Search result for

*ในแง่*

   
Languages
Dictionaries languages






Chinese Phonetic Symbols


ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ในแง่, -ในแง่-
Some results are hidden.
configure
Dictionaries languages






Chinese Phonetic Symbols


Thai-English: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
ในแง่(adv) in the sense of, See also: in the meaning of, in respect to/of, Syn. ในทาง, ในด้าน, Example: ผู้ที่คิดจะทำงานนี้ จะต้องดูให้ดีในแง่ความต้องการด้านคุณภาพ
ในแง่ที่(adv) in case of, See also: in the even of, if there should happen to be, Syn. ในแง่, Example: ผู้คนเห็นใจเขาในแง่ที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน

ไทย-ไทย: พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ [with local updates]
ทุทรรศนนิยม, ทุนิยมการมองโลกในแง่ร้าย.
ประชากรศาสตร์น. การศึกษาทางสถิติเกี่ยวกับประชากรในแง่อัตราการเกิด การตาย การย้ายถิ่น และการกระจาย เป็นต้น รวมทั้งผลกระทบที่มีต่อสภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจ.
ภาษาศาสตร์น. วิชาที่ศึกษาภาษาในแง่ต่าง ๆ เช่น เสียง โครงสร้าง ความหมาย โดยอาศัยวิธีการวิทยาศาสตร์ เช่น มีการตั้งสมมุติฐาน เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลแล้วสรุปผล.

อังกฤษ-ไทย: คลังศัพท์ไทย โดย สวทช.
Barrel per Dayอัตราการผลิตน้ำมันที่ผลิตได้ต่อวัน (ความหมายในแง่การผลิต) [ปิโตรเลี่ยม]
Barrel per Dayปริมาณน้ำมันที่กลั่นออกมาได้ในรอบปี หารด้วยจำนวนวันที่ปฏิบัติงานจริง, ปริมาณน้ำมันที่กลั่นออกมาได้ในรอบปี หารด้วยจำนวนวันที่ปฏิบัติงานจริง (ไม่นับวันที่หยุดและซ่อมแซมอุปกรณ์) (ความหมายในแง่การกลั่น) [ปิโตรเลี่ยม]
awardคำตัดสินอนุญาโตตุลาการ (ใช้ในแง่การระงับกรณีพิพาท) [การทูต]
Congress of Viennaเป็นการประชุมระหว่างประเทศที่สำคัญในยุโรป ได้จัดให้มีขึ้นหลังจากเสร็จสงครามนโปเลียน (กันยายน ค.ศ. 1814 ? มิถุนายน ค.ศ. 1815) ประเทศที่ร่วมการประชุมมี ออสเตรีย อังกฤษ ฝรั่งเศส รัฐสันตะปาปา ปรัสเซีย และรัสเซีย ภาระหน้าที่สำคัญของการประชุม คือ การปักปันเขตแดนกันใหม่ และจัดให้ราชวงศ์เก่าแก่กลับฟื้นคืนมาใหม่ ทั้งในประเทศฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และเยอรมนี สหภาพแห่งนอร์เวย์ และสวีเดน สหภาพแห่งเบลเยี่ยม และฮอลแลนด์ พร้อมทั้งกำหนดให้สวิตเซอร์แลนด์ มีฐานะเป็นประเทศเป็นกลางถ้ามองในแง่การทูต ผลสำเร็จสำคัญที่สุดจากการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาคือ ข้อมติกำหนดลำดับอาวุโสของคณะผู้แทนทางการทูต โดยถือหลักอาวุโสไม่ว่าในตำแหน่งใด แทนที่จะถือตามสถานภาพและความสำคัญของกษัตริย์อย่างแต่ก่อน รวมทั้งจัดประเภทของนักการทูต ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท (ตามระเบียบที่วางขึ้นใหม่ต่อมาในการประชุม ณ Aix-la-Chapelle ได้แก่1) เอกอัครราชทูต (Ambassadors) ตัวแทนขององค์สมเด็จพระสันตะปาปา (Papal legates) และหัวหน้าคณะทูตของสมเด็จพระสันตะปาปา (Papal Nuncios)2) ผู้แทนทางการทูตผู้มีอำนาจพิเศษ (Envoys Extra-ordinary) และเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็ม (Ministers Plenipotentiary) อินเตอร์นันสิโอของสมเด็จพระสันตะปาปา3) อัครราชทูตผู้มีถิ่นประจำ (Ministers Resident)4) อุปทูต (Chargé d?affaires)คองเกรสแห่งเวียนนายังวางระเบียบเกี่ยวกับเรื่องการจัดลำดับ อาวุโสของบุคคลในคณะทูต ซึ่งชาติต่าง ๆ ได้ลงนามรับรองในสนธิสัญญาพาหุภาคีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว [การทูต]
Gorbachev doctrineนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต]
Heads of Stateผู้แทนที่สำคัญที่สุดของรัฐ หรือประมุขของรัฐ ในบางกรณีอาจทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐ ในการเจริญความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ โดยมีอำนาจเต็มที่จะประกอบการใด ๆ ได้ ประมุขของรัฐนั้นอาจได้แก่ พระจักรพรรดิ (Emperor) พระเจ้าแผ่นดิน (King) พระราชินี (Queen) และประธานาธิบดี (President)ประมุขของรัฐย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการเคารพ และการยอมรับนับถือจากประเทศอื่นๆ ในสังคมนานาประเทศ ในแง่พิธีการทูต ผู้ที่เป็นกษัตริย์อาจได้รับเกียรติแตกต่างกับผู้ที่เป็นประธานาธิบดี แต่ความแตกต่างเช่นนี้หามีความสำคัญในแง่กฎหมายอย่างใดไม่ เมื่อประมุขของรัฐเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ตัวประมุขพร้อมด้วยบุคคลในครอบครัวและบริวารทั้งหลาย ตลอดจนถึงทรัพย์สินของประมุขจะไดรับความคุ้มกัน (Immunity) ทั้งในทางแพ่งและอาญาคำว่าประมุขของรัฐอาจหมายถึงหัวหน้าของรัฐบาลก็ได้ เช่น ในกรณีสหรัฐอเมริกา แต่ในบางประเทศ เช่น อังกฤษ ประมุขของรัฐมิได้เป็นหัวหน้าของรัฐบาล ผู้ที่เป็นหัวหน้าของรัฐบาลได้แก่ นายกรัฐมนตรี (Prime Minister) ในประเทศที่มีการปกครองในรูปสาธารณรัฐ (Republic) ถือว่าอำนาจอธิปไตยตกอยู่กับประชาชน แม้แต่ตัวประธานาธิบดีของประเทศก็ไม่มีอำนาจอธิปไตย หากแต่เป็นประชาชนพลเมืองคนหนึ่ง ซึ่งได้รับการเลือกตั้งให้เข้าไปบริหารประเทศตามกำหนดระยะเวลาหนึ่งภายใต้ รัฐธรรมนูญ และตัวประธานาธิบดี เช่น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็อาจถูกฟ้องให้ขับออกจากตำแหน่งโดยรัฐสภา หรือสภานิติบัญญัติได้ เรียกว่า Impeachment [การทูต]
New World Orderระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต]
Parliamentary Diplomacyการทูตแบบรัฐสภา หรือบางครั้งเรียกว่า Organization Diplomacy เช่น การทูตในองค์การสหประชาชาติ การทูตแบบนี้ต่างกับการทูตตามปกติที่ดำเนินกันในนครหลวงของประเทศ กล่าวคือ1. นักการทูตมีโอกาสติดต่อโดยใกล้ชิดกับสื่อมวลชนและกับนัการทูตด้วยกันจาก ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรภายในองค์การสหประชาติ มากกว่าในนครหลวงของประเทศ แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดต่อกับคนชาติของตนอย่างใกล้ชิด2. การพบปะติดต่อกับบรรดานักการทูตด้วยกันในองค์การสหประชาชาติ จะเป็นไปอย่างเป็นกันเองมากกว่าในนครหลวงของประเทศ3. ในองค์การสหประชาติ ประเทศเล็ก ๆ สามารถมีอิทธิพลในการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ได้มากกว่าในนครของตน เพราะตามปกติ นักการทูตในนครหลวงมักจะติดต่ออย่างเป็นทางการกับนักการทูตในระดับเดียวกัน เท่านั้น แต่ข้อนี้มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนักในสหประชาชาติ ในแง่การปรึกษาหารือกันระหว่างกลุ่ม ในสมัยก่อนที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดในสหประชาชาติได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม (Blocs) ด้วยกัน คือกลุ่มเอเชียอัฟริกา กลุ่มเครือจักรภพ (Commonwealth) กลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มละตินอเมริกัน กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสแกนดิเนเวีย และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศที่มิได้ผูกพันเป็นทางการกับกลุ่มใด ๆ ที่กล่าวมา อนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามเย็น สมาชิกประเทศในสหประชาชาติจะรวมกลุ่มกันตามแนวนี้ คือ ประเทศนิยมฝักใฝ่กับประเทศฝ่ายตะวันตก (Pro-West members) ประเทศที่นิยมค่ายประเทศคอมมิวนิสต์ (Pro-Communist members) และประเทศที่ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายใด (Non-aligned members)เกี่ยวกับเรื่องการทูตในการประชุมสหประชาชาติ ในสมัยสงครามเย็น นักการทูตชั้นนำของอินเดียผู้หนึ่งให้ข้อวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพิจารณากัน การทะเลาะเบาะแว้งด้วยคำผรุสวาทหรือการแถลงโผงผางต่อกันนั้น ล้วนเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะวิสัยของการทูตทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปในการประชุมสหประชาชาติ จึงแทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการทูต เพราะการทูตที่แท้จริงจะกระทำกันด้วยอารมณ์สงบ ใช้ความสุขุมคัมภีรภาพ ปราศจากกามุ่งโฆษณาตนแต่อย่างใด การแสดงต่าง ๆ เช่น สุนทรพจน์และภาพยนตร์นั้นจะต้องมีผู้ฟังหรือผู้ชม แต่สำหรับการทูตจะไม่มีผู้ฟังหรือผู้ชม (Audience) หากกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็คือ ผู้พูดในสหประชาชาติมุ่งโฆษณาหาเสียง หรือคะแนนนิยมจากโลกภายนอก แต่ในการทูตนั้น ผู้พูดมุ่งจะให้มีการตกลงกันให้ได้ในเรื่องที่เจรจากันเป็นจุดประสงค์สำคัญ [การทูต]
War Crimesอาชญากรรมสงคราม ตามกฎบัตรต่อท้ายความตกลงว่าด้วยการพิจารณาลงโทษ อาชญากรสางคามที่สำคัญ ๆ ของฝ่ายอักษะยุโรป (European Axis) การกระทำต่อไปนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามคือ การละเมิดกฎหมายหรือประเพณีของการสงคราม เช่น การฆ่า การปฏิบัติอันโหดร้าย หรือการขับคนไปทำงานเยี่ยงทาส หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ซึ่งกระทำต่อราษฎรพลเรือนของดินแดนที่ถูกยึดครอง การฆ่าหรือปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อเชลยศึกหรือบุคคลในท้องทะเล การฆ่าตัวประกัน การปล้นสะดมทรัพย์สินสาธารณะหรือส่วนบุคคล การทำลายล้างตัวเมืองหรือหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นในแง่การทหาร [การทูต]
บริหารงานสุขภาพจิตบริหารงานสุขภาพจิต, มุมมองการดำเนินงานในแง่การบริหารงานสุขภาพจิตของบุคลากรสาธารณสุข และเครือข่ายที่กระทำต่อกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ โดยอาจสอดแทรกในการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหาสุขภาพจิต การบำบัดรักษาปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช และการฟื้นฟูสมรรถภาพสุขภาพจิต เพื่อให้บรรลุวัถุประ [สุขภาพจิต]
Incompatibility, Chemicalความไม่พึงผสมของตัวยาในแง่เคมี [การแพทย์]
Incompatibility, Physicalความไม่พึงผสมของตัวยาในแง่กายภาพ [การแพทย์]
Incompatibility, Therapeuticความไม่พึงผสมของตัวยาในแง่ของการรักษาโรค [การแพทย์]
Intellectual Process Level Problem Solvingความรู้ความสามารถในแง่การแก้ปัญหา [การแพทย์]

ตัวอย่างประโยค จาก Open Subtitles  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
-How's it going? -You don't wanna know.ผมว่ามันก้อมีคนมากมายพออยู่แล้วที่จะมองเค้าในแง่ร้าย Hero (1992)
I didn't say that. Why are you being so negative?ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น ทำไมมองในแง่ร้ายจัง Junior (1994)
- Don't be so negative.- อย่ามองในแง่ลบสิ Junior (1994)
Be optimistic. Now go on. Dig.มองในแง่ดีหน่อย ขุดกันต่อเลย The Englishman Who Went Up a Hill But Came Down a Mountain (1995)
What in his terms is a magnificent achievement... you see as your failure, so you call it his.อะไรในแง่ของเขาเป็นความสำเร็จที่งดงาม ... คุณเห็นเป็นความล้มเหลวของคุณ เพื่อให้คุณเรียกว่าของเขา Greystoke: The Legend of Tarzan, Lord of the Apes (1984)
# Remember to look on the bright side till then #จงมองทุกอย่างในแง่ดี An American Tail (1986)
Objection, Your Honor. In view of the violence...ขอค้านครับ ศาลที่เคารพ ในแง่ความรุนแรง Goodfellas (1990)
Give me some credit babe...มองผมในแง่ดีหน่อย The Jackal (1997)
- Don't be pessimistic.- อย่างมองในแง่ร้ายซิครับ As Good as It Gets (1997)
While the world he inhabits is, in some respects, counterfeit. -ถึงแม้โลกที่ "เขา" อาศัยอยู่ ในแง่หนึ่ง มันก็ปลอม The Truman Show (1998)
What don't you like about them... and say it with some fucking conviction.แล้วนายไม่ชอบอะไร / พวกเขา แล้วไปตัดสินเค้าในแง่ลบแบบนั้น American History X (1998)
No matter how I look at it, you don't deserve this.คือไม่ว่าผมจะมองมันในแง่ไหน คุณก็ไม่สมควรได้รับสิ่งนี้ Brokedown Palace (1999)
Strangers with this kind of honesty make me go a big. rubbery one.ผู้คนก็มักจะคิดไปในแง่เลวร้ายสุดๆ ยินดีต้อนรับ, ทราวิส ขอต้อนรับ, ทราวิส Fight Club (1999)
Aren't we the optimist?พวกเราก็มองโลกในแง่ดีนี่เนอะ? 10 Things I Hate About You (1999)
To be on the safe side, maybe we better not.คิดในแง่ดีนะ เราไม่ควรทำ The Story of Us (1999)
-I just dwell on everything?- ฉันแค่คิดในแง่ดีเกี่ยวกับทุกสิ่ง? The Story of Us (1999)
Honey, do me a favor and say whatever you want to say and spare me the propaganda.ที่รัก ช่วยทีนะ ถ้าจะพูดอะไร ช่วยพูดในแง่บวกด้วย American Beauty (1999)
Not in a reproductive sense, of course, but in terms of approximating the physical sensation, you know, that occurs...ไม่ใช่ในแง่ของการสืบพันธุ์ แต่ในแง่ที่เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นความรู้สึกทางกายภาพ Bicentennial Man (1999)
In a sense, I have.ในแง่หนึ่ง ใช่ Bicentennial Man (1999)
"Type A"? Wow! That means you're high-strung but cheerful, huh?"มันหมายความว่าเธอจะเจ็บปวดแต่มองโลกในแง่ดี All About Lily Chou-Chou (2001)
Think positive, no-glitch... Thoughts.คิดในแง่ดี ไม่มีจุดบกพร่อง... Inspector Gadget 2 (2003)
As a public demonstration it wasn't very effective due to the fact that this is a very rural area two people and a dog and it's not a very big house which I think rather surprised them but then we sat down and talked to themถ้ามองในแง่ของการประท้วง มันไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไร เพราะบ้านผมอยู่ในเขตชนบท มีคนอยู่แค่ 2 คนกับสุนัขตัวหนึ่ง The Corporation (2003)
I cannot bear to think that he is alive in the world and thinking ill of me.ฉันไม่สามารถทนคิดได้ว่า เขายังมีชีวิตอยู่ในโลก... ...และคิดถึงฉันในแง่ไม่ดี Episode #1.5 (1995)
Love and optimism versus cynicism and sex!ความรักและมองในแง่ดีเมื่อเทียบกับการเยาะเย้ยถากถางและเพศ! The Birdcage (1996)
But in light of Dr. Arroway's long experience in these matters for the time being, she will direct operations at the VLA understanding that future discoveries will be kept in strict confidence until such time as the President can decide the most suitable course of action.แต่ในแง่ของดร. เอโรเว ของ ประสบการณ์อันยาวนาน ในเรื่องเหล่านี้ Contact (1997)
Perhaps I'm being a little optimistic. Help!ผมอาจมองโลกในแง่ดีเกินไป ช่วยด้วย! Around the World in 80 Days (2004)
and your Dad's being his usual squash-any-good-idea self.แต่พอของหลานยังคงมองโลกในแง่ร้ายตามเคย Raise Your Voice (2004)
Look at the bright side, Cole. At least the weather's nice.มองในแง่ดีบ้าง, โคล ฟ้าหลังฝนมักสดใสเสมอ Anacondas: The Hunt for the Blood Orchid (2004)
But above all that, beyond the positives... they knew that the easiest way to be exploited... is to sell something they did not yet understand.นอกจากนี้ นอกจากคิดในแง่บวก... ทั้งสองก็รู้ว่าวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะถูกเอาเปรียบ... ก็คือการเร่งขายสินค้าที่ตนยังไม่เข้าใจดี Primer (2004)
Come on! Be more positive.เถอะน่า มองโลกในแง่ดีเถอะคุณ My Little Bride (2004)
But if you win this competition... you'll be a different person to me.แต่ถ้าเธอชนะการแข่งขันนี้ได้... ฉันจะมองเธอในแง่ดีขึ้น Spin Kick (2004)
Well, from the standpoint of science and as a doctor...อืม, ในแง่วิทยาศาสตร์... ..และเพราะผมเป็นหมอ... Be with You (2004)
So think of it that way..ก็คิดในแง่นั้นบ้างสิ Full House (2004)
- Aren't you the pessimist.- มองโลกในแง่ร้ายไปรึเปล่า Tabula Rasa (2004)
Well, look on the bright side.ผมมองในแง่ดี Tabula Rasa (2004)
Look on the bright side. It's out of my system.มองโลกในแง่ดีสิ คราวนี้ผมจะได้ไม่ไปยุ่งอีกไง The Perfect Man (2005)
That's negative imaging, Holly.นั่นเป็นการมองโลกในแง่ร้ายนะ ฮอลลี่ The Perfect Man (2005)
- Well, then it's gotta be true. - Think positive, babe.เยี่ยม, ขอให้มันจริงเถอะน่า / คิดในแง่บวกสิ The Amityville Horror (2005)
Nothing fazed her, you know? She was so optimistic.ยายไม่เคยเศร้า มองโลกในแง่ดีตลอด Red Eye (2005)
Well, look on the bright side. At 6:00, I'm coming into some money.อะนะ ก็มองในแง่ดีซี่ ตอนหกโมง ผมจะมารับทรัพย์ Just Like Heaven (2005)
In view, a humble vaudevillian veteran cast vicariously as both victim and villain by the vicissitudes of fate.ในแง่นึง, ผมคือนักแสดงเจนเวที ผู้ต่ำต้อย... ...เล่นตามบทบาททั้งของ เหยื่อ และ ผู้ล่า ตามวงล้อแห่งโชคชะตา. V for Vendetta (2005)
You always were such an annoying little optimist.เจ้ามันก็ช่างเป็นพวกมองโลกในแง่ดีซะจนน่ารำคาญอย่างนี้แหละ Happily N'Ever After (2006)
Now, we've already spent a lot of time talking about Song of Myself from a stylistic perspective, but what about content?เอาล่ะ เราได้ใช้เวลามามากแล้ว กับการพูดถึง ซอง ออฟ มายเซฟ ในแง่ของหลักการแต่งมามากแล้ว มาพูดถึงเนื้อความของบทกวีมั่งดีกว่า Loving Annabelle (2006)
Maybe I'm not cursed. You know, I'm just looking at things the wrong way.บางทีฉันอาจจะไม่ได้ถูกสาป ฉันแค่มองโลกในแง่ร้ายเกินไป Just My Luck (2006)
I hope that what I've done here today doesn't force you to have... a negative opinion of me or how you think I feel about the great state of South Carolina.หวังว่าสิ่งที่ผมทำในวันนี้ จะไม่ทำให้มองผมในแง่ร้าย หรือคิดไม่ดีต่อรัฐเซาโคโรไรนา The Marine (2006)
But Manny, look at the bright side, you have us.แต่ แมนนี่ ถ้ามองในแง่ดี คุณมีพวกเรานะ Ice Age: The Meltdown (2006)
- Stay positive and-[ Continues, Indistinct ] - Yeah, get me some porn.คิดในแง่ดีไว้ ใช่ ขอหนังสือโป๊สักเล่มสองเล่ม Little Miss Sunshine (2006)
I am, however, optimistic.อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดี [ Rec ] (2007)
And not... Not in a good way.ไม่ใช่ในแง่ดีด้วย The Devil Wears Prada (2006)
So strong, determined, optimistic... just like your mother was.มองโลกในแง่บวกอย่างแน่วแน่ ช่างเหมือนกับแม่ของคุณ Pilot (2006)

Thai-English-French: Volubilis Dictionary 1.0
มองโลกในแง่ดี[møng lōk nai ngaē dī] (adj) EN: optimistic  FR: optimiste
มองในแง่ดี[møng nai ngae dī] (v, exp) FR: être optimiste ; voir le bon côté des choses
มองในแง่ร้าย[møng nai ngae rāi] (v, exp) EN: look at the dark side ; be pessimistic  FR: être pessimiste ; voir le mauvais côté des choses

English-Thai: Longdo Dictionary
nag(vi, n) เหน็บแนม, ชอบวิพากษ์วิจารณ์สิ่งเล็กๆน้อยๆในแง่ลบ, คนที่ชอบป่วนรบกวนคนอื่น
accrual basis(n) (ในแง่การบัญชี)เกณฑ์คงค้าง, เกณฑ์สิทธิ์, เกณฑ์พึงรับพึงจ่าย, เกณฑ์ในการวัดผลการดำเนินงานสำหรับแต่ละงวดบัญชี ที่ใช้ในการคำนวณหาผลการดำเนินงานของธุรกิจ

English-Thai: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
cat(n) หญิงที่ถูกว่าในแง่ร้าย
cheerful(adj) มีความสุขและมองโลกในแง่ดี, See also: สดชื่น, ร่าเริง, แช่มชื่น, สดใส, Syn. gay, merry, optimistic, Ant. unhappy, depressed
cheerfully(adv) อย่างร่าเริง, See also: อย่างมีความสุขและมองโลกในแง่ดี, Syn. cheerily, happily, Ant. sadly, morosely
fling at(phrv) แสดง (ความคิดเห็นในแง่ลบ) อย่างรุนแรงกับ
in an interesting condition(idm) ตั้งท้อง (ในแง่ขบขัน), See also: มีครรภ์
land of Nod(idm) หลับ (ในแง่อารมณ์ขัน)
sacred cow(idm) สิ่งหวงห้าม, See also: สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรหลบหลู่, สิ่งที่ไม่ควรพูดถึงในแง่ไม่ดี
think a great deal of(idm) นึกถึงในแง่ดี
think a lot of(idm) นึกถึงในแง่ดี
think highly of(idm) นึกถึงในแง่ดี
think much of(idm) นึกถึงในแง่ดี
in case(adv) ในกรณีของ, See also: ในแง่ของ, Syn. in the case of, in the event of
in case of(prep) ในกรณีที่เป็น, See also: ในแง่ของ, Syn. in the event of, if it should happen that
optimism(n) การมองในแง่ดี, Ant. pessimism
optimist(n) ผู้ที่มองโลกในแง่ดี, Ant. pessimist
dis(prf) จาก, See also: แตกไป, ไม่, ใช้แสดงความหมายในแง่ลบ
pessimism(n) การมองโลกในแง่ร้าย
pessimism(n) ลัทธิมองโลกในแง่ร้าย
pessimistic(adj) ที่มองโลกในแง่ร้าย, Syn. fatalistic, desponding, downbeat
positive(adj) ทางบวก, See also: แง่บวก, ซึ่งมองในแง่ดี, Syn. optimistic, bright, confident, Ant. pessimistic
roseate(adj) มองโลกในแง่ดี, Syn. optimistic
rosy(adj) มีความหวัง, See also: ร่าเริงเบิกบาน, มองโลกในแง่ดี, Syn. bright, hopeful, optimistic, promising
Keep your pecker up(sl) มองในแง่ดีไว้
slur(vt) พูดถึงคนอื่นในแง่ไม่ดี, See also: ทำให้แปดเปื้อน, พูดใส่ร้ายป้ายสี, Syn. defame, slander, vilify, Ant. praise
starry-eyed(adj) เพ้อฝัน, See also: ซึ่งมองโลกในแง่ดีเกินไป, Syn. idealistic, dreamy
upbeat(adj) มีความหวัง, See also: มองโลกในแง่ดี, Syn. optimistic, positive, Ant. pessimistic
vis-a- vis(prep) ในแง่ของ, See also: ในเรื่องของ, Syn. in relation to, regarding
whatsoever(adv) ไม่ว่าอะไรก็ตาม (แสดงการเน้นและใช้ในแง่มุมลบ)

English-Thai: HOPE Dictionary [with local updates]
civil deathn. การตายในแง่นิตินัย
crapehanger(เครพ'แฮงเกอะ) n. คนที่มองในแง่ร้าย, คนที่เศร้าหมอง
crepehanger(เครพ'แฮงเกอะ) n. คนที่มองในแง่ร้าย, คนที่มีนิสัยฉุนเฉียว
dim(ดิม) { dimmed, dimming, dims } adj. ทึบ, หมอง, สลัว, ไม่สว่าง, พร่า, คลุมเครือ, เลือนราง, เชื่องช้า, ท้อแท้, หมอง, ไม่แจ่มแจ้ง -Phr. (take a dim view of สงสัย, มองในแง่ร้าย) vt., vi. (ทำให้) ทึบ, (ทำให้) หมอง, ทำให้ (เลือนราง) ., See also: dims n., pl. ไฟสลัว, ไฟหรี่
gloomy(กลูม'มี) adj. มืดคลึ้ม, ห่อเหี่ยวใจ, หมดหวัง, มองในแง่ร้าย., See also: gloomily adv. gloominess n., Syn. sad, moody, dark
optimise(ออพ'ทะไมซฺ) vi. มองในแง่ดี. vt. ทำให้มีผลดีที่สุด, ทำให้เหมาะที่สุด, เขียนโปรแกรมให้ได้ผลดีที่สุด (ของคอมพิวเตอร์), See also: optimisation n., Syn. optimize
optimism(ออพ'ทิมิสซึม) n. การมองในแง่ดี, ลัทธิความเบิกบานใจ
optimist(ออพ'ทะมิสทฺ) n. ผู้มองในแง่ดี, ผู้มองโลกในแง่ดี
optimistic(ออพทะมิส'ทิค) adj. ซึ่งมองในแง่ดี, ซึ่งมองโลกในแง่ดี, เกี่ยวกับลัทธิเบิกบานใจ., See also: optimistical adj. optimistically adv., Syn. hopeful
pessimism(เพส'ซะมิสซึม) n. การมองดูในแง่ร้าย, ลัทธิมองโลกในแง่ร้าย, การหมดอาลัยตายอยาก, Syn. gloom
pessimist(เพส'ซะมิสทฺ) n. ผู้มองดูในแง่ร้าย, ผู้ยึดถือลัทธิมองโลกในแง่ร้าย, ผู้หมดอาลัยตายอยาก
pessimistic(เพสซะมิส'ทิค) adj. มองดูในแง่ร้าย, มองโลกในแง่ร้าย, หมดอาลัยตายอยาก, Syn. depressed
principle(พริน'ซะเพิล) n. หลัก, หลักการ, กฎ, ศีลธรรม, ลัทธิ, หลักศีลธรรม, ตัวยา. -Phr. (in principle ในแง่ทฤษฎี), Syn. rule
rosily(โร'ซะลี) adv. ด้วยสีกุหลาบ, ร่าเริง, เบิกบานใจ, มองโลกในแง่ดี, อย่างสบายใจ
rosy(โร'ซี) adj. ชมพู, แดงอมชมพู, สีกุหลาบ, ร่าเริง, เบิกบานใจ, ดีงาม, มองโลกในแง่ดี, ทำด้วยกุหลาบ, ประดับด้วยกุหลาบ, See also: rosiness n., Syn. fresh, rubicund, promising
starry-eyed(สทา'รีไอดฺ) adj. เพ้อฝัน, มองโลกในแง่ดีเกินไป

English-Thai: Nontri Dictionary
optimism(n) การมองโลกในแง่ดี
optimist(n) ผู้มองโลกในแง่ดี
optimistic(adj) มองโลกในแง่ดี, ในทางดี
pessimism(n) การมองโลกในแง่ร้าย
pessimist(n) คนมองโลกในแง่ร้าย
pessimistic(adj) ซึ่งมองโลกในแง่ร้าย

English-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
at bestอย่างดีที่สุด, ภายใต้เงื่อนไข (สภาวการณ์) ที่ดีที่สุด, ถ้ามองในแง่ดีที่สุด
bob(n, vi, slang) ผู้หญิงอ้วน, มีเซ็ก, blowjob, เหี้ย! (คำด่าในแง่ลบ) ( * w *m Power by iiiita also RYUTAZA)
compute(vt) compute vt. คึ่มพิ้วท์ (พบบ่อย) 1. คำนวณ nc. ค็อมพิ้วเตอร์ (บังคับ) 1. (comp.) คอมพิวเตอร์อุปกรณ์ประมวลผลที่มีความจำ ตามชุดคำสั่ง และสามารถบันทึกผลการประมวลได้ 2. (comp.) พนักงานคำนวณ ในแง่ที่ทำกันเป็นร้อยคน ในสมัยโบราณ ในงานดาราศาสตร์ (ความหมายโบราณ) nc. 1. (comp.) ศิลปะโดยคอมพิวเตอร์ คือ ศิลปที่สร้างหรือทำขึ้นโดยคอมพิวเตอร์ เช่น ใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพ หรือระบายสี เป็นต้น nc. 1. (comp.) คอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง คือ ได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดเมนเฟรม หรือมินิคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเครือข่ายทำหน้าที่บริการด้านประมวลผลข้อมูลแก่ผู้ใช้บริการในเครือข่าย nc. 1. (comp.) สกุลของคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในกลุ่มที่สร้างขึ้นจาก microprocessor ชนิดเดียวกัน หรือ คล้ายกัน ตัวอย่างสกุลของคอมพิวเตอร์ เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของบริษัทไอบีเอ็ม และแบบ PS /2 nc. 1. (comp.) เกมคอมพิวเตอร์ คือ การเล่นเกมโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ การเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ มักควบคุมการเล่นโดยคันโยก (joystick)หรือ แป้นพิมพ์ (keyboard) ก็ได้ nc. 1. (comp.) ชุดคำสั่งที่เขียนด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่งเพื่อจะนำไปใช้สั่งให้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติงานตามคำสั่งนั้น ๆ nc. 1. (comp.) ระบบคอมพิวเตอร์ คือ ระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วยชุดฮาร์ดแวร์ และเครื่องอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ร่วมกันของระบบ เช่น ระบบไมโครคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยตัวเครื่อง ดิสก์ไดร้ว์ จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ และเมาส์ nc. 1. (comp.) ยุคพัฒนาการคอมพิวเตอร์ ในช่วงระหว่างกลางปี พ.ศ. 2503 - 2513 เป็นยุคที่คอมพิวเตอร์เปลี่ยนมาใช้ IC หรือวงจรรวม ชื่อเต็มว่า integrated circuit หรือ IC n. (ศัพท์คอม) 1. (comp.) ความสามารถที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ให้เป็นประโยชน์ nc. 1. (comp.) การใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการสอน มีความหมาย เช่นเดียวกับ computer-assisted instruction สามารถดูคำอธิบายใน CAI n. (ไม่ต้องท่อง) 1. (comp.) ศัพท์ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ v. (ไม่ต้องท่อง) 1. (comp.) ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยทำงาน
in a senseในแง่หนึ่ง, จะว่าไป
in view of(n) ในแง่, มองในแง่, ด้วยเหตุของ, จากการที่.... เช่น จากการที่ขาดมาตรการ เราต้องเพิ่มความเข้มงวด, See also: considering
Pharmacokinetics1. การศึกษาการดูดซึมของร่างกาย การกระจายการเผาผลาญและการขับถ่ายของยา 2. ปฏิกิริยาลักษณะของยาและร่างกายในแง่ของการดูดซึมการกระจายการเผาผลาญและการขับถาย

Japanese-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
やばい[やばい, yabai] (adj) สุดตีน(แสลง)(ใช้ในความหมายได้ทั้งในแง่ลบและบวก)
ぼやける[ぼやける, boyakeru] (vi, vt, adj) (ดิม) { dimmed, dimming, dims } adj. ทึบ, หมอง, สลัว, ไม่สว่าง, พร่า, คลุมเครือ, เลือนราง, เชื่องช้า, ท้อแท้, หมอง, ไม่แจ่มแจ้ง -Phr. (take a dim view of สงสัย, มองในแง่ร้าย) vt., vi. (ทำให้) ทึบ, (ทำให้) หมอง, ทำให้ (เลือนราง) ., S. . dims n., pl. ไฟสลัว, ไฟหรี่

German-Thai: Longdo Dictionary
seltsam(adj) แปลก (โดยมากในแง่ลบ), See also: seltsamerweise adv.
Jaใช่ (เป็นคำใช้ตอบคำถามในแง่บวก) เช่น Kommen Sie aus Deutschland? - Ja. คุณมาจากเยอรมนีใช่ไหมครับ - ใช่ค่ะ
optimistisch(adj, adv) ซึ่งมองในแง่ดี, ซึ่งมองโลกในแง่ดี, เกี่ยวกับลัทธิเบิกบานใจ, โดยคาดหวังสิ่งที่ดี, See also: A. pessimistisch

French-Thai: Longdo Dictionary
jusqu'a(prep) ถึง(ในแง่ของเวลา) เช่น Jusqu'a quand? ถึงเมื่อไหร่, jusqu'a lundi ถึงวันจันทร์

add this word


You know the meaning of this word? click [add this word] to add this word to our database with its meaning, to impart your knowledge for the general benefit


Are you satisfied with the result?



Discussions

About our ads
We know you don’t love ads. But we need ads to keep Longdo Dictionary FREE for users. Thanks for your understanding! Click here to find out more.
Go to Top