ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ต้องกัน, -ต้องกัน- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ ต้องกัน | (adv) accordingly, See also: agree, concurringly, correspondingly, suitably, consequently, Syn. ตรงกัน, พ้องกัน, ถูกกัน, Example: ที่ประชุมร่วม 3 ฝ่ายเห็นต้องกัน ในการสร้างสะพานข้ามแยก, Thai Definition: สอดคล้องกัน, เข้ากันไปด้วยกันได้อย่างเหมาะสม | พ้องต้องกัน | (v) be identical, See also: be the same, Syn. พ้องกัน, ต้องกัน, ตรงกัน, Ant. ต่างกัน, แตกต่างกัน, Example: ของอย่างนี้มันพ้องต้องกันได้ เพราะใครต่างก็ซื้อมาใช้เหมือนกัน | สอดคล้องต้องกัน | (v) match up, See also: accord with, conform to, harmonize with, tally with, Ant. แตกต่าง, Example: การสอบปากคำของเสี่ยอ้วนและเสี่ยแดงสอดคล้องต้องกัน | เห็นพ้องต้องกัน | (v) all agree, See also: express approval, give consent, view favorably, Example: ประเทศส่วนใหญ่ในโลกเห็นพ้องต้องกันให้ใช้กฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองโปรแกรมคอมพิวเตอร์, Thai Definition: มีความเห็นตรงกันหรือเป็นไปในแนวทางเดียวกัน |
|
| ต้องกัน | ว. ตรงกัน, พ้องกัน, ถูกกัน, เช่น ฤๅวาสนาน้องจะต้องกัน (อิเหนา), พยานให้การต้องกัน. | ซ้อมพยาน | ก. ซักซ้อมพยานว่าจะให้การต่อศาลอย่างใดจึงจะสอดคล้องต้องกันดี. | บุญทาย | ว. ควรเป็นเนื้อคู่กัน เช่น ไปสู่ขอลูกสาวหลานสาวท่าน บุญทายต้องกัน. | พ้อง | ว. ต้องกัน, ตรงกัน, ซํ้ากัน, เช่น พ้องรูป พ้องเสียง พ้องความ เห็นพ้องด้วย ชื่อพ้องกัน. | มติมหาชน | น. ความคิดเห็นหรือท่าทีของประชาชนกลุ่มใหญ่ที่เห็นพ้องต้องกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง. | โยคเกณฑ์ | (โยกเกน) น. การกำหนดดิถีกับฤกษ์ให้ต้องกัน คือได้ทั้งโยค หมายถึง ฤกษ์ และเกณฑ์ หมายถึง ดิถี คือ ขึ้น แรม. | สมพงศ์ | น. การร่วมวงศ์หรือตระกูลกัน, (โหร) วิธีคำนวณว่าหญิงชายที่จะเป็นคู่ครองกันมีชะตาต้องกันหรือไม่. | เอกจิต | (เอกะ-) น. ความคิดจำเพาะถึงสิ่งอย่างเดียว, ความคิดอันหนึ่งอันเดียว, ความคิดต้องกัน, ความเห็นพ้องกัน. |
| | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | North Atlanitc Treaty Organization | องค์การนาโต้ หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งได้ลงนามกันเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1949 ประเทศสมาชิกขณะเริ่มตั้งองค์การครั้งแรก ได้แก่ ประเทศเบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ต่อมาประเทศกรีซและตรุกีได้เข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 และเยอรมนีตะวันตก ( ในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1955 สนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1949ในภาคอารัมภบทของสนธิสัญญา ประเทศภาคีได้ยืนยันเจตนาและความปรารถนาของตน ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติกับประเทศและรัฐบาลทั้งหลาย ที่จะปกป้องคุ้มครองเสรีภาพมรดกร่วม และอารยธรรมของประเทศสมาชิกทั้งมวล ซึ่งต่างยึดมั่นในหลักการของระบอบประชาธิปไตย เสรีภาพส่วนบุคคลหลักนิติธรรม ตลอดจนจะใช้ความพยายามร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อป้องกันประเทศ และเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในสนธิสัญญาดังกล่าว บทบัญญัติที่สำคัญที่สุดคือข้อ 5 ซึ่งระบุว่า ประเทศภาคีสนธิสัญญาทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หากประเทศภาคีหนึ่งใดหรือมากกว่านั้น ในทวีปยุโรปหรือในอเมริกาเหนือ ถูกโจมตีด้วยกำลังอาวุธ จักถือว่าเป็นการโจมตีต่อประเทศภาคีทั้งหมด ฉะนั้น ประเทศภาคีจึงตกลงกันว่า หากมีการโจมตีด้วยกำลังอาวุธเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง ประเทศภาคีแต่ละแห่งซึ่งจะใช้สิทธิในการป้องกันตนโดยลำพังหรือร่วมกัน อันเป็นที่รับรองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ จะเข้าช่วยเหลือประเทศภาคีแห่งนั้นหรือหลายประเทศซึ่งถูกโจมตีด้วยกำลัง อาวุธในทันทีองค์กรสำคัญที่สุดในองค์การนาโต้เรียกว่า คณะมนตรี (Council) ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศภาคีสนธิสัญญานาโต้ คณะมนตรีนี้จะจัดตั้งองค์กรย่อยอื่น ๆ หลายแห่ง รวมทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นยุโรปและภาคพื้น แอตแลนติก สำนักงานใหญ่ขององค์การนาโต้ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Compartmentation | การสภาคห้อง, การแบ่งออกเป็นส่วน, ความเข้ากันได้, ความสอดคล้องต้องกัน [การแพทย์] |
| Even if we disagree. | ถึงแม้เราจะไม่เห็นพร้องต้องกันก็เถอะ The Joy Luck Club (1993) | You never told me I'd be excluded. | ทำไมจะต้องกันฉันเป็นคนนอกเรื่อย Heat (1995) | Mr. Landers, it is the consensus of this group that you are a person of little or no theological knowledge. | คุณแลนเดอร์ส เราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า คุณเป็นคนที่มีความรู้ ด้านศาสนศาสตร์น้อย ไม่ก็ไม่มีเลย Oh, God! (1977) | Be careful. The girl will fall out. We must secure the doors. | ระวังหน่อยนะ สาวน้อยนั่นจะหล่นลงมาด้วย เราต้องกันประตูไว้ Mannequin: On the Move (1991) | There's not a single scientific peer reviewed paper published in the last 25 years that would contradict this scenario | ข้อเขียนทางวิทยาศาสตร์ที่มีผู้เชี่ยวชาญรับรอง ทุกชิ้นที่ตีพิมพ์ออกมาในช่วง 25 ปีนี้ เห็นพ้องต้องกันเป็นเสียงเดียวว่า The Corporation (2003) | Louisa and I were agreeing that we should hardly know her. What do you say, Mr Darcy? | หลุยซ่ากับฉันเห็นพ้องต้องกันว่าพวกเรา ไม่น่ารู้จักหล่อนเลย คุณคิดยังไงล่ะคุณดาร์ซี่ Episode #1.5 (1995) | Above all, keep Mr Bennet from fighting! | เหนืออื่นใด ต้องกันคุณเบนเน็ตไว้จากการต่อสู้ Episode #1.5 (1995) | Mrs Bennet, before you take any, or all of these houses, let us come to a right understanding. | คุณนายเบนเน็ตก่อนที่คุณคิดจะซื้อบ้านพวกนี้ เราลองมาทำความเข้าใจที่ถูกต้องกันก่อน Episode #1.6 (1995) | Why do you keep everybody at a certain distance, huh? | ทำไมคุณต้องกันคนอื่น ออกไปจากคุณด้วย Crash (2004) | But if you do touch each other, you will get chlamydia. And die. | เมื่อพวกเธอจับต้องกัน จะเกิดความรู้สึกและตาย... Mean Girls (2004) | Let this be the right thing to do. | มาทำสิ่งที่ถูกต้องกันเถอะ Monster House (2006) | I need you to keep him away from sharp objects-knives, scissors. | คุณต้องกันเขาออกจาก ของมีคมอย่างมีดหรือกรรไกร Little Miss Sunshine (2006) | You're gonna need it if you're gonna make it out of Kamata's place alive. | นายจะต้องกันมัน ถ้านายจะทำอย่างนั้น ข้างนอกในถิ่งของคามาตะ และมีชิวิตอยู่ The Fast and the Furious: Tokyo Drift (2006) | Zero percent disagreed with the consensus. | ศูนย์เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วยกับความเห็นพ้องต้องกันนั้น An Inconvenient Truth (2006) | We have to err on the side of caution. | เราจำเป็นต้องกันไว้ก่อน Chuck Versus the Marlin (2008) | But physically, we barely touched. | แต่ทางกาย, เราแตะต้องกันน้อยมาก The Fourth Man in the Fire (2008) | But, uh, no touching. | แต่ยังไม่ได้แตะต้องกัน Brave New World (2008) | "Hey, baby, breakfast in bed." You can never be too safe. | แค่นี้ก็จบเรื่องแล้ว ของงี้ต้องกันไว้ก่อน Wanted (2008) | We have to keep her away from Peter and away from Parkman when we take him down. | เราต้องกันเธอไม่ให้เข้าใกล้พีทได้ และให้ห่างจากพาร์คแมน ตอนไปจับเขา Chapter One 'A Clear and Present Danger' (2009) | THE LAST THING WE WANT IS FOR THIS TO TURN INTO A WITCH HUNT. | นั่นคือสิ่งที่มันเป็นมาเสมอ เราแค่ต้องกันไม่ให้คนท้องถิ่นนึกถึงเรื่องนั้น House on Fire (2009) | Had to shield you. | ต้องกันเธอเอาไว้ I Will Rise Up (2009) | Definitely fits the paradigm. | สอดคล้องต้องกัน ทั้งกระบวนทัศน์ The Beautiful Day in the Neighborhood (2009) | This mark here could be congruent with a golf club. | รอยตรงนี้ น่าจะสอดคล้องต้องกัน กับกอล์ฟคลับ The Beautiful Day in the Neighborhood (2009) | I have to just keep him completely isolated. Oh, hey. What are you doing here? | ฉันต้องกันเขาออกห่างๆ โอ้ เฮ่ เธอมาทำอะไรที่นั่ The Grandfather: Part II (2009) | I wish to be alone. | วันนี้ฉันต้องกันอยู่คนเดียว Postman to Heaven (2009) | We all agreed on the rules. | เราเห็นพ้องต้องกัน เรื่องกฎ Carriers (2009) | You put your thumb on the scale. | คุณเข้าใจหาวิธีทำให้คนอื่นเห็นพ้องต้องกันตามที่คุณต้องการ Investigative Journalism (2010) | I know we've all had our little disagreements in the past, but the time has come to put those aside - and look toward the future. | ผมรู้ว่าเราต่างมี เรื่องไม่เห็นพ้องต้องกัน ในอดีต แต่ถึงเวลาแล้วที่เราจะยุติ Hammer of the Gods (2010) | Since they're related, any inconsistencies can raise a red flag. | หากพบข้อมูลความสัมพันธ์กัน หรือไม่มีความสอดคล้องต้องกันแล้ว เราก็ปักธงแดงได้เลย The Boy with the Answer (2010) | I see that your results are congruent with what happened, but are we really saying that our victim was killed by a potato gun? | ฉันเห็นแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้สอดคล้อง ต้องกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรากำลังบอกว่า The Body and the Bounty (2010) | These marks are congruent with impaling, but none suggests cause of death. | ร่องรอยพวกนี้สอดคล้อง ต้องกันกับรอยแทง แต่ไม่มีตรงไหนเลย ที่จะบ่งบอกว่าเป็น สาเหตุการตายได้ The Bones That Weren't (2010) | Consensual, huh? | เห็นพ้องต้องกันเหรอ? JJ (2010) | No, I want to keep yasmin clear. | ไม่ได้ เราต้องกันแยสมินให้ห่างจากเรื่ิองนี้เลย The Big Bang Job (2010) | Let's end this right. | มาจบกันให้ถูกต้องกันเถอะ Cyrano Agency (2010) | Anyway, let's agree I did a good thing. | อย่างไรก็ตาม เห็นพ้องต้องกันนะ ว่าฉันทำเรื่องดีๆลงไป My Heart Will Go On (2011) | All I ever wanted was your approval. | ทุกอย่างที่ฉันเคยต้องการ ก็แค่ความเห็นพ้องต้องกันของพี่ The Kids Stay in the Picture (2011) | But just leave Tyler out of it, ok? Why? | แต่ต้องกันไทเลอร์ออกไปนะ / ทำไม? Daddy Issues (2011) | To keep him on the endangered species list. | ที่จะต้องกันเขาออกจากสถานการณ์อันตราย The Dinner Party (2011) | We've got to be on the same page. | เราจะต้องเห็นพ้องต้องกัน Bullet Points (2011) | We have got to keep her as far away from Bo as possible. | เราต้องกันเขาออกจากโบ Raging Fae (2011) | Drexel's team has to be cleared to officially hit the trail. | ต้องกันเราออกจากคนของเดร็กเซล เพื่อแทรกแซงอย่างเปิดเผยได้ The Long Way Down Job (2011) | But you need to be on the same page for Ryan. | แต่คุณจำเป็นต้อง เห็นพ้องต้องกันเพื่อไรอัน The Bittersweet Science (2011) | I need to keep you safe and sound. Wash, | ผมจำเป็นต้องกันคุณไว้ วอช Occupation (2011) | So it's agreed. | ถือว่าเห็นพ้องต้องกัน ฉะนั้นกลับไปที่ห้องติวหนังสือ Competitive Ecology (2011) | Let's just do what's right. | มาทำในสิ่งที่มันถูกต้องกัน Judge, Jury, Executioner (2012) | From who? His hybrids are the ones the town needs protection from. From who? | ปกป้องจากใครกันล่ะ ไฮบริดของเขานี่แหละ คือสิ่งหนึ่งที่ต้องกันออกจากเมืองนี้ Our Town (2012) | We have to keep him out. | เราต้องกันเขาไม่ให้เข้ามาได้ Before Sunset (2012) | There's no truce without the whole circle. | ไม่มีการเจรจาสงบศึกได้ ถ้าไม่เห็นพ้องต้องกันทั้งหมดในวงเวทย์ Witness (2012) | I want to go to a college that isn't a FEMA trailer in a prison yard, so let's take the high road. | ที่ไม่ใช่รถพ่วง FEMA ในลานคุก งั้นเรามาทำในสิ่งที่ถูกต้องกัน Michael (2012) | We had an agreement. | เราเห็นพ้องต้องกัน What Happened to Frederick (2012) |
| เห็นพ้องต้องกัน | [hen phøng tǿng kan] (v, exp) EN: all agree ; express approval ; give consent ; view favorably | การเห็นพ้องต้องกัน | [kān hen phøng tǿng kan] (n, exp) EN: consensus FR: consensus [ m ] | พ้องต้องกัน | [phøng tǿng kan] (v, exp) EN: be identical ; be the same | พ้องต้องกัน | [phøng tǿng kan] (x) EN: ad item | สอดคล้องต้องกัน | [søtkhløng tǿngkan] (v, exp) EN: match up ; accord with ; conform to ; harmonize with ; tally with | ต้องกัน | [tǿng kan] (v) EN: agree ; be concurrent | ต้องกัน | [tǿng kan] (adv) EN: accordingly ; agree ; concurringly ; correspondingly ; suitably ; consequently |
| accordance | (n) การยอมรับร่วมกัน, See also: การเห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreement, conformity, harmony | according | (adj) ที่ยอมรับร่วมกัน, See also: ที่เห็นด้วย, ที่เห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreeing | coincide | (vi) พ้องกัน (ความคิด), See also: ตรงกัน, เหมือนกัน, ต้องกัน, Syn. correspond, agree, accord, match, tally, jibe, square, concur, harmonise, harmonize, admit, resemble, Ant. differ, contradict | coincidence | (n) การสอดคล้องต้องกัน, Syn. accord, accordance, consonance, unison, resemblance | coincident | (adj) พ้องกัน, See also: ต้องกัน, สอดคล้องกัน, Syn. coinciding | concurrent | (adj) ที่เห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreeing, harmonious | congruent | (adj) ที่สอดคล้องต้องกัน | jibe | (vi) ตรงกัน, See also: ต้องกัน, Syn. tally, accord, fit | mediate | (vt) ไกล่เกลี่ย, See also: ทำให้ประนีประนอม, ทำให้เห็นพ้องต้องกัน, ทำให้ตกลงกันได้, Syn. reconcile, harmonize, compromise | quarrel | (vi) ไม่ลงรอยกัน, See also: เลิกเป็นมิตรกันเนื่องจากไม่เห็นพ้องต้องกัน, Syn. disaccord, dissent | sympathy | (n) ความมีใจเหมือนกัน, See also: ความเห็นพ้องต้องกัน, การเข้าข้างกัน, Syn. agreement, affinity, fellow feeling |
| coincide | (โคอินไซดฺ') { coincided, coinciding, coincides } vi. เกิดขึ้นพร้อมกัน, เข้ากันสนิท, ลงรอยกัน, สอดคล้องต้องกัน, ตรงกัน, Syn. agree | coincidence | (โคอิน'ซิเดินซฺ) n. ภาวะบังเอิญ, การเกิดขึ้นพร้อมกัน, ภาวะประจวบกัน, เหตุบังเอิญ, การสอดคล้องต้องกัน, Syn. concurence | coincident | (โคอิน'ซิเดนทฺ) adj. บังเอิญ, พ้องกัน, ต้องกัน, สอดคล้องกัน, ประจวบกัน |
| assent | (n) การยินยอม, การเห็นพ้องต้องกัน, การยอมรับ, การตกลง | concert | (n) การแสดงดนตรี, มโหรี, สังคีต, คอนเสิร์ต, การเห็นพ้องต้องกัน, ความร่วมมือ |
| 整合 | [せいごう, seigou] TH: การสอดคล้องต้องกัน EN: conformity |
| einverstanden | (adj, pp) ที่เห็นด้วย, เห็นพ้องต้องกัน เช่น Sie sind damit nicht einverstanden. (= Sie sind nicht dafür.) พวกเขา/คุณไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้, See also: Related: zustimmen |
| |
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |