ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ไม่, - ไม่- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ สส. | (n, abbrev) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ตัวย่อที่ถูกต้อง คือ สส. ไม่ใช่ ส.ส.), See also: R. ส.ส. | อีหน้าเกือก | (n, adj) เป็นคำหยาบด่าประจานผู้หญิงว่าหน้าแขง ไม่มียางอาย | เบย | เลย เป็นคำแผลงที่มาจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือพิมพ์ข้อความ เนื่องจากแป้นตัวอักษร ล ลิง และ บ ใบไม้ อยู่ใกล้กัน จึงทำให้เกิดการพิมพ์ผิดได้บ่อยครั้ง จนเป็นที่เข้าใจกันว่าถ้าพิมพ์ว่า เบย จะหมายความถึง เลย และยังแฝงถึงความรู้สึกเล่นๆ สนุกๆ ไม่จริงจัง กรณีที่พบบ่อย เช่นคำว่า จังเลย อาจแผลงได้เป็น จุงเบย เช่น เจ๊บจุงเบย (เจ็บจังเลย), ฮาจุงเบย (ฮา จังเลย) | เฟ่ย | (adj, slang) ไม่ได้เรื่อง ไม่ดี |
| หลัว | [หลัว] (n) ไม้ฟืนเล็ก ๆ ที่เผาแล้วเหลือแต่ขี้เถ้า ไม่เป็นถ่าน เช่น หลัวไม้ไผ่ |
|
| 商量 | [shāng liang, ㄕㄤ ㄌㄧㄤ˙, 商 量] (vi) ปรึกษา หารือ คุย ระวังเสียงคำอ่านที่ถูกต้องของพยางค์หลัง คือ เสียงเบา จะเป็น shang1 liang ไม่ใช่ shang1 liang2 |
| pigeonhole | ในกรณีเป็นคำกริยา to pigeonhole หมายถึง "ด้อยค่า" คนใดคนหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง * ในคำแปลของ Longdo Dict ไม่ได้ให้ความหมายนี้ไว้ | pigeonhole | (vt) ในกรณีเป็นคำกริยา to pigeonhole หมายถึง "ด้อยค่า" คนใดคนหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง * ในคำแปลของ Longdo Dict ไม่ได้ให้ความหมายนี้ไว้ | ตุย | [ตุย] (jargon) เป็นคำ อุทาน บ่น แสดงอาการเหนือย แปลว่า เหนื่อย เพลีย เหนื่อยมาก ประมาณว่า ไม่ไหวแล้วเหนื่อย | บังกล้อง | [บัง-กล้อง] (n) เป็นชื่อ ที่ เรียกแทน บุคคล ที่ มีคุณสมบัติ คือ กาก เกรียน เพี้ยน หลุดโลก มักชอบทำอะไร เพี้ยนๆ ไม่เหมือนคนอื่น ชอบการ fag เป็นชีวิตจิตใจ คติประจำใจ คือ สเต็ปอยู่ในไต | ลิขสิทธิ์ | ข้อสังเกต ไม่ควรมีเนื้อหาข้างล่าง ในส่วนต้นของคำ 'ลิขสิทธิ์' เพราะ ไม่ใช่ definition / คำแปล / คำจำกัดความ: ไม่ควรวม 'ประดิษฐกรรม (invention)' ในความหมายของ ลิขสิทธิ์ เพราะ invention เป็นพื้นฐานความหมายของ 'patent (สิทธิบัตร)' นั่นหมายความว่า เมื่อคนไทยใช้คำว่า ลิขสิทธิ์ จะเกิดความสับสนว่า พูดถึง copyright หรือว่า patent. ปัญหาเกิดขึ้นได้. | แผ่นกั้น | วัตถุที่มีลักษณะแบนเรียบ ใช้สำหรับการกั้น ขวาง ไม่ให้มีวัตถุอื่นเข้ามาและออกไป |
| กุศล | (n, adj, adv) การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น ปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น มากกว่าทำความดีเฉย ๆ การกระทำใด ๆ หากทำแล้วมีผลต่อสภาวะจิตใจของตนเปลี่ยนไปในทางที่สูงขึ้น จึงเรียกว่ากุศล หากการกระทำดีนั้น ๆ ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองเลย ไม่เรียกว่ากุศล แต่เรียกว่า กรรมดี โดยทั่วไป มักจะใช้คู่กันกับคำว่า บุญกุศล แต่คำว่า บุญ กับ กุศล ความหมายต่างกัน (เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วจะให้ความหมายเหมือนกันได้อย่างไร) ตัวอย่าง 1. นาย กอ เป็นคนรวย ชอบที่จะให้ทาน เพราะเขาหวังว่า การให้ทานของเขาจะส่งผลทำให้เขารวย ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และอาจจะได้ไปสวรรค์ หลังจากที่เขาตายไป - อันนี้นาย กอ ทำกรรมดี หรือทำบุญ แต่ไม่ได้เกิดกุศลในจิต หรือเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะเขาทำทานก็จริง แต่ไม่มีผลทำให้จิตใจของเขาวางลงจากความโลภ หรืออยากเลย 2. นาย ขอ เป็นคนชั้นกลาง เขาเห็นเด็กกำพร้ามากมายเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น จึงประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะให้ตัวเองมีเงินเหลือมากขึ้น เพื่อที่จะแบ่งไปบริจาคเด็กเหล่านั้น เพื่อที่เด็กเหล่านั้นจะได้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป - อันนี้ นาย ขอ ทำทั้งกุศล และบุญ เพราะมีผลที่ทำให้เขาต้องประหยัด อดออมมากขึ้น และการประหยัดอดออมนี้เอง จะทำได้ก็คือต้องปล่อยวางความอยากของตนเอง และทำเพราะในใจเกิดจิตเมตตากรุณา |
| ต่วน | (n) ่ท่าน ใช้เพื่อให้เกียรติบุคคลธรรมดา ผู้ทรงเกียรติ หรือผู้รู้ศาสนา(เฉพาะบุคคล) ไม่ใช่ยศและไม่สืบทอดเหมือนฐานันดรเจ้านาย Example: อีหม่ามฮาซัน, ต่วนฮาซัน แปลว่า ท่านฮาซัน |
| ผู้มีรายได้ประจำ | someone with regular income (This does not mean "rentier"--"rentier" ไม่ถูกเลย) |
| หลำ | [หล๋ำ] (vt) มั่ว, ไม่รู้จริงแต่พูดเหมือนรู้จริง, แสดงอาการเคลื่อนไปข้างหน้าหลวมตัวไปเรื่อย ๆ มีที่มาจากคำว่าถลำ โดยภาษาไทยจะอ่านว่า ถะหฺลํา แต่ภาคใต้เน้นเสียงพูดแบบเร็วๆ จึงควบคำเป็น หลำ และเอามาใช้ในความหมายในเชิงตำหนิ เมื่อมีใครพูดหรือแสดงอาการกระทำบางอย่างที่ไม่รู้จริงแต่ทำเหมือนรู้จริง ก็จะตำหนิว่า หลำ, See also: S. มั่วนิ่ม, เนียน, R. ถลำ, หลำพ่ก, หลำอิตาย, หลำเมร่อ | เชือน | (vi) บ้าๆบอๆ, ไม่เต็มบาท |
| | โรคประจำตัว | (n) ต้องไม่ใช่ underlying disease อยากอธิบายเพิ่ม แต่หากอธิบายแล้ว ใช้เวลาแล้ว ไม่ได้รับรู้ว่าได้ส่งต่อถึงการพิจารณา ก็ไม่อยากเขียนเพิ่มเติม. เคยเขียนแล้ว. |
| ခ | [kha] (vt, adj) พึ่งพา ไม่เป็นอิสระ |
| 毕竟 | [bì jìng, ㄅㄧˋ ㄐㄧㄥˋ, 毕 竟] เป็นคำที่ใช้เน้นความหมายของประโยคที่ว่า ไม่ว่าจะยังไงเหตุการณ์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง |
| ก ข ไม่กระดิกหู | (กอข้อ-) น. ผู้ที่เรียนหนังสือแล้วไม่รู้ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้. | แม่สื่อแม่ชัก ไม่ได้เจ้าตัว เอาวัวพันหลัก | น. หญิงที่ไปติดต่อระหว่างชายหญิง แต่ไม่สำเร็จในที่สุดก็ตกเป็นภรรยาของชายนั้นแทน. | ไม่กี่อัฐ, ไม่กี่อัฐฬส | น. ราคาถูก เช่น ของนี้ราคาไม่กี่อัฐ. | ไม่เข้าแก๊ป, ไม่เข้าท่า | ว. ไม่แนบเนียน, ไม่รัดกุม. | ไม่ค่อย, ไม่ใคร่ | ว. ไม่ถึงกับ, ไม่ถึงขนาดนั้น, เช่น ไม่ค่อยดำ ไม่ใคร่ดี. | ไม่ได้เรื่อง, ไม่ได้เรื่องได้ราว | ว. ถือเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้, ถือเป็นสาระไม่ได้. | ไม่เต็มเต็ง, ไม่เต็มบาท | ว. บ้า ๆ บอ ๆ สติไม่สมบูรณ์, มีจิตใจใกล้ไปทางบ้า ๆ บอ ๆ, สองสลึงเฟื้อง หรือ สามสลึงเฟื้อง ก็ว่า. | ไม่เป็นเรื่อง, ไม่เป็นเรื่องเป็นราว | ว. ไม่มีสาระ เช่น เรื่องไม่เป็นเรื่อง. | ไม่มีปี่มีกลอง, ไม่มีปี่มีขลุ่ย | ก. ไม่มีเค้า เช่น การที่เจ็บนั้นก็ไม่มีปี่มีกลอง (พระราชหัตถเลขา ร. ๗). | ไม่เอาการเอางาน, ไม่เอางานเอาการ | ก. ไม่ตั้งใจทำการงานด้วยความขยันขันแข็ง. | ไม้แคะหู, ไม้ควักหู | น. เครื่องมือชนิดหนึ่งทำด้วยโลหะหรืองาเป็นต้น ปลายโค้งหรืองอคล้ายจวัก สำหรับแคะและควักขี้หู. | ไม้เด็ด, ไม้ตาย | น. ท่าสำคัญในการต่อสู้กระบี่กระบองหรือมวยซึ่งทำให้ฝ่ายปรปักษ์ไม่สามารถจะสู้ได้อีก, ตรงข้ามกับ ไม้เป็น, โดยปริยายหมายถึงวิธีการที่จะเอาชนะศัตรูได้ เช่น เขาใช้ไม้ตาย เขามีไม้ตาย. | ไม้ฝ้า, ไม้เพดาน | น. ไม้กระดานแผ่นบาง ๆ ใช้สำหรับตีทำฝ้าหรือเพดาน. | ไม้หลักปักขี้ควาย, ไม้หลักปักเลน | ว. โลเล, ไม่แน่นอน, เช่น เหมือนไม้หลักปักเลนเอนไปมา (สังข์ทอง). | กงพัด ๒ | น. ไม้เหลี่ยมสอดในรูซึ่งเจาะที่โคนเสาเรือน ปลายทั้ง ๒ ยื่นออกมาวางอยู่บนหมอน (ซึ่งเรียกว่า งัว) ข้างละต้น, หรือถ้าไม่เจาะรู ก็ใช้เป็น ๒ อัน ตีขวางขนาบโคนเสาข้างละอันวางอยู่บนหมอนเหมือนกัน เพื่อกันทรุด. | กง ๓ | น. ไม้รูปโค้งที่ตั้งเป็นโครงเรือ (เทียบ ม. กง และ ต. กง, ในความเดียวกัน) | กง ๓ | ไม้สำหรับดีดฝ้าย มีรูปเหมือนคันธนู เรียกว่า ไม้กง หรือ ไม้กงดีดฝ้าย (เทียบอะหม ไม้กงดีดฝ้าย และ คันกระสุน ว่า กง; พายัพ ว่า โก๋ง ได้แก่ คันกระสุน), เสลี่ยงที่มีพนักโค้งเหมือนกงเรือ เรียกว่า เสลี่ยงกง. | กงการ | น. กิจการ, หน้าที่, ธุระ, เช่น กงการอะไรของคุณ ไม่ใช่กงการของฉัน. | กฎหมายปิดปาก | น. หลักกฎหมายที่ไม่ยอมให้อ้างหรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามพฤติการณ์ ไม่ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม. | กฐิน, กฐิน- | (กะถิน, กะถินนะ-) น. ผ้าพิเศษที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตแก่ภิกษุสงฆ์เฉพาะกฐินกาล, ตามศัพท์แปลว่า ไม้สะดึง คือ กรอบไม้สำหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวร | กณิการ์ | น. ไม้กรรณิการ์ เช่น งามดั่งดอกกณิการ์กาญจนสุหร่ายรดเบิกบานน่าชมเชย (ม. ร่ายยาว ทานกัณฑ์). | กดเหลือง | น. ชื่อปลาน้ำจืดชนิด Hemibagrus nemurus (Valenciennes) ในวงศ์ Bagridae ไม่มีเกล็ด หัวแบน หนวดยาวถึงครีบก้น ข้างลำตัวสีเหลือง ด้านหลังสีน้ำตาลดำ มีชุกชุมทั่วไป แม้ในเขตน้ำกร่อยใกล้ปากแม่น้ำ ขนาดยาวได้ถึง ๖๕ เซนติเมตร, กดขาว หรือ ชงโลง ก็เรียก. | ก้นครัว | ว. ไม่ได้ออกหน้าออกตา. | ก้นหนัก | ก. นั่งอยู่ที่ใดที่หนึ่งได้นาน ๆ ไม่ลุกหรือขยับเขยื้อนไปไหนง่าย ๆ เช่น แม่คนนี้ก้นหนัก ไปนั่งคุยอยู่บ้านเพื่อนตั้งแต่เช้ายังไม่ยอมกลับ. | ก้นขบ | น. ชื่องูขนาดเล็กชนิด Cylindrophis ruffus (Laurenti) ในวงศ์ Aniliidae หรือ Uropeltidae สีดำแกมม่วง มีลายประตามลำตัวสีขาวเห็นได้ชัดเมื่อยังมีขนาดเล็ก ท้องมีลายดำขาวสลับกัน พื้นท้องของหางเกือบปลายสุดมีสีแดงอมส้ม ไม่มีพิษ แต่เข้าใจกันว่ามีพิษข้างหางเพราะชูและแผ่หางแบนม้วนให้เห็นเมื่อพบศัตรู. | กบ ๒ | น. ชื่อสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกหลายชนิด ในสกุล Rana วงศ์ Ranidae ลำตัวสั้นป้อมมีขนาดต่าง ๆ กัน ขาคู่หลังใหญ่และยาวกว่าขาคู่หน้า ตีนแบนมีพังผืดติดเป็นพืด เมื่อโตเต็มที่ไม่มีหาง กระโดดได้ไกล ว่ายน้ำ ดำน้ำได้เร็ว เมื่อยังเป็นตัวอ่อนมีหาง อยู่ในน้ำเรียกว่า ลูกอ๊อด ภายหลังจึงงอกขา หางหดหายไป แล้วขึ้นอาศัยบนบก หน้าแล้งอยู่แต่ในรู ไม่ออกหาอาหารชั่วคราว เรียกว่า กบจำศีล เช่น กบนา [ Hoplobatrachus rugulosus (Wiegmann) หรือ R. rugulosus (Wiegmann) ]. | กบทู | น. ไม้ข่มหัวกลอนที่พาดบนแป. | ก้มหัว | ก. น้อมหัวลงเพื่อแสดงกิริยาเคารพ, โดยปริยายหมายความว่า ยอมอ่อนน้อม (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร. | กรนทา | (กฺรน-) น. ไม้คนทา (ลิปิ) เช่น กรนทาดาษดวงพรายก็มี (ม. คำหลวง มหาพน). | กร็อกกร๋อย | (กฺร็อกกฺร๋อย) ว. ไม่ชุ่มชื่น, ไม่สมบูรณ์. | กรองกรอย | (กฺรองกฺรอย) ว. ไม่ชุ่มชื่น, ไม่สมบูรณ์ | กร่อย | (กฺร่อย) ว. ไม่จืดสนิทหรือไม่หวานสนิท เพราะมีรสเค็มเจือ, โดยปริยายหมายความว่า หมดรสสนุกหรือหมดความครึกครื้น เช่น การแสดงที่ไม่สนุกทำให้คนดูรู้สึกกร่อย. | กระง่อนกระแง่น | ว. คลอนแคลน, ไม่แน่น, ไม่มั่นคง, ง่อนแง่น ก็ว่า. | กระจัดกระจาย | ว. เรี่ยรายไป, แตกฉานซ่านเซ็นไป, ไม่รวมอยู่ในพวกเดียวกัน. | กระจัดพลัดพราย | ก. แตกฉานซ่านเซ็นไป, ไม่รวมอยู่ในพวกเดียวกัน. | กระจับบก | น. ชื่อไม้เถาชนิดหนึ่งขึ้นในป่าตํ่าตามที่นํ้าท่วม มักขึ้นปะปนกับเถากรด ซึ่งดูผาด ๆ คล้ายคลึงกัน ใบคู่ ขอบใบตอนบนที่ใกล้หรือติดกับก้านมีต่อมข้างละต่อม ผลนัยว่าแบน ๆ รูปสามเหลี่ยม ไม้ใช้ทำฟืน. | กระโจม ๔ | ก. โถมเข้าไป เช่น ไม่ได้ทีอย่ากระโจมเข้าโรมรัน (รามเกียรติ์ ร. ๒) | กระเชอก้นรั่ว | ว. สุรุ่ยสุร่าย, ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบ, ขาดการประหยัด, เพี้ยนไปเป็น กระชังก้นรั่ว ก็มี. | กระดองหาย | น. ไม้สำหรับสงฟางในเวลานวดข้าว เช่น ด่าตีกันด้วยเคียวไม้กระตักและไม้กระดองหาย (ลักษณะธรรมนูญ), ดอง ดองหาย ดองฉาย ขอฉาย หรือ คันฉาย ก็เรียก. | กระดักกระเดี้ย | ว. ไม่มีแรง, ขยับเขยื้อนไม่ใคร่ได้, เกือบจะหมดกำลังกาย, เช่น เพิ่งหายไข้ใหม่ ๆ จะลุกจะนั่งก็กระดักกระเดี้ย, ไม่ใคร่ไหว เช่น หากินกระดักกระเดี้ย. | กระด้าง ๓ | ว. ค่อนข้างแข็ง หมายถึงสิ่งที่มีลักษณะไม่อ่อน, ไม่นิ่มนวล, เช่น ลิ้นกระด้าง ข้าวกระด้าง | กระด้างกระเดื่อง | ว. ไม่อ่อนน้อม, เอาใจออกหากไม่ยอมอ่อนน้อมอย่างเคย. | กระดาน ๑ | น. ไม้ซุงที่เลื่อยออกเป็นแผ่น ๆ | กระดานลื่น | น. กระดานที่ตั้งสูงทอดตํ่าลงไปด้านหนึ่ง ให้เด็กเล่นโดยนั่งไถลตัวลง, ไม้ลื่น ก็เรียก. | กระดานเลียบ | น. ไม้กระดานแผ่นเดียวที่ปูไว้ด้านข้างของเรือนทรงไทยซึ่งเป็นด้านที่ก้าวลงสู่ระเบียง สำหรับนั่งหรือวางสิ่งของต่าง ๆ | กระดีด | น. อุปกรณ์ทำด้วยกระ ไม้ โลหะ หรือวัสดุสังเคราะห์ ใช้สำหรับดีดสายของเครื่องดนตรี เช่น กีตาร์ แบนโจ. | กระดูกแข็ง | ว. ไม่ตายง่าย ๆ. | กระดูกค่าง | น. ชื่อไม้ต้นชนิด Diospyros undulata Wall. ex G. Don var. cratericalyx (Craib) Bakh. ในวงศ์ Ebenaceae ขึ้นในป่าดิบ มีมากทางภาคใต้ สูงได้ถึง ๒๐ เมตร ไม่ผลัดใบ, จะเพลิง ชะเพลิง คำดีควาย ดูกค่าง ตะโกดำ พลับเขา ไหม้ หม้าย หรือ สะลาง ก็เรียก. | กระเดิด ๒, กระเดิด ๆ | ว. ไม่เรียบร้อยถูกต้องตามขนบนิยม เช่น ไหว้กระเดิด ๆ. | กระตัก | น. ประตัก คือ ไม้ที่ฝังเหล็กแหลมข้างปลาย ใช้แทงสัตว์พาหนะเช่นวัว เช่น ด่าตีกันด้วยเคียวไม้กระตัก (ลักษณะธรรมนูญ). |
| pseud(o)- | เสมือน, ไม่แท้, ปลอม, หลอก, หลอน, เท็จ, เทียม, ลวง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | parenteral | ๑. ไม่ผ่านทางเดินอาหาร๒. -ฉีด, โดยฉีด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | permanent | ถาวร, ตลอดไป, ไม่มีกำหนดเวลา [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | protopathic | ๑. ขั้นต้น, ปฐมภูมิ๒. ไม่รู้สาเหตุ [ มีความหมายเหมือนกับ idiopathetic; idiopathic ๒ ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pseud(o)- | เสมือน, ไม่แท้, ปลอม, หลอก, หลอน, เท็จ, เทียม, ลวง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | poikil(o)- | ๑. หลากหลาย๒. ไม่สม่ำเสมอ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | poikil(o)- | ๑. หลากหลาย๒. ไม่สม่ำเสมอ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | labile | เคลื่อนง่าย, ไม่คงตัว [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | lawful | ถูกต้องตามกฎหมาย, ชอบด้วยกฎหมาย, ไม่ผิดกฎหมาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | lawless | ไม่มีกฎหมาย, ไม่เป็นไปตามกฎหมาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | refuse | ๑. สละ, บอกปัด, ไม่ยอม๒. ขยะ, มูลฝอย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | spurious; false; simulated | ปลอม, เทียม, ไม่แท้ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | spurious | ปลอม, ไม่แท้ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | simulated; false; spurious | ปลอม, เทียม, ไม่แท้ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | off-line | นอกสาย, ไม่เชื่อมตรง [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔] | off-line | นอกสาย, ไม่เชื่อมตรง [เทคโนโลยีสารสนเทศ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | aplastic | ไม่เจริญ, ไม่งอก, ไม่สร้าง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | achromatic | ไม่ติดสี, -ย้อมไม่ติด, ไม่มีสี [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | atonic | หย่อน, ไม่ตึง, ขาดความตึงตัว [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | at large | อย่างเต็มที่, ไม่มีขอบเขต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | analgesic | ๑. ยาระงับปวด๒. ไม่รู้เจ็บ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | barren | เป็นหมัน, ไม่อุดม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | bloodless | ๑. ไร้เลือด๒. ไม่เสียเลือด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | mal- | ผิดปรกติ, ไม่ดี, ไม่เหมาะ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | chloranthous | ดอก (สีเขียว) ไม่เด่นชัด [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | contravariant | ๑. ไม่แปรปรวน๒. คอนทราแวเรียนต์ [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | disavow | ปฏิเสธ, ไม่ยอมรับ (การกระทำที่ไม่ได้รับมอบหมาย) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | difform | ไม่คล้าย, ไม่เหมือน [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | gratis | ทำให้เปล่า, ไม่เรียกค่าตอบแทน [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | false; simulated; spurious | ปลอม, เทียม, ไม่แท้ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | facultative | ปรับได้, ไม่แท้ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | fixed-point | ๑. -จุดตรึง๒. ไม่อิงดรรชนี [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔] | evergreen | ๑. ไม่ผลัดใบ๒. ไม้ไม่ผลัดใบ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | excurrent | ๑. ยื่นยาว [ เส้นกลางใบ ]๒. ไม่แตกกิ่ง [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | essential | ๑. จำเป็น๒. ไม่ทราบสาเหตุ, -เกิดขึ้นเอง๓. -แก่น [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | ignore | เมิน, ไม่สนใจ [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔] | insensible | ไม่รู้สึก, ไม่ทำให้รู้สึก [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | insensitive | ไม่อ่อนไหว, ไม่ไว [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | incoherent | ขาดลำดับ, ไม่ปะติดปะต่อ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | impracticable | ไม่สามารถจะทำได้, ไม่เป็นอันจะทำได้ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | innocent | ๑. ไม่ร้ายแรง๒. ไร้เดียงสา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | imperforate | ไม่ทะลุ, ไม่มีช่อง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | impervious; impenetrable | ๑. -ผ่านไม่ได้๒. ไม่ยอมให้ผ่าน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | invalid | ๑. ไม่มีผล, โมฆะ๒. ไม่สบาย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | invariant | ยืนยง, ไม่แปรเปลี่ยน [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | impenetrable; impervious | ๑. -ผ่านไม่ได้๒. ไม่ยอมให้ผ่าน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | inadmissible | ไม่อาจรับได้, ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | incompetent | ๑. ขาดความสามารถ (ก. แพ่ง)๒. ไม่มีอำนาจหน้าที่ (ก. ปกครอง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | inoperable | ๑. เกินผ่าตัดให้หาย๒. ไม่สมควรผ่าตัด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | idiopathetic; idiopathic | ๑. -เกิดขึ้นเอง๒. ไม่รู้สาเหตุ [ มีความหมายเหมือนกับ protopathic ๒ ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| Floater | แท่นเจาะในทะเลแบบลอยน้ำ ไม่มีขายึดติดกับท้องทะเล, แท่นเจาะในทะเลแบบลอยน้ำ ไม่มีขายึดติดกับท้องทะเล (ดูคำ Semi-submersible และ Drill ship) [ปิโตรเลี่ยม] | APL (a programming language) | เอพีแอล ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงภาษาหนึ่งซึ่งคิดค้นขึ้นโดยนักคณิตศาสตร์ชื่อ เคนเนท ไอเวอร์สัน แห่งบริษัทไอบีเอ็ม ใช้สัญลักษณ์ต่างๆ หลากหลายมาใช้แทนคำสั่งในภาษานี้พร้อมกันนั้นก็เพิ่งคำสั่งแปลกๆ ที่ภาษาคอมพิวเตอร์อื่นๆ ไม่มีใช้ลงไปด้วย ทำให้ภาษานี้ซับซ้อนและไม่ได้รับความนิยมนัก ทั้งๆ ที่เป็นภาษาที่มีสมรรถนะสูงมาก [คอมพิวเตอร์] | Cerebrovascular syndrome | กลุ่มอาการทางระบบประสาทส่วนกลาง, กลุ่มอาการป่วยจากการได้รับรังสีที่มีอำนาจทะลุทะลวงสูงจากภายนอกทั่วร่างกายในระยะเวลาสั้นๆ ปริมาณตั้งแต่ 50 เกรย์ขึ้นไป อาการที่เกิดได้แก่ กระวนกระวาย สับสน คลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรง ไม่รู้สึกตัว และจะเสียชีวิตภายในระยะเวลาอันสั้น (ดู Radiation syndrome, Bone marrow syndrome และ Gastrointestinal syndrome ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Central nervous system syndrome | กลุ่มอาการทางระบบประสาทส่วนกลาง, กลุ่มอาการป่วยจากการได้รับรังสีที่มีอำนาจทะลุทะลวงสูงจากภายนอกทั่วร่างกายในระยะเวลาสั้นๆ ปริมาณตั้งแต่ 50 เกรย์ขึ้นไป อาการที่เกิดได้แก่ กระวนกระวาย สับสน คลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรง ไม่รู้สึกตัว และจะเสียชีวิตภายในระยะเวลาอันสั้น (ดู Radiation syndrome, Bone marrow syndrome และ Gastrointestinal syndrome ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Dose limit | ขีดจำกัดปริมาณรังสี, ค่ากำหนดสูงสุดของปริมาณรังสียังผลหรือปริมาณรังสีสมมูลที่บุคคลอาจได้รับจากการดำเนินกิจกรรมทางรังสี ซึ่งคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศด้านการป้องกันรังสี (International Commission on Radiation Protection, ICRP) ได้กำหนดขีดจำกัดปริมาณรังสีไว้ดังนี้ 1. ผู้ปฏิบัติงาน -ปริมาณรังสียังผลเฉลี่ยไม่เกิน 20 มิลลิซีเวิร์ตต่อปีในระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยในปีใดปีหนึ่งต้องได้รับปริมาณรังสียังผลไม่เกิน 50 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี -ปริมาณรังสีสมมูลที่เลนส์ตา ไม่เกิน 150 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี -ปริมาณรังสีสมมูลที่มือและเท้า หรือที่ผิวหนัง ไม่เกิน 500 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี 2. บุคคลทั่วไป ปริมาณรังสียังผลไม่เกิน 1 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี โดยไม่รวมปริมาณรังสีจากธรรมชาติและปริมาณรังสีจากการรักษาพยาบาลทางการแพทย์ ทั้งนี้ในทางปฏิบัติต้องจำกัดให้ได้รับรังสีน้อยที่สุด (ดู sievert ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Sterile Insect Technique | เทคนิคการใช้แมลงที่เป็นหมัน, เอสไอที, การควบคุมประชากรแมลงโดยปล่อยแมลงชนิดเดียวกันที่ทำให้เป็นหมันด้วยรังสีไปในธรรมชาติ จำนวนมากต่อเนื่องกันหลายรุ่น เมื่อแมลงตัวเมียผสมพันธุ์กับแมลงตัวผู้ที่เป็นหมันจะไม่สามารถแพร่พันธุ์ต่อไปได้ ซึ่งทำให้ประชากรแมลงค่อยๆ ลดลง วิธีการนี้ ไม่ทำลายแมลงที่เป็นประโยชน์ และไม่มีสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อม [นิวเคลียร์] | Source | ต้นกำเนิดรังสี, แหล่งกำเนิดรังสี, วัสดุหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่สามารถแผ่รังสีชนิดก่อไอออนออกมา ไม่ว่าจะเป็นการแผ่รังสีด้วยการแปลงนิวเคลียสของตัวเองหรือด้วยวิธีอื่นๆ เช่น สารกัมมันตรังสีและเครื่องกำเนิดรังสีชนิดต่างๆ [นิวเคลียร์] | Radiation source | ต้นกำเนิดรังสี, แหล่งกำเนิดรังสี, วัสดุหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่สามารถแผ่รังสีชนิดก่อไอออนออกมา ไม่ว่าจะเป็นการแผ่รังสีด้วยการแปลงนิวเคลียสของตัวเองหรือด้วยวิธีอื่นๆ เช่น สารกัมมันตรังสีและเครื่องกำเนิดรังสีชนิดต่างๆ, Example: [นิวเคลียร์] | Radiochemical purity | ความบริสุทธิ์ทางเคมีรังสี, ความบริสุทธิ์ของสารประกอบกัมมันตรังสี ซึ่งมีสารกัมมันตรังสีในรูปแบบทางเคมีที่ต้องการ โดยคำนวณจากสัดส่วนกัมมันตภาพของสารกัมมันตรังสีในรูปแบบทางเคมีที่ต้องการต่อกัมมันตภาพของสารประกอบกัมมันตรังสีทั้งหมด <br>ความบริสุทธิ์ทางเคมีรังสี ใช้เป็นค่ากำหนดคุณภาพของสารเภสัชรังสีซึ่งมีสารประกอบกัมมันตรังสีในรูปแบบทางเคมีอื่นๆ เจือปนอยู่น้อยที่สุด ตามมาตรฐานเภสัชตำรับสหรัฐอเมริกา (United States Pharmacopoeia, USP) เภสัชตำรับอังกฤษ (British Pharmacopoeia, BP) และ เภสัชตำรับยุโรป (European Pharmacopoeia, EP) เช่น ในการผลิตสารไอโอดีน-131 (<sup>131I</sup>) ตามเภสัชตำรับสหรัฐอเมริกาต้องมีอัตราส่วนของสารประกอบกัมมันตรังสีในรูปโซเดียมไอโอไดด์ (Na<sup>131</sup>I) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 และสารประกอบกัมมันตรังสีที่มีธาตุไอโอดีนอยู่ในรูปแบบทางเคมีอื่นๆ ไม่เกินร้อยละ 5</br> [นิวเคลียร์] | Radioactive source | ต้นกำเนิดรังสี, วัสดุหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่สามารถแผ่รังสีชนิดก่อไอออนออกมา ไม่ว่าจะเป็นการแผ่รังสีด้วยการแปลงนิวเคลียสของตัวเองหรือด้วยวิธีอื่นๆ เช่น สารกัมมันตรังสีและเครื่องกำเนิดรังสีชนิดต่างๆ [นิวเคลียร์] | pollution | มลพิษ, มลภาวะ, มลพิษ - พิษเกิดจากความมัวหมองหรือความสกปรก <p>มลภาวะ - ความมัวหมอง หรือความสกปรก ไม่แสดงว่ามีพิษ เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดความเสียหาย น้ำตามลำคลองหรืออากาศโดยทั่ว ๆ ไปก็สกปรกแต่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหาย [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Rejection | สำนักงานสิทธิบัตรปฏิเสธ ไม่ยอมรับคำขอรับสิทธิบัตร [ทรัพย์สินทางปัญญา] | Radappertization | การทำปลอดจุลินทรีย์ด้วยรังสี, การฉายรังสีอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ซึ่งบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิทด้วยปริมาณรังสีสูงกว่า 10 กิโลเกรย์ เพื่อฆ่าจุลินทรีย์ทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค หรือ จุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย เพื่อให้อาหารนั้นเก็บรักษาได้นานหลายเดือนหรือเป็นปีที่อุณหภูมิห้อง อาหารที่ผ่านการฉายรังสีเพื่อทำให้ปลอดจุลินทรีย์ เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่งวงรมควัน อาหารสำหรับผู้ป่วย และอาหารสำหรับมนุษย์อวกาศ (ดู food irradiation ประกอบ), Example: [นิวเคลียร์] | Neutrino | นิวทริโน, อนุภาคมูลฐานที่มีมวลน้อยมาก ไม่มีประจุไฟฟ้า มีอำนาจทะลุทะลวงสูง และมีปฏิสัมพันธ์กับสสารน้อย ทำให้ตรวจหาได้ยาก พบได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์หลายชนิด เช่น การสลายแบบให้อนุภาคบีตา รวมทั้งอนุภาคจากดวงอาทิตย์ที่ผ่านมายังโลก, Example: [นิวเคลียร์] | Passive Artificial Leg | ขาเทียมแบบไม่ใช้อุปกรณ์เพิ่มกำลัง, ขาเทียมที่มีการปรับอัตราความหน่วงในการเดิน โดยใช้ประโยชน์จาก สปริง และแดมเปอร์ (damper) ไม่มีตัววัดค่าและและคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน [Assistive Technology] | แป้ก | ฝืด ไม่ฮา [ศัพท์วัยรุ่น] | สะดวก | คล่อง ไม่ติดขัด มักใช้เข้าคู่กับคำ สบาย เป็น สะดวกสบาย, Example: คำที่มักเขียนผิด คือ สดวก [คำที่มักเขียนผิด] | ป๊อด | ปอด ไม่กล้า [ศัพท์วัยรุ่น] | Anaerobic | แอนแอโรบิก, ไร้อากาศ, ไม่ใช้อากาศ, ไม่ใช้ออกซิเจน [สิ่งแวดล้อม] | Conciliation | การไกล่เกลี่ย คือ กระบวนการของการส่งเรื่องกรณีพิพาทไปให้คณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลผู้ได้รับมอบอำนาจเป็นทางการ เพื่อทำหน้าที่พิจารณาข้อเท็จจริง แล้วเสนอรายงาน ซึ่งประกอบด้วยข้อเสนอแนะในอันที่จะระงับกรณีพิพาทนั้น อย่างไรก็ดี ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการนี้ไม่มีผลบังคับแก่คู่พิพาทแต่อย่างใด ไม่เหมือนกับคำวินิจฉัยในการตัดสินชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ (Arbitration) [การทูต] | Convention on the Rights of the Child | อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ได้รับการรับรองจากสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2532 โดยอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2533 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อคุ้มครองสิทธิของเด็ก (บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี) เพื่อให้ได้รับการศึกษา การดูแล ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือกระทำทารุณกรรม ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่เป็นภาคีอนุสัญญาฯ แล้ว 191 ประเทศ คงเหลือโซมาเลียและสหรัฐอเมริกาที่ยังมิได้ให้สัตยาบัน ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กด้วยการภาคยานุวัติ อนุสัญญาฯ มีผลปังคับใช้กับประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2535 ขณะนี้ไทยยังคงมีข้อสงวน 2 ข้อ คือ ข้อ 7 เรื่องสัญชาติ และ ข้อ 22 เรื่องการให้สถานะเป็นผู้ลี้ภัย [การทูต] | Dean (หรือ Doyen) of the Diplomatic Corps | หัวหน้า (Dean) ของคณะทูตานุทูตในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ได้แก่ ตัวทูตที่อาวุโสที่สุด (คือเป็นทูตอยู่ในประเทศนั้นๆ เป็นเวลานานที่สุด) ตัวหัวหน้าคณะทูตานุทูตจะมีลำดับอาวุโสเหนือทุกคนในคณะทูตานุทูต ทำหน้าที่เป็นโฆษกของคณะทูตเมื่อถึงความจำเป็น และเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองบรรดาเอกสิทธ์และความคุ้มกันทางการทูตที่คณะ ทูตานุทูตมีอยู่ แต่หน้าที่ที่แท้จริงนั้น โดยมากเกี่ยวกับเรื่องพิธีการทูตมากกว่า อาทิเช่น เมื่อถึงวันที่ระลึกครบรอบวันเกิดประมุขของรัฐ (เช่นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในประเทศไทย) Dean ของคณะทูตจะเป็นผู้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าวในนามของคณะทูตทั้งหมด แต่การที่จะเรียกหรือขอให้บุคคลในคณะทูตไปประชุมเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง นั้น เป็นสิ่งที่ Dean ไม่พึงกระทำ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผู้แทนทางการทูตคนใดไปร่วมการประชุมระหว่างบุคคลในคณะทูตด้วยกัน เกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศโดยมิได้รับคำสั่งโดยเฉพาะจากรัฐบาลของตนก่อน ภริยาของ Dean หรือ Doyen นั้นเรียกว่า Doyenneเมื่อหัวหน้าคณะทูตวายชนม์ขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ บุคคลในคณะทูตที่มีอาวุโสรองลงมาหรือเป็นบุคคลที่สองจะเป็นผู้รับช่วงงาน ทันที และมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Chargé d?Affaires ad interim) ทั้งจะต้องดูว่า เอกสารทางราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกสารลับหรือปกปิด จะไม่ทิ้งรวมอยู่กับ เอกสารส่วนตัวของทูตผู้วายชนม์อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทาง การทูต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1961 จากการประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับการติดต่อและความคุ้มกันทางการทูต ได้บัญญัติไว้ว่า?ข้อ 39 (3) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามี สิทธิที่จะได้รับไปจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป(4) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว ให้รัฐผู้รับอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่ส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้ามในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในคราอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดกและการรับมรดกนั้น ๆ ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับ เพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่ฝ่ายเดียวของผู้วายชนม์ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทนอนึ่ง อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1963 ได้บัญญัติไว้ว่า ?ข้อ 51 ในกรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล หรือของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว รัฐผู้รับ(ก) จะอนุญาตให้ส่งออกซึ่งสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ โดยมีข้อยกเว้นแก่ทรัพย์สินเช่นว่า ทรัพย์ใด ๆ ที่ได้มาในรัฐผู้รับนั้น ซึ่งการส่งออกของทรัพย์ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลดังกล่าวถึงแก่มรณกรรม(ข) จะไม่เรียกเก็บอากรกองมรดก อากรสืบช่วงมรดกหรืออากรรับมรดก และอากรการโอน ไม่ว่าจะเป็นอากรของชาติ ของภูมิภาค หรือของเทศบาล จากสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการที่สังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ในรัฐผู้รับก็เนื่องมาแต่ฝ่ายเดียว จากการที่ผู้วายชนม์อยู่ในรัฐนั้นฐานะบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุลหรือใน ฐานะคนในครอบครัวของบุคคลในที่ทำการกงสุล? ?ข้อ 53(5) กรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล คนในครอบครัวซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว จะคงได้รับอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ประสาทให้แก่ตนต่อไป จนกว่าตนจะออกไปจากรัฐผู้รับ หรือจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะสามารถให้ตนกระทำดังนั้นได้ แล้วแต่ว่าเวลาไหนจะมาถึงก่อนกัน? [การทูต] | Diplomatic Privileges and Immunities | เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตที่ได้ให้แก่เจ้า หน้าที่ทางการทูต โดยถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้แทนส่วนตัวของประมุขของรัฐ เหตุผลที่ให้มีการคุ้มกันทางการทูต ก็เพราะถือว่ารัฐบาลหนึ่งใดก็ตามจะถูกกีดกันขัดขวางด้วยการจับกุม หรือกีดกันมิให้ผู้แทนของรัฐบาลนั้นปฏิบัติหน้าที่ในความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศนั้นมิได้ ถ้าหากเห็นว่าผู้แทนนั้นมีพฤติกรรมหรือพฤติการณ์ที่ก้าวร้าวซึ่งรัฐผู้รับ ไม่อาจรับได้ก็ชอบที่รัฐผู้รับจะขอร้องให้รัฐผู้ส่งเรียกตัวผู้แทนของตนกลับ ประเทศได้ อนึ่ง การที่สถานเอกอัครราชทูตได้รับความคุ้มกันจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ เพราะต้องการให้บรรดาผู้แทนทางการทูตเหล่านั้น รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของเขาได้มีโอกาสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประเทศของเขาอนุสัญญากรุง เวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตมีบทบัญญัตินิยามคำว่า เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตในเรื่องต่างๆ ไว้มากพอสมควร เช่น เรื่องสถานที่ของคณะผู้แทนทางการทูต รวมทั้งบรรณสารและเอกสาร เรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่การปฏิบัติงานของคณะผู้แทน และเสรีภาพในการเคลื่อนย้ายรวมทั้งการคมนาคมติดต่อ เป็นต้น [การทูต] | Diplomatist หรือ Diplomat | ใช้กับราชการทุกคนที่ประจำทำงานในด้านทางการทูต ไม่ว่าจะประจำอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ หรือในราชการต่างประเทศ คือ ในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล หรือในสำนักงานทางทูตอื่นๆในทรรศนะของ เซอร์แฮโรลด์ นิโคลสัน นักการทูตยอดเยี่ยมคนหนึ่งของอังกฤษ ได้ระบุไว้ว่า นักการทูตหรือ Diplomat จะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ ยึดถือความเป็นจริง มีความแม่นยำ สงบเยือกเย็น มีความอดกลั้น อารมณ์ดี มีความสงบเสงี่ยมและมีความจงรักภักดี ทั้งยังจะต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญา มีความรู้ มองเห็นการณ์ไกล มีความสุขุมรอบคอบ ใจดีกับแขกและผู้แปลกหน้า มีเสน่ห์ มีความอุตสาหะวิริยะ มีความกล้า และมีปฏิภาณในทำนองเดียวกัน Francoise de Callieres (1645-1717) นักการทูตชั้นเยี่ยมของฝรั่งเศส ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำโปแลนด์ ซาวอย ฮอลแลนด์ บาวาเรีย และลอเรน ได้เขียนหนังสือไว้เล่มหนึ่งชื่อว่า De la miniere avec les souverains เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการเจรจาทางการทูต ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังเป็นที่รับรองกันทั่วไปว่าเป็นหนังสือที่ดีเยี่ยมเล่ม หนึ่ง หรือเป็นจินตกวีนิพนธ์เรื่องการดำเนินการทูตกับเจ้าผู้ครองนคร (Princes) สมัยนั้นCallieres ได้วางมาตรฐานของนักการทูตไว้สูงมากเพราะเขาเห็นว่า ไม่มีงานราชการใด ๆ ที่จะยากยิ่งไปกว่าการเจรจา ในการเจรจานั้น ผู้เจรจาจะต้องสามารถมองเห็นเหตุการณ์ทะลุปรุโปร่ง หรือมีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง มีความละมุนละไม มีความรอบรู้และความเข้าใจอย่างกว้างขวาง ตลอดจนข้อสำคัญที่สุด ต้องเป็นผู้มีความสุขุมคัมภีรภาพ สามารถมองเห็นการณ์ไกลชนิดเจาะลึกทีเดียว นอกจากนี้ จะต้องเป็นผู้มีอารมณ์ขันอย่างสม่ำเสมอ ไม่โกรธง่าย มีจิตใจสงบเยือกเย็น มีความอดกลั้น พร้อมเสมอที่จะรับฟังทุกคนที่เขาพบด้วยความตั้งอกตั้งใจ พูดจาอย่างเปิดเผย และมีอารมณ์ร่าเริงไม่หน้าเง้าหน้างอ มีอัธยาศัยไมตรี รวมทั้งมีกิริยาท่าทางเป็นที่ต้องตาต้องใจกับทุกคน ในฐานะนักเจรจา (Negotiator) นักการทูตจะต้องมีคุณลักษณะและคุณสมบัติตามที่กล่าวมานี้เป็นอย่างน้อย เนื่องจากมีการเจรจาเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของนักการทูตนั่นเอง [การทูต] | Duration of Diplomatic Privileges and Immunities | ระยะเวลาของการอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทาง การทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตราที่ 39 ว่า?1. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ที่จะได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันนั้นตั้งแต่ขณะที่บุคคลนั้นเข้ามาใน อาณาเขตของรัฐผู้รับในการเดินทางไปรับตำแหน่งของตน หรือถ้าอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ได้บอกกล่าวการแต่งตั้งของตนต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน 2. เมื่อภารกิจหน้าที่ของบุคคล ซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันยุติลง เอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามปกติให้สิ้นสุดลงขณะที่บุคคลนั้นออกไปจากประเทศ หรือเมื่อสิ้นกำหนดอันสมควรที่จะทำเช่นนั้น แต่จะยังมีอยู่จนกระทั่งเวลานั้น แม้ในกรณีของการขัดแย้งด้วยอาวุธ อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปโดยบุคคลเช่นว่านั้น ในการปฏิบัติการหน้าที่ของตนในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน ความคุ้มกันนั้นให้มีอยู่สืบไป 3. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามีสิทธิที่จะได้สืบไป จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป 4. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นอยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว รัฐผู้รับสามารถอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่การส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดก และการรับมรดกนั้น ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับเพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่เพียงถ่ายเดียวของผู้วายชนม์ ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือในฐานะเป็นคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน? [การทูต] | Exequatur | คำนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า ?let him perform? เป็นหนังสือหรืออนุมัติบัตรแสดงการรับรองผู้ที่ดำรงตำแหน่งกงสุลโดยประมุข หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐซึ่งกงสุลผู้นั้นได้ถูกส่งไป ประจำ Exequatur เป็นอนุมัติบัตรที่มอบให้กงสุล แสดงว่ามีอำนาจที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ของกงสุลทั้งหมด สามารถเป็นหลักฐานที่ใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นภายในเขตอาณัติของกงสุล ด้วย รัฐที่ปฏิเสธไม่ออก Exequatur ให้นั้น ไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลแก่รัฐผู้ส่งว่าเพราะเหตุผลใดจึงปฏิเสธ ในเรื่องนี้ข้อ 12 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุลได้บัญญัติไว้ว่า?1. หัวหน้า สถานที่ทำการทางกงสุล จะเข้าปฏิบัติการหน้าที่ของตนได้ โดยอนุมัติจากรัฐผู้รับเรียกว่า อนุมัติบัตรไม่ว่าการให้อนุมัติจะเป็นไปในรูปใดก็ตาม 2. รัฐซึ่งปฏิเสธไม่ให้อนุมัติบัตรไม่มีพันธะที่จะต้องให้เหตุผลในการปฏิเสธ เช่นว่านั้นแก่รัฐผู้ส่ง 3. ภายในข้อบังคับแห่งบทของข้อ 13 และ 15 หัวหน้าสถานที่ทำการทางกงสุลจะไม่เข้ารับหน้าที่ของตนจนกว่าจะได้รับอนุมัติ บัตรแล้ว? [การทูต] | Freedom of Communication | เสรีภาพในการติดต่อและสื่อสาร ถือเป็นสิทธิทางกฎหมาย (ไม่ใช่เพียงเอกสิทธิ์เท่านั้น) ที่สำคัญอันหนึ่งของนักการทูตย่อมจะเห็นได้ชัดว่า คณะทูต จะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างพึงพอใจ นอกจากจะมีอิสระอย่างสมบูรณ์ในการที่จะมีหนังสือหรือวิถีทางอื่นๆ เพื่อติดต่อกับรัฐบาลของตน หรือจะส่งและรับจดหมาย หรือหนังสือต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ถือสารพิเศษ หรือโดยถุงทางการทูต (Diplomatic pouch) สำหรับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติไว้ในข้อ 27 ดังนี้?1. ให้รัฐผู้รับอนุญาตและคุ้มครองการสื่อสารโดยเสรีในส่วนของคณะผู้แทน เพื่อความมุ่งประสงค์ในทางการทั้งมวลเพื่อการติดต่อกับรัฐบาล และกับคณะผู้แทนและสถานกงสุลอื่นของรัฐผู้ส่ง ไม่ว่าตั้งอยู่ ณ ที่ใด คณะผู้แทนอาจใช้วิถีทางที่เหมาะสมทั้งมวลได้ รวมทั้งผู้ถือสารทางการทูต และสารเป็นรหัสหรือประมวล อย่างไรก็ดี คณะผู้แทนอาจติดตั้งและใช้เครื่องส่งวิทยุได้ด้วยความยินยอมของรัฐผู้รับ เท่านั้น 2. หนังสือโต้ตอบทางการของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ หนังสือโต้ตอบทางการ หมายถึง หนังสือโต้ตอบทั้งมวลที่เกี่ยวกับคณะผู้แทนและภารกิจหน้าที่ของคณะผู้แทน 3. ถุงทางการทูต (Diplomatic Pouch) จะไม่ถูกเปิดหรือถูกกักไว้ 4. หีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางการทูต จะต้องมีเครื่องหมายภายนอกที่เห็นได้ชัดเจน สามารถแสดงลักษณะของถุงทางการทูต ซึ่งอาจบรรจุเพียงเอกสารหรือสิ่งของทางการทูตที่เจตนาเพื่อใช้ในทางการเท่า นั้น 5. ผู้ถือสารทางการทูต (Diplomatic courrier) จะได้รับเอกสารทางการแสดงสถานภาพของตน และจำนวนหีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางทูตนั้น ให้ได้รับความคุ้มครองจากรัฐผู้รับ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ของตน ให้ผู้ถือสารทางการทูตได้อุปโภคความละเมิดมิได้ ส่วนบุคคลจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือกักขังในรูปใด 6. รัฐผู้ส่งหรือคณะผู้แทนอาจแต่งตั้งผู้ถือสารทางการทูตเฉพาะกรณีได้ ในกรณีที่ว่านี้ให้นำบทแห่งวรรค 5 ของข้อนี้มาใช้ด้วย เว้นแต่ว่าความคุ้มกันที่กล่าวไว้ในวรรคนั้นให้ยุติไม่ใช้ เมื่อผู้ถือสารนี้ได้ส่งถุงทางการทูตในหน้าที่ของตนให้แก่ผู้รับแล้ว 7. ถุงทางการทูตอาจจะมอบหมายไว้แก่ผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งได้มีพิกัดจะลง ณ ท่าเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตแล้วได้ ให้ผู้บังคับบัญชาของเครื่องบินพาณิชย์รับเอกสารทางการแสดงจำนวนหีบห่อซึ่ง รวมเป็นถุง แต่ไม่ใช่ถือว่าผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์เป็นผู้ถือสารทางทูต คณะผู้แทนอาจส่งบุคคลหนึ่งในคณะผู้แทนไปรับมอบถุงทางการทูตได้โดยตรง และโดยเสรีจากผู้บังคับการของเครื่องบิน? [การทูต] | Functions of Diplomatic Mission | ภาระหน้าที่ต่าง ๆ ของคณะผู้แทนทางการทูต หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หน้าที่ที่ปฏิบัติเป็นประจำของผู้แทนทางการทูตนั้น ได้แก่ หน้าที่การเจรจา การสังเกต และการคุ้มครอง อย่างไรก็ดี มีบางประเทศได้มอบอำนาจให้ผู้แทนทางการทูตของตนปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุล และกิจกรรมเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ด้วย ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำคัญใด ๆ กับการทูตเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติไว้ในมาตรา 3 ว่า1. นอกจากประการอื่นแล้ว การหน้าที่ของคณะผู้แทนทางการทูตประกอบด้วยก. ทำหน้าที่แทนรัฐผู้ส่งในรัฐผู้รับข. คุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐผู้ส่งและของคนชาติของรัฐผู้ส่งในรัฐผู้รับ ภายในขีดจำกัดอันกฎหมายระหว่างประเทศได้อนุญาตให้ค. เจรจากับรัฐบาลของรัฐผู้รับง. สืบเสาะให้แน่ด้วยวิถีทางทั้งมวลอันชอบด้วยกฎหมายถึงสถาวะและพัฒนาการในรัฐ ผู้รับ แล้วรายงานไปยังรัฐบาลของรัฐผู้ส่งจ. ส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างรัฐผู้ส่งกับรัฐผู้รับ ตลอดจนพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์ ระหว่างรัฐผู้ส่งกับรัฐผู้รับ2. ไม่มีข้อความในอนุสัญญานี้ ที่จะหมายความได้ว่าเป็นการห้ามไม่ให้คณะผู้แทนทางการทูตปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุล [การทูต] | Genocide | การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อน เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1946 สมัชชาสหประชาชาติได้ยืนยันเป็นเอกฉันท์ว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือการฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อนนั้นให้ถือเป็นอาชญากรรม ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งโลกที่บรรลุความเจริญแล้วประณามอย่างรุนแรงอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกัน และการลงโทษอาชญากรรมเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ สมัชชาสหประชาชาติได้ลงมติรับรองเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1948 อนุสัญญานี้ได้นิยามคำว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) หมายถึงการประกอบอาชญากรรมบางอย่าง โดยมีเจตนาที่จะทำลายล้างกลุ่มชนชาติ กลุ่มเผ่าพันธุ์ กลุ่มเชื้อชาติ หรือกลุ่มศาสนา ในบางส่วนหรือทั้งหมดก็ตาม การประกอบกรรมซึ่งถือเป็นการฆ่าล้างชาตินั้นได้แก่ การฆ่า การทำให้เกิดความเสียหายอย่างสาหัส ทั้งต่อร่างกายหรือจิตใจ และการบังคับให้มีสภาวะการครองชีพที่เจตนาจะให้ชีวิตร่ายกายถูกทำลาย ไม่ว่าจะเพียงส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดก็ตาม ตลอดจนออกมาตรการกีดกันมิให้มีลูกและโยกย้ายเด็ก ๆ ไม่เพียงแต่การฆ่าล้างชาติอย่างเดียว หากแต่การคบคิดหรือการยุยงให้มีการฆ่าล้างชาติ รวมทั้งความพยายามที่จะฆ่าล้างชาติและสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมดังกล่าว ย่อมถูกลงโทษได้ตามนัยแห่งอนุสัญญานี้ บรรดาผู้ที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกลงโทษไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ ปกครอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง หรือเอกชนส่วนบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดของตามกฎหมายก็ตามบรรดาประเทศที่ภาคี อนุสัญญานี้จำเป็นต้องออกกฎหมายของตนเพื่อรองรับ และจะต้องตกลงเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนในกรณีที่บุคคลนั้นๆ มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติ และบุคคลที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกพิจารณาลงโทษในประเทศที่มีการ ประกอบอาชญากรรมดังกล่าวขึ้น หรือโดยศาลระหว่างประเทศที่มีอำนาจครอบคลุมถึงเจตนารมณ์ของสนธิสัญญานี้ เพื่อต้องการป้องกัน และลงโทษอาชญากรรมฆ่าล้างชาติ ไม่ว่าจะประกอบขึ้นในยามสงครามหรือในยามสงบก็ตามอนุสัญญาดังกล่าวได้เริ่มมี ผลบังคับเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1951 เป็นเวลา 90 วันหลังจากที่ 20 ประเทศได้ให้สัตยาบัน หรือให้ภาคยานุวัติตามที่ระบุอยู่ในอนุสัญญา อนุสัญญานี้จะมีผลบังคับเป็นเวลา 10 ปี และมีการต่ออายุสัญญาทุก 5 ปี สำหรับประเทศที่มิได้บอกเลิกสัญญา หากประเทศที่ยังเป็นภาคีอนุสัญญามีจำนวนเหลือไม่ถึง 16 ประเทศ อนุสัญญานี้จะเลิกมีผลบังคับทันที [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Great Powers | ประเทศมหาอำนาจ รัฐที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศมหาอำนาจ คือรัฐที่มีอำนาจอิทธิพลครอบงำในกิจการระหว่างประเทศ ไม่มีกฎหมายใดๆ ที่จะกำหนดว่าประเทศนั้น ประเทศนี้มีสถานภาพเป็นมหาอำนาจ หากเป็นเพียงเพราะรัฐนั้นๆ มีขนาด พละกำลัง และอำนาจอิทธิพลทางเศรษฐกิจเป็นพื้นฐาน และจะสังเกตได้ว่า สถานะของกลุ่มประเทศมหาอำนาจเช่นนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้บ่อยๆ เช่น ในสมัยการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาในปี ค.ศ. 1815 ประเทศมหาอำนาจในสมัยนั้นได้แก่ อังกฤษ ออสเตรีย ฝรั่งเศส ปอร์ตุเกส ปรัสเซีย สเปน สวีเดน และรัสเซีย หลังจากนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่เกี่ยวกับพละกำลังของประเทศมหาอำนาจ คือก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ หนึ่ง ประเทศที่จัดว่าเป็นมหาอำนาจในตอนนั้นคือ อังกฤษ ฮังการี ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่นอกยุโรป เมื่อตอนสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศที่เป็นมหาอำนาจได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ โซเวียตรัสเซีย ฝรั่งเศส และจีน พึงสังเกตด้วยว่า องค์การสหประชาชาติได้ถือว่า ประเทศทั้ง 5 นี้มีอำนาจและมีความสำคัญมากที่สุดในขณะนั้น ทั้ง 5 ประเทศนี้ต่างเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ซึ่งมีอำนาจใช้สิทธิยับยั้ง (Veto) ในที่ประชุม ซึ่งในปัจจุบันก็ยังปฏิบัติเช่นนั้นอยู่ [การทูต] | High Commiissioner | ข้าหลวงใหญ่ หรือผู้แทนทางการทูตของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกสังกัดเครือจักรภพอังกฤษ (The Commonwealth of Nations) และประจำอยู่ ณ ประเทศของสมาคมนี้ด้วยกัน แท้ที่จริงแล้วตำแหน่งนี้ก็เท่ากับตำแหน่งเอกอัคร ราชทูตในกรณีของประเทศที่มิได้เป็นสมาชิกสังกัดในเครือจักรภพนั่นเอง เช่น ในกรณีที่ผู้แทนทางการทูตของประเทศแคนาดาไปประจำ ณ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองเป็นประเทศในเครือจักรภพด้วยกัน เขาจะเรียกผู้แทนทางการทูตของแคนาดานั้นว่า High Commissioner ไม่ใช้คำว่า Ambassador แต่ถ้าผู้แทนทางการทูตของแคนาดาไปประจำประเทศนอกเครือจักรภพ เช่น ประเทศไทย ก็จะเรียกผู้แทนทางการทูตของแคนาดานั้นว่า เอกอัครราชทูต (Ambassador) [การทูต] | Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] | International Development Association | เป็นองค์การให้กู้เงิน ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ.1960 อยู่ภายใต้การบริหารควบคุมของธนาคารระหว่างประเทศ ทุกประเทศที่เป็นสมาชิกของธนาคารระหว่างประเทศหรือธนาคารโลก ย่อมสามารถสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมพัฒนาระหว่างประเทศนี้ได้วัตถุประสงค์ สำคัญของไอดีเอ คือ ให้ประเทศที่ด้อยพัฒนาทำการกู้ยืมเงินเพื่อนำไปพัฒนาประเทศของตน โดยกำหนดเงื่อนไขการกู้ยืมที่ยืดหยุ่นมากกว่าเงื่อนไขของการกู้ยืมทั่ว ๆ ไป ช่วยให้มีผลกระทบต่อดุลแห่งการชำระเงินของประเทศนั้น ๆ ไม่มากนัก ซึ่งเป็นไปตามแนววัตถุประสงค์การให้กู้ยืมของธนาคารโลก อันเท่ากับเสริมการดำเนินงานของธนาคารโลก ที่มีต่อประเทศเหล่านั้นอีกด้วยไอดีเอมีโครงสร้างการดำเนินงานที่คล้ายคลึง กับของธนาคารโลก คณะผู้ว่าการและผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั้งหมดเป็นคนคนเดียวกับที่มีตำแหน่ง หน้าที่อยู่ในธนาคารโลก จึงเท่ากับเข้าไปทำงานมีหน้าที่ในไอดีเอโดยตำแหน่ง (Ex officio) นั่นเอง ไอดีเอมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตันดีซี [การทูต] | Inviolability of the Mission Premises | คือความละเมิดมิได้จากสถานที่ของคณะผู้แทน หมายความว่า บ้านของตัวแทนทางการทูต รวมทั้งสถานที่อื่น ๆ ที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการทูต รวมถึงตึกรามใด ๆ ที่ผู้แทนทางการทูตใช้ดำเนินงานทางการทูตในตำแหน่งที่ของเขา ไม่ว่าสถานที่นั้น ๆ จะเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลของเขาหรือเป็นของเขาเอง หรือแม้แต่เป็นสถานที่ที่ให้ตัวแทนทางการทูตเช่า เหล่านี้จะได้รับความคุ้มกัน (Immunity) ทั้งสิ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด โดยเฉพาะเจ้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เก็บภาษี หรือเจ้าหน้าที่ศาล จะเข้าไปในที่อยู่หรือทำเนียบของผู้แทนทางการทูตมิได้ นอกจากจะได้รับความยินยอมให้กระทำเช่นนั้นอย่างไรก็ดี หากเกิดอาชญากรรมขึ้นภายในสถานที่ของคณะผู้แทน หรือในที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต โดยบุคคลซึ่งมิได้อุปโภคความละเมิดมิได้ ตัวแทนทางการทูตผู้นั้นจะต้องมอบตัวอาชญากรดังกล่าวให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นตาม ที่ขอร้อง กล่าวโดยทั่วไป ตัวแทนทางการทูตจะยอมให้ที่พักพิงในสถานทูตแก่อาชญากรใด ๆ ไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีที่เห็นว่าอาชญากรผู้นั้นตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกฆ่าจากฝูงชน ที่ใช้ความรุนแรง ก็จะยอมให้เข้าไปพักพิงได้เป็นกรณีพิเศษในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้กล่าวไว้ในข้อ 22 ดังนี้ ?1. สถานที่ของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ ตัวแทนของรัฐผู้รับไม่อาจเข้าไปในสถานที่นั้นได้ เว้นแต่ด้วนความยินยอมของหัวหน้าคณะผู้แทน 2. รัฐผู้รับมีหน้าที่พิเศษที่จะดำเนินการทั้งมวลที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสถานที่ของคณะผู้แทนจากการบุกรุกหรือความเสียหายใด ๆ และที่จะป้องกันการรบกวนใด ๆ ต่อความสงบสุขของคณะผู้แทน หรือการทำให้เสื่อมเสียเกียรติ 3. สถานที่ของคณะผู้แทน เครื่องตกแต่ง และทรัพย์สินอื่นของคณะผู้แทนในสถานที่นั้น ตลอดจนพาหนะในการขนส่งของคณะผู้แทน ให้ได้รับความคุ้มกันจาการค้น การเรียกเกณฑ์ การอายัด หรือการบังคับคดี ? [การทูต] | Jus Soli | คือหลักความเชื่อถือซึ่งหลายประเทศยึดถืออยู่ คือบุคคลชาติใดก็ตาม ถือกำเนิด ณ ที่ไหนก็ได้สัญชาติของที่นั้น คนสวีเดนที่เกิดในประเทศไทยจะถือว่าได้สัญชาติไทยไปในตัวผิดกับหลักความ เชื่อถืออีกอันหนึ่งเรียกว่า Jus Sanguinis ซึ่งให้ถือสัญชาติของบุคคลตามสัญชาติของบิดามารดาของบุคคลนั้น ไม่ถือตามสถานที่เกิด [การทูต] | Marshall Plan | แผนการมาร์แชล ในโอกาสวันประสาทปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ยอร์ช ซี.มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยนั้น ได้กล่าวอยู่ตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ว่า?สหรัฐอเมริกาควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะ สามารถกระทำได้ เพื่อช่วยให้ดินแดนต่าง ๆ ในโลกได้กลับคืนสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจ เพราะหากปราศจากภาวะดังกล่าว โลกก็จะไม่มีเสถียรภาพที่สถาพร นโยบายของสหรัฐฯ มิได้มุ่งจะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศใดหรือลัทธิใด หากมุ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อความหิวโหย ความยากจน ความสิ้นหวัง และความยุ่งเหยิง การที่จะให้สหรัฐอเมริการับภาระในการจัดวางโครงการแต่ฝ่ายเดียว เพื่อช่วยให้ทวีปยุโรปสามารถช่วยตนเองทางเศรษฐกิจขึ้นใหม่ นับว่ายังไม่เหมาะสมและถูกต้องนัก ควรจะให้เป็นภาระหน้าที่ของชนชาวยุโรปทั้งหลายเอง บทบาทของสหรัฐฯ ควรจะเป็นเพียงผู้เสนอให้ความความช่วยเหลือฉันมิตร ในการร่างโครงการช่วยเหลือทวีปยุโรป และให้ความสนับสนุนแก่โครงการนั้น ตราบที่โอกาสจะเอื้ออำนวยต่อการกระทำเช่นนั้นได้?จากสุนทรพจน์ข้างต้น พอจะเข้าใจจุดประสงค์สำคัญของสหรัฐอเมริกาได้ไม่ยากว่า ไม่ต้องการให้ทวีปยุโรป ซึ่งกำลังอ่อนแอโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหลังจากเสร็จสงครามใหม่ ๆ ต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจครอบงำของฝ่ายคอมมิวนิสต์นั่นเอง [การทูต] | Neutralization, Neutrality หรือ Neutralism | คำว่า Neutraliza-tion หมายถึง กระบวนการซึ่งรัฐได้รับการค้ำประกันความเป็นเอกราชและบูรณภาพอย่างถาวรภาย ใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับการประกันรับรองให้เป็นกลาง (Neutralized State) เช่นนี้จะผูกมัดตนว่า จะละเว้นจาการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าประเทศใดทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าจะถูกโจมตีก่อน ตัวอย่างอันเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความ เป็นกลางอย่างถาวร คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามปฏิญญา (Declaration) ซึ่งมีการลงนามกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 ประเทศใหญ่ ๆ ในสมัยนั้น คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ปรัสเซีย และรัสเซีย ได้รับรองว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นการจำเป็นที่จะให้รัฐเฮลเวติก(Helvetic Swiss States) ได้รับการประกันความเป็นกลางตลอดไป ทั้งยังประกาศด้วยว่า รัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงรับปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้เมื่อไร ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ก็จะได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางในทันที และแล้วสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศยอมรับปฏิบัติตาม หรือให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 บรรดาประเทศที่รับรองค้ำประกันความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์จึงประกาศ รับรองดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1815 อนึ่ง การค้ำประกันความเป็นกลางในลักษณะที่ครอบคลุมทั้งประเทศของรัฐใดรัฐหนึ่ง นั้น มีความแตกต่างกับการค้ำประกันเพียงดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางจะ ไม่ยอมให้ฝ่ายใดใช้ดินแดนส่วนที่ค้ำประกันนั้นเป็นเวทีสงครามเป็นอันขาด การค้ำประกันความเป็นกลางยังมีอีกแบบหนึ่งคือ รัฐหนึ่งจะประกาศตนแต่ฝ่ายเดียวว่าจะรักษาความเป็นกลางของตนตลอดไปโดยถาวร แต่ในกรณีเช่นนี้ ความเป็นเอกราชและบูรณภาพของรัฐที่ประกาศตนเป็นกลางเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ได้รับการค้ำประกันร่วมกันจากรัฐอื่น ๆ แต่อย่างใดส่วนคติหรือลัทธิความเป็นกลาง (Neutralism) เป็นศัพท์ที่หมายถึงสถานภาพของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการน้ำประเทศของตนเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสงครามเย็น ( Cold War) ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศภาคตะวันออกกับกลุ่มประเทศภาค ตะวันตก นอกจากนี้ ผู้นำบางคนในกลุ่มของรัฐที่เป็นกลาง ไม่เห็นด้วยกีบการที่ใช้คำว่า ?Neutralism? เขาเหล่านี้เห็นว่าควรจะใช้คำว่า ?ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด? ( Uncommitted ) มากกว่าจะเห็นได้ว่า คำว่า ?ความเป็นกลาง? ( Neutrality ) นั้น หมายถึงความเป็นกลางโดยถาวร ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากกลุ่มประเทศกลุ่มหนึ่ง เช่นในกรณีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้หรือหมายถึงความเป็นกลางเฉพาะในดินแดน ส่วนหนึ่งของรัฐที่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปทำสงครามกันในดินแดนที่เป็นกลางส่วน นั้นเป็นอันขาดก็ได้ ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่า แก่นแท้ในความหมายของความเป็นกลาง ( Neutrality) จึงอยู่ที่ท่าที หรือ ทัศนคติของประเทศที่ดำรงตนเป็นกลาง ไม่ต้องการเข้าข้างประเทศคู่สงครามใด ๆ ในสงคราม ในสมัยก่อนผู้คนยังไม่รู้จักความคิดเรื่องความเป็นกลางดังที่รู้จักเข้าใจ กันในปัจจุบัน ความเป็นกลางเป็นผลมาจากการทยอยวางหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความเป็นกลาง นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Notes in Diplomatic Correspondence | หมายถึง หนังสือหรือจดหมายโต้ตอบทางการทูตระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต (Head of mission) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่หัวหน้าคณะผู้ แทนทางการทูตนั้นประจำอยู่ หรือกับหัวหน้าผู้แทนทางการทูตอีกแห่งหนึ่ง หนังสือทางการทูตนี้ อาจใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 หรือบุรุษที่ 3 ก็ได้ หนังสือทางการทูตที่ใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 มักจะเกี่ยวกับเรื่องที่มีความสำคัญหรือมีความละเอียดอ่อนกว่าหนังสืออีก ชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า Note Verbale หรือต้องการจะแทรกความรู้สึกส่วนตัวลงไปด้วย หนังสือนี้จะส่งจากหัวหน้า หรือผู้รักษาการแทนหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือไปถึงหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตอื่น ๆ ไม่เหมือนกับ Note Verbale กล่าวคือ หนังสือทางการทูตนี้จะต้องระบุสถานที่ตั้ง รวมทั้งลงชื่อของผู้ส่งด้วยตามปกติ ประโยคขึ้นต้นด้วยประโยคแรกในหนังสือจะใช้ข้อความว่า ?have the honour? นอกจากจะมีถึงอุปทูตซึ่งมีฐานะตำแหน่งต่ำกว่าอัครราชทูต ถ้อยคำลงท้ายของหนังสือทางการทูตจะมีรูปแบบเฉพาะ เช่น?Accept, Excellency (หรือ Sir), ในกรณีที่ผู้รับมีตำแหน่งเป็นอุปทูต (Charge d? Affaires) the assurances (หรือ renewed assurances ) of my highest (หรือ high ในกรณีที่เป็นอุปทูต ) consideration?หรือ ?I avail myself of this opportunity to express to your Excellency, the assurances ( หรือ renewed assurances) of my highest consideration ?ถ้อยคำที่ว่า ?renewed assurances ? นั้น จะใช้ก็ต่อเมื่อผู้ส่งหนังสือกับผู้รับหนังสือ ได้มีหนังสือติดต่อทางทูตกันมาก่อนแล้ว ส่วนถ้อยคำว่า ?high consideration ? โดยปกติจะใช้ในหนังสือที่มีไปยังอุปทูต ถ้อยคำ ?highest consideration ? จะใช้เมื่อมีไปถึงเอกอัครราชทูต และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่ท้องถิ่นด้วย บางแห่งอาจนิยมใช้แตกต่างออกไป และก็จะเคารพปฏิบัติตามท้องถิ่นนั้น ๆ โดยมารยาทส่วนหนังสือที่เรียกว่า Note Verbale หรือ Third person note เป็นหนังสือทางการทูตที่ใช้บ่อยที่สุด หนังสือนี้จะขึ้นต้นด้วยประโยคดังต่อไปนี้?The Ambassador (หรือ The Embassy ) of Thailand presents his (หรือ its ) compliments to the Minster (หรือ Ministry ) of Foreign affairs and has the honour??หนังสือบุรุษที่สาม หรืออาจเรียกว่าหนังสือกลางนี้ ไม่ต้องบอกตำบลสถานที่ ( Address) และไม่ต้องลงชื่อ แต่บางทีในตอนลงท้ายของหนังสือกลางมักใช้คำว่า?The Ambassador avails himself of this opportunity to express to his Excellency the renewed assurances of his highest consideration?มีหนังสือทางการทูตอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า Collective note เป็นหนังสือที่หัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตของรัฐบาลหลายประเทศรวมกันมีไปถึง รัฐบาลแห่งเดียว เกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลเหล่านั้นพร้อมใจกันที่จะร้องเรียน หรือต่อว่าร่วมกัน หัวหน้าคณะทูตทั้งหมดอาจร่วมกันลงนามในหนังสือนั้น หรือ อาจจะแยกกันส่งหนังสือซึ่งมีถ้อยคำอย่างเดียวกันไปถึงก็ได้ [การทูต] | Open Diplomacy | คือการทูตแบบเปิดเผย อดีตประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นบุคคลที่สนับสนุนและเผยแพร่วิธีการทูตแบบเปิดเผยอย่างเต็มที่ หวังจะให้ชุมชนนานาชาติพร้อมใจกันสนับสนุนการทูตนี้เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1918 วูดโรว์ วิลสัน ได้ประกาศให้โลกทราบนโยบายของท่าน 14 ข้อ ข้อหนึ่งในจำนวนนั้นท่านปรารถนาว่า ในอนาคตประเทศต่าง ๆ ควรจะทำความตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องสันติภาพอย่างเปิดเผย และต่อไปไม่ควรจะมีการเจรจาทำความตกลงระหว่างประเทศแบบลับเฉพาะอย่างใดทั้ง สิ้นแม้ว่าโดยทั่วไปจะเห็นพ้องด้วยกับนโยบายข้อแรกของ วูดโรว์ วิลสัน คือ ความตกลงหรือสนธิสัญญาใด ๆ เมื่อตกลงเสร็จสิ้นแล้ว ให้ประกาศเปิดเผยให้โลกทราบ แต่สำหรับข้องสองคือการเจรจาในระหว่างทำสนธิสัญญาให้กระทำกันอย่างเปิดเผย นั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเห็นว่าลำพังการเจรจานั้น โดยสารัตถะสำคัญแล้วควรจะถือเป็นความลับไว้ก่อนจนกว่าจะเสร็จการเจรจา ทั้งนี้ เซอร์เดวิด เคลลี่ อดีตนักการทูตอังกฤษเคยให้ทรรศนะว่า การทูตแบบเปิดเผยนั้นเป็นถ้อยคำที่ขัดกันในตัว คือหากกระทำกันอย่างเปิดเผยเสียแล้วก็ไม่ใช่การทูตเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาตรา 102 ของกฎบัตรสหประชาชาติได้บัญญัติว่า ?1. สนธิสัญญาทุกฉบับ และความตกลงระหว่างประเทศทุกฉบับ ซึ่งสมาชิกใด ๆ แห่งสหประชาชาติได้เข้าเป็นภาคี ภายหลังที่กฎบัตรปัจจุบันได้ใช้บังคับ จักต้องจดทะเบียนไว้กับสำนักเลขาธิการโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจักได้พิมพ์ขึ้นโดยสำนักงานนี้ 2. ภาคีแห่งสนธิสัญญา หรือความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่าใด ซึ่งมิได้จดทะเบียนไว้ตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งข้อนี้ ไม่อาจยกเอาสนธิสัญญาหรือความตกลงนั้น ๆ ขึ้นกล่าวอ้างต่อองค์กรใด ๆ ของสหประชาชาติ? [การทูต] | Parliamentary Diplomacy | การทูตแบบรัฐสภา หรือบางครั้งเรียกว่า Organization Diplomacy เช่น การทูตในองค์การสหประชาชาติ การทูตแบบนี้ต่างกับการทูตตามปกติที่ดำเนินกันในนครหลวงของประเทศ กล่าวคือ1. นักการทูตมีโอกาสติดต่อโดยใกล้ชิดกับสื่อมวลชนและกับนัการทูตด้วยกันจาก ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรภายในองค์การสหประชาติ มากกว่าในนครหลวงของประเทศ แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดต่อกับคนชาติของตนอย่างใกล้ชิด2. การพบปะติดต่อกับบรรดานักการทูตด้วยกันในองค์การสหประชาชาติ จะเป็นไปอย่างเป็นกันเองมากกว่าในนครหลวงของประเทศ3. ในองค์การสหประชาติ ประเทศเล็ก ๆ สามารถมีอิทธิพลในการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ได้มากกว่าในนครของตน เพราะตามปกติ นักการทูตในนครหลวงมักจะติดต่ออย่างเป็นทางการกับนักการทูตในระดับเดียวกัน เท่านั้น แต่ข้อนี้มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนักในสหประชาชาติ ในแง่การปรึกษาหารือกันระหว่างกลุ่ม ในสมัยก่อนที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดในสหประชาชาติได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม (Blocs) ด้วยกัน คือกลุ่มเอเชียอัฟริกา กลุ่มเครือจักรภพ (Commonwealth) กลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มละตินอเมริกัน กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสแกนดิเนเวีย และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศที่มิได้ผูกพันเป็นทางการกับกลุ่มใด ๆ ที่กล่าวมา อนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามเย็น สมาชิกประเทศในสหประชาชาติจะรวมกลุ่มกันตามแนวนี้ คือ ประเทศนิยมฝักใฝ่กับประเทศฝ่ายตะวันตก (Pro-West members) ประเทศที่นิยมค่ายประเทศคอมมิวนิสต์ (Pro-Communist members) และประเทศที่ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายใด (Non-aligned members)เกี่ยวกับเรื่องการทูตในการประชุมสหประชาชาติ ในสมัยสงครามเย็น นักการทูตชั้นนำของอินเดียผู้หนึ่งให้ข้อวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพิจารณากัน การทะเลาะเบาะแว้งด้วยคำผรุสวาทหรือการแถลงโผงผางต่อกันนั้น ล้วนเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะวิสัยของการทูตทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปในการประชุมสหประชาชาติ จึงแทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการทูต เพราะการทูตที่แท้จริงจะกระทำกันด้วยอารมณ์สงบ ใช้ความสุขุมคัมภีรภาพ ปราศจากกามุ่งโฆษณาตนแต่อย่างใด การแสดงต่าง ๆ เช่น สุนทรพจน์และภาพยนตร์นั้นจะต้องมีผู้ฟังหรือผู้ชม แต่สำหรับการทูตจะไม่มีผู้ฟังหรือผู้ชม (Audience) หากกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็คือ ผู้พูดในสหประชาชาติมุ่งโฆษณาหาเสียง หรือคะแนนนิยมจากโลกภายนอก แต่ในการทูตนั้น ผู้พูดมุ่งจะให้มีการตกลงกันให้ได้ในเรื่องที่เจรจากันเป็นจุดประสงค์สำคัญ [การทูต] | Personal Diplomacy | คือการเจรจากันโดยตรงระหว่างรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศด้วยกัน ส่วนการเจรจากันโดยตรงระหว่างประมุขของรัฐ หรือหัวหน้าของรัฐบาล แต่เดิมก็จัดอยู่ในประเภทการมทูตส่วนบุคคล แต่มาในปัจจุบันนี้ มักนิยมเรียกกันว่าเป็นทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) แยกออกต่างหากจากการทูตส่วนบุคคลมีผู้สังเกตการณ์หลายคนเตือนว่า ในกรณีที่เกิดเรื่องหรือปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่นั้น ไม่ควรหันเข้าใช้วิธีส่งผู้แทนพิเศษจากนครหลวงไปแก้ปัญหา ควรให้เอกอัครราชทูตเป็นผู้ดำเนินการมากกว่า เพราะประการแรก การกระทำเช่นนั้นยังผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของตัวเอกอัครราชทูตเอง ทั้งยังกระทบกระเทือนต่อการที่เขาจะปฏิบัติงานให้ประสบผลอย่างเต็มที่ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้นในภายหน้าด้วย อีกประการหนึ่ง จะพึงคาดหมายได้อย่างไรว่า ตัวผู้แทนพิเศษที่ส่งไปนั้นจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของปัญหา รวมทั้งตัวบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่ากับตัวเอกอัครราชทูตเอง ซึ่งได้ประจำทำงานอยู่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ณ ที่นั่น แม้แต่ แฮโรลด์ นิโคลสัน ก็ไม่เห็นด้วย และได้เตือนว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งไปเยือนและพบปะกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอีกประเทศหนึ่งบ่อย ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่ควรสนับสนุน เพราะการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนคาดหมายไปต่าง ๆ นานาแล้ว ยังจะทำให้เกิดเข้าใจผิด และเกิดความสับสนขึ้นมาได้แม้แต่ผู้รอบรู้ในเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทางการ ทูตบางคนก็ยังแคลงใจว่า การทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) จะได้ประโยชน์และให้ผลจริง ๆ หรือไม่ นอกจากเฉพาะในกรณียกเว้นจริง ๆ เท่านั้น บ้างเห็นว่า การพบปะเจรจาแบบสุดยอดมักจะกลายสภาพเป็นการโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์มากกว่า ที่จะเป็นการเจรจากันอย่างแท้จริง เพราะมีอันตรายอยู่ว่า ผู้ร่วมเจรจามักจะแสดงความคิดเห็นตามความรู้สึกมากกว่าตามข้อเท็จจริง เพราะมัวแต่เป็นห่วงและคำนึงถึงประชามติในประเทศของตนมากเกินไปนอกจากนี้ ผู้เจรจาไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อลดหย่อนหรือทำการประนีประนอม ( ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งหากจะให้เจรจาบังเกิดผล) เพราะกลัวเสียหน้าหากกระทำเช่นนั้น ตามปกติ ถ้าให้นักการทูตเป็นผู้เจรจา เขาจะมีโอกาสมากกว่าที่จะใช้วิธีหลบหลีกอันชาญฉลาดในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้เป็นผลตามที่มุ่งประสงค์ [การทูต] | Persons Entitled to Diplomatic Privileges and Immunities | บุคคลทีมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้ม ครองกันทางการทูต มาตรา 37 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ว่า ?1. คนในครอบครัวของตัวแทนทางการทูต ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของตัวแทนทางการทูต ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ ให้ได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ระบุไวในข้อ 29 ถึง 36 2. บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการและฝ่ายวิชาการของคณะผู้แทน รวมทั้งคนในครอบครัวของตน ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของตน ตามลำดับ ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ ให้ได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ระบุไว้ในข้อ 29 ถึง 35 เว้นแต่ว่าความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่งและทางปกครองของรัฐผู้รับ ที่ได้ระบุไว้ในวรรค 1 ของข้อ 31 นั้น ไม่ให้ขยายไปถึงการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปเกินภารกิจหน้าที่ของตน ให้บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการและฝ่ายวิชาการได้อุปโภคเอกสิทธิ์ ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 36 วรรค 1 ในส่วนที่เกี่ยวกับสิ่งของที่ได้นำเข้าเมื่อเข้ารับหน้าที่ครั้งแรกด้วย 3. บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการของคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้ รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับให้ได้อุปโภคความคุ้มกัน ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติตามภารกิจหน้าที่ตน การยกเว้นจากค่าภาระผูกพันรวมทั้งภาษีสำหรับค่าบำเหน็จที่ตนได้รับโดยเหตุผล จากการรับจ้างของตน และการยกเว้นที่ได้บรรจุไว้ในข้อ 33 4. คนรับใช้ส่วนตัวของบุคคลในคณะผู้แทน ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ประจำในรัฐผู้รับ ให้ได้รับการยกเว้นจากค่าภาระผูกพัน หรือภาษีสำหรับค่าบำเหน็จที่เขาได้รับโดยเหตุผลจากการรับจ้างของตนในส่วน อื่น คนรับใช้ส่วนตัวเช่นว่านี้ อาจได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันเท่าที่รัฐผู้รับยอมให้เท่านั้น อย่างไรก็ดี รัฐผู้รับต้องใช้อำนาจของตนเหนือบุคคลเช่นว่านี้ ในการที่จะไม่แทรกสอดโดยไม่สมควรในการปฏิบัติการหน้าที่ของคณะผู้แทน [การทูต] | Plural Representation | หมายถึง การที่รัฐหนึ่งแต่งตั้งผู้แทนทางการทูตถาวรของตนมากกว่าหนึ่งคนไปประจำรัฐ อีกแห่งหนึ่งนอกประเทศ ในกรณีเช่นนั้น ผู้แทนทางการทูตคนหนึ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนทางทูต ส่วนผู้แทนทางการทูตที่เหลือจะเป็นตัวรองอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา เช่น ในสหประชาชาติมีคณะทูตถาวรประจำสหประชาชาติหลายแห่ง นิยมตั้งเอกอัครราชทูตของตนเป็นจำนวนมากถึง 3 หรือ 4 คนไปประจำอยู่ในคณะ ตัวหัวหน้าคณะทูตถาวรเช่นนั้น จะมีตำแหน่งเรียกว่า เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศของตนประจำสหประชาชาติ ส่วนเอกอัครราชทูตคนที่สองในคณะทูตถาวร มีตำแหน่งเรียกว่า รองผู้แทนถาวรการส่งเอกอัครราชทูตหลายคนไปประจำเป็นตัวแทนเช่นนี้ ไม่เป็นที่นิยมกระทำกันแพร่หลายเหมือนกับการส่งหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตคน เดียวไปประจำในหลายประเทศในเวลาเดียวกัน ดังที่กล่าวมาข้างต้น [การทูต] | Political Offenses | ความผิดทางการเมือง หลักการข้อหนึ่งของการส่งตัวผู้กระทำความผิดไปให้อีก ประเทศหนึ่ง หรือที่เรียกว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดน คือ ผู้ที่กระทำผิดทางการเมืองจะถูกส่งข้ามแดนไปให้อีกประเทศหนึ่งไม่ได้เป็นอัน ขาด แต่อย่างไรก็ดี มีปัญหาในปฏิบัติคือว่า จะแยกความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างความผิดทางการเมือง กับที่มิใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง นักวิชาการบางท่านนิยามความหมายของคำว่าความผิดทางการเมืองไว้ว่า คือ ความผิดฐานกบฏ (Treason) ซึ่งในกฎหมายของหลายประเทศหมายถึงการประทุษร้าย หรือพยายามประทุษร้ายต่อประมุขของประเทศ หรือช่วยฝ่ายศัตรูทำสงครามกับประเทศของตน ความผิดฐานปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ (Sedition) หรือการประกอบจารกรรม (Espionage) อันเป็นการคุกคามต่อความั่นคงหรือต่อระบบการปกครองของประเทศผู้ร้องขอ (หมายถึงประเทศที่ร้องขอให้ส่งตัวผู้กระทำผิดไปให้ในลักษณะผู้ร้ายข้ามแดน) ไม่ว่าจะกระทำโดยคนเดียวหรือหลายคนก็ตาม [การทูต] | Regrets Only | เป็นคำที่ระบุในบัตรเชิญเข้าร่วมงานต่าง ๆ ซึ่งหากผู้ได้รับเชิญจะไม่ไปร่วมจะต้องตอบให้ผู้เชิญทราบ หากสามารถไปร่วมได้ ไม่ต้องตอบ [การทูต] | Sovereignty | อธิปไตย ประเทศที่มีอธิปไตยนั้นมีอิสระ ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมจากภายนอกประเทศ ในการดำเนินกิจการของประเทศตนทั้งภายในและภายนอกประเทศ [การทูต] | Team Thailand | ทีมประเทศไทย หมายถึง รูปแบบของการทำงานที่เป็นเอกภาพของหน่วยราชการไทยในการปกป้อง รักษา และส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อช่วยประหยัดงบประมาณ ขจัดความซ้ำซ้อน ลดการทำงานที่ไม่จำเป็นให้หมดไป และช่วยให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานมากยิ่งขึ้น อันจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพ และเพิ่มประสิทธิผลของการทำงาน แนวคิดเรื่องทีมประเทศไทยเป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการทำงานของหน่วยงานไทย ในต่างประเทศ โดยเน้นให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีภารกิจในต่างประเทศทำงานร่วมกัน อย่างมีเอกภาพ ไม่ซ้ำซ้อน มีทิศทางเดียวกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายร่วมกันบนพื้นฐานของแผน งานรวมที่เป็นเอกภาพ (unified work plan) มีสำนักงานที่เป็นเอกภาพ (unified structure) และมีกรอบการประสานงานที่เป็นเอกภาพ (unified command) โดยมีกระทรวงการต่างประเทศซึ่งรับผิดชอบภาพรวมของการดำเนินความสัมพันธ์กับ ต่างประเทศทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมในการประสานงาน ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายการปฏิรูประบบราชการในต่างประเทศ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2541 [การทูต] | territorial sea | ทะเลอาณาเขต รัฐทุกรัฐมีสิทธิกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตของตนได้จนถึงขอบเขตหนึ่งซึ่ง ไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล โดยวัดจากเส้นฐานที่กำหนดขึ้นตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. 2525 [การทูต] |
| - No way. | - ไม่มีทาง Fun Town (2008) | Oh, no. | โอ้ ไม่นะ Dream a Little Dream of Me: Part 1 (2008) | Oh, no! | โอ้ ไม่! Odyssey (2008) | - Luigi. | - ไม่ Gomorrah (2008) | Mm-mm. | อืมม ไม่ Dream Logic (2009) | Oh, no. | โอ้ ไม่ The Coffee Cup (2009) | Oh, no. | โอว ไม่นะ Legend of the Guardians: The Owls of Ga'Hoole (2010) | Oh no. | โอ้ ไม่ Tooth Fairy (2010) | Oh, no. | โอ้ ไม่! The Wildebeest Implementation (2011) | - It's okay. | - ไม่เป็นไรน่า The Angel of Death (2011) | Whoa, no. | โว้ว ไม่ The Jewel of Denial (2011) | Um, no. | อืม ไม่ Beside the Dying Fire (2012) | Nothing. | - ไม่มีเลย The Future in the Past (2012) | Okay, no. | โอเค ไม่ High Infidelity (2012) | No, you're not. | ไม่ ไม่ได้ The Choice (2012) | No, I'm not. | ไม่ ไม่เลย Illusion (2012) | No...not really. | ไม่.. ไม่แน่ใจ Toy Story of Terror (2013) | Hell, no. | บ้าหรอ ไม่ Dead Meat (2013) | Oh, no. | โอ้ ไม่นะ Brujo (2015) | No. | / ไม่ Chuck Versus the Other Guy (2010) | - No. | - ไม่ Blood Brothers (2010) | No. | - ไม่ Super 8 (2011) | - No. | - ไม่ Something Borrowed (2011) | - No. | - ไม่ Harry Potter and the Sorcerer's Stone (2001) | Oh, no. | โอ ไม่ Madagascar: Escape 2 Africa (2008) | No. | - ไม่ S.O.B. (2009) | - No. | - ไม่ค่ะ The Case of Itaewon Homicide (2009) | - No. | - ไม่ Let It Bleed (2011) | - No. | - ไม่ Cece Crashes (2011) | - No. | - ไม่ The North Remembers (2012) | No! | - ไม่นะ! If It Bleeds, It Leads (2012) | What? ! No! | อะไรน่ะ ไม่! The Crimson Ticket (2012) | No, you can't. | ไม่ ไม่ได้ Bag Man (2013) | No, no! | ไม่, ไม่! One Percent (2013) | No. No. | ไม่ ไม่ The Maze Runner (2014) | No, no! | ไม่นะ ไม่ The Interview (2014) | Oh, no. | โอ้ ไม่นะ Rise of the Villains: By Fire (2015) | No. | โอ้ ไม่ The Lego Batman Movie (2017) | What's the difference ? | - ไม่เป็นไร Schindler's List (1993) | I call it "It ain't never going to be all you want it to be." | ฉันเรียกว่า " ความหวังที่ตั้งไว้ ไม่เป็นอย่างที่หวัง ." The Young Indiana Jones Chronicles (1992) | Like so many things, it is not what is outside, but what is inside that counts. | เหมือนของหลายอย่าง ไม่สำคัญที่ภายนอก สำคัญที่ภายในต่างหาก นี่ไม่ใช่ตะเกียงธรรมดา! Aladdin (1992) | That's an incred-- I think I'm gonna have a heart attack and die from not surprise! | ไม่น่าเชื่-- ไม่น่าแปลกใจเลยถ้าข้าคิดว่าข้าจะหัวใจวายตายเสียแล้ว Aladdin (1992) | Trouble? | ยุ่งยากรึ? ไม่มีทาง Aladdin (1992) | Gotta eat to live, gotta steal to eat, Otherwise we'd get along! | ก็ต้องกินเพื่ออยู่ ก็ต้องขโมยเพื่อกิน เราอาจจะเข้ากันได้ ไม่! Aladdin (1992) | Would they see a poor boy? | พวกเขาจะมองเห็นเด็กยากจนบ้างไหม? ไม่ แน่ๆ Aladdin (1992) | Soon, I will be sultan, not that addlepated twit. -And then I stuff the crackers down his throat! | ในไม่ช้า ข้าจะเป็นสุลต่าน ไม่ใช่เจ้าโง่นั่น และข้าจะยัดขนมปังเหล่านั้นเข้าไปในลำคอมันเอง! Aladdin (1992) | Pretty lady, buy a pot. No finer pot in brass or silver. | สาวสวย ซื้อหม้อนี่สิ ไม่มีหม้อดีกว่านี้อีกแล้วแม้จะเป็น ทองเหลืองหรือเงิน Aladdin (1992) | But, no harm done. | แต่ ไม่มีอันตรายอะไรหรอกนะ มานี่เถอะน้องข้า ได้เวลาไปหาหมอกันแล้ว Aladdin (1992) | Well, it's not much, but it's got a great view. | เอาละ ไม่มากหรอกนะ แต่มันก็เป็นวิวที่สวยงาม Aladdin (1992) | Things aren't always what they seem. | สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่เห็นเสมอไป Aladdin (1992) |
| ไม้แบด = ไม้แบดฯ | [māi baēt] (n, exp) EN: badminton racket FR: raquette de badminton [ f ] |
| nonfunctional | (adj) เสีย, ไม่ทำงาน, ใช้การไม่ได้ | unrepentant | (adj) ไม่รู้สึกว่าได้กระทำอะไรผิดไป, ไม่รู้สึกผิด | chicken out | (vi, colloq) ปอดแหก, ไม่ทำบางอย่างเพราะไม่กล้าหรือกลัว | down-to-earth | (adj) (คน)ไม่ถือตัว, ไม่โอ้อวด เช่น I like her. She is a down-to-earth kind of person., It's so surprised find the super-star so down-to-earth. | down-to-earth | (adj) เป็นจริง, ไม่เพ้อฝัน, อยู่ในโลกแห่งความจริง, See also: A. idealistic, unrealistic, Syn. practical | snail mail | (n, jargon) จดหมายที่ถูกส่งทางไปรษณีย์ปกติ (เพื่อไม่ให้สับสนกับ E-mail ถ้าใช้คำว่า mail เฉยๆ ในยุคนี้อาจไม่ชัดเจนว่าเป็นอันไหน) snail แปลตามตัวคือหอยทาก ซึ่งเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เป็นการบ่งชี้กลายๆ ว่า ไม่เร็วเหมือน E-mail | off the shelf | (adj) มีจำหน่ายทั่วไป ไม่ต้องพัฒนาประดิษฐ์ใหม่ด้วยตนเอง | play hooky | (jargon) |Amer.| โดดเรียน, ไม่ไปโรงเรียน, Syn. play truant Brit. | distance learning | (n) การศึกษาทางไกล เช่น การเรียนผ่านสื่อเช่นโทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ต ไม่ได้ไปโรงเรียนและเข้าเรียนในห้องเรียนตามปกติ | part-time | (n) นอกเวลา, ไม่เต็มเวลา เช่น part-time job งานนอกเวลา ที่ไม่ใช่งานหลัก | artificially | (adv) ปลอมๆ, ทำขึ้น, ไม่ใช่ของจริง | NEET | (n) คนวัยหนุ่มสาวที่อยู่เฉย ไม่กระตือรือร้นที่จะรับการศึกษาหรือทำงาน ย่อมาจากคำว่า 'Not in Education, Employment, or Training' | tsunami | (n) คลื่นขนาดใหญ่และยาว (ระดับน้ำขึ้นสูง เป็นระยะทางยาวๆ ไม่ใช่ขึ้นแล้วลงเร็ว เหมือนคลื่นปกติ) ในทะเล ที่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยปกติ แต่เกิดจากการแทนที่น้ำอย่างรุนแรง ทำให้มวลของน้ำเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ลักษณะคล้ายๆ กับการปาหินลงในน้ำ แล้วเกิดคลื่นแผ่กระจายออก, มีสาเหตุโดยมากจากแผ่นดินไหวนอกชายฝั่ง, มักเคลื่อนไปได้เป็นระยะทางไกลๆ (มากได้ถึงหลายพัน หรือเป็นหมื่นกิโลเมตร), เมื่อถึงฝั่ง อาจมีความสูงได้เป็นสิบเมตร และทำความเสียหายได้มาก, มาจากภาษาญี่ปุ่น 津波 [ つなみ, tsunami, สึนามิ ] <p> รายละเอียดเพิ่มเติม: <A HREF=http://www.navy.mi.th/dockyard/sara_tsinami.html>http://www.navy.mi.th/dockyard/sara_tsinami.html</A>, Syn. tidal wave | ergodic | (adj) อัตลักษณ์ ลักษณะที่เป็นของตนไม่ขึ้นอยู่กับที่มา ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา | well-adjusted | (adj) ปรับตัวได้ดี , (บุคลิก)ที่มีเหตุมีผล ไม่แปลกประหลาด | instant water heater | (n) เครื่องทำน้ำอุ่นประเภทที่ให้ความร้อนกับน้ำ ณ ขณะนั้น ไม่มีการกักตุนและเตรียมน้ำอุ่นสำรองไว้, Syn. tankless water heater | civil disobedience | (n) ลัทธิดื้อแพ่ง/อารยะขัดขืน, เป็นการปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎหมายบางมาตรา ด้วยเหตุผลที่ว่ากฎหมายนั้นๆ ไม่ชอบธรรม | washed out | (adj) ที่มีสีซีดเผือด, ไร้เรี่ยวแรง, ไม่กระฉับกระเฉง เช่น His face was thin and washed out. | unrecoverable | (adj) ไม่สามารถกู้คืนได้, ไม่สามารถเอากลับคืนได้, ไม่สามารถรักษาได้, See also: recover, Syn. irrecoverable | travel light | (vt) พกของมาน้อย, ไม่เป็นภาระ, ไม่คิดมาก, See also: be relatively free of responsibilities or deep thoughts, Syn. take little baggage | overrated | (adj) ที่ถูกตีค่าสูงเกินจริง, ไม่เก่งจริง, ไม่ดีจริง เช่น It's completely overrated. The beach itself is a real disappointment. It has a rocky shelf and the water is murky at best. | osteoblastoma | (n) เนื้องอกของกระดูกชนิดหนึ่ง ไม่ใช่มะเร็ง มักเกิดที่ กระดูกแขนขาหรือกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดอาการปวด บวม รักษาโดยการผ่าตัด | commitment | (n) ฉันทามติ, ข้อตกลงร่วมกันของกลุ่ม ไม่ได้หมายถึงการรับผิดร่วมกัน | homoeopathy | [โฮมีโอพาธี] (n) การบำบัดแบบโฮมีโอพาธีมีแนวคิดหรือปรัชญาพื้นฐานในการทำความเข้าใจร่างกายมนุษย์ที่แตกต่างจากระบบการแพทย์แผนปัจจุบันโดยสิ้นเชิง การมองร่างกายและจิตใจของ ผู้ป่วยจะไม่ได้มองเป็นอวัยวะที่แยกส่วนออกจากกัน แต่จะมองร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเป็นภาพรวมเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่จะบำบัดผู้ป่วยจะต้องมีการสัมภาษณ์และคุยกับผู้ป่วยในเรื่องของลักษณะทั่วไป บุคลิกภาพ ประวัติทางการแพทย์ของครอบครัว อารมณ์ ความรู้สึกส่วนบุคคลต่อสิ่งแวดล้อม อาหาร อากาศ ฯลฯ รวมทั้งอาการของโรคด้วย นักบำบัด (practitioner) จะต้องนำคำตอบทั้งหมดมาประมวลและสรุปเป็นภาพรวมโดยเรียกว่า “ภาพของอาการ” (symtom picture)ดังนั้นการประเมินประสิทธิภาพของการบำบัดจึงไม่ควรใช้กรอบและแนวคิดของระบบการแพทย์แผนปัจจุบันประเมินแต่เพียงอย่างเดียว ควรมีการศึกษาและทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของการบำบัดแบบโฮมีโอพาธีด้วย โดยสรุปแล้วการบำบัดแบบโฮมีโอพาธีจัดเป็นศาสตร์การรักษาสุขภาพแบบองค์รวมที่เน้นเรื่องการปรับสมดุลสารชีวเคมีและพลังไหลเวียนภายในร่างกาย การให้ยาเป็นไปเพียงเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการปรับสมดุลด้วยกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเอง ไม่ได้มุ่งหมายให้ยาไปขจัดหรือทำลายกลไกของร่างกายหรือสารที่ก่อให้เกิดอาการป่วย รวมทั้งไม่ได้มุ่งหมายที่จะขจัดสิ่งมีชีวิตใด ๆ ออกจากร่างกายด้วย | Ramkhamhaeng University | (n, name, uniq) มหาวิทยาลัยรามคำแหง, มหาวิทยาลัยแบบไม่ต้องสอบเข้า ไม่จำกัดอายุ เพศ หรืออัตตลักษณ์ทางเพศ ตั้งอยู่ที่ ถ.รามคำแหง เขตหัวหมาก กรุงเทพมหานคร, www.RU.ac.th, See also: Open University | keeping up with the joneses | (phrase) การมีอะไร (เงิน วัตถุ ชื่อเสียง) ทัดเทียมคนอื่น, ไม่น้อยหน้าชาวบ้าน เช่น Keeping up with the Joneses isn't necessary, especially if you need payday loans because you can't afford it. | no other than | (phrase) ที่ไม่นอกเหนือไปจาก (เป็นสิ่งนี้แน่นอน ไม่ใช่สิ่งอื่น) | brick | (vi, vt, slang) (สแลง) เสีย, พัง, ถูกทำลาย, ไม่ทำงาน, หมดค่าลง (เหมือนเป็นเพียงแค่ก้อนอิฐ) เช่น Apple says unlocked iPhones will brick after software update. | my two cents | (phrase) เป็นสำนวน ย่อมาจาก "to put my two cents in" ใช้กล่าวก่อนจะแสดงความเห็นของตน โดยเป็นการถ่อมตัวว่า ความเห็นของตนอาจจะไม่ได้มีค่าอะไรมาก (เงิน 2 cents เป็นจำนวนที่น้อยมาก) ก่อนจะให้ความเห็นที่อาจจะแย้งกับความเห็นของอีกฝ่าย เช่น "If I may put my two cents in, that hat doesn't do you any favors." แปลว่า หมวกใบนั้นไม่สวย ไม่เหมาะกับคุณ หรือ "My two cents is that you should sell that stock now." คุณควรจะขายหุ้นนั้นทิ้งซะตอนนี้ (ที่มา http://en.m.wikipedia.org/wiki/My_two_cents) | Bae | [เบ๊] (slang) คำนี้เป็นตัวย่อของ Before. Anyone. Else. (มาก่อนใครทั้งหมด) และหมายถึงคนรักของคุณ – ไม่ว่าจะเป็นแฟนหนุ่ม แฟนสาว | NFT | (abbrev, name) ย่อมาจาก Non-fungible token ใช้เรียก cryptographic token แบบที่แต่ละ token มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทดแทนด้วย token อื่นได้ ซึ่งจะต่างจาก fungible token เช่น Bitcoin ที่แต่ละ Bitcoin มีค่าเท่ากัน สามารถแลกเปลี่ยนกันโดยที่มููลค่ายังคงเท่าเดิม ไม่ได้มีความแตกต่าง ขณะที่ NFT แต่ละ token จะมีความแตกต่างกัน. ตัวอย่างเปรียบเทียบในโลกแห่งความจริง ได้แก่ รถยนต์ใหม่ มีลักษณะ fungible คือ ผลิตมาจากโรงงานเหมือนๆ กัน คันไหนก็เหมือนๆ กัน ขณะที่รถยนต์เก่าใช้แล้ว 10 ปี เป็น non-fungible คือ แต่ละคันจะมีความแตกต่างกัน ทดแทนกันไม่ได้ | spinach | (n) ผักปวยเล้ง, ที่ในการ์ตูนเรื่อง Popeye แปลคำว่า spinach ว่าผักโขม หรือ ผักขม นั้นจริงๆ คือ ไม่ถูกต้อง (ผักโขม จะตรงกับภาษาอังกฤษ amaranth) | schmooze | (vi) การพูดคุยกับผู้อื่นในลักษณะคุยเก่ง, ร่าเริง, หรือเป็นมิตรมากๆ เช่น ในงานเลี้ยง เดิมคำนี้มักจะมีความหมายในเชิงลบ สื่อถึงคนที่คุยเก่ง แต่อาจเพื่อหาประโยชน์บางอย่างให้ตัวเอง แต่ในปัจจุบันก็มีความหมายในทางกลางๆ ไม่ได้เชิงลบเสมอไป ดูบทความอธิบายคำว่า schmooze ที่ https://dict-blog.longdo.com/whats-all-this-schmoozing-about-in-english/ | sandbag | (vi) วางกระสอบทรายในบริเวณหนึ่งๆ เพื่อป้องกันภัยบางอย่าง เช่น ไม่ให้น้ำท่วม ป้องกันแรงระเบิด |
| a | (det) หนึ่ง (คำนำหน้าคำนามเพื่อแสดงว่าคำนามนั้นๆ ไม่ชี้เฉพาะ) | affected | (adj) เสแสร้ง, See also: แสร้งทำ, แกล้งทำ, ไม่จริงใจ, Syn. feigned, faked | alien | (adj) แปลก, See also: ไม่เข้ากัน, ไม่เป็นโดยธรรมชาติ, Syn. strange | alike | (adj) เหมือนกัน, See also: คล้ายคลึงกัน, ไม่แตกต่างกัน, ลักษณะเดียวกัน, อาการเดียวกัน, Syn. similar, like, same | ambiguous | (adj) ที่ไม่ชัดเจน, See also: เคลือบคลุม, คลุมเครือ, ไม่กระจ่าง, Syn. obscure, vague, Ant. clear, explicit | anyhow | (adv) กรณีใดๆ, See also: ในทุกๆ กรณี, ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม, Syn. in any event, at all events, in any case | apathetic | (adj) ที่ไม่กระตือรือร้น, See also: เฉื่อยชา, ไม่แยแส, Syn. impassive | aw | (int) คำอุทานแสดงการคัดค้าน ไม่เชื่อ หรือรังเกียจ | absent without leave | (idm) ขาดงานโดยไม่ได้รับอนุญาต, See also: ปลดประจำการโดยไม่ขออนุญาต ทางทหาร, ไม่ได้อยู่ร่วมโดยไม่ได้รับอนุญาต | absolve from | (phrv) ยกโทษให้, See also: ประกาศว่า บางคน ไม่มีความผิด | absolve of | (phrv) ยกโทษให้, See also: ประกาศว่า บางคน ไม่มีความผิด | alienate from | (phrv) ทำให้เหินห่าง, See also: ทำให้แตกแยก, เมินหมาง, ไม่เป็นมิตร | at liberty | (idm) มีอิสระ, See also: ไม่ถูกเข้มงวด, ไม่ถูกจำกัด | at second hand | (idm) อีกทอดหนึ่ง, See also: จากคนอื่น, ไม่โดยตรง | AWOL | (idm) ขาดงานโดยไม่ได้รับอนุญาต (คำย่อจาก absent without leave), See also: ปลดประจำการโดยไม่ขออนุญาต ทางทหาร, ไม่ได้อยู่ร่วมโดยไม่ได้รับอนุญาต | bad | (adj) เลว, See also: ชั่ว, เลวทราม, ชั่วช้า, แย่, ไม่ดี, เลวร้าย, เป็นอันตราย, Syn. wicked, immoral, Ant. moral | bad | (adj) (งาน, การกระทำ) ไม่เป็นที่น่าพอใจ, Syn. unsatisfactory, Ant. satisfactory | banal | (adj) น่าเบื่อ, See also: ไม่น่าสนใจ, ไม่สร้างสรรค์, ธรรมดามาก, Syn. dull | barbaric | (adj) ป่าเถื่อน, See also: ป่าเถื่อน, ไม่มีวัฒนธรรม, Syn. uncivilized, Ant. civilized | bare | (adj) เปลือยเปล่า, See also: เปลือย, ไม่มีเสื้อผ้า, ไม่มีเครื่องหุ้มห่อ, Syn. exposed, undressed, Ant. dressed | bare | (adj) โกร๋น, See also: เกรียน, ไม่มีใบ | barefoot | (adj) เท้าเปล่า, See also: ตีนเปล่า, ไม่ใส่รองเท้า, Syn. shoeless | barefoot | (adv) เท้าเปล่า, See also: ตีนเปล่า, ไม่ใส่รองเท้า | barefooted | (adj) เท้าเปล่า, See also: ตีนเปล่า, ไม่ใส่รองเท้า, Syn. shoeless | barefooted | (adv) เท้าเปล่า, See also: ตีนเปล่า, ไม่ใส่รองเท้า | black | (adj) มืด, See also: มืดมัว, ไม่สว่าง, Syn. dark | boycott | (vt) คว่ำบาตร, See also: ตัดการช่วยเหลือทางการค้า, ไม่ซื้อสินค้า, Syn. embargo, Ant. patronize | broad | (adj) กว้างๆ, See also: หลวมๆ, ทั่วๆ ไป, ไม่จำกัด, Syn. general, Ant. narrow | broken | (adj) ขาด, See also: ไม่ครบ, ไม่สมบูรณ์, Syn. imperfect | be all over the place | (idm) กระจัดกระจาย, See also: อยู่ไม่เป็นที่, ไม่เรียบร้อย | be away | (phrv) ขาด, See also: ขาดเรียน, ไม่เข้าร่วม, Syn. keep away | be beneath someone's notice | (idm) ไม่น่าสนใจ, See also: ไม่ควรค่าแก่การสนใจ, ไม่คู่ควร | be beyond question | (idm) มีอยู่จริง, See also: เป็นจริง, ไม่ต้องสงสัย | be hard up for | (idm) มีไม่เพียงพอ, See also: มีน้อยมาก, ไม่สนใจ | be off one's chump | (idm) เสียสติ, See also: ไม่รู้สึกรับผิดชอบชั่วดี, ไม่มีสติ, Syn. go off | be off one's head | (idm) เสียสติ, See also: ไม่รู้สึกรับผิดชอบชั่วดี, ไม่มีสติ, Syn. go off | be off one's nut | (idm) เสียสติ, See also: ไม่รู้สึกรับผิดชอบชั่วดี, ไม่มีสติ, Syn. go off | be off one's rocker | (idm) เสียสติ, See also: ไม่รู้สึกรับผิดชอบชั่วดี, ไม่มีสติ, Syn. go off | be on one's honour | (idm) ไว้ใจได้, See also: เก็บความลับได้, รักษาสัญญาได้, ไม่ฉ้อโกง, ไม่หลอกลวง, Syn. put on | be on the blink | (idm) ทำงานล้มเหลว, See also: ทำผิดพลาด, ทำงานไม่ได้ผล, ไม่สำเร็จ, Syn. go on | be out of | (phrv) หมด, See also: ขาด, ไม่มี, Syn. give out, run out, run out of | be out of keeping with | (idm) ไม่เหมาะสม, See also: ไม่เข้ากับ, ไม่สอดคล้องกับ | be out of place | (idm) ไม่เหมาะสม, See also: ไม่เข้ากับ, ไม่สอดคล้องกับ | be out of the way | (idm) (ตำแหน่ง) ไม่ขวางทาง, Syn. get out of, stay out of | be pressed for | (phrv) มี (เงิน, เวลาฯลฯ) ไม่พอ, Syn. press hard, push for | black out | (phrv) เป็นลม, See also: สลบ, ไม่รู้สึกตัว, Syn. blacken out, pass out | blacken out | (phrv) เป็นลม, See also: สลบ, ไม่รู้สึกตัว, Syn. black out | break down | (phrv) ใช้งานไม่ได้ (เครื่องจักร), See also: หยุดทำงาน, ไม่ทำงาน, เสีย, Syn. conk out, cut out, give out, kick off | break up | (phrv) เลิกกัน, See also: แยกทางกัน, ไม่อยู่ร่วมกัน, Syn. bust up, split up | bristle up | (phrv) รำคาญ, See also: หงุดหงิด, รู้สึกถูกรบกวน, ไม่พอใจ, เคือง, Syn. bridle up |
| a gogo | (อาโก' โก) มากเท่าที่คุณต้องการ, ไม่มีขอบเขต, เดินเพ่นพ่าน, จังหวะเต้นรำอะโกโก้, เวที่เต้นรำจังหวะอะโกโก้, Syn. a Go go, a go-go, au gogo | a- | ใช้นำหน้าคำนามให้เป็นกริยาวิเศษณ์, จาก, ออก, จาก, ไม่ | a.w.o.l. | abbr. absent with out leave ไม่ได้มาโดยไม่ได้รับการอนุมัติให้ลา | abandon | (อะแบน' เดิน) vt., n. ละทิ้ง, ปล่อย, พลัดพรากจาก, ไม่เกรงครหา, ปล่อยตามอารมณ์ -abandoner , -abandonment ตัวอย่าง: *Somchai abandones himself to despair. สมชัยปล่อยตัวอยู่แต่ในความสิ้นหวัง* n. | abominate | (อะบอม' มิเนท) vt. เกลียดชัง, ไม่ชอบ -abomination n. -abominator n., Syn. loathe, abhor, Ant. love, like | abortive | (อะบอร์' ทิฟว) adj. ไร้ผล, ไม่สำเร็จ, แท้ง, คลอดก่อนกำหนด, ซึ่งทำให้แท้ง, ซึ่งมี | abroad | (อะบรอด') adj., adv. ข้างนอก, ต่างประเทศ, แพร่หลาย, ไปทั่ว, พิศวง, ไม่หนักแน่น, ไม่ตรงประเด็น, Syn. circulating, outdoors | abrupt | (อะบรัพทฺ') adj. ทันใด, ทันที, ปัจจุบันทันด่วน, ฉุกเฉิน, คับขัน, ฉับพลัน, หยาบ, หยาบคาย, ไม่ติดต่อกัน, ขาดตอนกัน, Syn. precipitate, sudden, Ant. expected, smooth | absent | (adj. แอบ'เซินทฺ vt. แอบเซนทฺ') ไม่อยู่, ขาด, ลาหยุด, ไม่ได้มาร่วมด้วย, ไม่สนใจ, ใจลอย, ขาดแคลน -vt. ทำให้ขาด -absentation, absentness n., Syn. missing, Ant. present | absonant | (แอบ' โซนัน) adj. ไม่ปรองดองกัน | abstain | (แอบสเทน') vt. ละเว้น, ไม่ลงคะแนนเสียง, ไม่ฟุ่มเฟือยในการกินและดื่ม, อดเหล้า, สละสิทธิ์ -abstainer n., Syn. forbear, desist | acarpous | (เอคาร์' พัส) adj. ไม่ให้ผล, ไม่ออกผล (sterile, barren) | acentric | (อะเซน' ทริค) adj. ไม่อยู่ตรงกลาง, ไร้ศูนย์กลาง, ห่างใจกลาง (not centered) | acyclic | (เอโส' คลิค, เอซิด' คลิค) adj. ไม่เป็นวัฏจักร, ไม่มีลักษณ์หมุนรอบ | ad infinitum | (แอดอินฟะไน' ทัม) ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต | adiaphorous | (แอดดิแอฟ' ฟอรัส) adj. ไม่ดีและไม่ร้ายต่อ (doing neither good nor harm) | adrenal gland | ต่อมหมวกไต มีส่วนประกอบ 2 ส่วน 1. ส่วนเปลือก (adrenal cortex) ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน 1.1 กลูโคคอร์ติคอยด์ แยกย่อยได้แก่ cortisone , hydrocortisone ซึ่งทำหน้าที่ในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ทำให้จำนวนกลูโคสในเลือดเพิ่มขึ้น และไกลโคเจนจะถูกสะสมในตับมากขึ้น ดังนั้นจะเห็นว่าฮอร์โมนนี้จะทำหน้าที่ตรงข้ามกับ insulin ในขณะที่ร่างกายเครียดจะหลั่ง ACTH และ cortisoneออกมาโดยผ่านทาง higher center ของระบบประสาทส่วนกลาง เราจึงมักพบ cortisone ในสภาวะที่ร่างกายได้รับความเจ็บปวด ถูกของร้อน มีคม ไข้สูง ฯลฯ 1.2 ไมเนอราลคอร์ติคอยด์ แยกย่อยได่แก่ aldosterone deoxycorticosterone ซึ่งมีจำนวนน้อย ทั้งสองฮอร์โมนทำหน้าที่ควบคุมน้ำและเกลือแร่ 1.3 sex hormone แยกย่อยได้เป็น Estrogen Progesterone Androgen 2. ส่วนแกน (adrenal medulla) ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญคือ 2.1 adrenaline หรือ epinephrine ทำให้หัวใจเต้นแรง ความดันเลือดเพิ่มขึ้น เส้นเลือดที่ผิวหนังและอวัยวะภายในบีบตัว อัตราการหายใจเพิ่มขึ้น เร่งการสลาย glycogen ในตับเพื่อเปลี่ยนเป็น glucose ทำให้นเตาลในเลือดสูงขึ้น 2.2 noradrenaline ไม่มีผลต่อการเผาผลายอาหารในร่างกาย แต่มีผลทำให้เลือดหดตัว หัวใจเต้นช้าลง ความดันเลือดสุงขึ้น ขยายหลอดลม แต่ไม่มีผลต่อระดับ้ำตาลในเลือด | adventitious | (แอดเวนทิช' เชียส) adj. บังเอิญ, ไม่สำคัญ, ผิดปกติ (ตำแหน่งหรือท่า), Syn. accidental, Ant. inherent, intrinsic, basic | adventive | (แอดเวน' ทิฟว) adj., n. ไม่ใช่ของท้องถิ่น, ไม่ใช่ของของพื้นเมือง, มาจากที่อื่น, สัตว์หรือพืชที่ไม่ใช่ท้องถิ่น | aerial | (แอ' เรียล) adj. เกี่ยวกับอากาศ, อยู่ในอา-กาศ, อยู่สูงในอากาศ, ไม่มีรูปร่าง, เพ้อฝัน, สวยงาม, เจริญได้ดีในที่ที่มีอากาศ, เกี่ยวกับเครื่องบิน. -n. สายอากาศ., Syn. antenna, dreaming | aeriform | (อา' ริฟอร์ม, เอเออ' ริฟอร์ม) ซึ่งมีรูปแบบหรือลักษณะของอากาศ , ไม่มีรูปร่าง, ไม่เป็นจริง | afloat | (อะโฟลท') adv., adj. ลอย (บนน้ำ) , ลอยตัว, ไม่ล่ม, บนเรือ, บนแพ, ท่วมน้ำ, ชุ่มน้ำ, ล่องลอย, แพร่หลาย, ไม่ล้ม (การเงิน) (on the water) | against | (อะเกนสฺทฺ') prep. ต่อต้าน, ต้าน, สู้, ทวนน้ำ, ย้อน, ผิดกฎหมาย, แนบเนื้อ, ประชิดกับ, อยู่ข้างหน้า, เทียบกับ, ป้องกัน, ไม่เห็นด้วย, ตรงกันข้าม, Syn. counter or contrary to | ageless | (เอจฺ' เลส) adj. ไม่ยอมแก่, ไม่ยอมล้าสมัย, ชั่วกาลปาวสาน, ตลอดไป, Syn. eternal | agitato | (แอจจิทา' โท) adj. ไม่หยุดหย่อน (ดนตรี) (agitated, restless) | agrestic | (อะเกรส' ทิค) adj. บ้านนอก, ไม่สละสลวย, เซอะซะ (rural, rustic, awkward) | ahistoric | (al) (อะฮิสทอ' ริค -คัล) adj. ไม่มีการบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ (indifferent to tradition) | ailing | (เอล' ลิง) adj. ไม่สบาย, ทุกข์ทรมาน | ain't | (เอนทฺ) am not, is not, are not, has not, have not, ไม่ใช่ | ajar 2 | (อะจาร์') adj., adv. ไม่สอดคล้องกัน, ไม่ลงรอยกัน (in contradiction to) | ajee | (อะจี) adj. เบี้ยว, ไม่ตรง = agee | al dente | (อาล' เดน ทิ) Italian ไม่นุ่มและไม่แข็งเกินไป (เมื่อกัดด้วยฟัน) | aliunde | (เอลีอัน' ดี) adv., adj. ไมใช่ส่วนของเอกสารนั้น, ไม่ใช่ได้มาจากเอกสารนั้น | all-out | (ออล' เอาทฺ) adj. สมบูรณ์, อย่างเต็มที่, ไม่มีเหลือไว้เลย (complete, total) | amaranthine | (แอม' มะเรล) adj. เกี่ยวกับหรือคล้าย amaranth, ไม่ซีด, ไม่รู้จักจบ | ami pro | โปรแกรมอามิโพร <คำแปล>เป็นชื่อโปรแกรมประเภทประมวลผลคำ (word processing) โปรแกรมหนึ่ง ไม่สู้เป็นที่นิยมนัก | amort | (อะมิรท) adj. ไม่มีชีวิต, ไม่มีจิตวิญญาณ | amphibolic | (แอมฟิบอล' ลิค) adj. ไม่แน่นอน, มีความหมายสองนัย, การพูดจาคลุมเคลือ (uncertain) | an- | (คำเสริมหน้า) ซึ่งหมายถึง ไม่, ปราศจาก, ขาดแคลน, Syn. not, without | anastigmat | (อะแนส' ทิกแมท) n. เลนซ์รวมที่ใช้แก้ภาวะตาพร่า, เลนส์ที่ทำให้แสงไม่พร่า. -anastigmatic adj. รวมแสงเป็นจุดเดียว, ไม่พร่า | anechoic | (แอนนิโค' อิค) adj. ซึ่งมีเสียงก้องต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้, ไม่มีเสียงสะท้อนกลัย | anepigraphic | (แอนเอพ' พะกราฟ' ฟิค) adj. ไร้ประวัติ, ไม่ได้ปรากฏในตำนาน., Syn. anepigraphous | aneroid | (แอน' นะรอยด) adj. ไม่ใช้ของเหลว | anisometric | (แอนนิโซเมท' ทริค) adj. ไม่เป็น isomer กัน, สัดส่วนไม่เท่ากัน, มีแกนที่มีความยาวต่างกัน (of unequal measurement) | anomalistic | (อะนอม' มะลิสทิค) adj. ซึ่งผิดปกติวิปริต, ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์, ผิดหลัก, ผิดที่ | anomalous | (อะนอม' มะเลิส) adj. ผิดปกติ, ผิดหลัก, ผิดที่, ผิดปกติ, วิปริต, ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์. -anamalousness n., Syn. irregular, abnormal, Ant. regular, normal | anon | (อะนอน') adv. ไม่ช้า, เวลาอื่น, ทันที. -ever and anon เป็นประจำปี, บ่อย | anonymous | (อะนอม' นิเมิส) adj. ไม่ระบุชื่อ, ปิดบังชื่อ. -anonymity, anonymousness n., Syn. nameless, Ant. signed | antipathetic | (al) (แอนทีพาเธท' ทิค, -เคิล) adj. เป็นปรปักษ์ต่อ, ไม่ชอบ, ไม่ลงรอยต่อ, เกลียด, ไม่พอใจกับ, ทำให้มีความรู้สึกดังกล่าว (averse) | antogonistic | (แอนแทก' โกนิสทิค) adj. ซึ่งต่อต้าน, เป็นปรปักษ์, ไม่เป็นมิตร, Syn. hostile, opposed, Ant. supportive, harmonious |
| aboveboard | (adj) ไม่หลอกลวง, เปิดเผย, ตรงไปตรงมา | absent | (adj) ไม่มา, ไม่อยู่, ขาดประชุม, ไม่มี | achromatic | (adj) ไม่มีสี | amaranthine | (adj) ไม่รู้โรย, อมร, ไม่รู้จบ | amorphous | (adj) ไม่มีรูปร่าง | anon | (adv) ไม่ช้า, บระเดี๋ยว | anonymous | (adj) ไม่ระบุชื่อ | apathetic | (adj) ไม่แยแส, เฉยเมย, เฉื่อยชา, ไม่ยินดียินร้าย | artless | (adj) ไม่มีศิลป์, ซื่อ, ไร้มารยา, ไม่มีเล่ห์, หยาบ | asymmetrical | (adj) ไม่สมดุล, ไม่สมมาตร, ไม่ได้ส่วนสัด | averse | (adj) ไม่ถูกใจ, ไม่ชอบใจ, เกลียด, รังเกียจ, ไม่สมัครใจ | away | (adv) ไม่อยู่, ไป, ออกห่าง, พ้นไป, หมดไป | bareheaded | (adj) ไม่สวมหมวก, เปิดศีรษะ | barelegged | (adj) ไม่สวมถุงเท้า, ขาเปล่า | baseless | (adj) ไม่มีรากฐาน, ไร้เหตุผล, ไม่มีมูลความจริง | beardless | (adj) ไม่มีหนวด, ไม่มีเครา | blameless | (adj) ไม่มีที่ติ | bloodless | (adj) ไม่มีเลือด, ซีด | bodiless | (adj) ไม่มีรูปร่าง, ไม่มีร่าง, ไม่มีกาย | bootless | (adj) ไม่มีประโยชน์ | boundless | (adj) ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด | brainless | (adj) ไม่มีสมอง, โง่, ไม่มีปัญญา, ปัญญาทึบ | brash | (adj) ไม่ไตร่ตรอง, สะเพร่า, ใจเร็วด่วนได้, หุนหันพลันแล่น, ทะลึ่ง, ก๋ากั่น | capricious | (adj) ไม่แน่นอน, เอาแต่ใจ, ตามอำเภอใจ | categorical | (adj) ไม่มีเงื่อนไข, แน่ชัด, เด็ดขาด | causeless | (adj) ไม่มีสาเหตุ, ไม่มีมูลเหตุ, ไม่มีเหตุ | ceaseless | (adj) ไม่รู้จักจบ, ไม่หยุดหย่อน, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่เลิกรา | changeless | (adj) ไม่เปลี่ยนแปลง, แน่นอน, มั่นคง | cheerless | (adj) ไม่ยินดี, ไม่เบิกบาน, ไม่ร่าเริง, เศร้าใจ, ไม่สนุกสนาน | childless | (adj) ไม่มีลูก, ไม่มีบุตร | clement | (adj) ไม่ถือโทษ, ผ่อนผัน, เมตตากรุณา, ไม่รุนแรง | COLD-cold-hearted | (adj) ไม่สงสาร, ไม่ปรานี, ไม่มีความรู้สึก, ไร้ความเมตตา | colourless | (adj) ไม่มีสี, เป็นทุกข์ | comfortless | (adj) ไม่น่าสบาย, ไม่สุขสบาย | continent | (adj) ไม่มักมาก, รู้จักละเว้น | cool | (vt) ไม่แยแส, เหินห่าง, เฉยเมย, คลาย | dateless | (adj) ไม่ได้ลงวันที่, ไม่มีวันที่, ไม่มีวันสิ้นสุด, ไม่มีวันหมดอายุ | defenceless | (adj) ไม่มีเครื่องป้องกัน, ไม่มีที่พึ่ง, ไม่สามารถป้องกันตัวเอง | defenseless | (adj) ไม่มีเครื่องป้องกัน, ไม่มีที่พึ่ง, ไม่สามารถป้องกันตัวเอง | desultory | (adj) ไม่ปะติดปะต่อ, ไม่ต่อเนื่อง, ไม่ติดต่อกัน, ข้ามๆไป | diffident | (adj) ไม่เชื่อมั่นในตนเอง, ขวยเขิน, ประหม่า, ขี้อาย | disaffected | (adj) ไม่เป็นมิตร, ไม่ซื่อสัตย์, ไม่พอใจ, เหินห่าง | disagree | (vi) ไม่เห็นด้วย, ไม่ตกลงกัน, ทะเลาะกัน, โต้แย้ง | disagreeable | (adj) ไม่ถูกใจ, น่าเบื่อ, น่ารำคาญ | disallow | (vt) ไม่อนุญาต, ไม่ยอม, ปฏิเสธ | disapprove | (vt) ไม่พอใจ, ไม่ชอบ, ไม่อนุญาต, รังเกียจ | disavow | (vt) ไม่ยอมรับ, ปฏิเสธ, บอกปัด | disbelieve | (vt) ไม่เชื่อ, ไม่ยอมรับ | disclaim | (vt) ไม่ยอมรับ, ออกตัว, ละทิ้ง, สละสิทธิ์ | discontinuous | (adj) ไม่ต่อเนื่อง, ไม่สม่ำเสมอ, ไม่ตลอด, ขาดตอน |
| just in case | (phrase) วลี just in case แปลว่า เผื่อไว้ เผื่อๆไว้ ตัวอย่างเช่น แนนบอกนกว่า Do you want to go to the beach with me? เธออยากไปชายหาดกับฉันไหม นกตอบว่า Sure! Are we going to swim? ไปสิ! เรากำลังจะไปว่ายน้ำกันใช่ไหม แนนตอบว่า Nope, I just want to sunbathe not swim. ไม่ล่ะ ฉันแค่อยากไปนอนอาบแดดน่ะ ไม่ว่ายน้ำ นกทำหน้าหงอยนิดหนึ่งก่อนพยักหน้าและตอบว่า Okay, with me. ตกลง ฉันยังไงก็ได้ But I will take my swimsuit, just in case. แต่ฉันจะเตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วยแล้วกัน เผื่อๆ ไว้ | afloat | (adj, adv) ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ ไม่มีข้อจำกัดหรือการชี้นำ | afoveate | (n, adj) สัตว์ที่มีตาอยู่ด้านข้าง(เช่นไก่ นก) ไม่สามารถมองสองตาเพื่อเห็นภาพสามมิติได้ | as opposed to | (phrase) ตรงกันข้าม, มากกว่าที่จะ, ไม่ใช่, See also: in contrast to, Syn. rather than | behind on | ล้าหลัง, ช้า, ไม่ทัน, Syn. late | Bob's your uncle | สบายมาก, ไม่มีปัญหา | Cellophane noodle | [(เซลโล-แพน นูเดิล)] (n, adj) วุ้นเส้น ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากแป้งของถั่วเขียวเส้นเล็กๆกลมๆยาวๆ ไม่มีสี | climate | (n) ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ ไม่ใช่คำแปล คำนี้ไม่ได้มีความหมายคล้ายกับ weather คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจความหมายอย่างชัดเจนระหว่างคำสองคำนี้ จึงอยากให้ทางลองดูช่วยให้ความหมายอย่างชัดเจนว่า climate หมายถึง ลักษณะภูมิอากาศของภูมิประเทศ ส่วน weather คือ ลักษณะอากาศขณะหนึ่ง | Clostridium difficile | [คลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล] แบคทีเรียหนึ่งในสาเหตุที่พบมากที่สุดของการติดเชื้อของลำไส้ใหญ่ ในสหรัฐอเมริกามีผลต่อผู้คนนับล้านต่อปี ผู้ป่วยที่ใช้ยาปฏิชีวนะอยู่ในความเสี่ยงของการกลายเป็นติดเชื้อกับการรักษาได้ยาก. ยาปฏิชีวนะจะรบกวนแบคทีเรียปกติของลำไส้, ช่วยให้ดื้อยาแบคทีเรียที่จะกลายเป็นตัวต้านที่อยู่ภายในลำไส้ใหญ่. หลายคนติดเชื้อแบคทีเรียรักษาลำบากเพราะไม่มีอาการ. คนเหล่านี้กลายเป็นผู้ให้บริการของเชื้อแบคทีเรียและสามารถติดเชื้อผู้อื่น ในคนอื่นๆ, สารพิษที่มีผลก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วง, อาการปวดท้อง, การอักเสบอย่างรุนแรงของลำไส้ใหญ่ (ไส้ใหญ่), ไข้, การตรวจนับเม็ดเลือดขาว, อาเจียนและการคายน้ำ. ในผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง, เยื่อบุภายในของลำไส้ใหญ่จะกลายเป็นที่รุนแรงอักเสบ (สภาพที่เรียกว่าเยื่อแผ่นบาง ๆ รอบเซลล์ผิดปกติ). ไม่ค่อยมีผนังและหลุมพัฒนา (ลำไส้ใหญ่จะไม่ค่อยมีผนังกั้นแต่จะเป็นรูพรุน) ซึ่งสามารถนำไปสู่การติดเชื้อที่คุกคามชีวิตของช่องท้อง | complacency | (n) การหลงพึงพอใจ (แบบทุเรศ) Note: Longdo และ dictionary อื่นมองข้ามรูปแบบการใช้ในหลายคำ อย่างคำนี้ มีรูปแบบเชิงลบ และเป็นลบมาก. ทั้งคำ complacency และ complacent ไม่ตรงกับภาษาไทยที่เราใช้ทั่วไป จึงยากที่จะตั้งคำได้ตรง. | damper | (n) กันสะบัด (อุปกรณ์หน่วงแฮนด์รถจักรยานยนต์เมื่อเจอหลุมหรือพื้นต่างระดับ ไม่ให้แฮนด์สะบัดจนเสียการควบคุม และทำให้รถล้มได้) Image: | doe-eyed | (adj) ซึ่งทำตาแป๋ว, ซึ่งทำตาไร้เดียงสา, ใสซื่อ, ไร้เดียงสา, เชื่อคนง่าย, ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม, Syn. naive | Don't mind | (slang) ไม่ถือสา ไม่ใส่ใจ, See also: A. attend | dress down | (vt) แต่งตัวสบายๆ ไม่เป็นทางการ ตรงกันข้าม กับ dress up คือแต่งตัวสวยงามเต็มที่ | dwarfed | เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ ไม่เอาใจใส่โดยมองข้ามไป | financial distress | (n) (การเงิน) ภาวะที่ประสบความยากลำบาก, หรือไม่สามารถทำตามภาระผูกพันได้ เช่น ไม่สามารถชำระหนี้ที่กู้ไปได้, ความตกต่ำทางการเงิน (จากการมีเงินไม่เพียงพอ), ปัญหาทางการเงิน, ปัญหาที่อาจนำไปสู่การล้มละลาย (กรณีบริษัท) e.g. Member countries face acute financial distress., See also: bankruptcy, recession, depression | firewire | FireWire คือชื่อเรียกของ apple หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า i-link คือชื่อเรียกของ Sony หรือที่เรียกว่า มาตรฐาน IEEE 1394 เป็นเทคโนโลยีสำหรับการส่งผ่านข้อมูลดิจิตอล ด้วยความเร็ว 400 และ 800 เมกะบิตต่อวินาที ส่งผลให้การติดต่อระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฮาร์ดดิส ปริ้นเตอร์ สแกนเนอร์ กล้องดิจิตอลหรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มีช่อง FireWire ทำงานได้อย่างรวดเร็ว FireWire มีลักษณะการทำงานเหมือนหรือคล้ายกับ USB เพียงแต่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานกับอุปกรณ์ทางด้านมัลติมีเดียมากกว่า เนื่องจาก USB เหมาะกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอินพุต เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด ฯลฯ (USB มีความเร็วน้อยกว่า FireWire) นอกจากนี้ FireWire ยังสามารถต่อพ่วงอุปกรณ์ไแบบ Daisy Chain ได้ถึง 67 ชิ้น และสนับสนุนการทำงานแบบ Hot plug คือสามารถต่อแล้วใช้งานได้เลยทันที นอกจาก นี้ ยังสามารถส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปกำหนดการทำงานของกล้องวิดีโอได้ด้วย ซึ่งทำให้เราสามารถทำงานในขั้นตอนเดียวกันได้ เช่น การอัดภาพจากกล้องลงมาคอมพิวเตอร์ ก็เพียงแค่สั่งจากคอมพิวเตอร์ กล้องก็จะเริ่มต้นทำงาน พร้อมกับดึงภาพมาให้เองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะต้องไปสั่งเล่นจากกล้องแล้วมาสั่งอัดที่คอมพิวเตอร์ | floccinaucinihilipilification | [/ˌflɒksɪˌnɔːsɪˌnɪhɪlɪˌpɪlɪfɪˈkeɪʃ(ə)n/. [ flok-suh-naw-suh-nahy-hil-uh-pil-uh-fi-key-] (n, uncountable, noun) [ ส่วนใหญ่ใช้ในเชิงตลกขบขัน ] การกระทำหรือนิสัยที่มองว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นไม่สำคัญ, ไม่มีค่า, หรือไร้ค่า., See also: disdaining, ignoring, A. esteeming, valuing, praising, Syn. devaluing | ghost | (slang) นักเรียนที่โดดเรียนบ่อยๆ ไม่ค่อยเข้าชั้นเรียน | grean | [เกรียน] (n, adv) เป็นนิสัยหนึ่งของบุคคลยังไม่พ้นจากทางโลก ไม่รับฟังความเห็นผู้อื่น ตั้งตนเองเป็นหลัก มีความคิดอยู่ในฝันของตนเอง มีผู้อื่นยกย่องเห็นในตวามสามารถในด้านถนัดของตนเองแล้วมีความสุข | halfheartedly | ไม่กระตือรือล้น ไม่เต็มใจ เฉื่อยชา | Hedge | (n, vi) [ Linguistics: Pragmatics ] n. คำบ่งชี้ความไม่แน่ใจ คำบ่งชี้การพูดออกตัว การพูดออกตัว โดยใช้ คำ วลี หรือประพจน์เพื่อป้องกันตัวของผู้พูดในกรณีที่พูดผิด ไม่มั่นใจ เช่น วันนี้ฝนอาจจะตก คำว่า อาจจะ คือ hedge ชนิดหนึ่งที่บ่งชี้ว่าผู้พูดมีความไม่มั่นใจ มีความกำกวม ซึ่งฝนจะตกหรือไม่ตกผู้พูดก็ไม่ได้พูดผิด เพราะคำว่า อาจจะ มีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิด 50/50 v. พูดออกตัว พูดกำกวม พูดป้องกันตัว, See also: softener, downtoner, understatement, weakener, tentativeness, stance m, Syn. mitigator | inw | [เทพ] (n, adv) ใช้กันในวงการ DotA มีความหมายว่า ฝีมือการเล่นระดับเทพ(ไม่ได้หมายความว่าจะ grean ไม่ได้นะ) เช่น พี่ชายคนนั้นเล่น inwจังเลยอ้ะ หรือ แม่ง inw อย่าไปท้ามันนะฮ้ะ | man of a few words | (adj) พูดน้อย ไม่ปริปาก ไม่พูด, See also: silent, A. talkative, Syn. reticent | mayfly | (n, name, uniq) ชีปะขาว หรือชีผะขาวก็เรียก ชีผ้าขาวก็เรียก หรือเมย์ฟลายส์ (mayflies) ชื่อวิทยาศาสตร์ เอพฮีมีรอบเทอรา (Ephemeroptera) ตัวขนาดเล็กถึงกลาง ปีกบางมีเส้นมากมาย ปีกคู่แรกใหญ่กว่าคู่หลัง ตัวเมียวางไข่ในน้ำ ตัวอ่อนรูปร่างเรียวยาวอาศัยในน้ำนาน 1-2 ปี ลอกคราบหลายครั้งจนเป็นแมลงโตเต็มวัย มีปีก ชอบเล่นไฟ มันมีอายุเพียง 1-2 วันเท่านั้น ไม่กินอาหาร ผสมพันธุ์แล้วตาย ฤดูกาลวางไข่อยู่ในราวกลางเดือนเมษายน พบใกล้แหล่งน้ำ บ่อน้ำ ลำธาร ตัวแก่เต็มที่จะลอกคราบออกพร้อมบินขึ้นจากผิวน้ำไปยังแสงสว่าง เป็นการบินขึ้นมาดูโลกครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิต | mediocre | (adj) งั้นๆ ธรรมดาๆ ไม่ค่อยดี | nondisclosure | (n) ปกปิด, ไม่เปิดเผย | nonsense | (adj) ไร้สาระ ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร | noob | (n) ชื่อเีรียกแทน คนเล่น DotA ทุกคน ไม่มีใครเก่งซักคน มัน นูปกันทั้งนั้นแหละ อ่อนเอ๊ย | Not quite | (phrase) ก็ไม่เชิง, ไม่ถึงกับเป็นเช่นนั้นทีเดียว | Obligate parasitism | (n) เป็นปรสิตที่เจริญได้โดยได้รับอาหารจากสิ่งมีชีวิตที่มันอาศัยอยู่ ไม่สามาถเจริญหรือเพาะเลี้ยงได้ในอาหารเลี้ยงเชื้อ | Ohio | (n, adj, slang) แปลกๆ, ไม่ดี, ศัพท์ในกลุ่ม generation alpha โดยมาจาก meme ในอินเทอร์เน็ตที่ว่า เรื่องอะไรแย่ๆ ทั้งหลายเกิดใน Ohio ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นชื่อของมลรัฐหนึ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา | opaqueness | [โอะเพค-เน็ซ] (n) ขุ่น, ทึบ, มัว, ไม่ใส, อับแสง | out in the cold | ถูกทอดทิ้ง (ละเลย มองข้าม) ; ไม่ได้รับประโยชน์ในขณะที่คนอื่นได้ Excluded from benefits given to others, neglected, as in Her stand on abortion left her out in the cold with the party. | Ovo-vegetarian | (n) ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ เช่น นม, เนย, ชีส แต่กินไข่ได้ | phrygian cap | หมวกสักหลาดชนิดหนึ่ง ไม่มีปีก เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ | piece of shit | (slang) ห่วยแตก, ไม่ได้ความ | pop-up store | ร้านค้าที่เปิดในลักษณะชั่วคราวในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถาวร โดยมักเช่าพื้นที่ เช่น ตามห้างสรรพสินค้า หรืองานเทศกาลต่างๆ | Raven | [เรเว่น] (n, name) นกขนาดใหญ่ขนสีดำนิสัยดุร้าย ไม่ชอบรวมเป็นฝูง ลักษณะคล้ายอีกา | RSV | (abbrev) ไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นสาเหตุของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจตั้งแต่ส่วนบนจนถึงส่วนล่าง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหลอดลมฝอยอักเสบ (Acute bronchiolitis) และอาจทำให้ปอดอักเสบติดเชื้อได้ (Pneumonia) โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กที่มีโรคประจำตัว คลอดก่อนกำหนด ฯลฯ อาการเริ่มแรกเหมือนไข้หวัด คือ มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล แต่จะมีไอมาก เสมหะเยอะและเหนียวข้น หายใจหอบเหนื่อย หน้าอกบุ๋ม อาจมีเสียหงายใจดังวี๊ดๆ ซึม ไม่กินน้ำ หงุดหงิด กระวุนกระวาย มีสีเขียวคล้ำบริเวณริมฝีปาก หรือ ปลายมือปลายเท้า เนื่องจากร่างกายขาดออกซิเจน หากมีอาการดังกล่าว ควรไปพบแพทย์ ที่มา: เอกสารแผ่นพับจากโรงเรียนอนุบาลชนานันท์ เรียบเรียงโดยก้านแก้ว จากการสัมภาษณ์ เรืออากาศเอกแพทย์หญิงหฤทัย กมลาภรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี | SASD | (jargon, slang) อุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบเรียงลำดับ ไม่สามารถเข้าถึงโดยตรงได้ เช่น สายเทปบันทึกเสียง | sick leave | (n, vi, vt, modal, verb, aux, verb, adj, adv, prep, conj, pron, phrase, jargon, slang, colloq, vulgar, abbrev, name, o) ฉันป่วย ไม่สามารถไปทำงานได้ | skibidi | (n, slang) ห่วย, ไม่ดี, เด๋อๆ, หรือบางทีใช้ในความหมายตรงกันข้ามว่า เจ๋ง, เป็นศัพท์ของชาว generation alpha, มาจาก Skibidi Toilet ซึ่งเป็นวิดิโอซีรีย์ที่จัดทำโดย Alexey Gerasimov และเผยแพร่ในช่อง DaFuq!?Boom! ใน YouTube | so far so good | จนถึงตอนนี้ ทุกอย่างก็ดี ไม่มีปัญหา, เท่าที่ผ่านมาก็ดี, ไม่มีปัญหาอะไร, ทุกอย่างยังคงราบรื่นดี | social distancing | (n) การแยกตัวออกห่างจากสังคม ไม่อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ผู้อื่น โดยอาจมีสาเหตุ เช่น เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดของโรคระบาด | stuck | (adj) ติด , ค้าง , ไม่สามารถขยับได้ ex. I'm stuck in the elevator ex. They got stuck in a traffic jam. | tight-lipped | (adj) พูดน้อย ไม่ปริปาก ไม่พูด, See also: silent, A. talkative, Syn. reticent | unaccompany | [อันอะคัม\'พะนีด์] (adj) ตามลำพัง, ไม่มีเพื่อน, (ดนตรีบรรเลง)เดี่ยว ที่มา: ฝ่ายวิชาการภาษาอังกฤษ บ.ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด(มหาชน), See also: lonely, alone | unpretentious | ไม่เสแสร้ง, ไม่โอ้อวด, ไม่หรูหรา, Syn. adj. | unsolicited | [อันโซลิส'ซิทิด] (adj) ไม่ได้เรียกร้อง, ไม่ได้เชิญ |
| お宅 | [おたく, otaku] (n) บ้าน (ของท่าน), ไม่ใช่เรียกบ้านตัวเอง | べつに | [べつに, betsuni] (adv) ไม่เฉพาะเจาะจง ไม่มีเรื่องอะไร | ニート | [にーと, ni-to] (n) NEET คนวัยหนุ่มสาวที่อยู่เฉย ไม่กระตือรือร้นที่จะรับการศึกษาหรือทำงาน ย่อมาจากคำว่า 'Not in Education, Employment, or Training' | 不要 | [ふよう, fuyou] (n, adj) ไม่จำเป็น, ไร้ประโยชน์, ไม่ต้องการ, Ant. 必要 | 久しぶり | [ひさしぶり, hisashiburi] (n, adj, phrase) หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน, ใช้ทักกันเวลาไม่ได้เจอกันนานๆ แล้วมาพบกัน เช่น 久しぶりですね ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะ | 以内 | [いない, inai] (n) ภายใน, ไม่เกิน (เช่น 4~6週間以内 หมายถึง ภายในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์) | 俺 | [おれ, ore] (n, vulgar) สรรพนามใช้เรียกตัวเองของผู้ชาย ไม่สุภาพ | 大丈夫 | [だいじょうぶ, daijoubu] (adj, phrase) ไม่เป็นไร, โอเค, ปลอดภัย (เช่น ถ้าถามว่า เป็นไรมากมั้ย หรือ เป็นไรมั้ย ถ้าไม่เป็นอะไรมากก็ตอบ だいじょうぶ ไม่เป็นไร) | 弱巻き | [よわまき, yowamaki] (n) สภาพที่ถูกปั่นกรอหลวม ไม่แน่น | 拒む | [こばむ, kobamu] (vt) ปฏิืเสธ, ไม่รับ | 未満 | [みまん, miman] (n) ไม่เต็ม ไม่ครบ เช่น 14歳未満 แปลว่า อายุไม่ครบ 14 ปี | 消耗品 | [しょうもうひん, shoumouhin] (n) พัสดุ (สิ่งของที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ใช่คุรภัณฑ์) | 珍しい | [めずらしい, mezurashii] (adj) แปลก, ประหลาด, ไม่ค่อยเห็น | 異常(な) | [いじょう(な), ijou ( na )] (adj) ผิดปกติ, ผิดสังเกต, แปลกไป, ไม่ธรรมดา, Syn. 変(な) | 病気 | [びょうき, byouki] (adj) ป่วย, ไม่สบาย | 詰らない | [つまらない, tsumaranai] (adj) น่าเบื่อ, ไม่น่าตื่นเต้น |
| 緩い | [ゆるい, yurui] (adj) หลวม, หย่อน, ไม่เข้มงวด, ช้า | ごっそり | [ごっそり, gossori] (adv, colloq) (โดนยกเค้า)หมดเกลี้ยง, ไม่เหลือหรอ | 不透明 | [ふとうめい, futoumei] (adj) ไม่แจ่มชัด ไม่แจ่มแจ้ง ทึบแสง มองไม่เห็นอนาคต | 緩み | [ゆるみ, yurumi] หลวม ไม่แน่น คลายออก นิ่มยวบ แย้มรุ่น รุนแรงหรือเข้มงวดน้อยลง | 生意気 | [なまいき, namaiki] (adv) อย่างไม่อาย, อย่างหน้าด้านๆ, อย่างใจกล้าหน้าด้าน, อย่างไร้ยางอาย<BR> <BR> Eg.<BR> 彼の生意気態度は我慢できない。<BR> ทนลักษณะท่าทางหน้าด้านของเขาไม่ได้แล้ว<BR> <BR> 生意気を言うようですが、そうしない方がいいでしょう。<BR> ดูเหมือนว่าจะพูดอย่างไม่อายเลยนะ ไม่ทำแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ<BR> | sweatshop | [なまいき, sweatshop] (n) ร้านค้าหรือโรงงานที่ว่าจ้างคนทำงานหรือเด็กให้ทำงานด้วยชั่วโมงที่ยาวนานแต่ได้ค่าจ้างต่ำ ไม่มีสวัสดิการที่ดีและอยู่ในสภาพที่มีผลต่อสุขภาพ, See also: R. โรงงานนรก | 不透明 | [ふとうめい, futoumei] (adj) แปลตรงๆ ว่า ไม่แจ่มชัด ไม่แจ่มแจ้ง ทึบแสง. แต่โดยมากใช้ในความหมายว่า มองไม่เห็นอนาคต | 明かん (アカン) | [あかん, akan] (ภาษาพูด)ใช้ไม่ได้ ไม่ได้การ | 更に | [さらに, sarani] อีกครั้ง , อีก , เพิ่มขึ้น , ไม่...เลย , ยิ่งไปกว่านั้น , นอกจากนั้น | のんびり | [のんびり, nonbiri] (adv) สบายๆ ตามสบาย ไม่รีบร้อน | 駄目 | [だめ, dame] (n, adj) แย่ ไม่ดี ไม่มีผล ไม่ได้ ไม่มีหวัง อย่้า ห้าม | 脆弱 | [ぜいじゃく, zeijaku] (adj) อ่อนแอ ไม่แข็งแรง | なんちゃって | [なんちゃって, nanchatte] (adj, phrase) คำว่า なんちゃって มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า กำมะลอ, จอมปลอม, ปลอม หรือ ไม่ใช้ของแท้ มักนำเอาไปขยายหน้าคำนามได้เป็นความหมาย อะไรอะไรจอมปลอม (พูดโดยใส่ความรุ้สึกอารมณ์ประชดประชัน) | 不明瞭 | [ふめいりょう, fumeiryou] พร่ามัว ทึมๆ ไม่ชัดเจน | 突飛 | [とっぴ, toppi] หลุกหลิก เอาแน่ไม่ได้ ไม่อยู่กับร่องกับรอย | 本気 | [ほんき, honki] (adj, adv) จริงจัง, เอาจริง, ไม่ล้อเล่น | 何でも無い | [なんでもない, nandemonai] เปล่า, ไม่มีอะไร | 何でもない | [なんでもない, nandemonai] เปล่า, ไม่มีอะไร | なんちゃって | [なんちゃって, nanchatte] (phrase) อธิบาย: เป็นคำใช้ล้อเลียน หรือเวลาต้องการพูดล้อเล่น ติดตลก แปลได้หลายอย่าง เช่น ไม่ใช่ซะกะหน่อย ซะอย่างงั้น กลายเป็นงั้นไป ฯลฯ ตัวอย่างการใช้ ใช้ต่อท้ายประโยคหรือบทพูด เพื่อจะบอกว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดโม้ หรือโกหก | 和やか | [なごやか, nagoyaka] (adj) [ ADJ ] (โทษ) เบา, See also: ไม่หนัก, ไม่รุนแรง, น้อย, ไม่มาก, Syn. light | 量産完了 | [なごやか, ryousan kanryou] ผลิตภัณฑ์ผลิตเสร็จสมบูรณ์ หรือ ไม่มีการผลิตแล้ว | 疑問 | [ぎもん, gimon] (n) (เควส'เชิน) n. คำถาม, ประโยคคำถาม, ปัญหา, การถาม, การสอบถาม, กระทู้, เรื่องที่อภิปราย -v. ถาม, สอบถาม, S. . questioner n. questionable adj. questionably adv. -Phr. (beyond (all) question ไม่ต้องสงสัย) -Phr. (out of the question เป็นไปไม่ได้) | ゆっくり | [ゆっくり, yukkuri] อย่างช้าๆ ; ค่อยๆ ; สบายๆ ; ไม่รีบเร่ง | 何気無く | [なにげなく, nanigenaku] ไม่ตั้งใจ, ไม่แสดงท่าทีใดๆ | 聞き捨てならない | [ききずてならない, kikizutenaranai] (phrase) ทนทำเป็นหูทวนลมไม่ได้, ไม่สามารถทนนิ่งเงียบอยู่เฉยๆ ได้, See also: R. 聞き捨てる | ちんぷんかんぷん | [ききずてならない, chinpunkanpun] (n) เรื่องที่ไม่เข้าใจ, ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยซักกะนิืด | 純情 | [じゅんじょう, junjou] ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ ไม่มีมารยา | 純情 | [じゅんじょう, junjou] ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ ไม่มีมารยา | 単純 | [たんじゅん, tanjun] ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน (ความคิด)ไร้เดียงสา | 然も無いと | [さもないと, samonaito] (conj, exp) ไม่เช่นนั้น, มิฉะนั้น, ไม่ก็ | 得体の知れない | [えたいのしれない, etainoshirenai] (adj) ยากจะอ่านออก, ยากจะมองออก, ยากจะเข้าใจ, ไม่รู้ลึกตื้นหนาบาง | 役に立たない | [やくにたたない, yakunitatanai] (adj) ไม่มี(บางสิ่งอย่าง), ไม่ได้ใช้(ประโยชน์) | 不器用 | [ぶきよう, bukiyou] ไม่ได้เรื่อง, ไม่เอาไหน |
| 構いません | [かまいません, kamaimasen] TH: คำพูดที่ใช้บอกฝ่ายตรงข้ามให้สบายใจว่าผู้พูดไม่ถือสา แปลว่า ไม่เป็นไร EN: it doesn't matter | 過不足 | [かふそく, kafusoku] TH: ขาดหรือเกิน มักใช้ในรูปปฏิเสธ ไม่ขาดไม่เกิน พอดี EN: excess or deficiency | 召し上がる | [めしあがる, meshiagaru] TH: รับประทาน(รูปสุภาพใช้กับประธานที่เป็นผู้อื่น ไม่ใช่ผู้พูด) EN: to eat (pol) | お前 | [おまえ, omae] TH: คำสรรพนามเรียกฝ่ายตรงข้าม ไม่สุภาพ EN: you (sing, fam) | 下手 | [へた, heta] TH: ไม่ชำนาญในด้าน ไม่มีฝีมือในด้าน EN: unskillful (an) |
| Er kommt erst heute nach seinem Urlaub. | เขาเพิ่งจะมาวันนี้หลังจากที่หยุดพักร้อนมา, erst ใช้เสริมเหตุการณ์ที่ผู้พูดรู้สึกว่า เพิ่งเกิดขึ้น, ไม่นานมานี้ | Es ist doch gut. | มันก็ดีออกนี่ หรือ แต่มันดีนะ(ดีจริง ไม่ประชด), doch ใช้เสริมเพื่อขัดกับประโยคหรือบทสนทนาก่อนหน้านั้น อาจแปลว่า แต่ | Verfahren | (n) |das, pl. Verfahren| ขบวนการ (ขั้นตอน ไม่ใช่กลุ่มคน) | alle | (ind-pron) ทั้งหมด (มาจาก all ที่ถูกผันเมื่อตามด้วยคำนามพหูพจน์) เช่น alle Leute ทุกคน; all ไม่ถูกผันเมื่อตามด้วยคำนำหน้านามที่เฉพาะหรือคำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น all die/meine Sache สิ่งของของฉันทั้งหมด, See also: ganz, gesamt | denn | ใช้เป็นคำเน้น ไม่มีความหมายที่แน่นอน ใช้เสริมในประโยคเพื่อให้ฟังดูนุ่มขึ้น อาจแปลเป็นไทยภาษาพูดว่า 'ล่ะ' เช่น Was machst du denn da? เธอทำอะไรอยู่หรือเนี่ย (ถ้าไม่มี denn ฟังดูห้วนคล้ายว่า เธอทำอะไรอยู่) | direkt | (adv, adj) ตรง ไม่อ้อม (ใช้บอกเส้นทาง) เช่น Ich fahre direkt zur Arbeit. ผมขับรถตรงไปที่ทำงานเลย ไม่แวะที่ไหน | doch | ใช้เน้นว่าเชื่อเช่นนั้น เช่น Du weißt doch meine Telefonnummer, nicht wahr? เธอรู้เบอร์โทรศัพท์ของฉัน ไม่ใช่หรือ | du | (pron) คุณหรือเธอ, สรรพนามบุรุษที่ 2 (สุภาพน้อยกว่า Sie, ใช้เวลาคุยกับคนที่สนิท หรือ ไม่เป็นทางการ) | durchaus | ทั้งนี้และทั้งนั้น, ทุกวิถีทาง, จำเป็นอย่างยิ่ง เช่น Er möchte durchaus in diese Schule gehen. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาต้องการจะเข้าโรงเรียนนี้, Syn. unbedingt | eigen | (adj) ของตนเอง เช่น sein eigenes Haus บ้านของเขาเอง (ที่มีเขาเป็นเจ้าของ ไม่ได้เช่า) | einige | สองถึงสาม (บ่งจำนวน) เช่น einige Tage ไม่กี่วัน หรือ สองถึงสามวัน | frei | (adj, adv) เป็นอิสระ, ว่าง, ไม่ขึ้นกับใคร เช่น Keine Sorge, er ist schon frei von Fieber. ไม่ต้องห่วง เขาไม่มีไข้แล้ว, Ist hier noch frei? ที่ตรงนี้ว่างไหมคะ, Lass den Vogel frei. Im Käfig lebt er nicht wohl. ปล่อยนกเป็นอิสระเถิด ในกรงมันไม่สบายหรอก | frei | (adj) ฟรี, ไม่ต้องจ่าย เช่น ein freier Eintritt ค่าเข้าฟรี, See also: kostenlos, Syn. gratis | ganz | (adv, adj) ทั้งหมด, ไม่เหลือเศษ เช่น Kannst du den Kuchen ganz aufessen? เธอสามารถกินขนมเค้กหมดทั้งชิ้นได้ไหม, Eine ganze Flasche Wein bitte! ขอไวน์ทั้งขวดครับ, Syn. völlig | gar nicht | ไม่เลย เช่น Es ist gar nicht komisch. ไม่เห็นแปลกหรือน่าขันเลย | halten | (vi) |hält, hielt, hat gehalten| หยุด เช่น Die Buslinie 40 hält nicht an diese Haltestelle. รถเมล์สายที่ 40 ไม่หยุดที่ป้ายนี้, Syn. stoppen | immerhin | สุดท้ายแล้ว (ใช้บ่งว่า ไม่ควรเพิกเฉย) เช่น Du sollst ihm dabei helfen. Er ist immerhin dein Bruder. เธอควรช่วยเขานะ สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นน้องชายของเธอเอง, Syn. schließlich | kein | ไม่มี, ไม่ใช่ | ohne | โดยไม่มี, ไม่เอา | weder | ไม่ เช่น weder Fisch noch Fleisch ไม่ทั้งปลาและเนื้อ | keineswegs | (adv) ไม่มีทาง, ไม่แน่นอน | zurückhaltend | (adj) ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ทำให้เป็นที่สนใจ, See also: bescheiden | widerlich | (adj) น่าชัง ไม่น่าชื่นชม | ins kalte Wasser werfen | (phrase) ต้องต่อสู้ทำิอะไีีรด้วยตนเอง ไม่มีใครช่วย | hoch | (adj) สูง (ใช้บอกระยะแนวขึ้นข้างบน) ถ้าบอกความสูงของคนใช้ groß ไม่ใช้ hoch | zeitig | (adj) เช้า (เร็ว) เช่น มาเช้า ไม่ได้หมายถึงเวลาเช้ารุ่งสาง, See also: früh | eintreten | (vi) |tritt ein, trat ein, hat/ist eingetreten| เข้าไปข้างใน เช่น Er kommt an die Tür und tritt ein: แต่ Er trat in das Haus. ไม่ใช่ Er trat das Haus ein., See also: hineingehen | Das ist mir Wurst! | (phrase) ช่างหัวมัน ไม่เห็นน่าสนใจ |หยาบเล็กน้อย| | auf jeden Fall | ในทุกกรณี, ไม่ว่ากรณีใด, แน่นอน เช่น Auf jeden Fall komme ich mit dir zum Krankenhaus., See also: jedenfalls, in jedem Fall | auf keinen Fall | ไม่แน่นอน, ไม่มีกรณีใด, See also: keinesfalls | leiden | (vt) |litt, hat gelitten| ฝืนทน เช่น Nicht leiden können ไม่สามารถทนได้, ไม่ชอบ, See also: ertragen | schwänzen | (vt) |schwänzte, hat geschwänt| ไม่เข้าเรียน เช่น die Schule schwänzen โดดเรียน | Kein Wunder! | (phrase) ไม่เห็นแปลก ไม่น่าประหลาดใจ ไม่ใช่เรื่องประหลาด | widersprechen | (vi) |widersprach, hat widersprochen| โต้แย้ง, ไม่เห็นด้วย | Verdacht | (n) |der, nur Sg.| สถานการณ์ที่กำลังถูกสงสัยอยู่ เช่น Man weiß nicht wo sie ist, aber es besteht Verdacht auf Bangkok. ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน แต่มีเหตุการณ์ชี้ว่าเธอน่าจะอยู่ที่กรุงเทพฯ | Wochenmarkt | (n) |der, pl. Wochenmärkte| ตลาดสดประจำอาทิตย์ โดยทั่วไปที่เยอรมนีตลาดสดจะถูกจัดขึ้นตามใจกลางเมือง อาจมีอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนมากขายผัก ผลไม้ ดอกไม้ ต้นไม้ ไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์วางขาย Image: | schweigen | (vi) |schwieg, hat geschwiegen| นิ่งเงียบ และ ไม่แสดงความคิดเห็น หรือ ไม่เปิดเผยในสิ่งที่รู้ หรือ ไม่ตอบ ก็เป็นได้ นะเนี่ย ตัวอย่างการใช้ คำ 1° Du solltest auf all seine Fragen schweigen! = เธออย่าได้ตอบคำถามของเขาเชียวนะ แม้จะคำถามเดียวก็เหอะ (นั่น เป็นงั้นไปได้, ยังกะในละคร แนะ ) 2° Darüber sollten wir lieber schweigen. = ผมเห็นว่า พวกเราน่าจะนิ่งเฉยกับเรื่องนี้เอาไว้ดีกว่านะ ( เพิ่มเติม, ผู้พูดแนะนำให้ทำ ดังนั้นเขาจึง ใช้กริยาเป็น sollten เช่น solltest ในตัวอย่างที่ 1 ด้วยเหมือนกัน ) 3° Sebastian, er steht schweigend vor seinen Eltern. = เซบาสเทียน, เขายืนนิ่ง ไม่พูดอะไรสักคำต่อหน้าพ่อแม่ของเขา ( กริยา Infinitiv เติมด้วย d จะทำหน้าที่เป็น Adjektiv หรือ Adverb เช่นคำว่า schweigend ในประโยค ตัวอย่าง ), See also: verheimlichen, A. verraten, antworten, sagen, Syn. still sein | verraten | (vi, vt) |verrät, verriet, hat verraten| เผยความลับ, บอกความจริง, ช่วยแนะ อธิบาย ตัวอย่างการใช้ คำ 1° Yujin, ich will dir verraten, dass Junsang dich sehr mag! = นี่ ยูจิน, เธอนะ ไม่รู้รู้เลยใช่มั้ย ว่าจุนซางเค้าชอบเธอมากเลยน้า (จาก winter love song แฮะๆ ) 2° Unser Geheimnis darfst du keinem verraten! = ความลับระหว่างเรานะ เธอ ห้ามไปบอก ใครเชียวนะ! ( กรรมตรง คือ unser Geheimnis, กรรมรอง คือ keinem, Dativ! ) 3° Können Sie mir bitte verraten, wie ich am schnellsten zum Bahnhof komme? = เอ่อ คุณครับ กรุณาเถอะครับ ช่วยบอกทางผมไปสถานีรถไฟให้ด่วนที่สุดจะได้มั้ยครับ? ( คำว่า bitte จะช่วยให้คุณไปถึงสถานีรถไฟได้เร็ว จริงๆน้า..), See also: die Sache aufklären, A. verheimlichen, still sein, Syn. das Geheimnis sagen | Unglück | (n) |das, nur Sg.| ความโชคร้าย หรือ ไม่มีดวง, อุบัติเหตุ, โศกนาฏกรรม ตัวอย่างการใช้คำ 1° Bei diesem Unglück sind 13 Schüler aus Stuttgart gestorben. = ในโศกนาฏกรรม ครั้งนี้ ทำให้นักเรียนจากเมืองชตุ๊ดการ์ด, เยอรมนี ได้เสียชีวิตลง 13 คน 2° Busunglück = อุบัติเหตุโดยรถโดยสารประจำทาง ( ร้ายแรงกว่า Autounfall หน่อย เพราะจำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตมีจำนวนมากกว่า ) 3° Das bringt mir Unglück! = ผม ช่างโชคร้าย อะไรเช่นนี้ ( Unglück นิยมพูด โดยละ Artikel, das ) 4° Unglücklicherweise, daß ich deine Geschichte erfahren habe! = ช่างโชคร้าย อะไรเช่นนี้ ที่ผมต้องมารับรู้ เรื่องราวของคุณอย่างนี้นะ! ), See also: die Katastrophe, das Pech, Syn. der Unfall | unterbelichtet | (adj, slang) ไม่ถนัด หรือ ไม่เก่ง ตัวอย่างการใช้คำ In Mathe bin ich unterbelichtet. = ผมไม่ถนัดวิชาเลข | stumm | (adj, adv) เป็นใบ้ หรือ ไม่ยอมพูด เช่น 1° Er sitzt die ganze Zeit stumm da. = เขานั่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรตลอดเวลา 2° Meine einzige Tochter ist nach dem Unfall stumm geworden. = ลูกสาวคนเดียวของผมกลายเป็นใบ้หลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น | unglaublich | (adj, adv) เหลือเชื่อ, ไม่น่าเชื่อ เช่น Unglaublich haben wir den Zug trotz Verspätung erreicht! = ไม่น่าเชื่อเลย เราสามารถมาทันรถได้ ทั้งๆที่เรามาสายนะเนี่ย! | verschwimmen | (vi) |verschwamm, ist veschwommen| ไม่ชัดเจน, ไม่แจ่มชัด เช่น 1° Deine Idee ist voll verschwommen! = ความคิดของคุณ ช่างไม่แน่ชัดเอาซะเลย 2° Mein Hausprojekt schwimmt immer noch. = โครงการบ้านของผมยังเลือนลางอยู่เลย 3°เช่น Eine Kirche verschwimmt vor meinen Augen. = ฉันเห็นโบสถ์เลือนลางอยู่ข้างหน้า | verschwommen | (adj, adv) เลือนลาง, ไม่แน่ชัด, ไม่มุ่งหมาย, See also: A. klar, gezielt, deutlich | etw. gefallen lassen | (phrase) ยอมรับ หรือ ไม่ต่อต้านให้สิ่งนั้นๆ เกิดขึ้น หรือ ยอมทนให้เกิดขึ้น เช่น Demonstration gefallen lassen = ยอมให้มีการประท้วงเกิดขึ้น | ungenau | (adj, adv) ไม่เที่ยงตรง, ไม่แน่นอน | unlogisch | (adj, adv) ไม่ตรรกะ หรือ ไม่สมเหตุสมผล, See also: A. logisch, nachvollziehbar, Syn. unnachvollziehbar | etw. geht jmd. durch die Lappen. | (idiomatisch) โอกาสหลุดลอยไป หรือ ไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา เช่น Mir ist ein herrlicher Job durch die Lappen gegangen = ฉันพลาด ไม่ได้งานสุดเจ๋งที่ต้องการ | elend | (adj, adv) หดหู่, เศร้าสร้อย, ไม่มีความสุข เช่น Ich fühle mich heute elend. วันนี้ผมรู้สึกหดหู่จัง, See also: unglücklich, verzweifelt, Syn. traurig | vernachlässigbar | (adj) ที่สามารถละเลยได้ , ที่สามารถไม่นำมาคิดรวมได้ เช่น Bei der Auswertung des Messergebnisses ist der Faktor X vernachlässigbar. = ในกระบวนการประเมินผลการทดลองนั้น ค่าตัวแปร X สามารถละไว้ ไม่นำมาร่วมประเมินผลด้วยได้ (ส่วนมาก เป็นเพราะค่าตัวแปลนั้นๆ มีผลน้อยมากต่อผลการทดลอง ) |
| | mais non! | (phrase) แต่...ไม่!, ไม่นะ ไม่ใช่ | madame | เป็นคำนำหน้าชื่อของผู้หญิงที่สุภาพ ไม่จำเป็นต้องแต่งงานแล้ว คล้ายกับ นางและนางสาว ที่ฝรั่งเศสใช้ทั้งในภาษาเขียนและพูด โดยเฉพาะตามร้านค้าและสถานที่ราชการ และส่วนใหญ่ตามด้วยนามสกุล เช่น Madame Chantel ในภาษาเขียน ย่อเป็น Mme. Chantel, See also: mademoiselle, Ant. monsieur, Related: mademoiselle | sans changement | (phrase) (การเดินทางโดยรถไฟ) โดยตรง , ไม่ต้องเปลี่ยนหรือต่อรถไฟ | rester | (vi) |je reste, tu restes, il reste, nous restons, vous restez, ils restent| พักอยู่, ยังคงอยู่ เช่น (1) Je reste jusqu'à 22 heures. ผมอยู่ถึงสี่ทุ่ม (2) Cette semaine il doit reste à la maison. อาทิตย์นี้เขาต้องพักอยู่ที่บ้าน (สังเกตความหมายต่างจากกิริยา habiter ตรงที่ rester ไม่ได้แปลว่า อาศัย) | fin, -s | (n) la, = ตอนจบ, ตอนสุดท้าย , (but)จุดมุ่งหมาย, ความตั้งใจ, เป้าหมาย เช่น à la fin mai = ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม , sans fin = ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จบสิ้น, Ant. début, commencement | rarement | (adv) ซึ่งหายาก, ไม่ค่อยมี, ไม่บ่อย เช่น un nom qu'on entend rarement, See also: rare | dormir | (vi) 1)นอนหลับ 2) อยู่ในสถานะที่สงบไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการใช้งาน ex: Capitaux qui dorment. Image: | n'avoir pas froid aux yeux | (phrase) มีความกล้า, ไม่เกรงกลัว | Il n'y a pas de quoi. | |อาจพูดสั้นๆได้ว่า pas de quoi!| ไม่เป็นไร (ใช้ในกรณีที่มีคนขอบคุณ), Syn. De rien!, Je t'en prie!, Je vous en prie. | indifférent | (adj) เฉยเมิย ไม่สนใจ ไม่แยแส |
| decommisssion | (vt) take out of commission. ไม่มีการมอบหมาย, ไม่มีการแต่งตั้ง | saturer | (vi, vt) ทำให้อิ่มตัว ไม่สามารถรับได้เพิ่ม เช่น air saturé de vapeur d'eau, réseau saturé, (personne) être saturé de qc |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |