ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: เวท, -เวท- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ scenes | scene (ซีน) n. ฉาก, เวที, ภาพ, เหตุการณ์, สถานที่เกิดเหตุ, (ละคร) บทหนึ่ง, (ภาพยนตร์) ตอนหนึ่ง, เรื่องราว, อุปกรณ์ประกอบฉาก, สิ่งแวดล้อม, ทัศนียภาพ, ภาพภูมิประเทศ, -Phr. (behind the scenes อยู่เบื้องหลัง) | waitlist | [เวทลีสต์] (n) บัญชีรอเรียก |
|
| กตัญญู | ○ grateful, thankful, appreciative ○ obliged (grateful), indebted (especially for cultural, dutiful gratitude towards parents and elders) ■ ความกตัญญู /kwaam ga'dtan·yuu/ gratitude, thankfulness ■ กตัญญูกตเวที /ga'dtan·yuu gà'dtà·weh·tee/ (expr.) one who is grateful and reciprocates |
| เวท | (n) incantation, See also: magic, sorcery, spell, Syn. เวทมนตร์, คาถา, พระเวท, Example: ในละครของเรามียักษ์มาร่ายเวทด้วย, Thai Definition: ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกขึ้นเป็นมนตร์หรือคาถาอาคม เมื่อนำมาเสกเป่าหรือบริกรรมตามลัทธิวิธีที่มีกำหนดไว้ สามารถให้ร้ายหรือดีหรือป้องกันอันตรายต่างๆ ตามคติไสยศาสตร์ได้, Notes: (บาลี/สันสกฤต) | เวท | (n) religious knowledge, Syn. ความรู้ทางศาสนา, Notes: (บาลี/สันสกฤต) | เวที | (n) stage, See also: arena, platform, ring, Example: เมื่อมีงานรื่นเริงครั้งใดเธอจะขึ้นบนเวทีไปร้องเพลงต่อหน้าแขกกว่า 2, 000 คน, Count Unit: เวที, แห่ง, Thai Definition: ที่ที่ยกขึ้นให้สูงใช้เป็นที่เล่นหรือแสดง | เวที | (n) center, Syn. ศูนย์กลาง, Example: โลกกำลังก้าวสู่ทศวรรษของการจัดระเบียบใหม่อันมีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลางหรือเวทีการบริหารการเมืองระหว่างประเทศ, Thai Definition: ศูนย์รวมของการปฏิบัติ | เวทนา | (v) pity, See also: have compassion on, sympathize with, Syn. สงสาร, Example: สภาพมอมแมมของเด็กสาวทำให้สองผัวเมียเวทนา และชักชวนเข้าไปในบ้าน, Thai Definition: รู้สึกเห็นใจในความเดือดร้อนหรือความทุกข์ของผู้อื่น, รู้สึกห่วงใยด้วยความเมตตากรุณา | กตเวที | (adj) grateful, See also: obliged, appreciative, indebted, Syn. ขอบคุณ, รู้สึกขอบคุณ, Example: เราควรมีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ครูอาจารย์และผู้มีพระคุณ | ไสยเวท | (n) magic, See also: occultism, Syn. ไสยศาสตร์, Example: เขามีโอกาสหาความรู้ทางวิปัสนากรรมฐาน และไสยเวทวิทยาคมจากอาจารย์หลายท่าน, Thai Definition: ตำราทางไสย, วิชาทางไสย | ธนุรเวท | (n) science or art of archery, Syn. วิชายิงธนู, ธนู, ธวิทยา, Notes: (สันสกฤต) | ธนุรเวท | (n) science or art of archery, Syn. วิชายิงธนู, Notes: (สันสกฤต) | เวทีมวย | (n) boxing ring, See also: canvas, Syn. เวที, สนามมวย, Example: เขาจะขึ้นชกชิงเงินรางวัลใหญ่ที่เวทีมวยลุมพินีบ่ายนี้, Count Unit: เวที, แห่ง, Thai Definition: สถานที่แข่งขันชกมวย | กตเวทิตา | (n) gratitude, See also: thankfulness, appreciation, gratefulness, Example: บุตรและธิดาทั้งหลายต้องมีกตเวทิตาคือตอบแทนพระคุณของท่าน โดยเลี้ยงดูอุปการะท่านให้มีความสุข, Thai Definition: ความเป็นผู้สนองคุณท่าน | น่าเวทนา | (v) be pathetic, See also: be poor, be pitiable, be distressing, be sad, Syn. น่าสงสาร, น่าเศร้า, น่าอนาถ, น่าสังเวช, Example: ภาพเด็กที่ถูกพ่อแม่บังคับให้ขอทานเป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็น | พื้นเวที | (n) stage, See also: platform, Example: ถ้านั่งอยู่ชั้นบนจะเห็นพื้นเวทีทั้งหมดอย่างชัดเจน, Thai Definition: พื้นของสิ่งที่ยกพื้นขึ้นสูงเพื่อการแสดงต่างๆ เป็นต้น | วิษณุเวท | (n) chant in praise of Vishnu, See also: glorifying prayer for Vishnu, Syn. วิษณุมนตร์, Thai Definition: มนตร์สรรเสริญพระนารายณ์, Notes: (สันสกฤต) | อายุรเวท | (n) medical science, See also: science of healing/medicine, Thai Definition: วิชาที่เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษา, Notes: (สันสกฤต) | เวทมนตร์ | (n) magic, See also: sorcery, incantation, spell, Syn. เวทมนตร์คาถา, คาถา, มนตร์, Example: เขาท่องเวทมนตร์ที่เคยร่ำเรียนมาเพื่อป้องกันตัว, Thai Definition: คำศักดิ์สิทธิ์ที่บริกรรมแล้วให้สำเร็จความประสงค์ | ความเวทนา | (n) pity, See also: compassion, sympathy, pathos, Syn. ความสงสาร, ความเห็นใจ, Ant. ความทารุณ, ความโหดร้าย, ความโหดเหี้ยม, Example: ภาพชายชรานั่งขอทานก่อให้เกิดความเวทนาแก่ผู้ที่เดินผ่านไปมา | ทุกขเวทนา | (n) suffering, See also: painful feeling, consciousness of pain or trouble or grief, pain, agony, misery, Syn. ทุกข์ทรมาณ, Ant. สุขสบาย, Example: เขาได้รับทุกข์เวทนาจากโรคมะเร็งอยู่หลายเดือนก่อนตาย, Thai Definition: ความรู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจ, ความรู้สึกเจ็บปวดทรมาน, Notes: (บาลี) | เวทย์มนตร์ | (n) magic, See also: black art, witchcraft, necromancy, wizardry, sorcery, incantation, spell, charm, Syn. อาคม, คาถา, คาถาอาคม, Example: เขาเกิดความกลัวขึ้นจึงได้ท่องเวทมนตร์ที่เคยร่ำเรียนมาเพื่อป้องกันตัว, Thai Definition: คำศักดิ์สิทธิ์ที่บริกรรมแล้วให้สำเร็จความประสงค์ | ผู้กำกับเวที | (n) stage director, See also: stage manager | ผู้กำกับเวที | (n) stage director, See also: stage manager, Example: ผู้กำกับเวทีป่วยลงโดยกะทันหันทำให้ต้องงดการซ้อม | เวทีการเมือง | (n) political stage, See also: political arena, Example: นายกรัฐมนตรีพยายามกำจัดเธอให้พ้นเวทีการเมือง เพราะกลัวเธอจะขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง, Count Unit: เวที |
| กตเวทิตา | (กะตะ-) น. ความเป็นผู้ประกาศคุณท่าน, ความเป็นผู้สนองคุณท่าน, เป็นคำคู่กันกับ กตัญญุตา. | กตเวที | (กะตะ-) ว. ซึ่งประกาศคุณท่าน, ซึ่งสนองคุณท่าน, เป็นคำคู่กันกับ กตัญญู. [ ป. กต ว่า อันเขาทำแล้ว + เวที ว่า ซึ่งรู้, ซึ่งประกาศให้รู้ ]. | คันธรรพเวท, คานธรรพเวท | (คันทันพะเวด, คันทับพะเวด, คานทันพะเวด, คานทับพะเวด) น. วิชาการดนตรี เป็นสาขาหนึ่งของสามเวท. | จตุรเวท, จตุรเพท | (-เวด, -เพด) น. ชื่อคัมภีร์พระเวท ๔ คัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ในยุคพระเวท คือ ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท และอถรรพเวทหรืออาถรรพเวท. <i> (ดู เวท, </i> <i> เวท-)</i>. | เจนเวที | ก. ขึ้นเวทีมามากแล้ว, โดยปริยายหมายความว่า มีความชำนาญ, ช่ำชอง. | ทุกขเวทนา | (ทุกขะเวทะนา) น. ความรู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจ, ความรู้สึกเจ็บปวดทรมาน. | ธนุรวิทยา, ธนุรเวท | (ทะนุระ-) น. วิชายิงธนูและการใช้อาวุธอื่น ๆ. (ส.). <i> (ดู อุปเวท ประกอบ)</i>. | เภสัชเวท | (เพสัดชะเวด) น. วิทยาศาสตร์แขนงที่ว่าด้วยยาที่ได้จากพืช สัตว์ และแร่ธาตุโดยตรง หรือสารที่เกิดจากสิ่งเหล่านั้น, วิทยาศาสตร์แขนงที่ว่าด้วยสมุนไพร. | ยชุรเวท | (ยะชุระ-) น. ชื่อคัมภีร์ที่ ๒ ของพระเวท กล่าวถึงพิธีบูชาสำคัญหลายพิธี เช่น พิธีราชสูยะ พิธีอัศวเมธ รายละเอียดในการประกอบพิธีและเรื่องเล่าแต่งเป็นร้อยแก้ว ส่วนบทสวดเป็นฉันท์นำมาจากฤคเวท. (ส.). <i>(ดู เวท, เวท- ประกอบ)</i>. | รสายนเวท | (ระสายะนะเวด) น. วิชาประสมแร่แปรธาตุ, วิชาเคมียุคเล่นแร่แปรธาตุ. | ฤคเวท | (รึกคะเวด) น. ชื่อคัมภีร์ที่ ๑ ของพระเวท ใช้ภาษาสันสกฤตรุ่นเก่าที่สุด ประพันธ์เป็นฉันท์ มีอายุประมาณ ๕๐๐ ถึง ๑, ๐๐๐ ปีก่อนพุทธกาล, อิรุพเพท ก็ว่า. (ส.; ป. อิรุพฺเพท). <i>(ดู เวท, เวท- ประกอบ)</i>. | ละครเวที | น. ละครแบบหนึ่ง แสดงบนเวที มีฉากสมจริงและมีการปิดเปิดม่าน ผู้แสดงดำเนินเรื่องด้วยบทเจรจา เช่น เรื่องผกาวลี ดำเนินเรื่องโดยการแสดงบทและเจรจาอาจมีเพลงแทรกบ้าง เช่น ละครอิงประวัติศาสตร์ของหลวงวิจิตรวาทการ ดรรชนีนาง ขุนศึก ศรอนงค์ พันท้ายนรสิงห์. | วิษณุเวท | น. มนตร์สรรเสริญพระนารายณ์, วิษณุมนตร์ ก็ว่า. | เวท, เวท- | (เวด, เวทะ-) น. ความรู้, ความรู้ทางศาสนา | เวท, เวท- | ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกขึ้นเป็นมนตร์หรือคาถาอาคม เมื่อนำมาเสกเป่าหรือบริกรรมตามลัทธิวิธีที่มีกำหนดไว้ สามารถให้ร้ายหรือดี หรือป้องกันอันตรายต่าง ๆ ตามคติไสยศาสตร์ได้ เช่น ร่ายเวท, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ มนตร์ เป็น เวทมนตร์ | เวท, เวท- | ชื่อคัมภีร์ภาษาสันสกฤตโบราณซึ่งเป็นพื้นฐานของศาสนาพราหมณ์ยุคแรก มี ๔ คัมภีร์ ได้แก่ ๑. ฤคเวท ว่าด้วยบทสวดสรรเสริญเทพเจ้าทั้งหลาย ตอนท้ายกล่าวถึงการสร้างโลก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบความเชื่อของชาวอินเดีย ๒. ยชุรเวท ว่าด้วยรายละเอียดการประกอบยัญพิธีและลำดับมนตร์ที่นำมาจากคัมภีร์ฤคเวทเพื่อสวดในขั้นตอนต่าง ๆ ของพิธี ๓. สามเวท ว่าด้วยบทขับที่คัดเลือกมาจากประมาณหนึ่งในหกของฤคเวท และใช้เฉพาะในพิธีที่บูชาด้วยน้ำโสม ๔. อถรรพเวท หรือ อาถรรพเวท เป็นเวทมนตร์คาถาเพื่อให้เกิดผลดีแก่ฝ่ายตนหรือผลร้ายแก่ฝ่ายศัตรู ตลอดจนการบันดาลสิ่งที่เป็นมงคลหรืออัปมงคล การทำเสน่ห์ การรักษาโรค และอื่น ๆ สามคัมภีร์แรกเรียกว่า ไตรเวท หรือ ไตรเพท ต่อมารับอถรรพเวทหรืออาถรรพเวทเข้ามารวมเป็นสี่คัมภีร์เรียกว่า จตุรเวท หรือ จตุรเพท, เรียกยุคแรกของศาสนาพราหมณ์จนถึงประมาณสมัยพุทธกาลว่า ยุคพระเวท มีวรรณกรรมหลักประกอบด้วยคัมภีร์พระเวท คัมภีร์พราหมณะ คัมภีร์อารัณยกะและคัมภีร์อุปนิษัทรุ่นแรก. | เวทคู | (เวทะคู) น. ผู้บรรลุถึงซึ่งความรู้ คือ พระอรหันต์. | เวทมนตร์ | (เวดมน) น. ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ที่บริกรรมเพื่อให้สำเร็จความประสงค์ เช่น โบราณใช้เวทมนตร์ในการรักษาโรคบางอย่าง, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ คาถา เป็น เวทมนตร์คาถา เช่น เขาใช้เวทมนตร์คาถาล่องหนหายตัวได้. | เวทนา ๑ | (เวทะ-) น. ความรู้สึก, ความรู้สึกทุกข์สุข, เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ | เวทนา ๑ | ความเจ็บปวด, ทุกข์ทรมาน. | เวทนา ๒ | (เวดทะ-) ก. สังเวชสลดใจ เช่น เรามักเวทนาผู้เคราะห์ร้าย เด็กคนนี้น่าเวทนา. | เวทย์ | ว. พึงรู้, ควรรู้. | เวทัลละ | น. ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนา เป็น ๑ ใน ๙ ส่วนของคัมภีร์นวังคสัตถุศาสน์. (ป.). | เวทางค์, เวทางคศาสตร์ | น. วิชาประกอบการศึกษาพระเวทมี ๖ อย่าง คือ ๑. ศึกษาวิธีออกเสียงคำในพระเวทให้ถูกต้อง ๒. ไวยากรณ์ ๓. ฉันท์ ๔. โชยติส คือ ดาราศาสตร์ ๕. นิรุกติ คือ กำเนิดของคำ และ ๖. กัลปะ คือ วิธีจัดทำพิธี. | เวทานต์, เวทานตะ | น. ชื่อคัมภีร์หนึ่งที่ถือว่าอาตมันเป็นที่มาของทุกสิ่งทุกอย่าง คัมภีร์นี้อ้างคัมภีร์อุปนิษัทรุ่นแรกเป็นหลัก ซึ่งคัมภีร์เหล่านั้นอยู่ในระยะสุดท้ายของคัมภีร์พระเวท จึงได้ชื่อว่า เวทานต์ คือ ที่สุดแห่งคัมภีร์พระเวท | เวทานต์, เวทานตะ | ชื่อปรัชญาอินเดียฝ่ายพระเวท. | เวทิ, เวที ๑ | น. ที่ที่ยกขึ้นให้สูงใช้เป็นที่ทำการสักการบูชา, แท่นบูชา | เวทิ, เวที ๑ | ยกพื้นสำหรับเล่นละครและอื่น ๆ เช่น เวทีละคร เวทีมวย. | เวที ๒ | น. ผู้รู้, นักปราชญ์. | ศิวเวท | น. มนตร์สรรเสริญพระศิวะหรือพระอิศวร, ไสยศาสตร์. | สถาปัตยเวท | (สะถาปัดตะยะเวด) น. วิชาการก่อสร้าง เป็นสาขาหนึ่งของอุปเวท. (ส. สฺถาปตฺย + เวท). <i>(ดู อุปเวท ประกอบ)</i>. | สามเวท | (สามะเวด, สามมะเวด) น. ชื่อคัมภีร์ที่ ๓ ของพระเวท ประพันธ์เป็นฉันท์ ส่วนใหญ่คัดมาจากฤคเวท สำหรับขับในพิธีบูชาด้วยน้ำโสม. (ส.). <i>(ดู เวท, เวท ประกอบ)</i>. | ไสยเวท, ไสยศาสตร์ | (ไสยะเวด, ไสยะสาด) น. ตำราทางไสย, วิชาทางไสย. | อกตเวทิตา | (อะกะตะ-) น. ความเป็นผู้ไม่ประกาศอุปการคุณที่ท่านทำแก่ตน, ความเป็นผู้ไม่ตอบแทนอุปการคุณที่ท่านได้ทำแก่ตน, เป็นคำคู่กันกับ อกตัญญุตา. [ ป. อ ว่า ไม่ + กต ว่า (อุปการะ) ที่ท่านทำแล้ว + เวที ว่า ผู้ให้รู้, ผู้ประกาศ + ตา ว่า ความเป็น ]. | อกตเวที | (อะกะตะ-) น. ผู้ไม่ประกาศอุปการคุณที่ท่านทำแก่ตน, ผู้ไม่ตอบแทนอุปการคุณที่ท่านได้ทำแก่ตน, เป็นคำคู่กันกับ อกตัญญู. [ ป. อ ว่า ไม่ + กต ว่า (อุปการะ) ที่ท่านทำแล้ว + เวที ว่า ผู้ให้รู้, ผู้ประกาศ ]. | อถรรพเวท, อาถรรพเวท | (อะถับพะเวด, อะถันพะเวด, อาถับพะเวด, อาถันพะเวด) น. ชื่อคัมภีร์ที่ ๔ ของพระเวท ส่วนใหญ่ประพันธ์ขึ้นภายหลัง แต่มีบางบทที่เก่ามากซึ่งนำมาจากฤคเวทก็มี. (ส.). <i> (ดู เวท, เวท- ประกอบ)</i>. | อายุรเวท | น. วิชาแพทย์, วิชาที่เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษา. (ถือกันว่าเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์และเป็นส่วนหนึ่งของอถรรพเวท). | อุปเวท | (อุปะเวด, อุบปะเวด) น. คัมภีร์ “พระเวทรอง” ของอินเดียโบราณ เนื้อหามีลักษณะเป็นวิทยาการ ไม่นับว่าเป็นคัมภีร์ศาสนา ได้แก่ อายุรเวท (วิชาแพทย์ ถือว่าเป็นสาขาของคัมภีร์อถรรพเวทหรืออาถรรพเวท) ธนุรเวท (วิชายิงธนูและการใช้อาวุธอื่น ถือว่าเป็นสาขาของคัมภีร์ยชุรเวท) คันธรรพเวทหรือคานธรรพเวท (วิชาการดนตรี ถือว่าเป็นสาขาของคัมภีร์สามเวท) และสถาปัตยเวท (วิชาการก่อสร้าง ไม่ระบุว่าเป็นสาขาของคัมภีร์พระเวทใด). | กตัญญุตา | (กะตัน-) น. ความกตัญญู, ความเป็นผู้รู้อุปการคุณที่ท่านทำให้, ความเป็นผู้รู้คุณท่าน, เป็นคำคู่กันกับ กตเวทิตา. | กตัญญู | (กะตัน-) ว. ซึ่งรู้อุปการะที่ท่านทำให้, ซึ่งรู้คุณท่าน, เป็นคำคู่กันกับ กตเวที. [ ป. กต ว่า อันเขาทำแล้ว + ญู ว่า ซึ่งรู้ ]. | กระทรวง ๑ | (-ซวง) น. หมู่, พวก, เช่น ทุกหมวดทุกกระทรวงทรง ฤทธิเรื้อง (ยอพระเกียรติกรุงธน), ชนิด, อย่าง, เช่น อนึ่งนั้นอุเบกขาว่าเพ่งเฉย คือแหวกเลยสุขทุกข์อาลัยห่วง ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขสิ้นทั้งปวง สามกระทรวงนี้เป็นชื่อเวทนา (ปกีรณำพจนาดถ์), แบบ, อย่าง, กระบวน, เช่น ส่วนองค์พระอัยกาก็ทรงพาหนะหัสดินทร กรินทรราชเป็นทัพหลวงตามกระทรวงพยุหยาตรา (ม. ร่ายยาว มหาราช), โดยสมควรแก่กระทรวงแล้วส่งไป (สามดวง), ผจญคนกลิ้งกลอกกลับหลอกลวง เอากระทรวงสัตย์ซื่อให้เสื่อมเท็จ (สุ. สอนเด็ก). | กระทำ ๒ | ก. ใช้เวทมนตร์ทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นไปตามต้องการของตน มีให้รักหรือให้ป่วยเจ็บเป็นต้น เช่นว่า กระทำยำเยีย, การถูกเวทมนตร์เช่นนี้ เรียกว่า ถูกกระทำ. | กล้า ๒ | (กฺล้า) ว. แข็ง เช่น เหล็กกล้า, แรง เช่น เวทนากล้า แดดกล้า. | กะผลุบกะโผล่ | (-ผฺลุบ-โผฺล่) ก. อาการที่ผลุบลงแล้วโผล่ขึ้น เช่น ปลากะผลุบกะโผล่ขึ้นมาหายใจ, อาการที่ผลุบเข้าไปแล้วโผล่ออกมา เช่น มากะผลุบกะโผล่อยู่หลังเวทีทำไม, จม ๆ ลอย ๆ เช่น ขอนลอยน้ำกะผลุบกะโผล่, โดยปริยายหมายความว่า ไปหรือมาไม่สม่ำเสมอ เช่น ถ้าจะมาช่วยงานก็ขอให้มาสม่ำเสมอ อย่ากะผลุบกะโผล่ มาบ้างไม่มาบ้าง, ผลุบโผล่ ๆ หรือ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ก็ว่า. | ขันธ์ | น. ตัว, หมู่, กอง, พวก, หมวด, ส่วนหนึ่ง ๆ ของรูปกับนามที่แยกออกเป็น ๕ กอง คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งเรียกว่า ขันธ์ ๕ หรือ ขันธ์ทั้ง ๕. | ควายธนู | น. ของขลังชนิดหนึ่ง ทำเป็นรูปตัวควายหรือเขาควาย ใช้เวทมนตร์ทางไสยศาสตร์เสกเป่าไปทำร้ายผู้อื่นหรือกันไม่ให้ผู้อื่นมาทำร้าย. | คอนเสิร์ต | น. การแสดงดนตรีต่อหน้าผู้ชม โดยกำหนดรายการแสดงที่แน่นอน มักมีผู้แสดงหลายคน ทั้งนี้ไม่รวมถึงการแสดงดนตรีประกอบพิธีทางศาสนาหรือการแสดงบนเวที เช่นอุปรากร ระบำปลายเท้า. | คาบ ๑ | ก. กลั้นใจบริกรรมเวทมนตร์ครั้งหนึ่ง ๆ. | เคย ๒ | ก. ชิน, คุ้น, เช่น เคยสนาม เคยเวที. | ฉาก ๑ | น. เครื่องบังหรือเครื่องกั้น มีหลายชนิด ใช้ตั้ง แขวน หรือพับได้, เครื่องประกอบเวทีละครเพื่อให้ดูสมจริงตามเนื้อเรื่อง เช่น ฉากป่า ฉากเมือง |
| | Captivate (Electronic resouree) | แคพทิเวท (ทรัพยากรอิเล็กทรอนิกส์) [TU Subject Heading] | Incontations | การใช้เวทย์มนต์ [TU Subject Heading] | Mantras | เวทย์มนต์ [TU Subject Heading] | Medicine, Ayurvedic | อายุรเวท [TU Subject Heading] | Stage lighting | การจัดแสงบนเวที [TU Subject Heading] | Stage management | การกำกับเวที [TU Subject Heading] | Stage managers | ผู้กำกับเวที [TU Subject Heading] | Stage-setting and scenery | การจัดเวทีและฉาก [TU Subject Heading] | Vedas | พระเวท [TU Subject Heading] | Asia Cooperation Dialogue | ความร่วมมือเอเชีย เวทีความร่วมมือในระดับทวีปเอเชีย โดยเป็นความคิดริเริ่มของไทยในการสร้างกรอบความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกอนุ ภูมิภาคของเอเชีย มีวัตถุประสงค์ที่จะเชื่อมโยงจุดแข็งและต่อยอดความร่วมมือต่าง ๆ ของประเทศเอเชีย โดยอาศัยความแตกต่างหลากหลายและทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเอเชียมีอยู่มา ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมุ่งสร้างความร่วมมือในวงกว้างทั้งทวีปเอเชีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคเอเชียแข็งแกร่งและเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งสำหรับภูมิภาค อื่น ๆ เอซีดีได้มีการประชุมครั้งแรกเมื่อ 18-19 มิถุนายน 2545 โดยมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีจาก 18 ประเทศเข้าร่วม ที่ประชุมได้แบ่งกรอบความร่วมมือเป็น 2 มิติ ได้แก่ มิติการหารือ (dialogue dimension) และมิติโครงการความร่วมมือ (project dimension) เช่น การท่องเที่ยว ความมั่นคงทางพลังงาน และการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Market) [การทูต] | Australia-Thailand Business Council | สภาธุรกิจไทย-ออสเตรเลีย เป็นเวทีความร่วมมือด้านธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศ [การทูต] | ASEAN Inter-Parliamentary Organization | องค์การรัฐสภาอาเซียน " เป็นเวทีการประชุมของผู้แทนรัฐสภาของประเทศสมาชิกอาเซียน จัดขึ้น เป็นประจำทุกปี " [การทูต] | ASEAN Regional Forum | การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก " เป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรี ต่างประเทศของประเทศคู่เจรจาของอาเซียน (Dialogue Partners) ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย จีน รัสเซีย และสหภาพยุโรป ผู้สังเกตการณ์ (Observers) ของอาเซียน ได้แก่ ปาปัวนิวกินี และประเทศอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น มองโกเลียและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) โดย ARF ได้ใช้ ""geographical footprint"" หรือขอบเขตทางภูมิศาสตร์ เป็นปัจจัยสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณารับสมาชิกใหม่ ปัจจุบัน ARF มีประเทศสมาชิก 22 ประเทศ กับ 1 กลุ่ม (สหภาพยุโรป) โดยมีการประชุมเป็นประจำทุกปีในช่วงต่อเนื่องกับการประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Ministerial Meeting - AMM) เป็นเวทีปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ระดับพหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และพัฒนาแนวทางการ ดำเนินการทางการทูตเชิงป้องกัน (Preventive Diplomacy) ที่มุ่ง ป้องกันการเกิดและขยายตัวของความขัดแย้ง โดยใช้มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (Confidence Building Measures - CBMs) ระหว่างกัน ทั้งนี้ ARF มีการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2537 และไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ARF ระดับรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2543 นอกจากการประชุม ARF ประจำปีแล้วยังมีการดำเนินกิจกรรมระหว่างปี (Inter-sessional Activities) ในสองระดับ คือ กิจกรรมที่เป็นทางการ (Track I) และกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการ (Track II) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับสถาบันวิชาการของ ประเทศผู้เข้าร่วม ARF ได้แก่ (1) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนว่าด้วยมาตรการสร้างความไว้เนื้อ เชื่อใจของ ARF (ARF Inter-sessional Support Group on Confidence Building Measures - ARF ISG on CBMs) (2) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติของ ARF (ARF Inter-sessional Meeting on Disaster Relief - ARF ISM on DR) (3) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการรักษาสันติภาพของ ARF (Inter-sessional Meeting on Peace-keeping Operations - ARF ISM on PKO) และ (4) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการประสานและร่วมมือด้านการค้นหาและกู้ภัย ของ ARF (ARF Inter-sessional Meeting on Search and Rescue Coordination - ARF ISM on SAR) " [การทูต] | ARF Security Policy Conference | เวทีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายทหารในกรอบ การประชุม อาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก [การทูต] | Conference on Disamament | การประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นเวทีเจรจาการลดอาวุธระหว่างประเทศ มีขอบเขตความรับผิดชอบเกี่ยวกับประเด็นด้านการลดอาวุธทุกด้าน และมีหน้าที่ รายงานต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติทุกปี ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ประเทศ(ไทยมิได้เป็นสมาชิก) โดยที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ด้านการลดอาวุธหลายฉบับ ที่สำคัญได้แก่ สนธิสัญญาไม่แพร่อาวุธนิวเคลียร์ อนุสัญญาห้ามเคมี อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ และสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ [การทูต] | East Asia Forum | เวทีเอเชียตะวันออก [การทูต] | East Asia Latin American Forum | เวทีหารือระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา " ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2542 ประกอบด้วยสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศจาก ภูมิภาคลาตินอเมริกา 12 ประเทศ เม็กซิโก ปานามา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เวเนซุเอลา เปรู บราซิล ชิลี อาร์เจนตินา อุรุกวัย ปารากวัย และโบลิเวีย " [การทูต] | East Asia Vision Group | กลุ่มวิสัยทัศน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก จัดตั้งขึ้นตามข้อเสนอของประธานาธิบดีคิม แด จุง แห่งสาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างการประชุมหัวหน้ารัฐบาลอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ที่กรุงฮานอย เมื่อเดือนธันวาคม 2541 เพื่อเป็นเวทีระดมความคิดและแสวงหาแนวทางขยายความร่วมมือระหว่างกันในทุก ด้านและทุกระดับเพื่อมุ่งแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและพัฒนาภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง [การทูต] | Forum for Comprehensive Development of Indochina | เวทีเพื่อการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบในอินโดจีน เป็นความริเริ่มโดยกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นที่จะให้มีเวทีปรึกษาหารือ เพื่อช่วยพัฒนาประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม กลไกประกอบด้วยคณะทำงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คณะที่ปรึกษาภาคเอกชนโดยเน้นบทบาทในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาภาค เอกชนตลอดจนการสร้างความเชื่อมโยงกับกรอบความร่วมมือ (GMS) [การทูต] | Forum for East Asia - Latin America Cooperation | เวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเม ริกา สมาชิก 32 ประเทศ จากภูมิภาคเอเชียและลาตินอเมริกา โดยมีสมาชิก จากฝ่ายเอเชีย 15 ประเทศ คือ กลุ่ม ASEAN (10 ประเทศ) จีน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และจากฝ่ายลาตินอเมริกา 17 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก กัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์ คอสตาริกา นิการากัว คิวบา ปานามา เปรู โคลอมเบีย เวเนซุเอลา บราซิล โบลิเวีย เอกวาดอร์ ปารากวัย อุรุกวัย อาร์เจนตินา และชิลี วัตถุประสงค์ จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2542 มีการประชุมระดับรัฐมนตรีต่าง -ประเทศทุก 2 ปี ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ปีละ 2 ครั้ง และคณะทำงาน 3 คณะ ปีละ 2 ครั้ง (คณะทำงานด้านการเมือง วัฒนธรรม และการศึกษา / ด้านเศรษฐกิจและสังคม / และด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเวทีปรึกษาหารือและร่วมมือกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างประเทศเอเชียและ ลาตินอเมริกา โดยมีเป้าหมายไปที่การดำเนินโครงการความร่วมมือในทุกสาขาที่ประเทศสมาชิกมี ความสนใจร่วมกัน [การทูต] | Francophonie (International Organization of the Francophony) | องค์การระหว่างประเทศกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษา ฝรั่งเศส ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2513 ที่เมือง Niamey ประเทศ Niger เพื่อเป็นเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและประสานนโยบายความร่วมมือต่าง ๆ เน้นการส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน การส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรมโดยใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นสื่อกลาง และส่งเสริมความร่วมมือพหุพาคีเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ปัจจุบันมีสมาชิก 53 ประเทศ (เบลเยียม บัลแกเรีย ฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก มอลโดวา โมนาโก โรมาเนีย สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา โดมินิกา เฮติ เซนต์ลูเซีย เบนิน บูร์กินาฟาโซ บุรุนดี แคเมอรูน เคปเวิร์ด สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชาด คอโมโรส สาธารณรัฐคองโก โกตดิวัวร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก จิบูตี อียิปต์ อิเควทอเรียลกินี กาบอง กินี กินีบิสเซา มาดากัสการ์ มาลี มอริเตเนีย มอริเซียส โมร็อกโก ไนเจอร์ รวันดา เซาตูเมและปรินซิปี เซเนกัล เชเชลส์ โตโก ตูนีเซีย กัมพูชา ลาว เลบานอน เวียดนาม วานูอาตู แอลเบเนีย มาซิโดเนีย สาธารณรัฐเช็ก ลิทัวเนีย สาธารณรัฐสโลวัก สาธารณรัฐโลวีเนีย และโปแลนด์) และ 3 มลรัฐ [ แคนาดา-นิวบรันสวิก แคนาดา- ควิเบก และชุมชนฝรั่งเศสในเบลเยียม (French Community in Belgium) ] [การทูต] | India-Brazil-South Africa | เวทีเจรจาสามฝ่าย ระหว่างอินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสิมความร่วมมือในกรอบใต้-ใต้ใน วงกว้าง เป้าหมายหลัก IBSA คือการส่งเสริมและขยายโอกาส ด้านการค้า การลงทุน การพัฒนาสังคม และการเลแกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน [การทูต] | International Maritime Organization | องค์การกิจการทางทะเลระหว่างประเทศ " เป็นทบวงการชำนัญพิเศษขององค์การสหประชาชาติ ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเป็นเวทีระหว่างประเทศสมาชิก ในการกำหนดมาตรฐาน และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัย ในการเดินเรือ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมทั้งเป็นกลไกในการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศสมาชิก ปัจจุบัน มีสมาชิก 155 ประเทศ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร " [การทูต] | The New Partnership for Africa?s Development | หุ้นส่วนใหม่เพื่อการพัฒนาแอฟริกา เป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแอฟริกา มีวัตถุประสงค์ในการ ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศแอฟริกา การขจัดความยากจนและการขจัดความเสียเปรียบของประเทศแอฟริกาในยุคโลกาภิวัตน์ NEPAD พัฒนามาจากการประชุม สุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G8 ที่ญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2542 ซึ่งในการประชุมนี้ ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีไนจีเรีย และประธานาธิบดี แอลจีเรียได้เสนอต่อที่ประชุม ขอให้กลุ่มประเทศเหนือและประเทศใต้ร่วมกันแก้ปัญหาที่ทั้งสองกลุ่มประเทศ เผชิญอยู่ บนพื้นฐานของ ผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเน้นการพัฒนาประเทศที่ยากจน เช่น ประเทศ ในภูมิภาคแอฟริกา ต่อมาบรรดาผู้นำของกลุ่มประเทศแอฟริกาได้ร่วมกันกำหนดแผนพัฒนาแอฟริกาสำหรับ ใช้ขอรับการสนับสนุนจากประเทศพัฒนาแล้วในเวทีการประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เรียกว่า New Africa Initiative (NAI) ที่ประชุมองค์การเอกภาพแอฟริกา หรือ OAU (ซึ่งต่อมากลายเป็น African Union ? AU) ได้เห็นชอบต่อแผน NAI ดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2544 ผู้นำของประเทศแอฟริกาได้นำเสนอ NAI ต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G8 เมื่อปี พ.ศ. 2544 และได้รับการปรับปรุงแก้ไขจนเป็น NEPAD ในปัจจุบัน [การทูต] | Neutralization, Neutrality หรือ Neutralism | คำว่า Neutraliza-tion หมายถึง กระบวนการซึ่งรัฐได้รับการค้ำประกันความเป็นเอกราชและบูรณภาพอย่างถาวรภาย ใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับการประกันรับรองให้เป็นกลาง (Neutralized State) เช่นนี้จะผูกมัดตนว่า จะละเว้นจาการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าประเทศใดทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าจะถูกโจมตีก่อน ตัวอย่างอันเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความ เป็นกลางอย่างถาวร คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามปฏิญญา (Declaration) ซึ่งมีการลงนามกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 ประเทศใหญ่ ๆ ในสมัยนั้น คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ปรัสเซีย และรัสเซีย ได้รับรองว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นการจำเป็นที่จะให้รัฐเฮลเวติก(Helvetic Swiss States) ได้รับการประกันความเป็นกลางตลอดไป ทั้งยังประกาศด้วยว่า รัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงรับปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้เมื่อไร ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ก็จะได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางในทันที และแล้วสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศยอมรับปฏิบัติตาม หรือให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 บรรดาประเทศที่รับรองค้ำประกันความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์จึงประกาศ รับรองดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1815 อนึ่ง การค้ำประกันความเป็นกลางในลักษณะที่ครอบคลุมทั้งประเทศของรัฐใดรัฐหนึ่ง นั้น มีความแตกต่างกับการค้ำประกันเพียงดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางจะ ไม่ยอมให้ฝ่ายใดใช้ดินแดนส่วนที่ค้ำประกันนั้นเป็นเวทีสงครามเป็นอันขาด การค้ำประกันความเป็นกลางยังมีอีกแบบหนึ่งคือ รัฐหนึ่งจะประกาศตนแต่ฝ่ายเดียวว่าจะรักษาความเป็นกลางของตนตลอดไปโดยถาวร แต่ในกรณีเช่นนี้ ความเป็นเอกราชและบูรณภาพของรัฐที่ประกาศตนเป็นกลางเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ได้รับการค้ำประกันร่วมกันจากรัฐอื่น ๆ แต่อย่างใดส่วนคติหรือลัทธิความเป็นกลาง (Neutralism) เป็นศัพท์ที่หมายถึงสถานภาพของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการน้ำประเทศของตนเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสงครามเย็น ( Cold War) ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศภาคตะวันออกกับกลุ่มประเทศภาค ตะวันตก นอกจากนี้ ผู้นำบางคนในกลุ่มของรัฐที่เป็นกลาง ไม่เห็นด้วยกีบการที่ใช้คำว่า ?Neutralism? เขาเหล่านี้เห็นว่าควรจะใช้คำว่า ?ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด? ( Uncommitted ) มากกว่าจะเห็นได้ว่า คำว่า ?ความเป็นกลาง? ( Neutrality ) นั้น หมายถึงความเป็นกลางโดยถาวร ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากกลุ่มประเทศกลุ่มหนึ่ง เช่นในกรณีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้หรือหมายถึงความเป็นกลางเฉพาะในดินแดน ส่วนหนึ่งของรัฐที่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปทำสงครามกันในดินแดนที่เป็นกลางส่วน นั้นเป็นอันขาดก็ได้ ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่า แก่นแท้ในความหมายของความเป็นกลาง ( Neutrality) จึงอยู่ที่ท่าที หรือ ทัศนคติของประเทศที่ดำรงตนเป็นกลาง ไม่ต้องการเข้าข้างประเทศคู่สงครามใด ๆ ในสงคราม ในสมัยก่อนผู้คนยังไม่รู้จักความคิดเรื่องความเป็นกลางดังที่รู้จักเข้าใจ กันในปัจจุบัน ความเป็นกลางเป็นผลมาจากการทยอยวางหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความเป็นกลาง นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน [การทูต] | Organisation for Economic Cooperation and Development | องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา จัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญาที่ลงนามในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2503 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 30 กันยายน 2504 มีสมาชิก 29 ประเทศ (ส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว) เป็นเวทีหารือระหว่างรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส [การทูต] | Shanghai Cooperation Organization | พัฒนามาจากเวทีการประชุม Shanghai Five ซึ่งจีนเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เดิมมีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ จีน รัสเซีย คาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และทาจิกิสถาน ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2544 อุซเบกิสถาน ได้เข้าเป็นสมาชิกด้วย จึงมีการเปลี่ยนชื่อกลไกความ ร่วมมือนี้เป็น Shanghai Cooperation Organization เดิมมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนของประเทศสมาชิก และต่อมาได้ขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุม ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจการค้า วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม การศึกษา พลังงาน การคมนาคม [การทูต] | Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone Treaty | สนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ " เป็นสนธิสัญญาของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศ ลงนามในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 5 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2538 มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมสันติภาพ และเสถียรภาพของภูมิภาคและส่งเสริมความพยายามระหว่างประเทศในระดับภูมิภาคใน การป้องกันการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่ง นอกจากเป็นส่วนประกอบสำคัญของแผนงานว่าด้วยเขตแห่งสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Zone of Peace, Freedom and Neutrality - ZOPFAN) แล้ว ยังเป็นการสนับ สนุนกระบวนการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ในเวทีระดับโลกอีกด้วย " [การทูต] | South Pacific Forum | เวทีหารือของกลุ่มประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ " จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2514 ประเทศสมาชิกประกอบด้วย ออสเตรเลีย หมู่เกาะคุก ไมโครนีเซีย คีรีบาส หมู่เกาะมาร์แชล เนารู นิวซีแลนด์ นุย ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู ซามัวตะวันตก วานูอาตู ตองกา ฟิจิ " [การทูต] | United Nations Conference on Trade and Development | การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) " เป็นองค์กรของสหประชาชาติที่รับผิดชอบเรื่องการค้า การเงิน การ ลงทุน เทคโนโลยี และการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีหน้าที่เป็นเวทีประสานนโยบายระหว่างรัฐบาล ศึกษาวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจโลกและให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ประเทศ กำลังพัฒนา ปัจจุบันมีรัฐสมาชิก 190 ประเทศ ประชุมระดับรัฐมนตรีปีละ 4 ครั้ง ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอังค์ถัดครั้งล่าสุด (ครั้งที่ 10) เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2543 " [การทูต] | World Economic Forum | การประชุม "เวทีเศรษฐกิจโลก" นาย Klaus Schwab ได้ริเริ่มให้มีการประชุมครั้งแรกขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งในปี พ.ศ. 2514 นาย Schwab ได้จัดตั้งเป็น European Management Forum ในลักษณะขององค์กรที่ไม่หวังผลกำไร และเปิดให้นักธุรกิจชั้นนำ รวมทั้งนักการเมืองระดับสูงเป็นสมาชิก ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น World Economic Forum และเปิดรับสมาชิกจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มีสำนักงานตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กิจกรรมสำคัญประจำปี ได้แก่ การประชุมประจำปีที่เมืองดาวอส (มกราคม หรือ กุมภาพันธ์) การจัดพิมพ์ World Competitiveness Report และการจัดประชุมเพื่อหารือประเด็นเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในประเทศต่าง ๆ [การทูต] | Knowledge Forum | เวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ [การจัดการความรู้] | Activate | แอคติเวท, กระตุ้น [การแพทย์] | Alchemy | รสายนเวท [การแพทย์] | Ayur-Veda | อายุรเวท [การแพทย์] | Lactate and Pyruvate, Blood | แลคเตทและไพรูเวทในเลือด [การแพทย์] |
| But master you in luck 'cause up your sleeve, You got a brand of magic never fails! | แต่นายท่านโชคดี เพราะท่านใส่แขนเสื้อไว้ ท่านได้ตราแห่งเวทยนต์ไม่เคยผิดพลาด Aladdin (1992) | What do you need?" To be my own master, such a thing would be greater than all the magic and all the treasures in all the world! | เพื่อเป็นตัวของตัวเอง ถ้าเช่นนั้นมันคงจะดีกว่า เวทมนต์ทุกอย่าง สมบัติทุกอย่างในโลกนี้ Aladdin (1992) | He has the lamp, Iago. | มันมีตะเกียง อิอาโก้ ทำไมเจ้าน่าเวทนานั่นถึง.. Aladdin (1992) | I might have more psychiatric evaluations for you. | ผมอาจจะมี การพิจารณคดีทางด้านจิตเวทมาให้คุณอีก Basic Instinct (1992) | They'll tear the fucking place apart! | ถ้าอยากให้เวทีถล่ม The Bodyguard (1992) | No fucking freak is gonna run me off stage. | ไม่มีใครหน้าไหนไล่ฉันลงจากเวทีได้ The Bodyguard (1992) | Rachel, I understand it's my honor to escort you on stage. | ผมไต้รับเกียรติให้ควงคุณขึ้นเวที The Bodyguard (1992) | - I need you on the other side of the stage. | - ไปดูเวทีด้านโน้น - ให้ทำอะไรบ้าง The Bodyguard (1992) | - Done a lot of fighting in the ring. | - ขึ้นชกมาหลายเวทีแล้ว Of Mice and Men (1992) | You may be the best welterweight in the country, but I'll kick your goddamn head in. | ฉันไม่สน ถึงนายจะเป็นนักมวย เวลเตอร์เวทที่เก่งสุดในประเทศ ถ้านายหาเรื่องฉัน ฉันจะเตะกะโหลกนายให้ยุบเลย Of Mice and Men (1992) | They conjure. | พวกนั้นกำลังร่ายเวทมนต์ Hocus Pocus (1993) | Hurry up! The bewitching hour is about to begin! | เร็วๆเข้า ชั่วโมงแห่งเวทมนต์เริ่มขึ้นแล้ว! Hocus Pocus (1993) | "This is the spell book of Winifred Sanderson. | "นี่เป็นหนังสือเวทมนต์ ของวินนี่เฟรด แซนเดอร์สัน. Hocus Pocus (1993) | Now, get the spell book. | ตอนนี้, นายต้องรีบไปหยิบหนังสือเวทมนต์. Hocus Pocus (1993) | The magic that brought us back... only works tonight, on All Hallows Eve. | เวทมนต์นั่น พวกเราต้องนำกลับมา... ได้ผลเฉพาะคืนนี้เท่านั้น. Hocus Pocus (1993) | Unfortunately the recipe for that potion is in my spell book, and the little wretches have stolen it! | ไม่โชคดีแล้วสิสูตรยานั่นมันอยู่ในหนังสือเวทมนต์ของฉัน, และเจ้าพวกบ้านั่น ขโมยมันไป Hocus Pocus (1993) | It holds Winifred's most dangerous spells. | มันเต็มไปด้วยเวทมนต์อันตรายของวินนี่เฟรด. Hocus Pocus (1993) | It's protected by magic. | มันถูกป้องกันด้วยเวทมนต์ Hocus Pocus (1993) | - But there's a power greater than your magic, | - พลังของฉันอาจจะดีกว่าเวทมนต์ของแกก็ได้, Hocus Pocus (1993) | I put a spell on you | ฉันจะร่ายเวทมนต์ใส่คุณ Hocus Pocus (1993) | I put a spell on you | ฉันจะร่ายเวทมนต์ใส่คุณ Hocus Pocus (1993) | Generally thought of as the best analyst in the violent crime section. | ..เขาเขียนบทความเรื่อง การฆาตรกรรมต่อเนื่อง กับเวทย์มนต์ ..ซึ่งช่วยให้เกิดการจับกุม คดี Monty Props ได้ในปี 1988. Deep Throat (1993) | I'm workin' in conjunction with the university's psychiatric center. | ผมทำงานร่วมกับฝ่ายจิตเวทย์ของมหาวิทยาลัย Junior (1994) | Your pity, answered the reed, is kind, but unnecessary. | "'ความเวทนาของเจ้า' ต้นอ้อเอ่ย 'ช่างโอบอ้อมอารีแต่หาจำเป็นไม่ Wild Reeds (1994) | So anyway his head is, like, flopping down Broadway. | แต่ยังไงซะ เอ่อ หัวมันเหมือนไหลอยู่บนเวทีบอรดเวย์ The One with the East German Laundry Detergent (1994) | Now, begin thy magic spell. | ตอนนี้ เริ่มต้นเวทมนตร์ของเจ้า Snow White and the Seven Dwarfs (1937) | What a grand bandstand. | อะไรคือเวทีที่ยิ่งใหญ่ Yellow Submarine (1968) | Well, then, why don't you get your friggin' feet off the stage? | งั้นก็เอาเท้าออกไปจากเวที Blazing Saddles (1974) | That poor kid, ending up like that. | น่าเวทนาที่เธอต้องจบชีวิตแบบนั้น. Suspiria (1977) | At first a sort of school of dance and occult sciences. | ในตอนแรกก็เป็น ร.ร.สอนเต้นรำ และเกี่ยวกับเวทมนตร์ไสยศาตร์. Suspiria (1977) | That's all there is, as far as witchcraft is concerned. | เรื่องก็มีอยู่เท่านี้แหละ, เท่าที่ เกี่ยวกับแม่มด เวทมนตร์คาถา. Suspiria (1977) | The school was taken over by her favourite pupil. The study of the occult was abandoned. | ร.ร ก็ตกเป็นของศิษย์คนโปรดของนาง การศึกษาเวทมนตร์ไสยศาสตร์ได้ถูกยกเลิกไป. Suspiria (1977) | I'm convinced that the current spread of belief in magic and the occult... | ผมเชื่อว่าปัจจุบัน ความเชื่อเรื่อง เวทมนตร์และไสยศาสตร์... Suspiria (1977) | He wrote a book called paranoia or magic, and believe me, | เขาเขียนหนังสือ เรื่อง เวทมนตร์ เชื่อผมเถอะ, Suspiria (1977) | A real mistress of magic. | นางคือจอมขมังเวท ตัวจริง. Suspiria (1977) | A woman becomes queen of her magic is a hundred times more powerful... | หญิงที่กลายเป็นราชินีจอมเวทมนตร์ จะมีพลังอำนาจมากกว่าร้อยเท่า... Suspiria (1977) | But magic is ever present. | แต่เวทมนตร์มีอยู่ตลอดเวลา. Suspiria (1977) | Which means that magic is everywhere, | คือเวทมนตร์มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง, Suspiria (1977) | I guess you wanna get your steel guitars and everything set up on stage. | ผมเดาว่าคุณคงตั้งอุปกรณ์ของคุณบนเวที The Blues Brothers (1980) | Claire, get up and turn those stage lights on and get these boys going. | เคล เปิดไฟเวทีเหล่านั้นให้พวกเขาเหล่านี้เริ่ม The Blues Brothers (1980) | Hitler's a nut on the subject, crazy. He's obsessed with the occult. | ฮิตเลอร์กำลังคลั่งเรื่องนี้อยู่ เขาเป็นบ้า เขาถูกเวทมนตร์ครอบงำ Indiana Jones and the Raiders of the Lost Ark (1981) | We've known each other for a long time. I don't believe in hocus-pocus. | เรารู้จักกันมานานมาก ผมไม่เชื่อ เรื่องเวทมนตร์ หรืออำนาจพิเศษ Indiana Jones and the Raiders of the Lost Ark (1981) | I took one of his magic markers, and I said: | ผมเอาปากกาเวทมนตร์ของตนและพูดว่า First Blood (1982) | Grandma loved to practice sorcery. | ยายชอบฝึกเวทมนตร์ Idemo dalje (1982) | He's a very powerful magician. | เขามีพลังเวทย์มนต์เยอะนะ Return to Oz (1985) | Dorothy has punished her by removing her magical powers, and a witch with no magic is a miserable creature indeed. | ดอโรธี ลงโทษเธอโดยการ เอาผงแห่งชีวิตของเธอไป และแม่มดที่ไม่มีเวทย์มนต์ ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ประหลาด Return to Oz (1985) | What kind of magic spell to use | ต้องใช้เวทยมนต์อะไรดี Labyrinth (1986) | - Dance, magic - Dance, magic, dance | เต้นรำไปกับเวทยมนต์ เต้นรำไปกับเวทยมนต์ เต้นรำ Labyrinth (1986) | - Dance, magic, dance - Dance, magic, dance | เต้นรำไปกับ เวทยมนต์ เต้นรำไปกับเวทยมนต์ เต้นรำ Labyrinth (1986) | Put that baby spell on me | ให้เจ้าเด็กน้อยนั้นร่ายเวทยมนต์ใส่ฉัน Labyrinth (1986) |
| อายุรเวท | [āyurawēt] (n) EN: medical science ; science of healing FR: sciences médicales [ fpl ] ; médecine [ f ] | ใช้เวทมนตร์ | [chai wētmon] (v, exp) FR: ensorceler | ด้วยกตเวที | [dūay katawēthī] (adv) EN: gratefully | กตัญญูกตเวที | [katanyūkatawēthī] (n) EN: gratitude ; grateful | กตเวที | [katawēthī] (n) EN: grateful person ; appreciative person | กตเวทิตา | [katawēthitā] (v) EN: be grateful for sb.'s kindness ; be bound in gratitude | ละครเวที | [lakhøn wēthī] (n) EN: play ; stageplay | ผู้กำกับเวที | [phūkamkap wēthī] (n, exp) EN: stage manager | รสายนเวท | [rasāyanawēt] (n) EN: alchemy FR: alchimie [ f ] | โรงพยาบาลปิยะเวท | [Rōngphayābān Piyawēt] (tm) EN: Piyavate Hospital FR: hôpital Piyavate [ m ] | แสดงกตเวที | [sadaēng katawēthī] (v, exp) EN: be grateful to ; show gratitude (to/for) | เวท | [wēt] (n) EN: sorcery ;magic ; incantation spell ; charm ; magic, formula FR: incantation [ f ] | เวท | [wēt] (n) EN: religious knowledge ; religious learning | เวท | [wēt] (n) EN: Caturveda ; Four Vedas ; Veda of Hinduism | เวที | [wēthī] (n) EN: stage ; arena ; platform ; rostrum ; ring ; dais FR: scène [ f ] ; estrade [ f ] ; tribune [ f ] ; chaire [ f ] ; ring [ m ] | เวที | [wēthī] (n) EN: center ; agora ; forum FR: forum [ m ] | เวทีการเมือง | [wēthī kānmeūang] (n, exp) EN: political stage ; political arena FR: arène politique [ f ] | เวทีมวย | [wēthī mūay] (n, exp) EN: boxing ring ; prize ring FR: ring de boxe [ m ] | เวทมนตร์ | [wētmon] (n) EN: magic ; sorcery ; incantation ; spell ; black magic ; witchcraft FR: magie [ f ] ; sorcellerie [ f ] | เวทนา | [wētthanā = wēthanā] (v) EN: pity ; have compassion on ; sympathize with FR: compatir ; s'apitoyer |
| exegete | (n) อรรถกถาจารย์ - ผู้เขียนหนังสืออธิบายข้อพระคัมภีร์ของศาสนาต่างๆ เช่นหนังสืออธิบายข้อพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ หรือหนังสืออธิบายข้อพระธรรมเบญจบรรณ หรือหนังสืออธิบายพระไตรปิฏก หรือหนังสืออธิบายคัมภีร์พระเวท หรือหนังสืออธิบายคัมภีร์อัลกุรอ่านก็ได้ทั้งนั้น, Syn. commentator |
| acting | (adj) เพื่อใช้สำหรับแสดงบนเวทีละคร | agora | (n) เวที | arena | (n) สนามกีฬา, See also: สังเวียน, เวที, Syn. field, ground, coliseum | ache for | (phrv) เวทนา, See also: สงสาร, Syn. feel for | backstage | (adv) อยู่ (หรือไป) หลังเวที, See also: อยู่ หรือไป หลังฉาก, ถอยไปอยู่หลังฉาก, Syn. offstage | backstage | (adj) ซึ่งอยู่หลังเวที, See also: ซึ่งอยู่หลังฉาก, Syn. behind-the-scenes | black magic | (n) เวทมนตร์ชั่วร้าย, See also: คาถาที่ใช้ในทางชั่วร้าย, คุณไสย, Syn. conjuration, enchantment | bowl | (n) เวที | cabaret | (n) การแสดงบนเวที (เช่น การเต้นรำ) | callboy | (n) ผู้ที่ทำหน้าที่เรียกนักแสดงขึ้นเวที | charm | (n) การร่ายเวทย์มนตร์, See also: การร่ายคาถา | charm | (vt) ใช้เวทมนตร์คาถาหรือยันต์คุ้มครอง | charm | (n) เวทย์มนตร์, See also: เวทย์, มนตร์, คาถา, Syn. spell, magic spell | charm | (vt) สะกดด้วยเวทมนตร์คาถา, See also: สะกดมนตร์, Syn. becharm | charming | (adj) ที่ใช้เวทย์มนตร์, See also: ซึ่งใช้คาถาหรือเวทย์มนตร์, ที่ใช้พลังจิต, Syn. magic, magical, sorcerous, witching, wizard, wizardly | cockpit | (n) เวทีชนไก่ | conjuration | (n) เวทมนตร์, Syn. magic spell, incatation | conjure | (n) ร่ายเวทมนตร์ | conjuror | (n) ผู้ที่ร่ายเวทมนต์, Syn. conjurer, magician, sorcerer | charm with | (phrv) ทำให้หลงเสน่ห์ด้วยเวทมนตร์, See also: ทำให้หลงใหล, Syn. enchant by | conjure away | (phrv) ทำให้หายเป็นปลิดทิ้ง (ราวกับใช้เวทมนตร์) | conjure up | (phrv) ทำให้หายเป็นปลิดทิ้ง (ราวกับใช้เวทมนตร์) | dais | (n) เวที, See also: ปะรำ, ยกพื้น, Syn. platform | dance floor | (n) เวทีสำหรับเต้นรำ, See also: ฟลอร์เต้นรำ | elfin | (adj) มีเสน่ห์, See also: มีเวทมนต์, Syn. charming, magical | footlights | (n) แสงไฟหน้าเวที | go off | (phrv) ออกจาก (เวที, ฉาก, นักแสดง) | go on with | (phrv) ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกับ | go on | (phrv) เกิดขึ้นบน (เวที หรือสนามกีฬา), Syn. come on | go up | (phrv) (ม่านบนเวที)เปิดเพื่อเริ่มการแสดง, See also: ม่านยกสูงขึ้นเพื่อเริ่มการแสดง | hex | (n) คำสาป, See also: เวทมนตร์คาถา, Syn. curse, jinx, spell | take the floor | (idm) เดินไปยังเวทีเต้นรำ | incantation | (n) คาถา, See also: เวทมนตร์, อาคม, คำสวด, Syn. rune | kindness | (n) ความสงสาร, See also: ความเวทนา, Syn. compassion | light heavyweight | (n) นักมวยรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท (มีน้ำหนักไม่เกิน 79.39 กิโลกรัม) | limelight | (n) ไฟสำหรับฉายตัวละครบนเวทีสมัยก่อน, Syn. spotlight | magic | (n) เวทมนตร์, See also: อิทธิฤทธิ์, อำนาจวิเศษ, Syn. sorcery | magical | (adj) วิเศษ, See also: มหัศจรรย์, ซึ่งมีเวทมนตร์, Syn. charming, magic, Ant. natural | magically | (adv) อย่างมีเวทมนตร์, See also: อย่างน่ามหัศจรรย์ | magician | (n) ผู้มีเวทมนตร์, See also: พ่อมด, ผู้มีคาถาอาคม, Syn. sourcerer, wizard | mise en scene | (n) การจัดฉากบนเวที | mystic | (n) ผู้มีเวทย์มนต์ | mystical | (adj) เกี่ยวกับเวทย์มนต์, See also: เกี่ยวกับอาคมขลัง | mystically | (adv) อย่างมีเวทย์มนต์, Syn. spiritually | mysticalness | (n) การมีเวทย์มนต์, See also: การร่ายเวทย์มนต์ | mysticism | (n) การมีเวทย์มนต์, See also: การร่ายเวทย์มนต์, Syn. ontologism, orphism, spiritualism | mysticize | (vt) ทำให้เกิดเวทย์มนต์, See also: ร่ายมนต์ | necromancer | (n) ผู้มีเวทมนตร์, See also: หมอผี, Syn. sorcerer, conjuror | necromancy | (n) เวทมนตร์คาถา, See also: มนตร์ดำ, เวทมนตร์, คาถาอาคม, อาคม, Syn. black magic, haumaturgy, wizardry | necromancy | (n) การใช้เวทมนตร์, Syn. sorcery, wizardry |
| a gogo | (อาโก' โก) มากเท่าที่คุณต้องการ, ไม่มีขอบเขต, เดินเพ่นพ่าน, จังหวะเต้นรำอะโกโก้, เวที่เต้นรำจังหวะอะโกโก้, Syn. a Go go, a go-go, au gogo | ache | (เอค) vi., n. รู้สึกปวด, สงสาร, เวทนา, อยาก, ความปวด. -achingly adv., Syn. suffer, yearn, hurt, want | activate | (แอค' ทิเวท) vt. กระตุ้น, ทำให้เกิดภาวะกัมมันตภาพรังสี. -activator n. | aestivate | (เอส' ทิเวท) vi. ผ่านฤดูร้อน, นอนในฤดูร้อน. -aestivation n. -aestivator n. | aggravate | (แอก' ระเวท) vt. ทำให้เลวขึ้นหรือรุนแรงขึ้น, รบกวน, ทำให้ระคายเคือง, ทำให้โมโห. -aggravatingly adv. -aggravative adj. -aggravator n. -aggravation n. | apron | (เอ'พรอน) n. ผ้ากันเปื้อนส่วนหน้าของร่างกาย โดยคาดไว้ที่เอว, กะบังโลหะ, ลานจอดเครื่องบิน, ที่กำบัง, ที่ค้ำ, หน้าเวที, Syn. bib, pinafore | arena | (อะรี'นะ) n. สนามกีฬา, สังเวียน, เวที | arena theatre | โรงละครที่มีเวทีและมีอย่างน้อยสามด้านที่ล้อมเวที | await | (อะเวท') vt., vi. คอย, รอคอย, เฝ้าคอย, กำลังคอยอยู่. -awaiter n., Syn. wait for | aweight | (อะเวท') adj. เพิ่งยกสมอเรือขึ้น, เพิ่มจะพ้นน้ำ, เพิ่มพ้นจากกันน้ำ (atrip) | bandstand | (แบน'สแทนดฺ) n. เวทีวงดนตรีที่ยกขึ้น, Syn. platform -pl. bandsmen | bantamweight | (แบน'เทิมเวท) n. นักมวยรุ่นแบนตัมเวท (อยู่ระหว่างไฟลเวทกับเฟทเธอร์เวท) | bewitch | (บิวิทชฺ') { bewitched, bewitching, bewitches } vt. ทำให้หลงเสน่ห์, ทำให้เคลิบเคลิ้ม, ใช้อำนาจเวทมนตร์สะกด, ทำให้ต้องมนต์สะกด, See also: bewitcher n. ดูbewitch bewitchery n. ดูbewitch bewitchment n. ดูbewitch, Syn. charm | black art | n. เวทมนตร์ คาถา | black magic | n. เวทมนตร์, คาถา | board | (บอร์ดฺ) { boarded, boarding, boards } n. ไม้กระดาน, แผ่นกระดาน, แผ่นกระดาษแข็ง, กระดานหมากรุก, ข้างเรือ, ค่าอาหาร, อาหาร, ที่พัก, โต๊ะประชุม, โต๊ะอาหาร, เวที, คณะกรรมการ, สภา, กลุ่มผู้บริหารของหน่วยงาน, แป้นสวิตช์ไฟฟ้าบนผลฝาผนัง, ขอบ, ข้าง vt. ใช้กระดานปู, บริการอาหาร, บริการ แผงวงจรแผงหมายถึง แผ่นพลาสติกที่มีการติดตั้งวงจรไฟฟ้าซึ่งใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แผงเหล่านี้จะทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น แผงวงจรเร่งความเร็ว (accelerator board) จะมีตัวประมวลผลที่ทำงานเร็วกว่าตัวประมวลผลทีมีอยู่เดิม แผงวงจรภาพ (video board) แผงวงจรเสียง (sound board) ก็จะเป็นตัวเพิ่มภาพและเสียง เป็นต้น | callboy | (คอล'บอย) n. พนักงานชายบริการในโรงแรม, พนักงานคอยเรียกผู้แสดงขึ้นเวที | canvas | (แคน'เวิส) n. ผ้าใบ, ภาพเขียนน้ำมันบนผ้าใบ, เต๊นท์, ผ้าใบของเรือ, ใบเรือ, พื้นเวทีมวย -Id. (kiss the canvas ถูกชกล้ม) | captivate | (แคพ'ทิเวท) { captivated, captivating, captivates } vt. จับใจ, ประทับใจ., See also: captivation n. ดู captivate captivative adj. ดู captivate, captivator, captivate, Syn. charm | catchweight | (แคช เวท) n. น้ำหนักที่เลือกได้ | catharmos | n. เวทมนตร์รักษาโรค | charm | (ชาร์ม) { charmed, charming, charms } n. เสน่ห์, เครื่องราง, เวทมนตร์คาถา, สิ่งประดับกระจุ๋มกระจิ๋ม, การท่องคาถาอาคม -vt.ดึงดูดใจ, ใช้เวทมนตร์คาถา, ทำเสน่ห์ -vi. ประทับใจ, หลงเสน่ห์, ใช้เวทมนตร์คาถา., See also: charmedly adv. charmer n. คำที่มีความหมาย | charming | (ชาร์ม'มิง) adj. มีเสน่ห์, ซึ่งทำให้หลงใหล, ซึ่งใช้อำนาจเวทมนตร์., See also: charmingly adv., Syn. enchanting | civet | (ซิฟ'เวท) n. ชะมด | commiserate | (คะมิซ'ซะเรท) { commiserated, commiserating, commiserates } vt., vi. แสดงความเสียใจกับ, เห็นใจ, สงสาร, สังเวช, เวทนา., See also: commiseration n. ดูcommiserate, Syn. pity, sympathize | commiserative | (คะมิซ'ซะเรทิฟว) adj. เกี่ยวกับการสงสาร (เห็นอกเห็นใจ สังเวช เวทนา) | compassion | (คัมแพซ'เชิน) n. ความสงสาร, ความเวทนา, ความเห็นอกเห็นใจ, Syn. pity | compassionate | (คัมแพช'เชินเนท) adj. มีความสงสาร, มีความเวทนา, มีความเห็นอกเห็นใจ, See also: compassionateness n.ดูcompassionate, Syn. tender-hearted, sympathetic, Ant. ruthless | conjuration | (คอนจฺเร'เชิน) n การอ้อนวอน, การอธิษฐาน, การเรียกผี, เวทมนตร์คาถา, การเล่นกล, Syn. incantation, spell, magic | conjure | (คอน'เจอะ) vt. อ้อนวอน, วิงวอน, ร่ายเวทมนตร์คาถา, เล่นกล vi. ร่ายเวทมนตร์, เรียกผ, Syn. beg, appeal, enchant, charm | covet | (คัฟ'เวท) { coveted, coveting, covets } vt. โลภ, ปรารถนา (ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น) อย่างไม่เหมาะสม, อยากได้มาก vi. ปรารถนา (อย่างไม่เหมาะสม), See also: coveter n. ดูcovet, Syn. desire, lust, Ant. relinquish | cultivate | (คัล'ทะเวท) { cultivated.cultivating, cultivates } vt. เพาะปลูก, เพาะ, ปลูก (พืช) , เลี้ยง, พัฒนาหรือทำให้ดีขึ้น อุทิศตัวให้กับ | cuvette | (คัทเวท) n. หลอดแก้วเล็ก ๆ ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ | dais | (เด'อิส) n. เวที, ปะรำ, ยกพื้น, แท่นบรรยาย, โต๊ะบรรยาย | deactivate | (ดีแอค'ทะเวท) vt. ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้, ยับยั้งฤทธิ์ของ, ทำให้ใช้การไม่ได้, ทำให้ไม่ได้ผล vi. สูญเสียกัมมันตรังสี., See also: deactivator n. ดูdeactivate deactivation n. ดูdeactivate | diviner | (ดิไว'เนอะ) n. ผู้พยากรณ์, ผู้ทำนาย, ผู้คาดการณ์, หมอเวทมนตร์, Syn. soothsayer | elevate | (เอล'ละเวท) vt., adj. ยกขึ้น, เลื่อนตำแหน่ง, บำรุงน้ำใจ, Syn. lift up | elevated | (เอล'ละเวทิด) adj. สูงขึ้น, เลื่อนขึ้น, มีฐานะ ตำแหน่งหรือยศที่สูงขึ้น, สูงส่ง, มีความรู้สูงขึ้น, ปีติยินดี, ลิงโลด, Syn. lofty, exalted | enervate | (เอน'เนอเวท) vt. ตัดกำลัง, ทำให้อ่อนกำลัง -adj. ซึ่งอ่อนกำลัง., See also: enervation n. ดูenervate enervative adj. ดูenervate enervator n. ดูenervate | enervated | (เอน'เนอเวทิด) adj. ไร้พลังงาน, หมดกำลัง, อ่อนเปลี้ยเพลียแรง, Syn. weak | excavate | (เอคซฺ'คะเวท) vt. เจาะ, ขุด, ขุดรู, ขุดอุโมงค์, | exit | (เอค'ซิท, เอค'ซิท) n. ทางออก, ประตูฉุกเฉิน, การจากไป, การลงจากเวที, การตาย. vi. ออกไป, จากไป, ลงจากเวที, ตาย. -make one's exit ออกไป, จากไป, Syn. outlet, ออกทางออกหมายถึงคำสั่งที่ผู้ใช้โปรแกรมใช้ เมื่อต้องการหยุดหรือเลิกใช้โปรแกรมนั้นเพื่อกลับออกไปสู่ระบบปฏิบัติการ operating systems หลังจากที่ใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมต่าง ๆ ของแมคอินทอชมักจะใช้คำว่า Quit แทน ซึ่งก็มีความหมายเหมือนกัน ในระบบวินโดว์ของพีซี ทุกโปรแกรมจะมีคำสั่งนี้ไว้ให้เลือกใต้เมนู File ซึ่งเป็นคำสั่งกลับออกไปยังระบบวินโดว์นั้นเอง | fetish | (เฟท'ทิช) เครื่องราง, สิ่งที่เชื่อว่ามีอำนาจเวทมนตร์, สิ่งที่นับถือทางไสยศาสตร์., Syn. fetich, talisman, amulet | fey | (เฟ) adj. เหนือหลักธรรมชาติ, เกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา, ประหลาด, ซึ่งล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า | flyweight | (ไฟล'เวท) n. นักกีฬาที่มีน้ำหนักไม่เกิน 112 ปอนด์ | gramarye | (แกรม'มะรี) n. วิทยากล, เวทมนตร์คาถา, See also: gramary adj., Syn. magic | heavyweight | (เฮฟ'วิเวท) adj. หนัก, หนักเป็นพิเศษ, เกี่ยวกับนักมวยหรือนักมวยปล้ำรุ่นหนัก (เกิน175 ปอนด์) n. นักมวยหรือมวยปล้ำรุ่นดังกล่าว, คนที่มีอิทธิพลมาก, คนที่ฉลาดมาก | highlight | (ไฮ'ไลทฺ) vt. เน้น, ทำให้เด่น, ฉายแสงจ้าไปที่. n. เหตุการณ์ที่สำคัญ, บริเวณที่มีแสงสว่างจ้าที่สุดบนเวที, Syn. core, crux | inactivate | (อินแอค' ทะเวท) vt. ทำให้เฉื่อยชา, ทำให้ขี้เกียจ, หยุดยั้งการปฏิบัติงานของ., See also: inactivation n. | incantation | (อินแคนเท' เชิน) n. การร่ายเวทมนตร์, การเสกเป่า, คาถา, เวทมนตร์คาถา, พิธีร่ายเวทมนต์คาถา., See also: incantational adj. incantatory adj. |
| abject | (adj) น่าสังเวช, น่าเวทนา, น่าอนาถ, ต่ำต้อย | abjection | (n) สภาพที่น่าอนาถ, สภาพที่น่าเวทนา, สภาพที่น่าสังเวช | abjectly | (adv) อย่างน่าอนาถ, อย่างน่าเวทนา, อย่างน่าสมเพช | backdrop | (n) ฉากหลัง, ม่านหลังเวที | backstage | (adv) หลังเวที, หลังฉาก, อย่างลับๆ, ส่วนตัว | BLACK black art | (n ) คาถาอาคม, เวทมนตร์ | BLACK black magic | (n) คาถา, เวทมนตร์ | cabbala | (n) คาถาอาคม, เวทมนตร์คาถา, สิ่งลึกลับ | canvas | (n) ผ้าใบ, เต็นท์, พื้นเวทีมวย, ภาพ | commiseration | (n) ความสงสาร, ความเวทนา, ความสังเวช, ความเห็นอกเห็นใจ | compassion | (n) ความสงสาร, ความสมเพช, ความเวทนา, ความเห็นอกเห็นใจ | compassionate | (adj) มีความสงสาร, มีความเห็นอกเห็นใจ, มีความเวทนา | conjuration | (n) การร่ายคาถา, การอ้อนวอน, การปลุกผี, การใช้เวทมนตร์, การเรียกผี | conjure | (vi) ร่ายเวทมนตร์, เรียกผี, ปลุกผี, เล่นกล | dais | (n) เวที, แท่นยกพื้น, โต๊ะบรรยาย, ปะรำ | deplorable | (adj) น่าสังเวช, น่าเวทนา, น่าเสียใจ, น่าตำหนิ | deplore | (vt) สังเวชใจ, เวทนา, เสียใจ, เศร้าใจ | footlights | (n) ไฟฟ้าหน้าเวที | incantation | (n) คาถา, เวทมนตร์, การเสกเป่า, การร่ายมนตร์ | kiosk | (n) แผงขายหนังสือพิมพ์, ตู้โทรศัพท์, ปะรำ, ศาลาพักร้อน, เวทีดนตรี | magic | (adj) เกี่ยวกับเวทมนตร์, อาถรรพณ์, วิเศษ, น่าอัศจรรย์ | magic | (n) เวทมนตร์คาถา, มนตร์ดำ, อาถรรพณ์, อำนาจลึกลับ | magical | (adj) ขลัง, วิเศษ, น่าหลงใหล, เกี่ยวกับเวทมนตร์ | magician | (n) ผู้ใช้เวทมนตร์, ผู้วิเศษ, หมอผี, นักมายากล | mystic | (adj) ลึกลับ, เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา, เกี่ยวกับอาคม, เกี่ยวกับเวทมนตร์ | mystical | (adj) ลึกลับ, เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา, เกี่ยวกับอาคม, เกี่ยวกับเวทมนตร์ | occult | (adj) ซ่อนเร้น, ลึกลับ, เกี่ยวกับเวทมนตร์, เกี่ยวกับผีสาง, ลี้ลับ | piteous | (adj) น่าเวทนา, น่าสงสาร, น่าสังเวช | pitiable | (adj) น่าสงสาร, น่าสมเพช, น่าเวทนา | pitiful | (adj) น่าสงสาร, น่าสมเพช, น่าเวทนา | pity | (n) ความสงสาร, ความเวทนา, ความเมตตา, ความสมเพช, ความเห็นใจ | pity | (vt) สงสาร, เวทนา, เมตตา, สมเพช, เห็นใจ | platform | (n) ชานชาลา, เวที, ยกพื้น, แท่น, ดาดฟ้า | pulpit | (n) เวที, มุข, ธรรมาสน์ | rostrum | (n) พลับพลา, เวทีพูด, ยกพื้น | rueful | (adj) สลดใจ, เสียใจ, น่าสงสาร, น่าเวทนา, ละห้อย | scene | (n) ฉาก, ภาพ, เวที, ตอน, เหตุการณ์, เรื่องราว, ทัศนียภาพ | sorcery | (n) อาคม, คาถา, เวทมนตร์ | spell | (n) เสน่ห์, ระยะเวลา, อาคม, เวทมนตร์, คาถา, คำสาป | spellbound | (adj) ถูกอาคม, ตะลึง, หลงใหล, ถูกเวทมนตร์, เคลิบเคลิ้ม | therapeutic | (adj) ทางการรักษา, ในทางอายุรเวท, เกี่ยวกับการบำบัดโรค | therapy | (n) การรักษาโรค, อายุรเวท, การบำบัดโรค | touching | (adj) น่าส่งสาร, น่าเวทนา, ประทับใจ, มีผลกระทบ | tribune | (n) ผู้พิทักษ์ประชากร, เวทีอภิปราย | wing | (n) ปีก, กองบินน้อย, บังโคลนรถ, ฉากข้างเวที, ฝ่าย, ซีก | witchcraft | (n) เวทมนตร์, คาถา, เสน่ห์, มารยา, การเลี้ยงผี, ความงดงาม | witchery | (n) คาถา, อาคม, เวทมนตร์, เสน่ห์, มารยา | wizard | (n) พ่อมด, นักมายากล, ผู้วิเศษ, ผู้มีเวทมนตร์ | wretchedness | (n) ความยากจน, ความชั่วร้าย, ความเคราะห์ร้าย, ความน่าเวทนา |
| Athame | [อธาเม] (uniq) มีดสั้นสองคม ทั้งซ้ายและขวา มีด้ามจับสีดำ ที่สำคัญคือนิยมใช้ คาสวงกลมและลบล้างด้วย คุณสมบัติสามารถนำดาบเวทย์ใช้แทนกันได้ เป็นอุปกรณ์ ธาตุไฟ สำหรับหลายๆธรรมเนียม | curtain call | (n) เวลาที่ผู้แสดงออกมายืนหน้าเวทีหลังจบการแสดงเพื่อรับคำขอบคุณ | elf | [เอลฟฺ] (n) เอลฟ์ ตัวละครในนิยายแฟนตาซีหรือเกมคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ มีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่สูงโปร่งและงดงามกว่า ผิวและเรือนผมสีอ่อน ใช้ชีวิตได้ยาวนานเป็นพันๆปีจนเหมือนเป็นอมตะ มักสร้างอาณาจักรอยู่ในป่าเขา โดยมากมีเวทมนตร์, See also: dwarf, Syn. elven | filial piety | (n) ความกตัญญูกตเวที | mantras | (n) มนตรา เวทย์มนต์ | ป้ายรางวัล | แผ่นบ้ายที่ใช้มอบรางวัลบนเวที |
| 呪文 | [じゅもん, jumon] (n) เวทมนต์, คาถา |
| 結界 | [けっかい, kekkai] (n) สิ่งกีดขวาง, สิ่งยับยั้ง (มักใช้กับเวทมนตร์หรือจิตวิญญาณ) | 舞台 | [ぶたい, butai] (n) สเทจฺ) n. เวที, เวทีละคร, ศิลปะละคร, ร้าน, แท่น, รถม้าโดยสาร, ระยะการเจริญเติบโต, ตอน, ระยะ, สมัย, ช่วง, โป๊ะ, ท่าเรือพื้นราบ, ชั้น, ขั้น, ขั้นบันได vt. แสดงละคร, นำขึ้นแสดง -Phr. (the stage อาชีพการแสดงละคร) | 魔法使い | [まほうつかい, mahoutsukai] (n) นักเวทย์, ผู้ใช้เวทย์มนต์, พ่อมด, แม่มด, ผู้ใช้เวทมนตร์คาถา, See also: S. 魔法遣い, 魔法使 |
| Bühne | (n) |die, pl. Bühnen| เวที | Laufsteg | (n) |der, pl. Laufstege| เวทีเดินแบบ, ทางเดินยาวแคบใช้ในการเดินแฟชั่น เช่น Auf dem Laufsteg ist Topmodel Gisele Bündchen im Moment nicht häufig zu sehen. |
| | éxgèse | (n) หนังสืออธิบายพระคัมภีร์ของศาสนาต่างๆ อย่างเช่น พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ หนังสือเบญจบรรณ พระคัมภีร์อัลกุรอ่าน พระไตรปิฏก หรือคัมภีร์พระเวท เป็นต้น |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |