ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ตนเอง, -ตนเอง- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ selfie | [เซลฟฺ-ฟี] (n) การถ่ายภาพตนเองในอิริยาบทต่างๆด้วยโทรศัพทมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ แล้วมีการเผยแพร่ภาพไปยังสื่อสังคมออนไลน์ |
|
| กุศล | (n, adj, adv) การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น ปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น มากกว่าทำความดีเฉย ๆ การกระทำใด ๆ หากทำแล้วมีผลต่อสภาวะจิตใจของตนเปลี่ยนไปในทางที่สูงขึ้น จึงเรียกว่ากุศล หากการกระทำดีนั้น ๆ ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองเลย ไม่เรียกว่ากุศล แต่เรียกว่า กรรมดี โดยทั่วไป มักจะใช้คู่กันกับคำว่า บุญกุศล แต่คำว่า บุญ กับ กุศล ความหมายต่างกัน (เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วจะให้ความหมายเหมือนกันได้อย่างไร) ตัวอย่าง 1. นาย กอ เป็นคนรวย ชอบที่จะให้ทาน เพราะเขาหวังว่า การให้ทานของเขาจะส่งผลทำให้เขารวย ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และอาจจะได้ไปสวรรค์ หลังจากที่เขาตายไป - อันนี้นาย กอ ทำกรรมดี หรือทำบุญ แต่ไม่ได้เกิดกุศลในจิต หรือเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะเขาทำทานก็จริง แต่ไม่มีผลทำให้จิตใจของเขาวางลงจากความโลภ หรืออยากเลย 2. นาย ขอ เป็นคนชั้นกลาง เขาเห็นเด็กกำพร้ามากมายเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น จึงประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะให้ตัวเองมีเงินเหลือมากขึ้น เพื่อที่จะแบ่งไปบริจาคเด็กเหล่านั้น เพื่อที่เด็กเหล่านั้นจะได้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป - อันนี้ นาย ขอ ทำทั้งกุศล และบุญ เพราะมีผลที่ทำให้เขาต้องประหยัด อดออมมากขึ้น และการประหยัดอดออมนี้เอง จะทำได้ก็คือต้องปล่อยวางความอยากของตนเอง และทำเพราะในใจเกิดจิตเมตตากรุณา |
| ฌาณ | (n) ฌาณ หรือ อธิจิต(supraconscious) เป็นจิตที่เป็นที่สุดของปัญญา คือความรู้ชัดธรรมชาติของมนุษย์ว่านี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา(คือความรู้มรรค 8 การคิดปฏิบัติเพื่อดับทุกข์) เป็นจิตที่อยู่เหนือและสามารถ ควบคุมหรือข่ม ได้ทั้งจิตสำนึก(consious) และจิตใต้สำนึก(subconsious) ซึ่งเป็นความรู้ที่สูดของวิญญาณคือความรู้แจ้งของธรรมชาติของมนุษย์ว่า นี้สุข นี้ทุกข์ นี้มิใช่ทุกข์ มิใช่สุข อธิจิตใช้สำหรับดับกิเลส ซึ่งสามารถทำให้เกิดนิมิตขึ้นมาได้ เพื่อดับกิเลสในเวลาที่เกิดกิเลสขึ้น พระผู้มีพระภาค(พระพุทธเจ้า)ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ไว้ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์๑๐. วิตักกสัณฐานสูตรว่าด้วย อาการแห่งวิตก การเรียกอธิจิตของตนเอง ถ้าไม่มีพรสวรรค์หรือบารมีที่สะสมมาแต่ปางก่อน จะเรียกไม่ได้ เพราะจิตยังไม่มั่นคงพอ จะต้องเรียนรู้และทำความเพียรที่ทนได้ยาก ฝึกฝน จนเกิดความชำนาญ ซึ่งข้าพเจ้ามีความสามารถที่จะให้คนทั่วไปเรียกอธิจิตของตนเองได้ เช่นให้ผู้ป่วยเรียกอธิจิตของเขาออกมารักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งทางกายและใจของเขาที่เป็นอยู่ โดยสั่งให้จิตของเขาตกอยู่ในภาวะภวังค์ ด้วยการสั่งระงับจิตหยาบที่ทำให้เขาเกิดโรคทั้งทางกายและทางใจ เพื่อเขาจะได้มีจิตที่มั่นคงถึงอธิจิตแล้วสั่งยาหรือภูมิต้านทานในตัวของเขาออกมารักษาโรค ซึ่งได้ผลดีกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์ทางเลือกวิธีอื่น นี่คือประโยชน์จากการเรียกหรือฝึกเรียกอธิจิตของตนเอง ซึ่งพระพุทธเจ้าสามารถเรียก Stem cell ในพระวรกายของพระองค์ออกมารักษาโรคได้นานมาแล้วหรือมากกว่า 2554 ปี ส่วนนักวิทยาศาสตร์พึ่งจะมาค้นพบวิธีใช้ Stem cell รักษาบางโรคเมื่อ 50 ปีมานี้เอง การรักษายังมีข้อบ่กพร่องและเงื่อนไขในการรักษาเพื่อจะได้ผลลัพท์จนเป็นที่น่าพอใจของแพทย์อยู่อีกมาก แต่วิธีของพระพุทธองค์ไม่มีเงื่อนไข ถ้าคนป่วยสามารถเรียกอธิจิตของตนเองได้ ข้าพเจ้าได้ใช้อธิจิตรักษา โรคปวดตามอวัยวะและโรคหวัดป่วยของข้าพเจ้าเอง และรักษาโรคปวดและอัมพาลให้กับคนป่วยแล้วหลายราย ซึ่งได้รับผลเป็นที่น่าพอใจของข้าพเจ้าและของคนป่วย | เต่าถุย | (slang) คนพวกเต่าถุยคือ คนพวกที่อยู่ในกะลามากกว่ากบ มีชีวิตไปวันๆ แบบที่พ่อแม่สั่งสอนไม่เคยจะยอมฟัง มีความเชื่อมั่นในความคิดเต่าล้านปีของตัวเองสูง บางคนถึงกับบอกว่าตนเองนั้นเป็นบัวเหล่าพิเศษ คือเต่ากินแล้วยังต้องถุยออกมา |
| หงษ์ | (n) ( คำโบราณ ) Phoenix : นกชนิดหนึ่งในนิยาย มีชีวิตอยู่ได้ 500 ปี ก็จะเผาตนเอง แล้วคืนชีพขึ้นมาด้วยเถ้าถ่านของตนเอง ในประเทศไทย ก็มีหลาย ๆ สถานที่ ที่ใช้ชื่อนี้ เช่น วัดหงษ์ทอง จ.ฉะเชิงเทรา |
| 我 | [wǒ, ㄨㄛˇ, 我] (pron) ใช้เรียกตนเอง, ตนเอง |
| ตนเอง | (pron) oneself, See also: self, Syn. ตัวเอง, Example: คนเราต้องพึ่งตนเองก่อนที่จะคิดพึ่งคนอื่น | พึ่งตนเอง | (v) rely on oneself, See also: be self-reliance, support oneself, Example: สมัยก่อนชาวนาต้องพึ่งตนเอง โดยทำนา และผลิตสิ่งของที่ครอบครัวต้องกินต้องใช้เอง, Thai Definition: อาศัยตนเอง, ช่วยตนเอง | เขตปกครองตนเอง | (n) autonomous region, Example: ฉู่สยุงเป็นแคว้นที่มีเขตปกครองตนเอง และใช้ภาษาหยีกับภาษาจีนกลางปะปนกัน, Count Unit: เขต | ความเชื่อมั่นในตนเอง | (n) self-confidence, See also: confidence, assurance, self-possession, Syn. ความมั่นใจในตนเอง, Example: หล่อนเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง |
| นิคมสร้างตนเอง | น. บริเวณที่ดินของรัฐที่มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเป็นนิคมสร้างตนเอง เพื่อให้ราษฎรที่ขาดแคลนที่ดินทำกินได้มีที่ตั้งเคหสถานและประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักแหล่งในที่ดินนั้น. | กรรมพันธุ์ | มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ คือ เกี่ยวเนื่องด้วยกรรมของตนเอง. | กลืนน้ำลายตัวเอง | ก. พูดไว้อย่างหนึ่งแล้วกลับพูดแย้งคำที่พูดไว้เดิม เช่น เขาบอกว่าจะลงโทษคนที่ทุจริต พอลูกน้องตนเองทุจริตกลับกลืนน้ำลายตัวเองออกมาปกป้องลูกน้อง. | เกินหน้า, เกินหน้าเกินตา | ว. เกินกว่า เด่นกว่า หรือดีกว่าฐานะของตนเองหรือของคนอื่น. | เขมร ๑ | (ขะเหฺมน) น. ชื่อประเทศและชนชาติที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนติดต่อกับไทย ลาว และเวียดนาม มีภาษาพูดอยู่ในตระกูลมอญ–เขมร และมีอักษรของตนเองใช้ เรียกว่า อักษรขอม. | คนเสมือนไร้ความสามารถ | น. บุคคลที่ไม่สามารถจัดการงานโดยตนเองได้ หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว เพราะกายพิการ จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา หรือมีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น และศาลได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ. | ความรู้สึกเขื่อง, ความรู้สึกเด่น | น. ความรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่าหรือดีเด่นกว่าผู้อื่น ความรู้สึกนี้ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในจิตใต้สำนึก แต่ถ้าเกิดขึ้นเสมอ ๆ และมิได้แก้ไขหรือได้รับการสนับสนุน เช่นในการอบรมเลี้ยงดูเด็ก ก็อาจเก็บสะสมไว้เกิดเป็นนิสัยของบุคคลนั้นได้ | ความรู้สึกเขื่อง, ความรู้สึกเด่น | ความเชื่อหรือความมั่นใจว่าตนเองมีฐานะหรือความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น. | ความรู้สึกด้อย | น. ความรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถไม่เท่าเทียมบุคคลทั่วไป ความรู้สึกนี้ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในจิตใต้สำนึกและผู้นั้นไม่จำเป็นต้องมีปมด้อย อาจเกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมหรือในบางขณะเท่านั้น แต่ถ้าเกิดขึ้นเสมอ ๆ และมิได้แก้ไข ก็อาจเก็บกดไว้จนเกิดเป็นปมด้อยได้ | ความรู้สึกด้อย | ความไม่เชื่อมั่นว่าตนเองมีฐานะหรือความสามารถเท่าเทียมผู้อื่น. | ค่านิยม | น. สิ่งที่บุคคลหรือสังคมยึดถือเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ และกำหนดการกระทำของตนเอง. | คิดสั้น | ก. คิดทำลายตนเองเพราะหาทางออกไม่ได้. | เครือจักรภพ, เครือรัฐ | (-จักกฺระพบ, -รัด) น. กลุ่มประเทศหรือรัฐที่มีการปกครองตนเอง แต่ยอมรับนับถือประมุขร่วมกัน เช่น ประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ รัฐต่าง ๆ ในเครือรัฐออสเตรเลีย. | โครงการหลวง | น. โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานอาชีพทางเลือกใหม่แก่ชาวไทยภูเขาในภาคเหนือ ซึ่งเดิมปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย ให้หันมาปลูกไม้ดอก ไม้ผล พืชผักเมืองหนาว และเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อบริโภคและจำหน่าย สร้างรายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น ทำให้ลดปัญหายาเสพติด ช่วยพิทักษ์รักษาป่าต้นน้ำ และสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน. | จินตกวี | น. กวีผู้มีความสามารถในการแต่งร้อยกรองตามแนวความคิดและจินตนาการของตนเอง. | จีน ๑ | น. ชื่อประเทศและชนชาติที่อยู่ในเอเชียตะวันออก มีพรมแดนติดต่อกับมองโกเลีย รัสเซีย เวียดนาม ลาว พม่า ภูฏาน เนปาล อินเดีย คีร์กีซ และคาซัคสถาน มีภาษาพูดและอักษรของตนเองใช้. | ช่วงสิทธิ์ | ก. เข้าสวมสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้นั้นได้ในนามของตนเอง เช่น เมื่อผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้เจ้าหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้คืนได้ในนามของตนเอง. | ดำหัว | น. ประเพณีทางภาคเหนือซึ่งกระทำในวันสงกรานต์เพื่อเป็นการแสดงความเคารพนับถือ วิธีดำหัว คือ เอานํ้าสะอาด พร้อมดอกคำฝอย ฝักส้มป่อย และผงขมิ้น ใส่ขัน ไปเคารพและขอขมาผู้ใหญ่ โดยให้ท่านจุ่มน้ำลูบศีรษะตนเองเพื่อให้ท่านอยู่เย็นเป็นสุขและขอรับพรจากท่าน. | โดยทุจริต | ว. เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น. | ตะเกียกตะกาย | ก. พยายามป่ายปีนไป, พยายามทุกทางเพื่อช่วยเหลือตนเองให้รอดพ้นจากความยากลำบากหรือเพื่อให้ประสบความสำเร็จ, เช่น ตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง ตะเกียกตะกายเรียนจนจบปริญญาโท. | ตัว ๑ | น. รูป, ตน, ตนเอง, คำใช้เรียกแทนคน สัตว์ และสิ่งของบางอย่าง เช่น ตัวละคร ตัวหนังสือ | ตัวแทนค้าต่าง | น. บุคคลซึ่งในทางค้าขาย ทำการซื้อ หรือขายทรัพย์สิน หรือรับจัดทำกิจการค้าอย่างอื่นในนามของตนเองต่างตัวการ. | เตี้ยอุ้มค่อม | น. คนที่ช่วยเหลือคนที่มีฐานะตํ่าต้อยหรือยากจน ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็มีฐานะตํ่าต้อยหรือยากจนเหมือนกัน. | ทฤษฎีใหม่ | น. หลักวิชาการจัดการเกษตรที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคิดค้นขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็ง มี ๓ ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นต้น คือ ครอบครัวเกษตรกรรายย่อยบริหารจัดการพื้นที่ทำกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๔ ส่วน คือ พื้นที่ขุดสระ พื้นที่ปลูกข้าว พื้นที่ปลูกพืชไร่พืชสวน และพื้นที่อยู่อาศัย เพื่อให้เกิดการผลิตที่พออยู่พอกิน ขั้นกลาง คือ รวมเป็นกลุ่มหรือสหกรณ์ ร่วมเพิ่มผลผลิตและจำหน่ายอย่างมีพลังต่อรอง และขั้นก้าวหน้า คือ สร้างเครือข่ายนอกชุมชนเพื่อหาแหล่งทุนมาร่วมลงทุนและพัฒนา ทุกขั้นตอนเน้นความมัธยัสถ์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง. | ทุจริตต่อหน้าที่ | ก. ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น. | นครรัฐ | (นะคอนรัด) น. เมืองที่ปกครองตนเองเป็นอิสระ เช่น นครรัฐวาติกัน. | น้ำพักน้ำแรง | น. การทุ่มเททำงานอย่างอุตสาหะจนบรรลุผลสำเร็จด้วยตนเอง เช่น บ้านหลังนี้สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาแท้ ๆ. | นิคม | น. หมู่บ้านขนาดใหญ่, ถิ่นฐานหรือชุมชนที่เกิดขึ้นจากการตั้งหลักแหล่ง, หมู่บ้านใหญ่หรือตำบลที่ประชาชนเข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่เพื่อประกอบอาชีพเป็นหลักฐาน เช่น นิคมสร้างตนเอง นิคมอุตสาหกรรม. | นิติภาวะ | น. ความมีความสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ได้ด้วยตนเอง. (ดู บรรลุนิติภาวะ ประกอบ). | บรรลุนิติภาวะ | ก. มีอายุถึงกำหนดที่กฎหมายให้พ้นจากภาวะความเป็นผู้เยาว์และให้มีความสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายทั้งปวงได้โดยสมบูรณ์ด้วยตนเอง โดยกฎหมายกำหนดให้บุคคลพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อผู้เยาว์ทำการสมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย. | ประจักษ์พยาน | น. พยานบุคคลที่เป็นผู้ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่ให้การเป็นพยานนั้นมาด้วยตนเองโดยตรง. | ประเทศราช | (ปฺระเทดสะราด) น. เมืองที่มีเจ้าผู้ครองเมืองของตนเอง แต่อยู่ภายใต้อำนาจควบคุมดูแลและคุ้มครองของพระมหากษัตริย์ของอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งเจ้าเมืองประเทศราชนั้นมีหน้าที่ส่งเครื่องราชบรรณาการถวายเป็นประจำ และในเวลาเกิดศึกสงครามต้องเกณฑ์กำลังทหารเข้าร่วมกองทัพหลวงด้วย. | เป็นคุ้งเป็นแคว | ว. อาการที่เล่าเป็นเรื่องเป็นราวยืดยาวติดต่อกันเหมือนกับรู้เห็นมาด้วยตนเอง. | เป็นตุเป็นตะ | ว. อาการที่เล่าเป็นจริงเป็นจังเหมือนกับรู้เห็นมาด้วยตนเอง เช่น พูดเป็นตุเป็นตะ. | เปิดเผยความลับ | น. เป็นฐานความผิดอาญา ที่ผู้กระทำเปิดเผยความลับของผู้อื่นหรือนำความลับของผู้อื่นไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือบุคคลที่สาม. | เปิบ, เปิบข้าว | ก. ใช้ปลายนิ้วขยุ้มข้าวใส่ปากตนเอง. | ผู้สร้างสรรค์ | น. ผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงาน โดยความคิดริเริ่มของตนเอง. | ฝึกฝน | ก. เพียรฝึก, พยายามฝึก, เช่น ฝึกฝนตนเองให้ชำนาญในการเย็บปักถักร้อย. | พยานบอกเล่า | น. พยานบุคคลซึ่งให้การในเรื่องที่ตนมิได้เห็น ได้ยิน หรือรู้มาด้วยตนเอง แต่ได้ยินหรือได้ฟังจากผู้อื่น รวมตลอดถึงข้อความที่บันทึกไว้ในเอกสารหรือวัตถุก็ถือเป็นพยานบอกเล่า. | พึ่งลำแข้งตัวเอง | ก. ช่วยตนเอง, อาศัยลำแข้งตัวเอง ก็ว่า. | มอญ ๑ | น. ชื่อชนชาติหนึ่ง เคยเป็นใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของพม่า ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า มีภาษาพูดอยู่ในตระกูลมอญ–เขมร และมีอักษรของตนเองใช้. | ยกหางตัวเอง | ก. ยกตนเองว่าดีว่าเก่ง. | ยานเกราะ | น. พาหนะล้อหรือสายพานที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุที่สามารถป้องกันตนเองจากอาวุธยิงเล็งตรงหรืออาวุธยิงเล็งจำลอง และป้องกันอันตรายจากวัตถุระเบิดหรือป้องกันอันตรายจากนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี ในระดับหนึ่ง. | ร้องสอด | ก. การที่บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความยื่นคำร้องต่อศาลด้วยความสมัครใจของตนเองขอเข้ามาเป็นคู่ความ หรือบุคคลที่ถูกหมายเรียกให้เข้ามาในคดี. | รุน | ก. ดุนสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยกันโดยที่ตนเองเคลื่อนที่ไปด้วย เช่น รุนหลังให้รีบเดินไปข้างหน้า, ใช้พายดันส่วนผสมของขนมหม้อแกงไปข้างหน้าในกระทงทองเพื่อให้เนื้อขนมนุ่มฟูก่อนใส่ถาดผิง, กิริยาที่ไสเครื่องช้อนกุ้ง ซึ่งทำด้วยไม้ไผ่สานเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีด้ามยาว ช้อนกุ้งหรือเคย เช่น รุนกุ้ง รุนเคย | รู้เขารู้เรา | ก. รู้จักขอบเขตความสามารถของตนเองและผู้อื่น. | รู้เห็น | ก. รู้และเห็นเหตุการณ์ด้วยตนเอง เช่น เขาเป็นพยานที่รู้เห็น. | เรียน ๑ | ก. เข้ารับความรู้จากผู้สอน, รับการฝึกฝนอบรมเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจหรือความชำนาญ, เช่น เรียนหนังสือ เรียนวิชาความรู้, ฝึกให้เกิดความรู้ความเข้าใจจนเป็นหรือมีความชำนาญ เช่น เขาเรียนแก้พัดลมด้วยตนเอง | เรือประจัญบาน | น. เรือรบขนาดใหญ่ระวางขับน้ำประมาณ ๒๐, ๐๐๐ ตันขึ้นไป มีเกราะป้องกันตนเอง มีอาวุธสมัยใหม่หลายประเภท รวมทั้งอาวุธนำวิถีพื้นสู่พื้น และพื้นสู่อากาศ มีหน้าที่หลักในการต่อตีเรือข้าศึก และระดมยิงฝั่งเพื่อสนับสนุนการรบสะเทินน้ำสะเทินบก. | ละครดึกดำบรรพ์ | น. ละครแบบหนึ่ง ดำเนินเรื่องรวดเร็ว มีการตกแต่งฉากที่คล้ายของจริง ไม่มีบทบรรยายฉาก บรรยายกิริยาอาการของตัวละคร ตัวละครร้องและเจรจาบทของตนเอง และใช้ดนตรีที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ เรียกว่า วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ เรื่องที่แสดง เช่น อิเหนา คาวี สังข์ศิลป์ชัย, ชื่อดึกดำบรรพ์มาจากชื่อโรงละครของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร). |
| perpetration | การกระทำความผิดด้วยตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | local self-government | การปกครองตนเองของท้องถิ่น [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | rationalization | การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง [ปรัชญา ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | res sua nemini servit (L.) | ภาระจำยอมย่อมไม่มีในที่ดินของตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | region, autonomous | เขตปกครองตนเอง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | rule, home | การปกครองตนเองของท้องถิ่น [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | rotatory vertigo; vertigo, subjective; vertigo, systematic | อาการรู้สึกตนเองหมุน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | self-sufficiency | การพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจ [ ดู autarky ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | self-supporting person | ผู้พึ่งตนเอง [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | suo nomine (L.) | ในนามของตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | suo periculo (L.) | ด้วยความเสี่ยงภัยของตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | self-governing territory | ดินแดนที่ปกครองตนเอง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | self-governing territory | ดินแดนที่ปกครองตนเอง [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | self-government | การปกครองตนเอง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | self-hypnosis | การสะกดจิตตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | subjective vertigo; vertigo, rotatory; vertigo, systematic | อาการรู้สึกตนเองหมุน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | suicide | การฆ่าตนเอง, อัตวินิบาตกรรม [ ดู felo de se ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | self-determination | การกำหนดการปกครองด้วยตนเอง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | self-enumeration | การแจงนับด้วยตนเอง (ผู้ตอบกรอกแบบสอบถามเอง) [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | systematic vertigo; vertigo, rotatory; vertigo, subjective | อาการรู้สึกตนเองหมุน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | self-insurance | การประกันภัยตนเอง [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | autarky | การพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจ [ ดู self-sufficiency ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | autologous transfusion; autotransfusion | การถ่ายเลือดกลับให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | at one's own risk and peril | ด้วยการเสี่ยงเคราะห์ของตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | autochthonous graft; autograft; autoplast; graft, autologous | เนื้อเยื่อปลูกถ่ายให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | autotransfusion; transfusion, autologous | การถ่ายเลือดกลับให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | autonomy | อัตตาณัติ, ความเป็นอิสระ (ในการปกครองตนเอง) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | autonomy | อัตตาณัติ, ภาวะอิสระ, การปกครองตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | autoplast; autograft; graft, autochthonous; graft, autologous | เนื้อเยื่อปลูกถ่ายให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | autoimmunity | ภูมิต้านตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | autologous graft; autograft; autoplast; graft, autochthonous | เนื้อเยื่อปลูกถ่ายให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | autonomous area | เขตพื้นที่ที่ปกครองตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | autonomous institution | สถาบันที่เป็นอิสระ, สถาบันที่ปกครองตนเอง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | autonomous region | เขตปกครองตนเอง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | autograft; autoplast; graft, autochthonous; graft, autologous | เนื้อเยื่อปลูกถ่ายให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | mere motion; ex mero motu (L.) | การกระทำตามที่ศาลเห็นสมควร, การกระทำที่ตนเองริเริ่ม [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | de son tort (Fr.) | ด้วยความผิดพลาดของตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | graft, autochthonous; autograft; autoplast; graft, autologous | เนื้อเยื่อปลูกถ่ายให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | graft, autologous; autograft; autoplast; graft, autochthonous | เนื้อเยื่อปลูกถ่ายให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | felo de se (L.) | การฆ่าตนเอง, อัตวินิบาตกรรม [ ดู suicide ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | ex mero motu (L.) | การกระทำตามที่ศาลเห็นสมควร, การกระทำที่ตนเองริเริ่ม [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | institution, autonomous | สถาบันที่เป็นอิสระ, สถาบันที่ปกครองตนเอง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | insight | ๑. (จิตเวช.) การหยั่งรู้ตนเอง๒. วิจารณญาณ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | vertigo, rotatory; vertigo, subjective; vertigo, systematic | อาการรู้สึกตนเองหมุน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | vertigo, subjective; vertigo, rotatory; vertigo, systematic | อาการรู้สึกตนเองหมุน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | vertigo, systematic; vertigo, rotatory; vertigo, subjective | อาการรู้สึกตนเองหมุน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | transfusion, autologous; autotransfusion | การถ่ายเลือดกลับให้ตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | home rule | การปกครองตนเองของท้องถิ่น [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | nemo debet esse judex in propria causa (L.) | ไม่มีผู้ใดมีอำนาจตัดสินคดีของตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | narcissism | ความหลงตนเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| Self Learning Processes | กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง [เทคโนโลยีการศึกษา] | Computer Aided Instruction | สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน, โปรแกรมบทเรียน ประกอบด้วย เนื้อหา แบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบ ที่ช่วยให้ ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเองเมื่อนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จัดว่าเป็นอุปกรณ์การสอนชนิดหนึ่ง [Assistive Technology] | Independent Living | การดำรงชีวิตอิสระ, การดำรงชีวิตอิสระเป็นแนวคิดการเคลื่อนไหวทางสังคม ที่เชื่อว่าคนพิการควรได้รับสิทธิความเป็นพลเมืองและสิทธิการตัดสินใจเช่นเดียวกับผู้ที่ไม่พิการ นั่นหมายถึงเป็นการจัดการชีวิตความเป็นอยู่ของคนพิการให้มีความเป็นอิสระมากที่สุด โดยให้คนพิการได้เลือกตัดสินใจด้วยตนเอง เพื่อใช้ชีวิตอยู่ในชุมชน [Assistive Technology] | interactive learning | การเรียนแบบโต้ตอบสองทาง, การเรียนรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ ผู้เรียนสามารถควบคุมสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการเรียนการสอนตามความต้องการของตนเอง ตรงข้ามกับการสอนในชั้นเรียนซึ่งมักจะเป็นการสื่อสารข้างเดียว [Assistive Technology] | Speech Viewer | โปรแกรมฝึกพูด, โปรแกรมที่ใช้ในการฝึกพูดแก่ผู้ที่ไม่ได้ยินเสียงพูดของตนเอง โดยโปรแกรมจะฝึกผู้พูดให้ออกเสียงแต่ละเสียงถูกต้องโดยการให้ "มองเห็น" สิ่งที่กำลังพูด การฝึกประกอบด้วย เรื่อง ความดัง ระดับเสียงสูง ต่ำ เสียงก้อง เสียงไม่ก้อง และการฝึกเสียงตามหน่วยเสียงที่กำหนด ซึ่งอาจจะเริ่มต้นที่ ๑ หน่วยเสียง ไปจนถึง ๔ หน่วยเสียง โปรแกรมนี้เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทไอบีเอ็ม จำกัด [Assistive Technology] | Anemia, Hemolytic, Autoimmune | ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกจากภูมิต้านตนเอง [TU Subject Heading] | Control self-assessment (Auditing) | การประเมินการควบคุมด้วยตนเอง (การตรวจสอบ) [TU Subject Heading] | Dependency (Psychology) | การพึ่งตนเอง (จิตวิทยา) [TU Subject Heading] | Masturbation | การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง [TU Subject Heading] | Narcissism | ความหลงตนเอง [TU Subject Heading] | Self care | การดูแลตนเอง [TU Subject Heading] | Self medication | การใช้ยารักษาตนเอง [TU Subject Heading] | Self rating of | การประเมินศักยภาพตนเอง [TU Subject Heading] | Self-acceptance | การยอมรับตนเอง [TU Subject Heading] | Self-actualization (Psychology) | การตระหนักตนเอง [TU Subject Heading] | Self-control | การควบคุมตนเอง [TU Subject Heading] | Self-control in children | การควบคุมตนเองในเด็ก [TU Subject Heading] | Self-culture | การเรียนด้วยตนเอง [TU Subject Heading] | Self-deception | การหลอกตนเอง [TU Subject Heading] | Self-disclosure | การเปิดเผยตนเอง [TU Subject Heading] | Self-efficacy | ความสามารถในตนเอง [TU Subject Heading] | Self-esteem | ความภาคภูมิใจในตนเอง [TU Subject Heading] | Self-esteem in adolescence | ความภาคภูมิใจในตนเองในวัยรุ่น [TU Subject Heading] | Self-esteem in children | ความภาคภูมิใจในตนเองในเด็ก [TU Subject Heading] | Self-esteem in literature | ความภาคภูมิใจในตนเองในวรรณกรรม [TU Subject Heading] | Self-esteem in women | ความภาคภูมิใจในตนเองในสตรี [TU Subject Heading] | Self-evaluation | การประเมินผลด้วยตนเอง [TU Subject Heading] | Self-help groups | กลุ่มช่วยเหลือตนเอง [TU Subject Heading] | Self-help techniques | เทคนิคการช่วยเหลือตนเอง [TU Subject Heading] | Self-insurance | ประกันภัยตนเอง [TU Subject Heading] | Self-management (Psychology) | การบริหารตนเอง (จิตวิทยา) [TU Subject Heading] | Self-perception | การรู้จักตนเอง [TU Subject Heading] | Self-perception in adolescence | การรู้จักตนเองในวัยรุ่น [TU Subject Heading] | Self-perception in old age | การรู้จักตนเองในผู้สูงอายุ [TU Subject Heading] | Self-realization | การสำนึกตนเอง [TU Subject Heading] | Self-talk | การพูดกับตนเอง [TU Subject Heading] | Self-Enumeration | การแจงนับด้วยตนเอง, Example: วิธีที่ผู้ตอบหรือผู้ตกเป็นตัวอย่างกรอกแบบสอบ ถาม ด้วยตนเอง อาจทำในรูปของสำมะโนทางไปรษณีย์ [สิ่งแวดล้อม] | Self-Sufficiency Economy | ระบบเศรษฐกิจที่พึ่งตนเองได้, Example: ความสามารถของเมือง รัฐ ประเทศหรือภูมิภาคหนึ่งๆ ในการผลิตสินค้าและบริการทุกชนิดเพื่อเลี้ยงสังคมนั้นๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสินค้านำเข้า ข้อได้เปรียบสำคัญของ ระบบเศรษฐกิจที่พึ่งตนเองได้คือ ไม่ต้องพึ่งพาสินค้าจำเป็นขั้นพื้นฐานจากประเทศอื่นที่อาจมีราคาแพงเกินไป เมื่อเกิดวิกฤตน้ำมันขึ้นราคาครั้งใหญ่ใน พ.ศ. 2516 ได้กระตุ้นให้มีการค้นหาและผลิตน้ำมันปิโตรเลียมในสหรัฐอเมิรกาและประเทศ ต่างๆ เพื่อให้พึ่งพาตนเองในด้านพลังงานและเชื้อเพลิงได้ ข้อเสียสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบนี้ คือ กระตุ้นให้มีการปกป้องผู้ผลิตในประเทศที่ด้อยประสิทธิภาพ [สิ่งแวดล้อม] | displaced persons | ผู้พลัดถิ่น ผู้หนีภัย หมายถึง บุคคลที่ออกมาจากประเทศของตนเอง มิใช่โดยวิธีการธรรมดาหรือปกติ อาจเนื่องมาจากภัยสงคราม ภัยทางเศรษฐกิจ ฯลฯ เป็นการเข้ามาชั่วคราว จะไม่ได้ภูมิลำเนา [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | High Seas | ทะเลหลวง คือทุกส่วนของทะเลที่มิได้อยู่ในทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ของประเทศใด โดยที่ถือว่าทะเลหลวงเป็นทรัพย์สินร่วมกันของทุกชาติ รัฐจะยึดเอาไปทำประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียวไม่ได้ และจะถือว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของทะเลหลวงอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของตนไม่ได้เช่นกัน [การทูต] | International Finance Corporation | คือบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ ตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1956 และเริ่มมีฐานะเป็นองค์การชำนัญพิเศษที่มีสัมพันธ์กับองค์การสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1957 แม้บรรษัทจะดำเนินงานใกล้ชิดกับธนาคารโลก แต่ก็มีฐานะเป็นสิ่งที่มีตัวตนทางกฎหมายแยกต่างหาก และมีกองทุนที่แตกต่างจากกองทุนของธนาคารโลกด้วยวัตถุประสงค์ของบรรษัทคือ ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยสนับสนุนให้การผลิตของวิสาหกิจของเอกชนในประเทศสมาชิกเจริญเติบโตยิ่ง ขึ้น การที่จะกระทำตามวัตถุประสงค์นี้ได้ บรรษัทจะนำเงินไปลงทุนในวิสาหกิจด้านการผลิตฝ่ายเอกชน โดยดำเนินงานร่วมกับเอกชนผู้ลงทุน ทำหน้าที่เป็นสำนักหักบัญชี (Clearing House) คล้ายกับเป็นแหล่งรวมโอกาสต่าง ๆ ของการลงทุนฝ่ายเอกชนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ รวมทั้งฝ่ายจัดการที่มีประสบการณ์ชำนาญ นอกจากนั้น ยังช่วยกระตุ้นการลงทุนด้านการผลิตของเอกชนทั้งภายในและต่างประเทศด้วย บรรษัทยังได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเงินโดยใช้วิธีขายพันธบัตรของตนเอง รวมทั้งตั๋วสัญญาการใช้เงินบรรษัทการเงินระหว่างประเทศดำเนินงานโดยองค์กร ต่าง ๆ ของตน คืออำนาจทั้งหมดของบรรษัทจะขึ้นอยู่กับคณะผู้ว่าการ (Board of Govemors) ประกอบด้วยผู้ว่าการและผู้ว่าการสำรอง (Altemates) จากธนาคารโลกซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศต่าง ๆ อันเป็นสมาชิกของบรรษัทด้วย คณะผู้ว่าการจะคอยควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของบรรษัทให้ถูกต้อง ตัวประธานธนาคารโลก จะทำหน้าที่เป็นประธานคณะผู้ว่าการของบรรษัทโดยตำแหน่งด้วย บรรษัทมีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซี [การทูต] | Marshall Plan | แผนการมาร์แชล ในโอกาสวันประสาทปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ยอร์ช ซี.มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยนั้น ได้กล่าวอยู่ตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ว่า?สหรัฐอเมริกาควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะ สามารถกระทำได้ เพื่อช่วยให้ดินแดนต่าง ๆ ในโลกได้กลับคืนสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจ เพราะหากปราศจากภาวะดังกล่าว โลกก็จะไม่มีเสถียรภาพที่สถาพร นโยบายของสหรัฐฯ มิได้มุ่งจะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศใดหรือลัทธิใด หากมุ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อความหิวโหย ความยากจน ความสิ้นหวัง และความยุ่งเหยิง การที่จะให้สหรัฐอเมริการับภาระในการจัดวางโครงการแต่ฝ่ายเดียว เพื่อช่วยให้ทวีปยุโรปสามารถช่วยตนเองทางเศรษฐกิจขึ้นใหม่ นับว่ายังไม่เหมาะสมและถูกต้องนัก ควรจะให้เป็นภาระหน้าที่ของชนชาวยุโรปทั้งหลายเอง บทบาทของสหรัฐฯ ควรจะเป็นเพียงผู้เสนอให้ความความช่วยเหลือฉันมิตร ในการร่างโครงการช่วยเหลือทวีปยุโรป และให้ความสนับสนุนแก่โครงการนั้น ตราบที่โอกาสจะเอื้ออำนวยต่อการกระทำเช่นนั้นได้?จากสุนทรพจน์ข้างต้น พอจะเข้าใจจุดประสงค์สำคัญของสหรัฐอเมริกาได้ไม่ยากว่า ไม่ต้องการให้ทวีปยุโรป ซึ่งกำลังอ่อนแอโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหลังจากเสร็จสงครามใหม่ ๆ ต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจครอบงำของฝ่ายคอมมิวนิสต์นั่นเอง [การทูต] | Normal Diplomacy | การติดต่อทางการทูตโดยวิถีทางทูตตามปกติ มักจะกระทำกันดังนี้ เมื่อรัฐบาลต้องการจะหยิบยกปัญหาขึ้นกับอีกรัฐบาลหนึ่ง ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะส่งคำสั่งไปยังเอกอัครราชทูตของ ประเทศตนที่ประจำอยู่ในประเทศผู้รับส่งให้ยกเรื่องนั้นขึ้นเจรจากับรัฐบาล ของประเทศผู้รับ โดยปกติเอกอัครราชทูตจะมีหนังสือทางการทูต (Diplomatic Note) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีวาการกระทรวงการต่างประเทศ ของประเทศผู้รับนั้นก่อน หรือไม่ก็ไปพบกับรัฐมนตรีด้วยตนเอง ณ กระทรวงการต่างประเทศ การเจรจากันอาจทำให้จำเป็นต้องมีการบันทึกของทูตแลกเปลี่ยนกันขึ้น ในรูปบันทึกช่วยจำ (Aide-Memoire ) ในบางกรณี เอกอัครราชทูตจำเป็นต้องไปพูดจา ณ กระทรวงการต่างประเทศ อีกหลายครั้งกว่าจะเสร็จเรื่อง ในระหว่างนั้น เอกอัครราชทูตมีหน้าที่จะต้องรายงานผลการเจรจาแต่ะครั้งไปยังกระทรวงการต่าง ประเทศของตน และบางคราวอาจจะต้องขอคำสั่งเพิ่มเติมอีกเมื่อเกิดกรณีใหม่โดยมิได้คาดหมาย มาก่อนเป็นต้น ในขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศของประเทศผู้รับก็จะส่งคำสั่งไปยังเอก อัครราชทูตของตน แนะว่าควรดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาที่กำลังเจรจากันกับรัฐบาลของ ประเทศที่ตนประจำอยู่ผลการเจรจาอาจเป็นที่ตกลงกันได้ระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ฝ่าย หรืออาจจะจบลงด้วยภาวะชะงักงัน ( Stalemate ) หรือรัฐบาลทั้งสองอาจจะตกลงกันว่าไม่สามารถตกลงกันได้ และปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังไปก่อน จนกว่าจะมีการรื้อฟื้นเจรจากันใหม่ บางคราวปัญหาที่ยังตกลงกันไม่ได้นั้น อาจกลายเป็นปัญหาขัดแย้งกันอย่างรุนแรงต่อไปก็ได้ [การทูต] | Regional Organizations | คือองค์การส่วนภูมิภาค ในเรื่องนี้ ข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติได้บัญญัติไว้ว่า ?ไม่มีข้อความใดในกฎบัตรฉบับปัจจุบัน อันจักริดรอนสิทธิประจำตัวในการป้องกันตนเองโดยลำพังหรือโดยร่วมกัน หากการโจมตีโดยกำลังอาวุธบังเกิดแก่สมาชิกของสหประชาชาติ จนกว่าคณะมนตรีความมั่นคงจะได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็น เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ มาตรการที่สมาชิกได้ดำเนินไปในการใช้สิทธิป้องกันตนเองนี้ จักต้องรายงานให้คณะมนตรีความมั่นคงทราบโดยทันที และจักไม่กระทบกระเทือนอำนาจและความรับผิดชอบของคณะมนตรีความมั่นคงภายใต้กฎ บัตรฉบับปัจจุบันแต่ทางหนึ่งทางใด ในอันที่จักดำเนินการเช่นที่เห็นจำเป็น เพื่อธำรงไว้หรือสถาปนากลับคืนมา ซึ่งสันติภาพความมั่นคงระหว่างประเทศ?จะเห็นได้ว่า ประเทศต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเดียวกันมักจะทำข้อตกลงกันในส่วนภูมิภาค โดยอาศัยสนธิสัญญา และโดยที่อาศัยอยู่ในเขตภูมิศาสตร์ใกล้เคียงกัน ( Geographical Propinquity ) หรือมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด และมีวัตถุประสงค์ที่จะอำนวยความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเมืององค์การส่วนภูมิภาคแห่งหนึ่งที่พอจะหยิบยก มาเป็นตัวอย่างได้ คือ องค์การสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO) ซึ่งบัดนี้ได้ยุบเลิกไปแล้วเพราะหมดความจำเป็น องค์การรัฐอเมริกัน (Organization of American States-OAS) องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ (NATO) องค์การร่วมมือระหว่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา (ANZUS) เป็นต้น องค์การภูมิภาคเหล่านี้ตั้งขึ้นโดยอาศัยข้อ 51 ของกฎบัตร สหประชาชาติ ซึ่งกล่าวถึงสิทธิของประเทศสมาชิกที่จะทำการป้องกันตนเองโดนลำพังหรือโดย ร่วมกัน หากถูกโจมตีด้วยกำลังอาวุธ [การทูต] | self-determination | การกำหนดใจตนเอง หมายถึง สิทธิและเสรีภาพในการที่จะให้ชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในประเทศใดประเทศหนึ่ง ตัดสินหรือกำหนดสถานะด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมของตน โดยเลือกที่จะอยู่อย่างเดิมหรือแยกตัวออกไป [การทูต] | self-governing country | ประเทศที่ปกครองตนเอง [การทูต] | The Foreign Office | ในสมัยก่อน เมื่อสังคมนานาชาติมีสมาชิกประเทศอยู่เพียงไม่กี่แห่ง และการเจริญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน ดังนั้น ประมุขของรัฐหรือหัวหน้าของรัฐบาลจะเป็นผู้บริหารกิจการต่างประเทศด้วยตนเอง แต่มาในปัจจุบันเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทำเช่นนี้ ดังนั้นทุกวันนี้ รัฐบาลของประเทศเกือบจะทุกแห่งจะมีสำนักงานในระดับกระทรวงแยกออกต่างหาก เพื่อดำเนินกิจการต่างประเทศโดยเฉพาะสำนักงานนี้จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันใน แต่ละประเทศ เช่นเรียกว่า The Ministry of (หรือ for) Foreign Affairs, The Ministry of External Affairs, The Department of State หรือ The Department of Foreign Affairs หรือ Gaimusho เป็นต้น ส่วนหัวหน้าสำนักงานหรือเจ้ากระทรวงนั้น จะเป็นบุคคลในคณะรัฐมนตรี และเรียกชื่อตำแหน่งต่างๆ กัน เช่น The Secretary of Foreign Affairs, The Minister of External Affairs, The Secretary of State หรือ Foreign Minister หรือ Foreign Secretary ตัวรัฐมนตรีนี้จะมีผู้ช่วย ซึ่งบางตำแหน่งเรียกว่า ปลัดกระทรวง (Under-Secretaries), ผู้ช่วยปลัดกระทรวง (Assistant Under-Secretaries) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่ได้ผ่านการฝึกอบรมมาแล้วงาน ของกระทรวงการต่างประเทศ โดยทั่วไปมักจะแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกเรียกว่าฝ่ายธุรการ (Home Service) ทำหน้าที่บริหารกิจการต่าง ๆ ภายในประเทศ ซึ่งเกี่ยวกันกับกิจการต่างประเทศ รวมทั้งการติดต่อเกี่ยวข้องกับคณะทูตานุทูต และฝ่ายที่สองเรียกว่า Foreign Service เป็นฝ่ายดำเนินงานเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในต่างแดน อันมีสถานทูต สถานกงสุล และสำนักงานอื่น ๆ เป็นตัวแทน ประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายการทูตและฝ่ายวิชาการ ซึ่งประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลและสำนักงานระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่ประเทศไทยเรายังมิได้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายดังกล่าวตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศเป็นตัวกลาง ทำหน้าที่ติดต่อระหว่างประเทศ ส่วนหัวหน้าคณะทูตภายในนครหลวงของแต่ละประเทศจะทำการติดต่อใด ๆ ทั้งหมดกับกระทวงการต่างประเทศของรัฐผู้รับงานภายในกระทรวงการต่างประเทศ โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นกรม กอง โดยถือตามเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ เช่น กรมหรือกองการเอเชีย กรมการแอฟริกา กรมการอเมริกัน กรมการยุโรป และอื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีกรมกองอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ด้านธุรการ และด้านการสื่อสารติดต่อ การประชุม การประสานงานความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การคลัง การบริการในต่างประเทศ การสารนิเทศ การกฎหมาย การห้องสมุด การหนังสือเดินทาง การบุคลากร การพิธีการทูต การวิจัย การสนธิสัญญา การตรวจลงตรา (Visa) และการสหประชาชาติในปัจจุบันในหลาย ๆ ประเทศ ผู้ที่สมัครขอรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีคุณวุฒิตามที่กระทรวง กำหนด เช่น จะต้องผ่านการสอบไล่ ทั้งในภาคปากเปล่า และข้อเขียน ตลอดจนจะต้องปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมการสอบไล่ (Board) ซึ่งจะเป็นฝ่ายให้คะแนนบุคลิกและคุณภาพส่วนตัว แล้วนำคะแนนไปบวกกับคะแนนสอบข้อเขียน ในบางแห่งต้องการให้ผู้สมัครสอบเข้ารับการฝึกอบรม และให้อยู่ในระหว่างการทดลองดูความประพฤติ (Probationary period) อีกด้วย [การทูต] | United Nations University | มหาวิทยาลัยสหประชาชาติ จัดตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1973 ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นสถาบันอิสระที่บริหารปกครองตนเองภายในโครงร่างของสหประชาชาติ เรียกได้ว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างประเทศในเชิงวิชาการ ในอันที่จะมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลต่อการแก้ปัญหาเร่งด่วนต่าง ๆ ของโลก มหาวิทยาลัยนี้มีลักษณะไม่เหมือนกับมหาวิทยาลัยอื่นทั่ว ๆ ไป ทั้งในด้านโครางสร้างและแบบอย่างการดำเนินงาน กล่าวคือ ไม่มีนิสิตนักศึกษาของตนเอง ไม่มีคณะในมหาวิทยาลัย และไม่มีบริเวณมหาวิทยาลัย (campus) ดำเนินงานภายในเครือข่ายของสถาบันวิจัยและวิชาการต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งศูนย์ฝึกและศูนย์วิจัยของตนเอง ทั้งยังรวมไปถึงผู้คงแก่เรียนเป็นรายบุคคลด้วย ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันหาทางแก้ปัญหาต่าง ๆ ของโลกเป็นจุดสำคัญเรื่องที่มหาวิทยาลัยสหประชาชาติกำลังกังวลและสนใจอยู่ใน ขณะนี้ คือ เรื่องเกี่ยวกับค่านิยมของมนุษย์ทั่วโลก รวมทั้งความรับผิดชอบทั้งหลายที่มนุษย์ทั่วโลกจะพึงมี เรื่องทิศทางใหม่ ๆ ในภาวะเศรษฐกิจที่กลังปรากฏอยู่ในโลก รวมทั้งเรื่องความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และวิทยาการทางเทคโนโลยีเรื่องพลัง ที่ทำให้เกิดความผันแปรระหว่างพลเมืองของโลก ตลอดจนเรื่องสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของมนุษย์ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ยังมุ่งหมายที่จะช่วยเพิ่มพูนศักยภาพในการวิจัย และการฝึกในประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลายด้วย และภายในมหาวิทยาลัยเองก็กำลังสนใจด้านวิจัยและการฝึกฝนในบางเรื่องโดยเฉพาะ [การทูต] | Work of the United Nations for the Independence of Colonial Peoples | งานขององค์การสหประชาชาติ ในการช่วยให้ชาติอาณานิคมทั้งหลายได้รับความเป็นเอกราช นับตั้งแต่เริ่มตั้งองค์การสหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1945 เป็นต้นมา มีชนชาติของดินแดนที่ยังมิได้ปกครองตนเอง รวมทั้งดินแดนในภาวะทรัสตีตามส่วนต่าง ๆ ของโลก ได้รับความเป็นเอกราชไปแล้วไม่น้อยกว่า 170 ล้านคน ดินแดนที่แต่ก่อนยังไม่มีฐานะปกครองตนเองราว 50 แห่งได้กลายฐานะเป็นรัฐเอกราช มีอธิปไตยไปแล้ว ขณะนี้ยังเหลือดินแดนที่ยังมิได้ปกครองตนเองอีกไม่มาก กำลังจะได้รับฐานะเป็นประเทศเอกราชต่อไปแม้ว่าปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งทำให้ เกิดวิวัฒนาการอันมีความสำคคัญทางประวัติศาสตร์ จะได้แก่ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของประชาชนในดินแดนเมืองขึ้นทั้งหลาย แต่องค์การสหประชาชาติก็ได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนชนชาติ ที่ยังมิได้เป็นเอกราช และชาติที่ยังปกครองดินแดนเหล่านั้นอยู่ ให้รีบเร่งที่จะให้ชาชาติในดินแดนเหล่านั้นได้รับฐานะเป็นเอกราชโดยเร็วที่ สุดเท่าที่จะเป็นไปได้การที่องค์การสหประชาชาติมีบทบาทหน้าที่ดังกล่าวเพราะ ถือตามหลักแห่งความเชื่อศรัทธาที่ว่า มนุษย์ไม่ว่าชายหรือหญิง และชาติทั้งหลายไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกัน และได้ยืนยันความตั้งใจอันแน่วแน่ของประเทศสมาชิกที่จะใช้กลไกระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้ชนชาติทั้งหลายในโลกได้ประสบความก้าวหน้าทั้งในทางเศรษฐกิจและ สังคมนอกจากนั้น เพื่อเร่งรัดให้ชนชาติที่ยังอยูใต้การปกครองแบบอาณานิคมได้ก้าวหน้าไปสู่ เอกราช สมัชชาของสหประชาชาติ (General Assembly of the United Nations) ก็ได้ออกปฏิญญา (Declaration) เกี่ยวกับการให้ความเป็นเอกราชแก่ประเทศและชนชาติอาณานิคม เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1960 ซึ่งในปฏิญญานั้น ได้ประกาศยืนยันความจำเป็นที่จะให้ลัทธิอาณานิคมไม่ว่าในรูปใด สิ้นสุดลงโดยเร็วและปราศจากเงื่อนไขใด ๆ สมัชชายังได้ประกาศด้วยว่า การที่บังคับชนชาติอื่นให้ตกอยู่ใต้อำนาจการปกครอง แล้วเรียกร้องประโยชน์จากชนชาติเหล่านั้น ถือว่าเป็นการปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิมนุษยชนขั้นมูลฐาน เป็นการขัดกับกฎบัตรของสหประชาชาติ เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมสันติภาพและความร่วมมือของโลกสมัชชาสหประชาชาติ ยังได้ประกาศต่อไปว่า จะต้องมีการดำเนินการโดยด่วนที่สุด โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อสงวนใด ๆ ตามเจตนารมณ์ ซึ่งแสดงออกอย่างเสรี โดยไม่จำกัดความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ หลักความเชื่อถือ หรือผิว เพื่อให้ดินแดนทั้งหลายที่ยังไม่ได้มีการปกครองของตนเองเหล่านั้นได้รับความ เป็นเอกราชและอิสรภาพโดยสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1961 สมัชชาสหประชาชาติก็ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อตรวจดูและให้มีการปฏิบัติให้เป็นตามคำปฏิญญาของสหประชาชาติ และถึงสิ้นปี ค.ศ. 1962 คณะกรรมการดังกล่าวได้ประชุมกันหลายต่อหลายครั้งทั้งในและนอกสำนักงานใหญ่ ขององค์การสหประชาชาติ แล้วรวบรวมเรื่องราวหลักฐานจากบรรดาตัวแทนของพรรคการเมืองทั้งหลาย จากดินแดนที่ยังไม่ได้รับการปกครองตนเอง แล้วคณะกรรมการได้ตั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยมุ่งจะเร่งรัดให้การปกครองอาณานิคมสิ้นสุดลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ [การทูต] |
| He expected Denise to say that you perjured yourself at Cheslav's inquiry. | เขาหวังจะให้เดนนิสพูดว่า คุณให้ความเท็จต่อตนเองในการพิจารณาคดีเชสลาฟ Basic Instinct (1992) | And Hindley, whose sorrow was of the kind that could not weep or pray without her life, lost all interest in his own. | และฮินด์ลีย์ ผู้ซึ่งเต็มไป ด้วยความเศร้า ชนิดที่ไม่อาจร่ำไห้หรือสวดมนต์ได้ เมื่อปราศจากหล่อน ก็หมดสิ้นความสนใจในชีวิตตนเอง Wuthering Heights (1992) | Why did you betray your own heart, Cathy? | ทำไมเธอถึงทรยศ หัวใจตนเอง แคทธี Wuthering Heights (1992) | And if self-preservation is an instinct you possess, you'd better fuckin' do it and do it quick. | และหากเก็บรักษาด้วยตนเองเป็นสัญชาตญาณที่คุณมี, คุณควรที่จะ fuckin 'ทำมันและทำมันได้อย่างรวดเร็ว Pulp Fiction (1994) | Nature had come into her own again, and little by little had encroached upon the drive with long, tenacious fingers. | ธรรมชาติได้กลับคืนสู่ตนเองอีกครั้ง ค่อยๆ ปกคลุมทางเข้าทีละน้อย ดั่งนิ้วมืออันเรียวยาวและเหนียวเเน่น Rebecca (1940) | We're not all masochists. | เราไม่ได้ผู้ทำโทษตนเองที่ทุกท่าน ทราบว่า ตอนนี้ดู? Help! (1965) | Most of that is up to Hal. | ระบบไดรฟ์อาจจะดำเนินการ ด้วยตนเอง 2010: The Year We Make Contact (1984) | You think we should override Hal and fire the engines manually? | คุณคิดว่าเราควรแทนที่ แฮล และรถดับเพลิงด้วยตนเอง? 2010: The Year We Make Contact (1984) | I don't think we can handle it manually. | ฉันไม่คิดว่าเราสามารถจัดการ ได้ด้วยตนเอง 2010: The Year We Make Contact (1984) | We cannot be accurate to a tenth of a second if we do it manually. | เราไม่สามารถมีความถูกต้อง สิบวินาทีถ้าเราทำด้วยตนเอง 2010: The Year We Make Contact (1984) | Why can't you be honest with your feelings? | ทำไมไม่ซื่อตรงกับ ความรู้สึกตนเองหน่อยล่ะ? Vampire Hunter D (1985) | Do you think every part of yourself is cursed so badly? | คิดว่าที่ตนเองถูก สาปมันแย่นักเหรอ? Vampire Hunter D (1985) | I will be destroyed with my father in this castle. | ข้าจะทำลายตนเองกับพ่อ และปราสาทนี้ Vampire Hunter D (1985) | If our ancient god tells us to be destroyed ... we should follow your word. | หากจ้าวบรรพชนบอก ให้เราทำลายตนเอง เราก็ควรจะทำ Vampire Hunter D (1985) | Then you grew up by yourself? | แล้วนายก็โตด้วยตนเอง? 1999 - Nen no natsu yasumi (1988) | Like you're the one who made them laugh-- who made them forget their troubles. | เหมือนกับว่าเธอเป็นคน ที่ทำให้พวกนั้นหัวเราะ-- ทำให้พวกนั้นลืม ปัญหาของตนเองไป. Cinema Paradiso (1988) | There is a lengthy legal precedent, Your Honor, going back to 1789, whereby a defendant can claim self-defense against an agent of the government... if that act is deemed a defense against tyranny, a defense of liberty. | มีรายละเอียด สิทธิตามกฎหมาย ครับใต้เท้าเมื่อปี 1 789 ในการที่จำเลยสามารถอ้างสิทธิ์ป้องกัน ตนเองต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าการกระทำนั้นถือว่าเป็นการถูกข่มเหง สิทธิในการป้องกันตัว Good Will Hunting (1997) | And she looked and thought to herself, "I would like a baby boy." | นางจึงพึมพัมกับตนเองว่า "ข้าอยากมีลูกชายสักคน..." Snow White: A Tale of Terror (1997) | They are promising regional autonomy and religious freedom... if Tibet accepts that China be its political master. | พวกเขาสัญญาว่าจะให้ปกครองตนเอง และมีอิสรภาพทางศาสนา ถ้าทิเบตยอมให้จีน เป็นผู้นำทางการเมือง Seven Years in Tibet (1997) | I know that to love you is a treason against France... but not to love you is a treason against my heart. | ข้ารู้ว่าการรักนางเท่ากับการทรยศชาติ แต่ข้าไม่อาจทรยศหัวใจตนเอง The Man in the Iron Mask (1998) | The eyes of this king say that he cares for nothing but himself. | ตาเขาเย็นชาไม่แยแสใครนอกจากตนเอง The Man in the Iron Mask (1998) | The computer has a sense of its own silicon nature and it prints out its ingredients. | ในตัวตนเอง คอมพิวเตอร์มีสัญชาตญาณ ของความเป็นซิลิคอน จึงพิมพ์ส่วนประกอบของตัวเองออกมา Pi (1998) | Why did he kill his own daughter? | ทำไมเขาต้องฆ่าลูกสาวตนเองด้วยนะ ? Ringu (1998) | One would like to pull one's own. | อยากจะตัดส่วนของตนเอง Bicentennial Man (1999) | Now when I was growin' up, every town had its heroes, and ours was Rannulph Junuh, an athlete who was a born winner. | ทุกๆ เมืองต่างมีพระเอกของตนเอง เมืองเราคือแรนนัลฟ์ จูเนอ นักกีฬาผู้เกิดมาเพื่อชนะ The Legend of Bagger Vance (2000) | Top golfers always tried to get a leg up on the competition... by havin' the men they trusted most sneak onto the course at night... and do their own measurements. | ยอดนักกอล์ฟมักหาทางได้เปรียบคู่แข่ง... ...โดยให้แคดดี้แอบเข้าไปในสนามยามค่ำ... ...และวัดระยะด้วยตนเอง The Legend of Bagger Vance (2000) | This is her own homemade herb tea. | นี่คือชาสมุนไพรที่เธอทำด้วยตนเองล่ะ. Millennium Actress (2001) | There is no fate but what we make for ourselves. | ชะตาไม่ได้ลิขิตเรา เราลิขิตตนเอง Terminator 3: Rise of the Machines (2003) | This is Montana Civil Defense. | นี่กองกำลัง ป้องกันตนเอง มอนทาน่า Terminator 3: Rise of the Machines (2003) | This is Montana Civil Defense. | นี่คือกองกำลังป้องกันตนเองมอนทาน่า Terminator 3: Rise of the Machines (2003) | The day the human race was nearly destroyed by weapons they'd built to protect themselves. | วันที่มนุษยชาติถูกทำลายลง ด้วยน้ำมือ ของอาวุธที่สร้างขึ้น เพื่อป้องกันตนเอง Terminator 3: Rise of the Machines (2003) | To awaken my spirit through hard work and dedicate my life to knowledge. | ปลุกวิญญาณตนเองด้วยความขยัน และอุทิศชีวิตให้ความรู้ Mona Lisa Smile (2003) | For them the Americas 800 million citizens speak with one voice. | พวกเขาคิดว่า ตนเองคือเสียงเดียวที่พูดแทน พลเมือง 800 ล้านคนของทวีปอเมริกา xxxx ยินดีที่ได้พบคุณ The Corporation (2003) | Betting against my mother is not a gamble. | พนันกับแม่ของตนเอง มันถือเป็นการพนันสักหน่อย Mulan 2: The Final War (2004) | Come back when you get personalities. | กลับมาอีกครั้ง เมื่อพวกเจ้ามั่นใจในบุคลิกของตนเองดีแล้ว Mulan 2: The Final War (2004) | A princess must make every sacrifice for her country. | ผู้เป็นเจ้าหญิงจะต้องเสียสละตนเองเพื่อบ้านเมือง Mulan 2: The Final War (2004) | - You cannot go yourself. | -คุณไปด้วยตนเองไม่ได้หรอก Episode #1.5 (1995) | Why would any young man form a design against a girl who is not unprotected or friendless, and who is staying in the Colonel's family? | ทำไมชายหนุ่มจึงปรารถนาในตัวหญิงสาว ที่ปกป้องตนเองมิได้และเป็นคนไม่มีเพื่อนเลย แล้วใครจะอยากไปอยู่กับครอบครัวท่านพันเอกกันล่ะ Episode #1.5 (1995) | I feel myself called on, not only by our relationship, but by my situation as a clergyman, to condole with you all on the grievous affliction you are now suffering under. | ผมรู้สึกด้วยตนเองว่าควรจะมา ไม่ใช่เพียงเพราะ พวกเรามีความสัมพันธ์กันแต่เพราะสถานะความเป็นพระของผม ที่จะต้องแสดงความเสียใจต่อพวกคุณทุกคนในเรื่อง ผลกระทบที่น่าสลดใจที่พวกคุณกำลังทุกข์โศกกันอยู่ Episode #1.5 (1995) | His purpose was to enjoy our misfortunes and congratulate himself on his own happy situation! | จุดประสงค์ของเขาคือการที่ต้องมาเข้าร่วมกับความอับโชค และมาแสดงความยินดีกับตนเองที่อยู่ในสถานะที่มีความสุข Episode #1.5 (1995) | Perhaps you would like to read it yourself. | บางทีลูกอาจอยากอ่านมันด้วยตนเอง Episode #1.5 (1995) | / have written to Colonel Forster to request that he will satisfy Wickham's creditors in Brighton, for which /'ve pledged myself. | พี่ได้เขียนจดหมายไปหาพันเอกฟอสเตอร์ เพื่อขอร้องให้เขาลบล้างชื่อเสียๆ ของวิคแฮมในไบรตัน ซึ่งพี่ได้รับประกันด้วยตนเอง Episode #1.6 (1995) | The fault is mine, and so must the remedy be. | ความผิดเป็นของผมเอง ดังนั้นจะต้องแก้ไขมันด้วยตนเอง Episode #1.6 (1995) | Then they forget all about it after. Right? | ทำไมคนเราชอบทำร้ายตนเอง I Heart Huckabees (2004) | It's about building up and rocking the foundation of that which will give you your own individual voice. | มันเกี่ยวกับการสร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง Raise Your Voice (2004) | Did you forget that Pope sanctified this himself? | นายลืมไปแล้วเหรอ ว่าวันนี้พระสังฆราชจะมาประกอบพิธีด้วยตนเอง ? Love So Divine (2004) | I pledge myself to my lord. | ข้าปฎิญานตนเองต่อท่านหัวหน้า Nin x Nin: Ninja Hattori-kun, the Movie (2004) | I hate it, I want to do something. | บางทีเขาดูเป็นทนายหัวโบราณ คงคิดว่าตนเองเป็น จอห์นนี่ โคชราน Lost Son (2004) | Thank you. | มากิโน-ซัง ไม่มีแม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของตนเอง The Worst First Kiss! (2005) | The guards will try to keep it away from Megget, so they'll pooch kick. | ผู้คุมจะให้ลูกอยู่ห่างเม็คเก็ต เพื่อตนเองจะได้พูชคิก The Longest Yard (2005) |
| | have one's feet on the ground | ยืนบนลำแข้งของตนเอง เช่น Don't worry about him. He has his feet on the ground. | off the shelf | (adj) มีจำหน่ายทั่วไป ไม่ต้องพัฒนาประดิษฐ์ใหม่ด้วยตนเอง | MLM | (n, abbrev) ย่อมาจาก Multi-level marketing เป็นวิธีการตลาดและการขายแบบใช้เครือข่ายของบุคคล ในธุรกิจขายตรง (Direct selling) โดยสมาชิกของเครือข่าย นอกเหนือจากจะได้ส่วนแบ่งโดยตรงจากยอดที่ตนเองขายได้แล้ว ยังได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมจากยอดของผู้ขายอื่นที่ตนเป็นคนแนะนำให้เข้ามาในระบบด้วย, See also: Network Marketing | Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) | (n, name) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ พยาธิสภาพของโรคเอแอลเอสอยู่ที่บริเวณแกนสมอง และไขสันหลัง ทำให้ผู้ป่วยมีกล้ามเนื้อแขนขา และลำตัวอ่อนแรง กลืนลำบาก และพูดไม่ชัด คำว่า “Amyotrophic” หมายถึง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ฝ่อลีบและเต้นพลิ้ว (fasciculation) ส่วนคำว่า “Lateral sclerosis” หมายถึงรอยโรคในทางเดินของกระแสประสาทซึ่งควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อในไขสันหลัง โรคเอแอลเอสพบน้อยมาก โดยพบได้เพียง 4 ถึง 6 ต่อประชากร 100, 000 คน และโอกาสที่จะพบผู้ป่วยรายใหม่มีเพียง 1.5 ถึง 2.5 ต่อประชากร 100, 000 คนต่อปี โรคนี้เป็นกับผู้ใหญ่วัยใดก็ได้ แต่จะพบบ่อยขึ้นตามอายุ อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 65 ปี โดยมักเป็นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าโรคเอแอลเอสเกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้ป่วยราวร้อยละ 5 (โดยเฉพาะผู้ป่วยอายุน้อย) อาจมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว สิ่งแวดล้อมหรือสารพิษบางชนิด อาจมีผลกับการเกิดโรคนี้ เนื่องจากพบว่าในบางพื้นที่ของโลก เช่นที่เกาะกวม พบโรคนี้มากกว่าที่อื่น นอกจากนั้นการศึกษาทางระบาดวิทยายังพบว่า นักกีฬาบางประเภท โดยเฉพาะนักฟุตบอลอาชีพมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าประชากรทั่วไป ปัจจุบันเชื่อว่าสาเหตุของโรคนี้อาจเกิดจาก กลไกภูมิคุ้มกันต่อตนเองผิดปกติ (Autoimmune attack) หรือเกิดจากกลไกอนุมูลอิสระ (Free radicals) ทำลายเซลล์ประสาทของตนเอง ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า การเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทในสมองและไขสันหลังเกิดจากสารสื่อนำกระแสประสาท (neurotransmitter) ที่เรียกว่ากลูตาเมต (glutamate) กระตุ้นให้เกิดการทำลายเซลล์ (ข้อมูลจาก ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ สาขาวิชาอายุรศาสตร์ปัจฉิมวัย : http://www.thonburihospital.com/th/tip_detail.asp?id=22 , http://www.inf.ku.ac.th/article/diag/520506/alsmnd.html) | gaslight | (vt) จัดฉากให้คนหนึ่งๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เขาเข้าใจนั้นผิด, ปั่นหัวให้มีความเชื่อที่ผิดๆ จนทำให้เขาตั้งคำถามกับเกี่ยวกับสุขภาพจิตของตนเอง | condescend (to somebody) | (vi) ปฏิบัติตนกับผู้อื่นในลักษณะที่คิดว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่า เช่น When giving a talk, be careful not to condescend to your audience. เวลาที่พูด ระวังอย่าพูดในลักษณะที่คิดว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าผู้ฟัง | condescend (to do something) | (vt) ยอมทำ ในลักษณะที่ผู้ทำคิดว่าตนเองอยู่ในระดับทางสังคมหรือตำแหน่งหน้าที่ที่สูงกว่า แต่ยอมลดตัวลงมาทำสิ่งที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า เช่น I had to wait almost two hours before he condescended to see us. ฉันต้องรอเกือบสองชั่วโมง กว่าเขาจะยอมออกมาพบฉัน, Syn. deign | condescension | (n) การกระทำที่แสดงให้เห็นว่าผู้กระทำเชื่อว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าผู้อื่น เช่น He gave us very friendly advice without a trace of condescension. เขาให้คำแนะนำที่เป็นมิตรมากๆ กับพวกเรา โดยไม่ได้มีท่าทีว่าเขาคิดว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าเราแต่อย่างใด | gaslighting | (n) การจัดฉากให้คนหนึ่งๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เขาเข้าใจนั้นผิด, การปั่นหัวให้มีความเชื่อที่ผิดๆ จนทำให้เขาตั้งคำถามกับเกี่ยวกับสุขภาพจิตของตนเอง | NFT | (abbrev, name) ย่อมาจาก Non-fungible token ใช้เรียก cryptographic token แบบที่แต่ละ token มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทดแทนด้วย token อื่นได้ ซึ่งจะต่างจาก fungible token เช่น Bitcoin ที่แต่ละ Bitcoin มีค่าเท่ากัน สามารถแลกเปลี่ยนกันโดยที่มููลค่ายังคงเท่าเดิม ไม่ได้มีความแตกต่าง ขณะที่ NFT แต่ละ token จะมีความแตกต่างกัน. ตัวอย่างเปรียบเทียบในโลกแห่งความจริง ได้แก่ รถยนต์ใหม่ มีลักษณะ fungible คือ ผลิตมาจากโรงงานเหมือนๆ กัน คันไหนก็เหมือนๆ กัน ขณะที่รถยนต์เก่าใช้แล้ว 10 ปี เป็น non-fungible คือ แต่ละคันจะมีความแตกต่างกัน ทดแทนกันไม่ได้ | condescending | (adj) ประพฤติตนในลักษณะว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าผู้อื่น เช่น His tone of voice was always so condescending. เขามักจะพูดโดยใช้นำเสียงในลักษณะเหมือนว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าผู้อื่น |
| abstinence | (n) การบังคับใจตนเอง, Syn. abstention, temperance, self-control | autobiography | (n) อัตชีวประวัติ, See also: การเขียนชีวประวัติของตนเอง, Syn. personal history, life, self-portrayal | autoerotism | (n) การทำให้เกิดความพึงพอใจทางเพศด้วยตนเอง, See also: การช่วยตัวเอง | autonomous | (adj) ซึ่งปกครองตนเอง, Syn. self governing, self-ruling | autonomous | (adj) ซึ่งอยู่ได้ด้วยตนเอง, See also: ซึ่งพึ่งตนเองได้ | autonomy | (n) การปกครองตนเอง, See also: เอกราช, Syn. self government | baby walker | (n) รถหัดเดินของเด็ก, See also: เครื่องช่วยเดินสำหรับเด็กเล็กหรือคนที่เดินด้วยตนเองไม่ถนัด | borough | (n) เมืองเล็กๆ ที่ปกครองตนเอง, Syn. precinct | bumptious | (adj) ซึ่งคิดว่าตนเองสำคัญมาก | be of unsound mind | (idm) ไม่สามารถตัดสินได้ (ทางกฎหมาย), See also: ไม่มีสามารถควบคุมตนเองได้ | cafeteria | (n) ร้านอาหารบริการตนเอง | calculating | (adj) ที่เก่งในการวางแผนเพื่อให้ตนเองได้เปรียบ, Syn. shrewd, scheming, crafty | catalepsy | (n) การเจ็บป่วยที่ผู้ป่วยไม่สามารถขยับเขยื้อนตนเองได้ | cocky | (adj) หยิ่งยโส, See also: ทะนง, ที่มั่นใจในตนเองมากเกินไป, Syn. arrogant, overconfident | commonwealth | (n) ประเทศหรือรัฐที่ปกครองตนเอง, Syn. republic, federation | content | (vt) ทำให้พอใจ, See also: ทำให้มีความสุขกับสภาพของตนเอง | content | (adj) พอใจในสภาพของตนเอง, Syn. contented | coxcomb | (n) คนขี้เต๊ะ, See also: คนที่มั่นใจในรูปลักษณ์ภายนอกของตนเองมากเกินไป | care for | (phrv) สนใจแต่ตนเอง | do one's duty | (idm) รับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง | do something in person | (idm) ทำด้วยตนเอง, See also: ไปด้วยตนเอง | do with | (phrv) ควบคุมตนเอง, See also: บังคับตนเอง | didactic | (adj) ซึ่งชอบที่จะสั่งสอนคนอื่นมากกว่าให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง, Syn. academic, preachy | dogmatism | (n) การคิดว่าความเห็นของตนเองถูกต้อง, See also: การยึดเอาตนเป็นหลัก | dogmatist | (n) ผู้เชื่อในหลักการของตนเอง, See also: ผู้เชื่อในกฎเกณฑ์ของตนเอง | ego | (n) อัตตา (ทางจิตวิทยา), See also: ตัวของตัวเอง, ตนเอง, Syn. individuality, personality, self | egocentric | (n) ผู้ที่เห็นแก่ตัว, See also: ผู้ที่ถือเอาประโยชน์ของตนเองเป็นใหญ่, Syn. egoist, egotistic | go ahead | (phrv) ทำด้วยตนเอง | go it alone | (idm) ทำด้วยตนเอง, See also: ทำตามลำพัง | help oneself | (phrv) ช่วยเหลือตนเอง, See also: บริการตนเอง, Syn. help to | help to | (phrv) ช่วยเหลือตนเอง, See also: บริการตนเอง, Syn. help oneself | identify oneself | (phrv) พิสูจน์ตนเอง | ingratiate with | (phrv) ประจบประแจง, See also: ทำให้ตนเองเป็นที่ชื่นชอบของ, ทำให้โปรดปราน | get the last laugh | (idm) หัวเราะทีหลังดังกว่า, See also: หัวเราะ / ขำคนที่เคยหัวเราะตนเองมาก่อน | hoist with one's own petard | (idm) โดนกรรมสนอง, See also: เป็นอันตรายจากการกระทำของตนเองที่มุ่งหวังทำลายผู้อื่น | in the flesh | (idm) มาจริงๆ, See also: มาด้วยตนเอง | mind one's own business | (idm) สนใจเรื่องของตนเอง | of one's own accord | (idm) เลือกด้วยตนเอง, See also: เลือกโดยสมัครใจ, Syn. of one's own free will, Ant. of one's own free will | of one's own free will | (idm) เลือกด้วยตนเอง, See also: เลือกโดยสมัครใจ, Syn. of one's own accord, Ant. of one's own accord | on one's own | (idm) ด้วยตนเอง | take the law into one's own hands | (idm) ตัดสินความด้วยตนเอง | under one's own steam | (idm) ด้วยตนเอง (คำไม่เป็นทางการ) | independent | (n) คนที่พึ่งตนเอง, See also: ผู้เป็นอิสระ, ผู้เป็นเอกราช, ผู้ไม่อยู่ใต้บังคับบัญชาของใคร, Ant. dependent | independent | (adj) ซึ่งเป็นอิสระ, See also: ซึ่งปกครองตนเอง, ซึ่งไม่อยู่ในบังคับ, ซึ่งไม่เป็นเมืองขึ้น, ซึ่งเป็นเอกราช, Syn. autonomous, self-governing, free, Ant. dependent | independently | (adv) โดยตนเอง, See also: ด้วยตนเอง, โดยไม่มีผู้ช่วย, Syn. autonomously, Ant. dependently | jerk off | (phrv) สำเร็จความใคร่ด้วยตนเองสำหรับผู้ชาย (คำต้องห้าม), See also: เป็นสุขที่ได้สัมผัสอวัยวะเพศของตนเอง, Syn. play with, pull at, toss off | look after oneself | (idm) เป็นตัวของตัวเอง, See also: เป็นอิสระและสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง | land reform | (n) การปฏิรูปที่ดินของรัฐบาลเพื่อให้เกษตรกรมีที่ดินของตนเอง, See also: การปฏิรูปที่ดิน | landless | (adj) ที่ไม่มีที่ดินของตนเอง | matricidal | (adj) เกี่ยวกับการฆ่าแม่ตนเอง |
| allodial | (อะดล' เดียม) n., (pl. -dia) ที่ดินของตนเอง, Syn. allod | allodium | (อะโล' เดียม) n., (pl. -dia) ที่ดินของตนเอง., Syn. allod | alone | (อะโลน') adj., adv. คนเดียว, ลำพังตนเอง, โดดเดี่ยว, เปล่าเปลี่ยว, เอกเทศ. -aloneness n., Syn. unique, single, solitary, isolated, Ant. befriended, together | autarky | (ออ'ทาร์คี) n. ความสามารถพึ่งพาตัวเองได้ของชาติในทางเศรษฐกิจ, นโยบายในการพึ่งตนเองในทางเศรษฐกิจของชาติ., Syn. autarchy -autarkic al adj. -autarkist n. | autohypnosis | (ออโทฮิพโน'ซิส, -ทิสซึม) การสะกดจิตด้วยตนเอง. authypnotic adj. (self-induced hypnosis) | autonomous | (ออทอน'โนมัส) adj. เป็นอิสระ, เกิดขึ้นเอง, ปกครองตนเอง, Syn. independent, free, self-reliant, Ant. dependent | autonomy | (ออทอน'โนมี) n. ความอิสระ, การปกครองตนเอง, เอกราช, สิทธิในการปกครองตัวเอง, ชุมชนที่ปกครองตัวเอง. -autonomist n., Syn. independence | bodily | (บอ'ดิลี) adj., adv. เกี่ยวกับกาย, ด้วยตนเอง, เกี่ยวกับหน่วยทางกายภาพ, ร่าง, กาย, ทั้งหมด, ทั้งกาย, ทั้งมวล | cai | (ซีเอไอ) ย่อมาจาก computer-aided instruction หรือ computer assissted instruction (การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย) หมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ การสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง หรือเรียนได้เป็นรายบุคคล การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่า เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน แต่ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน | cis- | 1. Pref. อยู่ทางด้านใกล้ 2. (สิส) ย่อมาจาก CompuServe Information Services หมายถึง งานบริการข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ตามสาย (on line) การใช้บริการดังกล่าว กำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะสะดวก รวดเร็วกว่าการหาข้อมูลด้วยตนเอง (ว่ากันว่า การที่ใช้เครื่องหมาย $ แทนตัว s ธรรมดา อาจจะเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่า รายการนี้ขอฟรี ๆ กันไม่ได้ จะต้องมีการจ่ายค่าบริการ) ดู CompuServe ประกอบ | client application | โปรแกรมเฉพาะเครื่อง1. ในเรื่องของข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ (LAN) คำนี้หมายถึง โปรแกรมที่เก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์บางเครื่อง โดยปกติ ในระบบเครือข่ายนั้น จะต้องมีคอมพิวเตอร์กลางเครื่องหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นที่เก็บโปรแกรมต่าง ๆ ไว้ให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายสามารถเรียกไปใช้ได้ เรียกว่า เครื่องบริการแฟ้ม (file server) (คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่ายไม่จำเป็นต้องมีโปรแกรมเหล่านั้น) แต่ถ้าเครื่องบริการแฟ้มนั้นเสีย คอมพิวเตอร์อื่น ๆ ในเครือข่ายเดียวกันนั้นก็จะทำงานไม่ได้เลย ฉะนั้น เราจึงมักจะให้คอมพิวเตอร์บางเครื่องในเครือข่ายมีโปรแกรมเก็บไว้ในเครื่องของตนเองด้วย อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่แม้จะอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน จะไม่สามารถเรียกโปรแกรมจากคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ไปใช้ได้ เราเรียกโปรแกรมที่เก็บอยู่เฉพาะในเครื่องนี้ว่า " client application "2. โปรแกรมบนระบบวินโดว์ที่สามารถโยงถึงที่มาของภาพหรือข้อความที่เป็นต้นแบบได้ หากเมื่อใดมีการแก้ไขในแฟ้มต้นแบบ โปรแกรมก็จะจัดการแก้ไขในแฟ้มใหม่ ให้ด้วย ดู OLE เปรียบเทียบ | client's server network | ข่ายงานแฟ้มบริการหมายถึง ข่ายงานที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละคนสามารถใช้โปรแกรมหรือข้อมูลร่วมกันได้ (server network) แต่ในขณะเดียวกัน คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่าย ก็สามารถทำงานตามลำพังของตนเองโดยอิสระก็ได้ด้วย (client server) | computer aided instructio | การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วยใช้ตัวย่อว่า CAI (อ่านว่า ซีเอไอ) หมายถึง การสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อมผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง หรือเรียนได้เป็นรายบุคคล การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน แต่ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน | computer-aided instructio | ใช้ตัวย่อว่า CAI (อ่านว่า ซีเอไอ) หมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ การสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง หรือเรียนได้เป็นรายบุคคล การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่า เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน แต่ไม่ใช่เป็นครูผู้สอนความหมายเดียวกับ computer assissted instruction | computer-assissted instru | ใช้ตัวย่อว่า CAI (อ่านว่า ซีเอไอ) หมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง หรือเรียนได้เป็นรายบุคคล การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่า เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน แต่ไม่ใช่เป็นครูผู้สอนความหมายเดียวกับ computer aided instruction | cosset | (คอส'ซิท) { cossetted, cossetting, cossets } n. คนโปรด, ลูกแกะที่เลี้ยงด้วยมือตนเอง, สัตว์เลี้ยง. vt. ตามใจ, พะนอ, โอ๋ | data file | แฟ้มข้อมูลหมายถึง ข้อสนเทศหรือข้อมูลทั้งหมดที่เก็บไว้ในสื่อที่มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็กไม่ว่าจะเป็นจานบันทึกธรรมดา หรือจานบันทึกแข็ง (hard disk) ก็ตาม ข้อสนเทศที่นำไปเก็บนั้น จะถูกนำไปเก็บไว้เป็นเรื่อง ๆ ไป อาจจะเป็นข้อมูล หรือภาพ (graphics) ก็ได้ แต่ละเรื่องต่างก็ต้องมีชื่อเป็นของตนเอง ที่ต้องไม่ซ้ำกัน เรียกว่า "แฟ้มข้อมูล" | file | (ไฟลฺ) { filed, filing, files } n. แผงหรือแฟ้มเก็บเอกสาร, ปึกเอกสาร, เอกสารเป็นเรื่อง ๆ หนึ่ง, หมวดเอกสาร, แถวเรียง, ตารางเรียง, ตะไบ, คนเจ้าเล่ห์. -Phr. (on file ซึ่งจัดไว้เป็นเครื่อง ๆ ในแฟ้มเก็บเอกสาร) . vt. จัดเข้าแฟ้ม, เก็บเอกสาร, ยื่นคำร้อง. vi. เดินเป็นแถวตรง, ยื่น หมายถึง ข้อสนเทศหรือข้อมูลทั้งหมดที่เก็บไว้ในสื่อที่มีคุณสมบัติเป็น แม่เหล็กไม่ว่าจะเป็นจานบันทึกธรรมดา หรือจานแข็ง (hard disk) ก็ตาม ข้อสนเทศที่นำไปเก็บนั้น จะถูกนำไปเก็บไว้เป็นเรื่อง ๆ ไป อาจจะเป็นโปรแกรม ข้อมูล หรือภาพ (graphics) ก็ได้ แต่ละเรื่องต่างก็ต้องมีชื่อเป็น ของตนเอง ที่ต้องไม่ซ้ำกัน เรียกว่า "แฟ้มข้อมูล" | heuristic | (ฮิวริส'ทิค) adj., n. (วิธีการ) ซึ่งกระตุ้นความสนใจ, ซึ่งกระตุ้นให้ค้นคว้าด้วยตนเอง. | initiative | (อินิช'ชิเอทิฟว) n., adj. (เกี่ยวกับ) การริเริ่ม, การนำเข้า, การตัดสินใจของตนเอง. | landless | (แลนดฺ'ลิส) adj. ไม่มีที่ดินของตนเอง | municipal | (มิวนิส'ซะเพิล) adj. เกี่ยวกับเทศบาล, เกี่ยวกับการปกครองเมืองด้วยตนเอง | municipality | (มิวนิส'ซะแพล'ลิที) n. เทศบาล (นคร, เมือง, ท้องถิ่น) , การปกครองด้วยตนเอง, นครภิบาล, Syn. city, town | natural language processi | การประมวลผลภาษาธรรมชาติหมายถึง การที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำการประมวลผลได้โดยใช้โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาธรรมชาติ พูดง่าย ๆ ก็คือ สามารถใช้ภาษาธรรมดา ๆ สั่งการให้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามได้ ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์จะใช้ภาษาเฉพาะที่มีกฎเกณฑ์ ไวยากรณ์ และศัพท์ของตนเอง ที่เรียกว่า ภาษาเชิงมนุษย์ (human oriented language) เช่น ภาษา C ภาษา BASIC ภาษา COBOL ฯ ส่วนภาษาธรรมชาตินั้น หมายถึง ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย แม้ว่าในปัจจุบัน จะมีการ พัฒนาด้านนี้กันไปไกลมาแล้ว แต่ก็สรุปได้ว่า ยังใช้การไม่ได้ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้อาจเป็นเพราะภาษานั้นมีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก ยากที่จะแปลหรือตีความให้ตาย ตัวได้ | oneself | (วันเซลฟฺ') pron. ตัวเอง, ตนเอง - -Phr. (by oneself ตนเอง, ไม่มีคนอื่นด้วย ด้วยตัวเอง) -Phr. (come to oneself, come to รู้ตัว), Syn. one's self | primitive | (พริม'มิทิฟว) adj. แรกเริ่ม, เบื้องต้น, สมัยแรก, ดั้งเดิม, บรรพกาล, ดึกดำบรรพ์, ยังป่าเถื่อน, ง่าย ๆ , หยาบ, พื้นฐาน. n. คนสมัยดึกดำบรรพ์, นักศิลปะที่เรียนด้วยตนเอง, ผลงานของนักศิลปะที่เรียนรู้ด้วยตนเอง, See also: primitiveness n. primitivity n. คำที่มี | realisation | (รีอะไลเซ'เชิน) n. การทำให้เป็นจริง, การเข้าใจอย่างแท้จริง, การสำนึก, การเปลี่ยนให้เป็นเงินสดหรือเงิน, ได้รับกำไรหรือรายได้สำหรับตนเอง, การขายได้เงิน, ความสมปรารถนา, Syn. understanding | realization | (รีอะไลเซ'เชิน) n. การทำให้เป็นจริง, การเข้าใจอย่างแท้จริง, การสำนึก, การเปลี่ยนให้เป็นเงินสดหรือเงิน, ได้รับกำไรหรือรายได้สำหรับตนเอง, การขายได้เงิน, ความสมปรารถนา, Syn. understanding | saa | เอสเอเอ <คำอ่าน>ย่อมาจาก system application architecture เป็นมาตรฐานในการสร้างคอมพิวเตอร์ ที่บริษัท ไอบีเอ็มเป็นผู้กำหนดไว้ หลายบริษัทเริ่มต้นด้วยการยึดแนวทางนี้ และก็ได้พัฒนาตนเองจนก้าวออกไปได้ไกลกว่ามาตรฐานเดิมมาก | saying | (เซ'อิง) n. คำพูด, คำกล่าว, คำบอก, คำเล่าลือ, คติพจน์, สุภาษิต -Phr. (go without saying เชื่อมั่นในตนเองที่สุด), Syn. maxim | self | (เซลฟฺ) n. ตัวเอง, ตนเอง, ธาตุแท้, อาตมา, อัตตะ, เอกลักษณ์ของบุคคล, ผลประโยชน์ส่วนตัว, สภาพปกติ, สันดาน. adj.เหมือนกัน -pron. ตัวฉันเอง, ตัวเขาเอง, Syn. ego, psyche, identity | self-control | (เซลฟฺคันโทรล') n. การบังคับตนเอง, การควบคุมตนเอง, การควบคุมอารมณ์, การควบคุมจิตใจ., See also: self-controlled adj. self-controlling adj., Syn. self-command, self-discipline, self-restraint | self-determination | n. การตัดสินใจ, การตกลงใจด้วย ตนเอง, ลัทธิของประชาชนในการตัดสินใจเองว่าจะให้มีการปกครอง ในรูปใด., See also: self-determined adj. self-determining adj. | self-discipline | n. การควบคุมตัวเอง, การบังคับใจตนเอง, การควบคุมอารมณ์ตัวเอง, การรักษาระเบียบวินัยของตัวเอง. -self-disciplined adj. | self-reliance | (เซลฟรีไล'เอินซฺ) n. ความเชื่อมั่นในตัวเอง, การไว้วางใจตนเอง., See also: self-reliant adj., Syn. independence | ventriloquist | (เวนทริล'ละควิสทฺ) n. ผู้เชี่ยวชาญในการดัดเสียง, นักแปลงเสียงของตนเอง, See also: ventriloquistic adj. -ventriloquism n. | yourself | (ยัวร์เซลฟฺ') n. คุณเอง, ท่านเอง, ตนเอง, ตัวเอง pl. yourselves |
| aplomb | (n) ความมั่นใจในตนเอง, ความไม่ประหม่า | automatically | (adv) ด้วยตนเอง, อย่างอัตโนมัติ | autonomous | (adj) อิสระ, เกิดขึ้นเอง, ซึ่งปกครองตนเอง | autonomy | (n) อิสรภาพ, เอกราช, การปกครองตนเอง | cafeteria | (n) ร้านขายอาหาร, โรงอาหารบริการตนเอง | continence | (n) การรู้จักละเว้น, การบังคับใจตนเอง, ความไม่มักมาก | diffidence | (n) ความไม่เชื่อมั่นในตนเอง, ความขวยเขิน, ความประหม่า, ความขี้อาย | diffident | (adj) ไม่เชื่อมั่นในตนเอง, ขวยเขิน, ประหม่า, ขี้อาย | dogmatism | (n) ลัทธิถือหลักตนเอง, ความหยิ่งยโส, ความดื้อรั้น | egoism | (n) ความเห็นแก่ตัว, ลัทธิอัตตานิยม, คตินิยมตนเอง | HOME home rule | (n) การปกครองตนเอง | masturbation | (n) การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง | oneself | (pro) ตัวของตัวเอง, ตนเอง | own | (adj) ของตนเอง, ด้วยตัวเอง, เป็นเจ้าของ | self | (n) ตนเอง, ตัวเอง, อัตตา, อาตมา, ธาตุแท้, สันดาน, ประโยชน์ | self | (pro) ตัวเอง, ตนเอง | SELF-self-assertion | (n) ความดื้อดึง, การทำตามใจตนเอง, ความอวดดี | SELF-self-complacent | (adj) อิ่มเอมใจ, พอใจในตนเอง | SELF-self-government | (n) การควบคุมตัวเอง, การปกครองตนเอง | SELF-self-restraint | (n) ความข่มใจตนเอง, ความอดกลั้น, ความระงับใจตนเอง | SELF-self-satisfaction | (n) ความอิ่มเอมใจ, ความพอใจในตนเอง | SELF-self-service | (n) การช่วยตนเอง, การบริการตนเอง | spontaneous | (adj) โดยตนเอง, เป็นปกติวิสัย, โดยธรรมชาติ, คล่อง | wilful | (adj) เอาแต่ใจตนเอง, ดื้อรั้น, จงใจ, โดยเจตนา | wilfulness | (n) ความจงใจ, ความเอาแต่ใจตนเอง, ความดื้อรั้น |
| bingo! | 1 เสียงตะโกนบอกว่าตนเองเป็นผู้ชนะในเกมบิงโก 2 เสียงตะโกนแสดงความพอใจหรือดีใจในทันทีที่ประสบความสำเร็จ | buffet | [บุเฟต์ (อังกฤษ) , เบอเฟต์ (อเมริกัน)] (n) บุฟเฟต์ (อาหารในงานเลี้ยงที่หรือโอกาสอื่นที่ผู้รับประทานบริการตนเอง), ร้านอาหารอย่างง่าย (ที่สถานที่รถไฟ, ชุมทางรถประจำทาง, หรือสนามบินที่สามารถซื้ออาหารและทานได้โดยใช้เวลสั้น ๆ) | community enterprise | กิจการของชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินค้า การให้บริการ หรือการอื่น ๆ ที่ดำเนินการโดยคณะบุคคลที่มีความผูกพัน มีวิถีชีวิตร่วมกันและรวมตัวกันประกอบกิจการดังกล่าว เพื่อสร้างรายได้และเพื่อการพึ่งพาตนเองของครอบครัว ชุมชน และระหว่างชุมชน | constructionism | [คันสทรัค'เชินนิซึม] (n) ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอ "ความรู้ไม่ ใช่มาจากการสอนของครูหรือผู้สอนเพียงอย่างเดียว แต่ความรู้จะเกิดขึ้นและสร้างขึ้นโดยผู้เรียนเอง การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีก็ต่อเมื่อผู้เรียนได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง (Learning by doing) นอกจากนั้นมองลึกลงไปถึงการพัฒนาการของผู้เรียนในการเรียนรู้ซึ่งจะมี มากกว่าการได้ลงมือปฏิบัติสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น " | coprophagy | สัตว์ที่กินอุจจาระของตนเองเพื่อดูดกลับคืนสารอาหาร | Escapism | [อิส เคฟ'ฟิสซึม] (n) การหลบเลี่ยงความเป็นจริงของตนเอง โดยการปล่ายอารมณ์ไปตามสิ่งบันเทิงหรือจินตนาการ | fap | (slang, vulgar) เป็นคำแสลง แปลว่า การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง (ของผู้ชาย) มีต้นกำเนิดจากเสียงที่เกิดขึ้นเวลากระทำ | freelancer | [ฟรีแลนซ์ - เซอะ] (n) บุคคค ที่เสนอตนเองเพื่อรับทำงาน ตามคำสั่ง ของผู้ว่าจ้าง รับจ้าง ทำงาน อิสระ รับไปทำด้วยตัวคนเดียว หรืองานบางประเภท ที่นายจ้าง ต้องการ | grean | [เกรียน] (n, adv) เป็นนิสัยหนึ่งของบุคคลยังไม่พ้นจากทางโลก ไม่รับฟังความเห็นผู้อื่น ตั้งตนเองเป็นหลัก มีความคิดอยู่ในฝันของตนเอง มีผู้อื่นยกย่องเห็นในตวามสามารถในด้านถนัดของตนเองแล้วมีความสุข | home remedy | รักษาโรคด้วยตนเอง | Inclusive Education | (n) การศึกษาแบบเรียนร่วม การจัดการศึกษาให้กับกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ เช่น คนพิการ คนด้อยโอกาส คนไร้สัญชาติ คนอพยพ โดยคำนึงถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ในโรงเรียน หรือระบบการศึกษาแบบปกติ มีจุดมุงหมายเพื่อสร้างความเข้าใจ และการยอมรับความแตกต่าง ความสามารถระหว่างบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนค้นพบศักยภาพของตนเอง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุข | intrapersonal | ภายในตนเอง, ภายในบุคคล, กระบวนการภายในบุคคล | intrapersonal | ภายในตนเอง, ภายในบุคคล, กระบวนการภายในบุคคล | LANNA | (n) ล้านนา คือดินแดนที่มีจำนวนที่นานับล้าน เป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ได้แก่จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ พะเยา น่าน ลำพูน และ ลำปาง โดยมีเมืองเชียงใหม่ เป็นราชธานี มีภาษาที่เรียกว่า คำเมือง หรือภาษาเหนือ ตัวหนังสือ ตัวเมือง วัฒนธรรม และ ประเพณี เป็นของตนเอง ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง เป็นระบอบมณฑลเทศาภิบาล ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมี พระเจ้าอินทวิชยานนท์, พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 เป็นพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ในฐานะราชอาณาจักรพระองค์สุดท้าย และ เจ้าแก้วนวรัฐ, เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 9 เป็นเจ้าผู้ปกครองนครองค์สุดท้าย ปัจจุบันเจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสาย "ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน)" อยู่ในราชตระกูล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง และ ณ น่าน | lean | (n, jargon) ศัพท์ธุรกิจ หมายถึง การปรับลดหรือตัดกระบวนการที่ไม่จำเป็นหรือสิ้นเปลืองออก เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขัน หรือสร้างความสามารถทางธุรกิจ เป็นแนวคิดของโตโยต้าที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตของตนเองที่เรียกว่า TPS: Toyota Production System, See also: A. -, Syn. - | namedrop | (vi) การอ้างถึงชื่อผู้อื่นในทำนองว่ารู้จักกับผู้นั้น เพื่อสร้างมูลค่าให้ตนเอง, โดยทั่วไปมีความหมายในเชิงลบ. ตัวอย่าง เช่น I know Lisa of Blackpink and she often comes to my house for dinner. ฉันรู้จักลิซ่าแห่งวง Blackpink นะ เขามาทานอาหารเย็นที่บ้านฉันบ่อยๆ | Pemphigus | โรคภูมิต้านตนเองที่ทําเครื่องหมายโดยแผลพุพองบนผิวหนังและเยื่อเมือกและบ่อยครั้งโดยอาการคันหรือการเผาไหม้ | self esteem | (n) ความภาคภูมิใจในตนเอง | self-directed learning | [เซลฟฺ ไดเรคทิด เลิร์น'นิง] (n) การเรียนรู้ด้วยตนเอง | self-restrained | (adj) ผู้ห้ามใจตนเอง | weng | [เหวง] (n, modal, verb) พูดไม่รู้เรื่อง, มึนงง, พูดนอกเรื่อง บอกเป็นนัย ๆ ว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก มักจะถูกนำมาใช้เมื่อกำลังไม่ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ (เริ่มใช้ครั้งแรกบนโต๊ะเจรจา), Syn. confuse | weng | [เหวง] (vt) พูดไม่รู้เรื่อง, มึนงง, พูดนอกเรื่อง บอกเป็นนัย ๆ ว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก มักจะถูกนำมาใช้เมื่อกำลังไม่ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ (เริ่มใช้ครั้งแรกบนโต๊ะเจรจา), See also: wenger, Syn. confuse | กุศล | (n, adj) กุศล ควรจะหมายถึง การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น ปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น มากกว่าทำความดีเฉย ๆ การกระทำใด ๆ หากทำแล้วมีผลต่อสภาวะจิตใจของตนเปลี่ยนไปในทางที่สูงขึ้น จึงเรียกว่ากุศล หากการกระทำดีนั้น ๆ ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองเลย ไม่เรียกว่ากุศล แต่เรียกว่า กรรมดี โดยทั่วไป มักจะใช้คู่กันกับคำว่า บุญกุศล แต่คำว่า บุญ กับ กุศล ความหมายต่างกัน (เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วจะให้ความหมายเหมือนกันได้อย่างไร) ตัวอย่าง 1. นาย กอ เป็นคนรวย ชอบที่จะให้ทาน เพราะเขาหวังว่า การให้ทานของเขาจะส่งผลทำให้เขารวย ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และอาจจะได้ไปสวรรค์ หลังจากที่เขาตายไป - อันนี้นาย กอ ทำกรรมดี หรือทำบุญ แต่ไม่ได้เกิดกุศลในจิต หรือเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะเขาทำทานก็จริง แต่ไม่มีผลทำให้จิตใจของเขาวางลงจากความโลภ หรืออยากเลย 2. นาย ขอ เป็นคนชั้นกลาง เขาเห็นเด็กกำพร้ามากมายเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น จึงประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะให้ตัวเองมีเงินเหลือมากขึ้น เพื่อที่จะแบ่งไปบริจาคเด็กเหล่านั้น เพื่อที่เด็กเหล่านั้นจะได้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป - อันนี้ นาย ขอ ทำทั้งกุศล และบุญ เพราะมีผลที่ทำให้เขาต้องประหยัด อดออมมากขึ้น และการประหยัดอดออมนี้เอง จะทำได้ก็คือต้องปล่อยวางความอยากของตนเอง และทำเพราะในใจเกิดจิตเมตตากรุณา | ตกเบ็ด | การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองของฝ่ายหญิง | แอ๊บแบ๊ว | [ab-baw (แอ๊บ - แบ๊ว)] (vt) a person who pretending himself real aging. ผู้ที่ซ่อนการกระทำตามอายุของตนเอง, Syn. แบ๊ว |
| 娘 | [むすめ, musume] (n) ลูกสาว (แบบถ่อมตัว ใช้เรียกลูกตนเอง ถ้าลูกคนอื่นเรียก 娘さん[ musumesan ]), Ant. 息子 | 弊社 | [へいしゃ, heisha] (n) บริษัทของผู้พูด เป็นคำสุภาพแบบถ่อมตัว เมื่อพูดถึงบริษัทของตนเอง มักใช้เป็นภาษาเขียนในจดหมาย, Ant. 御社 | 息子 | [むすこ, musuko] (n) ลูกชาย (แบบถ่อมตัว ใช้เรียกลูกตนเอง ถ้าลูกคนอื่นเรียก 息子さん) | 自信 | [じしん, jishin] (n) ความมั่นใจในตนเอง | 自衛隊 | [じえいたい, jieitai] (n) กองกำลังป้องกันตนเอง (เทียบได้กับกองทัพของญี่ปุ่นในปัจจุบัน แต่ญี่ปุ่นจะไม่นับว่าเป็นทหาร) |
| 棚に上げる | [たなにあげる, tananiageru] (vi) ลืมข้อบกพร่องของตนเอง | 自己 | [じこ, jiko] ตนเอง | 同期データリンク制御 | [どうきデータリンクせいぎょ, douki de^tarinku seigyo] (n) stand for Self-Directed Learning การเรียนรู้ด้วยตนเอง | 自力 | [じりき, jiriki] (adj) ทำด้วยตนเอง, สำเร็จด้วยตัวเอง | 地方自治法 | [じりき, chihoujichi hou] พระราชญัติว่าด้วยการปกครองตนเองของท้องถิ่น(พระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่น ประเภทต่างๆ เช่น จังหวัด เทศบาล และบทบาทหน้าที่ขององค์กรปกครองท้องถิ่นเหล่านั้นเป็นต้น) | 主張 | [しゅちょう, shuchou] การยืนกราน การยืนยันความคิดของตนเอง | 小官 | [しょうかん, shoukan] (n) กระผม, ข้าน้อย เป็นคำแทนตนเมื่อพูดกับเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาของตนเอง | 自分自身 | [じぶんじしん, jibunjishin] (exp) ตัวของตนเอง | 自己陶酔 | [じことうすい, jikotousui] (n, adj) มอมเมาตนเอง |
| 申す | [もうす, mousu] TH: ชื่อ(เป็นคำถ่อมตนใช้ในการแนะนำชื่อตนเอง) EN: to be called (hum) | 自社 | [じしゃ, jisha] TH: บริษัทของตนเอง | 自分 | [じぶん, jibun] TH: ตนเอง EN: oneself | 自主 | [じしゅ, jishu] TH: ด้วยตนเอง EN: autonomy | 修まる | [おさまる, osamaru] TH: ควบคุมตนเอง EN: to govern oneself | 修まる | [おさまる, osamaru] TH: ดูแลตนเองเป็นอย่างดี EN: to conduct oneself well |
| eigen | (adj) ของตนเอง เช่น sein eigenes Haus บ้านของเขาเอง (ที่มีเขาเป็นเจ้าของ ไม่ได้เช่า) | indem | (konj) |กริยาอยู่ท้ายอนุประโยค| โดย, ด้วย เช่น Man lernt, indem man etwas ausprobiert. คนเราเรียนรู้ด้วยการลองด้วยตนเอง | selbst | ด้วยตนเอง, ตนเอง | ins kalte Wasser werfen | (phrase) ต้องต่อสู้ทำิอะไีีรด้วยตนเอง ไม่มีใครช่วย | Wohnung | (n) |die, pl. Wohnungen| ที่พักอาศัยที่อาจประกอบด้วยหนึ่งถึงหลายห้อง ภายในบ้านหรือตึกหนึ่งหลังอาจมีหลาย Wohnung เช่น Einzimmerwohnung ห้องชุดที่มี 1 ห้องใหญ่และห้องน้ำ, Zweizimmerwohnung ห้องชุดที่มี 2 ห้องใหญ่บวกห้องครัวและห้องน้ำ, Eigentumswohnung ห้องชุดที่ตนเองเป็นเจ้าของ, 1.5-Zimmerwohnung ห้องชุดที่มี 1 ห้องใหญ่ บวกห้องครัวและห้องน้ำ | sich(D) etw. verletzen | ตนเองบาดเจ็บที่ใดที่หนึ่ง เช่น Ich hab mir den Kopf verletzt. ศรีษะของฉันบาดเจ็บ | sich entwickeln | (vt) พัฒนา(ตนเอง) เช่น Die Informationstechnologie hat sich sehr schnell entwickelt. เทคโนโลยีด้านข่าวสารข้อมูลพัฒนาเร็วมาก | sich ermutigen | (vt) |ermutigte sich, hat sich ermutigt| ให้กำลังใจตนเอง | Selbstvertrauen | (n) |das, nur Sg.| ความมั่นใจในตนเอง เช่น Sie werden Deutsch bald mit Selbstvertrauen sprechen. คุณจะพูดภาษาเยอรมันด้วยความมั่นใจในเร็วๆ นี้ |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |