ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: กีด, -กีด- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ กีด | (v) obstruct, See also: impede, hinder, block, bar, prevent, retard, Syn. ขวาง, กั้น, Example: เราวางกับระเบิดตามแนวป่าไว้เพื่อกีดทางรุกข้าศึก | กีดกัน | (v) obstruct, See also: keep from, block, bar, prevent, Syn. กั้น, กัน, ห้ามปราม, กีดกั้น, Example: กำแพงทางสังคมศีลธรรมและศาสนาได้กีดกันไม่ให้คนนึกคิดถึงกามารมณ์, Thai Definition: กันไม่ให้เป็นไปได้, กันไม่ให้สะดวก | กีดกั้น | (v) hinder, See also: impede, block, bar, encumber, trammel, Syn. ขวางกั้น, กั้น, กีดขวาง, กัน, ขัดขวาง, Example: ความสุจริตนั้นย่อมกีดกั้นบุคคลออกจากความชั่วและความเสื่อมเสียทั้งหมดได้, Thai Definition: ขัดขวางไว้ | กีดขวาง | (v) obstruct, See also: hinder, block, bar, impede, retard, Syn. ขัดขวาง, ขวาง, Example: เมื่อพึ่งตนเองได้แล้วก็ไม่มีอุปสรรคกีดขวาง ทำให้เป็นอิสระและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น, Thai Definition: ขวางกั้นไว้, ขวางเกะกะ | การกีดกัน | (n) obstruction, See also: prevention, exclusion, Syn. การขัดขวาง, Example: การกีดกันความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวทำให้ทั้งสองพร้อมใจกันจบชีวิต | สิ่งกีดขวาง | (n) barrier, See also: roadblock, obstacle, barricade, Syn. เครื่องกีดขวาง, อุปสรรค, ขวากหนาม, สิ่งขัดขวาง, กำแพง, Example: เขาไม่เคยอ่อนข้อให้กับสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่จะเป็นตัวถ่วงความสำเร็จของเขา, Thai Definition: สิ่งที่ทำให้เกิดความไม่สะดวกหรือติดขัดจนไม่สามารถลุล่วงไปได้ | กีดหน้าขวางตา | (v) hinder, See also: annoy by obstructing, encumber, trammel, Syn. ขวาง, ขัดขวาง, Example: ไม่ว่าดิฉันจะทำอะไรก็กีดหน้าขวางตาเขาไปทั้งนั้น, Thai Definition: ขัดขวางทำให้ไม่สะดวกใจ | เครื่องกีดขวาง | (n) obstacle, See also: bar, barricade, clog, hindrance, block, barrier, Syn. เครื่องขัดขวาง, อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง, เครื่องกั้น |
| กีด | ก. กั้น, ขวาง, เกะกะ. | กีดกัน | ก. กันไม่ให้ทำได้โดยสะดวก. | กีดกั้น | ก. ขัดขวางไว้. | กีดขวาง | ก. ขวางกั้นไว้, ขวางเกะกะ. | กีดหน้าขวางตา | ก. เกะกะขัดขวางทำให้เขาไม่สะดวกใจ. | กรีส ๑ | (กะหฺรีด) น. อาหารเก่า, อุจจาระ, เช่น หนึ่งน้ำมูตรกรีส ฤๅเกียจฤๅกีด คำคนติฉิน (สรรพสิทธิ์). | กัน ๓ | ก. กีดขวางไว้ไม่ให้เข้ามาหรือออกไป หรือไม่ให้เกิดมีขึ้น เช่น กันฝน กันสนิม กันภัย, แยกไว้ เช่น กันเงินไว้ ๕๐๐ บาทเพื่อจ่ายในสิ่งที่จำเป็น กันเอาไว้เป็นพยาน. น. ชื่อช้างศึกพวกหนึ่ง มีหน้าที่ป้องกันและล้อมทัพ, เรียกเรือซึ่งกำหนดให้เข้ากระบวนเสด็จทางชลมารค ตั้งเป็นแถวขนาบกระบวนเรือพระที่นั่งทั้ง ๒ ข้าง ทำหน้าที่ถวายอารักขา ว่า เรือกัน. | กั้น | ก. กีดขวางหรือทำสิ่งกีดขวางเพื่อบัง คั่น หรือกันไว้ไม่ให้เข้ามา เช่น ภูเขากั้นเขตแดน กั้นถนน. | เก้กัง, เก้ ๆ กัง ๆ | ว. ขวาง ๆ รี ๆ, กีดเกะกะ, (ใช้แก่กริยายืนและเดิน). | เกะกะ | ว. กีด, ขวาง, ไม่เป็นระเบียบ, เช่น วางของเกะกะ | แก่ง | น. พืดหินหรือโขดหินที่กีดขวางทางนํ้า มักจะมีตามต้นแม่นํ้า. | ขวาง | (ขฺวาง) ก. กีดกั้น, สกัด | ขวาง ๆ รี ๆ | ก. กีดเกะกะ, เก้งก้าง, รี ๆ ขวาง ๆ ก็ว่า. | เขะขะ | ว. เกะกะ, กีดขวาง. | เขากวาง๑ | น. ชื่อขวากชนิดหนึ่งทำด้วยต้นไม้หรือกิ่งไม้ เสี้ยมปลายให้แหลมเพื่อกีดขวางข้าศึก. | แข่งเกมวิบาก | น. การเล่นชนิดหนึ่ง ผู้เล่นต้องวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางหรือทำกิจกรรมที่ยาก ๆ เช่น ใช้ปากควานหาสตางค์ในแป้ง สนเข็ม เป่าลูกโป่งให้แตก ใครทำเสร็จและวิ่งถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ. | คู ๑ | น. ร่องนํ้าที่ขุดขึ้นเพื่อชักน้ำหรือเก็บนํ้าไว้ใช้เป็นต้น เช่น คูสวน, ร่องน้ำที่ขุดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องกีดขวางป้องกันที่นอกกำแพงเมือง เช่น คูเมือง. | งาแซง | เสาเสี้ยมปลายที่ปักตะแคงระหว่างเสาระเนียด เพื่อกันไม่ให้ช้างกระแทกเสาระเนียด, เรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น สำหรับตั้งกีดขวางทางเข้าประตูค่ายเป็นต้น. | จำหล่อ | น. เครื่องกีดกั้นขวางทางในสมัยโบราณ ปักเสาสูงราว ๒ ศอก มีไม้เสาทับหลัง ขวางถนนเป็น ๒ แนวเยื้องไม่ตรงกัน ปลายต่อปลายเกินกันทั้ง ๒ ข้าง, จังหล่อ จั้นหล่อ จำหลอ หรือ ผนบบ้านหล่อ ก็เรียก. | ซ้อนคัน | ก. จอดรถยนต์ขนาบข้างรถยนต์คันอื่น เป็นการกีดขวางทางจราจร เช่น ห้ามจอดรถซ้อนคัน. | ดักทาง | ก. สกัดทางเข้าออก เช่น ตำรวจใช้เครื่องกีดขวางดักทางจราจร | ตระดก | (ตฺระ-) ก. หวาด, ผวา, สะดุ้ง, ตกใจ, เขียนเป็น ตรดก ก็มี เช่น อันว่าพระพิศวกรรม ก็ยงงไปศาจผีเสื้อเนื้อแลนก อันมีเสียงตรดกพึงภีต บมิให้กีดให้ก้อง บมิให้ร้องระงี่มี่รงม (ม. คำหลวง วนประเวศน์). | ทะลัก | ก. อาการที่สิ่งที่แออัดกันอยู่หรือถูกกีดกั้นผลุดหรือหลุดออกมาโดยแรง เมื่อสิ่งกีดกั้นแตกหรือพังทลายลง เช่น ถูกแทงไส้ทะลัก น้ำทะลักออกจากเขื่อน, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สินค้าที่กักตุนทะลักออกมา. | ทุ่นระเบิด | น. เครื่องกีดขวางที่มีอำนาจระเบิด ผูกโซ่ถ่วงให้ลอยประจำอยู่ใต้นํ้าเพื่อทำลายหรือต่อต้านการบุกรุกของฝ่ายศัตรูทางทะเล, ถ้าใช้ฝังพรางไว้บนบก เรียกว่า ทุ่นระเบิดบก, เรียกอาณาบริเวณที่วางทุ่นระเบิดไว้เพื่อป้องกันปิดล้อม หรือจำกัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายศัตรูทั้งทางทะเลและทางบก ว่า สนามทุ่นระเบิด, เรียกลักษณะการทำลายทุ่นระเบิดที่ศัตรูวางไว้ในทะเล ว่า กวาดทุ่นระเบิด. | บุก ๒ | ก. ฝ่าเข้าไปในบริเวณที่มีขอบเขตกั้นไว้หรือมีสิ่งกีดขวางเป็นต้น เช่น บุกป่า บุกเข้าไปในค่ายทหาร, โดยปริยายหมายถึง ไปถึงด้วยความลำบาก เช่น อุตส่าห์บุกมาถึงบ้าน. | พาน ๕ | ขวาง, กีดขวาง, ขึงขวาง, เช่น เอาเชือกมาพานไว้ เมื่อคนมาปะทะก็จะล้มลง, กั้นไว้ เช่น พานคนข้างหลังไว้, ระให้หมดไป เช่น เอาไม้กวาดพานหยากไย่. | พิฆน์ | เครื่องกีดขวาง, แก่ง. | ฟ้าผ่า | น. ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากอิเล็กตรอนจำนวนมากเคลื่อนที่ระหว่างเมฆกับพื้นโลก เกิดพลังงานสูงมากจนสามารถทำลายสิ่งที่กีดขวาง เช่น คน สัตว์ ต้นไม้ บ้านเรือน | มดแดงเฝ้ามะม่วง | น. ชายที่ปองรักหญิงบ้านใกล้หรือที่อยู่ใกล้กัน และคอยกีดกันไม่ให้ชายอื่นมารัก, มดแดงแฝงพวงมะม่วง ก็ว่า. | มาร, มาร- | (มาน, มาระ-, มานระ-) น. เทวดาจำพวกหนึ่ง มีใจบาปหยาบช้าคอยกีดกันไม่ให้ทำบุญ | มาร, มาร- | ผู้ฆ่า, ผู้ทำลาย, ในพระพุทธศาสนาหมายถึงผู้กีดกันบุญกุศล มี ๕ อย่าง เรียกว่า เบญจพิธมาร คือ ขันธมาร กิเลสมาร อภิสังขารมาร มัจจุมาร เทวบุตรมาร, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง. | รี ๆ ขวาง ๆ | ก. กีดเกะกะ, เก้งก้าง, เช่น คนไม่เคยเข้าครัวจับอะไรไม่ถูก รี ๆ ขวาง ๆ ไปหมด, ขวาง ๆ รี ๆ ก็ว่า. | รุทธ์ | ก. ห้าม, กีด, กั้น, ดับ. | ลวดหนาม | น. ลวดที่ขมวดเป็นปมเป็นระยะ ๆ แต่ละปมมีปลายแหลมคม ใช้ทำรั้วหรือเครื่องกีดขวางเป็นต้น. | ลังคิ, ลังคี | น. กลอน, ลิ่ม, เครื่องกีดขวาง. | ลัดเลาะ | ก. หลีกเลี่ยงเพื่อไปให้เร็วขึ้นหรือเพื่อไม่ให้เผชิญกับสิ่งกีดขวาง เช่น เดินลัดเลาะไปตามตลิ่ง เดินทางลัดเลาะหลบข้าศึก, เลาะลัด ก็ว่า. | เล่นการเมือง | ก. ฝักใฝ่หรือปฏิบัติการเกี่ยวกับงานบริหารบ้านเมือง, โดยปริยายหมายความว่า ใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงไม่ตรงไปตรงมา เพื่อผลประโยชน์ของตน เช่น ในวงการกีฬาก็มีการเล่นการเมือง นักกีฬาเก่ง ๆ บางคนถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมทีม. | เลาะลัด | ก. หลีกเลี่ยงเพื่อไปให้เร็วขึ้นหรือเพื่อไม่ให้เผชิญกับสิ่งกีดขวาง เช่น เดินเลาะลัดไปตามตลิ่ง เดินทางเลาะลัดหลบข้าศึก, ลัดเลาะ ก็ว่า. | โล่ง | ว. มีลักษณะว่าง เตียน ไม่มีอะไรกีดกั้นหรือปิดบัง เช่น ที่โล่ง ป่าถูกตัดต้นไม้เสียโล่ง, ที่เปิดตลอดไม่มีอะไรกีดกั้นหรือปิดบัง เช่น ห้องโล่ง, โดยปริยายหมายความว่า ปราศจากอุปสรรค เช่น เปิดทางโล่งแล้ว. | หลีก | ก. หลบสิ่งที่กีดขวาง, เลี่ยง, ขยับไปให้พ้นที่เดิม, ให้ทาง. | แหวก | (แหฺวก) ก. แยกให้เป็นช่อง, แยกสิ่งที่ปิดบังหรือกีดขวางให้เป็นช่องทาง เช่น แหวกม่าน แหวกหญ้า แหวกผม | แหวก | ฝ่าสิ่งที่กีดขวางเข้ามาหรือออกไป เช่น แหวกวงล้อมข้าศึก. | อวเคราะห์ | (อะวะเคฺราะ) น. อุปสรรค, เครื่องกีดขวาง | แอบ, แอบ ๆ | ว. อาการที่ยืน เดิน หรือวางสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นต้นไม่ให้เกะกะหรือกีดขวางทาง เช่น เดินแอบข้างทาง วางของแอบ ๆ หน่อย. |
| | Nontariff trade barrier | สิ่งกีดกั้นการค้าที่มิใช่พิกัดอัตราศุลกากร [เศรษฐศาสตร์] | Discrimination against people with disabilities | การกีดกันคนพิการ [TU Subject Heading] | Discrimination in employment | การกีดกันในการจ้างงาน [TU Subject Heading] | Jumping (Horsemanship) | การขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง [TU Subject Heading] | Race discrimination | การกีดกันทางเชื้อชาติ [TU Subject Heading] | Sex discrimination | การกีดกันทางเพศ [TU Subject Heading] | Sex discrimination against women | การกีดกันทางเพศต่อสตรี [TU Subject Heading] | Sex discrimination in education | การกีดกันทางเพศในการศึกษา [TU Subject Heading] | Sex discrimination in employment | การกีดกันทางเพศในการจ้างงาน [TU Subject Heading] | Sex discrimination in national income accounting | การกีดกันทางเพศในการบัญชีรายได้ประชาชาติ [TU Subject Heading] | Show jumping | การขี่ม้าโชว์กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง [TU Subject Heading] | Diplomatic Privileges and Immunities | เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตที่ได้ให้แก่เจ้า หน้าที่ทางการทูต โดยถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้แทนส่วนตัวของประมุขของรัฐ เหตุผลที่ให้มีการคุ้มกันทางการทูต ก็เพราะถือว่ารัฐบาลหนึ่งใดก็ตามจะถูกกีดกันขัดขวางด้วยการจับกุม หรือกีดกันมิให้ผู้แทนของรัฐบาลนั้นปฏิบัติหน้าที่ในความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศนั้นมิได้ ถ้าหากเห็นว่าผู้แทนนั้นมีพฤติกรรมหรือพฤติการณ์ที่ก้าวร้าวซึ่งรัฐผู้รับ ไม่อาจรับได้ก็ชอบที่รัฐผู้รับจะขอร้องให้รัฐผู้ส่งเรียกตัวผู้แทนของตนกลับ ประเทศได้ อนึ่ง การที่สถานเอกอัครราชทูตได้รับความคุ้มกันจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ เพราะต้องการให้บรรดาผู้แทนทางการทูตเหล่านั้น รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของเขาได้มีโอกาสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประเทศของเขาอนุสัญญากรุง เวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตมีบทบัญญัตินิยามคำว่า เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตในเรื่องต่างๆ ไว้มากพอสมควร เช่น เรื่องสถานที่ของคณะผู้แทนทางการทูต รวมทั้งบรรณสารและเอกสาร เรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่การปฏิบัติงานของคณะผู้แทน และเสรีภาพในการเคลื่อนย้ายรวมทั้งการคมนาคมติดต่อ เป็นต้น [การทูต] | General Agreement on Tariffs and Trade | ความตกลงต่าง ๆ เกี่ยวกับพิกัดอัตราภาษีศุลกากร และการค้า โดยจุดประสงค์ที่จะให้ประเทศทั้งหลายตัดทอนข้อกีดขวาง ทางการค้าระหว่างกันให้น้อยลง การเจรจาทำความตกลงเหล่านี้ได้กระทำผ่านทางองค์การการค้าระหว่างประเทศ [การทูต] | Genocide | การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อน เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1946 สมัชชาสหประชาชาติได้ยืนยันเป็นเอกฉันท์ว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือการฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อนนั้นให้ถือเป็นอาชญากรรม ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งโลกที่บรรลุความเจริญแล้วประณามอย่างรุนแรงอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกัน และการลงโทษอาชญากรรมเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ สมัชชาสหประชาชาติได้ลงมติรับรองเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1948 อนุสัญญานี้ได้นิยามคำว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) หมายถึงการประกอบอาชญากรรมบางอย่าง โดยมีเจตนาที่จะทำลายล้างกลุ่มชนชาติ กลุ่มเผ่าพันธุ์ กลุ่มเชื้อชาติ หรือกลุ่มศาสนา ในบางส่วนหรือทั้งหมดก็ตาม การประกอบกรรมซึ่งถือเป็นการฆ่าล้างชาตินั้นได้แก่ การฆ่า การทำให้เกิดความเสียหายอย่างสาหัส ทั้งต่อร่างกายหรือจิตใจ และการบังคับให้มีสภาวะการครองชีพที่เจตนาจะให้ชีวิตร่ายกายถูกทำลาย ไม่ว่าจะเพียงส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดก็ตาม ตลอดจนออกมาตรการกีดกันมิให้มีลูกและโยกย้ายเด็ก ๆ ไม่เพียงแต่การฆ่าล้างชาติอย่างเดียว หากแต่การคบคิดหรือการยุยงให้มีการฆ่าล้างชาติ รวมทั้งความพยายามที่จะฆ่าล้างชาติและสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมดังกล่าว ย่อมถูกลงโทษได้ตามนัยแห่งอนุสัญญานี้ บรรดาผู้ที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกลงโทษไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ ปกครอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง หรือเอกชนส่วนบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดของตามกฎหมายก็ตามบรรดาประเทศที่ภาคี อนุสัญญานี้จำเป็นต้องออกกฎหมายของตนเพื่อรองรับ และจะต้องตกลงเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนในกรณีที่บุคคลนั้นๆ มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติ และบุคคลที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกพิจารณาลงโทษในประเทศที่มีการ ประกอบอาชญากรรมดังกล่าวขึ้น หรือโดยศาลระหว่างประเทศที่มีอำนาจครอบคลุมถึงเจตนารมณ์ของสนธิสัญญานี้ เพื่อต้องการป้องกัน และลงโทษอาชญากรรมฆ่าล้างชาติ ไม่ว่าจะประกอบขึ้นในยามสงครามหรือในยามสงบก็ตามอนุสัญญาดังกล่าวได้เริ่มมี ผลบังคับเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1951 เป็นเวลา 90 วันหลังจากที่ 20 ประเทศได้ให้สัตยาบัน หรือให้ภาคยานุวัติตามที่ระบุอยู่ในอนุสัญญา อนุสัญญานี้จะมีผลบังคับเป็นเวลา 10 ปี และมีการต่ออายุสัญญาทุก 5 ปี สำหรับประเทศที่มิได้บอกเลิกสัญญา หากประเทศที่ยังเป็นภาคีอนุสัญญามีจำนวนเหลือไม่ถึง 16 ประเทศ อนุสัญญานี้จะเลิกมีผลบังคับทันที [การทูต] | Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] | International Trade Organization | องค์การการค้าระหว่างประเทศ มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับความตกลงทั้วไปว่าด้วยภาษี ศุลกากรและการค้าระหว่างประเทศ วัตถุประสงค์สำคัญขององค์การคือ ต้องการขยายการค้าของโลกให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยให้มีมาตรฐานการครองชีพสูงขึ้น ขจัดการกีดกันการค้า หรือพยายามลดให้เหลือน้อยที่สุด เช่น การตั้งข้อจำกัดโควต้า เป็นต้น ตัดทอนภาษีศุลกากรทั่วโลกให้ต่ำลง ดูแลตลาดวัตถุดิบให้เป็นไปอย่างยุติธรรม และพยายามควบคุมด้านการค้าของการร่วมมือกันทางธุรกิจ (Cartels) จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดคือ ป้องกันมิให้กลับไปสู่การดำเนินการทางการค้าที่ตัดราคากันอย่างหั่นแหลก เหมือนเมื่อระยะปี ค.ศ. 1930 ถึง 1939 นั่นเองอย่างไรก็ดี ตั้งแต่มีการปฏิบัติใช้ความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้ามาจนบัด นี้ ก็ได้รับผลสำเร็จตามแนววัตถุประสงค์อย่างมากมาย เช่น มีประเทศสมาชิกหลายสิบประเทศลดภาษีศุลกากรและรักษาระดับภาษีอย่างมีเสรีภาพ แต่ละปี ประเทศสมาชิกจะได้ยินได้ฟังเสียงร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการค้า ละเมิดกฎเกณฑ์ของความตกลงทั่วไป แล้วเสียงร้องเรียนดังกล่าวก็ได้รับการแก้ไขจนเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการปรับปรุงและดัดแปลงข้อกำหนดของความตกลงทั่วไป ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา [การทูต] | Iron Curtain | ม่านเหล็ก เป็นศัพท์ที่อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ผู้ล่วงลับไปแล้ว คือ เซอร์วินสตัน เชอชิลล์ เป็นผู้บัญญัติขึ้นหมายถึงเครื่องกีดขวางปิดกั้นเขต ซึ่งโซเวียตรัสเซียและประเทศคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกไม่ยอมให้มีการ ติดต่อหรือเดินทางเข้าไปในอาณาเขตของประเทศดังกล่าว ที่เรียกกันว่า ประเทศหลังม่านเหล็ก เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองในระหว่างสงครามเย็น แต่ภายหลังที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ล่มสลาย ม่านเหล็กก็พลอยหมดสภาพไปในที่สุด [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Organization of European Economic Cooperation | คือองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจของยุโรป สัญญาที่ก่อตั้งองค์การนี้ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ.1948 โดยรัฐบาลของประเทศออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี โดยแม่ทัพของฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาที่ประจำอยู่ในเขตยึดครองในเยอรมนี (หลังเสร็จสงครามโลกครั้งที่สอง)จุดประสงค์สำคัญที่สุดขององค์การนี้คือ ต้องการให้ทวีปยุโรปมีภาวะเศรษฐกิจกลับคืนมาใหม่อย่างมั่นคง ด้วยการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก สำนักงานใหญ่ขององค์การนี้ตั้งอยู่ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสอย่างไรก็ดี บัดนี้ได้มีองค์การตั้งขึ้นใหม่แทนองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจของยุโรป เรียกว่า องค์การร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Cooperation and Development ) หรือ OECD สำหรับสัญญาจัดตั้งองค์การโอดีซีดีนี้ ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1960 โดยรัฐบาลของประเทศออสเตรีย เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา สัญญาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1961จุดประสงค์สำคัญขององค์การโออีซีดี มีดังนี้1. เพื่อให้บรรดาประเทศสมาชิกได้มีความเติบโตทางเศรษฐกิจ มีแรงงาน อาชีพ และมาตรฐานการครองชีพให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาเสถียรภาพทางการคลังไว้เพื่อเป็นการเกื้อกูลต่อการ พัฒนาเศรษฐกิจของโลก2. ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ให้ประเทศสมาชิกมีโอกาสขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคง รวมทั้งในประเทศที่มิได้เป็นสมาชิกด้วย3. ต้องการมีส่วนเกื้อกูลต่อการขยายตัวทางการค้าในรูปพหุภาคี และปราศจากการกีดกันแต่อย่างใด ตามพันธกรณีระหว่างประเทศองค์การสำคัญในองค์การโออีซีดีคือคณะมนตรี ( Council ) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกทั้งหมด มีคณะกรรมการบริหารรวมทั้งเลขาธิการ สำนักงานใหญ่ขององค์การตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส [การทูต] | Pacific Charter | คือกฎบัตรแปซิฟิค ซึ่งประกาศ ณ กรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ในโอกาสที่มีการตกลงกันทำสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( Southeast Asia Defense Treaty-SEATO ) ประเทศที่ลงนามเป็นภาคีในสนธิสัญญา คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาสาระสำคัญในสนธิสัญญาดังกล่าว หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า SEATO (ซีโต้) นั้นคือ ทุกประเทศภาคีจะร่วมมือกันในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมให้พลเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมาตรฐานการครอง ชีพสูงขึ้น มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และมีสวัสดิภาพสังคมที่ดี แต่จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดคามสนธิสัญญาคือ บรรดาประเทศภาคีตกลงที่จะป้องกันหรือตอบโต้ความพยายามใด ๆ ที่จะล้มล้างเสรีภาพที่มีอยู่ในเขตสนธิสัญญา หรือทำลายอธิปไตยหรือบูรณภาพแห่งเขตแดนของประเทศภาคี พูดอย่างสั้น ๆ ก็คือฝ่ายโลกเสรีอันมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ต้องการกีดกันมิให้ประเทศฝ่ายคอมมิวนิสต์เข้าไปมีอำนาจครอบงำดินแดนเขต เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างสงครามเย็น (Cold War ) โดยวิธีรุกรานหรือวิธีอื่นใดก็ตาม [การทูต] | regionalism | ภูมิภาคนิยม " เป็นการรวมกลุ่มของประเทศในภูมิภาคบนพื้นฐานของการตระหนักถึงผลประโยชน์ร่วม กันในการพัฒนาและความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นการระดมพลังในการปกป้องและเสริมสร้างความก้าวหน้าและสันติภาพความ มั่นคงของแต่ละประเทศและของภูมิภาคโดยส่วนรวม - open regionalism ภูมิภาคนิยมแบบเปิด เป็นกระบวนการ รวมตัวและร่วมมือกันในภูมิภาคเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าซึ่งกันและกัน โดยไม่มีการกีดกันประเทศภายนอก - closed regionalism ภูมิภาคนิยมแบบปิด เป็นกระบวนการ รวมตัวและร่วมมือกันในภูมิภาคเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าซึ่งกันและกัน โดยมีการกีดกันประเทศภายนอก " [การทูต] | Anatomical Barriers | เครื่องกีดขวางทางกายวิภาค [การแพทย์] | Barriers | สิ่งกีดกั้น, ตัวกั้น, เครื่องกีดขวาง, สิ่งกีดกั้น, แบริเออร์, สิ่งกีดขวาง, ด่านสิ่งกีดขวาง, ด่านสำคัญ, ตัวกั้น, ส่วนป้องกัน, เยื่อที่กั้น [การแพทย์] | Barriers, Effective | เครื่องกีดขวางที่มีประสิทธิภาพ [การแพทย์] | Barriers, Physico-Anatomical | เครื่องกีดขวางทางกายวิภาคและทางกายภาพ [การแพทย์] | Barriers, Physicoanatomical | เครื่องกีดขวางทางกายวิภาคและทางกายภาพ [การแพทย์] | Barriers, Surface | สิ่งกีดขวางที่พื้นผิว [การแพทย์] | Barriers, Vascular | เครื่องกีดขวางจากหลอดเลือด [การแพทย์] | Contraception | คุมกำเนิด, การกีดกั้นผสมเชื้อ, การป้องกันการปฏิสนธิ, การคุมกำเนิด [การแพทย์] | Energy Barrier | พลังงานกีดขวาง [การแพทย์] | diffraction | การเลี้ยวเบน, การเลี้ยวอ้อมสิ่งกีดขวางของคลื่นในขณะเคลื่อนที่ผ่านช่องหรือขอบของสิ่งกีดขวาง เช่น เมื่อคลื่นน้ำหรือคลื่นแสงเคลื่อนที่ผ่านสิ่งกีดขวางจะแผ่ออกจากขอบของสิ่งกีดขวางไปทางด้านหลังได้ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | infrared (IR) | อินฟราเรด, สื่อกลางที่ใช้กับการสื่อสารข้อมูลที่ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างตัวส่ง และตัวรับสัญญาณ เช่น การส่งสัญญาณจากรีโมตคอนโทรลไปยังเครื่องรับโทรทัศน์หรือวิทยุ การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์โดยผ่านพอร์ตไออาร์ดีเอ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายระยะใกล้ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | Infrared Data Association( IrDA) | ไออาร์ดีเอ, โพรโทคอลใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์สื่อสารแบบไร้สายระยะใกล้ และไม่มีสิ่งกีดขวาง โดยใช้แสงอินฟราเรดในการติดต่อสื่อสาร และมีความเร็วในการส่งข้อมูลอยู่ระหว่าง 115 Kbps ถึง 4 Mbps ผ่านพอร์ตไออาร์ดีเอ นิยมใช้โพรโทคอลนี้ในระบบเครือข่ายส่วนบุคคลแบบไร้สาย [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | worm | หนอนคอมพิวเตอร์, โปรแกรมแปลกปลอมที่สามารถคัดลอกตัวเอง แล้วส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆได้ทันที โดยอาศัยการเจาะผ่านช่องโหว่ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรืออินเทอร์เน็ตที่ไม่มีการป้องกันที่ดีพอ โดยจะเข้าไปกีดขวางการทำงานของระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ช้าลง หรือหยุด [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
| Why deprive yourself of life's pleasures? | ทำไมถึงกีดกันตัวเอง จากความสุขล่ะ? Wild Reeds (1994) | FLN barricades were set up to maintain peace in Muslim areas. | FLN{ แนวร่วมปลดปล่อยชาติแอลจีเรีย } สร้างเครื่องกีดขวางซึ่งติดตั้ง FLN คือ แนวร่วมปลดปล่อยชาติแอลจีเรีย เพื่อรักษาความสงบในเขตมุสลิม Wild Reeds (1994) | I'd hate to deprive you of this. | ฉันเกลียดที่จะกีดกันคุณจากการนี้ The Shawshank Redemption (1994) | Of course, I doubt they'll toss up any roadblocks for that. | แน่นอนฉันสงสัยว่าพวกเขาจะโยนเครื่องกีดขวางใด ๆ สำหรับการที่ The Shawshank Redemption (1994) | I was possessed of a sudden with supernatural powers and passed like a spirit through the barrier before me. | จู่ๆ ฉันก็ถูกสิงสถิตย์ ด้วยพลังเหนือธรรมชาติ... ให้ข้ามผ่านสิ่งกีดขวางไปได้ดุจวิญญาณ Rebecca (1940) | But I'm in this family too. You can't keep giving me the silent treatment. | หนูก็เป็นคนหนึ่งในครอบครัว พ่อจะมากีดกั้นหนูทางอ้อมไม่ได้ Dirty Dancing (1987) | The Paris students at the barricades, American students against Vietnam, and for us it was Czechoslovakia. | นักเรียนปารีสที่กีดขวาง, นักเรียนชาวอเมริกันกับเวียดนาม และสำหรับพวกเรามันเป็นเชค The Russia House (1990) | You've impeded my work since the day I escaped from your wretched womb. | แกกีดขวางงานฉันตั้งแต่วันที่ฉันออกมาจากมดลูกอันน่าเวทนาของแก Death Has a Shadow (1999) | Shut me out. One minute you're here, and the next you're gone. | กีดกั้นฉันนี่ไง นาทีก่อนนายเพิ่งจะเข้ามาที่นี่ จากนั้นนายก็ไป Metamorphosis (2001) | I respectfully report I've been given orders to clear the bundles from the road... so there will be no obstructions to the thoroughfare. | ผมได้รับสั่งให้เคลียร์... สิ่งกีดขวางบนถนน Schindler's List (1993) | Everyone tried to get rid of him, but the princess called him in, saying everyone deserves a chance | ทุกคนพยายามที่จะกีดกันเขาออกไป แต่เจ้าหญิงได้ทรงเรียกเค้าเข้ามา เธอกล่าวว่า ทุกคนควรได้รับโอกาสเท่าเทียมกัน Windstruck (2004) | It clogs and clutters up the mind | มันกีดขวางแล้วทำให้สมองวุ่นวาย Charlie and the Chocolate Factory (2005) | Discrimination! Discrimnaaation~ | โหย กีดกันทางเพศนี่นา กีดกัน! Final Fantasy VII: Advent Children (2005) | Yeah, well, it's rather embarrassing to say but I think Mother rather poisoned the well on that one. | คือว่ามันเร็วเกินไปที่จะพูดอย่างนั้น เพราะคุณแม่ของผมท่านกีดกันเธอ Match Point (2005) | Naturally, her family was completely against it. | ถึงแม้ ครอบครัวของเธอ จะกีดกัน My Girl and I (2005) | You're blocking' the camera! | คุณกำลัง กีด 'กล้อง! Cars (2006) | Dividing him from her and her from him would only be half as cruel as actually allowing them to be joined in holy matrimony. | ถ้ากีดกันเขาจากหล่อน และหล่อนจากเขาได้ จะเป็นเรื่องทรมานสาหัส.. ดีกว่าปล่อยให้ทั้งคู่ เข้าพิธีแต่งงานกันสุขสันต์ .. Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest (2006) | Or has the oracle robbed you of your desire as well? | แล้วมีอันใดกีดขวาง ? 300 (2006) | Like I said, I was just worried about you, that's all. | และกระจายไปข้างหน้าและจากนั้น ไปตามทางเดินที่มีสิ่งกีดขวางน้อย Deja Vu (2006) | How can you be so homophobic? | ทำใมถึงกีดกันเรื่องเพศอย่างนี้นะ Eating Out 2: Sloppy Seconds (2006) | I do hope this doesn't keep us from being friends, because i like you, bree. | ฉันหวังว่านี่คงไม่กีดกันเราจากการเป็นเพื่อนนะ เพราะฉันชอบเธอ บรี Smiles of a Summer Night (2007) | You are keeping my grandchildren from me. | คุณกำลังกีดกันเอาหลานไปจากฉันนะ Art Isn't Easy (2007) | Rules designed to make it impossible for women to enter this world. | กฎที่ตั้งใจกีดกันไม่ให้ผู้หญิงเข้ามาในโลกนี้ได้ Ratatouille (2007) | We'll not discriminate great from small. No, we'll serve anyone... | เราจะไม่กีดกันใครเลย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ไม่ เราจะบริการใครก็ได้... Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street (2007) | You will not forestall my judgment. | เจ้าไม่ควรกีดขวางการตัดสินใจของข้า Pirates of the Caribbean: At World's End (2007) | I gotta get my boys back but Ian's trying to keep me out. | ผมต้องพาลูกๆกลับ แต่เอียนพยายามกีดกันผม Alvin and the Chipmunks (2007) | Was that sexist? | กีดกันทางเพศเหรอ The Fourth Man in the Fire (2008) | We will eliminate all obstacles for you. | เราจะกำจัดสิ่งกีดขวางทั้งหมดให้คุณ Eagle Eye (2008) | Janaki also. | ชานกีด้วย Sita Sings the Blues (2008) | My job is to help you slash past every defense, every excuse, every, "why don't you meet my friend" trick that they're gonna throw at you. | หน้าที่ของผมคือช่วยคุณ ข้ามผ่านสิ่งกีดขวางทุกอย่าง ทุกข้ออ้าง ทุกมุข "ทำไมคุณไม่มารู้จักเพื่อนฉันล่ะ" ที่พวกเธอจะโยนใส่คุณ 52 Pickup (2008) | w-we're gonna be burning away the muscle in your ventricle that's, um, blocking your ability to get oxygen. | เราก็จะสลายกล้ามเนื้อบริเวณชั้นล่างของหัวใจ ที่กีดขวางการได้รับออกซิเจนของคุณ Rise Up (2008) | Until shortly after death. And that seems like an obstacle. | จนกว่าจะรู้ว่าตายเมื่อไหร่ และมันดูเหมือนเครื่องกีดขวาง Not Cancer (2008) | That's a bathroom you're barricading. | นั่นมันห้องน้ำ คุณกำลังกีดขวางมัน Last Resort (2008) | Ki-dong! | กีดง Scandal Makers (2008) | Help me! | ทำไงดีล่ะ กีดงอ่ะ Scandal Makers (2008) | Come here, Ki-dong. Have some candy. | เห้ กีดง มานี่มา มากินลูกอมมา Scandal Makers (2008) | Huh? You win, Ki-dong. Let's stop playing for today, okay? | หืม อ่อ กีดง เธอชนะแล้ว วันนี้พอแค่นี้ละกัน วันหลังค่อยเล่นใหม่นะ Scandal Makers (2008) | He played cards here? | นี่ กีดง เล่นไพ่ที่นี่หรอกครับ Scandal Makers (2008) | Ki-dong? Can you show your uncle? | กีดงจ๊ะ ไหนลองแสดงสิ่งที่เธอทำก่อนหน้านี้ให้คุณลุงให้เห็นสิจ๊ะ Scandal Makers (2008) | Don't do it, Ki-dong! | กีดง อย่าทำนะ กีดง Scandal Makers (2008) | Good job, Ki-dong. | เก่งจังเลยจ้ะ กีดง Scandal Makers (2008) | Let's take a break. | กีดง งั้นเดี๋ยวเราพักสักหน่อยนะจ๊ะ Scandal Makers (2008) | But Ki-dong says he's sleepy. | แต่ว่า กีดง แกบอกว่าเหนื่อยแล้วน่ะค่ะ Scandal Makers (2008) | Since it goes through Ki-dong and all. | ยังไงกีดงก็เป็นแค่เด็ก Scandal Makers (2008) | Go to your room, Ki-dong. | กีดง เข้าห้องไปซะ Scandal Makers (2008) | Help me, please. | จะทำยังไงกับกีดงดีล่ะ Scandal Makers (2008) | Ki-dong's missing, daddy! | พ่อขา กีดงหายไป Scandal Makers (2008) | Ki-dong's missing, daddy! | พ่อขา กีดงหายไป Scandal Makers (2008) | Ki-dong is very smart. He'll find his way home. | แล้วกีดงก็เป็นเด็กฉลาดมากด้วย เขาจะต้องกลับมาแน่นอนค่ะ Scandal Makers (2008) | He's yours. Ki-dong is our son. He's your son. | เขาเป็นลูกของเธอตะหากล่ะ กีดงฃูกของเราน่ะ เป็นลูกของเธอ Scandal Makers (2008) |
| การกีดกัน | [kān kītkān] (n) EN: obstruction ; prevention ; exclusion ; barrier ; segregation FR: barrière [ f ] | การกีดกันการค้า | [kān kītkān kānkhā] (n, exp) EN: barrier to trade FR: barrière commerciale [ f ] | กีด | [kīt] (v) EN: obstruct ; impede ; hinder ; block ; bar ; prevent ; retard FR: entraver ; gêner | กีดกัน | [kītkan] (v) EN: obstruct ; keep from ; block ; bar ; prevent | กีดกั้น | [kītkan] (v) EN: hinder ; impede ; block ; bar ; encumber ; trammel | กีดขวาง | [kitkhwāng] (v) EN: obstruct ; hinder ; block ; bar ; impede ; retard FR: obstruer ; barrer ; entraver | กีดหน้าขวางตา | [kitnākhwāngtā] (v) EN: hinder ; annoy by obstructing ; encumber ; trammel |
| able-bodism | (n) การกีดกันในเรื่องสภาพร่างกาย, Syn. ableism | ableism | (n) การกีดกันในเรื่องสภาพร่างกาย, Syn. able-bodism | bar | (n) อุปสรรค, See also: เครื่องกีดขวาง, สิ่งกีดขวาง | barricade | (n) ด่านหรือสิ่งกีดขวาง, See also: คอกกั้น, ด่านขนอน, Syn. blockade | block | (vt) กีดขวาง, Syn. obstruct | block | (n) สิ่งกีดขวาง, Syn. obstruction | back up | (phrv) กั้นขวาง, See also: กีดขวาง | check | (n) การเข้ากีดขวาง, See also: การเข้าสกัด | cumber | (vt) ขัดขวาง, See also: กีดขวาง, Syn. hamper, hinder | encumber with | (phrv) กีดขวาง, See also: กั้นขวางด้วย, ถ่วงด้วย, ทำให้เป็นภาระด้วย | escort from | (phrv) คุ้มกันให้พ้นจาก, See also: กีดกันจาก | dam | (vt) สร้างเขื่อน, See also: กีดกั้น, Syn. barrier | damp | (vt) ยับยั้ง, See also: สกัดกั้น, กีดกัน, Syn. inhibit | diffract | (vt) ทำให้ (แสงหรือเสียง) แตกกระจาย (เมื่อผ่านช่องรับแสงหรือสิ่งกีดขวาง), Syn. disperse, scatter | diffraction | (n) การกระจายออกของลำแสงหรือเสียงเมื่อผ่านสิ่งที่กีดขวาง เช่น เลนส์, Syn. dispersion, scattering, separation | encumber | (vt) กีดขวาง, See also: ขัดขวาง, Syn. hamper, hinder, impede | encumbrance | (n) สิ่งกีดขวาง, See also: สิ่งที่เป็นภาระ, Syn. burden, hindrance, impediment | fence | (n) รั้ว, See also: กำแพง, ที่กั้น, สิ่งกีดขวาง, Syn. wall, barricade, barrier | fetch | (n) เขตที่ลมพัดผ่านสะดวก, See also: เขตลมพัดผ่านอย่างไร้สิ่งกีดขวาง | foreclose | (vt) ขัดขวาง, See also: กีดกัน, ป้องกัน, Syn. exclude, bar, Ant. admit, include | free | (vt) ทำให้ปลอดจากสิ่งกีดขวาง, See also: ทำให้มีสิทธิเสรีภาพ | freeze | (vt) ถูก (น้ำแข็ง) กีดขวาง | freeze | (vi) ถูก (น้ำแข็ง) กีดขวาง | get between | (phrv) กั้นขวาง, See also: กีดขวาง, Syn. come between, stand between | hinder from | (phrv) ยับยั้ง, See also: ทำให้ชักช้า, กีดขวาง, กีดกัน, Syn. prevent from | interpose between | (phrv) สอดแทรกระหว่าง, See also: กั้นขวางระหว่าง, กีดขวางระหว่าง, Syn. intervene between | handicap | (vt) เป็นอุปสรรคแก่, See also: เป็นเครื่องกีดขวาง | hazard | (n) สิ่งกีดขวางในสนามกอล์ฟ เช่นหลุมทราย ทะเลสาบ | hedge | (n) เครื่องล้อม, See also: เครื่องกั้น, สิ่งกีดขวาง, Syn. barrier | hinder | (vi) ขัดขวาง, See also: กีดกัน, กั้น, ขัดจังหวะ, เป็นอุปสรรค | hinder | (vt) ขัดขวาง, See also: กีดกัน, กั้น, ขัดจังหวะ, เป็นอุปสรรค, Syn. block, impede, obstruct, Ant. advance, promote | hindrance | (n) เครื่องกีดขวาง, See also: สิ่งกีดขวาง, ข้อขัดข้อง, เหตุขัดข้อง, Syn. barricade, impediment, obstacle, Ant. aid, assistance, opening | hurdle | (n) เครื่องกีดขวาง, See also: อุปสรรค | in someone's way | (idm) ขวางทาง, See also: กั้นขวาง, กีดขวาง | in something's way | (idm) ขวางทาง, See also: กีดขวาง | in the way | (idm) ขวางทาง, See also: กั้นขวาง, กีดขวาง | in the way of | (idm) ขวางทาง, See also: กั้นขวาง, กีดขวาง | stumbling-block | (idm) สิ่งกีดขวาง, See also: สิ่งขัดขวาง | impede | (vt) กีดขวาง, See also: กั้นขวาง, ขัดขวาง, ขวาง, Syn. hamper, hinder, obstruct | impediment | (n) สิ่งกีดขวาง, See also: อุปสรรค, Syn. hindrance, obstacle | jump | (n) สิ่งกีดขวาง, Syn. barrier, obstacle | leap | (vt) กระโดดข้าม (สิ่งกีดขวาง), See also: ข้าม, ผ่านข้าม, Syn. jump over | obstacle | (n) อุปสรรค, See also: สิ่งกีดขวาง, Syn. hindrance, barrier, bar, Ant. clearance | obstruct | (vt) ขวางทาง, See also: กีดขวางเส้นทางไม่ให้เดินทางผ่านไปได้, ขวางกั้น, Syn. block, bar, oppose, Ant. advance, further | obstruction | (n) สิ่งกีดขวาง, Syn. bar, barrier | obstructionism | (n) การขัดขวาง, See also: การกีดขวาง, การขวางกั้น, Syn. filibuster | obstructionist | (n) ผู้ขัดขวาง, See also: ผู้กีดขวาง, Syn. holdout, resister | obstructive | (adj) ซึ่งกีดขวาง, See also: ซึ่งกั้นขวาง, Syn. impeding, meddlesome | obstructively | (adv) อย่างกีดขวาง, See also: อย่างคัดค้าน, อย่างเป็นอุปสรรค, Syn. adversely, oppositely | obstructiveness | (n) การกีดขวาง, See also: การคัดค้าน |
| barricade | (บาร์'ริเคด) { barricaded, barricading, barricades } n. สิ่งกีดขวาง, สิ่งกั้น. vt. กีดขวาง, กั้น, See also: barricader n. ดูbarricade, Syn. blockade, barrier | barrier | (แบร์'รีเออะ) n. สิ่งกีดขวางทางผ่าน, สิ่งกีดขวาง, อุปสรรค, Syn. obstacle | block | (บลอค) { blocked, blocking, blocks } n. ท่อนไม้, ท่อนหิน, ก้อนใหญ่, ชิ้นใหญ่, ห่อดินระเบิด, แท่นโลหะ, เขียง, แม่พิมพ์, ลูกรอก, ตะแลงแกง, ตึกที่แบ่งออกเป็นส่วน, เครื่องกีดขวาง, ทั้งแถว, ทั้งก้อน, ทั้งปีก, ตึกใหญ่, คฤหาสน์ใหญ่, อุปสรรค, การขัดขวาง, เขตหนึ่งของตัวเมือง, เขตห่างไกลท | breakwater | (เบรค'วอเทอะ) n. เครื่องกีดกั้นคลื่น (เช่นที่อยู่หน้าท่าเรือ | bunker | (บัง'เคอะ) { bunkered, bunkering, bunkers } n. ภาชนะขนาดใหญ่สำหรับใส่ถ่านหิน, หีบหรือลังใส่ถ่านหิน, สิ่งกีดขวาง (ในสนามกอล์ฟ) ป้อมปราการใต้ดิน vt. ตีลูกกอล์ฟเข้าสิ่งกีดขวาง | dam | (แดม) { dammed, damming, dams } n.เขื่อน, ทำนพ, สิ่งกีดกั้น vt. ทำเขื่อนกั้น, กีดกั้น | deprive | (ดิไพรฟว') vt. ถอดถอน, ทำให้ไม่ได้รับ, ตัดสิทธิ, กีดกัน., See also: deprivable adj. ดูdeprive depriver n. ดูdeprive, Syn. bereave | deterrence | (ดิเทอร์'เรินซฺ) n. การยับยั้ง, การกีดขวาง, Syn. deterring | deterrent | (ดิเทอ'เรินทฺ) adj. ซึ่งยับยั้ง, ซึ่งกีดขวาง n. ตัวยับยั้ง, ตัวกีดขวาง, See also: deterrence n. | dike | (ไดคฺ) { diked, diking, dikes } n. เขื่อน, กำแพงกั้นน้ำ, สิ่งกีดขวาง, อุปสรรค, หญิงที่รักร่วมเพศ, เลสเบี้ยน, vt. สร้างเขื่อน, ยับยั้ง, ป้องกัน, Syn. dyke | drawback | (ดรอ'แบค) n. อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง, จุดบกพร่อง, การถอนคืน, การถอนเงิน, การคืนภาษี, การคืนเงิน, Syn. hindrance | embarrass | (เอมแบ'เริส) { embarrassed, embarrassign, embarrasses } vt. ทำให้ขวยเขิน, ทำให้ลำบากใจ, เป็นอุปสรรค, กีดขวาง vi. อึดอัดใจ, ลำบากใจ., See also: embarrassedly adv. ดูembarrass embarrassingly adv. ดูembarrass embarrassment n. ดูembarrass คำที่มีควา | encumber | (เอนคัม'เบอะ) vt. กีดขวาง, ขีดขวาง, เกะกะ, ทำให้ช้าลง, ถ่วง, ทำให้หนักใจ. | encumbrance | (เอนคัม'บรันซฺ) n. สิ่งกีดขวาง, เครื่องถ่วงความเจริญ, ผู้ที่ต้องพึ่งพาคนอื่น , การเรียกร้องสิทธิในทรัพย์ สิน, การติดพัน, Syn. incumbrance | entanglement | n. การทำให้พัวพัน, ภาวะที่ถูกพัวพัน, สิ่งพัวพัน, ขดลวดที่กีดขวาง, ความซับซ้อน, Syn. complex | exclusive | (เอคซฺคลู'ซิฟว) adj. ซึ่งกีดกัน, แต่ผู้เดียว, ผูกขาด, เฉพาะตัว, อย่างเดียว, See also: exclusiveness n. ดูexclusive exclusivity n. ดูexclusive, Syn. restricted | fencer | n. ผู้ล้อมรั้ว, ผู้ฟันดาบ, นักดาบ, ม้าที่ได้รับการฝึกฝนกระโดดข้ามรั้ว, นักวิ่งกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง, ผู้มีอาชีพซ่อมแซมและสร้างรั้ว | foil | (ฟอยลฺ) { foiled, foiling, foils } n. แผ่นโลหะบาง, กระดาษหุ้มตะกั่ว ที่ใช้ห่อบุหรี่, แผ่นบาง, ฉาบปรอทหลังกระจก, โลหะที่เป็นฐานของเพชรพลอยที่เจียระไนแล้ว. ดูairfoil , ดูhydrofoil , ดาบปลายทู่ชนิดหนึ่ง, การฟันดาบด้วยดาบดังกล่าว vt. ป้องกันความสำเร็จ, กีดกัน, สกัดกั้น, ทำ | handicap | n. อุปสรรค, ข้อเสียเปรียบ, ความบกพร่องทางกาย, การแข่งขันต่อแต้ม vt. ทำให้เสียเปรียบ, ขัดขวาง, กีดขวาง | hang up | n. สิ่งกีดขวาง, สิ่งที่กังวลอยู่ | hang-up | n. สิ่งกีดขวาง, สิ่งที่กังวลอยู่ | hazard | (แฮซ'เซิร์ด) n. อันตราย, การเสี่ยง, สิ่งที่เป็นอันตราย, สิ่งที่ทำให้เกิดความลำบาก, ความไม่แน่นอน, เหตุบังเอิญ, อุบัติเหตุ, สิ่งกีดขวางในสนามกอล์ฟ vt. ทำให้เสี่ยง, เสี่ยง, ทำให้ประสบอันตราย, Syn. risk, danger, peril | hedge | (เฮดจฺ) n. แนวพุ่มไม้, ขอบแดน, สิ่งกีดขวาง, เครื่องล้อม, การวางเดิมพัน, คำพูดสองนัย. v. ล้อมรั้ว, กั้นรั้ว, กั้น, วางเดิมพันเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย. vi. วางทางหนีที่ไล่, See also: hedger n., Syn. fence | hinder | (ฮิน'เดอะ) v. กีดขวาง, กีดกัน, หยุดยั้ง. adj. ด้านหลัง, ข้างหลัง, See also: hinderer n. | hitch | (ฮีทชฺ) v. ผูกเชือก, ผูกปม, เกี่ยวกับ, ผูกกับ, สมรส, เดินขาเป๋. n. การผูกเชือก, การผูกปม, การสะดุด, อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง, การเดินขาเป๋, การดึงขึ้น, Syn. snag, obstacle, fasten | hurdle | (เฮอ'เดิล) n. รั้วสำหรับแข่งกระโดดข้าม, เครื่องกีดขวาง, อุปสรรค. v. กระโดดข้ามรั้ว, กระโดดข้าม, ข้าม, เอาชนะอุปสรรค, สร้างสิ่งกีดขวาง, ล้อมรั้ว., See also: hurdler n., Syn. obstacle | interpose | (อินเทอโพซ') vt., vi. สอดแทรก, ก้าวก่าย, กีดกั้น, ขวาง, พูดสอด., See also: interposable adj. interposal n. interposer n. interposingly adv., Syn. intervene | jump | (จัมพฺ) { jumped, jumping, jumps } vi., n. (การ) กระโดด, กระดก, โลดเต้น, ไปอย่างรวดเร็ว, จู่โจม n. การกระโดด, สิ่งกีดขวาง, การกระโดดร่ม, การขึ้นพรวดขึ้นอย่างกะทันหัน (เช่นราคา) , การเปลี่ยนอย่างกะทันหัน, การกระโดดแข่งขัน adj. (ดนตรีแจ๊ช) เล่นจังหวะเขย่า, adv. แน่ชัด, แม่นยำ | obstacle | (ออบ'สทะเคิล) n. อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง | obstruct | (อับสทรัคทฺ') vt. ขัดขวาง, กีดขวาง, กีดกั้น., See also: obstructer n. obstructor n. obstructivity n., Syn. choke, stop, shield, bar | obstructionist | (อับสทรัค'เชินนิสทฺ) n. ผู้ขัดขวาง, ผู้กีดขวาง, ผู้เป็นอุปสรรค., See also: obstructionism | obstruent | (ออบ'สทรูอันท) adj. ซึ่งขัดขวาง, ซึ่งกีดขวาง, ซึ่งเป็นอุปสรรค, ซึ่งขัดขวางเสียง n. ตัวขีดขวาง, | rubber | (รับ'เบอะ) n. ยาง, ผู้ถู, ผู้นวด, ยางลบ, ถุงยาง (คุมกำเนิด) , ผู้ฆ่าคน, อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง adj. ทำด้วยยาง, เกี่ยวกับการผลิตยาง, Syn. India rubber, natural rubber, gum elastic, caoutchouc | sexist | (เซค'ซิส๎ทฺ) n. ผู้แบ่งแยกเพศ, ผู้กีดกันเพศ | shackle | (แชค'เคิล) n. กุญแจมือ, โซ่ตรวน, ตรวน, ห่วงกุญแจ, ห่วง, เครื่องพันธนาการ, การผูก, การมัด, สิ่งผูกมัด, สายโซ่สมอเรือ, สายยู, อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง. vt. ใส่กุญแจมือ, ใส่โซ่ตรวน, กีดขวาง, ผูกมัด., See also: shackler n. | snag | (สแนก) n. ตอไม้, ตอไม้ใต้น้ำ, ต้นไม้ใต้น้ำที่กีดขวางทางเดินเรือ, ส่วนยื่นแหลม, ฟันที่หักคา, ฟันที่ไม่เสมอกัน, แก่ง, อุปสรรค, สิ่งขัดขวาง, หินโสโครก vt. ติดตอไม้, ขัดขวาง, เป็นอุปสรรค, ทำให้ติดหรือชนสิ่งขัดขวางใต้น้ำ, คว้าหรือยึดเอาไปอย่างรวดเร็ว, เอาตอไม้ออก. vi. เป็นอุปสรรค, ยุ่งเหยิง, เจออุปสรรค | steeplechase | (สที'เพิลเชส) n. การแข่งม้าวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางที่สร้างขึ้น, การวิ่งแข่งข้ามทุ่งหรือทุ่งที่มีสิ่งกีดขวาง vi. แข่งขี่ม้าข้ามสิ่งกีดขวาง, วิ่งแข่งข้ามสิ่งกีดขวาง | stop | (สทอพ) vt., vi., n. (การ) หยุด, ห้าม, ยับยั้ง, ยุติ, จอด, เลิก, ขัดขวาง, ป้องกัน, ตัดขาด, อุด, จุก, ปิด, พัก, (มวย) ชนะน็อคเอ๊าท์, หรี่แสง, หยุดชำระ, ใส่จุด, ใส่เครื่องหมาย '.', จุก, ที่อุด, อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง, อุปกรณ์หยุดการเคลื่อนที่, การยุติการชำระ, สลักเสียงหีบเพลง, เครื่องอุด, | stoppage | (สทอพ'พิจฺ) n. การหยุด, การยุติ, การเลิก, การห้าม, การอุด, การกีดขวาง, สิ่งกีดขวาง, การถูกหยุด, การถูกห้าม, Syn. impediment | stopper | (สทอพ'เพอะ) n. ผู้หยุด, ผู้ห้าม, สิ่งกีดขวาง, สิ่งที่ทำให้อุดตัน, จุก. vt. ปิด, อุด, จุก., Syn. plug | stumbling block | n. อุปสรรค, สิ่งขัดขวาง, สิ่งกีดขวาง, สิ่งที่ถ่วงความเจริญ, Syn. obstacle | trammel | (แทรม'เมิล) n. สิ่งกีดขวาง, อุปสรรค, ห่วงคล้องขาม้า, ตาข่ายจับปลา, จับตก, ปลอกพันธนาการ, เครื่องวาดเป็นรูปวงรี, วงเวียนวาดรูปวงรี, ที่ค้ำจุนหม้อหรือกาน้ำเหนือเตาไฟ, โซ่ตรวน. vt. ขัดขวาง, ยับยั้ง, จับด้วยตาข่าย, ติดกับ., See also: trammeler, trammeller n. | unstop | (อันสทอพ') vt. เอาจุกออก, ขจัดอุปสรรค, ขจัดสิ่งกีดขวาง., See also: unstoppable adj. unstoppably adv. | vault 2 | (วอลทฺ) vi. กระโดด, กระโดดโดยเอามือยัน, กระโดดค้ำถ่อ, เขย่ง, หกคะเมน. vt. กระโดด, กระโดดข้าม, กระโดดค้ำถ่อ, กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง., See also: vaulter n., Syn. spring, leap, hurdle |
| bar | (vt) สกัดกั้น, กีดกั้น, ขวาง, ห้าม | barricade | (n) สิ่งกีดขวาง, เครื่องกั้น, อุปสรรค | barrier | (n) สิ่งกีดขวาง, อุปสรรค, ด่านศุลกากร | block | (n) ท่อนไม้, ตึกทั้งแถว, แม่พิมพ์, เครื่องกีดขวาง | block | (vt) สกัด, กีดกัน, ขัดขวาง, ต้าน, ปิดล้อม | blockade | (vt) กีดกั้น, ปิดล้อม, กั้นด่าน, ขัดขวาง | clog | (vt) ขัดขวาง, ถ่วง, ทำให้ตัน, อุด, กีดขวาง | cumber | (vt) กีดกั้น, หนัก, อุ้ยอ้าย, ทำให้ยุ่งยาก, ทำให้ลำบาก | debar | (vt) กั้น, กีดกั้น, ขัดขวาง, ห้าม, ยับยั้ง | deprive | (vt) เอาออก, ตัดสิทธิ์, ถอดถอน, กีดกัน, ถอดยศ, ถอนสิทธิ | deter | (vt) ขัดขวาง, กีดกั้น, กีดขวาง, ยับยั้ง, ป้องกัน | dike | (n) เขื่อน, กำแพงกั้นน้ำ, สิ่งกีดขวาง | discourage | (vt) กีดกัน, ทำให้ท้อ, ทำให้หมดกำลังใจ | drawback | (n) ความเสียเปรียบ, ข้อบกพร่อง, สิ่งกีดขวาง, อุปสรรค, การคืนเงิน, การถอนเงิน | encumber | (vt) เป็นภาระ, กีดขวาง, ทำให้หนักใจ, ทำให้กังวล | encumbrance | (n) เครื่องถ่วง, น้ำหนักถ่วง, สิ่งที่เป็นภาระ, เครื่องกีดขวาง | entanglement | (n) ความยุ่งเหยิง, ความพัวพัน, สิ่งพัวพัน, สิ่งกีดขวาง | exclude | (vt) กีดกัน, เอาออก, แยกออก, ไล่ออก | exclusion | (n) การเอาออก, การไล่ออก, การกีดกัน, การยกเว้น | fence | (vt) กั้นรั้ว, ล้อมคอก, กีดกั้น | foil | (vt) กีดกัน, ป้องกัน, สกัดกั้น, ทำให้แพ้, หยุดยั้ง | foreclose | (vi, vt) กีดกั้น, ยึด, ริบ, ถอนสิทธิ์, ตัดสิทธิ์, ขัดขวาง, ขจัด, ป้องกัน | hamper | (vt) เกะกะ, กีดกั้น, ขัดขวาง, ทำให้ชะงัก | handicap | (vt) ต่อให้, ทำให้เสียเปรียบ, ขัดขวาง, เป็นอุปสรรค, กีดขวาง | hazard | (n) อันตราย, ความเสี่ยง, เครื่องกีดขวาง, เหตุบังเอิญ | hedge | (n) รั้ว, แนวพุ่มไม้, สิ่งกีดขวาง, เครื่องล้อม, ขอบแดน | hinder | (vi, vt) กีดกั้น, ขัดขวาง, ขวางทาง, มีอุปสรรค | hindrance | (n) อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง, สิ่งกีดกั้น | hurdle | (n) รั้วไม้, อุปสรรค, เครื่องกีดขวาง | impede | (vt) กีดกั้น, ขัดขวาง, หน่วงเหนี่ยว, ต้านทาน | impediment | (n) อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง, สัมภาระ | incumbrance | (n) ความลำบาก, เครื่องถ่วงความเจริญ, ภาระ, สิ่งกีดขวาง | inhibit | (vt) กีดกั้น, ขัดขวาง, ยับยั้ง, สกัดกั้น, ห้าม | inhibition | (n) การกีดกั้น, การยับยั้ง, การสกัดกั้น, การไตร่ตรอง | intercept | (vt) ตัดตอน, กีดกั้น, สกัด, ขวาง, ยึด, ยับยั้ง | obstacle | (n) อุปสรรค, เครื่องกีดขวาง | obstruct | (vt) ขัดขวาง, ขวางกั้น, กีดขวาง | obstruction | (n) การขัดขวาง, สิ่งกีดขวาง, อุปสรรค | obstructive | (adj) ขัดขวาง, ขวาง, กีดขวาง, เป็นอุปสรรค | occlude | (vt) อุด, ปิดกั้น, ปิดบัง, กีดกัน | roadblock | (n) สิ่งกีดขวางบนถนน | shackle | (vt) ล่ามโซ่, ใส่กุญแจมือ, กีดขวาง, ผูกมัด | stoppage | (n) เครื่องกีดขวาง, การหยุด, การยุติ, การห้าม, การเลิก, การอุด | stopper | (n) สิ่งกีดขวาง, จุก, ผู้หยุด, ผู้ห้าม | thwart | (vt) กีดกั้น, ขัดขวาง, ทำลาย, ต่อต้าน | trammel | (n) เครื่องกีดกั้น, วงเวียน, ตาข่าย, อุปสรรค, โซ่ตรวน | trammel | (vt) กีดกั้น, ขัดขวาง, ยับยั้ง, ทำให้ติดกับ | traverse | (n) เครื่องกีดขวาง, เส้นขวาง, การเดินข้าม, การสำรวจ |
| Compartment syndrome | เงื่อนไขที่เจ็บปวดและอันตรายที่เกิดจากการสะสมของความดันจากเลือดออกภายในหรือบวมของเนื้อเยื่อ ความดันลดการไหลเวียนของเลือด, กีดกันกล้ามเนื้อและเส้นประสาทของการบํารุงที่จําเป็น.อาการอาจรวมถึงอาการปวดอย่างรุนแรงความรู้สึกของหมุดและเข็มและความอ่อนแอของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สําหรับกรณีที่รุนแรงของโรคช่องจําเป็นต้องผ่าตัดฉุกเฉิน | infarction | [อิน ฟาร์ค ชั่น] (n) เป็นการตายของเนื้อเยื่อ (necrosis)เนื่องจากบริเวรที่เกิดปัญหามีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอหรือไม่มีเลือดไปเลี้ยงเลยทำให้เกีดเป็นบริเวณเนื้อตาย อาจเกีดจากการอุดตัน การแตกของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยง ซึ่งรอยโรคที่เกิดจากพภาวะดังกล่าวเรียกว่า an infarct (มาจากภาษาลาตินคำว่า infartus "อุดตัน.) ตัวอย่าง cerebral infarction "เนื้อสมองตายจากการขาดเลือดไปเลี้ยง" | Trabeculation | ของกระเพาะปัสสาวะเกิดจากสิ่งกีดขวางซ้ำในท่อปัสสาวะ เมื่อเกิดการอุดตัน, ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะจะต้องทำงานยากเกินไปที่จะย้ายปัสสาวะที่ผ่านการกีดขวาง. นี้นำไปสู่ความหนาของผนังกล้ามเนื้อและการสูญเสียความยืดหยุ่น. |
| 邪魔 | [じゃま, jama] (n, adj) กีดขวาง, เกะกะ, เสือก | 邪魔 | [jama] เกะกะ, กีดขวาง |
| 故障 | [こしょう, koshou] การชำรุดเสียหาย ความขัดข้อง สิ่งกีดกันหรือปัญหาที่ทำให้หยุดชะงัก | 結界 | [けっかい, kekkai] (n) สิ่งกีดขวาง, สิ่งยับยั้ง (มักใช้กับเวทมนตร์หรือจิตวิญญาณ) |
| ausschließlich | (adj, adv) เว้นไว้แต่, ซึ่งกีดกัน, ปราศจาก, ไร้ เช่น ausschließlich Mehrwertsteuer เว้นไว้แต่ภาษีมูลค่าเพิ่ม, See also: A. einschließlich, Syn. ohne | Verhinderung | (n) |die, pl. Verhinderungen| อุปสรรค, สิ่งกีดขวาง, สิ่งกีดกั้น, Syn. Verwehrung |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |