher | ดอย | [døi] (n) EN: mount ; mountain ; hill FR: colline [ f ] ; mont [ m ] ; montagne [ f ] | ดอยอินทนนท์ | [Døi Inthanon] (n, prop) EN: Mount Inthanon | ดอยสุเทพ | [Døi Suthēp] (n, prop) EN: Doi Sudhep Hill | จัดอย่างกะทันหัน | [jat yāng kathanhan] (v, exp) EN: improvise | การคิดอย่างมีเหตุผล | [kān khit yāng mī hētphon] (n, exp) EN: logical thinking FR: pensée logique [ f ] | คนดอย | [khon døi] (n, exp) EN: hill tribe | ความอดอยาก | [khwām ot yāk] (n) EN: famine FR: famine [ f ] | อดอยาก | [ot yāk] (v) EN: starve FR: mourir de faim ; soufrir de la faim | พูดอย่างแผ่วเบา | [phūt yāng phaeo bao] (v, exp) EN: speak in a soft voice FR: parler doucement ; parler à voix basse | ปิดอยู่ | [pit yū] (adj) FR: fermé ; clos | เปิดอยู่ | [poēt yū] (adj) FR: ouvert | ประดิษฐ์ประดอย | [praditpradøi] (v) EN: elaborate FR: élaborer | ประดิษฐ์ประดอย | [Praditpradøi] (tm) EN: Praditpradoi FR: Praditpradoi | โปรดอย่าจับ | [prōt yā jap] (x) FR: prière de ne pas toucher | ทฤษฎีการเรียนรู้จากการคิดอย่างมีเหตุผล | [thritsadī kān rīenrū jāk kān khit yāng mī hētphon] (n, exp) EN: cognitive learning theory | ติดอยู่ | [tit yū] (v, exp) EN: be stuck ; be trapped FR: être bloqué ; être coincé | ติดอยู่ในใจ | [tit yū nai jai] (v, exp) EN: be doubtful ; be suspicious ; be questionable ; be dubious FR: être dubitatif | ติดอยู่ที่ปาก | [tit yū thī pāk] (v, exp) EN: be stuck at one's lips ; be on the tip of one's tongue FR: avoir un mot sur lebout de la langue | อย่างใดอย่างหนึ่ง | [yāng dai yāng neung] (x) EN: either...or... ; one or the other FR: de toute façon |
| two-timer | (n) 1. คนที่นอกใจแฟนแอบไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น, 2. คนที่พูดอย่างทำอย่าง, Syn. betrayer | stonefly | (n, name) สโตนฟลาย เป็นแมลงใน อันดับ พลีคอปเทอร่า (Order Plecoptera: Class Insecta) ลักษณะตัวเต็มวัย (adult) แบ่งออกเป็น ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง ชัดเจน; ส่วนหัว (head) มีหนวด (antennae) ยาว 1 คู่ มีตารวม (compound eyes) 1 คู่ มีตาเดี่ยว (ocelli) 0-3 ตา มีปากแบบกัดกิน (Chewing mouthpart), ส่วนอก (thorax) มีขา 3 คู่ มีปีก 2 คู่เป็นแผ่นบางใส (membranous wings) ปีกคู่หลัง (hind wings) จะซ้อนพับอยู่ใต้ปีกคู่หน้า (fore wings), ส่วนท้อง (abdomen) ยาวแบ่งเป็นปล้อง; มีการเจริญเติบโตแบบไม่สมบูรณ์ (Incomplete metamorphosis) คือเจริญเติบโตจากไข่ ฟักออกมาเป็นตัวอ่อน ลอกคราบหลายครั้งจนเป็นตัวเต็มวัย โดยไม่มีระยะดักแด้; ในระยะตัวอ่อน (nymph) มีลักษณะคล้ายตัวเต็มวัยแต่ไม่มีปีก อาจพบเหงือก (gills) รูปร่างต่าง ๆ ตามลำตัวเป็นอวัยวะช่วยในการหายใจ อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำไหล (Lotic habitat, running water) บางชนิดมีนิสัยการกินแบบผู้ล่า (predator) กินสัตว์อื่นที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นอาหาร แต่บางชนิดกินเศษซากตะกอนในแหล่งน้ำเป็นอาหาร (detritivore) และเมื่อลอกคราบครั้งสุดท้ายเป็นตัวเต็มวัยจะอาศัยอยู่บนบกใกล้แหล่งน้ำ สโตนฟลายบางชนิดที่มีวงจรชีวิตระยะตัวอ่อนเป็นเวลายาวนาน เมื่อลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยแล้วจะจับคู่ผสมพันธุ์ทันทีโดยไม่กินอาหาร แต่ในบางชนิดที่มีวงจรชีวิตใช้เวลาในระยะตัวอ่อนน้อย เมื่อลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยแล้วจะกินน้ำหรือเศษซากพืชหรือซากตะกอนเพียงเล็กน้อย เพื่อพัฒนาระบบสืบพันธุ์ให้เจริญเต็มที่ ก่อนจับคู่ผสมพันธุ์ เมื่อผสมพันธุ์แล้วตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่ลงในแหล่งน้ำไหลเพื่อให้ไข่ฟักออกมาเป็นตัวอ่อนอาศัยเจริญเติบโตในแหล่งน้ำไหลนั้นต่อไป; จากลักษณะการดำรงชีวิตโดยอาศัยพึ่งพาแหล่งน้ำอยู่เกือบตลอดทั้งวงจรของชีวิต แมลงชนิดนี้จึงจัดอยู่ในกลุ่มของแมลงน้ำ (Aquatic insect), See also: plecoptera |
| adhesion | (n) การติดแน่น, See also: การติดอยู่ด้วยกัน | adhesion | (n) สิ่งที่ติดอยู่ | adhesive | (n) สิ่งที่ทำให้ติดอยู่ได้, See also: สิ่งที่ทำให้ของติดกัน เช่น กาว, เทปกาว | ad-lib | (vi) แสดงหรือพูดอย่างไม่ได้เตรียมมาก่อน, Syn. ad lib, extemporize | ad-lib | (vt) แสดงหรือพูดอย่างไม่ได้เตรียมมาก่อน, Syn. ad lib, extemporize | adorn | (vt) ตกแต่ง, See also: แต่ง, ทรงเครื่อง, ประดิดประดอย, ประดับ, ประดับประดา, Syn. beautify, embellish, ornament | advisement | (n) การพิจารณาอย่างละเอียด, See also: การคิดอย่างรอบคอบ | agonized | (adj) ทุกข์ยาก (เนื่องจากความกังวลหรือความเจ็บปวดอย่างมาก), See also: ทุกข์ทรมาน | allot | (vt) แบ่งแยกเพื่อจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง | ally | (vt) จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน (เนื่องจากมีลักษณะที่สัมพันธ์กัน) | anchor | (adj) ซึ่งยึดติด, See also: ซึ่งยึดติดอย่างมั่นคง | angina pectoris | (n) อาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณหัวใจที่แผ่จากหัวใจไปยังไหล่แล้วไปที่แขนข้างซ้ายหรือจากหัวใจไปที่ท้อง | angiosperm | (n) พืชเมล็ดอยู่ภายในผลหรือเมล็ดมีรังไข่ห่อหุ้ม | arrest | (n) การชะงัก, See also: การหยุดอย่างกระทันหัน, Syn. stoppage, staying, interruption, Ant. continuation | adhere to | (phrv) ติดอยู่กับ, Syn. ckeave to, cling to, stick to | balk | (vi) หยุดอย่างกระทันหัน, See also: ชะงัก, Syn. hesitate | bang | (vt) ปิดอย่างแรง, See also: กระแทกปิด, ปิดดังปัง, Syn. slam | blunder | (n) การทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงเนื่องจากความสะเพร่า, Syn. gaffe | bobber | (n) ทุ่นที่ติดอยู่กับสายเบ็ด, Syn. float | breezy | (adj) ที่พัดอย่างเบาๆ, Syn. windy | bumble | (vi) ทำผิดอย่างมาก | be down on | (phrv) ตะคอกใส่, See also: พูดอย่างโกรธที่ทำผิด, Syn. tell off | be hard up | (phrv) ยากจน, See also: แร้นแค้น, อดอยาก | be in order | (phrv) ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ (โดยเฉพาะการพูดอย่างเป็นทางการ), See also: ถูกกฎข้อบังคับ, Syn. be out of | be off | (phrv) ไม่ทำงาน (เช่น เครื่องไฟฟ้า), See also: ไมได้เปิดอยู่, ปิดอยู่, Syn. put off | be on | (phrv) ทำงานอยู่ (เช่น เครื่องไฟฟ้า), See also: เปิดอยู่, กำลังทำงาน, กำลังใช้งาน, Syn. put on | be starved for | (phrv) ขาดแคลน, See also: ขาด, อดอยาก, Syn. be started of | be upon | (phrv) ทำงานอยู่ (เช่น เครื่องไฟฟ้า), See also: เปิดอยู่, กำลังทำงาน, กำลังใช้งาน, Syn. put on | belong under | (phrv) จัดอยู่ในประเภท, See also: อยู่ในกลุ่ม, Syn. come under | blow off the steam | (phrv) ตะโกนส่งเสียงดัง (คำไม่เป็นทางการ), See also: พูดอย่างตื่นเต้น, พูดอย่างโกรธเคือง, Syn. let off | bring under | (phrv) จัดอยู่ใน, See also: รวมไว้ใน, Syn. come under | cant | (n) การพูดอย่างไม่จริงใจ (โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับศาสนาหรือศีลธรรม), Syn. insincere talk, hypocrisy | caper | (n) การกระโดดอย่างสนุกสนาน, Syn. prank, trick, escapade | catch | (n) สิ่งที่ทำทำติดอยู่ เช่น กลอนประตู | censorious | (adj) ที่พยายามมองหาข้อผิดพลาดอยู่เสมอ, Syn. faultfinding, carping | charge | (vt) อัดแน่นอยู่ในใจ, See also: อัดแน่น, อัดอยู่ในจิตใจ | check | (n) การหยุด, See also: การหยุดอยู่กับที่, Syn. halt, stay, stop | chop | (n) ชิ้นเนื้อที่หั่นบางๆ (ส่วนใหญ่ยังมีกระดูกติดอยู่ด้วย) | chop | (vt) หวดอย่างแรง, See also: ตีอย่างแรง | circumspect | (adj) ที่คิดอย่างรอบคอบ, Syn. cautious, careful | cohesive | (adj) ที่ติดอยู่ด้วยกัน | consider | (vt) พิจารณา, See also: คิดอย่างละเอียด, Syn. think, reconsider, study | consider | (vi) พิจารณา, See also: คิดอย่างละเอียด | convolution | (n) ลักษณะที่ม้วนขดอยู่, See also: การงองุ้ม, Syn. swirl, vortex | call a spade a spade | (idm) พูดเปิดอก, See also: พูดอย่างเปิดเผย | catch in | (phrv) ติดอยู่กับ, See also: เกี่ยวอยู่กับ | class with | (phrv) จัดอยู่ในประเภท, See also: จัดอยู่ใน | commune with | (phrv) พูดหรือคิดอย่างสนิทสนมกับ | dash over | (phrv) ซัดอย่างแรง (คลื่น, น้ำทะเล), See also: ชน, กระแทก, Syn. dash against, dash to | ease off | (phrv) เปิดอย่างแผ่วเบา |
| absolute zero | (เคมีฟิสิคส์) อุณหภูมิต่ำสุดของสสาร, อุณหภูมิที่อนุภรคหยุดอยู่กันที่หรือจุดที่อยู่ใต้องศา Celsius 273 องศา lowest possible) | ad-lib | (แอดลิบ' แอด' ลิบ) vt., vi. แสดงหรือพูดอย่างไม่ได้เตรียมมาก่อน. -ad-libber n. | airbrake | (แอร์' เบรค) n. ระบบเบรคด้วยอากาศที่อัดอยู่, เครื่องมือลดความเร็วเครื่องบิน | allot | (อะลอท') vt. แจก, แบ่งส่วน, จัดแบ่ง, จัดสรร, จัดให้เพื่อจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง -alloter n., Syn. divide, appropriate | ambidexterity | (แอมบิเดคสฺเทอ' ริที) n. ความชำนาญในการใช้มือทั้งสองข้างได้ดีเท่ากัน, ความฉลาดอย่างผิดปกติ, ความคล่องแคล่ว, ความชำนาญมาก, ความหลอกลวง, Syn. duplicity, skill, Ant. clumsiness, unskill | angina pectoris | (-เพค' โทริส) n. อา-การปวดอย่างรุนแรงที่บริเวณหัวใจ ที่แผ่จากหัวใจไปที่ไหล่แล้วไปที่แขนซ้าย หรือจากหัวใจไปที่ท้อง | anguish | (แอง' กวิช) n. อาการปวดอย่างรุนแรง, อาการทนทุกข์ทรมานมาก, อาการกลัดกลุ้มมาก | articulate | (อาร์ทิค'คิวเลท) adj. เป็นข้อ, เป็นปล้อง, ออกเสียงชัดเจน, สามารถพูดได้, ชัดเจน, มีความหมาย. -vt. ออกเสียงชัดเจน, พูดอย่างชัดเจน, ต่อกัน, ประกบ. -articulability, articulateness, articulacy n., Syn. clear, enunciate, Ant. indistinct, confused | attribute | (อะทริบ'บิวทฺ) vt. ให้เหตุผลว่า, ถือเอา, อ้างเหตุผล. -n. คุณลักษณะ. -attributer, attributor n. -attribution n., Syn. assign, consider, quality ลักษณะประจำหมายถึง คุณสมบัติของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ มีการเน้นความแตกต่างจากของอื่นในประเภทเดียวกัน เช่น ถ้าเป็นแฟ้มข้อมูลในระบบดอส จะมีลักษณะประจำต่างกันเป็น 4 อย่าง คือ แฟ้มข้อมูลที่มีการจัดเก็บเป็นระเบียบ archive แฟ้มที่อ่านได้อย่างเดียว แก้ไขไม่ได้ read only แฟ้มที่ไม่แสดงตัว hidden และแฟ้มระบบ system หรือถ้าต้องการหาคำใดคำหนึ่ง เช่น ในโปรแกรมประมวลผลคำ นอกจากจะบอกคอมพิวเตอร์ว่าสะกดอย่างไรแล้ว อาจบอกเพิ่มเติมว่า ...เป็นคำที่ใช้แบบอักษร Times New Roman ขนาด 14 จุด ข้อความที่บ่งบอกคุณสมบัติเพิ่มเติมไปนี้ก็เรียกว่า " attribute " ทั้งสิ้น | black box | กล่องดำหมายถึง แผงวงจรหรืออุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งแยกออกมาต่างหาก โดยปกติผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าใจว่า วงจรนั้นทำงานอย่างไร เป็นต้นว่า การถอดรหัสสัญญาณ | blitz | (บลิทซ) { blitzed, blitzing, blitzs } n. การรบแบบสายฟ้าแลบ, การทิ้งลูกระเบิดอย่างดุเดือด, การโจมตีอย่างรวดเร็ว vt. โจมตีอย่างรวดเร็ว, Syn. attack | bluster | (บลัส'เทอะ) { blustered, blustering, blusters } vi., n. (การ) พัดอย่างแรง, พัดคำราม, คำราม, กล่าวตะคอก, พูดวางโต, เสียงคำราม, การพัดอย่างแรง, การกล่าวตะคอก, See also: blusterer n. blustery, blusterous adj., Syn. storm, rage, boast | bottle | (บอท'เทิล) { bottled, bottling, bottles } n. ขวด, ถุงหนัง, (ที่ใส่น้ำใส่เหล้า) ปริมาณหนึ่งขวด, การดื่มเหล้า, น้ำนมในขวดนม vi. ใส่ขวด, บรรจุขวดติดอยู่, ข่ม, ทำให้ติดอยู่, เก็บสุรา -Phr. (hit the bottle ดื่มเกินบ่อยและเป็นนิสัย), Syn. receptacle | boutique | (บูทิค') n. ดอกไม้ที่ติดอยู่ที่รังดุมหรือปกเสื้อ | boutonniere | (บูทอเนีย') n. ดอกไม้ที่ติดอยู่ที่รังดุมหรือปกเสื้อ | breakdown | (เบรค'ดาวน์) n. ความล้มเหลว, การล้มเจ็บ, การไม่สบาย, การสลายตัว, การวิเคราะห์, การแบ่งออกเป็นส่วน -Conf.break down เสียหมายถึง การที่เครื่องคอมพิวเตอร์หยุดทำงาน ซึ่งเกิดจากความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง | brigade | (บริเกด') { brigaded, brigading, brigades } n. กองพัน, กองทหารขนาดใหญ่, กลุ่มคนหรือหมู่คณะที่รวมกันเพื่อทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง. vt. จัดเป็นกองพัน, จัดเป็นกลุ่ม, Syn. group | broken | (โบร'เคิน) vi. กริยาช่อง 3 ของ break adj. เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย, ไม่เรียบ, อ่อนกำลัง, ยอมเชื่อ, พูดอย่างไม่สมบูรณ์, ขรุขระ, แตกแยก, See also: brokenness n. ดูbroken, Syn. split, damaged, sudued | bumble | (บัม'เบิล) { bumbled, bumbling, bumbles } vt. กระทำผิดอย่างมาก, เดินโซเซ, พูดตะกุกตะกัก vi. ทำเสียงคล้ายผึ้ง n. การกระทำที่ผิด | bur | (เบอร์) { burred, burring, burs } n. เปลือกผลไม้ที่เป็นหนาม, สิ่งเกาะติด, คนที่ยากจะสลัดให้หลุดไปได้, ก้างติดคอ, เสียงตัว "r" ในลำคอ, การพูดอยู่ในลำคอ vt. ขจัดเอาหนามออก, เอาเสี้ยนออก, Syn. rough | canonise | (แคน'นะไนซ) { canonized, canonised, canonizeingcanonising, canonizes, canonises } vt. ประกาศให้เป็นนักบุญ (saint) , ยกย่องว่าประเสริฐ, ถือว่าศักดิ์สิทธิ์, ถือว่าถูกต้องแท้จริง, จัดอยู่ในบทหนังสือฉบับแท้ของพระคัมภีร์ไบเบิล., See also: canonisation n. ดูcanoniz | canonize | (แคน'นะไนซ) { canonized, canonised, canonizeingcanonising, canonizes, canonises } vt. ประกาศให้เป็นนักบุญ (saint) , ยกย่องว่าประเสริฐ, ถือว่าศักดิ์สิทธิ์, ถือว่าถูกต้องแท้จริง, จัดอยู่ในบทหนังสือฉบับแท้ของพระคัมภีร์ไบเบิล., See also: canonisation n. ดูcanoniz | capote | (คะโพท) n. เสื้อคลุมยาวที่มีหมวกคลุมติดอยู่, ประทุนรถ | character code | รหัสอักขระหมายถึงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่กำหนดให้ใช้เป็นรหัสแทนอักขระ หรือมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่มีการตกลงกันไว้ เป็นต้นว่า ตารางรหัสแอสกี (ASCII table) และรหัสเอ็บซีดิก (EBCDIC) โปรแกรมสำเร็จบางโปรแกรมใช้รหัสเหล่านี้ผสมกับตัวอักขระบางตัวเป็นรหัสคำสั่งให้เป็นการขีดเส้นใต้ , ทำตัวเอน ฯ | check box | กล่องเลือกช่องสำหรับกาเครื่องหมายหมายถึง ช่องสี่เหลี่ยมหรือวงกลมที่สร้างขึ้นไว้เพื่อให้ทำเครื่องหมายอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป แสดงว่า ได้มีการเลือกตัวเลือกนั้นไว้แล้วนั่นเอง โดยปกติจะวางไว้หน้าตัวเลือก มักใช้ในกรอบสนทนา (dialog box) | control key | แป้นควบคุมเป็นแป้นพิเศษแป้นหนึ่ง โดยปกติ จะมีตัวย่อ Ctrl ไว้ให้อยู่ บนแป้น เป็นแป้นที่ต้องใช้พร้อมแป้นอื่น ๆ จึงจะเป็น คำสั่งให้คอมพิวเตอร์ ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะได้ เช่น ในระบบวินโดว์ การกดแป้นCTRL+S จะใช้แทนคำสั่ง save ได้ แป้น CTRL นี้ โดยปกติจะใช้สัญลักษณ์ ^ แทน เช่น ^S คือกดแป้น CTRL+S | cover | (คัฟ'เวอะ) { covered, covering, covers } vt. ปกคลุม, คลุม, กลบ, ปิดคลุม, ปิดบัง, ครอบ, นำมาซึ่ง ป้องกันคุ้มกัน, ครอบคลุม, รวมทั้ง, ชดเชย, ชดใช้, สังวาสกับ, กก (ไข่) , ประกบตัว. vi. แทน, ซ่อน -Phr. (cover up ปิดเป็นความลับ, ปิดอย่างมิดชิด) n. ที่ปิด, ฝา, ที่ครอบ, ปก, ปลอก, ยางนอก, | cr/lf | <คำย่อ>เป็นคำอธิบายคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์ CR ย่อมาจาก Carriage Return หมายถึงการสิ้นสุดบรรทัด เครื่องพิมพ์จะขึ้นบรรทัดใหม่ให้ ส่วน LF ย่อมาจาก Line Feed หมายถึงว่าเครื่องพิมพ์จะเลื่อนกระดาษให้ด้วย (เครื่องพิมพ์บางเครื่องจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น) | daisey wheel printer | เครื่องพิมพ์แบบจานอักขระหมายถึงเครื่องพิมพ์แบบกระทบ (impact printer) ชนิดหนึ่ง ที่ใช้วิธีพิมพ์ด้วยการมีจานอักขระหรือจานกลม ๆ ที่มีลักษณะเหมือนวงล้อ มีตัวอักขระต่าง ๆ ติดอยู่ที่ปลายก้านแต่ละก้านที่กางออกไปจากศูนย์ตรงกลาง) เวลาพิมพ์ จานนี้ก็จะหมุนไปรอบ ๆ เมื่ออักษรตัวใดกระทบกับกระดาษ ก็จะเกิดเป็นอักษรตัวนั้นบนกระดาษดู daisy wheel ประกอบ | daisy wheel | จานอักขระหมายถึง จานกลม ๆ มีลักษณะเหมือนวงล้อ มีตัวอักขระต่าง ๆ ติดอยู่ที่ปลายก้านแต่ละก้านที่กางออกไปจากศูนย์ตรงกลาง ใช้กับเครื่องพิมพ์แบบกระทบ (impact printer) เวลาพิมพ์ จานนี้ก็จะหมุนไปรอบ ๆ เมื่ออักษรตัวใดกระทบกับกระดาษ ก็จะเกิดเป็นอักษรตัวนั้นบนกระดาษ | dash | (แดช) { dashed, dashing, dashes } vt. กระแทก, ทุบแตก, ชน, สาดอย่างแรง, ผสมหรือเจือปน, ทำลาย, ทำให้หดหู่ใจ, ทำให้ยุ่งเหยิง, ทำให้เสร็จโดยเร็ว vi. กระแทก, ชน, โถมเข้าไป, พุ่งเข้าชน, พุ่งไปอย่างรวดเร็ว n. การสาดน้ำ, เสียงสาดน้ำ, ปริมาณน้อย ๆ ที่ผสมเข้าสิ่งอื่น, เครื่องหมาย (๛) , ข | data entry | การบันทึกข้อมูลหมายถึง การป้อนข้อมูลเข้าไปเก็บในสื่อ (medium) อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น แถบบันทึก (tape) จานบันทึก (disk) ฯลฯ โดยผ่านทางแผงแป้นอักขระ (keyboard) หรืออาจหมายถึงการส่งข้อมูลเข้าประมวลผลในคอมพิวเตอร์ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้ | deadlock n. | การอยู่นิ่งกับที่ vt. ทำให้ชะงักงัน vi. หยุดอยู่กับที่ | destitution | (เดสทิทิว'เชิน) n. การขาดแคลน, ความอดอยาก, ความยากจน., See also: destitute adj. | detonate | (เดท'ทะเนท) vi. ระเบิดอย่างรุนแรงด้วยเสียงสนั่นหวั่นไหว. vt. ทำให้เกิดการระเบิด, Syn. explode | deutsche mark | (ดอย'ชะ) n. หน่วยเงินตราของเยอรมันตะวันตกที่มีค่าเท่ากับ 100 pfennigs, DM | doodle | (ดู'เดิล) vt. , vi. เขียนหรือวาดอย่างเปะปะ, เขียนหรือวาดขยุกขยิกอย่างใจเหม่อลอย, ท่องเที่ยวไปตามอารมณ์, | doyen | (ดอย'เอน) n. ผู้อาวุโส -pl. doyens | drawl | (ดรอล) { drawled, drawling, drawls } vt., vi., n. (การ) พูดอย่างช้า ๆ , กล่าวช้า ๆ, See also: drawler n. drawlingly adv. drawlingness n. drawly adj. | drip | (ดริพ) { dripped, dripping, drips } vi., vt. ไหลเป็นหยด, ออกเป็นหยด, สาดไปทั่ว. n. การไหลออกเป็นหยด, ของเหลวที่หยด, การให้น้ำเกลือหรือของเหลวเข้าสู่ร่างกายทางเส้นเลือดอย่างช้า ๆ ทีละหยด, , Syn. drop, dribble | drum plotter | พล็อตเตอร์แบบดรัมเป็นอุปกรณ์แสดงผลชนิดพล็อตเตอร์ (plotter) มีรูปเป็นทรงกระบอกหรือดรัม มีกระดาษพันรอบ ดรัมนี้จะหมุนไปข้างหน้าและข้างหลังได้ มีปลายเป็นเหมือนปากกาติดอยู่เหนือดรัม ซึ่งจะเลื่อนไปซ้ายไปขวาได้ เวลาวาด จะลากเป็นเส้นลงบนกระดาษ การขยับขึ้นลงของดรัม และปากกาจะทำให้เกิดเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งได้ ความแม่นยำของเครื่องวาดชนิดนี้มีน้อยกว่าเครื่องวาดแบบระนาบ (flatbed plotter) แต่ราคาก็ถูกกว่า จึงนิยมใช้กันมากในเชิงพาณิชย์ | duplex | (ดู'เพลคซฺ) adj. ซึ่งมี2 ส่วน, คู่, สองเท่า n. ที่พักชุดที่ครอบคลุม2 ชั้น, บ้านสำหรับ 2 ครอบครัวอยู่., See also: duplexity n. ดูduplex สื่อสารสองทางเป็นศัพท์ที่ใช้ในวิธีการส่งสัญญาณของโทรคมนาคม มี 2 แบบคือ full duplex หมายถึง สัญญาณนั้นส่งไป/กลับได้อย่างต่อเนื่องพร้อมกันไปเลย และ half-duplex หมายถึงสัญญาณนั้นส่งไปหรือกลับได้ครั้งละอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น | electrothermal printer | เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อนเป็นเครื่องพิมพ์หรืออุปกรณ์แสดงผลของคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ที่จัดอยู่ในประเภทเครื่องพิมพ์แบบไม่กระทบ (non impact printer) กล่าวคือจะพิมพ์ออกมาในลักษณะเป็นจุด ๆ (dot matrix) ทีละจุด โดยอาศัยความร้อนที่ปลายเส้นลวด แล้วทำให้เกิดเป็นรูปแบบตัวอักษรในลักษณะต่าง ๆ บนกระดาษมีความหมายเหมือน thermal printer | escalade | (เอล'คะเลด) n., vt. (การ) ขึ้นดอย, ทางขั้นบันได, (การ) ใช้บันไดปีนกำแพง, ขึ้นขั้นบันได, See also: escalader n. | excruciate | (เอคซฺครู'ซิเอท) vt. ทำให้ได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง, ทรมาน, ทำให้ระทมทุกข์, See also: excruciation n. ดูexcruciate | excruciating | (เอคซฺครู'ซิเอททิง) adj. ซึ่งเจ็บปวดอย่างรุนแรง, ระทมทุกข์, อย่างยิ่ง, อย่างมาก. | famine | (แฟม'มิน) n. ภาวะข้าวยากหมากแพง, ทุพภิกขภัย, ความอดอยาก, วาตภัย, ความอดตาย, Syn. starvation | famish | (แฟม'มิช) vt., vi. ทำให้อดอยาก, อดอยาก, อดตาย, Syn. starve | flare-up | (แฟล'อัพ) n. การลุกไหม้เป็นเพลิงโชติช่วงอย่างกะทันหัน, การปะทุขึ้นของอารมณ์หรือความคิดอย่างกะทันหัน, ช่วงเวลาที่สั้นมาก, การโด่งดังของชื่อเสียงที่สั้นมาก, การระบาดของโรคอย่างกะทันหัน, Syn. storm | flatbed plotter | พล็อตเตอร์แบบระนาบหมายถึงเครื่องวาดที่สามารถวาดบนแผ่นกระดาษที่วางแบน ๆ เรียบ ๆ ได้ ประกอบด้วยก้านซึ่งเคลื่อนที่ไปมาได้ มีหัววาดซึ่งอาจเป็นปากกา ดินสอ หรืออุปกรณืพิเศษอื่น ๆ ติดอยู่ ขนาดของกระดาษที่ใช้มีต่างกันตั้งแต่ 28x43 ซม. จนถึง 2.44x3.66 เมตร อัตราความเร็วของการวาดมีตั้งแต่ 15 ถึง 100 ซม. ต่อวินาที นิยมนำมาใช้วาดแผนที่ กราฟ หรือการแสดงภูมิอากาศ |
| ajar | (adv) เปิดอยู่, แง้ม, อ้า | broadcloth | (n) ผ้าสักหลาดอย่างดี | dearth | (n) ความขาดแคลน, ภาวะข้าวยากหมากแพง, ความอดอยาก | destitute | (adj) อัตคัด, ขาดแคลน, ยากจน, อดอยาก, ไม่เพียงพอ, สิ้นเนื้อประดาตัว | destitution | (n) ความอัตคัด, ความขาดแคลน, ความยากจน, ความอดอยาก | either | (pro) ไม่อันใดก็อันหนึ่ง, อย่างใดอย่างหนึ่ง, หนึ่งในระหว่างสอง | famine | (n) ฉาตกภัย, ทุพภิกขภัย, ความอดอยาก, ภาวะข้าวยากหมากแพง | famish | (vi, vt) อดอยาก, ขาดแคลน, อดตาย | garnish | (vt) ประดับ, ปรุง, ตกแต่ง, ประดิษฐ์ประดอย | hill | (n) ภูเขา, ดอย, เนินเขา, ดอน | ironic | (adj) พูดอย่างใจอย่าง, แดกดัน, เยาะเย้ย | ironical | (adj) พูดอย่างใจอย่าง, แดกดัน, เยาะเย้ย | irony | (n) การพูดอย่างใจอย่าง, คำประชดประชัน | knoll | (n) โคก, ดอย, ปุ่มเล็กๆ | mountain | (n) ภูเขา, ดอย, เขา | open | (adj) เปิดอยู่, โปร่ง, เปิดเผย, โล่ง, ไม่ปิดบัง | philosophize | (vi) คิดอย่างปรัชญาเมธี, ปลงตก, ยึดหลักปรัชญา, ศึกษาธรรมะ | starvation | (n) ความกระหาย, ความอดอาหาร, ความหิวโหย, ความอดอยาก | starve | (vi) กระหาย, อดอาหาร, หิวโหย, อดอยาก | starveling | (n) คนอดอาหาร, คนอดอยาก, คนหิวโหย | stay | (vi) หยุดอยู่, พักอยู่, อาศัยอยู่, ยืนหยัด, ทน, ค้างอยู่ | WELL-well-grounded | (adj) มีเหตุผลดี, มีมูล, อบรมอย่างดี, ฝึกหัดอย่างดี | wrench | (vt) บิดอย่างแรง, ขันชะเนาะ, ไข, ทำให้เคล็ด |
| *เช็ดน้ำ* | เช็ดน้ำที่ติดอยู่ตามวัสดุ หรืออุปกรณ์ต่าง ให้แห้ง | anthropod | (n, jargon) ไฟลัมอาร์โทรพอด สัตว์ที่จัดอยู่ในไฟลัมนี้ เรียกว่า สัตว์ขาปล้อง, สัตว์ขาข้อ | Compartment syndrome | เงื่อนไขที่เจ็บปวดและอันตรายที่เกิดจากการสะสมของความดันจากเลือดออกภายในหรือบวมของเนื้อเยื่อ ความดันลดการไหลเวียนของเลือด, กีดกันกล้ามเนื้อและเส้นประสาทของการบํารุงที่จําเป็น.อาการอาจรวมถึงอาการปวดอย่างรุนแรงความรู้สึกของหมุดและเข็มและความอ่อนแอของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สําหรับกรณีที่รุนแรงของโรคช่องจําเป็นต้องผ่าตัดฉุกเฉิน | duffel bag | [ดัฟเฟิล] (n) กระเป๋าทรงยาวแนวตั้งที่มีฐานทรงกลม หรือกระเป๋าทรงยาวแนวนอนซึ่งจะมีสายรัดหรือเชือกรัดอยู่ด้านบนสำหรับใช้รัดปิดกระเป๋าหรือใช้สะพาย ใช้สำหรับเดินทาง | duffel bag | [ดัฟเฟิล แบ๊ก] (n) กระเป๋าทรงยาวแนวตั้งที่มีฐานทรงกลม หรือกระเป๋าทรงยาวแนวนอนซึ่งจะมีสายรัดหรือเชือกรัดอยู่ด้านบนสำหรับใช้รัดปิดกระเป๋าหรือใช้สะพาย ใช้สำหรับเดินทาง | fabricate | [แฟบ'บริเคท] (vt) ประดิษฐ์แก้ไขเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง Example: It remains unknown to what extent the surviving record may represent the fabrications of corrupt court officials or her own possible fabrications to protect state secrets. (Source: Wikipedia.org) | grean | [เกรียน] (n, adv) เป็นนิสัยหนึ่งของบุคคลยังไม่พ้นจากทางโลก ไม่รับฟังความเห็นผู้อื่น ตั้งตนเองเป็นหลัก มีความคิดอยู่ในฝันของตนเอง มีผู้อื่นยกย่องเห็นในตวามสามารถในด้านถนัดของตนเองแล้วมีความสุข | hiking | (n) เดินเขา เดินดอย (การออกกำลังกาย/กีฬา) | introspective | (adj) คิดลึก, คิดอย่างลึกซึ้ง, คิดภายในใจ, ภายใน | overed right | [over right] (n, phrase) ถือสิทธิเหนือกฎความถูกต้องอื่นใด หรือมีอำนาจกระทำอย่างไดอย่างหนึงออกนอกกฎเกณฑ์ปกติ มีอิทธิพลมากกว่าเงื่อนไขใดๆที่กำหนดไว้ เมื่อแสดงสิทธินี้แล้วทุกอย่างที่เป็นข้อจำกัดจะเป็นไปตามที่ผู้ถือสิทธิต้องการ | pseudocereal | [(sōō'dō-sîr'ē-əl)] (n) พืชที่ผลและเมล็ดสามารถนำมาผลิตแป้งได้ แต่ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทหญ้า ตัวอย่างเช่น buckwheat, quinoa | Stoneflies | (n) สโตนฟลาย เป็นแมลงใน อันดับ พลีคอปเทอร่า (Order Plecoptera: Class Insecta) ลักษณะตัวเต็มวัย (adult) แบ่งออกเป็น ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง ชัดเจน; ส่วนหัว (head) มีหนวด (antennae) ยาว 1 คู่ มีตารวม (compound eyes) 1 คู่ มีตาเดี่ยว (ocelli) 0-3 ตา มีปากแบบกัดกิน (Chewing mouthpart), ส่วนอก (thorax) มีขา 3 คู่ มีปีก 2 คู่เป็นแผ่นบางใส (membranous wings) ปีกคู่หลัง (hind wings) จะซ้อนพับอยู่ใต้ปีกคู่หน้า (fore wings), ส่วนท้อง (abdomen) ยาวแบ่งเป็นปล้อง; มีการเจริญเติบโตแบบไม่สมบูรณ์ (Incomplete metamorphosis) คือเจริญเติบโตจากไข่ ฟักออกมาเป็นตัวอ่อน ลอกคราบหลายครั้งจนเป็นตัวเต็มวัย โดยไม่มีระยะดักแด้; ในระยะตัวอ่อน (nymph) มีลักษณะคล้ายตัวเต็มวัยแต่ไม่มีปีก อาจพบเหงือก (gills) รูปร่างต่าง ๆ ตามลำตัวเป็นอวัยวะช่วยในการหายใจ อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำไหล (Lotic habitat, running water) บางชนิดมีนิสัยการกินแบบผู้ล่า (predator) กินสัตว์อื่นที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นอาหาร แต่บางชนิดกินเศษซากตะกอนในแหล่งน้ำเป็นอาหาร (detritivore) และเมื่อลอกคราบครั้งสุดท้ายเป็นตัวเต็มวัยจะอาศัยอยู่บนบกใกล้แหล่งน้ำ สโตนฟลายบางชนิดที่มีวงจรชีวิตระยะตัวอ่อนเป็นเวลายาวนาน เมื่อลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยแล้วจะจับคู่ผสมพันธุ์ทันทีโดยไม่กินอาหาร แต่ในบางชนิดที่มีวงจรชีวิตใช้เวลาในระยะตัวอ่อนน้อย เมื่อลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยแล้วจะกินน้ำหรือเศษซากพืชหรือซากตะกอนเพียงเล็กน้อย เพื่อพัฒนาระบบสืบพันธุ์ให้เจริญเต็มที่ ก่อนจับคู่ผสมพันธุ์ เมื่อผสมพันธุ์แล้วตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่ลงในแหล่งน้ำไหลเพื่อให้ไข่ฟักออกมาเป็นตัวอ่อนอาศัยเจริญเติบโตในแหล่งน้ำไหลนั้นต่อไป; จากลักษณะการดำรงชีวิตโดยอาศัยพึ่งพาแหล่งน้ำอยู่เกือบตลอดทั้งวงจรของชีวิต แมลงชนิดนี้จึงจัดอยู่ในกลุ่มของแมลงน้ำ (Aquatic insect), See also: Stonefly, Plecoptera, Stonefly, Syn. Plecoptera | stop and think to stay as before | หยุดและคิดอยู่กับฉัน | trade-off | (n) การต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง, ได้อย่างหนึ่งก็ต้องเสียอีกอย่างหนึ่ง there's a trade-off between buying A and B. | turbulent | (adj) 1.ชุลมุนวุ่นวาย บางครั้งมีการใช้ความรุนแรง 2.(ใช้เกี่ยวกับกระแสน้ำและอากาศ) พัดอย่างแรง |
| 確言 | [かくげん, kakugen] (vt) พูดอย่างแน่ชัด |
| 生意気 | [なまいき, namaiki] (adv) อย่างไม่อาย, อย่างหน้าด้านๆ, อย่างใจกล้าหน้าด้าน, อย่างไร้ยางอาย<BR> <BR> Eg.<BR> 彼の生意気態度は我慢できない。<BR> ทนลักษณะท่าทางหน้าด้านของเขาไม่ได้แล้ว<BR> <BR> 生意気を言うようですが、そうしない方がいいでしょう。<BR> ดูเหมือนว่าจะพูดอย่างไม่อายเลยนะ ไม่ทำแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ<BR> | 促す | [うながす, unagasu] (vt) กระตุ้น, เร่งเล้า บุคคลให้ทำอย่างใดอย่างนึง ทนายความเร่งเล้าจำเลยแสดงตัวตนออกมา | 格好 | [かっこう, kakkou] (n, vi, vt) (เชพ) n. สัณฐาน, รูป, รูปแบบ, รูปโฉม, ร่าง, รูปร่าง, โฉม, ทรวดทรง, การกำหนดสัณฐาน (รูป, รูปแบบ, รูปโฉม..) การจัดอย่างมีระเบียบ, การซ่อมแซม, วิถีทางชีวิต, สภาพการณ์, เครื่องอาภรณ์แสดงละคร, -Phr. (take shape ก่อร่าง, เป็นรูปเป็นร่างขึ้น) vt., vi. ก่อร่าง, แสดงออกเป็นถ้อยคำ | 塩辛い | [しおからい, shiokarai] (adj) (ซอล'ที) adj. เค็ม, มีเกลือ, รสเผ็ด, เผ็ดอย่างอร่อย, คมคาย, เก๋, เกี่ยวกับทะเล, แล่นในทะเล, ลามกอนาจาร, S. . saltily adv. saltiness n., S. pungent, sharp, obscene | ここ | [ここ, koko, koko , koko] (pron) ที่นี่, ตรงนี้ (สถานที่ที่ตัวผู้พูดอยู่) | ここ | [ここ, koko, koko , koko] (pron) ที่นี่, ตรงนี้ (สถานที่ที่ตัวผู้พูดอยู่), See also: S. こちら | 一部事業組合 | [いちぶじぎょうくみあい, ichibujigyoukumiai] (n, name) สหการ (เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่เกิดจากการรวมตัวกันขององค์กรปกครองท้องถิ่นมากกว่าหนึ่งแห่งในการทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น สหการแข่งม้า ก็เป็นการรวมตัวขององค์กรปกครองท้องถิ่นเพื่อจัดการแข่งม้าและหารายได้เข้าสหการ จากนั้นสหการก็จะนำรายได้ที่เข้าสหการ นำไปแบ่งให้แก่เทศบาลหรือองค์กรปกครองท้องถิ่นที่เป็นสมาชิกของสหการ |
| 浸る | [ひたる, hitaru] TH: จมหรือติดอยู่ในสภาพนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้น EN: to be flooded | 掛かる | [かかる, kakaru] TH: แขวนติดอยู่ EN: to hang (vi) | 限る | [かぎる, kagiru] TH: จำกัดอยู่แค่ |
| aus | (adj) ปิด (ใช้กับเครื่องไฟฟ้า)เช่น Das Licht ist aus. ไฟปิดอยู่ | deutlich | (adv, adj) ชัดเจน เช่น Hast du ihm deutlich gesagt, was du denkst? เธอได้บอกเขาชัดเจนหรือเปล่า ว่าเธอคิดอย่างไร, See also: klar, Syn. eindeutig | zuordnen | (vt) |ordnete zu, hat zugeordnet| จัดอยู่ในกลุ่ม | im Begriff sein zu tun | (phrase) กำลังต้องการทำอย่างใดอย่างหนึ่ง | originell | (adj) สร้างสรรค์, ประดิดประดอย เช่น Was für ein originelles Geschenk! ของขวัญอะไรเนี่ย ช่างสร้างสรรค์จริง, Syn. kreativ | dazu | ใช้บ่งขยายกิริยาที่อยู่ตามด้วยบุพบท zu โดยย่อวลีที่อยู่หลัง zu ไว้ เช่น Ich gehöre nicht dazu. ฉันไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มนี้ (กิริยา gehören ที่แปลว่า เป็นของหรือจัดอยู่ใน ใช้คู่กับบุพบท zu เสมอ) | Kontemplation, -en | (n) การคิดอย่างมีสติ, การพิจารณาอย่างรอบคอบ, การไตร่ตรองอย่างแน่วแน่ (เป็นภาษาเขียน), See also: kontemplativ | entweder...oder | อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น Je nach Schalterstellung leuchtet entweder die eine Lampe oder die andere. |
| Holunderblüte { f } [ bot. ] | [ดอกโฮลุนเดอร์] ทางเหนือ(ดอยสะเก็ด, เชียงใหม่)เรียก "ดอกตูน" ทางยุโรปใช้ดอกแช่ในน้ำเย็นเพื่อนำมาผสมน้ำตาลทำน้ำเชื่อม, ทำไวน์, ทำ Schaumwein(GER), นอกจากดอกแล้ว ต้นและรากยังเป็นสมุนไพรโบราณของชาว Celtig fh;p |
| parquer | (vt) |je parque, tu parques, il parque, nous parquons, vous parquez, ils parquent| (1) จอดรถ (voiture) (2) (คนหรือสัตว์)รวมอัดอยู่ในห้องเดียวกัน (personnes, bétail), See also: regarder |
| |
add this word
You know the meaning of this word? click [add this word] to add this word to our database with its meaning, to impart your knowledge for the general benefit
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |