ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: เผชิญ, -เผชิญ- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ |
| มาริลิน มอนโร (อังกฤษ: Marilyn Monroe) หรือชื่อเกิด นอร์มา จีน มอร์เทนสัน (อังกฤษ: N | [มาริลิน มอนโร (อังกฤษ: Marilyn Monroe) หรือชื่อเกิด นอร์มา จีน มอร์เทนสัน (อังกฤษ: N] (n, vi, vt, modal, verb, aux, verb, adj, adv, prep, conj, pron, phrase, jargon, slang, colloq, vulgar, abbrev, name, o) มาริลิน มอนโร (อังกฤษ: Marilyn Monroe) หรือชื่อเกิด นอร์มา จีน มอร์เทนสัน (อังกฤษ: Norma Jeane Mortenson) เกิดวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1926 – 5 สิงหาคม ค.ศ. 1962) เป็นอดีตนักแสดง นักร้อง นางแบบชาวอเมริกัน มีชื่อเสียงจากบทบาท "dumb blonde" เธอกลายเป็นสัญลักษณ์ทางเพศที่ได้รับความนิยมในคริสต์ทศวรรษ 1950 เป็นสัญลักษณ์ของทัศนคติที่มีต่อเพศแห่งยุค แม้ว่าเธอได้เป็นนักแสดงระดับต้น ๆ เพียงแค่หนึ่งทศวรรษ ภาพยนตร์ของเธอทำรายได้ได้ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐก่อนที่เธอจะเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดใน ค.ศ. 1962[ 1 ] เธอยังถือว่าเป็นสัญรูปของวัฒนธรรมสมัยนิยมหลัก ๆ นับแต่นั้นมา[ 2 ] มอนโรเกิดและเติบโตในลอสแอนเจลิส วัยเด็กเธออาศัยอยู่ในบ้านรับเลี้ยงเด็ก และสถานเด็กกำพร้า และสมรสครั้งแรกเมื่ออายุ 16 ปี ขณะทำงานในโรงงานเป็นส่วนหนึ่งของกำลังสงคราม ใน ค.ศ. 1944 เธอพบกับช่างภาพคนหนึ่ง และเริ่มทำอาชีพนางแบบ งานของเธอทำให้เธอได้เซ็นสัญญากับภาพยนตร์ขนาดสั้น 2 เรื่องกับค่ายทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์ (1946-1947) และโคลัมเบียพิกเจอส์ (1948) หลังจากรับบทย่อยในภาพยนตร์จำนวนหนึ่ง เธอเซ็นสัญญาใหม่กับฟอกซ์ใน ค.ศ. 1951 เธอกลายเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยบทบาทตลกขบขันหลายบทบาท เช่นในเรื่อง แอสยังแอสยูฟีล (1951) และมังกีบิสเนส (1952) และในภาพยนตร์ดรามาเรื่อง แคลชบายไนต์ (1952) และ โดนต์บาเดอร์ทูน็อก (1952) มอนโรเผชิญหน้ากับข่าวลือหลังจากมีการเปิดเผยว่าเธอเคยถ่ายแบบเปลือยก่อนมาเป็นนักแสดง แต่แทนที่จะทำลายอาชีพเธอ มันกลับทำรายได้ให้กับบอกซ์ออฟฟิศ ก่อน ค.ศ. 1953 มอนโรเป็นหนึ่งในดาราฮอลลิวูดที่มีบทบาทนำในภาพยนตร์ 3 เรื่อง ได้แก่ ฟิล์มนัวร์ เรื่อง ไนแอการา (ภาพยนตร์ ค.ศ. 1953)|ไนแอการา ซึ่งมุ่งจุดสนใจที่เสน่ห์ทางเพศของเธอ และภาพยนตร์ตลกเรื่อง เจนเทิลเม็นพรีเฟอร์บลอนส์ และ ฮาวทูแมร์รีอะมิลเลียนแนร์ ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ให้เธอเป็น "dumb blonde" แม้ว่าเธอจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างและจัดการภาพลักษณ์สาธารณะของเธอตลอดอาชีพการทำงาน เธอรู้สึกผิดหวังต่อสตูดิโอที่ไทป์แคสต์ และการให้ค่าตัวเธอต่ำไป เธอถูกพักงานเป็นช่วงสั้น ๆ ในต้นปี ค.ศ. 1954 เนื่องจากเธอปฏิเสธโครงการทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่กลับมาเป็นดาราในภาพยนตร์เรื่องที่ประสบความสำเร็จที่สุดเรื่องหนึ่งคือ เดอะเซเวนเยียร์อิตช์ (1955) เมื่อสตูดิโอยังลังเลที่จะเปลี่ยนแปลงสัญญาของเธอ มอนโรก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ใน ค.ศ. 1954 ชื่อ มาริลิน มอนโร โพรดักชันส์ (MMP) ขณะก่อสร้างบริษัท เธอเริ่มศึกษาการแสดงที่แอกเตอส์สตูดิโอ ในปลายปี ค.ศ. 1955 ฟอกซ์มอบฉันทะให้เธอควบคุมและให้เงินเดือนสูงขึ้น หลังจากได้รับคำสรรเสริญจากการแสดงในเรื่อง บัสสต็อป (1956) และการแสดงในภาพยนตร์อิสระเรื่องแรกของบริษัท MMP เรื่อง เดอะพรินซ์แอนด์เดอะโชว์เกิร์ล (1957) เธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำจากเรื่อง ซัมไลก์อิตฮอต (1959) ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเธอที่ถ่ายทำจนเสร็จคือเรื่อง เดอะมิสฟิตส์ (1961) |
| เผชิญ | (v) confront, See also: face, brave, meet, Syn. ประเชิญ, ชนกัน, ปะทะกัน, ต่อกัน, Example: พม่ากำลังเผชิญกับปัญหาภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง, Notes: (เขมร) | เผชิญภัย | (v) face danger, See also: face calamity or disaster, confront with danger, Syn. ผจญภัย, Example: ่พวกเรารู้ว่าทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายจึงเตรียมตัวเผชิญภัยไว้ล่วงหน้าแล้ว, Thai Definition: เจออันตรายเฉพาะหน้า, กล้าเสี่ยงภัยโดยรู้ว่าจะมีอันตราย | เผชิญภัย | (v) face danger, See also: confront with danger, meet with the danger, Syn. ประสบภัย, Example: พวกเราพร้อมที่จะเผชิญภัยกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า, Thai Definition: เจออันตรายเฉพาะหน้า, กล้าเสี่ยงภัยโดยรู้ว่าจะมีอันตราย | กล้าเผชิญ | (v) brave, See also: confront, dare, Syn. กล้าหาญ, กล้า, Ant. ขี้ขลาด, Example: เมื่อทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับและกล้าเผชิญกับบทลงโทษ | เผชิญหน้า | (v) face, See also: meet, encounter, confront, Syn. ประจันหน้า, Example: พวกเรากำลังจะเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย เพื่อชี้แจงจุดประสงค์ให้ฟัง, Thai Definition: พบเจอกันหรือปะทะกันซึ่งๆ หน้า | เผชิญความจริง | (v) confront the truth, See also: face reality, Syn. สู้กับความจริง, Example: ผู้ที่ปรับตัวได้ดีจะเผชิญความจริงอย่างกล้าหาญ โดยไม่พยายามบิดเบือนความจริงต่อผู้อื่น, Thai Definition: ยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน |
| เผชิญ | (ผะเชิน) ก. ประเชิญ, ชนกัน, ปะทะกัน, ต่อกัน. | เผชิญภัย | ก. เจออันตรายเฉพาะหน้า, กล้าเสี่ยงภัยโดยรู้ว่าจะมีอันตราย. | เผชิญหน้า | ก. เจอกันซึ่งหน้า (ใช้แก่ผู้ที่ไม่ชอบหน้ากัน). | กำลังใจ | น. สภาพของจิตใจที่มีความเชื่อมั่นและกระตือรือร้นพร้อมที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ทุกอย่าง. | เข้าหน้า | ก. เผชิญหน้า เช่น ไม่กล้าเข้าหน้า. | ตายดาบหน้า | ก. เสี่ยงหนีเหตุการณ์ร้ายปัจจุบันไปเผชิญชีวิตข้างหน้า, มีทิฐิมานะที่จะต่อสู้กับเคราะห์กรรมเอาข้างหน้า, เสี่ยงทำไปก่อน แล้วค่อยคิดแก้เหตุการณ์ภายหลัง. | ประจัน | ประชัน, ประเชิญ, เผชิญ, เช่น หันหน้าประจันกัน | ประจันหน้า | ก. เผชิญหน้ากัน, อยู่ต่อหน้ากัน. | ไปตายดาบหน้า, ไปตายเอาดาบหน้า | ก. ยอมไปเผชิญกับความทุกข์และความลำบากข้างหน้า. | รอหน้า | ก. เข้าหน้า, เผชิญหน้า, (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น รอหน้าไม่ติด ไม่อยู่รอหน้า. | รับหน้า | ก. เผชิญหน้า, รอหน้า, เช่น ส่งเด็กไปรับหน้าเจ้าหนี้ไว้ก่อน. | ลัดเลาะ | ก. หลีกเลี่ยงเพื่อไปให้เร็วขึ้นหรือเพื่อไม่ให้เผชิญกับสิ่งกีดขวาง เช่น เดินลัดเลาะไปตามตลิ่ง เดินทางลัดเลาะหลบข้าศึก, เลาะลัด ก็ว่า. | เลาะลัด | ก. หลีกเลี่ยงเพื่อไปให้เร็วขึ้นหรือเพื่อไม่ให้เผชิญกับสิ่งกีดขวาง เช่น เดินเลาะลัดไปตามตลิ่ง เดินทางเลาะลัดหลบข้าศึก, ลัดเลาะ ก็ว่า. | สู้หน้า | ก. รอหน้า, เผชิญหน้า, เช่น เขาทำผิด เลยไม่กล้าสู้หน้าฉัน. | เสี่ยง ๒ | ก. ลองเผชิญดู, ลองทำดูในสิ่งที่อาจให้ผลได้ ๒ ทาง คือ ดีหรือไม่ดี แต่หวังว่าจะได้ผลทางดี เช่น งานนี้ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่ ต้องเสี่ยงทำดู. | หน้า | ซีกของกายที่ตรงข้ามกับหลัง, ด้านของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับสายตาของเราหรือด้านที่เผชิญหน้ากับสายตาของเรา เช่น เขาวิ่งอยู่หน้าฉัน จึงเห็นแต่หลังเขาไว ๆ | หลบหน้า, หลบหน้าหลบตา | ก. หลบไปไม่เผชิญหน้า. |
| | Interpersonel Confrontation | การเผชิญหน้าระหว่างบุคคล [TU Subject Heading] | Reality therapy | การบำบัดแบบการเผชิญความจริง [TU Subject Heading] | Sightings and encounters | การมองเห็นและการเผชิญหน้า [TU Subject Heading] | Flexible Engagement | ความเกี่ยวพันอย่างยืดหยุ่น " ความเกี่ยวพันอย่างยืดหยุ่นเป็นข้อเสนอของ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่เสนอในการประชุมรัฐมนตรีต่าง ประเทศอาเซียน (ASEAN Ministerial Meeting : AMM) ครั้งที่ 31 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2541 ณ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนมีการหารือและแลก เปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ เปิดกว้างและเป็นกันเองในเรื่องหรือประเด็นต่าง ๆ ที่เห็นว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันหรือที่จะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความ มั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจของนานาประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันสืบเนื่องจากการที่อาเซียนมีสมาชิกครบ 10 ประเทศ และอยู่ในภาวะที่เผชิญปัญหาท้าทายต่าง ๆ ซึ่งมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวพันกัน " [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Look West Policy | นโยบายมองตะวันตก (ของไทย) เป็นแนวความคิดที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในทางการ เมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยสอดคล้องกับความเป็นจริงของยุคหลังสงครามเย็น ประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา [การทูต] | Millennium Summit | การประชุมสุดยอดแห่งสหัสวรรษ การประชุมสุดยอดของประมุขของรัฐและหัวหน้ารัฐบาลที่จัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2543 (ค.ศ. 2000) เพื่อให้ผู้นำประเทศต่าง ๆ เสนอข้อคิดเห็นต่อการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของสหประชาชาติในศตวรรษที่ 21 ให้สามารถเผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงและสิ่งท้าทายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ [ ที่ประชุมยืนยันพันธกรณีร่วมกันที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สหประชา ชาติในการดำเนินการเรื่องสำคัญของมนุษยชาติ ดังระบุไว้ในปฏิญญาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Declaration) ] [การทูต] | The New Partnership for Africa?s Development | หุ้นส่วนใหม่เพื่อการพัฒนาแอฟริกา เป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแอฟริกา มีวัตถุประสงค์ในการ ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศแอฟริกา การขจัดความยากจนและการขจัดความเสียเปรียบของประเทศแอฟริกาในยุคโลกาภิวัตน์ NEPAD พัฒนามาจากการประชุม สุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G8 ที่ญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2542 ซึ่งในการประชุมนี้ ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีไนจีเรีย และประธานาธิบดี แอลจีเรียได้เสนอต่อที่ประชุม ขอให้กลุ่มประเทศเหนือและประเทศใต้ร่วมกันแก้ปัญหาที่ทั้งสองกลุ่มประเทศ เผชิญอยู่ บนพื้นฐานของ ผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเน้นการพัฒนาประเทศที่ยากจน เช่น ประเทศ ในภูมิภาคแอฟริกา ต่อมาบรรดาผู้นำของกลุ่มประเทศแอฟริกาได้ร่วมกันกำหนดแผนพัฒนาแอฟริกาสำหรับ ใช้ขอรับการสนับสนุนจากประเทศพัฒนาแล้วในเวทีการประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เรียกว่า New Africa Initiative (NAI) ที่ประชุมองค์การเอกภาพแอฟริกา หรือ OAU (ซึ่งต่อมากลายเป็น African Union ? AU) ได้เห็นชอบต่อแผน NAI ดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2544 ผู้นำของประเทศแอฟริกาได้นำเสนอ NAI ต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G8 เมื่อปี พ.ศ. 2544 และได้รับการปรับปรุงแก้ไขจนเป็น NEPAD ในปัจจุบัน [การทูต] | Southeast Asia Collective Defense Treaty (Mahila Pact) | สนธิสัญญาซีโต้ สนธิสัญญานี้ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญามีประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา สนธิสัญญาได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955ในภาคอารัมภบทของสัญญานี้ บรรดาประเทศสมาชิกต่างแสดงความปรารถนาที่จะประสานความพยายามของตนที่จะ ป้องกันร่วมกัน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคง โดยเฉพาะข้อ 4 ของสนธิสัญญาเป็นข้อสำคัญที่สุด คือ แต่ละประเทศภาคีคู่สัญญาตกลงเห็นพ้องกันว่า หากดินแดนของประเทศใดถูกรุกรานจาการโจมตีด้วยกำลังอาวุธ ประเทศภาคีทั้งหมดที่เหลือจะถือว่าเป็นอันตรายร่วมกัน และจะปฏิบัติการเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายร่วมกัน หรือถ้าหากพื้นที่ภายในเขตครอบคลุมของสนธิสัญญาถูกคุกคามด้วยประการใด ๆ ประเทศภาคีทั้งหมดจะปรึกษากันในทันที เพื่อตกลงในมาตรการเพื่อการป้องกันร่วมกันสำนักงานใหญ่ขององค์การซีโต้ตั้ง อยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองของโลกได้เปลี่ยนไปมากทำให้องค์การซีโต้หมดความ จำเป็น และได้ยุบเลิกไปนานแล้ว [การทูต] | Confrontation | เผชิญความจริง [การแพทย์] | Coping Mechanisms | วิธีการปรับตนเมื่อเผชิญปัญหา [การแพทย์] | ความขัดแย้ง | ความขัดแย้ง, สภาวะหรือเหตุการณ์ที่ทำให้บุคคลเกิดความรู้สึกมีความขัดแย้งในตนเอง เมื่อถึงเวลาที่เผชิญแล้ว บุคคลนั้นเกิดความลำบากใจ หนักใจ หรืออึดอัดใจในการตัดสินใจ ตกลงใจที่จะเลือกกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความขัดแย้งแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. ความขัดแย้งในใจที่บุคคลจะต้องต [สุขภาพจิต] |
| Especially the subsequent encounters with the police or the powers that be. | โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังการเผชิญกับ ตำรวจหรืออำนาจ Basic Instinct (1992) | You can run but you can't hide. | หนีน่ะหนีได้ แต่ซักวันก็ต้องเผชิญกับมัน The Bodyguard (1992) | And, Lord, whatever dangerous endeavors we may take let them never be without your sanctuary. | ..หากเราผู้ใดในที่นี้ ต้องเผชิญอันตราย.. ขอให้พระองค์ทรงคุ้มครองเขาด้วย The Bodyguard (1992) | Another encounter between you and Mr. Edgar would probably kill her. | การเผชิญหน้าอีกครั้งระหว่าง คุณและคุณเอ็ดการ์ คงจะฆ่าหล่อนเป็นแน่แท้ Wuthering Heights (1992) | They can't afford to face it. | พวกเขาไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับมัน In the Name of the Father (1993) | We had to confront the chief prison officer, Barker. | เราต้องเผชิญหน้ากับหัวหน้า เจ้าหน้าที่เรือนจำ Barker In the Name of the Father (1993) | You are exposing yourself and Agent Scully to unnecessary risk. | คุณนำตัวของคุณ และ Agent Scully ไปเผชิญกับอันตราย ที่ไม่จำเป็น Squeeze (1993) | Your granddad was facing death. | คุณปู่ของคุณได้รับการเผชิญหน้ากับความตาย Pulp Fiction (1994) | If you don't open that case, I'm gonna unload in your fucking face. | หากคุณไม่ได้เปิดกรณีที่ฉันจะยกเลิกการโหลดในการเผชิญกับการร่วมเพศของคุณ Pulp Fiction (1994) | Later, I drove to his house to confront them. | ต่อมาผมขับรถไปที่บ้านของเขาเพื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา The Shawshank Redemption (1994) | Mr. Dufresne, describe the confrontation you had with your wife the night she was murdered. | นาย Dufresne, อธิบายการเผชิญหน้าที่คุณมีกับภรรยาของคุณในคืนที่เธอถูกฆ่าตาย The Shawshank Redemption (1994) | Face the wall. | เผชิญกับผนัง The Shawshank Redemption (1994) | Turn around and face the Warden. | เปิดไปรอบ ๆ และเผชิญหน้ากับผู้คุม The Shawshank Redemption (1994) | There's a harsh truth to face. | มีความจริงที่รุนแรงจะเผชิญกับความเป็น The Shawshank Redemption (1994) | Now that we've been face to face... if I'm there and I gotta put you away... | เราได้มาเผชิญหน้ากันแล้ว ถ้าผมอยู่ตรงนี้และต้องเก็บคุณ Heat (1995) | We've been face to face, yeah. | เราเคยนั่งเผชิญหน้ากัน ใช่ Heat (1995) | Son, you're gonna have to face him sooner or later. | ลูกต้องเผชิญหน้าเขาไม่ช้าก็เร็ว Jumanji (1995) | Look, if you're afraid of something, you've got to stand and face it. | ถ้าลูกกลัวอะไร ให้ยืนขึ้นเผชิญหน้ากับมัน Jumanji (1995) | - I want you to know I am proud of you. | -แต่พ่อภูมิใจในตัวลูกที่กล้าเผชิญหน้า Jumanji (1995) | I wish you'd go home. You ought not to be here through all this. | ผมหวังว่าคุณจะกลับบ้านไปซะ คุณไม่น่าจะต้องเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้ Rebecca (1940) | The inmates once again take up their driving obsession: | แล้วเหล่านักโทษก็ต้องเผชิญ กับการท้าทายความอยู่รอด Night and Fog (1956) | You are faced with a grave responsibility. Thank you, gentlemen. | คุณจะต้องเผชิญกับความรับผิดชอบหลุมฝังศพ ขอขอบคุณคุณสุภาพบุรุษ 12 Angry Men (1957) | But my father told me... you should always face what you're afraid of. | แต่พ่อสอนไว้ว่า... ...เราต้องเผชิญหน้า กันสิ่งที่เรากลัว Jumanji (1995) | Us in our vest are exposed to all manner of nastiness. | เราอยู่ในเสื้อยืดของเราที่นี่ครับ กำลังเผชิญกับลักษณะของ ความขุ่นเคือง How I Won the War (1967) | I'll square it with Mom, that you're not seeing her before you leave and... | ฉันจะเผชิญหน้ากับแม่ว่าคุณไม่ได้เห็นเธอก่อนที่จะออกและ ... The Godfather (1972) | And there I was face to face with a 6-year-old kid! | แล้วฉันก็เผชิญหน้า ...กับเด็ก 6 ขวบ Blazing Saddles (1974) | How could they face the world if they didn't believe they were protected? | มันจะเผชิญกับโลกได้ยังไง ถ้าไม่เชื่อมั่นว่าหนามปกป้องมัน The Little Prince (1974) | What we are dealing with here is a perfect engine, an eating machine. | ที่เรากําลังเผชิญอยู่นี่ คือเครื่องจักรจอมเขมือบ Jaws (1975) | All right, now we know what we're up against. | เอาละ ตอนนี้เรารู้แล้ว ว่าเราเผชิญอยู่กับอะไร Airplane! (1980) | Can't push him too hard. Might break. Remember who you're dealing with. | กดดันเขามากเกินไปไม่ได้ อาจพัง จำไว้สิว่าคุณกำลังเผชิญอยู่กับใคร Airplane! (1980) | After nine years and hundreds of millions of miles, we are about to come face to face with the monolith. | หลังจากเก้าปีและร้อย ล้านไมล์เรากำลังจะมา เผชิญหน้ากับหินใหญ่ก้อนเดียว 2010: The Year We Make Contact (1984) | Come back and face me like a man. | มาเผชิญหน้ากันอย่างลูกผู้ชาย Jumanji (1995) | As each week passes, I have to face up to the fact... that the poor man must have perished in the attempt. | ขณะที่ในแต่ละสัปดาห์ผ่าน ไปฉันต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ... ว่าคนยากจนจะต้องมี การเสียชีวิตในความพยายาม Greystoke: The Legend of Tarzan, Lord of the Apes (1984) | Y...you look very confident but...you must deal with vampires. | คุณ.. คุณดู หน่วยก้านดีก็จริงอยู่ แต่ในเมื่อต้อง เผชิญหน้ากับแวมไพร์ Vampire Hunter D (1985) | Every five years, the best fighters in its ranks would face each other in full contact with one winner emerging as the superior warrior the champion. | ทุกห้าปีนักสู้ที่ดีที่สุดในการจัดอันดับของ ... ... จะต้องเผชิญซึ่งกันและกันในการติดต่อแบบเต็ม ... ... กับหนึ่งผู้ชนะเกิดขึ้นเป็นนักรบที่ดีกว่า ... Bloodsport (1988) | Well, he who finds the Grail must face the final challenge. | คือว่า, คนที่พบจอกศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ท้าทาย ครั้งสุดท้าย. Indiana Jones and the Last Crusade (1989) | When we get to Alexandretta, we will face three challenges. | เมื่อเราไปถึง อเล็กซานเดรตต้า, เราต้องเผชิญกับสิ่งที่ท้าทาย 3 อย่าง Indiana Jones and the Last Crusade (1989) | You are unique among your brothers for you choose to face this enemy alone. | คุณจะไม่ซ้ำกันในหมู่พี่น้องของคุณ ... ... สำหรับคุณเลือกที่จะเผชิญกับศัตรูนี้เพียงอย่างเดียว Teenage Mutant Ninja Turtles (1990) | But as you face it, do not forget them. | แต่เป็นคุณเผชิญหน้ากับมันอย่าลืมพวกเขา Teenage Mutant Ninja Turtles (1990) | An unknown which they can't bear to face their greatest fear. | ไม่รู้จักที่พวกเขาไม่สามารถทนที่จะเผชิญหน้ากับ ... ... ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา Teenage Mutant Ninja Turtles (1990) | Now you face The Shredder. | ตอนนี้คุณต้องเผชิญ ... Shredder ... Teenage Mutant Ninja Turtles (1990) | Face about all this. | เผชิญหน้าเข้าไว้ Mannequin: On the Move (1991) | - Ah come on, let's get real... - Hey, I mean, it's one guy. It's just one guy. | เกินไป เผชิญความจริงดีกว่าน่า ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง โบลิโทนอฟพูดถูก The Jackal (1997) | Nago fled. I will stay here and face my death. | Nago หนี ผมจะอยู่ที่นี่และต้องเผชิญกับความตายของฉัน Princess Mononoke (1997) | You learn to take life as it comes at you. | ต้องเผชิญชีวิตให้ได้ทุกรูปแบบ Titanic (1997) | You should be glad you're not someone who has it easy who has no problems, because those people are often uninteresting. | ลูกน่าจะถภูมิใจนะ \ ลูกไม่ใช่คนที่จะได้อะไรมาง่ายๆ คนที่ไม่เคยเผชิญปัญหา เพราะคนพวกนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด Show Me Love (1998) | And you come face to face with the truth that it's impossible... | และเธอก็พยายามเผชิญหน้ากับ ความจริงว่า มันเป็นไปไม่ได้... The Story of Us (1999) | Yeah, we were tired, but I think we were afraid that if we faced each other, there'd be nothing there. | ใช่ เราพยายามอยู่ แต่ ฉันคิดว่า เรากลัว... ... ว่า ถ้าเราต้องการเผชิญหน้า มันจะไม่เหลืออะไร The Story of Us (1999) | Still she came, unaware of the suspicion that preceded her. | เธอมาอย่างเงียบๆ โดยไม่ตระหนักถึง ความเคลือบแคลงที่เธอต้องเผชิญ Anna and the King (1999) | And one way that a royal family maintains its control in the face of war and disease is to have as many children as possible. | และทางเดียวที่พระบรมวงศานุวงศ์ จะยังคงครองราชย์อยู่ต่อไปได้ จากการเผชิญหน้ากับสงครามและโรคภัยไข้เจ็บก็คือ การมีพระราชทายาทให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ Anna and the King (1999) |
| การเผชิญความเครียด | [kān phachoēn khwām khrīet] (n, exp) EN: stress resistance ; stress coping | การสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า | [kān samphāt baēp phachoēn nā] (n, exp) EN: face-to-face interview | เผชิญ | [phachoēn] (v) EN: face ; confront ; be faced with ; be confronted with ; brave ; meet FR: affronter ; faire face à ; se confronter à ; braver ; lutter contre | เผชิญดู | [phachoēn dū] (v, exp) EN: risk | เผชิญความจริง | [phachoēn khwāmjing] (v, exp) EN: confront the truth | เผชิญความเครียด | [phachoēn khwām khrīet] (v, exp) FR: affronter le stress | เผชิญภัย | [phachoēn phai] (v, exp) EN: face danger FR: affronter le danger | เผชิญหน้า | [phachoēn nā] (x) EN: face | เผชิญหน้ากัน | [phachoēn nā kan] (v, exp) EN: confront |
| conventional warfare | (phrase) การยุทธตามรูปแบบ, การทำสงครามโดยใช้อาวุธและยุทธวิธีทางการทหาร ซึ่งแต่ละชนชาติจะเผชิญหน้ากันอย่างเปิดเผย |
| breast | (vt) เผชิญหน้า | brace up to | (phrv) เตรียมใจ, See also: พร้อมเผชิญ | brave it out | (phrv) เผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ, See also: กล้าเผชิญ, Syn. bluff out, brazen out | brazen it out | (phrv) เผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ, See also: กล้าเผชิญ, Syn. bluff out, brave out | bring down | (phrv) ทำให้เผชิญกับความจริง, See also: ทำให้กล้าเผชิญ | bring someone down to earth with a bang | (idm) เผชิญความจริง, Syn. come down | bring someone down to earth with a bump | (idm) เผชิญความจริง, Syn. come down | confront | (vt) เผชิญหน้า, Syn. face, stand up to | confrontal | (n) การเผชิญหน้า, Syn. confrontation | confrontation | (n) การเผชิญหน้า, Syn. confrontal | confront with | (phrv) เผชิญกับ, See also: พบกับ | cross a bridge when one comes to it | (idm) จงแก้ไขเมื่อต้องเผชิญกับปัญหา | face onto | (phrv) หันไปเผชิญกับ, See also: ตั้งตรงข้ามกับ, Syn. back onto | face out | (phrv) กล้าเผชิญกับ, See also: จัดการกับ อย่างกล้าหาญ | face up to | (phrv) เผชิญหน้ากับ, See also: ประจันกับ, เผชิญกับ, ยอมรับทำไปอย่างไม่ย่อท้อ, Syn. shape up to, square up to | face with | (phrv) ทำให้พบกับ (สิ่งเลวร้าย, สิ่งยุ่งยาก), See also: เผชิญกับ สิ่งเลวร้าย, สิ่งยุ่งยาก | dare | (vi) กล้า, See also: กล้าเผชิญ, กล้าเผชิญหน้า, กล้าเสี่ยง, อาจหาญ, ท้าทาย, บังอาจ, Syn. venture, brave, challenge | dare | (n) ความกล้าหาญ, See also: การกล้าเผชิญ, ความท้าทาย, Syn. challenge | encounter | (vt) เผชิญหน้า, See also: พบกัน, เจอกัน, Syn. confront, face, meet | face | (vt) เผชิญหน้า, See also: เผชิญ, พบ, เจอ, Syn. confront | face-off | (n) การเผชิญหน้า (คำไม่เป็นทางการ), See also: การโต้เถียงหรือการต่อสู้, Syn. confrontation | face-to-face | (idm) เผชิญหน้ากัน, See also: ต่อหน้า | front | (vt) เผชิญหน้า, See also: หันหน้าเข้าหา | front | (vi) เผชิญหน้า, See also: หันหน้าเข้าหา | go before | (phrv) อยู่ต่อหน้า, See also: เผชิญหน้า, Syn. bring before | greet with | (phrv) เผชิญหน้ากับ | moment of truth | (idm) ช่วงที่ต้องเผชิญกับความจริง | one's days are numbered | (idm) พบกับความหายนะ (คำไม่เป็นทางการ), See also: เผชิญกับความตาย | take the bull by the horns | (idm) เผชิญกับสิ่งท้าทาย | jib at | (phrv) คัดค้าน, See also: ไม่อยากเผชิญกับ, ไม่เห็นด้วยกับ, Syn. balk at | keep one's chin | (idm) ยังร่าเริงแม้เผชิญกับปัญหา | keep one's pecker up | (idm) ยังร่าเริงแม้เผชิญกับปัญหา, Syn. cheer up | look someone in the eyes | (idm) เผชิญกับ...อย่างไม่เกรงกลัว, See also: เผชิญกับ...อย่างไม่ละอาย | look someone in the face | (idm) เผชิญกับ...อย่างไม่เกรงกลัว, See also: เผชิญกับ...อย่างไม่ละอาย | look towards | (phrv) หันไปทาง, See also: เผชิญหน้ากับ, ประจันหน้ากับ, Syn. look to | look | (vi) เผชิญหน้า, See also: เผชิญหน้า, Syn. face, front | meet with | (phrv) เผชิญกับ, See also: มีประสบการณ์เกี่ยวกับ | pull round | (phrv) เผชิญกับ, See also: หันกลับ, Syn. bring about | reckon with | (phrv) เผชิญหน้ากับ, See also: จัดการกับ, Syn. deal with | run away from | (phrv) เลี่ยงการเผชิญกับ | run up against | (phrv) พบ, See also: ประสบ, เผชิญ ปัญหา, Syn. happen on | in-your-face | (sl) กล้าเผชิญหน้า | queer street | (sl) อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก, See also: เผชิญกับปัญหา | showdown | (n) การเผชิญหน้า (กับฝ่ายตรงข้าม), See also: การประจันหน้า กับฝ่ายตรงข้าม, Syn. confrontation, unfolding | shape up to | (phrv) เผชิญกับ, See also: เผชิญหน้ากับ, Syn. face up to, square up to | sit down under | (phrv) เผชิญกับ, See also: ทนทุกข์ทรมานจาก สิ่งที่ไม่ดี โดยไม่บ่นหรือต่อต้าน, Syn. lie down under | spoil for | (phrv) ทำให้เสีย, See also: ทำให้ยุ่งยากเมื่อเผชิญกับ | steel against | (phrv) ทำให้เผชิญกับ | steel for | (phrv) เตรียมพร้อมสำหรับ, See also: เตรียมเผชิญ, Syn. immerse in, soak in, submerge in | suffer from | (phrv) ทุกข์ทรมานจาก, See also: ทุกข์ยากจาก, เผชิญกับ, Syn. suffer with, complain of |
| accost | (อะคอสทฺ', อะโคสทฺ') vt., n. เผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ, เข้าไปทัก, ชักชวนลูกค้า, การต้อนรับ, Syn. greet, salute, approach | affront | (อะเฟรินทฺ') vt. ทำให้โกรธ, สบประมาท, เผชิญหน้า. -n. การสบประมาท, การดูถูก | bide | (ไบดฺ) { boded, bided, biding, bides } v. อดทน, ทน, เผชิญ, ขึ้นอยู่กับ, ยังคง, รอคอย -Phr. (bide one's time คอยโอกาสที่ดี), See also: bider n. ดูbide, Syn. endure, bear | breast | (เบรสทฺ) { breasted, breasting, breasts } n. หน้าอก, เต้านม, ทรวงอก, น้ำใจ, อารมณ์, เชิงกำแพง, ส่วนที่นูนออกคล้ายเต้านม vt. เอาอกทาบกับเชือก, เผชิญ, ฝ่าไปข้างหน้า -S.bust | brush | (บรัช) { brushed, brushing, brushes } n. แปรง, พู่กัน, หนวดเครารุงรัง, หางหยาบใหญ่ ของสัตว์ (เช่นสุนัขจิ้งจอก) , การเผชิญหน้ากับ, พุ่มไม้หนา, ส่วนที่เป็นพู่ -v. ปัด, ทา, กวาดด้วยแปรง, สัมผัสเบา -Phr. (brush aside ไม่สนใจ, กวาดล้าง) -Phr. (brush away ปัดออก, แปรงออก) -S.broo | confront | (คันฟรันทฺ') { confronted, confronting, confronts } vt. เผชิญหน้ากับ, พบกับ, นำมาร่วมกันเพื่อตรวจสอบหรือเปรียบเทียบ, See also: confrontment n. confronter n., Syn. oppose, face, meet, Ant. avoid, shun | cowardice | (คาว'วัดดิซฺ) n. ความขี้ขลาด, การไร้ความกล้าที่จะเผชิญกับอันตราย ความลำบาก การต่อต้านหรืออื่น ๆ, Syn. poltroon, Ant. daredevil | dare | (แดร์) { dared, daring, dared } vt., n. (การ) กล้าทำ, กล้าเผชิญหน้า, หาญ, ท้าทาย | encounter | (เอนเคา'เทอะ) vt. เผชิญหน้า, พบ, ประสบ, ปะทะ., See also: encounterer n. | envisage | (เอนวิซ'ซิจฺ) vt. คิด, มองเห็น, เผชิญหน้า, จ้องหน้า., See also: envisagement n. ดูenvisage, Syn. conceive | face | (เฟส) { faced, facing, faces } n. ใบหน้า, หน้า, โฉม, รูปโฉม, หน้าตา, ด้านหน้า, ความหน้าด้าน, ความทะลึ่ง, การแสแสร้ง, ชื่อเสียง, ผิวหน้า, การเผชิญหน้า, ส่วนหน้ากว้าง vt. หันหน้าไปทาง, เผชิญหน้าโดยตรง, เผชิญหน้าอย่างกล้าหาญกับ, หงาย (ไพ่) -Phr. (in one's face โดยตรง) vi. หันหน | front | (ฟรันทฺ) n., adj., interj. หน้า, ข้างหน้า, ด้านหน้า -v. หันหน้าไปทาง, เผชิญหน้า, รับมือ, ต่อต้าน, Syn. anterior, face | grip | (กริพ) n. การจับ, การยึด, การกำ, กำลังยึดจับ, ความสามารถในการเข้าใจ, วิธีการจับมือ, เครื่องยึด, เครื่องหนีบ, เครื่องดาม, ความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน, อาการปวดเกร็ง, ไข้หวัดใหญ่, ภาพยนตร์, โทรทัศน์. -come to grips with เผชิญ, พบ. vi. ยึดมั่น, เข้าใจ., See also: grip | look | (ลุค) { looked, looking, looks } vi. ดู, มอง, เห็น, เพ่ง, สนใจ, ชำเลือง, โน้มเอียง, ปรากฎ, ดูเหมือน, เผชิญหน้า vt. ดู, มอง, ปรากฎ, แสดงออก, ระวัง, พิจารณา, ตรวจสอบ. n. การดู, การมอง, การเห็น, การชำเลือง, การค้นหา, ลักษณะ. -Phr. (look after คอยจ้องดู, ดูแล) -Phr. (look down on (upon) ดูถูกเฟหยีหยาม) | match | (แมชฺ) n. ไม้ขีดไฟ, คู่ปรับ, ผู้ที่เท่าเทียม, การสมรส, การเข้าคู่กัน, เกมกีฬา, การแข่งขัน, การเข้าแข่งขัน. v. เท่าเทียม, เป็นคู่ปรับ, ปรับตัว, เหมาะกับ, ต่อต้าน, เผชิญคู่ปรับ, สมรส, เข้าคู่, เข้าชุด., See also: matchable adj. matcher n. | meet | (มีท) { met, met, meeting, meets } v. พบ, ประสบ, เผชิญ, กลายเป็น, ทำให้คุ้นเคยกับ, บรรจบ, สบตา, ขัดแย้ง, ต่อต้าน, ต้องใจ, ตกลง. n. การชุมนุม, การประชุม, ผู้ชุมนุม, สถานที่ชุมนุม adj. เหมาะสม, สมควร ., See also: meetly adv. meetness n. | showdown | (โช'เดาน์) n. การเปิดไฟในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์, การแบไต๋, การ เผชิญหน้าเพื่อปะลองครั้งสุดท้าย | stand | (สแทนดฺ) { stood, stood, standing, stands } vi., vt., n. (ทำให้) (การ) ยืน, ยืนตรง, ตั้ง, ตั้งอยู่, ติดอยู่, ค้างอยู่, ยืนหยัด, ทนฝ่า, มีผลต่อไป, เป็นม้าพันธุ์, เผชิญ, อดทน, เลี้ยงดู, ปฎิบัติหน้าที่, จุดยืน, ตำแหน่ง, พยานในศาล, แท่นพูด, บัลลังก์, ที่จอดรถ, แผงหนังสือพิมพ์, แผง, แผงลอย, | vis- | ?, See also: vis วี'ซะ วี' adv., adj. เผชิญหน้า. prep. สัมพันธ์กัน, เปรียบเทียบกับ, เผชิญหน้ากับ, ต่อต้าน. n. ผู้ที่เผชิญหน้ากับผู้อื่น, ผู้ที่อยู่ตรงข้ามกัน, รถม้าที่มีที่นั่งที่หันเข้าหากัน | whirl | (เวิร์ล) vi. vt., n. (ทำให้, การ) หมุนเวียน, หมุนรอบ, ปั่น, วน, เวียน, วง, หมุนกลับอย่างฉับพลัน, เผชิญหน้าอย่างรวดเร็ว, รู้สึกวิงเวียนศีรษะ, สิ่งที่หมุนเวียนอย่างรวดเร็ว, น้ำวน, ความโกลาหล, การสับสนวุ่นวาย, ความยุ่งเหยิง, See also: whirler n. whirlingly adv. |
| bide | (vi, vt) รอคอย, คอย, ขึ้นอยู่กับ, อดทน, ทน, เผชิญ | brave | (vt) กล้าเผชิญ, ไม่เกรงกลัว, อดทน, เสี่ยงอันตราย | confront | (vt) เผชิญหน้า, พบกับ, นำมายัน | encounter | (n) การเผชิญหน้า, การต่อสู้, การปะทะกัน, การประจัญหน้า | encounter | (vt) เผชิญหน้า, ประจัญหน้า, ปะทะกัน, พบกัน | face | (n) หน้า, โฉมหน้า, ผิวหน้า, ชื่อเสียง, การเผชิญหน้า | face | (vt) เผชิญหน้า, หันหน้าไปทาง, หงาย(ไพ่), เหลียว, ฉาบ | front | (vt) เผชิญหน้า, , รับมือ, ต่อต้าน | KNIGHT-knight-errant | (n) อัศวินที่เที่ยวเผชิญภัย | look | (vi) มองดู, เพ่ง, ดูเหมือน, ดูคล้าย, สนใจ, หันหน้า, เผชิญหน้า | meet | (vt) พบ, ต้อนรับ, บรรจบ, เผชิญ, ร่วม, ประชุม | stand | (vt) ตั้ง, ตั้งตรง, หยุด, ยึด, อยู่ในฐานะ, อดทน, เผชิญ |
| 対立 | [たいりつ, tairitsu] TH: เผชิญหน้ากัน | 臨む | [のぞむ, nozomu] TH: เผชิญหน้ากับ EN: to face |
| dort | ที่โน่น เช่น Wir haben einen Urlaub in Thailand gemacht. Dort haben wir 40 Grad erlebt. เราไปพักร้อนที่เมืองไทยมา ที่นั่นเราได้เผชิญความร้อนถึงสี่สิบองศา |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |