บุก ๒ | ก. ฝ่าเข้าไปในบริเวณที่มีขอบเขตกั้นไว้หรือมีสิ่งกีดขวางเป็นต้น เช่น บุกป่า บุกเข้าไปในค่ายทหาร, โดยปริยายหมายถึง ไปถึงด้วยความลำบาก เช่น อุตส่าห์บุกมาถึงบ้าน. | เวสสันดร | น. พระนามพระโพธิสัตว์ชาติที่ ๑๐ ในทศชาติ, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีใจกว้างขวางชอบให้ของแก่ผู้อื่นอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เช่น ใจกว้างเหมือนพระเวสสันดร มีอะไรให้เขาหมด. | แว่นแคว้น | น. แผ่นดินซึ่งมีขอบเขตเป็นปริมณฑล เช่น แว่นแคว้นตะนาวศรี ฝ่ายเขาเล่าก็สามพารา เป็นใหญ่ในชวาแว่นแคว้น (อิเหนา). |
|
| | system | ระบบ, ที่รวมของส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำงานร่วมกัน มีจุดประสงค์ร่วมกัน และมีขอบเขตโดยแน่ชัด เช่น คอมพิวเตอร์เป็นระบบ เพราะประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาตามที่ผู้ใช้กำหนด ร่างกายมนุษย์เป็นระบบเพราะประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ ระบบทั้งหลายต้องรับอินพุดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเข้าไปในระบบ ต่อจากนั้นจึงนำอินพุดเหล่านั้นมาดำเนินการให้เกิดเป็นเอาท์พุต หรือปรับอินพุดหรือการดำเนินการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การนำเอาท์พุดมาพิจารณาแล้วปรับ ดังนี้เรียกว่า การป้อนกลับ (feedback) [คอมพิวเตอร์] | Conference on Disamament | การประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นเวทีเจรจาการลดอาวุธระหว่างประเทศ มีขอบเขตความรับผิดชอบเกี่ยวกับประเด็นด้านการลดอาวุธทุกด้าน และมีหน้าที่ รายงานต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติทุกปี ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ประเทศ(ไทยมิได้เป็นสมาชิก) โดยที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ด้านการลดอาวุธหลายฉบับ ที่สำคัญได้แก่ สนธิสัญญาไม่แพร่อาวุธนิวเคลียร์ อนุสัญญาห้ามเคมี อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ และสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Attitude, Over-Indulgence | ทัศนคติแบบตามใจมากจนไม่มีขอบเขต [การแพทย์] | Circumscribed and Encapsulate | เป็นก้อนชัดเจนมีขอบเขต [การแพทย์] | phase | วัฏภาค, เฟส, ส่วนที่เป็นเนื้อเดียวกันในระบบหนึ่ง และมีขอบเขตแน่นอนแยกจากส่วนอื่น ๆ ของระบบนั้น เช่น ในภาชนะปิดที่บรรจุน้ำแข็ง น้ำ และไอน้ำ ระบบนี้จะมี 3 วัฏภาค คือ วัฏภาคของแข็ง ได้แก่ น้ำแข็ง วัฏภาคของเหลว ได้แก่ น้ำ และวัฏภาคของแก๊ส ได้แก่ ไอน้ำ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | Margin, Poorly Defined | ไม่มีขอบเขต [การแพทย์] | Margin, Ragged Undermined | มีขอบเขตไม่แน่นอน [การแพทย์] |
| But your progress was limitless! | แต่ฝีมือแกเจริญไปอย่างไม่มีขอบเขต Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) | Now, Ms. Kensington... did diversity jurisdiction exist in this case? | เอาล่ะ มิสเคนซิงตัน มีขอบเขตอำนวจตัดสินหลากหลายในคดีนี้หรือไม่ Legally Blonde (2001) | To obey-just like that-for the sake of obeying, without questioning... that's something only people like you can do, Captain. | การเชื่อฟังต้องมีขอบเขต บางเรื่องผมก็เชื่อไม่ได้ มีบางอย่างที่คนอย่างคุณสมควรจะทำนะ, ผู้กอง Pan's Labyrinth (2006) | Boundaries. | มีขอบเขตนิดนึง Purple Giraffe (2005) | Heaven nor hell, no countries with borders... | ไม่ว่าสวรรค์หรือนรก ไม่มีที่ไหนที่มีขอบเขต... Episode #1.1 (2006) | Or what my limits are. | หรือมีขอบเขตแค่ไหน Chapter Two 'Lizards' (2007) | There's a limit to avoiding somebody. It's total disrespect now. | ถึงไม่ชอบก็น่าจะมีขอบเขตบ้าง นี่มันไม่ให้เกียรติกันเลยนะ The 1st Shop of Coffee Prince (2007) | This place is off limits. | ที่นี่มีขอบเขต Attack on the Pin-Up Boys (2007) | "it's that the sky is the limit. | "มันคือท้องฟ้าที่มีขอบเขต Charlie Bartlett (2007) | Mark is a married man, there are boundaries. | มาร์คเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว มันต้องมีขอบเขต Juno (2007) | - I'm just sayin' there's a line I can't cross. | แค่จะบอกว่าฉันมีขอบเขต Cassandra's Dream (2007) | Hey, that credit you get for being a cop, it has a limit. | นี่ การที่คุณเป็นตำรวจมันก็มีขอบเขตนะ All in the Family (2008) | The trauma caused by the explosion is completely localized. | แผลที่เกิดจากระเบิดมันมีขอบเขตชัดเจน Bombshell (2008) | - So Some Boundaries Wouldn't Hurt. - Betty? Betty, Betty, Betty. | ดังนั้นมีขอบเขตบ้าง จะได้ไม่มีใครเจ็บตัว เบ็ตตี้ เบ็ตตี้ เบ็ตตี้ The Manhattan Project (2008) | Our ecosystem doesn't have borders. | ระบบนิเวศของเราไม่มีขอบเขต Home (2009) | There's a limit to the jokes you make. | นายควรจะเล่นตลกให้มีขอบเขตบ้างนะ Episode #1.2 (2009) | There's boundaries there where it's just a little bit artificial, whereas what you have with Chris is really- it's a real relationship. | มันคือความสัมพันธ์ที่ต้องแตกต่างกัน มันมีขอบเขตตรงนั้น ซึ่งค่อนข้างต้องเสแสร้งนิด ๆ The Girlfriend Experience (2009) | Amazing. Your holiday paranoia truly knows no bounds. | น่าทึ่งมาก ความฟุ้งซ่านเรื่องวันหยุดของคุณ\ไม่มีขอบเขตเลยจริงๆ The Treasure of Serena Madre (2009) | The borders have different width. They've been altered. | ทุกอย่างมีขอบเขตที่แตกต่างกัน พวกเค้าเพิ่งได้รับการเปลี่ยนแปลง The Blind Side (2009) | Get you a list, contact numbers, so forth. Can I ask you a question? | อะไรที่เธอได้ทำ, มีขอบเขตจำกัด ลูกสาวของคุณเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ฝึก Edge of Darkness (2010) | My English friend, Mr. Davenport here... about 6 feet tall, 220 pounds... is enjoying his cigar. | ถ้าผมกำลังตามหาชาย ผู้เป็นคนยิงลูกสาวของคุณ... ...และผมได้จินตนาการอย่างมีขอบเขต แล้วผมไม่... ...ผมต้องมองไปที่ พวกชั้นต่ำที่คุณไปพบมาวันนี้ Edge of Darkness (2010) | Understand I am bound by the attorney-client privilege to keep everything you tell me a secret. | เข้าใจดีว่าฉันมีขอบเขต เอกสิทธิระหว่างลูกค้ากับทนายความ ในการรักษาความลับทุกอย่างที่คุณบอก I.F.T. (2010) | Anyway, just reminding you to keep any April fool's prank | อย่างไรก็ดี ในวัน April Fool ผมขอย้ำให้นักศึกษาแกล้งกันอย่างมีขอบเขต The Science of Illusion (2010) | How many jurisdictional boundaries have you transgressed over the years? | มีขอบเขตอำนาจทางกฎหมาย สักเท่าไรแล้วล่ะ ที่คุณละเมิดเข้าไป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา? The Bones That Weren't (2010) | In a field with no boundaries surrounded by nothing | อยู่ในทุ่งหญ้าที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีอะไรล้อมรอบ Love in Disguise (2010) | Well, darfur, actually, with doctors without borders. | แพทย์อาสา ต่างหาก เป็นหมอที่ไม่มีขอบเขต As You Were (2010) | Friendships go beyond borders and race. | ความเป็นเพื่อนน่ะไม่มีขอบเขตหรอก Episode #1.2 (2010) | When you live life, there are bound to be days... when things get all screwed up and messy. | เมื่อชีวิตของเธอ มีขอบเขตไปวันๆ... เมื่อทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด Episode #1.8 (2010) | There is a limit to everything! | ทุกอย่างมีขอบเขตจำกัดนะ! Episode #1.18 (2010) | The energy signature of their weapons is a fairly limited range. | มีขอบเขตของค่าเฉพาะที่ค่อนข้างชัดเจน เราสามารถกำหนดเป้าหมายเฉพาะมันได้ Gauntlet (2011) | It's true there's not much margin for error, but I think it might just work. | มันก็จริง ที่มีขอบเขตความผิดพลาดบ้าง แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะใช้ได้ ใช่, ถ้าเราโชคดีนะ Gauntlet (2011) | I obviously don't care too much about how this house looks but I gotta draw the line somewhere. | ผมไม่สนว่าบ้านนี้เป็นยังไง แต่ผมก็มีขอบเขต Royal Wedding (2011) | The reason the Timekeepers leave me alone is 'cause I have boundaries. | แกไม่เข้าใจหรอ เหตุผลที่ผู้คุมเวลาไม่ยุ่งกับฉัน เพราะฉันทำแบบมีขอบเขต In Time (2011) | I think boundaries are good in a relationship. | ถ้ามีขอบเขตระยะห่าง ของความสัมพันธ์ Nebraska (2011) | Science knows no boundaries and sees no countries or colors. | ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่มีขอบเขต ไม่พบว่าแบ่งแยกประเทศหรือสีผิว World Leader Pretend (2011) | Boundaries. Got it. | มีขอบเขต ฉ้นเข้าใจแล้ว And the Break-Up Scene (2011) | That also has a limit. | แต่นั่นก็ยังมีขอบเขตของมัน Episode #1.8 (2011) | it's best to described it's a predator without boundries targeting men, women, children, young, old he does not discriminate | ฆาตกรรายนี้ไม่มีขอบเขตการฆ่า เป้าหมายเป็นได้ทั้งชายหญิงและเด็ก ไม่มีการเจาะจงอายุหรือเพศ The Collection (2012) | ♪ Well, they say the sky's the limit ♪ | #ก็อย่างที่เขาว่ากัน ว่าท้องฟ้านั้นมีขอบเขตของมัน# Michael (2012) | I know, but there's a line. | ผมรู้ แต่มันต้องมีขอบเขต Infamy (2012) | Really has no boundaries. | มันจริง ไม่มีขอบเขตเลย Guys, Interrupted (2012) | I know it's a reach. | ฉันรู้ว่ามันมีขอบเขต Do the Wrong Thing (2012) | Boundaries, Alec. | มีขอบเขต, อเล็ก Fast Times (2012) | He's telling us he has boundaries? | หรือว่าเขากำลังบอกพวกเราว่า เขามีขอบเขต The Silencer (2012) | The CIA has no jurisdiction here. | ซีไอเอไม่มีขอบเขตอำนาจที่นี่นะครับ Ice Queen (2012) | If there's infinite love, then it's not possible to love one more than the other, because infinite love is infinite. | ถ้าเป็นความรักที่ไม่มีขอบเขต มันจะเป็นไปได้ไง ที่จะรักคนนึงมากกว่ากว่าอีกคน เพราะมันไม่มีขอบเขต Last Whiff of Summer: Part 1 (2012) | Well, no, sure, the infinite stuff your mom said... | คือ ไม่แน่นอน อย่างที่แม่พูดแหละ ไม่มีขอบเขต Last Whiff of Summer: Part 1 (2012) | Infinite love. | ความรักไม่มีขอบเขต Last Whiff of Summer: Part 1 (2012) | I thought you believed in infinite love. | ผมคิดว่าแม่เชื่อในเรื่องรักไม่มีขอบเขตซะอีก Last Whiff of Summer: Part 1 (2012) | Well, yes, infinite love while also understanding that you might have a special connection to one person or parent more than the other. | ใช่จ้ะ รักไม่มีขอบเขต แต่ก็ยังมีเรื่อง ที่ลูกอาจมีความเชื่อมโยงที่พิเศษกับคนอีกคน Last Whiff of Summer: Part 1 (2012) |
| absolute | (adj) ไม่มีขอบเขต, See also: ไม่จำกัด, Syn. unlimited, Ant. limited | America Online | (n) ศูนย์บริการออนไลน์ผ่านทางโมเด็มที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอเมริกา มีขอบเขตการให้บริการที่กกว้างขวางมีการให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ปริการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตขั้นพื้นฐาน มีข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากสำนักข่าวรอยเตอร์และยูพีไอ | endless | (adj) ซึ่งไม่สิ้นสุด, See also: ไม่มีขอบเขต, ชั่วกาลนาน, Syn. illimitable, limitless, unceasing, unending | endlessly | (adv) อย่างไม่สิ้นสุด, See also: อย่างไม่มีขอบเขต, Syn. eternally | finite | (adj) มีขอบเขต, See also: มีเขตจำกัด, มีที่สิ้นสุด, Syn. limited, bounded, Ant. boundless | finite | (n) สิ่งที่มีขอบเขต, Syn. limit | land | (n) พื้นที่ที่มีขอบเขต, See also: อาณาบริเวณ | limited | (adj) ที่มีขอบเขต, See also: ที่มีขีดขั้น, Syn. constricted, small-scale, narrow | limiting | (adj) จำกัด, See also: มีขอบเขต | marginality | (n) การทำให้มีขอบเขต | marginally | (adv) อย่างมีขอบเขต | restrictive | (adj) ซึ่งถูกจำกัด, See also: ซึ่งมีขอบเขต, Syn. prohibitive, confining, limiting | spaceless | (adj) ซึ่งไม่มีขอบเขต | unbounded | (adj) ไม่จำกัด, See also: ไม่มีขอบเขต, ไร้ขีดจำกัด, ไร้ขอบเขต, Syn. absolute, infinite, limitness, unrestrained, unrestricted | unlimited | (adj) ไร้ขีดจำกัด, See also: ซึ่งไม่มีขอบเขต, Syn. limitless, measureless, Ant. limited | unmeasured | (adj) ซึ่งวัดไม่ได้, See also: ซีงไม่มีขอบเขต, Syn. endless |
| a gogo | (อาโก' โก) มากเท่าที่คุณต้องการ, ไม่มีขอบเขต, เดินเพ่นพ่าน, จังหวะเต้นรำอะโกโก้, เวที่เต้นรำจังหวะอะโกโก้, Syn. a Go go, a go-go, au gogo | ad infinitum | (แอดอินฟะไน' ทัม) ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต | conservative | (คันเซอ'วะทิฟว) adj. ซึ่งอนุรักษ์ไว้, ซึ่งสงวนไว้, เกี่ยวกับการเก็บรักษา, ซึ่งมีขอบเขต, รอบคอบ, เกี่ยวกับพรรคConservative. n. นักอนุรักษ์นิยม, นักจารีตนิยม, ผู้รักษาสิ่งเก่า ๆ , สมาชิกพรรคคอนเซอวาตีฟ, ตัวกันบูด., See also: conservativeness n. คำที่มีความ | endless | adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่สิ้นสุด, See also: endlessness n. ดูendless, Syn. eternal | finite | (ไฟ'ไนทฺ) adj. มีขอบเขต, มีเขตจำกัด, ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจนวัดไม่ได้, ไม่ใช่ศูนย์. n. สิ่งที่มีขอบเขต., See also: finitely adv. finiteness n., Syn. limited, fixed, Ant. infinite, eternal | fuzzy logic | ตรรกศาสตร์คลุมเคลือหมายถึง แบบหนึ่งของตรรกะ ซึ่งใช้ในระบบผู้เชี่ยวชาญ (expert system) ตรรกะ ประเภทนี้ไม่ใช่มีแต่ ผิด-ถูก (กล่าวคือ ถ้าไม่ถูก ก็ต้องผิด หรือถ้าไม่ผิด ก็ต้องถูก) แต่ตรรกะแบบนี้ มีขอบเขตกว้างขวาง | immeasurable | adj. ซึ่งไม่สามารถจะวัดได้, ไม่มีขอบเขต, นับไม่ถ้วน, เหลือคณานับ., See also: immeasurably adv., Syn. boundless | immense | (อิเมนซฺ') adj. ใหญ่มาก, มหึมา, มโหฬาร, มากมาย, กว้างขวาง, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, ดีมาก, เลิศ, ยอดเยี่ยม., See also: immensely adv. immenseness n., Syn. huge, vast, Ant. small, little | immensity | (อิเมน'ซิที) n. ความกว้างขวาง, ความใหญ่โต, ความมโหฬาร, ความไม่มีขอบเขต, Syn. hugeness | infinite | (อิน'ฟะนิท) adj. ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, สมบูรณ์, ไม่หมดสิ้น. n. สิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด, บริเวณที่ไม่มีขอบเขต, อวกาศ. -Phr. (the Infinite, the Infinite Being พระผู้เป็นเจ้า) ., See also: infinitely adv. infiniteness n. คำที่มีควา | infinity | (อินฟิน'นิที) n. ความไม่มีที่สิ้นสุด, ความไม่มีขอบเขต, สิ่งที่ใหญ่โตเหลือเกิน, จำนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด, Syn. endlessness, eternity | information technology | เทคโนโลยีสารสนเทศใช้ตัวย่อว่า IT หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications) | it | (อิท) pron. มัน, นั่น, ตัว, คน, บุคคล, ตัวมาร, ตัวการ, คนสำคัญ, คนโง่. n. คนเล่น, สถานการณ์โดยทั่วไป ไอทีย่อมาจาก information technology แปลว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications) | limiting | (ลิม'มิททิง) adj. จำกัด, มีขอบเขต, มีขีดขั้น | limitless | (ลิม'มิทลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, See also: limitlessness n. ความไม่มีขอบเขต | restrictive | (รีสทริค'ทิฟว) adj. จำกัด, จำกัดวง, มีขอบเขต, ถูกกำหนด, คับแคบ, มีลักษณะจำกัด, See also: restrictiveness n., Syn. restricted | spaceless | (สเพส'ลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีช่องว่าง, Syn. limitless | termless | (เทอม'ลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่จำกัด, ไม่มีเงื่อนไข, ไม่มีที่สิ้นสุด | unbounded | (อันเบาน์'ดิด) adj. ไม่มีจำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่ถูกควบคุม, มากมาย | unending | (อันเอน'ดิง) adj. ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่หยุด, ถาวร, อมตะ, ไม่มีขอบเขต | unlimited | (อันลิม'มิทิด) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่จำกัด, ไม่บังคับ, กว้างใหญ่ไพศาล, ไม่มีข้อยกเว้น., See also: unlimitedly adv., Syn. limitless | unmeasured | (อันเมช'เ?ิร์ด) adj. ไม่ได้วัด, ไม่ได้ประเมิน, วัดไม่ได้, ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไพศาล, มากมาย, ไม่มีจังหวะ, ไม่สัมผัสเสียง. |
| boundless | (adj) ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด | illimitable | (adj) ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด | immeasurable | (adj) มากมาย, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถวัดได้ | infinite | (adj) อสงขัย, ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, มากมาย, เหลือคณา | limited | (adj) ถูกจำกัด, น้อย, มีขอบเขต, แคบ | limitless | (adj) ไม่จำกัด, ไม่อั้น, มากมาย, ไม่มีขอบเขต | measureless | (adj) ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถจะวัดได้, เหลือคณนา | unlimited | (adj) ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่บังคับ |
| |
add this word
You know the meaning of this word? click [add this word] to add this word to our database with its meaning, to impart your knowledge for the general benefit
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |