ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: อึ้ง, -อึ้ง- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ อึ้ง | (v) be silent, See also: be quiet, Example: ผู้จัดการอึ้งไปนาน ก่อนพยักหน้าตอบรับ, Thai Definition: นิ่งอยู่พักหนึ่ง | อ้ำอึ้ง | (v) be speechless, Syn. นิ่ง, อึ้ง, Example: เมื่อปรายตาไปบนผนัง พวกเราต่างก็อ้ำอึ้งหันไปมองหน้ากัน เพราะแทบจะทั่วทั้งผนังมีปีกนกน้อยใหญ่ประดับครืดเต็มไปหมด, Thai Definition: นิ่งอั้นไม่ยอมพูด, พูดไม่ออกด้วยจนใจ หรือจนปัญญา, ไม่รู้จะพูดอะไร | นิ่งอึ้ง | (v) be dumb, See also: be voiceless, be speechless, be mute, Syn. นิ่งเฉย, นิ่งเงียบ, Example: เธอตอบเขาเบาๆ หลังจากนิ่งอึ้งไปนาน, Thai Definition: พูดไม่ออกเพราะตกใจเป็นต้น | หนักอึ้ง | (adv) heavily, Syn. หนัก, Ant. เบาหวิว, Example: เขาสลัดคราบจอมปลอมต่างๆ ที่พันธนาการรอบตัวอย่างหนักอึ้งทิ้งจนหมดสิ้น, Thai Definition: มากจนเกือบจะแบกรับไม่ไหว | หนักอึ้ง | (v) be heavy, Syn. หนัก, Ant. เบาหวิว, Example: กระเป๋าใบนี้หนักอึ้งจนต้องใช้คน 3 คนช่วยกันแบก, Thai Definition: มากจนเกือบจะแบกรับไม่ไหว | อ้ำๆ อึ้งๆ | (adv) murmur, Syn. อ้ำอึ้ง, Example: เขากล่าวตอบอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ กับนักข่าวเมื่อถูกถามถึงข่าวฉาวที่เกิดขึ้น, Thai Definition: กล่าวอย่างไม่เต็มปาก |
|
| กระดูกอึ่ง | น. ชื่อไม้พุ่ม ๓ ชนิดในสกุล Dendrolobium และ Dicerma วงศ์ Leguminosae คือ ชนิด D. triangulare (Retz.) Schindl. มักขึ้นในที่โล่งตํ่าซึ่งชุ่มแฉะในฤดูฝน ฝักเล็กแบนคอดกิ่วเป็นข้อ ๆ ใช้ทำยาได้, ขมิ้นนาง ขมิ้นลิง ลูกประคำผี หน้านวล เหนียวหมา หรือ อีเหนียว ก็เรียก | กระดูกอึ่ง | ชนิด D. lanceolatum (Dunn) Schindl. ขึ้นตามป่าผลัดใบที่มีต้นไผ่ สูงประมาณ ๑ เมตร ใบรูปไข่กลับ โคนใบสอบ, กระดูกเขียด แกลบหนู แกลบหูหนู แปรงหูหนู หรือ อึ่งใหญ่ ก็เรียก | กระดูกอึ่ง | และชนิด Dicerma biarticulatum (L.) DC. ชอบขึ้นตามไหล่ทางที่ตัดผ่านทุ่งนา สูงประมาณ ๑ เมตร ใบเล็กคล้ายใบมะขาม ดอกสีม่วง. | ปัญญาแค่หางอึ่ง | ว. มีความรู้น้อย, โง่. | อ้ำอึ้ง | ก. นิ่งอั้นไม่ยอมพูด, พูดไม่ออกด้วยจนใจหรือจนปัญญา, ไม่รู้จะพูดอะไร. | อึ่ง | น. ชื่อสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกหลายชนิดหลายสกุล ในวงศ์ Microhylidae ขนาดแตกต่างกันแล้วแต่ชนิดอยู่ระหว่าง ๒-๘ เซนติเมตร รูปร่างอ้วนป้อมและมักพองตัวได้ ส่วนใหญ่เป็นสีเทาหรือน้ำตาลเข้ม ผิวหนังเรียบ บริเวณฝ่าตีนมีสันแข็งใช้ขุดดิน อาศัยอยู่ใต้ผิวดินหรือใต้ก้อนหินในเวลากลางวันและในฤดูแล้ง ออกหากินตามพื้นดินเมื่ออากาศชื้นโดยเฉพาะช่วงหลังฝนตก กินแมลงและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น อึ่งอ่างหรืออึ่งอ่างบ้าน ( Kaloula pulchra Gray) อึ่งแว่น อึ่งแดง หรืออึ่งลาย [ Calluella guttulata (Blyth) ]. | อึ่งอ่าง | น. ชื่อสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกในสกุล Kaloula วงศ์ Microhylidae สีนํ้าตาลลายขาว โตเต็มวัยยาวประมาณ ๗ เซนติเมตร มักทำตัวพองเมื่อถูกรบกวน ตัวผู้ร้องเสียงดังเมื่อนํ้านองหลังฝนตก ที่พบทั่วไปมี ๒ ชนิด คือ อึ่งอ่างหรืออึ่งอ่างบ้าน ( K. pulchra Gray) และอึ่งอ่างหลังขีดหรืออึ่งอ่างก้นขีด [ K. mediolineata (Smith) ]. | อึ้ง | ว. นิ่งอั้นอยู่. | อึ่งใหญ่ | ดู กระดูกอึ่ง. | กระดูกเขียด | ดู กระดูกอึ่ง. | แกลบหนู, แกลบหูหนู | (แกฺลบ-) ดู กระดูกอึ่ง. | ขมิ้นนาง | ดู กระดูกอึ่ง. | ขมิ้นลิง | ดู กระดูกอึ่ง. | งัน | ก. หยุดชะงัก เช่น นิ่งงัน, ไม่งอกงาม เช่น ต้นไม้งันไป, อาการที่ชะงักนิ่งอึ้งไปชั่วขณะเพราะคาดไม่ถึง ในคำว่า ตะลึงงัน. | ตะลึง | ก. อาการที่ชะงักงันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งเพราะคาดไม่ถึง. | เบ่ง | ก. ตะเบ็ง เช่น เบ่งเสียง, พยายามขับดันสิ่งเช่นอุจจาระปัสสาวะเป็นต้นให้ออกมา เช่น เบ่งอุจจาระเบ่งปัสสาวะ เบ่งลูก, ทำให้พองตัวขึ้นหรือขยายตัวออก เช่น อึ่งอ่างเบ่ง เบ่งกล้าม | แปรงหูหนู | ดู กระดูกอึ่ง. | พอง | ก. อาการที่โป่งหรือฟูขึ้นมาเพราะมีอากาศหรือน้ำเป็นต้นอยู่ภายใน เช่น ลูกโป่งพองลม ถูกน้ำร้อนลวกหนังพอง เหยียบไฟเท้าพอง, ทำให้โป่ง ฟู หรือตั้งขึ้น เช่น อึ่งอ่างพองตัว เป่าลูกโป่งให้พอง เป่าปี่จนแก้มพอง ลิงพองขน แมวทำขนพอง | ลูกประคำผี | ดู กระดูกอึ่ง. | สะเทินน้ำสะเทินบก | ว. ที่อยู่ได้หรือปฏิบัติการได้ทั้งในนํ้าและบนบก เช่น การรบสะเทินนํ้าสะเทินบก เรือสะเทินนํ้าสะเทินบก เครื่องบินสะเทินนํ้าสะเทินบก, เรียกสัตว์จำพวกที่อยู่ได้ทั้งในนํ้าและบนบก เช่น กบ คางคก อึ่งอ่าง ว่า สัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก. | หน้านวล ๓ | ดู กระดูกอึ่ง. | เหนียวหมา | ดู กระดูกอึ่ง. | อมพะนำ | ว. นิ่งอึ้งไม่พูดจา, อำพะนำ ก็ว่า. | อั้น | ว. อาการที่นิ่งอึ้ง พูดไม่ออก, มักใช้เข้าคู่กับคำ นิ่ง เป็น นิ่งอั้น. | อั้นตู้, อั้นอ้น | ว. นิ่งอึ้ง, อํ้าอึ้ง, จนปัญญา, คิดไม่ออก. | อำพะนำ | ว. นิ่งอึ้งไม่พูดจา, อมพะนำ ก็ว่า. | อีเหนียว | ดู กระดูกอึ่ง. |
| Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] |
| It's a rough journey and a sad heart to travel it. | เป็นการเดินทางที่ยากลำบาก พร้อมกับหัวใจอันหนักอึ้ง Wuthering Heights (1992) | You are Huang Yao Shi? | ท่านคืออึ้งเอี๊ยะซือ? Return of the Condor Heroes (1983) | It doesn't matter that you and Aunty Guo won't let me stay at Peach Blossom Island. | มันจะไม่เป็นงั้นหรอกถ้าท่านลุงกับท่านป้าอึ้งย้งให้ข้าอยู่ด้วยที่เกาะดอกท้อ. Return of the Condor Heroes (1983) | Is Aunty Guo not on good terms with my father? | ท่านป้าอึ้งย้งไม่ถูกกับพ่อข้าเหรอ? Return of the Condor Heroes (1983) | when we commissioned the schmectel corporation to research this precise event sequence scenario, it was determined that the continual stockpiling and development of our nuclear arsenal was becoming self-defeating. | เราได้จ้าง Schmectel Corp. ทำการวิจัยสถานการณ์โลก สรุปได้ว่า การแข่งกันสะสมอาวุธ และการเร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ กลายเป็นภาระอันหนักอึ้ง Spies Like Us (1985) | You're mumbling, brother! Explain. | ชักจะอ้ำๆอึ้งๆไปแล้วนะ อธิบายมา Pola X (1999) | And he hemming and he showing. | อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ The Corporation (2003) | Although it can be a burden. | แม้จะเป็นภาระที่หนักอึ้ง Mulan 2: The Final War (2004) | The fury of Hurricane Noelani stunned weather experts yesterday slamming into the island chain with a cataclysmic force never before witnessed. | ความรุนแรงของเฮอร์ริเคนโนลานี ทำเอานักพยากรณ์อากาศต้องอึ้ง ... พายุโถมเข้าสู่ญี่ปุ่น... ... ซึ่งไม่ได้เตรียมการรับมือพลังมหันตภัย The Day After Tomorrow (2004) | You feel something. You dream of flying. | อึ้งไปเลยเหรอ คุณคงฝันอยากจะบิน Around the World in 80 Days (2004) | But then I get stiffed. | แต่แล้วชั้นก็อึ้งไปเลย 50 First Dates (2004) | So let's dazzle them here. | งั้นมาทำให้พวกเขาถึงกับอึ้งกันเถอะ Mr. Monk Takes Manhattan (2004) | Is that so hard to believe? Oh, no, no. I'm, I'm just stunned. | นั่นมันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อนักหรือไงกัน โอ้ ไม่ๆๆๆ ฉันแค่อึ้ง Mr. Monk and the Blackout (2004) | Oh, you're getting heavy. | โอ้, หนักอึ้งเลย The Amityville Horror (2005) | I've just called him. He can't believe it. | แม่เพิ่งวางสายจากทอม เขาก็อึ้งไปเหมือนกัน Match Point (2005) | [ Chuckling ] | (หัวเราะ อึ้งไป) Imagine Me & You (2005) | You're stunned, I know. | อึ้งไปเลยสิ, ผมรู้. V for Vendetta (2005) | The steady breathing of the 300 at his back ready to die for him without a moment's pause. | หมวกเหล็กนั้นน่าอึดอัด โล่ห์ก็หนักอึ้งแล้ว 300 (2006) | Slaughter them! | โล่ห์ก็หนักอึ้ง ทำให้ทรงตัวได้ยากยิ่ง 300 (2006) | when I came to you, my heart was heavy. | ฉันรู้อยู่คนเดียวว่า ฉันมาหาพวกคุณด้วยหัวใจหนักอึ้ง Big Momma's House 2 (2006) | You seemed to have struck her quite speechless. A feat in itself. | คุณทำเอาเธออึ้งไปเลย The Illusionist (2006) | I'm bowled over. | เล่นเอาผมอึ้งเลย The Page Turner (2006) | The painful burden that has weighted me down | ปัญหาอันหนักอึ้งที่ทับถมฉันอยู่ Arang (2006) | I can't even jerk off. | พูดไรอ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้ No Regret (2006) | No one would volunteer. It's a pain-in-the-ass job. | ไม่มีใครอาสาหรอก มันเป็นงานที่หนักอึ้งเลยหล่ะ Art Isn't Easy (2007) | What'sthematter? Cat got your tongue? | เป็นไรไปล่ะ / ถึงกับอึ้งไปเลยหรอ Live Free or Die Hard (2007) | You don't seem afraid. Are you not surprised to see us? | ดูท่าทางเจ้าไม่กลัวเลย ไม่อึ้งเลยเหรอที่เห็นพวกเรา Transformers (2007) | You ain't got nothing to say now, fool! | อึ้ง ทึ่ง เสียวไปเลยมั้ยล่ะ The Brave One (2007) | - I'm stunned. | ฉันอึ้งเลย Cassandra's Dream (2007) | Can we have faith? And a little bit of silence? | เราก็แค่อึ้ง เลยเผลอเงียบไปหน่อย Episode #2.5 (2008) | But, please, wow me. | แต่ ได้โปรด ทำให้ผมอึ้งที Ghosts (2008) | And this right here, it blew my mind here. | แล้วก็ตรงนี้ ทำเอาผมอึ้งไปเลย It Might Get Loud (2008) | I mean... Oh, my god. | ฉันอึ้งมาก Brave New World (2008) | The mother, overburdened at the end of her rope. | แม่ที่มีภาระหนักอึ้ง Emancipation (2008) | Come here! | มัวอ้ำอึ้งอะไรอยู่! My Sassy Girl (2008) | Don't stumble, and speak clearly! | ไม่ต้องอ้ำๆ อึ้งๆ บอกมาตรงๆ! My Sassy Girl (2008) | I'm kind of flabbergasted when you say things like that. It's Weird. | ฉันล่ะอึ้งจริงๆเวลานายพูดถึง อะไรแบบนั้น มันแปลกพิกล Pineapple Express (2008) | Your stupidity amazes me. | แกมันโง่จนฉันอึ้งไปเลย Pineapple Express (2008) | And the oceans became heavy with salt. | มหาสมุทร จึงหนัีกอึ้งไปด้วย เกลือแร่ Home (2009) | I was surprised. Yeah, it was good. | แต่ก็รอด ฉันล่ะอึ้งเลย The Girlfriend Experience (2009) | I was so stunned, but... | ฉันมัวแต่อึ้ง แต่... Peekaboo (2009) | Hell of a turnout. - Who knew he had so many friends? | ฉันอึ้งไปเลย ไม่นึกว่าเขาจะมีเพื่อนมากขนาดนี้ The Best Thing That Ever Could Have Happened (2009) | I'm not surprised. He was a good man. | ฉันไม่อึ้งหรอก เพราะเขาเป็นคนดี The Best Thing That Ever Could Have Happened (2009) | Your depth of knowledge astounds. | อึ้งกับความรู้เธอเลยนะเนี่ย Ben 10: Alien Swarm (2009) | Stop acting like a nut case. You're a teacher. | อย่าทำเป็นอึ้ง เธอก็เป็นครูของเรา Gokusen: The Movie (2009) | You guys kicked some serious tail up there tonight. | คืนนี้พวกนายทำเอาอึ้งไปตามๆกันเลย Acafellas (2009) | Stick that in your pipe and smoke it. | เป็นไง นั่งอึ้งกันเลยสิ The Rhodes Not Taken (2009) | But jack and kate Were left stunned. | แต่แจ็คกับเคทถึงกับอึ้ง Lost: The Story of the Oceanic 6 (2009) | Let's just say the doctors are baffled. | เอาเป็นว่า เล่นเอาหมออึ้งไปเลย Good God, Y'All (2009) | Well, my dad was in corporate banking and left me a lot of money when he died which always surprised me. | คือพ่อผมทำธุรกิจธนาคาร แล้วก็แค่มรดกผมเยอะตอนพ่อตาย... ...ซึ่งผมเองยังอึ้ง เพราะว่าพ่อน่ะ... Watchmen (2009) |
| อึ่ง | [eung] (n) EN: bullfrog | อึ้ง | [eung] (v) EN: be struck dumb ; be speechless ; be tongue-tied ; be silent FR: être interdit ; être interloqué | อึ้ง | [eung] (adj) EN: speechless FR: interdit ; sans voix ; interloqué | อึ่งอ่าง | [eung-āng] (n) EN: spade toad ; bullfrog | อึ่งกรายหมอบุญส่ง | [eung krāi Mø Bunsong] (n, exp) EN: Boonsong's Horned Toad | อึ่งยาง | [eungyāng] (n) EN: bullfrog | ใจ อึ๊งภากรณ์ | [Jai Eungphakøn] (n, prop) EN: Giles Ji Ungpakorn FR: Giles Ji Ungpakorn ; Giles Ungpakorn | จอน อึ๊งภากรณ์ | [Jøn Eungphakøn] (n, prop) EN: Jon Ungpakorn FR: Jon Ungpakorn | นิ่งอึ้ง | [ning eung] (v, exp) EN: keep silent ; remain quiet ; be tongue-tied | ป๋วย อึ๊งภากรณ์ | [Pūay Eungphakon] (n, prop) EN: Puey Ungpakorn FR: Puey Ungpakorn |
| falter out | (phrv) พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก, See also: พูดอ้ำอึ้ง | dumbly | (adv) อย่างพูดอะไรไม่ออก, See also: อึ้ง, Syn. mutely | falter | (vi) พูดตะกุกตะกัก, See also: พูดเสียงสั่น, พูดอ้ำอึ้ง, พูดละล่ำละลัก | falter | (vt) พูดตะกุกตะกัก, See also: พูดเสียงสั่น, พูดอ้ำอึ้ง, พูดละล่ำละลัก | haw | (vi) ทำเสียงที่แสดงความลังเล, See also: ทำเสียงอ้ำอึ้ง | haw | (n) เสียงพูดแสดงความลังเล, See also: เสียงอ้ำอึ้ง | taken aback | (idm) อึ้ง, See also: ตกตะลึง, ตกใจ | throw someone | (idm) ทำให้สับสน, See also: ทำให้อึ้ง, ทำให้นึกอะไรไม่ออก | silent | (adj) เงียบ, See also: ไร้เสียง, ไม่ออกเสียง, สงบนิ่ง, นิ่งเงียบ, นิ่งอึ้ง, เงียบกริบ, ไม่ค่อยพูด, Syn. hushed, soundless, speechless | swamp | (vt) ทำให้แบกรับภาระ, See also: ทำให้หนักอึ้ง, Syn. overburden, overwhelm, overload |
| falter | (ฟอล'เทอะ) { faltered, faltering, falters } v., n. (การ) เดินสะดุด, เดินโซเซ, เดินตัวสั่น, พูดตะกุกตะกัก, ลังเล, รีรอ, วอกแวก, แกว่งไปแกว่งมา, อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ, See also: falterer n. faltering adj. falteringly adv., Syn. doubt, hesitate | haw | (ฮอ) n. ผลไม้ของต้นhawthorn vi. ลังเล, อ้ำอึ้ง. n. เสียงพูดแสดงการลังเล, เสียงอ้ำอึ้ง interj. คำอุทานเรียกสัตว์ให้เลี้ยวซ้าย. vt., vi. (ทำให้) หันซ้าย, (ทำให้) เลี้ยวซ้าย | leaden | (เลด'เดิน) adj. หนัก, หนักอึ้ง, ไม่มีรสชาติ, ดื้อ, ไม่มีชีวิตชีวา, สีเทา, เฉื่อยชา, เชื่องช้า, งุ่มง่าม, ประกอบด้วยตะกั่ว vt. ทำให้หนัก, ทำให้เชื่องช้า., Syn. precede | mumble | (มัม'เบิล) vi. พูดพึมพำ, พูดไม่ชัด vt. พูดพึมพำ, อ้ำอึ้งอยู่ในปาก. n. เสียงพึมพำ, เสียงพูดที่ไม่ชัด, คำพูดอู้อี้., See also: mumbler n. mumblingly adv., Syn. murmur, Ant. speak up | oppressive | (อะเพรส'ซิฟว) adj. เป็นการกดขี่, ซึ่งทำให้ลำบากใจ, ซึ่งทำให้เป็นทุกข์หนักอึ้ง., See also: oppressiveness n., Syn. tyrannical | plod | (พลอด) v., n. (การ) เดินอย่างหนักอึ้งหรือลำบาก, ค่อย ๆ เดิน, เพียรพยายาม, See also: plodder n. plodness n, Syn. drudge | speechless | (สพีชฺ'ลิส) adj. เงียบอึ้ง, ไม่พูด, พูดไม่ออก, เป็นใบ้, ไม่มีถ้อยคำ, ไม่มีการกล่าวสุนทรพจน์, ไม่สามารถจะถ่ายทอดเป็นคำพูดได้., See also: speechlessness n. |
| falter | (vi อ้ำๆ) อึ้งๆ, พูดตะกุกตะกัก, พูดไม่คล่อง, เดินสะดุด | mumble | (vi, vt) บ่นพึมพำ, พูดอู้อี้, พูดไม่ชัด, อ้ำอึ้ง, เคี้ยวเอื้อง |
| |
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |