ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ที่สอง, -ที่สอง- |
คิง | (pron) มึง (สรรพนามบุรุษที่สอง, หยาบ) | ตั๋ว | (pron) เธอ, ตัวเอง (สรรพนามบุรุษที่สอง) |
|
| | โบชุก | น. ตำแหน่งแม่ทัพพม่า เช่น ให้มางจาชโร เปนโบชุกที่สอง ยกทัพรองไปตาม (ตะเลงพ่าย). | ยี่ ๑ | ว. สอง ในคำว่า ยี่สิบ, ที่สอง เช่น เดือนยี่ (คือ เดือนที่ ๒ นับทางจันทรคติ), โบราณใช้ว่า ญี่ ก็มี. |
| | Shock wave | คลื่นกระแทก, แรงผลักดันฉับพลัน ในอากาศ น้ำ หรือดิน ที่แผ่ขยายออกไปเป็นคลื่นเนื่องจากการระเบิด การเกิดคลื่นกระแทกมี 2 ระยะ ระยะที่หนึ่ง แรงผลักดันของตัวกลางเพิ่มขึ้นฉับพลันถึงระดับสูงสุดแล้วลดลงสู่ระดับปกติ ระยะที่สอง แรงผลักดันของตัวกลางจะลดลงแล้วกลับสู่ระดับปกติ คลื่นกระแทกที่เกิดในอากาศมักเรียกว่า คลื่นแรงผลักดันฉับพลัน (ดู blast wave ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Headpointer | เครื่องชี้ด้วยศีรษะ, เครื่องชี้ด้วยศีรษะ มีสองความหมาย แบบแรก คือก้านชี้ ที่สวมกับศีรษะเพื่อให้ผู้พิการทางกายสามารถชี้ เปิดหน้ากระดาษหรือกดสวิทช์ได้โดยไม่ต้องใช้มือ (headstick) แบบที่สองหมายถึงการควบคุมโดยศีรษะ ซึ่งทำงานโดยการใช้กล้องถ่ายภาพวิดีโอหรือ อินฟราเรด ถ่ายภาพผู้พิการ และติดตามความเคลื่อนไหวของศีรษะ แล้วนำสัญญาณความเคลื่อนไหวมาบ่งบอกความต้องการ โดยทั่วไป มักจะมีการติดจุดเครื่องหมายที่ติดกับหน้าผากของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ [Assistive Technology] | Headstick | เครื่องชี้ด้วยศีรษะ, เครื่องชี้ด้วยศีรษะ มีสองความหมาย แบบแรก คือก้านชี้ ที่สวมกับศีรษะเพื่อให้ผู้พิการทางกายสามารถชี้ เปิดหน้ากระดาษหรือกดสวิทช์ได้โดยไม่ต้องใช้มือ (headstick) แบบที่สองหมายถึงการควบคุมโดยศีรษะ ซึ่งทำงานโดยการใช้กล้องถ่ายภาพวิดีโอหรือ อินฟราเรด ถ่ายภาพผู้พิการ และติดตามความเคลื่อนไหวของศีรษะ แล้วนำสัญญาณความเคลื่อนไหวมาบ่งบอกความต้องการ โดยทั่วไป มักจะมีการติดจุดเครื่องหมายที่ติดกับหน้าผากของผู้ใช้คอมพิวเตอร์, Example: ความหมายเดียวกับ Headpointer [Assistive Technology] | Second harmonic generation | การเกิดฮาร์โมนิคที่สอง [TU Subject Heading] | Dean (หรือ Doyen) of the Diplomatic Corps | หัวหน้า (Dean) ของคณะทูตานุทูตในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ได้แก่ ตัวทูตที่อาวุโสที่สุด (คือเป็นทูตอยู่ในประเทศนั้นๆ เป็นเวลานานที่สุด) ตัวหัวหน้าคณะทูตานุทูตจะมีลำดับอาวุโสเหนือทุกคนในคณะทูตานุทูต ทำหน้าที่เป็นโฆษกของคณะทูตเมื่อถึงความจำเป็น และเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองบรรดาเอกสิทธ์และความคุ้มกันทางการทูตที่คณะ ทูตานุทูตมีอยู่ แต่หน้าที่ที่แท้จริงนั้น โดยมากเกี่ยวกับเรื่องพิธีการทูตมากกว่า อาทิเช่น เมื่อถึงวันที่ระลึกครบรอบวันเกิดประมุขของรัฐ (เช่นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในประเทศไทย) Dean ของคณะทูตจะเป็นผู้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าวในนามของคณะทูตทั้งหมด แต่การที่จะเรียกหรือขอให้บุคคลในคณะทูตไปประชุมเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง นั้น เป็นสิ่งที่ Dean ไม่พึงกระทำ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผู้แทนทางการทูตคนใดไปร่วมการประชุมระหว่างบุคคลในคณะทูตด้วยกัน เกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศโดยมิได้รับคำสั่งโดยเฉพาะจากรัฐบาลของตนก่อน ภริยาของ Dean หรือ Doyen นั้นเรียกว่า Doyenneเมื่อหัวหน้าคณะทูตวายชนม์ขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ บุคคลในคณะทูตที่มีอาวุโสรองลงมาหรือเป็นบุคคลที่สองจะเป็นผู้รับช่วงงาน ทันที และมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Chargé d?Affaires ad interim) ทั้งจะต้องดูว่า เอกสารทางราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกสารลับหรือปกปิด จะไม่ทิ้งรวมอยู่กับ เอกสารส่วนตัวของทูตผู้วายชนม์อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทาง การทูต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1961 จากการประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับการติดต่อและความคุ้มกันทางการทูต ได้บัญญัติไว้ว่า?ข้อ 39 (3) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามี สิทธิที่จะได้รับไปจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป(4) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว ให้รัฐผู้รับอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่ส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้ามในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในคราอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดกและการรับมรดกนั้น ๆ ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับ เพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่ฝ่ายเดียวของผู้วายชนม์ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทนอนึ่ง อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1963 ได้บัญญัติไว้ว่า ?ข้อ 51 ในกรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล หรือของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว รัฐผู้รับ(ก) จะอนุญาตให้ส่งออกซึ่งสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ โดยมีข้อยกเว้นแก่ทรัพย์สินเช่นว่า ทรัพย์ใด ๆ ที่ได้มาในรัฐผู้รับนั้น ซึ่งการส่งออกของทรัพย์ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลดังกล่าวถึงแก่มรณกรรม(ข) จะไม่เรียกเก็บอากรกองมรดก อากรสืบช่วงมรดกหรืออากรรับมรดก และอากรการโอน ไม่ว่าจะเป็นอากรของชาติ ของภูมิภาค หรือของเทศบาล จากสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการที่สังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ในรัฐผู้รับก็เนื่องมาแต่ฝ่ายเดียว จากการที่ผู้วายชนม์อยู่ในรัฐนั้นฐานะบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุลหรือใน ฐานะคนในครอบครัวของบุคคลในที่ทำการกงสุล? ?ข้อ 53(5) กรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล คนในครอบครัวซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว จะคงได้รับอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ประสาทให้แก่ตนต่อไป จนกว่าตนจะออกไปจากรัฐผู้รับ หรือจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะสามารถให้ตนกระทำดังนั้นได้ แล้วแต่ว่าเวลาไหนจะมาถึงก่อนกัน? [การทูต] | Declaration | คำประกาศ หรือ ปฏิญญา ตามความเห็นของผู้ทรงคุณความรู้ทางกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนมากได้ให้ความเห็นว่า คำนี้มีความหมายต่างกันอยู่สามประการ คือประการแรก ใช้เป็นชื่อเรียกข้อกำหนดต่าง ๆ ของสนธิสัญญา กล่าวคือ ตามสนธิสัญญานี้ ภาคีคู่สัญญารับที่จะปฏิบัติตามแนวทางบางประการในอนาคตประการที่สอง เป็นคำประกาศถ่ายเดียว (Unilateral Declaration) ซึ่งก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่แก่รัฐอื่นๆ เช่น คำประกาศสงครามประการสุดท้าย หมายถึง การกระทำซึ่งรัฐหนึ่งหรือหลายรัฐได้ติดต่อแจ้งไปยังรัฐอื่น ๆ ซึ่งเป็นการอธิบายหรือให้เหตุผลสนับสนุนพฤติกรรมของฝ่ายตนในอดีต หรืออธิบายทรรศนะและเจตจำนงเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง คำประกาศสำหรับความหมายสองประการหลังไม่ถือว่ามีลักษณะเป็นสนธิสัญญาอนึ่ง ในกรณีคำประกาศถ่ายเดียว (Unilateral Declaration) นั้น บางทีรัฐหนึ่งต้องการเสนอนโยบายหรือหนทางปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งของตน โดยประกาศนโยบายหรือหนทางปฏิบัตินั้นไปให้รัฐอื่นๆ ทราบกันไว้ อาทิเช่น ลัทธิมอนโร (Monroe Doctrine) ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศออกไปในรูปคำประกาศถ่ายเดียว เป็นต้น [การทูต] | Diplomatic Language | ภาษาการทูต ในสมัยโบราณจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 รัฐทั้งหลายในสมัยนั้นได้นิยมใช้ภาษาละตินเป็นภาษาการทูตและก็เป็นภาษาเดียว ที่ใช้กันในยุโรปภาคกลางและภาคตะวันตก ต่อมาในราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสแทนภาษาละตินเป็นภาษาการทูต และใช้กันตลอดมาจนถึงสมัยสงครามโลกครั้งแรก หลังจากเสร็จสงครามโลกครั้งแรกจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐต่างๆ เริ่มนิยมใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น และใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ก็ยังไม่มีการรับรองเป็นทางการกันว่าให้ใช้ภาษาใดเป็นภาษาทางการทูตใน องค์กรทั้งหมดของสหประชาชาติยกเว้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ใช้ 5 ภาษาเป็นภาษาราชการ คือ ภาษาจีน รัสเซีย สเปน อังกฤษ และฝรั่งเศส ดังนั้น ในการประชุมใด ๆ ณ องค์การสหประชาชาติ หากมีการแถลงเป็นภาษาหนึ่ง ก็จะมีการแปลเป็นอีก 4 ภาษาเกือบพร้อมกันในทันที (Simultaneous Translation) สำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนั้น ภาษาที่ใช้เป็นภาษาราชการคือ ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส เพียงสองภาษา [การทูต] | Government in Exile | รัฐบาลพลัดถิ่น คือระหว่างที่สงครามยังดำเนินอยู่ ประเทศคู่สงครามหนึ่งอาจถูกกองทัพของประเทศฝ่ายศัตรูเข้ายึดครอง ในสถานการณ์เช่นนั้น ตัวหัวหน้าของรัฐบาลหรือรัฐมนตรีของประเทศที่ถูกยึดครองอำนาจอาจไปตั้ง รรัฐบาลขึ้นชั่วคราวในดินแดนของประเทศพันธมิตรหนึ่ง ซึ่งยินยอมให้ทำเช่นนั้น รัฐบาลที่ตั้งขึ้นเป็นการชั่วคราวดังกล่าวเรียกว่า รัฐบาลพลัดถิ่น ตราบใดที่รัฐบาลพลัดถิ่นได้รับการรับรองฐานะเป็นตัวแทนของประเทศตน ย่อมดำเนินกิจการหน้าที่ของประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศอื่นๆ ได้ รัฐบาลพลัดถิ่นจะยังคงสถานภาพของตนไว้ตราบเท่าที่ยังไม่มีความพยายามต่อไป ที่จะยึดเอาดินแดนของตนที่ข้าศึกครองอยู่กลับคืนมาให้ได้ ตัวอย่างของรัฐบาลพลัดถิ่นที่เคยมีมาแล้วคือ รัฐบาลของประเทศโปแลนด์ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ กรีซ และยูโกสลาเวีย ซึ่งได้ไปตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ เมื่อระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนที่ดินแดนของประเทศเหล่านี้ได้ถูกกองทัพของเยอรมนีเข้ายึดครอง [การทูต] | Great Powers | ประเทศมหาอำนาจ รัฐที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศมหาอำนาจ คือรัฐที่มีอำนาจอิทธิพลครอบงำในกิจการระหว่างประเทศ ไม่มีกฎหมายใดๆ ที่จะกำหนดว่าประเทศนั้น ประเทศนี้มีสถานภาพเป็นมหาอำนาจ หากเป็นเพียงเพราะรัฐนั้นๆ มีขนาด พละกำลัง และอำนาจอิทธิพลทางเศรษฐกิจเป็นพื้นฐาน และจะสังเกตได้ว่า สถานะของกลุ่มประเทศมหาอำนาจเช่นนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้บ่อยๆ เช่น ในสมัยการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาในปี ค.ศ. 1815 ประเทศมหาอำนาจในสมัยนั้นได้แก่ อังกฤษ ออสเตรีย ฝรั่งเศส ปอร์ตุเกส ปรัสเซีย สเปน สวีเดน และรัสเซีย หลังจากนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่เกี่ยวกับพละกำลังของประเทศมหาอำนาจ คือก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ หนึ่ง ประเทศที่จัดว่าเป็นมหาอำนาจในตอนนั้นคือ อังกฤษ ฮังการี ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่นอกยุโรป เมื่อตอนสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศที่เป็นมหาอำนาจได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ โซเวียตรัสเซีย ฝรั่งเศส และจีน พึงสังเกตด้วยว่า องค์การสหประชาชาติได้ถือว่า ประเทศทั้ง 5 นี้มีอำนาจและมีความสำคัญมากที่สุดในขณะนั้น ทั้ง 5 ประเทศนี้ต่างเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ซึ่งมีอำนาจใช้สิทธิยับยั้ง (Veto) ในที่ประชุม ซึ่งในปัจจุบันก็ยังปฏิบัติเช่นนั้นอยู่ [การทูต] | New Diplomacy | การทูตแบบใหม่ ภายหลังสงครามโลกครั้งแรก หรือตั้งแต่ ค.ศ. 1918 เป็นต้นมา ได้เกิดการทูตแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างไปจาการทูตแบบเก่า อันได้ปฏิบัติกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี นักวิชาการบางท่านมีความเอนเอียงที่จะตำหนิว่า การที่เกิดสงครามโลกขึ้นนั้น เป็นเพราะการทูตประสบความล้มเหลวมากกว่าอย่างไรก็ดี บางท่านเห็นว่าแม้ส่วนประกอบของการทูตจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่เนื้อหาหรือสาระสำคัญของการทูตยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างการทูตแบบเก่ากับการทูตแบบใหม่อาจกล่าวได้ ว่า มีปัจจัยสำคัญ ๆ อยู่สามประการ ที่มีอิทธิพลหรือบังเกิดผลโดยเฉพาะต่อวิธีการหรือทฤษฎีของการเจรจาระหว่าง ประเทศ กล่าวคือ ข้อแรก ชุมชนนานาชาติทั้งหลายเกิดการตื่นตัวมากขึ้น ข้อที่สอง ได้มีการเล็งเห็นความสำคัญของมติสาธารณะ ( Public Opinion) มากขึ้น และประการสุดท้าย เป็นเพราะการสื่อสารคมนาคมได้เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วอดีตนักการทูตผู้มี ชื่อเสียงคนหนึ่งของอินเดีย ได้แสดงความไม่พอใจและรังเกียจความหยาบอย่างปราศจากหน่วยก้านของการดำเนิน การทูตแบบใหม่ เช่น การโฆษณาชวนเชื่อเข้าใส่กัน การใช้ถ้อยคำในเชิงผรุสวาทต่อกัน การเรียกร้องกันอย่างดื้อ ๆ ขาดความละมุนละไมและประณีต อาทิเช่น การเรียกร้องข้ามหัวรัฐบาลไปยังประชาชนโดยตรงในค่ายของฝ่ายตรงกันข้ามการ กระทำต่าง ๆ ที่จะให้รัฐบาลต้องเสียชื่อหรือขาดความน่าเชื่อถือ ตลอดจนการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ห้ามไม่ให้ประชาชนติดต่อกันทางสังคม และอื่น ๆ เป็นต้น [การทูต] | Niccolo Machiavelli (1469-1527) | คือรัฐบุรุษและปรัชญาเมธีทางการเมืองของสาธารณรัฐ ฟลอเรนส์ (Florence) ระหว่างรับราชการ ท่านดำรงตำแหน่งฝ่ายธุรการหลายตำแหน่งซึ่งไม่สู้มีความสำคัญเท่าใด แต่สิ่งที่ท่านสนใจมากที่สุดได้แก่ศิลปะของการเมือง หนังสือสำคัญ ๆ ที่ท่านประพันธ์ขึ้นไว้คือ The Prince เล่มหนึ่ง อีกเล่มหนึ่งชื่อ The Art of War และอีกเล่มหนึ่งคือ Discourses on the First Ten Books of Livyมีนักเขียนหลายคนวิพากษ์ Machiavelli ที่แสดงความเห็นสนับสนุนว่า รัฐบาลใดก็ตมที่ต้องการรักษาอำนาจการปกครองตนให้เข้มแข็งไว้ ย่อมจะใช้วิถีทางใด ๆ ก็ได้ ถึงแม้หนทางเช่นนั้นจะผิดกฎหมายหรือไร้ศีลธรรมก็ตาม และก็มีนักเขียนอีกหลายคนสนับสนุนท่าน โดยชี้ให้เห็นว่า ท่านเป็นแต่เพียงตีแผ่ให้เห็นพฤติกรรมที่แท้จริงของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ในยุคสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่มากกว่าอย่างอื่น อาทิเช่น ในหนังสือ The Prince ของท่านตอนหนึ่งอ้างว่า การต่อสู้นั้นมีอยู่สองวิธี วิธีแรกเป็นการต่อสู้โดยวิถีทางกฎหมาย อีกวิธีหนึ่งคือการต่อสู้โดยใช้กำลัง (Force) วิธีแรกนั้นเป็นวิธีที่มนุษย์พึงใช้ ส่วนวิธีที่สองเป็นวิธีเยี่ยงสัตว์ป่า แต่การใช้วิธีแรกมักจะไม่ค่อยได้ผลเสมอไป เพราะไม่เพียงพอ ก็ย่อมจะหันเข้าใช้วิธีที่สองได้ ฉะนั้น ผู้ปกครองประเทศสมัยนั้น ซึ่ง Machiavelli เรียกว่า Prince จึงจำเป็นต้องรู้ดีว่าจะใช้ทั้งวิธีที่มนุษย์จะพึงใช้ และวิธีเยี่ยงสัตว์ป่าอย่างไร ด้วยเหตุนี้ ผู้ปกครองประเทศสมัยนั้นไม่จำเป็นต้องมีสัจธรรม หากการกระทำนั้น ๆ จะทำความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของประเทศ ท่านเห็นว่า หากมนุษย์ทุกคนเป็นคนดี กฎเช่นนี้ก็เป็นกฎที่ไม่ถูกต้อง แต่โดยที่มนุษย์ไม่ใช่คนดีทั้งหมด ในเมื่อเขาไม่ยอมให้ความศรัทธาความไว้วางใจในตัวท่าน ก็ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามมิให้ท่านเลิกศรัทธากับเขาเหล่านั้นได้ [การทูต] | Organization of European Economic Cooperation | คือองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจของยุโรป สัญญาที่ก่อตั้งองค์การนี้ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ.1948 โดยรัฐบาลของประเทศออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี โดยแม่ทัพของฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาที่ประจำอยู่ในเขตยึดครองในเยอรมนี (หลังเสร็จสงครามโลกครั้งที่สอง)จุดประสงค์สำคัญที่สุดขององค์การนี้คือ ต้องการให้ทวีปยุโรปมีภาวะเศรษฐกิจกลับคืนมาใหม่อย่างมั่นคง ด้วยการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก สำนักงานใหญ่ขององค์การนี้ตั้งอยู่ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสอย่างไรก็ดี บัดนี้ได้มีองค์การตั้งขึ้นใหม่แทนองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจของยุโรป เรียกว่า องค์การร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Cooperation and Development ) หรือ OECD สำหรับสัญญาจัดตั้งองค์การโอดีซีดีนี้ ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1960 โดยรัฐบาลของประเทศออสเตรีย เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา สัญญาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1961จุดประสงค์สำคัญขององค์การโออีซีดี มีดังนี้1. เพื่อให้บรรดาประเทศสมาชิกได้มีความเติบโตทางเศรษฐกิจ มีแรงงาน อาชีพ และมาตรฐานการครองชีพให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาเสถียรภาพทางการคลังไว้เพื่อเป็นการเกื้อกูลต่อการ พัฒนาเศรษฐกิจของโลก2. ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ให้ประเทศสมาชิกมีโอกาสขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคง รวมทั้งในประเทศที่มิได้เป็นสมาชิกด้วย3. ต้องการมีส่วนเกื้อกูลต่อการขยายตัวทางการค้าในรูปพหุภาคี และปราศจากการกีดกันแต่อย่างใด ตามพันธกรณีระหว่างประเทศองค์การสำคัญในองค์การโออีซีดีคือคณะมนตรี ( Council ) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกทั้งหมด มีคณะกรรมการบริหารรวมทั้งเลขาธิการ สำนักงานใหญ่ขององค์การตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส [การทูต] | Pacific Settlement of International Disputes | หมายถึง การระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี คงจะจำกันได้ว่า ในตอนเสร็จสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศในโลกฝ่ายเสรีซึ่งเป็นผู้ชนะ ต่างมีเจตนาอันแน่วแน่ที่จะหาทางมิให้เกิดสงครามขึ้นอีกในโลก จึงตกลงร่วมกันก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ (Charter of the United Nations)ดังนั้น ข้อ 2 ของกฎบัตรสหประชาชาติจึงได้กำหนดให้ประเทศสมาชิกมีพันธกรณีที่จะต้องหาทางระ งังกรณีพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี และข้อ 33 ของกฎบัตรก็ได้บัญญัติไว้ว่า ?1. ผู้เป็นคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในกรณีพิพาทใด ๆ ซึ่งหากดำเนินอยู่ต่อไป น่าจะเป็นอันตรายแก่การธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ก่อนอื่นจักต้องแสวงหาการแก้ไขโดยการเจรจา ไต่สวน ไกล่เกลี่ย ประนีประนอม อนุญาโตตุลาการ การระงับโดยทางศาล การหันเข้าอาศัยทบวงการตัวแทน การตกลงส่วนภูมิภาค หรือสันติวิธีประการอื่นใดที่คู่กรณีจะพึงเลือก 2. เมื่อเห็นว่าจำเป็น คณะมนตรีความมั่นคงจักเรียกร้องให้คู่พิพาทระงับกรณีพิพาทของตนโดยวิธีเช่น ว่านั้น? [การทูต] | Plural Representation | หมายถึง การที่รัฐหนึ่งแต่งตั้งผู้แทนทางการทูตถาวรของตนมากกว่าหนึ่งคนไปประจำรัฐ อีกแห่งหนึ่งนอกประเทศ ในกรณีเช่นนั้น ผู้แทนทางการทูตคนหนึ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนทางทูต ส่วนผู้แทนทางการทูตที่เหลือจะเป็นตัวรองอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา เช่น ในสหประชาชาติมีคณะทูตถาวรประจำสหประชาชาติหลายแห่ง นิยมตั้งเอกอัครราชทูตของตนเป็นจำนวนมากถึง 3 หรือ 4 คนไปประจำอยู่ในคณะ ตัวหัวหน้าคณะทูตถาวรเช่นนั้น จะมีตำแหน่งเรียกว่า เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศของตนประจำสหประชาชาติ ส่วนเอกอัครราชทูตคนที่สองในคณะทูตถาวร มีตำแหน่งเรียกว่า รองผู้แทนถาวรการส่งเอกอัครราชทูตหลายคนไปประจำเป็นตัวแทนเช่นนี้ ไม่เป็นที่นิยมกระทำกันแพร่หลายเหมือนกับการส่งหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตคน เดียวไปประจำในหลายประเทศในเวลาเดียวกัน ดังที่กล่าวมาข้างต้น [การทูต] | Potsdam Proclamation | คือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต] | The Foreign Office | ในสมัยก่อน เมื่อสังคมนานาชาติมีสมาชิกประเทศอยู่เพียงไม่กี่แห่ง และการเจริญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน ดังนั้น ประมุขของรัฐหรือหัวหน้าของรัฐบาลจะเป็นผู้บริหารกิจการต่างประเทศด้วยตนเอง แต่มาในปัจจุบันเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทำเช่นนี้ ดังนั้นทุกวันนี้ รัฐบาลของประเทศเกือบจะทุกแห่งจะมีสำนักงานในระดับกระทรวงแยกออกต่างหาก เพื่อดำเนินกิจการต่างประเทศโดยเฉพาะสำนักงานนี้จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันใน แต่ละประเทศ เช่นเรียกว่า The Ministry of (หรือ for) Foreign Affairs, The Ministry of External Affairs, The Department of State หรือ The Department of Foreign Affairs หรือ Gaimusho เป็นต้น ส่วนหัวหน้าสำนักงานหรือเจ้ากระทรวงนั้น จะเป็นบุคคลในคณะรัฐมนตรี และเรียกชื่อตำแหน่งต่างๆ กัน เช่น The Secretary of Foreign Affairs, The Minister of External Affairs, The Secretary of State หรือ Foreign Minister หรือ Foreign Secretary ตัวรัฐมนตรีนี้จะมีผู้ช่วย ซึ่งบางตำแหน่งเรียกว่า ปลัดกระทรวง (Under-Secretaries), ผู้ช่วยปลัดกระทรวง (Assistant Under-Secretaries) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่ได้ผ่านการฝึกอบรมมาแล้วงาน ของกระทรวงการต่างประเทศ โดยทั่วไปมักจะแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกเรียกว่าฝ่ายธุรการ (Home Service) ทำหน้าที่บริหารกิจการต่าง ๆ ภายในประเทศ ซึ่งเกี่ยวกันกับกิจการต่างประเทศ รวมทั้งการติดต่อเกี่ยวข้องกับคณะทูตานุทูต และฝ่ายที่สองเรียกว่า Foreign Service เป็นฝ่ายดำเนินงานเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในต่างแดน อันมีสถานทูต สถานกงสุล และสำนักงานอื่น ๆ เป็นตัวแทน ประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายการทูตและฝ่ายวิชาการ ซึ่งประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลและสำนักงานระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่ประเทศไทยเรายังมิได้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายดังกล่าวตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศเป็นตัวกลาง ทำหน้าที่ติดต่อระหว่างประเทศ ส่วนหัวหน้าคณะทูตภายในนครหลวงของแต่ละประเทศจะทำการติดต่อใด ๆ ทั้งหมดกับกระทวงการต่างประเทศของรัฐผู้รับงานภายในกระทรวงการต่างประเทศ โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นกรม กอง โดยถือตามเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ เช่น กรมหรือกองการเอเชีย กรมการแอฟริกา กรมการอเมริกัน กรมการยุโรป และอื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีกรมกองอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ด้านธุรการ และด้านการสื่อสารติดต่อ การประชุม การประสานงานความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การคลัง การบริการในต่างประเทศ การสารนิเทศ การกฎหมาย การห้องสมุด การหนังสือเดินทาง การบุคลากร การพิธีการทูต การวิจัย การสนธิสัญญา การตรวจลงตรา (Visa) และการสหประชาชาติในปัจจุบันในหลาย ๆ ประเทศ ผู้ที่สมัครขอรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีคุณวุฒิตามที่กระทรวง กำหนด เช่น จะต้องผ่านการสอบไล่ ทั้งในภาคปากเปล่า และข้อเขียน ตลอดจนจะต้องปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมการสอบไล่ (Board) ซึ่งจะเป็นฝ่ายให้คะแนนบุคลิกและคุณภาพส่วนตัว แล้วนำคะแนนไปบวกกับคะแนนสอบข้อเขียน ในบางแห่งต้องการให้ผู้สมัครสอบเข้ารับการฝึกอบรม และให้อยู่ในระหว่างการทดลองดูความประพฤติ (Probationary period) อีกด้วย [การทูต] | The Hague Peace Conferences | การประชุมสันติภาพ ณ กรุงเฮก ในประเทศเนเธอร์แลนด์ การประชุมนี้ได้กระทำกันเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1899 โดย พระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่สอง ของประเทศรัสเซียเป็นผู้จัดให้มีขึ้น ณ กรุงเฮก เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1899 ที่ประชุมได้รับรองอนุสัญญาว่าด้วยการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติ วิธี ได้ตกลงจัดตั้งศาลซึ่งตัดสินประเทศโดยสันติวิธี พร้อมทั้งได้ตกลงจัดตั้งศาลซึ่งตัดสินโดยอนุญาโตตุลาการเป็นการถาวร และเสนอแนะให้วางประมวลพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการ ทั้งยังได้ตกลงรับรองอนุสัญญาและปฏิญญาต่าง ๆ หลายฉบับ ในจำนวนนี้ ที่สำคัญที่สุดได้แก่ อนุสัญญาควบคุมกฎหมายและขนบประเพณีว่าด้วยการทำสงครามภาคพื้นดินการประชุม สันติภาพ ณ กรุงเฮกครั้งที่สอง หรือการประชุม ณ กรุงเฮกปี ค.ศ.1907 ตามคำขอร้องของรัฐบาลรัสเซีย ได้มีขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1907 วัตถุประสงค์สำคัญของการประชุมคือต้องการปรับปรุงและขยายข้อความในอนุสัญญา ต่าง ๆ ที่ทำไว้เมื่อปี ค.ศ. 1899 ว่าด้วยการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี รวมทั้งกฎหมายและขนบประเพณีเกี่ยวกับสงครามภาคพื้นดิน ตลอดจนรับรองอนุสัญญาเกี่ยวกับกฎหมายและขนมประเพณีของการทำสงครามทางทะเล การประชุม ณ กรุงเฮกครั้งที่สองนี้ยังได้เสนอแนะให้ที่ประชุมกำหนดให้ประเทศผู้ลงนาม รับรองและนำออกใช้ซึ่งร่างอนุสัญญาว่าด้วยการก่อตั้งศาลสถิตยุติธรรม เพื่อพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการอีกด้วย [การทูต] | Incorporation | ขั้นตอนหนึ่งของกลไกการผสมสารตัวเติมเข้าไปในยางแห้ง โดยจะเกิดจากการที่สารตัวเติมถูกรวมเข้าไปในเนื้อยางซึ่งเกิดผ่านกลไก 2 แบบ ได้แก่ กลไกที่หนึ่ง แรงเฉือนจะทำให้ยางเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ซึ่งทำให้ยางมีพื้นที่สัมผัสกับสารตัวเติมได้มากขึ้น เมื่อแรงเฉือนหมดไป ยางจะคลายตัวกลับคืนสู่สภาพที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและโอบล้อมเอาสาร ตัวเติมไว้ภายในยาง และกลไกที่สอง ยางชิ้นใหญ่ที่ได้รับแรงเฉือนสูงๆ จะเกิดการฉีกขาดจนได้ยางที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งเหล่านี้จะเข้าไปโอบล้อมสารตัวเติมไว้ภายในยางเช่นกัน [เทคโนโลยียาง] | Alcohols, Secondary | อัลกอฮอล์ขั้นที่สอง [การแพทย์] | Burns, Second Degree | บาดแผลรุนแรงเป็นขั้นที่สอง [การแพทย์] | Childhood, Second | กลับเป็นเด็กครั้งที่สอง [การแพทย์] | Delivery of Second Twin | การคลอดทารกรายที่สอง [การแพทย์] | Dub | เสียงของหัวใจเสียงที่สอง [การแพทย์] | Endocrine Neoplasia Type II, Multiple | เนื้องอกต่อมไร้ท่อหลายต่อมชนิดที่สอง [การแพทย์] | Fixation, Secondary | การดองครั้งที่สอง [การแพทย์] | spermatid | สเปอร์มาทิด, เซลล์ซึ่งเปลี่ยนแปลงมาจากสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่สองและจะเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็นตัวอสุจิ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | spermatocyte | สเปอร์มาโทไซต์, เซลล์ซึ่งเจริญมาจากสเปอร์มาโทโกเนียมในระยะก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวอสุจิ สเปอร์มาโทไซต์มี 2 ระยะ คือ สเปอร์มาโทไซต์ระยะแรก และสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่สอง [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | secondary spermatocyte | สเปอร์มาโทไซต์ระยะที่สอง, เซลล์ที่เปลี่ยนแปลงมาจากสเปอร์มาโทไซต์ระยะแรกและจะเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็นสเปอร์มาทิด [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | primary spermatocyte | สเปอร์มาโทไซต์ระยะแรก, เซลล์ที่เปลี่ยนแปลงมาจากสเปอร์มาโทโกเนียมและพร้อมที่จะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสกลายเป็นสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่สอง [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | secondary oocyte | โอโอไซต์ระยะที่สอง, เซลล์เปลี่ยนแปลงมาจากโอโอไซต์ระยะแรก และจะเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็นเซลล์ไข่ แต่ในสัตว์บางชนิด เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม โอโอไซต์ระยะที่สองคือ เซลล์ไข่ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | primary oocyte | โอโอไซต์ระยะแรก, เซลล์ที่เปลี่ยนแปลงมาจากโอโอโกเนียม และพร้อมที่จะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสกลายเป็นโอโอไซต์ระยะที่สอง [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | standard deviation | ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, รากที่สองของค่าเฉลี่ยของกำลังสองของส่วนเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ยเลขคณิต ใช้วัดการกระจายของข้อมูล เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ s [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | decile | เดไซล์, ค่าของข้อมูล ณ จุด 9 จุด ซึ่งแบ่งจำนวนข้อมูลออกเป็น 10 ส่วนเท่า ๆ กัน ค่าดังกล่าวนี้เรียกตามลำดับจากน้อยไปหามากว่า เดไซล์ที่หนึ่ง (D1) เดไซล์ที่สอง (D2) ... เดไซล์ที่เก้า (D9) [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | transpose of a matrix | เมทริกซ์สลับเปลี่ยน, เมทริกซ์ที่ได้จากการเขียนเมทริกซ์ A ใหม่โดยนำสมาชิกในแถวที่ 1 ของ A ทั้งแถวมาเรียงกันเป็นหลักที่หนึ่งของเมทริกซ์ใหม่ และนำสมาชิกในแถวที่ 2 ของ A ทั้งแถวมาเรียงเป็นหลักที่สองของเมทริกซ์ใหม่และต่อ ๆ ไป เมทริกซ์ที่ได้เรียกว่าทรานสโพสของ A เขียนแทนด้วยสัญลัก [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | square root | รากที่สอง, รากที่สองของจำนวนจริง a เมื่อ a > 0 เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ หมายถึงจำนวนที่ยกกำลังสองแล้วได้ a เช่น 2 และ -2 เป็นรากที่สองของ 4 [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | ellipse | วงรี, เซตของจุดทุกจุดในระนาบซึ่งผลบวกของระยะทางจากจุดใด ๆ ในเซตนี้ไปยังจุดคงที่สองจุด มีค่าคงตัว จุดคงที่ทั้งสองนี้เรียกว่า โฟกัส ดูรูปประกอบ F1, F2 คือโฟกัสของวงรี [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | Infection, Heterologous, Secondary | ได้รับเชื้ออีกชนิดหนึ่งเป็นครั้งที่สอง [การแพทย์] | Mesothorax | ทรวงอกกลาง, อกปล้องที่สอง, มีโซทอแรกซ์ [การแพทย์] | Messenger Theory, Second | ทฤษฎีการเป็นตัวนำข่าวที่สอง [การแพทย์] | Messenger, Second | ตัวนำข่าวที่สอง, ตัวนำข่าวตัวที่สอง, ผู้สื่อข่าวที่สอง [การแพทย์] | Messenger, Secondary | สารสื่อตัวที่สอง [การแพทย์] |
| Two, | ทางที่สอง Live by Night (2016) | Why are you bringing me into this? Face it, Jafar--you're still just second best! | ยอมรับซะ จาฟา เจ้าเป็นแค่ ที่สองเท่านั้น Aladdin (1992) | Franks was first. Towers second. There's bound to be a third. | แฟร๊งค์เป็นรายแรก ทาวเวอร์รายที่สอง ต้องมีรายที่ 3 แน่ๆ Basic Instinct (1992) | I was relieved that it was just a plane crash, and I could help. | 3640 ที่คังซาน ถนนที่สอง ผู้โดยสารเป็นชายสองคน ดูว่าเค้าไปลงไหนแล้วรายงานด้วย Hero (1992) | For some reason, I've been given a second chance... so I'm taking my work underground. | ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมได้รับโอกาสที่สอง ครั้งนี้เป็นการทำงานอย่างลับๆ The Lawnmower Man (1992) | Junior, you're the first middleman. | จูเนียร์ นายเป็นคนที่สอง Cool Runnings (1993) | We now come to the second chance for the four intrepid men from Jamaica. | นี่คือโอกาสที่สอง ของชายผู้กล้าหาญทั้ง 4 จากจาไมก้า Cool Runnings (1993) | - It was those two. | - - มันเป็นที่สอง In the Name of the Father (1993) | All second-class passengers boarding now. | ผู้โดยสารทุกประเภทที่สอง ขึ้นขณะนี้ In the Name of the Father (1993) | - since the Second World War. | - - นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง In the Name of the Father (1993) | He shouldn't have had that second glass when everyone else had had only half an inch just for taste. | - เพื่อ... - เขาไม่ควรจะดื่มแก้วที่สอง... - ทุกคนในครอบครัว + ในขณะที่ทุกคนเพิ่งจะลิ้มรสไปในแค่ครึ่งเดียว The Joy Luck Club (1993) | And finally, Second Wife, the empress of the household, with Wu Tsing's only son. | และในที่สุดเมียคนที่สอง ราชินีของบ้าน กับลูกชายคนเดียวของวูชิง The Joy Luck Club (1993) | Second Wife invited you over... to play mah jong. | เมียที่สองก็เลยเชิญแม่มา... เพื่อเล่นไพ่นกกระจอกกัน The Joy Luck Club (1993) | Give me back my son! Second Wife claimed him as her reward. | - เมียคนที่สองก็เอาตัวเขาไป ถือว่าเป็นรางวัลของเธอ The Joy Luck Club (1993) | Second Wife told me my mother had died by accident, taking too much opium. | เมียคนที่สองบอกฉันว่า แม่ฉันตายเพราะอุบัติเหตุ สูบิฝ่นมากเกินขนาด The Joy Luck Club (1993) | Second Wife hair began to turn white. | ผมของเมียที่สองก็กลายเป็นผมหงอกทั้งหัว The Joy Luck Club (1993) | Auntie An Mei, longtime friends of my mother, you are like second mothers to me Truly. | คุณป้าอันเมย์ เพื่อนรักที่ยาวนานของแม่ของฉัน พวกป้าก็เป็นเหมือนกับแม่คนที่สองของฉัน... The Joy Luck Club (1993) | Our second and honorable mention... goes to the fabulous Dark Lagoon leeches. | รางวัลที่สอง และ ผู้ได้รับเกียรติอันสูงส่ง... ตกเป็นของคนที่เรานึกไม่ถึง / คุณปลิงดูดเลือด The Nightmare Before Christmas (1993) | That's strange. That's the second toy complaint we've had. | นั่นแปลกที่เดียว นั่นเป็นของเล่นตัวที่สองที่มาร้องทุกข์กับเรา The Nightmare Before Christmas (1993) | We could be here until the Second Coming waiting for Billy to get out of this bed. | - พวกเราจะไปไหน ? - เราต้องไปพบ Billy Miles (เสียงพยาบาล) พวกเราอยู่นี่ได้ จนกว่ากะที่สอง... Deep Throat (1993) | Mrs. Parrish is in one for a second trimester sonogram. | คุณนายพาริชนัดตรวจอัลตราซาวน์ครั้งที่สองที่ห้องหนึ่ง Junior (1994) | So embryo three is entering its two-to-four stage. | ตัวอ่อนหมายเลขสามเข้าสู่ภาวะที่สองจากสี่ Junior (1994) | No, the second goes higher on the chest. | ไม่ นัดที่สองต้องยิงสูงกว่าอก Léon: The Professional (1994) | - The second finishes him off. | - นัดที่สองทำให้เขาตาย Léon: The Professional (1994) | I double dare you, motherfucker! | ผมกล้า ya! ฉันกล้าที่สองคุณเวรตะไล! Pulp Fiction (1994) | Why don't you hang back a second or two. You see the white boy leave, go on over. | ทำไมคุณไม่กลับไปเที่ยวที่สองหรือสอง คุณเห็นลาเด็กสีขาวไปเมื่อกว่า Pulp Fiction (1994) | - Butch, stop watching TV for a second. | - บุทช์หยุดดูทีวีเป็นครั้งที่สอง Pulp Fiction (1994) | - Clean the car- which moves us right along to Phase two: | - ทำความสะอาด Car - ซึ่งย้ายเราขวาพร้อมกับขั้นตอนที่สอง: Pulp Fiction (1994) | Like for the baccalaureate, you won't have a second more. | ดั่งผู้มีการศึกษา เธอจะไม่ได้รับโอกาสครั้งที่สอง Wild Reeds (1994) | The second paragraph is no good. | ย่อหน้าที่สองไม่ดีเลย Wild Reeds (1994) | I do believe those first two years were the worst for him. | ผมไม่เชื่อว่าคนที่สองปีแรกเป็นที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเขา The Shawshank Redemption (1994) | that on the second-to-last day of the job, the convict crew that tarred the plate-factory roof in the spring of '49... wound up sitting in a row at ten o'clock in the morning, drinking icy-cold, Bohemia-style beer... courtesy of the hardest screw that ever walked a turn at Shawshank State Prison. | ว่าในวันที่สองไปสุดท้ายของงาน ลูกเรือนักโทษที่ tarred หลังคาแผ่นโรงงานในฤดูใบไม้ผลิของ '49 ... ลงเอยด้วยการนั่งอยู่ในแถวที่ 10: The Shawshank Redemption (1994) | Dekins just blinked for a second. Then he laughed himself silly. | Dekins เพียงกระพริบตาเป็นครั้งที่สอง แล้วเขาก็หัวเราะตัวเองโง่ The Shawshank Redemption (1994) | You tell me. One second he's fine. Then out comes the knife. | คุณบอกฉัน คนที่สองเขาเป็นคนดี แล้วออกมาพร้อมมีด The Shawshank Redemption (1994) | Second cousin to Harvey the Rabbit. | ลูกพี่ลูกน้องที่สองให้กับฮาร์วีย์กระต่าย The Shawshank Redemption (1994) | For the second time in my life, | เป็นครั้งที่สองในชีวิตของฉัน The Shawshank Redemption (1994) | On the second day, after i left the Sultana, | วันที่สองหลังจากที่ทิ้งชายาสุลต่าน Don Juan DeMarco (1994) | Two officers in Boston were hacked to death... amid jeering crowds in an attack last night. | เจ้าหน้าที่สองนายในบอสตั้นต้องเสียชีวิต จากการเข้าปะทะเมื่อคืน In the Mouth of Madness (1994) | Firstly, Miss Elizabeth died in her sleep and secondly, they're not animals like you, Morgan. | อย่างแรก มิสอลิซาเบธนอนหลับเป็นตาย และอย่างที่สอง The Englishman Who Went Up a Hill But Came Down a Mountain (1995) | A second later, he heard a body hit the floor. | ที่สองต่อมาเขาได้ยินร่างกายกระแทกพื้น 12 Angry Men (1957) | They heard an argument. Then they heard the father hit the boy twice. | พวกเขาได้ยินเสียงทะเลาะกัน แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงพ่อตีเด็กเป็นครั้งที่สอง 12 Angry Men (1957) | They'll get a chance to talk. Be quiet a second, will ya? | พวกเขาจะได้รับโอกาสที่จะพูดคุย จะเงียบที่สองจะยา? 12 Angry Men (1957) | A second later, he heard the body hit the floor. | ที่สองต่อมาเขาได้ยินร่างกายกระแทกพื้น 12 Angry Men (1957) | He says he heard the boy say "I'm gonna kill you", and a split second later heard a body hit the floor. | เขาบอกว่าเขาได้ยินเสียงเด็กบอกว่า "ฉันจะฆ่าคุณ" และครั้งที่สองแยกต่อมาได้ยินร่างกายกระแทกพื้น 12 Angry Men (1957) | The old man - "I'm gonna kill you", body hitting the floor a second later - would have had to hear the boy's words with the el roaring past his nose! | ชายชรา - "ฉันจะฆ่าคุณ" ร่างกายตีชั้นที่สองภายหลัง - จะต้องมีการได้ยินคำพูดของเด็กที่มีเอลคำรามที่ผ่านจมูกของเขา! 12 Angry Men (1957) | It only takes a second. | ก็จะใช้เวลาที่สองเท่านั้น 12 Angry Men (1957) | - Hold on a second. Look. | - ถือที่สอง ดู 12 Angry Men (1957) | - Who's got a watch with a second hand? | - ใครมีนาฬิกาด้วยมือที่สองหรือไม่ 12 Angry Men (1957) | - What was the second feature? | - อะไรคือคุณลักษณะที่สอง? 12 Angry Men (1957) | It was a very inexpensive second feature, with unknown... | มันเป็นคุณลักษณะที่สองราคาไม่แพงมากด้วยความที่ไม่รู้จัก ... 12 Angry Men (1957) |
| ชั้นที่สอง | [chan thī søng] (n, exp) EN: second class FR: deuxième classe [ f ] ; deuxième étage [ m ] | ชั้นที่สอง | [chan thī søng] (adj) EN: secondary FR: secondaire | การบำบัดน้ำเสียขั้นที่สอง | [kān bambat nām sīa chan thī søng] (n, exp) EN: secondary treatment FR: traitement secondaire [ m ] | ครั้งที่สอง | [khrang thī søng] (n, exp) EN: the second time FR: la deuxième fois [ f ] | ครึ่งที่สอง | [khreung thī søng] (n, exp) EN: second half FR: deuxième mi-temps [ f ] ; seconde mi-temps [ f ] | ลำดับที่ 2 = ลำดับที่สอง | [lamdap thī søng] (adj) EN: second | นัดที่สอง | [nat thī søng] (n, exp) EN: second leg FR: deuxième rencontre [ f ] ; deuxième manche [ f ] | พิมพ์ครั้งที่สอง | [phim khrang thī søng] (n, exp) EN: second edition ; second print FR: deuxième édition [ f ] ; deuxième impression [ f ] | ประการที่สอง = ประการที่ ๒ | [prakān thī søng] (adv) FR: deuxièmement ; en second lieu ; secundo ; deuzio (fam.) | รากที่สอง | [rāk thī søng] (n, exp) EN: square root FR: racine carrée [ f ] | รัชกาลที่สอง | [Ratchakān thī søng] (n, prop) EN: Rama II (King) FR: Rama II (roi) [ m ] | สงครามโลกครั้งที่สอง | [Songkhrām Lōk khrang thī søng] (n, prop) EN: Worl War II FR: Deuxième Guerre mondiale [ f ] | ที่สอง | [thī søng] (adj, num) EN: second FR: deuxième ; second |
| aftermath | (n) การเพาะปลูกครั้งที่สอง (ในฤดูเดียวกัน) | alto | (adj) เกี่ยวกับเสียงดนตรีที่มีเสียงสูงสุดเป็นลำดับที่สอง | anapaest | (n) การออกเสียงในภาษาอังกฤษที่สองพยางค์แรกเน้นเสียงเบาตามด้วยหนึ่งพยางค์ที่เน้นเสียงหนัก | Barcelona | (n) เมืองบาเซโลน่า (เมืองใหญ่เป็นที่สองของประเทศสเปน) | boomer | (n) ผู้เกิดตอนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง | clung | (vi) กริยาช่องที่สองและสามของ cling | diaeresis | (n) สัญลักษณ์ ที่ใส่เหนือสระตัวที่สอง เพื่อแสดงว่า ออกเสียงแยกจากสระตัวแรก, Syn. dieresis | dieresis | (n) เครื่องหมาย ที่ใส่เหนือสระตัวที่สอง เพื่อแสดงว่า ออกเสียงแยกจากสระตัวแรก | fascism | (n) ลัทธิฟาสซิสต์, See also: ลัทธิชาตินิยมในอิตาลีก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง | in the second place | (idm) อย่างที่สอง (ปกติใช้เมื่อพูดถึงอย่างแรกไปแล้ว) | interface | (n) พื้นที่ร่วมของสองสิ่ง, See also: อินเตอร์เฟส, จุดที่สองสิ่งสัมผัสกัน | lead | (n) ระยะห่างระหว่างที่หนึ่งกับที่สอง | moonlight | (vi) ทำงานแห่งที่สอง (คำไม่เป็นทางการ), See also: ทำงานเพิ่มจากงานหลัก, ทำงานพิเศษ | other | (adj) ที่เป็นอันที่สอง (ในจำนวนของสองสิ่ง) | other | (pron) อันที่สอง (ในจำนวนของสองสิ่ง), See also: อีกอันหนึ่ง | runner-up | (n) ผู้ได้ตำแหน่งที่สองในการแข่งขัน | second best | (adj) รองชนะเลิศ, See also: ตำแหน่งรองชนะเลิศ, ที่รองลงมา, เป็นที่สอง, Syn. minor, inferior | second teeth | (n) ฟันแท้, See also: พันชุดที่สอง หลังฟันน้ำนมขึ้น | second | (adj) ที่สอง, See also: เป็นลำดับที่สอง, Syn. next, following, succeeding | second | (n) ลำดับที่สอง, See also: ที่สอง, คนที่สอง, ขั้นที่สอง, ครึ่งที่สอง, คุณภาพชั้นสอง, ส่วนที่สอง | secondarily | (adv) ในลำดับที่สอง | secondariness | (n) ความเป็นลำดับที่สอง | secondary | (adj) ลำดับที่สอง, See also: ที่สอง | secondary | (n) ลำดับสอง, See also: ตำแหน่งที่สอง | secondly | (adv) ในลำดับที่สอง, See also: ถัดไป, ลำดับต่อไป, Syn. in the second place, again, furthermore | secondly | (adv) ที่สอง, See also: ในลำดับที่สอง | Sexagesima | (n) วันอาทิตย์ที่สองของเดือนก่อนเทศกาลถือบวช (Lent) | sophomore | (n) นักศึกษาชั้นปีที่สอง, Syn. second-year, lowerclassman | Venus | (n) ดาววีนัส, See also: ดาวเคราะห์ดวงที่สองในระบบสุริยจักรวาล |
| a: | A: Drive A ไดรฟ์เอ หมายถึง ชื่อหน่วยบันทึกหน่วยแรกของเครื่องคอมพิวเตอร์ตระกูลไอบีเอ็ม หรือเครื่องเลียนแบบ (compatibles) เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องจะเข้าไปดูในหน่วยนี้ก่อน หากไม่พบสิ่งใด ๆ จึงจะย้ายไปดูหน่วยบันทึกอื่นต่อไป หน่วยที่สองจะนิยมเรียกกันว่า B: และหน่วยจานบันทึกแข็งหรือฮาร์ดดิสก์ มักจะถูกกำหนดให้เป็น C: (เวลาเขียน ต้องมีเครื่องหมาย : ตามหลังเสมอ จึงจะหมายถึงหน่วยบันทึก) | abel | (เอ' เบิล) n. ลูกชายคนที่สองของ Adam & Eve (second son of Adam and Eve) | adventist | (แอด' เวนทิสทฺ) n. สมาชิกของนิกายคริสเตียนที่เชื่อถือว่าพระเยซูคริสจะมาจุติในโลกอีกครั้งที่สอง., Syn. Second Adventist | alter ego | (ออล' เทอะ เอก' โก) อัตตะที่สอง, ตัวที่สองของตัวเอง, เพื่อนแท้ (perfect substitute) | beta | (เบ'ทะ) n. อักษรตัวที่สองของพยัญชนะกรีก, ตำแหน่งหนึ่งของอะตอมหรือกลุ่มอะตอมในสารประกอบ, สารประกอบ isomer, อนุภาค beta | beta test | ทดสอบรอบสองหมายถึง โปรแกรมที่ทำออกมาให้ลูกค้าทำการทดสอบเป็นครั้งที่สอง (ครั้งแรกเรียกว่า alpha test) เพื่อจะดูว่า โปรแกรมดังกล่าวปฏิบัติงานตามที่ต้องการได้เรียบร้อยครบถ้วนดีแล้วหรือยัง ก่อนที่จะนำออกขายในตลาด โปรแกรมที่นำออกมาทดสอบเหล่านี้มักจะมีเขียนบอกไว้ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้รู้ว่า ยังเป็นโปรแกรมที่อยู่ในขั้นทดลองใช้ เช่น Alpha 1, Beta 5 ซึ่งหมายถึง รุ่น 1.0 หรือ 5.0 นั่นเองดู alpha test ประกอบ | bis | (บิส) adv. ครั้งที่สอง, สองครั้ง interj. เอาอีก! | collateral | (คะแลท'เทอรัล) adj. เคียงข้าง, ขนานกัน, เพิ่มเติม, ประกอบ, สังกัด, เป็นส่วนเสริม, ที่สอง, โดยทางอ้อม, ไม่ใกล้ชิด, ห่าง ๆ, See also: collaterality n., Syn. adjunct | corundum | (คะรัน'ดัม) n. แร่อะลูมินัมออกไซด์ซึ่งแข็งเป็นที่สองรองจากเพชร เป็นแร่จากธรรมชาติหรือจากการสังเคราะห์ | data fork | ส่วนข้อมูลแฟ้มข้อมูลที่ใช้บนเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชทุก ๆ แฟ้มจะประกอบด้วยสองส่วน ส่วนที่หนึ่งนั้น เรียกว่า ส่วนข้อมูล (data fork) หมายถึงส่วนที่เป็นข้อมูลจริง ๆ ที่โปรแกรมนั้น ๆ จะต้องใช้ ส่วนที่สองเรียกว่า ส่วนทรัพยากร (resource fork) หมายถึงส่วนที่เป็นข้อคำสั่งต่าง ๆ ที่เรียกว่าโปรแกรม ซึ่งจะเป็นตัวทำงานให้ หรือไม่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีไว้ เพื่อให้ใช้โปรแกรมนั้น ๆ ได้ครบถ้วน เช่น การกำหนดแบบอักษร (font) สัญรูป (icon) รายการเลือก (menu) เป็นต้น | deutero- | Pref. " ที่สอง | deuto- | Pref. " ที่สอง | drive a | A:ไดรฟ์เอหมายถึง ชื่อหน่วยบันทึกหน่วยแรกของเครื่องคอมพิวเตอร์ตระกูลไอบีเอ็ม หรือเครื่องเลียนแบบ (compatibles) เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องจะเข้าไปดูในหน่วยนี้ก่อน หากไม่พบสิ่งใด ๆ จึงจะย้ายไปดูหน่วยบันทึกอื่นต่อไป หน่วยที่สองจะนิยมเรียกกันว่า B: และหน่วยจานบันทึกแข็งหรือฮาร์ดดิสก์ มักจะถูกกำหนดให้เป็น C: (เวลาเขียน ต้องมีเครื่องหมาย : ตามหลังเสมอ จึงจะหมายถึงหน่วยบันทึก) | drop cap | หมายถึงอักษรตัวโตกว่าขนาดปกติตัวแรกของย่อหน้า โดยปกติส่วนบนจะมีระดับเท่ากับตัวอักษรอื่น ๆ แต่จะกินเนื้อที่ของบรรทัดที่สองและสาม | latter | (แลท'เทอะ) adj. อันหลัง, ครึ่งหลัง, ส่วนที่สอง, ระยะหลัง, ต่อมา, ใกล้จบ | mindanao | (มิน'ดาเนา) n. เกาะที่ใหญ่ที่สองของฟิลิปปินส์ | optic nerve | เส้นประสาทของcranial nerves คู่ที่สอง มีหน้าที่กระแสประสาท (impulses) จากเรตินาสู่สมอง | page break | ตำแหน่งแบ่งหน้าคำนี้มีใช้ในโปรแกรมประมวลผลคำ (word processing) หรือโปรแกรมตารางจัดการ (spread sheet) หมายถึง ตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนหน้าใหม่ โดยปกติการเปลี่ยนหน้าจะทำได้ 2 แบบ คือ แบบเปลี่ยนไปเองโดยอัตโนมัติ หมายถึง การพิมพ์ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของหน้าที่โปรแกรมกำหนดไว้ ก็จะขึ้นหน้าใหม่โดยอัตโนมัติ หากมีการลบหรือเพิ่มข้อความหรือภาพ ก็จะกระทบมาถึงตำแหน่งนี้ด้วย ส่วนแบบที่สอง คือ การกำหนดตำแหน่งที่จะขึ้นหน้าใหม่ โดยใช้คำสั่งกำหนดว่าจะให้เป็นที่หนึ่งที่ใด เมื่อถึงจุดนี้แล้ว เลขหน้าก็จะเปลี่ยนไปให้ เท่ากับเป็นการขึ้นหน้าใหม่เช่นกัน | pipeline | การทำงานแบบสายท่อหมายถึง วิธีการเชื่อมโยงสองโปรแกรมหรือกว่านั้นเข้าด้วยกัน โดยกำหนดให้ผลที่เกิดจากการประมวลผลในโปรแกรมแรก เป็นตัวกำหนดเรียกโปรแกรมที่สอง (หมายความว่า โปรแกรมที่สองจะเป็นโปรแกรมใด ขึ้นกับผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลในโปรแกรมแรก) การประมวลผลในโปรแกรมที่สองก็จะเรียกโปรแกรมต่อไป วิธีการนี้ใช้ในระบบยูนิกซ์ (UNIX) และ ดอส (DOS) | prophase | เป็นระยะที่สองของการแบ่งตัวแบบ miotosis โดยโครโมโซมเริ่มหดสั้นเข้าโดยบิดเป็นเกลียวคล้ายเกลียวเชือกเยื่อหุ้มนิวเคลียสและ nucleolus เริ่มสลายตัวพอถึงระยะปลาย prophase จะเห็นโครโมโซมเป็นสองเส้นคู่กัน และแต่ละเส้นเรียกว่า chromatid และ chromatid จะเรียงตัวเข้ามากลางเซลล์ ส่วนในไซโตปลาสซึมโครโมโซมจะทำการแบ่งตัวเป็น 2 อัน แล้วเคลื่อนออกไป 2 ด้านแต่ยังติดด้วยเส้นใยขาว ๆ (spindle fiber) | secant | (ซี'แคนทฺ, -เคินทฺ) n. (เรขาคณิต) เส้นตัด (โดยเฉพาะเส้นตัดเส้นโค้งที่สองจุดหรือมากกว่าสองจุด) , (สามเหลี่ยมมุมฉาก) อัตราส่วนของด้านตรงข้ามมุมฉากกับด้านที่ติดกับมุมที่กำหนดให้, เส้นที่ลากจากจุดศูนย์กลางของวงกลมผ่านเส้นรอบวงไปจดกับเส้นสัมผัสวงกลมเดียวกัน, อัตราส่วนของความยาวเส้นลากดังกล่าวกับเส้นรัศมีของวงกลมนั้น | second | (เซค'เคินดฺ) adj. ที่สอง, ชั้นสอง, อันดับสอง, ตัวรอง, วินาที, 1/60นาที, วิลิปดา, ฟิลิปดา, 1/60ลิปดา, ชั่วขณะ, ชั่วประเดี๋ยวด้อยคุณภาพ, ไม่สำคัญ, อื่น, เสียงระดับสอง, ลอกเลียน, (รถ) เกียร์สอง n. ส่วนที่สอง, ครึ่งที่สอง, ที่สอง, ชั้นสอง, อันดับสอง, ตัวรอง, ตัวสำรอง, ผู้ช่วย | second class | n. ชั้นสอง, รถชั้นสอง, รถตู้นอนชั้นสอง, ประเภทที่สอง, ลำดับที่สอง, อันดับรอง, คุณภาพรอง, ฐานะรอง, ไปรษณีย์ภัณฑ์ชั้นสอง | second generation compute | คอมพิวเตอร์ยุคที่สองหมายถึงคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ราวทศวรรษ 1960 จนถึงต้น 1970 มีคุณสมบัติที่สำคัญคือ มีขนาดเล็กว่ายุคที่หนึ่งมาก ใช้กำลังไฟน้อยลง และให้ความร้อนน้อยลงด้วย เพราะหน่วยความจำที่ใช้เป็น วงจรที่ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ (transistor) แทนที่จะเป็นหลอดสุญญากาศเหมือนยุคที่หนึ่ง ส่วนหน่วยความจำช่วย (auxiliary memory) นิยมใช้เทปหรือแถบบันทึก และจานบันทึก การนำข้อมูลเข้าและการแสดงผล สามารถทำได้ควบคู่ไปกับการคำนวณ เริ่มรู้จักใช้ระบบปฏิบัติการ (operating system) ควบคุมดูแลการทำงานของคอมพิวเตอร์ | secondary | (เซค'เคินเดอริ) adj. ที่สอง, ลำดับสอง, ทุติยะ, อันดับรอง, รอง, สำรอง, ทีหลัง, ต่อเนื่อง, สังกัด, ได้มาจาก, ไม่สำคัญ, ส่งเสริม, ส่วนเสริม, เกี่ยวกับโรงเรียนมัธยม, เกี่ยวกับคาร์บอนอะตอมที่รวมตัวกับอีกสองคาร์บอนอะตอม, เป็นอนุพันธุ์, เกี่ยวกับอดีต, เกี่ยวกับการเน้นเสียงที่สอง | secondly | (-ลี) adv. ที่สอง, ในลำดับสอง | spitfire | (สพิท'ไฟเออะ) n. บุคคล (โดยเฉพาะผู้หญิง) ที่มีอารมณ์ร้าย, Spitfire เครื่องบินรบเครื่องยนต์เดียวของอังกฤษที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง | tab key | (แป้นพิมพ์) แป้นตั้งระยะหมายถึง แป้นพิมพ์แป้นหนึ่งบนแผงแป้นอักขระ โดยปกติจะอยู่ริมด้านซ้ายสุดของแถวที่สองจากข้างบน อาจมีคำ tab บนแป้น บางทีมีเครื่องหมายลูกศรแทน การกดแป้นนี้ จะทำให้ตัวชี้ตำแหน่ง (cursor) เลื่อนไประยะหนึ่ง (แล้วแต่จะมีการกำหนดไว้) อาจเป็น 5- 10 ช่องว่าง มักใช้เมื่อต้องการย่อหน้าหรือต้องการจัดคอลัมน์ให้ตรงกัน (ไม่ควรกดคานเคาะ) นอกจากนั้น ในกรอบสนทนา การกดแป้นนี้หมายความว่า ให้กระโดดจากช่อง (ที่จะให้เติมข้อความ) ที่ 1 ไปช่องที่ 2 ไปช่องที่ 3....ต่อไป | tourist | (ทัว'ริสทฺ) n., adj. (เกี่ยวกับ) นักท่องเที่ยว, นักทัศนาจร, ผู้ดูงาน, ชั้นโดยสารที่สองของเครื่องบินหรือเรือ. |
| copilot | (n) นักบินที่สอง, นักบินร่วม | second | (adj) สำรอง, ที่สอง, รอง, ด้อยคุณภาพ, อื่น | SECOND-second-class | (adj) อันดับสอง, ชั้นที่สอง, ประเภทที่สอง, คุณภาพรอง | secondary | (adj) ทุติยภูมิ, รอง, ที่สอง, สำรอง, จำกัด | sophomore | (n) นักศึกษาปีที่สอง | SQUARE square root | (n) รากที่สอง |
| adventist | (n) ผู้ที่รอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ (เพื่อรับพวกเขาไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์ ตามพระสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้ใน พระธรรมยอห์น 14:1-3 ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล) Image: | second | [เซค'เคินดฺ] (adj) ที่สอง | second wave | (n) ระลอกที่สอง | second wave | (n) ระลอกที่สอง |
| 二日 | [ふつか, futsuka] (n) วันที่สองของเดือน, สองวัน |
| 平方根 | [へいほうこん, heihoukon] (n) รากที่สอง - สแควร์รูท, See also: R. square root |
| 二日 | [ふつか, futsuka] TH: วันที่สอง EN: second day of the month |
| zweite | ที่สอง | KZ | (n, abbrev) เป็นคำย่อของ Konzentrationslager ซึ่งแปลว่า สถานที่หรือค่ายกักกัน(โดยเฉพาะชาวยิวในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง) | zerstören | (vt) |zerstörte, hat zerstört| ทำลาย, ทำให้เสียหายพินาศ เช่น Der zweite Weltkrieg hat Deutschland total zerstört. สงครามโลกครั้งที่สองได้ทำความเสียหายแก่ประเทศเยอรมนีเป็นอย่างมาก | euren | 1) ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายเอกพจน์| เช่น euren alten Tisch | dein | ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Nominativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและกลางเอกพจน์| เช่น dein alter Tisch, dein altes Haus | deine | 1) ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Nominativ และ Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศหญิงเอกพจน์| เช่น deine alte Hose | dein | ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศกลางเอกพจน์| เช่น dein altes Haus | deine | 2) ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Nominativ และ Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น deine alten Tische, deine alten Häuser, deine alten Hosen | deinen | 1) ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายเอกพจน์| เช่น deinen alten Tisch | eure | 1) ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Nominativ และ Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น eure alten Tische, eure alten Häuser, eure alten Schulen | deinem | ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและเพศกลางเอกพจน์| เช่น deinem alten Haus, deinem alten Tisch | deiner | 1) ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศกลางเอกพจน์| เช่น deiner alten Hose | deinen | 2) ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น deinen alten Tische, deinen alten Häuser, deinen alten Hosen | deines | ของฉัน |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและเพศกลางเอกพจน์| เช่น deines alten Hauses, deines alten Tisches (สังเกต s หรือ es ท้ายคำนาม) | deiner | 2) ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศหญิงเอกพจน์| เช่น deiner alten Hose | Ihr | ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Nominativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและกลางเอกพจน์| เช่น Ihr alter Tisch, Ihr altes Haus | Ihre | 1) ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Nominativ และ Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศหญิงเอกพจน์| เช่น Ihre alte Hose | Ihr | ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศกลางเอกพจน์| เช่น Ihr altes Haus | Ihre | 2) ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Nominativ และ Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น Ihre alten Tische, Ihre alten Häuser, Ihre alten Hosen | Ihren | 1) ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายเอกพจน์| เช่น Ihren alten Tisch | euer | ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศกลางเอกพจน์| เช่น euer altes Haus | Ihrem | ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและเพศกลางเอกพจน์| เช่น Ihrem alten Haus, Ihrem alten Tisch | Ihrer | 1) ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศกลางเอกพจน์| เช่น Ihrer alten Hose | Ihren | 2) ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น Ihren alten Tischen, Ihren alten Häusern, Ihren alten Hosen | Ihres | ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและเพศกลางเอกพจน์| เช่น Ihres alten Hauses, Ihres alten Tisches (สังเกต s หรือ es ท้ายคำนาม) | Ihrer | 2) ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศหญิงเอกพจน์| เช่น Ihrer alten Hose | eurem | ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและเพศกลางเอกพจน์| เช่น eurem alten Haus, eurem alten Tisch | deiner | 3) ของเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น deiner alten Hosen, deiner alten Häuser, deiner alten Tische | Ihrer | 3) ของคุณ(เอกพจน์), ของพวกคุณ(พหูพจน์) |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองรูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น Ihrer alten Hosen, Ihrer alten Häuser, Ihrer alten Tische | eure | 2) ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Nominativ และ Akkusativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศหญิงเอกพจน์| เช่น eure alte Schule | euer | ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Nominativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและกลางเอกพจน์| เช่น euer alter Tisch, euer altes Haus | eurer | 1) ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศกลางเอกพจน์| เช่น eurer alten Schule | euren | 2) ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Dativ ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น euren alten Tische, euren alten Häuser, euren alten Schulen | eures | ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศชายและเพศกลางเอกพจน์| เช่น eures alten Hauses, eures alten Tisches (สังเกต s หรือ es ท้ายคำนาม) | eurer | 2) ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศหญิงเอกพจน์| เช่น eurer alten Schule | eurer | 3) ของพวกเธอ |คำสรรพนามของประธานบุรุษที่สองพหูพจน์รูป Genetiv ที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามเพศใดๆ พหูพจน์| เช่น eurer alten Schulen, eurer alten Häuser, eurer alten Tische | Wurzel | (n) |die, pl. Wurzeln| รากเชิงคณิตศาสตร์ เช่น Die zweite Wurzel aus sechzehn ist vier. รากที่สองของสิบหกคือสี่ | sich verheiraten | (vt) |verheiratet sich, verheiratete sich, hat sich verheiratet, mit jmdm.| แต่งงาน เช่น Sie hat sich zum zweitenmal verheiratet. หล่อนแต่งงานเป็นครั้งที่สองแล้ว, Syn. heiraten | eine Dummheit begehen | (phrase) ทำเรื่องโง่ๆ, ทำเรื่องโง่เขลา เช่น Man soll keine Dummheit zweimal begehen. เราไม่ควรทำความผิดพลาดนี้อีกเป็นครั้งที่สอง |
| vous | (n) ประธานบุรุษที่สอง หมายถึง 1. ท่าน (คนเดียวหรือเอกพจน์) 2. ท่านทั้งหลาย (พหูพจน์) หรือ 3. พวกเธอทั้งหลาย | te | สรรพนามบุรุษที่สองในรูปกรรมตรง เช่น Je te comprends. ฉันเข้าใจเธอนะ, Je t'invite. ฉันขอเชิญเธอ | vous | สรรพนามบุรุษที่สองในรูปกรรมตรง เช่น Je vous rejoins. ฉันตามพวกเธอไปละกัน | te | สรรพนามบุรุษที่สองในรูปกรรมรอง เช่น Je te montre mes disques. ฉันโชว์(แสดง)เธอแผ่นเสียงของฉัน, Je t'offre un verre. ฉันเอาแก้วให้เธอนะ | vous | สรรพนามบุรุษที่สองในรูปกรรมรอง เช่น Je vous réserve des places? ฉันจองที่ให้คุณ(พวกเธอ)ดีไหม |
|
add this word
You know the meaning of this word? click [add this word] to add this word to our database with its meaning, to impart your knowledge for the general benefit
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |