“Demure” : The word redefines elegance and confidence in 2024 (เรียนภาษาอังกฤษ in English) “Demure” เป็นคำศัพท์ที่ได้รับความสนใจจากโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ Tiktok ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่หันมาให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความมั่นใจ และความใส่ใจในรายละเอียดทั้งในรูปลักษณ์และพฤติกรรม โดยคำนี้ได้รับการนิยามใหม่จากความหมายดั้งเดิมที่เกี่ยวกับความสุภาพถ่อมตัวและความสงวนท่าที ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามที่มาพร้อมความมั่นใจอย่างมีชั้นเชิงในโลกที่เต็มไปด้วยความโดดเด่นฉูดฉาด การเปลี่ยนแปลงนี้ซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเทรนด์ในโซเชียลมีเดียและทัศนคติของสังคมที่พัฒนาไป ชี้ให้เห็นถึงการยอมรับในรูปแบบการแสดงตัวตนที่แฝงด้วยความลึกซึ้งและงดงามในปัจจุบัน The word “demure” was selected as Dictionary.com’s 2024 Word of...
ผลลัพธ์การค้นหาสำหรับ

*สิ้น*

   
ภาษา
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: สิ้น, -สิ้น-
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่
ปรับการตั้งค่า
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


Longdo Dictionary ภาษา ไทย (TH) - ไทย (TH) (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
bloatware(n) โปรแกรมที่มีความสามารถหลากหลายแต่ก็สิ้นเปลืองทรัพยากรของเครื่องมากเกินความจำเป็น
ปลากระดี่[Pla-Kra-Di] (n) Gourami (อินโดนีเซีย: Sepat, อีสาน: กระเดิด) เป็นสกุลปลาน้ำจืดจำพวกหนึ่ง ในสกุล Trichogaster ในวงศ์ย่อย Luciocephalinae ในวงศ์ใหญ่ Osphronemidae มีรูปร่างโดยทั่วไป คือ แบนข้างคล้ายใบไม้ หัวมีขนาดเล็ก ปลายปากค่อนข้างแหลม ปากมีขนาดเล็ก มีครีบอกคู่แรกเป็นเส้นยาวใหญ่เห็นได้ชัด ซึ่งเรียกว่า "ตะเกียบ" เป็นอวัยวะช่วยในการสัมผัส มีก้านครีบแขนง 2-4 ก้าน ครีบหลังมีก้านครีบเดี่ยว 3-9 ก้าน และก้านครีบแขนง 7-11 ครีบ ครีบก้นมีก้านครีบเดี่ยว 9-14 ก้าน และมีก้านครีบแขนง 25-40 ก้าน ครีบท้องและครีบก้นต่อยาวเป็นแถวเดียวกัน โดยที่ไม่มีเส้นข้างลำตัว ปลายครีบหางไม่เว้ามากนัก[ 1 ] เป็นปลาที่มีการแพร่กระจายพันธุ์ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพบได้แทบทุกประเภทของแหล่งน้ำจืด มีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 15 เซนติเมตร เมื่อโตเต็มที่ พบทั้งสิ้น 4 ชนิด ได้แก่ ปลากระดี่มุก (Trichogaster leerii) ปลากระดี่นาง (Trichogaster microlepis) ปลาสลิด (Trichogaster pectoralis) ปลากระดี่หม้อ (Trichogaster trichopterus)
Image:
แล้ว(jargon) เสร็จ, จบสิ้น, แล้วเสร็จ นอกจากจะใช้เป็นคำลงท้ายเพื่อบ่งบอกว่าเรื่องนั้นจบลงหรือเสร็จสิ้น คนเหนือยังใช้คำคำนี้แทนคำว่า “เสร็จ” ทำให้บางครั้งก็จะเผลอพูดทับลงไปตรงๆเวลาพูด เช่น “ฉันกินข้าวจะแล้วแล้วนะ” ก็แปลได้ว่า “ฉันกินข้าวจะเสร็จแล้วนะ”

Thai-English: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
สิ้น(v) be finished, See also: come to an end, terminate, Syn. หมด, จบ, Example: จงใช้มันต่อๆ ไปด้วยความภาคภูมิใจจนสิ้นอายุขัยของมัน
จบสิ้น(v) finish, See also: end, stop, complete, Syn. จบ, สิ้นสุด, เสร็จสิ้น, เสร็จ, สำเร็จ, ยุติ, Ant. เริ่ม, เริ่มต้น, ตั้งต้น, Example: การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 16 ได้จบสิ้นลงไปแล้ว
สิ้นดี(adv) extremely, See also: excessively, immensely, Example: ผมเห็นว่าเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ไร้สาระสิ้นดี, Thai Definition: อย่างมาก, เหลือเกิน, อย่างที่สุด
สิ้นปี(n) end of year, Syn. ปลายปี, Ant. ต้นปี, Example: โอวาทครั้งสุดท้ายตอนสิ้นปีที่ท่านกล่าวกับพวกเรานั้น เป็นเสมือนเครื่องเตือนใจเราอยู่ตลอดเวลา, Thai Definition: ระยะเวลาสุดท้ายของปี
สิ้นลม(v) pass away, Syn. หมดลม, สิ้นใจ, สิ้นลมหายใจ, ตาย, Example: เขาสั่งลาลูกเมียได้ไม่กี่คำก็สิ้นลมแน่นิ่งไปท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ
สิ้นใจ(v) die, See also: pass away, perish, breathe one's last, croak, kick the bucket, peg out, sniff it, Syn. สิ้นชีพ, สิ้นชีวิต, สิ้นบุญ, สิ้นลม, ตาย, สิ้นลมปราณ, หมดลม, Example: เจ้าพ่อต้องสิ้นใจไปทั้งๆ ที่ในมือยังกำไพ่อยู่, Thai Definition: อาการที่แสดงว่าตาย
สิ้นคิด(v) despair, See also: despond, Example: การสูญเสียทางการงานและการเงิน ทำให้คนเครียดและสิ้นคิดมากขึ้น, Thai Definition: หมดหนทางหรือหมดปัญญาที่จะแก้ไขได้
สิ้นคิด(adj) desperate, See also: despairing, desponding, forlorn, hopeless, Example: ทุกวันนี้เขาอยู่ในสภาพคนสิ้นคิด ที่ไม่อยากจะทำอะไรต่อไปอีกแล้ว, Thai Definition: ที่หมดหนทางหรือหมดปัญญาที่จะแก้ไขได้
สิ้นชีพ(v) pass away, See also: decease, demise, depart, drop, perish, succumb, Syn. สิ้นชีวิต, สิ้นใจ, ตาย, จบชีวิต, มรณภาพ, ม้วยมรณา, Example: ทศกัณฐ์สิ้นชีพทันทีเมื่อถูกหนุมานหลอกเอากล่องดวงใจไป
สิ้นซาก(v) be complete, See also: be entire, Syn. หมดสิ้น, Example: ขบวนการพูโลไม่มีวันสิ้นซากไปได้ถ้าไม่ได้ตัวผู้บงการใหญ่, Thai Definition: หมดสิ้นไปอย่างไม่มีเหลือ, ไม่เหลือร่องรอย
สิ้นท่า(v) be unable, See also: be at dead end, Syn. หมดท่า, จนแต้ม, สิ้นแต้ม, Example: น่ากลัวว่างานนี้เขาจะสิ้นท่าให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ซะแล้ว, Thai Definition: หมดหนทางคิดอ่าน, หมดทางที่จะต่อสู้
สิ้นบุญ(v) die, See also: pass away, perish, breathe one's last, croak, kick the bucket, peg out, sniff it, Syn. สิ้นชีพ, สิ้นชีวิต, สิ้นใจ, สิ้นลม, ตาย, สิ้นลมปราณ, หมดลม, Example: ท่านสิ้นบุญหลังพ่อผมราว 2 ปีเห็นจะได้, Thai Definition: อาการที่แสดงว่าตาย
สิ้นสติ(v) be unconscious, See also: be senseless, Syn. หมดสติ, ไม่ได้สติ, Ant. มีสติ, Example: ฉันสิ้นสติไปตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัวเลย
สิ้นสุด(v) end, See also: finish, stop, Syn. จบ, หมด, ถึงที่สุด, Ant. เริ่มต้น, แรกเริ่ใ
สิ้นสุด(v) end, See also: come to an end, terminate, be over, Syn. จบสิ้น, Ant. เริ่มต้น, Example: เรื่องราวระหว่างผมกับคุณสิ้นสุดลงแล้ว
สิ้นสุด(v) be ruined, See also: be finished, be overthrown, Syn. จบ, หมด, Ant. เริ่มต้น, Example: กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารข้อมูลทั้งหมดจะเริ่มต้นและสิ้นสุด ภายใต้การควบคุมของซอฟต์แวร์ล้วนๆ โดยไม่ต้องอาศัยคนเฝ้าเครื่องเลย, Thai Definition: ถึงที่สุด
สิ้นแรง(v) be exhausted, See also: be worn out, Syn. หมดแรง, อ่อนแรง, สิ้นเรี่ยวแรง, Ant. กระปรี้กระเปร่า, Example: พ่อรู้สึกสิ้นแรงทันทีเมื่อรู้ว่าลูกชายติดยา, Thai Definition: ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะทำอะไรต่อไปได้
สิ้นไร้(v) have nothing, Syn. ไร้, Example: หลังจากไฟไหม้บ้าน เขาต้องตกอับ สิ้นไร้ทุกสิ่งทุกอย่าง, Thai Definition: ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยว
สุดสิ้น(v) end, See also: come to an end, finish, be over, be completed, conclude, Syn. เสร็จสิ้น, จบลง, จบสิ้น, สิ้นสุด, จบ, Example: งานของเราสุดสิ้นลงแล้ว
สูญสิ้น(v) exhaust, See also: use up, Syn. หมด, ว่างเปล่า, ล่มจม, หมดสิ้น, Example: เมื่อพุทธกาลล่วงไปราว 1, 400 ปี พุทธศาสนาในอินเดียก็สูญสิ้นไป, Thai Definition: ไม่มีอีกต่อไป
หมดสิ้น(v) put an end to (a problem), See also: end a problem, solve a problem, Syn. หมดไป, หมดเกลี้ยง, สูญสิ้น, Example: รัฐบาลไม่สามารถสะสางปัญหาได้หมดสิ้น เพราะทุกปัญหาจำเป็นจะต้องใช้เม็ดเงิน, Thai Definition: ไม่มีเหลือ
ทั้งสิ้น(det) whole, See also: all, entire, Syn. ทั้งผอง, ทั้งปวง, ทั้งมวล, ทั้งเพ, ทั้งหมด, หมดด้วยกัน, Ant. บางส่วน, Example: วรรณกรรมจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นเรื่องอิทธิพลของความรักทั้งสิ้น
สิ้นสลาย(v) diminish, See also: end, disappear, come to an end, terminate, Ant. ก่อกำเนิด, Example: เมื่อพ้นจากตำแหน่ง อำนาจของท่านก็สิ้นสลายลงไปด้วย, Thai Definition: หมดไป ไม่มีเหลืออยู่
สิ้นเชิง(adv) absolutely, See also: completely, unconditionally, Syn. ทั้งหมด, ทั้งมวล
สิ้นเชิง(adv) completely, See also: thoroughly, Syn. ทั้งหมด, Example: เวลานี้ ความสัมพันธ์ที่เคยดีต่อกันระหว่างผมกับเธอ ถึงคราวจะต้องขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว
สิ้นแต้ม(v) be unable, See also: be at dead end, Syn. สิ้นท่า, จนแต้ม, จนมุม, Example: ในที่สุดผู้นำกลุ่มพูโลใหม่ต้องสิ้นแต้มฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย, Thai Definition: หมดหนทางคิดอ่าน, หมดทางที่จะต่อสู้
สิ้นทุกข์(v) end one's sufferings, See also: finish one's sufferings, Syn. หมดทุกข์, Ant. มีทุกข์, Example: เมื่อถูกฆ่าตายก็ถือว่าเขาจะได้สิ้นทุกข์เสียที
สิ้นทุกข์(v) end one's sufferings, See also: finish one's sufferings, Syn. หมดทุกข์, Ant. มีทุกข์, Example: เมื่อถูกฆ่าตายก็ถือว่าเขาจะได้สิ้นทุกข์เสียที
สิ้นฤทธิ์(v) be vanquished, See also: be defeated, Syn. หมดฤทธิ์, หมดพยศ, สิ้นพยศ, Example: ลูกสาวคนเล็กสิ้นฤทธิ์แล้วล่ะสิ เจอทีเด็ดพี่เลี้ยงคนใหม่เข้า, Thai Definition: ไม่มีแรงหรืออำนาจที่จะต่อสู้ต่อไป
สิ้นสุดลง(v) terminate, See also: end, stop, cease, expire, discontinue, Ant. เริ่มต้นขึ้น, Example: เหลือเวลาอีกเพียง 2 ปี อายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ก็จะสิ้นสุดลงตามวาระ, Thai Definition: ไม่มีต่อไปอีก
สิ้นอาลัย(v) stop being concerned for, Syn. หมดอาลัย, สิ้นอาลัยตายอยาก, Example: เขาสิ้นอาลัยที่จะเข้ารับราชการแล้ว, Thai Definition: รู้สึกหมดหวังท้อแท้
เสร็จสิ้น(v) end, See also: finish, come to an end, terminate, be completed, be done, be over, conclude, Syn. เสร็จ, สำเร็จ, จบสิ้น, Example: พนักงานสอบสวนจะพยายามสรุปสำนวนคดีให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้
จุดสิ้นสุด(n) end, See also: cessation, edge, finish, Syn. จุดจบ, Ant. จุดเริ่ม, จุดเริ่มต้น, Example: จุดสิ้นสุดของมนุษย์ทุกคนก็คือ ความตาย
สิ้นเปลือง(v) waste, Syn. หมดเปลือง, ร่อยหรอ, Ant. ประหยัด
สิ้นเรื่อง(v) end a story, See also: finish a story, Syn. จบเรื่อง, สิ้นเรื่องสิ้นราว, Example: ความบาดหมางสิ้นเรื่องไปได้พวกเราก็โล่งอก, Thai Definition: หมดหรือจบเรื่องไป
สิ้นพระชนม์(v) pass away, See also: die, Syn. สวรรคต, ตาย, Ant. เกิด, ประสูติิ
สิ้นลมหายใจ(v) die, See also: pass away, perish, breathe one's last, croak, kick the bucket, peg out, sniff it, Syn. สิ้นชีพ, สิ้นชีวิต, สิ้นบุญ, สิ้นลม, ตาย, สิ้นลมปราณ, หมดลม, สิ้นใจ, Example: ท่านสิ้นลมหายใจลงเมื่ออายุ 55 ปี, Thai Definition: อาการที่แสดงว่าตาย
แทบทั้งสิ้น(adv) almost all, See also: almost everyone, almost everything, Syn. แทบทั้งหมด, Example: พลเมืองส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นชาวนาแทบทั้งสิ้น
โดยสิ้นเชิง(adv) completely, See also: entirely, wholly, thoroughly, Syn. อย่างสิ้นเชิง, Example: ในที่สุดผู้ก่อการร้ายก็ยอมแพ้โดยสิ้นเชิง
ความสิ้นหวัง(n) hopelessness, See also: desperation, despair, Syn. ความหมดหวัง, Ant. ความหวัง, Example: จาการสำรวจผู้ตกงาน 1, 000 คน ในกทม.พบว่า ผู้ใช้แรงงานที่ตกงานมีความสิ้นหวัง 14% ในช่วงเดือนธันวาคม 2540 และเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในช่วงเดือนมิถุนายน 2541
สิ้นไร้ไม้ตอก(adj) indigent, See also: moneyless, penniless, impecunious, destitute, Syn. ยากไร้, อับจน, ลำบากยากแค้น, Example: ทุกวันนี้ผมกลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกไปเสียแล้ว ได้โปรดสงสารผมเถิด, Thai Definition: ที่ขัดสนหรือลำบากถึงที่สุด, ที่ไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว
สิ้นไร้ไม้ตอก(v) impoverish, See also: fleece, pauperize, Syn. ยากไร้, อับจน, ลำบากยากแค้น, Example: เขาสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดต้องเก็บของเก่าขายกิน, Thai Definition: ขัดสนหรือลำบากถึงที่สุด, ไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว
ความสิ้นเปลือง(n) wastage, See also: consumption, spending, Example: ในส่วนของฝ่ายค้านมองว่าการทุบตึกเพื่อสร้างใหม่เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินในช่วงที่เม็ดเงินมีจำกัด, Thai Definition: การหมดไปสิ้นไปโดยใช่เหตุ, การใช้หมดไปสิ้นไปเกินควร
สิ้นเวรสิ้นกรรม(v) pass away, See also: perish, die, decease, Syn. หมดเวรหมดกรรม, ตาย, Example: ในที่สุดเขาก็สิ้นเวรสิ้นกรรมที่บ้านอย่างสงบ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป
ไม่มีที่สิ้นสุด(adv) never-ending, Syn. ไม่สิ้นสุด, Example: เขาคงจะคอยแก้แค้นกันไปไม่มีที่สิ้นสุด แล้วพวกเขานั่นแหละจะเดือดร้อนกันเอง, Thai Definition: อย่างไม่มีจุดจบหรือไม่หมดไม่สิ้น
ไม่รู้จบรู้สิ้น(v) be endless, See also: be eternal, Syn. ไม่รู้จบสิ้น, ไม่จบไม่สิ้น, ไม่รู้จักจบสิ้น, Example: ปัญหานี้ไม่รู้จบรู้สิ้นเสียที รังแต่จะยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆ, Thai Definition: มีเรื่องอยู่ตลอดเวลาไม่มีการสิ้นสุด
สิ้นเนื้อประดาตัว(adj) indigent, See also: moneyless, penniless, impecunious, destitute, Ant. รวย, มั่งมี, มั่งคั่ง, Example: ขณะนี้พวกเขาทั้งหลายไม่มีที่พึ่งกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะตกงาน, Thai Definition: ที่ไม่มีสมบัติหลงเหลือติดตัวอยู่เลย
สิ้นเนื้อประดาตัว(v) impoverish, See also: fleece, pauperize, Syn. หมดตัว, หมดเนื้อหมดตัว, Ant. มั่งคั่งร่ำรวย, มั่งมี, Example: หล่อนสิ้นเนื้อประดาตัวในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะเล่นหุ้นโดยไม่มีความรู้ความชำนาญ, Thai Definition: ไม่มีสมบัติหลงเหลือติดตัวอยู่เลย

ไทย-ไทย: พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ [with local updates]
โดยสิ้นเชิงว. ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, ทุกประการ, เช่น เขาพ้นข้อหาโดยสิ้นเชิง, อย่างสิ้นเชิง ก็ว่า.
ถึงชีพิตักษัย, สิ้นชีพตักษัยก. ตาย (ใช้เฉพาะหม่อมเจ้า), โบราณใช้ว่า ถึงแก่ชีพิตักษัย ก็มี.
ทั้งปวง, ทั้งผอง, ทั้งเพ, ทั้งมวล, ทั้งสิ้น, ทั้งหมดว. หมดด้วยกัน.
ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมว. ยังเป็นเด็ก.
ยืมใช้สิ้นเปลืองน. ชื่อสัญญาชนิดหนึ่งซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปเป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น.
สิ้นก. หมด, จบ, เช่น กินอาหารมื้อนี้สิ้นเงินไป ๕๐๐ บาท สิ้นปีนี้เขาจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่
สิ้นตาย เช่น พ่อแม่เขาสิ้นไปหมดแล้ว.
สิ้นกรรม, สิ้นกรรมสิ้นเวร, สิ้นเวร, สิ้นเวรสิ้นกรรมก. สิ้นสุดในการที่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป เช่น เมื่อเขามีชีวิตอยู่ มีภาระมากหรือเจ็บป่วยทรมาน ตายไปก็ถือว่าสิ้นเวรสิ้นกรรม, หมดกรรม หมดกรรมหมดเวร หมดเวร หรือ หมดเวรหมดกรรม ก็ว่า
สิ้นกรรม, สิ้นกรรมสิ้นเวร, สิ้นเวร, สิ้นเวรสิ้นกรรมตาย.
สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บก. หมดอำนาจวาสนา, สิ้นฤทธิ์, หมดเขี้ยวหมดงา หรือ หมดเขี้ยวหมดเล็บ ก็ว่า.
สิ้นคิดก. หมดปัญญาจะแก้ปัญหา, หมดหนทางคิดอ่าน, เช่น บางคนพอสิ้นคิดเข้าจริง ๆ ก็ฆ่าตัวตาย.
สิ้นคิดว. ที่หมดปัญญาจะแก้ปัญหา, ที่หมดหนทางคิดอ่าน, เช่น เขาทำตัวเหมือนคนสิ้นคิด เที่ยวลักขโมยเขากิน.
สิ้นใจก. ขาดใจ, ตาย, เช่น เขาพึ่งสิ้นใจเมื่อเที่ยงนี้เอง, สิ้นลม หมดลม หรือ หมดอายุ ก็ว่า.
สิ้นชาติก. เสียเอกราช เช่น ถ้าโกงกินกันมาก ๆ วันหนึ่งจะต้องสิ้นชาติอย่างแน่นอน
สิ้นชาติโดยปริยายหมายความว่า ตัดความสัมพันธ์, ตัดไมตรี, เช่น สิ้นชาติขาดกันจนวันตาย.
สิ้นชีพก. ตาย เช่น เขาสิ้นชีพในสงคราม.
สิ้นชีพตักษัย, ถึงชีพิตักษัยก. ตาย (ใช้เฉพาะหม่อมเจ้า), โบราณใช้ว่า ถึงแก่ชีพิตักษัย ก็มี.
สิ้นชีวิตก. ตาย เช่น บิดามารดาเขาสิ้นชีวิตไปนานแล้ว.
สิ้นชื่อก. หมดชื่อเสียง เช่น เขาชกแพ้หลายครั้งติด ๆ กัน เลยสิ้นชื่อ
สิ้นชื่อตาย เช่น เขาถูกแทงทะลุหัวใจ เลยสิ้นชื่อ.
สิ้นเชิงก. สิ้นท่า, หมดท่า, หมดชั้นเชิง, เช่น อันธพาลเมื่อเจอนักสู้เข้าก็สิ้นเชิงนักเลง, โดยปริยายมักใช้กับคำ โดย หรือ อย่าง เป็น โดยสิ้นเชิง อย่างสิ้นเชิง หมายความว่า ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, ทุกประการ, เช่น ข่าวลือนี้ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง โครงการนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง.
สิ้นซากก. ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ เช่น รื้อตลาดเก่าออกไปจนสิ้นซาก.
สิ้นตำราว. จนปัญญา, หมดทาง, หมดฝีมือ, เช่น หมอช่วยคนไข้จนสิ้นตำรา คนไข้ก็ไม่ฟื้น, หมดตำรา ก็ว่า.
สิ้นแต้มก. หมดตาเดิน, ไม่มีตาเดิน, (มักใช้แก่การเล่นสกา), โดยปริยายหมายความว่า หมดหนทางคิดอ่าน เช่น พอมีปัญหาประดังกันเข้ามามาก ๆ เขาก็สิ้นแต้ม ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร.
สิ้นท่าก. หมดกระบวนท่าในการต่อสู้, ไม่มีทางต่อสู้, เช่น เขาเป็นคนเก่งแต่ปาก พอประสบปัญหาเข้าจริง ๆ ก็สิ้นท่า.
สิ้นเนื้อประดาตัวว. ไม่มีทรัพย์สมบัติเหลือติดตัว เช่น เขากลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะหมกมุ่นในการพนัน กิจการค้าของเขาล้มเหลวจนสิ้นเนื้อประดาตัว.
สิ้นบุญก. หมดบุญ, ตาย, เช่น เขาเป็นลูกกำพร้า พ่อแม่สิ้นบุญไปหลายปีแล้ว.
สิ้นประตูว. ไม่มีทาง.
สิ้นแผ่นดินก. ไม่มีแผ่นดินอยู่ เช่น บ้านเมืองที่เสียเอกราช คนในชาติก็สิ้นแผ่นดิน
สิ้นแผ่นดินสิ้นรัชสมัย เช่น สิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว.
สิ้นฝีมือว. เต็มความสามารถที่มีอยู่
สิ้นฝีมือหมดความสามารถ
สิ้นฝีมือหมดฝีมือ ก็ว่า
สิ้นฝีมือไม่มีใครเทียบความสามารถได้ เช่น ม่านนี้ฝีมือวันทองทำ จำได้ไม่ผิดนัยน์ตาพี่ เส้นไหมแม้นเขียนแนบเนียนดี สิ้นฝีมือแล้วแต่นางเดียว (ขุนช้างขุนแผน).
สิ้นพระชนม์ก. ตาย (ใช้แก่เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และสมเด็จพระสังฆราช).
สิ้นไร้ไม้ตอกว. ยากไร้, ขัดสนถึงที่สุด, เช่น เขาเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก บ้านไม่มีจะอยู่ เสื้อผ้าแทบไม่มีจะใส่.
สิ้นฤทธิ์ก. หมดฤทธิ์ เช่น เสือโคร่งพอถูกยิงด้วยลูกดอกยาสลบก็สิ้นฤทธิ์, หมดพยศ เช่น เด็กทำฤทธิ์ไม่ยอมกินข้าว พอหิวก็สิ้นฤทธิ์ จึงยอมกินแต่โดยดี.
สิ้นลมก. ขาดใจ, ตาย, เช่น เขาสิ้นลมไปด้วยอาการสงบ, สิ้นใจ หมดลม หรือ หมดอายุ ก็ว่า.
สิ้นลมปราณก. ตาย เช่น เขาสิ้นลมปราณไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้.
สิ้นลายก. หมดชั้นเชิง, ไม่มีชั้นเชิงเหลืออยู่, เช่น เสือปล้นธนาคารถูกตำรวจจับ เลยสิ้นลาย.
สิ้นสติก. สลบ, หมดความรู้สึก, เช่น เขาตกใจแทบสิ้นสติ เขาถูกต่อยจนสิ้นสติ.
สิ้นสติว. อาการที่ขาดความรู้สึกตัว เช่น เที่ยวดึก ๆ ทุกคืน พอกลับถึงบ้านก็นอนหลับเหมือนสิ้นสติ.
สิ้นสังขารก. ตาย เช่น ร้องประกาศแก่พหลพลยักษ์ อันรามลักษมณ์สุดสิ้นสังขาร (รามเกียรติ์).
สิ้นสุดก. ถึงที่สุด, จบ, เช่น การแข่งขันบาสเกตบอลสิ้นสุดลงเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น. การเจรจายุติสงครามสิ้นสุดลงแล้ว, สุดสิ้น ก็ว่า.
สิ้นไส้สิ้นพุงว. อาการที่เปิดเผยโดยมิได้ปิดบังอำพราง เช่น ผู้ร้ายสารภาพจนสิ้นไส้สิ้นพุง
สิ้นไส้สิ้นพุงหมดความรู้
สิ้นไส้สิ้นพุงที่ออกมาจนหมดท้อง เช่น เขาเมารถ อาเจียนเสียสิ้นไส้สิ้นพุง, หมดไส้หมดพุง ก็ว่า.
สิ้นหวังก. ไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย, หมดหวัง ก็ว่า.
สิ้นอายุขัยก. ตาย (มักใช้แก่ผู้สูงอายุ).
สุดสิ้นก. ถึงที่สุด เช่น เธอกับฉันสุดสิ้นกันนับแต่วันนี้, จบ เช่น การสัมมนาได้สุดสิ้นลงแล้ว, สิ้นสุด ก็ว่า.

อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน [เชื่อมโยงจาก orst.go.th แบบอัตโนมัติและผ่านการปรับแก้]
prostrationภาวะสิ้นกำลัง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
prostration, heatภาวะสิ้นกำลังเหตุความร้อน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
peremptory exceptionsการปฏิเสธคำฟ้องโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
peremptoryที่แน่นอน, เด็ดขาด, โดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
proof beyond reasonable doubtการพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยอันมีเหตุผล [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
loss of amenityความสูญสิ้นความสะดวกสบาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
loss of specieความสิ้นสภาพ [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
loan for consumptionยืมใช้สิ้นเปลือง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
lapseระงับไป, สิ้นสุดลง, ล่วงพ้นเวลา [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
sudden death clauseข้อกำหนดการสิ้นสุดลงทันที [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
strict liabilityความรับผิดสิ้นเชิง [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
strict liabilityความรับผิดโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
session, short; short sessionสมัยประชุมก่อนสิ้นวาระ (อเมริกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
sufferance, tenancy atการถือครองอสังหาริมทรัพย์หลังสัญญาเช่าสิ้นสุด [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
short session; session, shortสมัยประชุมก่อนสิ้นวาระ (อเมริกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
off riskสิ้นสุดการเสี่ยงภัย [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
anhedoniaภาวะสิ้นยินดี [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
achromic pointจุดสิ้นสี [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
achromiaภาวะไร้สี, ภาวะสิ้นสี [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
achromicไร้สี, สิ้นสี [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
actual total lossความเสียหายสิ้นเชิงแท้จริง [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
arranged total lossความเสียหายสิ้นเชิงตามตกลง [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
amenity, loss ofความสูญสิ้นความสะดวกสบาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
absolute liabilityความรับผิดโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
block markเครื่องหมายสิ้นสุดบล็อก [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔]
burn-off rate๑. อัตรายู่เสียดทาน๒. อัตราสิ้นเปลือง [การเชื่อม ๒๐ ก.ย. ๒๕๔๔]
marriage of completed fertilityการสมรสที่อยู่จนภาวะเจริญพันธุ์สิ้นสุดลง [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
membership, termination ofความสิ้นสุดแห่งสมาชิกภาพ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
marriage dissolution probabilityโอกาสที่การสมรสจะสิ้นสุด [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
method of extinct generationsวิธีศึกษาการสิ้นสุดของรุ่นวัย [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
mutuumสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
completeสมบูรณ์, ครบถ้วน, สิ้นสุด, เต็มที่ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
completed fertilityภาวะเจริญพันธุ์สิ้นสุดลง [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
completed parityจำนวนบุตรเต็มที่ (เมื่อสิ้นสุดวัยเจริญพันธุ์) [ ดู final parity ] [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
constructive total lossความเสียหายที่เสมือนเสียหายสิ้นเชิง [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
consumable electrodeลวดเชื่อมสิ้นเปลือง [การเชื่อม ๒๐ ก.ย. ๒๕๔๔]
consumable nozzle; consumable wire guideแกนนำลวดเชื่อมสิ้นเปลือง [การเชื่อม ๒๐ ก.ย. ๒๕๔๔]
consumable wire guide; consumable nozzleแกนนำลวดเชื่อมสิ้นเปลือง [การเชื่อม ๒๐ ก.ย. ๒๕๔๔]
cease to be bindingสิ้นความผูกพัน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ceasing ageอายุสิ้นเกณฑ์ [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
close of pleadingsสิ้นกำหนดยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
cost of completionค่าทดแทนความเสียหายโดยสิ้นเชิง (ในกรณีผิดสัญญา) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
determinable fee; determinable interestสิทธิประโยชน์ที่อาจสิ้นสุดลงได้ (ตามเงื่อนไขหรือตามกฎหมาย) [ ดู fee simple determinable ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
determinable interest; determinable feeสิทธิประโยชน์ที่อาจสิ้นสุดลงได้ (ตามเงื่อนไขหรือตามกฎหมาย) [ ดู fee simple determinable ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
determinateสิ้นสุด [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕]
disimmune-สิ้นภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
disimmunityสภาพสิ้นภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
dissolution of marriageความสิ้นสุดของการสมรส [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
dissolved marriageการสมรสที่สิ้นสุดลง [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
disposition๑. การโอนการครอบครอง, การสละสิทธิ์ (ก. แพ่ง)๒. การชี้ขาดคดีอาญา (เมื่อสิ้นการพิจารณา) (ป. วิ. อาญา) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]

อังกฤษ-ไทย: คลังศัพท์ไทย โดย สวทช.
พระเมรุเป็นเมรุที่ใช้สำหรับราชวงศ์ที่ทรงฐานานุศักดิ์ เมื่อตายใช้ราชาศัพท์ว่า ทิวงคต หรือสิ้นพระชนม์โดยที่ภายในพระเมรุไม่มีพระเมรุทอง [ศัพท์พระราชพิธี]
สิ้นพระชนม์ตาย (ใช้แก่เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า และสมเด็จพระ-สังฆราช) [ศัพท์พระราชพิธี]
ชีพิตักษัย(ราชาศัพท์) น. การสิ้นชีวิต. ก. ตาย, ใช้แก่หม่อมเจ้าว่า ถึงชีพิตักษัย [ศัพท์พระราชพิธี]
Conventional Energyพลังงานใช้แล้วหมด หรือที่เรียกว่า พลังงานสิ้นเปลือง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พลังงานฟอสซิล (Fossil Fuels), Example: พลังงานใช้แล้วหมดก็เพราะว่าหามาทดแทนไม่ทันการใช้ พลังงานพวกนี้ปรกติจะอยู่ใต้ดิน ถ้าไม่ขุดขึ้นมาตอนนี้ก็เก็บไว้ใช้ในอนาคตได้ บางทีจึงเรียกว่า พลังงานสำรอง [ปิโตรเลี่ยม]
Shipment of goodsการส่งสิ้นค้า [เศรษฐศาสตร์]
Shipping markป้ายกำกับสิ้นค้าที่ส่ง [เศรษฐศาสตร์]
Actinide seriesอนุกรมแอกทิไนด์, กลุ่มธาตุในตารางพีริออดิก ตั้งแต่ลำดับที่ 89 แอกทิเนียม (actinium, Ac) จนถึงลำดับที่ 103 ลอว์เรนเซียม (lawrencium, Lr) รวม 15 ธาตุ ซึ่งเป็นธาตุกัมมันตรังสีทั้งสิ้น [นิวเคลียร์]
Non-Renewable Energyพลังงานสิ้นเปลือง, Example: พลังงานที่ได้จากถ่านหิน หินน้ำมัน ทรายน้ำมัน น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และนิวเคลียร์ เป็นต้น [สิ่งแวดล้อม]
ASEAN-Australia Development Cooperation Programmeโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาอาเซียน-ออสเตรเลีย เป็นกรอบความร่วมมือระยะ 5 ปี ที่ออสเตรเลียให้ความร่วมมือกับ อาเซียนในด้านโครงการพัฒนากับอาเซียน โดยจะเริ่มโครงการครั้งแรกระหว่างช่วงปี พ.ศ. 2544-2549 มีมูลค่ารวม 45 ล้านเหรียญออสเตรเลีย ซึ่งอาเซียนต้องออกเงินสมทบโครงการอีกร้อยละ 20 อนึ่ง AADCP เป็นโครงการความร่วมมือที่เกิดขึ้นเพื่อทดแทน AAECP (ASEAN-Australia Economic Cooperation Programme หรือ โครงการร่วมมือด้านเศรษฐกิจอาเซียน-ออสเตรเลีย) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2546 [การทูต]
Aide-memoire หรือ Memoireแปลตามตัวอักษรว่า ช่วยความจำ เป็นหนังสือโต้ตอบทางการทูตประเภทหนึ่ง คือ บันทึกสังเขปของการเจรจาที่ได้กระทำกันเสร็จสิ้นแล้ว บันทึกช่วยจำเช่นนี้ไม่มีการกล่าวนำเป็นทางการและไม่มีการลงชื่อ ซึ่งจะมอบให้แก่กันเมื่อเสร็จการเจรจากันแล้ว ความมุ่งหมายของบันทึกนี้คือ เพื่อบันทึกข้อเท็จจริงไว้เป็นหลักฐานซึ่งผู้รับบันทึกทราบดีแล้วบันทึกช่วย จำก็คือ บันทึกสรุปการสนทนาทางการทูตอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างผู้แทนหรือพนักงานทางการทูตกับหัวหน้าหรือพนักงานของกระทรวงการต่าง ประเทศ จุดประสงค์ตามที่ชื่อบ่งอยู่แล้วว่า เป็นการสรุปประเด็นต่าง ๆ ในการสนทนาเพื่อเตือนความจำนั้นเอง ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ทางการทูตจะมอบบันทึกนี้ไว้กับกระทรวงการต่างประเทศ ในบันทึกนั้นบรรทัดแรกจะระบุว่าใครเป็นผู้ส่งและใครเป็นผู้รับบันทึก ผู้ส่งบันทึกจะต้องลงชื่อย่อกำกับบันทึกไว้ด้วยบันทึกช่วยจำอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า pro memoria โดยปกติภาษาที่ใช้ใน pro memoria จะมีลักษณะถ้อยคำเป็นทางการมากกว่า aide-memoire [การทูต]
Consular office Declared ?Non grata?เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลจะถูกประกาศว่าไม่พึงปรารถนา หรือไม่พึงโปรดได้ ดังข้อ 23 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติไว้ด้วยข้อความดังนี้?1. รัฐผู้รับอาจบอกกล่าวแก่รัฐผู้ส่งในเวลาใดก็ได้ว่าพนักงานฝ่ายกงสุลเป็น บุคคลที่ไม่พึงโปรด หรือบุคคลอื่นใดในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลเป็นที่ไม่พึงยอมรับได้ ในกรณีนั้นรัฐผู้ส่งจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นกลับ หรือเลิกการหน้าที่ของผู้นั้นต่อสถานที่ทำการทางกงสุล แล้วแต่กรณี2. ถ้ารัฐผู้ส่งปฏิเสธหรือไม่นำพาภายในเวลาอันสมควรที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีของ ตนตามวรรค 1 ของข้อนี้ รัฐผู้รับอาจเพิกถอนอนุมัติบัตรจากบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น หรือเลิกถือว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลก็ได้ แล้วแต่กรณี3. รัฐผู้รับอาจประกาศว่า บุคคลหนึ่งบุคคลใดซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล เป็นผู้ที่ไม่อาจยอมรับได้ ก่อนที่บุคคลนั้นจะมาถึงอาณาเขตของรัฐผู้รับ หรืออยู่ในรัฐผู้รับแล้ว แต่ก่อนเข้ารับหน้าของตนต่อสถานที่ทำการทางกงสุลก็ได้ ในกรณีใด ๆ เช่นว่านั้น รัฐผู้ส่งจะเพิกถอนการแต่งตั้งบุคคลนั้น4. ในกรณีที่ได้บ่งไว้ในวรรค 1 และ 3 ของข้อนี้ รัฐผู้รับไม่มีพันธะที่จะต้องให้เหตุผลในการวินิจฉัยของตนแก่รัฐผู้ส่ง?การ ที่รัฐผู้รับปฏิเสธที่จะออกอนุมัติบัตร หรือเพิกถอนอนุมัติบัตรหลังจากที่ได้ออกให้ไปแล้วนั้น เป็นสิทธิของรัฐผู้รับอันจะถูกโต้แย้งมิได้ ประเด็นที่เป็นปัญหาก็คือ รัฐผู้รับมีพันธะที่จะต้องอธิบายเหตุผลอย่างใดหรือไม่ ในการที่ปฏิเสธไม่ยอมออกอนุมัติบัตร หรือเพิกถอนอนุมัติบัตร หลังจากที่ได้ออกให้ไปแล้วข้อนี้ น้ำหนักของผู้ทรงอำนาจหน้าที่ดูแลจะเห็นคล้อยตามทรรศนะที่ว่า รัฐผู้รับไม่จำเป็นต้องแสดงเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นในการกระทำดังกล่าวเหตุผลของการไม่ยอมออกอนุมัติบัตรให้นั้นคือว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วย หรือไปแสดงสุนทรพจน์อันมีข้อความเป็นที่เสื่อมเสียแก่รัฐผู้รับ หรือเคยมีส่วนร่วมในการก่อการกบฏต่อรัฐผู้รับหรือเข้าไปแทรกแซงกิจการการ เมืองภายในของรัฐผู้รับ เป็นต้น [การทูต]
Dean (หรือ Doyen) of the Diplomatic Corpsหัวหน้า (Dean) ของคณะทูตานุทูตในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ได้แก่ ตัวทูตที่อาวุโสที่สุด (คือเป็นทูตอยู่ในประเทศนั้นๆ เป็นเวลานานที่สุด) ตัวหัวหน้าคณะทูตานุทูตจะมีลำดับอาวุโสเหนือทุกคนในคณะทูตานุทูต ทำหน้าที่เป็นโฆษกของคณะทูตเมื่อถึงความจำเป็น และเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองบรรดาเอกสิทธ์และความคุ้มกันทางการทูตที่คณะ ทูตานุทูตมีอยู่ แต่หน้าที่ที่แท้จริงนั้น โดยมากเกี่ยวกับเรื่องพิธีการทูตมากกว่า อาทิเช่น เมื่อถึงวันที่ระลึกครบรอบวันเกิดประมุขของรัฐ (เช่นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในประเทศไทย) Dean ของคณะทูตจะเป็นผู้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าวในนามของคณะทูตทั้งหมด แต่การที่จะเรียกหรือขอให้บุคคลในคณะทูตไปประชุมเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง นั้น เป็นสิ่งที่ Dean ไม่พึงกระทำ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผู้แทนทางการทูตคนใดไปร่วมการประชุมระหว่างบุคคลในคณะทูตด้วยกัน เกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศโดยมิได้รับคำสั่งโดยเฉพาะจากรัฐบาลของตนก่อน ภริยาของ Dean หรือ Doyen นั้นเรียกว่า Doyenneเมื่อหัวหน้าคณะทูตวายชนม์ขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ บุคคลในคณะทูตที่มีอาวุโสรองลงมาหรือเป็นบุคคลที่สองจะเป็นผู้รับช่วงงาน ทันที และมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Chargé d?Affaires ad interim) ทั้งจะต้องดูว่า เอกสารทางราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกสารลับหรือปกปิด จะไม่ทิ้งรวมอยู่กับ เอกสารส่วนตัวของทูตผู้วายชนม์อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทาง การทูต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1961 จากการประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับการติดต่อและความคุ้มกันทางการทูต ได้บัญญัติไว้ว่า?ข้อ 39 (3) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามี สิทธิที่จะได้รับไปจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป(4) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว ให้รัฐผู้รับอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่ส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้ามในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในคราอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดกและการรับมรดกนั้น ๆ ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับ เพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่ฝ่ายเดียวของผู้วายชนม์ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทนอนึ่ง อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1963 ได้บัญญัติไว้ว่า ?ข้อ 51 ในกรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล หรือของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว รัฐผู้รับ(ก) จะอนุญาตให้ส่งออกซึ่งสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ โดยมีข้อยกเว้นแก่ทรัพย์สินเช่นว่า ทรัพย์ใด ๆ ที่ได้มาในรัฐผู้รับนั้น ซึ่งการส่งออกของทรัพย์ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลดังกล่าวถึงแก่มรณกรรม(ข) จะไม่เรียกเก็บอากรกองมรดก อากรสืบช่วงมรดกหรืออากรรับมรดก และอากรการโอน ไม่ว่าจะเป็นอากรของชาติ ของภูมิภาค หรือของเทศบาล จากสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการที่สังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ในรัฐผู้รับก็เนื่องมาแต่ฝ่ายเดียว จากการที่ผู้วายชนม์อยู่ในรัฐนั้นฐานะบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุลหรือใน ฐานะคนในครอบครัวของบุคคลในที่ทำการกงสุล? ?ข้อ 53(5) กรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล คนในครอบครัวซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว จะคงได้รับอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ประสาทให้แก่ตนต่อไป จนกว่าตนจะออกไปจากรัฐผู้รับ หรือจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะสามารถให้ตนกระทำดังนั้นได้ แล้วแต่ว่าเวลาไหนจะมาถึงก่อนกัน? [การทูต]
Diplomatic Expressionsถ้อยคำสำนวนที่ใช้ในวงการทูต กล่าวคือ ในวงการทูตจะมีการนิยมใช้ถ้อยคำสำนวนการทูต ถือกันว่าเป็นภาษาที่สุภาพ ซึ่งจะมีความหมายลึกซื้งเพียงใดนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูตจะทราบกันดี อาทิเช่น?My Government views with concern หรือ with grave concern? จะแสดงถึงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย หรือแสดงการประท้วง?My Government cannot remain indifferent to the matter? จะส่อถึงเจตนาที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปส่วนถ้อยคำสำนวนที่ว่า ?In such event my Government would feel bound to reconsider its position หรือ to consider its own interest??My Government will have to claim a free hand? หรือ ?feel obliged to formulate express reservations regarding?เหล่านี้เป็นถ้อยคำสำนวนที่เตือนให้ทราบว่า อาจเกิดการแตกร้าว หรือตัดขาดในพันธไมตรีที่มีต่อกันได้เมื่อรัฐบาลหนึ่งประกาศถือว่าการกระทำ ของอีกรัฐบาลหนึ่งเป็น ?an unfriendly act? หรือการกระทำที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ ย่อมหมายถึงการเตือนให้ทราบว่า การกระทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่สงครามได้ถ้าหากในตอนเสร็จสิ้นการประชุมกันมีการ แถลงการณ์หรือโฆษกของที่ประชุมแจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมได้ทำความตกลงกันโดยสมบูรณ์ (Full agreement) แต่ไม่มีการเปิดเผยให้ทราบว่ามีการตกลงอะไรกันบ้าง จะทำให้เป็นที่สงสัยกันว่าได้มีการตกลงกันโดยสมบูรณ์จริงละหรือ ถ้าหากคำประกาศนั้นใช้ถ้อยคำว่า มี ?substantial agreement? ก็พอจะอนุมานได้ว่าแท้ที่จริงยังมีเรื่องสำคัญ ๆ ที่ยังตกลงกันไม่ได้อีกบางเรื่อง อนึ่ง หากว่ามีการแถลงว่า ?there was a full exchange of views? ก็เท่ากับพูดว่า มิได้มีการตกลงกันแต่อย่างใดทั้งสิ้น [การทูต]
Diplomatic Pouchถุงเมล์ทางการทูตที่บรรจุหนังสือโต้ตอบทางราชการ ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาล กับสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ใน ต่างประเทศ ถุงเมล์ทูตจะถูกปิดประทับตราของทางราชการ และผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ขอตรวจไม่ได้ คือได้รับการละเว้นจากการแทรกแซงใด ๆ ทั้งสิ้นเรื่องถุงเมล์ทางการทูตนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในข้อ 27 ว่า?1. ในรัฐผู้รับจะอนุญาตและคุ้มครองการสื่อสารโดยเสรีในส่วนของคณะผู้แทน เพื่อความมุ่งประสงค์ทั้งมวลในการติดต่อกับคณะรัฐบาลและกับคณะผู้แทน และสถานกงสุลอื่นของรัฐผู้ส่งไม่ว่าตั้งอยู่ที่ใด คณะผู้แทนอาจใช้วิถีทางเหมาะสมทั้งมวลได้ รวมทั้งผู้สื่อสารทางการทูต และสารเป็นรหัสหรือประมวล อย่างไรก็ดี คณะผู้แทนอาจติดตั้งและใช้เครื่องส่งวิทยุได้ด้วยความยินยอมของรัฐผู้รับ เท่านั้น 2. หนังสือโต้ตอบทางการทูตของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ หนังสือโต้ตอบทางการทูตหมายถึง หนังสือโต้ตอบทั้งมวลที่เกี่ยวกับคณะผู้แทนและภารกิจหน้าที่ของคณะผู้แทน 3. ถุงเมล์ทางการทูตจะไม่ถูกเปิดหรือถูกกักไว้ 4. หีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางการทูตจะต้องมีเครื่องหมายติดไว้ภายนอกที่เห็น ชัดเจน แสดงลักษณะของถุงทางการทูตและอาจบรรจุเอกสารหรือสิ่งของทางการทูต ซึ่งได้เจตนาเพื่อใช้ในทางการเท่านั้น 5. ผู้ถือสารทางการทูต (Diplomatic courrier) จะได้รับเอกสารทางการ แสดงสถานภาพของตนและจำนวนหีบห่อ ซึ่งรวมเป็นถุงทางทูตนั้น ให้ได้รับความคุ้มครองจากรัฐผู้รับในการปฏิบัติการตามหน้าที่ของตน ให้ผู้ถือสารทางการทูตได้อุปโภคความละเมิดมิได้ และจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือกักในรูปใด 6. รัฐผู้ส่งหรือคณะผู้แทนอาจแต่งตั้งผู้ถือสารทางการทูตเฉพาะกรณีได้ในกรณีที่ ว่านี้ให้นำบทแห่งวรรค 5 ของข้อนี้มาใช้ด้วย เว้นแต่ว่าความคุ้มกันที่กล่าวไว้ในวรรคนั้นให้ยุติไม่ใช้ เมื่อผู้ถือสารนี้ได้ส่งถุงทางการทูตในหน้าที่ของตนให้แก่ผู้รับแล้ว 7. ถุงทางการทูตอาจจะมอบหมายไว้แก่ผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งได้มีพิกัดจะลง ณ ท่าเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตแล้วได้ ให้ผู้บังคับบัญชาของเครื่องบินพาณิชย์รับเอกสารทางการ แสดงจำนวนหีบห่อซึ่งรวมเป็นถุง แต่ไม่ให้ถือว่าผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์เป็นผู้ถือสารทางการทูต คณะผู้แทนอาจส่งบุคคลหนึ่งในคณะผู้แทนไปรับมอบถุงทางการทูตได้โดยตรงและโดย เสรีจากผู้บังคับการของเครื่องบิน?คำว่าถุงทางการทูตนี้ กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษเรียกว่า ?Diplomatic bag? ส่วนในภาษาฝรั่งเศสใช้คำว่า ?Valise Diplomatique? [การทูต]
Duration of Diplomatic Privileges and Immunitiesระยะเวลาของการอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทาง การทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตราที่ 39 ว่า?1. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ที่จะได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันนั้นตั้งแต่ขณะที่บุคคลนั้นเข้ามาใน อาณาเขตของรัฐผู้รับในการเดินทางไปรับตำแหน่งของตน หรือถ้าอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ได้บอกกล่าวการแต่งตั้งของตนต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน 2. เมื่อภารกิจหน้าที่ของบุคคล ซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันยุติลง เอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามปกติให้สิ้นสุดลงขณะที่บุคคลนั้นออกไปจากประเทศ หรือเมื่อสิ้นกำหนดอันสมควรที่จะทำเช่นนั้น แต่จะยังมีอยู่จนกระทั่งเวลานั้น แม้ในกรณีของการขัดแย้งด้วยอาวุธ อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปโดยบุคคลเช่นว่านั้น ในการปฏิบัติการหน้าที่ของตนในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน ความคุ้มกันนั้นให้มีอยู่สืบไป 3. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามีสิทธิที่จะได้สืบไป จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป 4. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นอยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว รัฐผู้รับสามารถอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่การส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดก และการรับมรดกนั้น ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับเพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่เพียงถ่ายเดียวของผู้วายชนม์ ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือในฐานะเป็นคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน? [การทูต]
Geneva Conference on the Problem of Restoring Peace in Indo-Chinaการประชุม ณ นครเจนีวา ว่าด้วยปัญหาการนำสันติภาพกลับคืนสู่อินโดจีน ในการประชุมนี้ มีการทำความตกลงกันเกี่ยวกับการหยุดสู้รบระหว่างกำลังทหารในประเทศเวียดนาม กัมพูชา และลาว กับกำลังทหารฝรั่งเศส ความตกลงดังกล่าวได้กระทำกันในนครเจนีวา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1954 มีผู้แทนจากประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ฝรั่งเศส ลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐเวียดนาม (เวียดนามใต้) สหภาพโซเวียต สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมการประชุมตามข้อตกลงนี้ให้มีการยุติการสู้รบในกัมพูชา ลาว และเวียดนาม และการปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติในความตกลงดังกล่าว ให้อยู่ใต้ความควบคุมและดูแลระหว่างประเทศ ที่ประชุมเจนีวาได้แสดงความมั่นใจว่า ในการปฏิบัติตามข้อตกลงจะปล่อยให้กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ได้แสดงบทบาทภายใต้ความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของตนอย่างสมบูรณ์ภายใน ประชาคมนานาชาติ สำหรับความตกลงเกี่ยวกับเวียดนามใด้ห้ามมิให้นำกองทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่าย ทหารของต่างชาติ รวมทั้งอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารทุกชนิดเข้าไปในประเทศนั้น ที่ประชุมยังได้รับรองว่า วัตถุประสงค์สำคัญยิ่งของความตกลงเกี่ยวกับเวียดนามคือ ต้องการระงับปัญหาต่าง ๆ ทางทหาร เพื่อยุติการสู้รบ และการปักปันเส้นเขตแดนทางทหารนั้น ให้ถือเป็นการชั่วคราว มิได้หมายความว่าเป็นแนวแบ่งเขตทางการเมืองหรือทางดินแดนแต่ประการใดทั้งสิ้น [การทูต]
Gorbachev doctrineนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต]
Great Powersประเทศมหาอำนาจ รัฐที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศมหาอำนาจ คือรัฐที่มีอำนาจอิทธิพลครอบงำในกิจการระหว่างประเทศ ไม่มีกฎหมายใดๆ ที่จะกำหนดว่าประเทศนั้น ประเทศนี้มีสถานภาพเป็นมหาอำนาจ หากเป็นเพียงเพราะรัฐนั้นๆ มีขนาด พละกำลัง และอำนาจอิทธิพลทางเศรษฐกิจเป็นพื้นฐาน และจะสังเกตได้ว่า สถานะของกลุ่มประเทศมหาอำนาจเช่นนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้บ่อยๆ เช่น ในสมัยการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาในปี ค.ศ. 1815 ประเทศมหาอำนาจในสมัยนั้นได้แก่ อังกฤษ ออสเตรีย ฝรั่งเศส ปอร์ตุเกส ปรัสเซีย สเปน สวีเดน และรัสเซีย หลังจากนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่เกี่ยวกับพละกำลังของประเทศมหาอำนาจ คือก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ หนึ่ง ประเทศที่จัดว่าเป็นมหาอำนาจในตอนนั้นคือ อังกฤษ ฮังการี ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่นอกยุโรป เมื่อตอนสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศที่เป็นมหาอำนาจได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ โซเวียตรัสเซีย ฝรั่งเศส และจีน พึงสังเกตด้วยว่า องค์การสหประชาชาติได้ถือว่า ประเทศทั้ง 5 นี้มีอำนาจและมีความสำคัญมากที่สุดในขณะนั้น ทั้ง 5 ประเทศนี้ต่างเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ซึ่งมีอำนาจใช้สิทธิยับยั้ง (Veto) ในที่ประชุม ซึ่งในปัจจุบันก็ยังปฏิบัติเช่นนั้นอยู่ [การทูต]
Intelligenceเรื่องสืบราชการลับ กล่าวอย่างกว้าง ๆ คือ เรื่องลับไม่ว่าชนิดใด โดยเฉพาะที่จะมีประโยชน์แก่ผู้กำหนดนโยบาย หรือฝ่ายทหารที่มีหน้าที่ว่างนโยบายหรือวางแผนยุทธศาสตร์ ถือว่าเป็น Intelligence ทั้งสิ้น เช่น ในสหรัฐอเมริกามีองค์กรสืบราชการลับอยู่หลายแห่ง เช่น CIA (สำนักงานสืบราชการลับกลาง) The NSA (National Security Agency หรือองค์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ) G-2 (ฝ่ายสืบราชการลับของกองทัพบก) FBI (Federal Bureau of Investigation หรือหน่วยสืบสวนของรัฐบาลกลาง) Bureau of Intelligence and Research of the State Department หรือหน่วยสืบราชการลับและวิจัยของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รวมทั้งฝ่ายสืบราชการลับของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ส่วนในโซเวียตรัสเซีย (ปัจจุบันเรียกชื่อใหม่ว่ารัสเซีย) แต่เดิมมีองค์การสืบราชการลับอยู่จำนวนหนึ่ง ที่สำคัญๆ ได้แก่ ฝ่ายสืบราชการลับทางทหารของกระทรวงกลาโหม หรือที่เรียกว่า YRU (Ylavnoe Razdevyvatelnoe Uptavlenie) และ KGB (Kommissariat Gosudatstvennoie Bezopastnotsi หรือ Commisariat of State Security) ในประเทศอังกฤษ มีฝ่ายสืบราชการลับเรียกว่า M15 (British Counter Intelligence) M16 เป็นหน่วยสาขาซึ่งทำงานด้านจารกรรมในต่างประเทศ และ M18 เป็นฝ่ายสืบราชการฝ่ายทหาร (Cryptographic Bureau of Military Intelligence) [การทูต]
International Court of Justiceศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า ศาลโลก ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1945 ตามกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติ กฎข้อบังคับ (Statute) ของศาลโลกนั้นได้ผนวกอยู่ท้ายกฎบัตรของสหประชาชาติ และถือเป็นส่วนสำคัญอย่างแยกจากกันมิได้ของกฎบัตร ศาลนี้ตั้งอยู่ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ถือเป็นองค์กรแห่งศาลหรือแห่งตุลาการสำคัญที่สุดขององค์การสหประชาชาติ ประเทศใดที่เข้าเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลก ย่อมมีสิทธิที่จะส่งคดีใดก็ตามไปให้ศาลโลกพิจารณาได้ ภายใต้เงื่อนไขที่คณะมนตรีความมั่นคงได้จัดวางไว้ นอกจากนั้น คณะมนตรีความมั่นคงก็อาจจะส่งกรณีพิพาททางกฎหมายไปให้ศาลพิจารณาได้ทั้ง สมัชชาและคณะมนตรีความมั่นคงสามารถขอคำปรึกษาหรือความเห็นจากศาลเกี่ยวกับ ปัญหาข้อกฎหมายใดๆ และองค์กรอื่น ๆ ของสหประชาชาติ อันรวมถึงองค์การชำนัญพิเศษ ก็สามารถขอคำปรึกษา หรือความเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาทางกฎหมายใดๆ ที่อยู่ภายในกรอบของงานที่ปฏิบัติอยู่ แต่ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุมัติเห็นชอบจากสมัชชาสหประชาชาติก่อน สมัชชาเคยมอบอำนาจเช่นนี้แก่คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะมนตรีภาวะทรัสตี คณะกรรมาธิการระหว่างกาล (Interim Committee) ของสมัชชา รวมทั้งองค์กรระหว่างรัฐบาลบางแห่งด้วยรัฐทั้งหมดที่เป็นสมาชิกของสหประชา ชาติถือว่าเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลกไปในตัว ส่วนประเทศใดที่มิใช่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็อาจเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลกได้ ตามเงื่อนไขที่สมัชชาสหประชาชาติเป็นผู้กำหนดเป็นราย ๆ ไป ตามข้อเสนอแนะของคณะมนตรีความมั่นคง ศาลโลกมีอำนาจที่จะพิจารณาปัญหาทั้งหลายที่รัฐสมาชิกขอให้พิจารณา รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ทั้งหลายที่ระบุอยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ และตามสนธิสัญญาหรืออนุสัญญาที่ใช้บังคับอยู่ รัฐสมาชิกย่อมยอมผูกพันตนล่วงหน้าได้ที่จะยอมรับอำนาจศาลในกรณีพิเศษต่าง ๆ โดยจะต้องลงนามในสนธิสัญญา หรืออนุสัญญาซึ่งยอมให้ส่งเรื่องไปที่ศาลได้ หรือออกประกาศเป็นพิเศษว่าจะปฏิบัติเช่นนั้น ในคำประกาศเช่นนั้นจะต้องระบุว่ายอมรับอำนาจบังคับของศาลโลก และอาจจะยกเว้นคดีบางประเภทมิให้อยู่ในอำนาจของศาลได้ ในการวินิจฉัยลงมติ ศาลโลกจะอาศัยแหล่งที่มาของกฎหมายต่าง ๆ ดังนี้ คือ- สัญญาหรืออนุสัญญาระห่างประเทศซึ่งวางกฎข้อบังคับที่รัฐคู่กรณียอมรับ- ขนบธรรมเนียมระหว่างประเทศซึ่งมีหลักฐานแสดงว่าเป็นหลักปฏิบัติทั่วไปตามที่ กฎหมายรับรองศาลโลกอาจจะตัดสินชี้ขาดว่าสิ่งใดยุติธรรมและดี โดยรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตกลงเห็นชอบด้วยคณะมนตรีความมั่นคงอาจจะรับการขอ ร้องจากรัฐภาคีหนึ่งใดในกรณีพิพาท ให้กำหนดมาตรการที่จะใช้เพื่อให้คำตัดสินของศาลมีผลบังคับ ถ้าคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามข้อผูกพันภายใต้อำนาจศาลศาลโลก ประกอบด้วยผู้พิพากษารวม 15 ท่าน ซึ่งถือกันว่าเป็น ?สมาชิก? ของศาล และได้รับเลือกตั้งจากสมัชชาและคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ผู้พิพากษาเหล่านี้จะมีอำนาจออกเสียงลงคะแนนอย่างอิสระเสรีหลักเกณฑ์การคัด เลือกผู้พิพากษาศาลโลกจะถือตามคุณสมบัติขอผู้พิพากษานั้น ๆ มิใช่ถือตามสัญชาติของบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ดี จะมีการระมัดระวังด้วยว่า กฎหมายที่นำมาใช้ในศาลจะต้องมาจากระบบกฎหมายที่สำคัญ ๆ ของโลก ในศาลโลกจะมีผู้พิพากษาที่เป็นชาติเดียวกันมากกว่าหนึ่งคนไม่ได้ ผู้พิพากษาทั้งหลายจะมีสิทธิ์ดำรงอยู่ในตำแหน่งได้ เป็นเวลา 9 ปี มีสิทธิ์ได้รับเลือกตั้งซ้ำได้ และระหว่างที่ดำรงอยู่ในตำแหน่ง จะต้องไม่ประกอบอาชีพการงานอื่นใดทั้งสิ้น [การทูต]
Inviolability of the Mission Premisesคือความละเมิดมิได้จากสถานที่ของคณะผู้แทน หมายความว่า บ้านของตัวแทนทางการทูต รวมทั้งสถานที่อื่น ๆ ที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการทูต รวมถึงตึกรามใด ๆ ที่ผู้แทนทางการทูตใช้ดำเนินงานทางการทูตในตำแหน่งที่ของเขา ไม่ว่าสถานที่นั้น ๆ จะเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลของเขาหรือเป็นของเขาเอง หรือแม้แต่เป็นสถานที่ที่ให้ตัวแทนทางการทูตเช่า เหล่านี้จะได้รับความคุ้มกัน (Immunity) ทั้งสิ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด โดยเฉพาะเจ้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เก็บภาษี หรือเจ้าหน้าที่ศาล จะเข้าไปในที่อยู่หรือทำเนียบของผู้แทนทางการทูตมิได้ นอกจากจะได้รับความยินยอมให้กระทำเช่นนั้นอย่างไรก็ดี หากเกิดอาชญากรรมขึ้นภายในสถานที่ของคณะผู้แทน หรือในที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต โดยบุคคลซึ่งมิได้อุปโภคความละเมิดมิได้ ตัวแทนทางการทูตผู้นั้นจะต้องมอบตัวอาชญากรดังกล่าวให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นตาม ที่ขอร้อง กล่าวโดยทั่วไป ตัวแทนทางการทูตจะยอมให้ที่พักพิงในสถานทูตแก่อาชญากรใด ๆ ไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีที่เห็นว่าอาชญากรผู้นั้นตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกฆ่าจากฝูงชน ที่ใช้ความรุนแรง ก็จะยอมให้เข้าไปพักพิงได้เป็นกรณีพิเศษในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้กล่าวไว้ในข้อ 22 ดังนี้ ?1. สถานที่ของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ ตัวแทนของรัฐผู้รับไม่อาจเข้าไปในสถานที่นั้นได้ เว้นแต่ด้วนความยินยอมของหัวหน้าคณะผู้แทน 2. รัฐผู้รับมีหน้าที่พิเศษที่จะดำเนินการทั้งมวลที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสถานที่ของคณะผู้แทนจากการบุกรุกหรือความเสียหายใด ๆ และที่จะป้องกันการรบกวนใด ๆ ต่อความสงบสุขของคณะผู้แทน หรือการทำให้เสื่อมเสียเกียรติ 3. สถานที่ของคณะผู้แทน เครื่องตกแต่ง และทรัพย์สินอื่นของคณะผู้แทนในสถานที่นั้น ตลอดจนพาหนะในการขนส่งของคณะผู้แทน ให้ได้รับความคุ้มกันจาการค้น การเรียกเกณฑ์ การอายัด หรือการบังคับคดี ? [การทูต]
Marshall Planแผนการมาร์แชล ในโอกาสวันประสาทปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ยอร์ช ซี.มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยนั้น ได้กล่าวอยู่ตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ว่า?สหรัฐอเมริกาควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะ สามารถกระทำได้ เพื่อช่วยให้ดินแดนต่าง ๆ ในโลกได้กลับคืนสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจ เพราะหากปราศจากภาวะดังกล่าว โลกก็จะไม่มีเสถียรภาพที่สถาพร นโยบายของสหรัฐฯ มิได้มุ่งจะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศใดหรือลัทธิใด หากมุ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อความหิวโหย ความยากจน ความสิ้นหวัง และความยุ่งเหยิง การที่จะให้สหรัฐอเมริการับภาระในการจัดวางโครงการแต่ฝ่ายเดียว เพื่อช่วยให้ทวีปยุโรปสามารถช่วยตนเองทางเศรษฐกิจขึ้นใหม่ นับว่ายังไม่เหมาะสมและถูกต้องนัก ควรจะให้เป็นภาระหน้าที่ของชนชาวยุโรปทั้งหลายเอง บทบาทของสหรัฐฯ ควรจะเป็นเพียงผู้เสนอให้ความความช่วยเหลือฉันมิตร ในการร่างโครงการช่วยเหลือทวีปยุโรป และให้ความสนับสนุนแก่โครงการนั้น ตราบที่โอกาสจะเอื้ออำนวยต่อการกระทำเช่นนั้นได้?จากสุนทรพจน์ข้างต้น พอจะเข้าใจจุดประสงค์สำคัญของสหรัฐอเมริกาได้ไม่ยากว่า ไม่ต้องการให้ทวีปยุโรป ซึ่งกำลังอ่อนแอโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหลังจากเสร็จสงครามใหม่ ๆ ต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจครอบงำของฝ่ายคอมมิวนิสต์นั่นเอง [การทูต]
Neutralization, Neutrality หรือ Neutralismคำว่า Neutraliza-tion หมายถึง กระบวนการซึ่งรัฐได้รับการค้ำประกันความเป็นเอกราชและบูรณภาพอย่างถาวรภาย ใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับการประกันรับรองให้เป็นกลาง (Neutralized State) เช่นนี้จะผูกมัดตนว่า จะละเว้นจาการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าประเทศใดทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าจะถูกโจมตีก่อน ตัวอย่างอันเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความ เป็นกลางอย่างถาวร คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามปฏิญญา (Declaration) ซึ่งมีการลงนามกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 ประเทศใหญ่ ๆ ในสมัยนั้น คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ปรัสเซีย และรัสเซีย ได้รับรองว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นการจำเป็นที่จะให้รัฐเฮลเวติก(Helvetic Swiss States) ได้รับการประกันความเป็นกลางตลอดไป ทั้งยังประกาศด้วยว่า รัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงรับปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้เมื่อไร ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ก็จะได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางในทันที และแล้วสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศยอมรับปฏิบัติตาม หรือให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 บรรดาประเทศที่รับรองค้ำประกันความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์จึงประกาศ รับรองดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1815 อนึ่ง การค้ำประกันความเป็นกลางในลักษณะที่ครอบคลุมทั้งประเทศของรัฐใดรัฐหนึ่ง นั้น มีความแตกต่างกับการค้ำประกันเพียงดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางจะ ไม่ยอมให้ฝ่ายใดใช้ดินแดนส่วนที่ค้ำประกันนั้นเป็นเวทีสงครามเป็นอันขาด การค้ำประกันความเป็นกลางยังมีอีกแบบหนึ่งคือ รัฐหนึ่งจะประกาศตนแต่ฝ่ายเดียวว่าจะรักษาความเป็นกลางของตนตลอดไปโดยถาวร แต่ในกรณีเช่นนี้ ความเป็นเอกราชและบูรณภาพของรัฐที่ประกาศตนเป็นกลางเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ได้รับการค้ำประกันร่วมกันจากรัฐอื่น ๆ แต่อย่างใดส่วนคติหรือลัทธิความเป็นกลาง (Neutralism) เป็นศัพท์ที่หมายถึงสถานภาพของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการน้ำประเทศของตนเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสงครามเย็น ( Cold War) ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศภาคตะวันออกกับกลุ่มประเทศภาค ตะวันตก นอกจากนี้ ผู้นำบางคนในกลุ่มของรัฐที่เป็นกลาง ไม่เห็นด้วยกีบการที่ใช้คำว่า ?Neutralism? เขาเหล่านี้เห็นว่าควรจะใช้คำว่า ?ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด? ( Uncommitted ) มากกว่าจะเห็นได้ว่า คำว่า ?ความเป็นกลาง? ( Neutrality ) นั้น หมายถึงความเป็นกลางโดยถาวร ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากกลุ่มประเทศกลุ่มหนึ่ง เช่นในกรณีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้หรือหมายถึงความเป็นกลางเฉพาะในดินแดน ส่วนหนึ่งของรัฐที่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปทำสงครามกันในดินแดนที่เป็นกลางส่วน นั้นเป็นอันขาดก็ได้ ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่า แก่นแท้ในความหมายของความเป็นกลาง ( Neutrality) จึงอยู่ที่ท่าที หรือ ทัศนคติของประเทศที่ดำรงตนเป็นกลาง ไม่ต้องการเข้าข้างประเทศคู่สงครามใด ๆ ในสงคราม ในสมัยก่อนผู้คนยังไม่รู้จักความคิดเรื่องความเป็นกลางดังที่รู้จักเข้าใจ กันในปัจจุบัน ความเป็นกลางเป็นผลมาจากการทยอยวางหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความเป็นกลาง นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน [การทูต]
New World Orderระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต]
Nuclear Test Banหมายถึง สนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งในบรรยากาศ ในอวกาศ และใต้น้ำ สนธิสัญญาฉบับนี้ได้มีผลบังคับเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1963 ประเทศที่ลงนามเริ่มแรกในสนธิสัญญาได้แก่ อังกฤษ สหภาพโซเวียต และ สหรัฐอเมริกา รวมสามประเทศจุดมุ่งหมายสำคัญของสนธิสัญญาคือ รัฐบาลของประเทศทั้งสาม ต้องการให้มีการทำความตกลงกันเป็นผลสำเร็จเกี่ยวกับการลดอาวุธ หรือปลดกำลังอาวุธทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ภายใต้การควบคุมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ตามความมุ่งประสงค์ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งต้องการให้ยุติหรือเลิกการแข่งขันกันสะสมอาวุธ และกำจัดมิให้มีเหตุจูงใจที่จะผลิตและทดสอบอาวุธไม่ว่าชนิดใดทั้งหมด รวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ด้วย นอกจากนี้ ยังเสาะแสวงหาที่จะให้หยุดการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ไปตลอดชั่วกาลนานสนธิ สัญญานี้มีข้อความอยู่ 5 มาตรา และไม่จำกัดอายุเวลา ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ ทั้งหลายเข้าร่วมลงนามเป็นภาคีได้ ในทางตรงกันข้าม ประเทศภาคีก็มีสิทธิใช้อธิปไตยแห่งชาติได้เพื่อถอนตัวจากสนธิสัญญา ถ้าหากประเทศนั้น ๆ เห็นว่า ประโยชน์อันสูงสุดของประเทศตนต้องตกอยู่ในอันตราย และแจ้งล่วงหน้าสามเดือนให้ประเทศภาคีอื่น ๆ ทั้งหมดทราบการตกลงใจนั้น [การทูต]
Open Diplomacyคือการทูตแบบเปิดเผย อดีตประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นบุคคลที่สนับสนุนและเผยแพร่วิธีการทูตแบบเปิดเผยอย่างเต็มที่ หวังจะให้ชุมชนนานาชาติพร้อมใจกันสนับสนุนการทูตนี้เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1918 วูดโรว์ วิลสัน ได้ประกาศให้โลกทราบนโยบายของท่าน 14 ข้อ ข้อหนึ่งในจำนวนนั้นท่านปรารถนาว่า ในอนาคตประเทศต่าง ๆ ควรจะทำความตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องสันติภาพอย่างเปิดเผย และต่อไปไม่ควรจะมีการเจรจาทำความตกลงระหว่างประเทศแบบลับเฉพาะอย่างใดทั้ง สิ้นแม้ว่าโดยทั่วไปจะเห็นพ้องด้วยกับนโยบายข้อแรกของ วูดโรว์ วิลสัน คือ ความตกลงหรือสนธิสัญญาใด ๆ เมื่อตกลงเสร็จสิ้นแล้ว ให้ประกาศเปิดเผยให้โลกทราบ แต่สำหรับข้องสองคือการเจรจาในระหว่างทำสนธิสัญญาให้กระทำกันอย่างเปิดเผย นั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเห็นว่าลำพังการเจรจานั้น โดยสารัตถะสำคัญแล้วควรจะถือเป็นความลับไว้ก่อนจนกว่าจะเสร็จการเจรจา ทั้งนี้ เซอร์เดวิด เคลลี่ อดีตนักการทูตอังกฤษเคยให้ทรรศนะว่า การทูตแบบเปิดเผยนั้นเป็นถ้อยคำที่ขัดกันในตัว คือหากกระทำกันอย่างเปิดเผยเสียแล้วก็ไม่ใช่การทูตเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาตรา 102 ของกฎบัตรสหประชาชาติได้บัญญัติว่า ?1. สนธิสัญญาทุกฉบับ และความตกลงระหว่างประเทศทุกฉบับ ซึ่งสมาชิกใด ๆ แห่งสหประชาชาติได้เข้าเป็นภาคี ภายหลังที่กฎบัตรปัจจุบันได้ใช้บังคับ จักต้องจดทะเบียนไว้กับสำนักเลขาธิการโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจักได้พิมพ์ขึ้นโดยสำนักงานนี้ 2. ภาคีแห่งสนธิสัญญา หรือความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่าใด ซึ่งมิได้จดทะเบียนไว้ตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งข้อนี้ ไม่อาจยกเอาสนธิสัญญาหรือความตกลงนั้น ๆ ขึ้นกล่าวอ้างต่อองค์กรใด ๆ ของสหประชาชาติ? [การทูต]
Palestine Questionปัญหาปาเลสไตน์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 1947 ประเทศอังกฤษได้ขอให้สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ทำการประชุมสมัยพิเศษเพื่อพิจารณาปัญหาปาเลสไตน์ สมัชชาได้ประชุมกันระหว่างวันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1947 และที่ประชุมได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเกี่ยวกับปาเลสไตน์ขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศสมาชิกรวม 11 ประเทศ ซึ่งหลังจากที่เดินทางไปตรวจสถานการณ์ในภาคตะวันออกกลาง ก็ได้เสนอรายงานเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว รายงานนี้ได้ตั้งข้อเสนอแนะรวม 12 ข้อ รวมทั้งโครงการฝ่ายข้างมาก (Majority Plan) และโครงการฝ่ายข้างน้อย (Minority Plan) ตามโครงการข้างมาก กำหนดให้มีการแบ่งดินแดนปาเลสไตน์ออกเป็นรัฐอาหรับแห่งหนึ่ง รัฐยิวแห่งหนึ่ง และให้นครเยรูซาเล็มอยู่ภายใต้ระบบการปกครองระหว่างประเทศ รวมทั้งให้ดินแดนทั้งสามแห่งนี้มีความสัมพันธ์ร่วมกันในรูปสหภาพเศรษฐกิจ ส่วนโครงการฝ่ายข้างน้อย ได้เสนอให้ตั้งรัฐสหพันธ์ที่เป็นเอกราชขึ้น ประกอบด้วยรัฐอาหรับและรัฐยิว อันมีนครเยรูซาเล็มเป็นนครหลวงต่อมาในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1947 สมัชชาสหประชาชาติได้ประชุมลงมติรับรองข้อเสนอของโครงการฝ่ายข้างมาก ซึ่งฝ่ายยิวได้รับรองเห็นชอบด้วย แต่ได้ถูกคณะกรรมาธิการฝ่ายอาหรับปฏิเสธไม่รับรอง โดยต้องการให้มีการจัดตั้งรัฐอาหรับแต่เพียงแห่งเดียว และทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิของคนยิวที่เป็นชนกุล่มน้อย อนึ่ง ตามข้อมติของสมัชชาสหประชาชาติได้กำหนดให้อำนาจอาณัติเหนือดินแดนปาเลสไตน์ สิ้นสุดลงและให้กองทหารอังกฤษถอนตัวออกไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอย่างช้าไม่เกินวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1948 นอกจากนั้นยังให้คณะมนตรีภาวะทรัสตีของสหประชาชาติจัดทำธรรมนูญการปกครองโดย ละเอียดสำหรับนครเยรูซาเล็มจากนั้น สมัชชาสหประชาชาติได้ตั้งคณะกรรมาธิการปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติขึ้น ประกอบด้วยประเทศโบลิเวีย เช็คโกสโลวาเกีย เดนมาร์ก ปานามา และฟิลิปปินส์ ทำหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสมัชชา ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงก็ได้รับการขอร้องให้วางมาตรการที่จำเป็น เพื่อวินิจฉัยว่า สถานการณ์ในปาเลสไตน์จักถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพหรือไม่ และถ้าหากมีการพยายามที่จะใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงความตกลงตามข้อมติของ สมัชชาเมื่อใด ให้ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพ โดยอาศัยข้อ 39 ของกฎบัติสหประชาชาติเป็นบรรทัดฐาน [การทูต]
Parliamentary Diplomacyการทูตแบบรัฐสภา หรือบางครั้งเรียกว่า Organization Diplomacy เช่น การทูตในองค์การสหประชาชาติ การทูตแบบนี้ต่างกับการทูตตามปกติที่ดำเนินกันในนครหลวงของประเทศ กล่าวคือ1. นักการทูตมีโอกาสติดต่อโดยใกล้ชิดกับสื่อมวลชนและกับนัการทูตด้วยกันจาก ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรภายในองค์การสหประชาติ มากกว่าในนครหลวงของประเทศ แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดต่อกับคนชาติของตนอย่างใกล้ชิด2. การพบปะติดต่อกับบรรดานักการทูตด้วยกันในองค์การสหประชาชาติ จะเป็นไปอย่างเป็นกันเองมากกว่าในนครหลวงของประเทศ3. ในองค์การสหประชาติ ประเทศเล็ก ๆ สามารถมีอิทธิพลในการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ได้มากกว่าในนครของตน เพราะตามปกติ นักการทูตในนครหลวงมักจะติดต่ออย่างเป็นทางการกับนักการทูตในระดับเดียวกัน เท่านั้น แต่ข้อนี้มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนักในสหประชาชาติ ในแง่การปรึกษาหารือกันระหว่างกลุ่ม ในสมัยก่อนที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดในสหประชาชาติได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม (Blocs) ด้วยกัน คือกลุ่มเอเชียอัฟริกา กลุ่มเครือจักรภพ (Commonwealth) กลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มละตินอเมริกัน กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสแกนดิเนเวีย และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศที่มิได้ผูกพันเป็นทางการกับกลุ่มใด ๆ ที่กล่าวมา อนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามเย็น สมาชิกประเทศในสหประชาชาติจะรวมกลุ่มกันตามแนวนี้ คือ ประเทศนิยมฝักใฝ่กับประเทศฝ่ายตะวันตก (Pro-West members) ประเทศที่นิยมค่ายประเทศคอมมิวนิสต์ (Pro-Communist members) และประเทศที่ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายใด (Non-aligned members)เกี่ยวกับเรื่องการทูตในการประชุมสหประชาชาติ ในสมัยสงครามเย็น นักการทูตชั้นนำของอินเดียผู้หนึ่งให้ข้อวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพิจารณากัน การทะเลาะเบาะแว้งด้วยคำผรุสวาทหรือการแถลงโผงผางต่อกันนั้น ล้วนเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะวิสัยของการทูตทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปในการประชุมสหประชาชาติ จึงแทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการทูต เพราะการทูตที่แท้จริงจะกระทำกันด้วยอารมณ์สงบ ใช้ความสุขุมคัมภีรภาพ ปราศจากกามุ่งโฆษณาตนแต่อย่างใด การแสดงต่าง ๆ เช่น สุนทรพจน์และภาพยนตร์นั้นจะต้องมีผู้ฟังหรือผู้ชม แต่สำหรับการทูตจะไม่มีผู้ฟังหรือผู้ชม (Audience) หากกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็คือ ผู้พูดในสหประชาชาติมุ่งโฆษณาหาเสียง หรือคะแนนนิยมจากโลกภายนอก แต่ในการทูตนั้น ผู้พูดมุ่งจะให้มีการตกลงกันให้ได้ในเรื่องที่เจรจากันเป็นจุดประสงค์สำคัญ [การทูต]
Potsdam Proclamationคือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต]
Plan Puebla-Panamaสมาชิก เม็กซิโก เบลิซ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ นิการากัว คอสตาริกา และปานามา วัตถุประสงค์ ริเริ่มโดยประธานาธิบดี Vicente Fox ของเม็กซิโก เมื่อปี พ.ศ. 2543 เพื่อแสวงหาความร่วมมือและให้การสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ประเทศภูมิภาค อเมริกากลางในการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมและสาธารณูปโภค เช่น ถนน สายส่งไฟฟ้า ท่อก๊าซ ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจจากเม็กซิโกลงไปยังประเทศทางตอนใต้ ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศร่วมกัน และเพื่อแก้ไขปัญหาการอพยพของแรงงานผิดกฎหมายจากประเทศในแถบอเมริกากลางเข้า สู่เม็กซิโก หมายเหตุ Puebla เป็นชื่อเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของเม็กซิโก และเป็นจุดเริ่มต้นโครงการ ซึ่งสิ้นสุดที่ปานามา [การทูต]
proactive foreign policyนโยบายต่างประเทศเชิงรุก " เป็นนโยบายต่างประเทศของไทยในช่วงยุคหลังสงครามเย็นที่การแข่งขันและความขัด แย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ได้เกือบหมดสิ้นไป โดยประเทศไทยได้เน้นบทบาทนำทางการทูต และ มีส่วนร่วมรับผิดชอบในกิจการต่าง ๆ ของประชาคมระหว่างประเทศมากขึ้น " [การทูต]
Sanctionsการบังคับตามกฎระหว่างประเทศ หมายถึงการที่หลาย ๆ ชาติได้ลงมติใช้มาตรการบังคับหรือจูงใจพร้อม ๆกันเพื่อบังคับให้ชาติหนึ่งที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทำการยับยั้ง (Desist) หรือยินยอมให้มีการชี้ขาดตัดสิน (Adjudication) หรือกล่าวอย่างสั้น ๆ แซ็งชั่นก็คือ หนทางที่บังคับพันธกรณีทางกฎหมายให้เป็นไปตามกฎหมายเรื่องแซ็งชั่นนี้ กฎบัตรสหประชาชาติได้กล่าวไว้ในบทที่ 7 ข้อ 41 และ 42 มีข้อความดังนี้ ?ข้อ 41 คณะมนตรีความมั่นคงอาจวินิจฉัยว่า จะต้องใช้มาตรการอันใดอันไม่มีการใช้กำลังอาวุธ เพื่อยังผลให้เกิดแก่คำวินิจฉัยของคณะมนตรี และอาจเรียกร้องให้สมาชิกแห่งสหประชาชาติใช้มาตรการเช่นว่านั้น มาตรการเหล่านี้อาจรวมถึงการตัดสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และการคมนาคมทางรถไฟ ทางทะเล ทางอากาศ ทางไปรษณีย์โทรเลข ทางวิทยุ และวิถีทางคมนาคมอย่างอื่นโดยสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน และการตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ข้อ 42 หากคณะมนตรีความมั่นคงพิจารณาเห็นว่ามาตรการที่บัญญัติไว้ในข้อ 41 น่าจะไม่เพียงพอ หรือได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอ คณะมนตรีก็อาจดำเนินการใช้กำลังทางอากาศ ทางทะเล หรือทางพื้นดินเช่นที่เห็นจำเป็น เพื่อธำรงไว้ หรือสถาปนากลับคืนมาซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การดำเนินการเช่นว่านี้ อาจรวมถึงการแสดงแสนยานุภาพ การปิดล้อม และการปฏิบัติอย่างอื่นโดยกำลังทางอากาศ ทางทะเล หรือทางพื้นดินของบรรดาสมาชิกแห่งสหประชาชาติ [การทูต]
Termination of Mission of Diplomatic Agentภารกิจของผู้แทนทางการทูตหรือหัวหน้าคณะทูตจะสิ้น สุดลง 1. ระยะเวลาที่ผู้แทนทางการทูตได้รับแต่งตั้งให้ประจำอยู่ในประเทศผู้รับได้ครบ กำหนดตามวาระ2. เมื่อวัตถุประสงค์ของภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติได้สัมฤทธิผลเรียบ ร้อยแล้ว3. ถูกเรียกตัวกลับเนื่องจากต้องโยกย้ายไปที่อื่น หรือลาออก หรือเนื่องจากครบเกษียณอายุ4. ถูกเรียกตัวกลับเนื่องจากไม่เป็นที่พอใจของรัฐบาลของตน หรือกระทำตามคำขอร้องของรัฐบาลของประเทศผู้รับ ซึ่งเขาได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงานอยู่5. เนื่องจากการเสด็จสวรรคตของพระมหากษัตริย์ของประเทศตน หรือประเทศที่ตนได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงาน6. หากตัวเขาเองได้กระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศบางอย่าง หรือเนื่องจากเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่คาดไม่ถึง และมีลักษณะร้ายแรงจริง ๆ ตัวเขาเองจะต้องรับผิดชอบในการตัดความสัมพันธ์7. เมื่อรัฐบาลผู้รับ ซึ่งตัวเขาได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงานอยู่นั้น แล้วจะด้วยเหตุผลอย่างใดก็ตาม ได้แจ้งให้เขาเดินทางออกไปจากประเทศในทันที โดยไม่ต้องระให้รัฐบาลของตนเรียกตัวกลับ8. เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของผู้แทนทางการทูต ดังเช่น ได้รับเลื่อนตำแหน่งจากอัครราชทูตขึ้นเป็นเอกอัครราชทูต9. เนื่องจากเกิดสงครามขึ้นระหว่างรัฐทั้งสอง10. เนื่องจากถูกถอดจากตำแหน่ง หรือสละราชบัลลังก์ของประมุขของประเทศใดประเทศหนึ่ง 11. เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในประเทศใดประเทศหนึ่ง จากระบบพระมหากษัตริย์เป็นระบบสาธารณรัฐ หรือเป็นระบบสาธารณรัฐอันมีประมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้กฎหมาย12. เนื่องจากรัฐใดรัฐหนึ่งของทั้งสองรัฐต้องสูญสภาวะในการเป็นรัฐเหตุผลข้างต้น ทั้งหมดนี้ เป็นทรรศนะของเซอร์เออร์เนสท์ ซาทาว ซึ่งได้ให้ไว้ในหนังสือของท่าน ชื่อว่า ?A Guide to Diplomatic Practice? ฉบับเรียบเรียงใหม่ครั้งที่ 4 โดยเซอร์เนวิลล์ แบลนด์ [การทูต]
The League of Nationsสันนิบาตชาติ เป็นองค์การที่ตั้งขึ้นตามสนธิสัญญาแวร์ซาย และสนธิสัญญาอื่น ๆ ที่ทำขึ้นตอนเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และสถาปนาเป็นองค์การระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1920 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สันนิบาตชาติมีหน้าที่สำคัญสองประการ คือ1. ดูแลให้มีการปฏิบัติเป็นไปตามสนธิสัญญา2. ให้โลกมีสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศแต่สันนิบาตชาติมีอายุอยู่ได้ ไม่นาน อุปสรรคสำคัญที่สุดอันหนึ่ง คือ ไม่มีสหรัฐอเมริการ่วมเป็นสมาชิกขององค์การด้วย สันนิบาตชาติประชุมกันเป็นสมัยประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1939 และหมดสภาพเป็นองค์การระหว่างประเทศลงเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1946 ทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดได้โอนไปให้แก่องค์การสหประชาชาติ [การทูต]
Work of the United Nations for the Independence of Colonial Peoplesงานขององค์การสหประชาชาติ ในการช่วยให้ชาติอาณานิคมทั้งหลายได้รับความเป็นเอกราช นับตั้งแต่เริ่มตั้งองค์การสหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1945 เป็นต้นมา มีชนชาติของดินแดนที่ยังมิได้ปกครองตนเอง รวมทั้งดินแดนในภาวะทรัสตีตามส่วนต่าง ๆ ของโลก ได้รับความเป็นเอกราชไปแล้วไม่น้อยกว่า 170 ล้านคน ดินแดนที่แต่ก่อนยังไม่มีฐานะปกครองตนเองราว 50 แห่งได้กลายฐานะเป็นรัฐเอกราช มีอธิปไตยไปแล้ว ขณะนี้ยังเหลือดินแดนที่ยังมิได้ปกครองตนเองอีกไม่มาก กำลังจะได้รับฐานะเป็นประเทศเอกราชต่อไปแม้ว่าปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งทำให้ เกิดวิวัฒนาการอันมีความสำคคัญทางประวัติศาสตร์ จะได้แก่ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของประชาชนในดินแดนเมืองขึ้นทั้งหลาย แต่องค์การสหประชาชาติก็ได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนชนชาติ ที่ยังมิได้เป็นเอกราช และชาติที่ยังปกครองดินแดนเหล่านั้นอยู่ ให้รีบเร่งที่จะให้ชาชาติในดินแดนเหล่านั้นได้รับฐานะเป็นเอกราชโดยเร็วที่ สุดเท่าที่จะเป็นไปได้การที่องค์การสหประชาชาติมีบทบาทหน้าที่ดังกล่าวเพราะ ถือตามหลักแห่งความเชื่อศรัทธาที่ว่า มนุษย์ไม่ว่าชายหรือหญิง และชาติทั้งหลายไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกัน และได้ยืนยันความตั้งใจอันแน่วแน่ของประเทศสมาชิกที่จะใช้กลไกระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้ชนชาติทั้งหลายในโลกได้ประสบความก้าวหน้าทั้งในทางเศรษฐกิจและ สังคมนอกจากนั้น เพื่อเร่งรัดให้ชนชาติที่ยังอยูใต้การปกครองแบบอาณานิคมได้ก้าวหน้าไปสู่ เอกราช สมัชชาของสหประชาชาติ (General Assembly of the United Nations) ก็ได้ออกปฏิญญา (Declaration) เกี่ยวกับการให้ความเป็นเอกราชแก่ประเทศและชนชาติอาณานิคม เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1960 ซึ่งในปฏิญญานั้น ได้ประกาศยืนยันความจำเป็นที่จะให้ลัทธิอาณานิคมไม่ว่าในรูปใด สิ้นสุดลงโดยเร็วและปราศจากเงื่อนไขใด ๆ สมัชชายังได้ประกาศด้วยว่า การที่บังคับชนชาติอื่นให้ตกอยู่ใต้อำนาจการปกครอง แล้วเรียกร้องประโยชน์จากชนชาติเหล่านั้น ถือว่าเป็นการปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิมนุษยชนขั้นมูลฐาน เป็นการขัดกับกฎบัตรของสหประชาชาติ เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมสันติภาพและความร่วมมือของโลกสมัชชาสหประชาชาติ ยังได้ประกาศต่อไปว่า จะต้องมีการดำเนินการโดยด่วนที่สุด โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อสงวนใด ๆ ตามเจตนารมณ์ ซึ่งแสดงออกอย่างเสรี โดยไม่จำกัดความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ หลักความเชื่อถือ หรือผิว เพื่อให้ดินแดนทั้งหลายที่ยังไม่ได้มีการปกครองของตนเองเหล่านั้นได้รับความ เป็นเอกราชและอิสรภาพโดยสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1961 สมัชชาสหประชาชาติก็ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อตรวจดูและให้มีการปฏิบัติให้เป็นตามคำปฏิญญาของสหประชาชาติ และถึงสิ้นปี ค.ศ. 1962 คณะกรรมการดังกล่าวได้ประชุมกันหลายต่อหลายครั้งทั้งในและนอกสำนักงานใหญ่ ขององค์การสหประชาชาติ แล้วรวบรวมเรื่องราวหลักฐานจากบรรดาตัวแทนของพรรคการเมืองทั้งหลาย จากดินแดนที่ยังไม่ได้รับการปกครองตนเอง แล้วคณะกรรมการได้ตั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยมุ่งจะเร่งรัดให้การปกครองอาณานิคมสิ้นสุดลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ [การทูต]
พลังงานพลังงาน, ความสามารถในการทำงานซึ่งมีอยู่ในตัวของสิ่งที่อาจให้งานได้ ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน และพลังงานสิ้นเปลือง และให้หมายความรวมถึงสิ่งที่อาจให้งานได้ เช่น เชื้อเพลิง ความร้อนและไฟฟ้า เป็นต้น [พลังงาน]
พลังงานสิ้นเปลืองพลังงานสิ้นเปลือง, ตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงานหมายความรวมถึงพลังงานที่ได้จากถ่านหิน หินน้ำมัน ทรายน้ำมัน น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และนิวเคลียร์ เป็นต้น [พลังงาน]
ออกเทนค่าออกเทนเป็นตัวเลขที่บอกถึงคุณภาพการต้านทานการน็อค หรือความสามารถของน้ำมันเบนซินที่จะเผาไหม้โดยปราศจากการน็อคในเครื่องยนต์ ทดสอบได้หลายวิธี อาทิ <br>Research Octane Number (RON) เป็นการวัดโดยใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน CFR F-1 วัดที่รอบเครื่องยนต์ต่ำ 600 รอบต่อนาที และอุณหภูมิไอน้ำมันผสมต่ำประมาณ 125 องศาฟาเรนไฮต์ <br>Motor Octane Number (MON) เป็นการวัดโดยใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน CFR F-2 วัดที่รอบเครื่องยนต์รอบสูง 900 รอบต่อนาทีและอุณหภูมิไอน้ำมันผสม 300 องศาฟาเรนไฮต์ <br>Road Octane Number ทำการวัดโดยใช้รถยนต์จริงๆ วิ่งบนถนนซึ่งความเร็วและภาระเปลี่ยแนปลงไปต่างๆ กัน เพือ่ให้ได้ใกล้เคียงกับควาเมป็นจริงมากที่สุด วิธีนี้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก [ปิโตรเลี่ยม]
Cost and Freightเงื่อนไขการส่งมอบ, เงื่อนไขการส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าตามสัญญาก็ต่อเมื่อ ผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าข้ามกาบเรือขึ้นไปบนเรือสินค้า [การค้าระหว่างประเทศ]
Cost Insurance and Freightเงื่อนไขการส่งมอบ, เงื่อนไขการส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าตามสัญญาก็ต่อเมื่อ ผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าข้ามกาบเรือขึ้นไปบนเรือสินค้า [การค้าระหว่างประเทศ]
Free On Boardเงื่อนไขการส่งมอบนี้ผู้ขายจะสิ้นสุดภาะการส่งมอบสินค้าตามสัญญาก็ต่อเมื่อ ผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าข้ามกาบเรือไปบนเรือสินค้า ณ ท่าเรือต้นทางที่ระบุไว้ [การค้าระหว่างประเทศ]
Completed contract methodวิธีเมื่องานเสร็จสิ้นตามสัญญา [การบัญชี]
Depletionการตัดค่าสูญสิ้น [การบัญชี]
Periodic inventory methodวิธีการบัญชีสินค้าคงเหลือที่บันทึกเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี [การบัญชี]
Concentrated latexน้ำยางข้น คือ น้ำยางสดที่ทำให้เข้มข้นโดยการหมุนเหวี่ยงหรือการแยกครีม เพื่อแยกส่วนที่เป็นเนื้อยางออกจากเซรุ่ม และเพิ่มปริมาณเนื้อยางแห้งจาก 30% เป็น 60% สำหรับวิธีการหมุนเหวี่ยง ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ในประเทศไทย และเพิ่มปริมาณเนื้อยางแห้งจาก 30% เป็น 64% สำหรับวิธีการแยกครีม เนื่องจากน้ำยางสดมีปริมาณน้ำมากเกินไปไม่เหมาะที่จะนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการขนส่ง [เทคโนโลยียาง]
Apathyไม่ยินดียินร้าย, เฉยเมยไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น, อาการเฉยเมย, เฉยเมย, อารมณ์เฉยชา, ความเฉยเมยเซื่องซึม [การแพทย์]
Beta-Cell Destruction, Completeเบต้าเซลล์ถูกทำลายหมดสิ้น [การแพทย์]
Broken, Completeหักขาดจากกันโดยสิ้นเชิง [การแพทย์]
Closureฝา, การปิด, ่ความสิ้นสุด [การแพทย์]
Cytolysis, Completeการตายโดยการละลายของเซลล์ไปโดยสิ้นเชิง [การแพทย์]

ตัวอย่างประโยค จาก Open Subtitles  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
Through an endless diamond skyผ่านท้องฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด Aladdin (1992)
I'm terminating therapy.การบำบัดฉันสิ้นสุดแล้ว Basic Instinct (1992)
Listen, I'm concerned about how our session ended today.ฟังนะ ผมเป็นห่วงเกี่ยวกับ การนัดพบของเราที่มันสิ้นสุดลงวันนี้ Basic Instinct (1992)
And Hindley, whose sorrow was of the kind that could not weep or pray without her life, lost all interest in his own.และฮินด์ลีย์ ผู้ซึ่งเต็มไป ด้วยความเศร้า ชนิดที่ไม่อาจร่ำไห้หรือสวดมนต์ได้ เมื่อปราศจากหล่อน ก็หมดสิ้นความสนใจในชีวิตตนเอง Wuthering Heights (1992)
I wish you joy of the milk-blooded coward, Cathy.ฉันหวังให้เธอมีความสุขกับ เด็กขี้ขลาดไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนะ แคทธี Wuthering Heights (1992)
He wishes to provoke Edgar to desperation.เขาหวังจะไล่ต้อนเอ็ดการ์ จนไร้สิ้นหนทาง Wuthering Heights (1992)
Together, they are afraid of nothing.ยามอยู่ด้วยกัน พวกเขา ไม่กลัวสิ่งใดทิ้งสิ้น Wuthering Heights (1992)
Kill complete.สังหารเสร็จสิ้น The Lawnmower Man (1992)
Kill complete.สังหารเสร็จสิ้น The Lawnmower Man (1992)
The potentials for human advancement are endless!การพัฒนาศักยภาพมนุษย์ เป็นอันจบสิ้นกันแล้ว! The Lawnmower Man (1992)
What sort of perverted behavior is this?ช่างไร้มารยาทสิ้นดี The Lawnmower Man (1992)
And when the end of the month come, I could take my 50 bucks, สิ้นเดือนก็เอาเงิน 50 เหรียญของฉัน Of Mice and Men (1992)
And I got 50 more coming at the end of the month.มีอีก 50 เหรียญที่จะได้ตอนสิ้นเดือน Of Mice and Men (1992)
That's right. And you start end of the month.ใช่แล้ว และลูกได้เริ่มสิ้นเดือนนี้เลย Cool Runnings (1993)
I was thinking that if I didn't get out of London fast, I would end up like him.ผมคิดว่าถ้า l ไม่ได้รับการออก ของรวดเร็ว London, ฉันจะสิ้น? In the Name of the Father (1993)
- Now don't you despair, son.- - ตอนนี้คุณไม่สิ้นหวังบุตร In the Name of the Father (1993)
Here we come Walking down the street After the talent show fiasco, หลังจากการแสดงที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง The Joy Luck Club (1993)
How dare you treat my friends so shamefully!แกกล้าทำเพื่อนชั้นช่างน่าอายสิ้นดี The Nightmare Before Christmas (1993)
- There is nothing to support that. - Nothing scientific.แต่การที่พูดว่า พวกเขาขี่จานบิน แล้วบินไป มันบ้าสิ้นดี ! Deep Throat (1993)
You've got to trust me. I'm here just like you, to solve this.ฉันไม่ได้เป็นส่วนของสัญญาใดๆทั้งสิ้น Deep Throat (1993)
- Why? - He wants to protect me.ใช่ค่ะ แต่พ่อห้าม ไม่ให้บอกใครเรื่องนี้ทั้งสิ้น Deep Throat (1993)
- You're sure?- ดูบ้าสิ้นดี ! Deep Throat (1993)
In fact, the military will not comment on Colonel Budahas at all.จริงๆแล้ว กองทัพไม่มีความเห็นใดๆ เกี่ยวกับพันเอก Budahas ทั้งสิ้น Squeeze (1993)
Why must you marry her? Can't you just take her and be done with it?ทำไมต้องแต่งงานด้วยล่ะ นอนกันแล้วก็สิ้นเรื่อง Rapa Nui (1994)
Harder, the wind uprooted him whose head touched the sky and whose feet, the empire of the dead."'รุนแรงยิ่งขึ้น พายุยังคงถาโถมโหมกระหน่ำ อย่างรุนเเรงจนต้นโอ๊กหักโค่นลง "สิ้นแล้วต้นโอ๊กผู้ยิ่งใหญ่" Wild Reeds (1994)
♪ Would my every prayer begin and end♪ทุกคำอธิษฐานของข้าจะเริ่มต้นและสิ้นสุด The Shawshank Redemption (1994)
Move to the end of the cage.ย้ายไปยังจุดสิ้นสุดของกรง The Shawshank Redemption (1994)
So I can end up in here with you?ดังนั้นผมจึงสามารถสิ้นสุดในที่นี่กับคุณ? The Shawshank Redemption (1994)
Andy had transformed a storage room smelling of rat turds and turpentine into the best prison library in New England, complete with a fine selection of Hank Williams.แอนดี้ได้เปลี่ยนห้องเก็บกลิ่นของ turds หนูและสน เป็นห้องสมุดเรือนจำที่ดีที่สุดในนิวอิงแลนด์ เสร็จสิ้นกับการเลือกที่ดีของแฮงค์วิลเลียมส์ The Shawshank Redemption (1994)
- Just about finished, sir.- เพิ่งเสร็จสิ้นประมาณครับ The Shawshank Redemption (1994)
Every true lover knows that the moment of greatest satisfaction... comes when ecstasy is long over... and he beholds before him... the flowers which has blossomed beneath his touch.นักรักตัวจริงรู้ ถึงนาทีแห่งความสุขสุดยอด จะมาเมื่อเวลานั้นที่ยาวนานสิ้นสุด Don Juan DeMarco (1994)
I have no doubt losing a love like this... can be very painful, .... but why lose hope along with life?ผมไม่สงสัยเลยการสูญเสียความรักเช่นนี้ มันสามารถเจ็บปวดมากได้ แต่ทำไมชีวิตต้องหมดสิ้นความหวัง Don Juan DeMarco (1994)
Can you not tell when you meet a woman who's completely insane?คุณบอกไม่ได้หรือว่าตอนไหน ที่คุณพบผู้หญิงที่เสียสติไปโดยสิ้นเชิง Don Juan DeMarco (1994)
It would if you realized... everything you ever knew was gone.เกิดแน่ ถ้าคุณรับรู้ว่า ทุกๆสิ่งที่คุณเคยรู้จักได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว In the Mouth of Madness (1994)
I'll sort this shit out later, but right now... there has to be some kind of a simple fucking explanation.มันเป็นเรื่องที่ห่วยแตกสิ้นดี แต่ตอนนี้ ผมขอแค่คำอธิบายง่ายๆที่ทำให้ผมเข้าใจได้มั้ย In the Mouth of Madness (1994)
It says to call this number if you're not completely satisfied with this candy bar.ที่กล่องบอกว่าโทรไปเบอร์นี้ ถ้าไม่พอใจโดยสิ้นเชิงกับขนม The One with George Stephanopoulos (1994)
Well, I'm not completely satisfied.ก็ฉันไม่พอใจโดยสิ้นเชิง The One with George Stephanopoulos (1994)
I won't tell you anything.ผมจะไม่บอกอะไรทั้งสิ้น Ace Ventura: When Nature Calls (1995)
He just quit caring'.เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น Jumanji (1995)
Which end do we kill?ซึ่งเราไม่สิ้นฆ่า? Snow White and the Seven Dwarfs (1937)
What do you think you're doing? Have you gone crazy?แกคิดว่านี้ม้าหมุนรึยังไง แกมันบ้าสิ้นดี The Great Dictator (1940)
"Freedom of speech is objectionable.""สิทธิในการพูด ไร้สาระสิ้นดี" The Great Dictator (1940)
Funny how they've left us alone.ตลกสิ้นดี ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะทอดทิ้งเร The Great Dictator (1940)
At such a time I think it ill-advised.ตอนนี้หรอครับ ผมว่า มันตลกสิ้นดี The Great Dictator (1940)
I don't understand it. This crazy midnight supper...ฉันไม่เข้าใจ มื้อเย็นตอนเที่ยงคืน บ้าสิ้นดี... The Great Dictator (1940)
Hannah's right. We've all been foolish.ฮันนาห์ พูดถูก พวกเรามันโง่สิ้นดี The Great Dictator (1940)
- Madness.- บ้าสิ้นดี The Great Dictator (1940)
Even now my voice is reaching millions, millions of despairing men, women and children, victims of a system that makes men torture and imprison innocent people.แม้ขณะนี้ เสียงของผมคนเพียงล้านที่ได้ยิน ล้าน ผู้ชาที่สิ้นหวัง ผู้หญิง และ เด็ก ที่ตกเป็นเหยื่อของการปกครอง ที่ทำให้ผู้คนเจ็บปวด The Great Dictator (1940)
To those who can hear me I say, do not despair.ผู้ที่ได้ยินผมพูด อย่าสิ้นหวัง The Great Dictator (1940)
Just a little more paint and he's all finished.เพียงแค่สีเล็ก ๆ น้อย ๆ และเขาคือทั้งหมดที่ดำเนินการ เสร็จสิ้น Pinocchio (1940)

Thai-English-French: Volubilis Dictionary 1.0
โดยสิ้นเชิง[dōi sinchoēng] (adv) EN: completely ; entirely ; wholly ; thoroughly ; totally ; vastly  FR: totalement
จบสิ้น[jopsin] (v) EN: finish ; end ; stop ; complete
จุดสิ้นสุด[jut sinsut] (n, exp) EN: final point  FR: fin de zone [ f ]
กำหนดสิ้นอายุ[kamnot sin āyu] (n, exp) EN: maturity
การสิ้นเปลือง[kān sinpleūang] (n) EN: waste
การสิ้นสุด[kān sinsut] (n) EN: end ; death
ความสูญเสียโดยสิ้นเชิง[khwāmsūnsīa dōi sinchoēng] (n, exp) EN: total loss
ใกล้จะสิ้นใจ[klai ja sinjai] (x) EN: dying  FR: mourant ; à l'agonie ; à l'article de la mort ; sur le point de mourir
ไม่มีที่สิ้นสุด[mai mī thī sinsut] (adv) EN: endless ; everlasting ; far from over ; never-ending  FR: sans fin
พลังงานสิ้นเปลืองใช้แล้วหมดไป[phalang-ngān sinpleūang chāi laēo mot pai] (xp) EN: nonrenewable energy  FR: énergie non-renouvelable [ f ]
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ... บาท[rūam pen ngoen thangsin ... bāt] (xp) EN: for a total cost of ... bahts  FR: pour un moment total de ... bahts
รวมทั้งสิ้น[rūam thangsin] (adv) EN: altogether  FR: complètement ; tout à fait
สิ้น[sin] (v) EN: be finished ; be over ; come to the end ; end ; terminate ; expire  FR: se terminer ; expirer ; être révolu
สิ้น[sin] (x) FR: à la fin de
สิ้นชีพ[sinchīp] (v) EN: die  FR: mourir
สิ้นชีวิต[sinchīwit] (v) EN: die ; pass away  FR: cesser de vivre ; mourir ; rendre l'âme
สิ้นเชิง[sinchoēng] (adv) EN: absolutely  FR: totalement ; complètement
สิ้นเดือน[sin deūoen] (x) FR: à la fin du mois
สิ้นใจ[sinjai] (v) EN: die ; expire ; breathe one's last  FR: mourir ; rendre l'âme ; rendre son dernier soufle
สิ้นปี[sin pī] (x) EN: end of year  FR: à la fin de l'année
สิ้นเปลือง[sinpleūang] (v) EN: waste  FR: dépenser; consumer
สิ้นสติ[sin sati] (v, exp) EN: faint  FR: perdre connaissance
สิ้นสุด[sinsut] (v) EN: end ; come to en end ; terminate  FR: finir ; se terminer ; expirer ; cesser ; prendre fin
สิ้นสุด[sinsut] (adj) EN: final  FR: final
สิ้นสุดการทำงาน[sinsut kān thamngān] (v, exp) EN: clock out/off
สิ้นสุดลง[sinsut long] (v, exp) EN: terminate ; end ; stop ; cease ; expire ; discontinue
สิ้นสุดสัมพันธ์[sinsut samphan] (v, exp) EN: terminate sexual relations
สิ้นหวัง[sin wang] (v, exp) EN: give up hope  FR: perdre espoir
สุดสิ้น[sutsin] (v) EN: end ; come to an end ; finish ; be over ; be completed ; conclude  FR: prendre fin ; se terminer
สุดสิ้นลง[sutsin long] (v, exp) FR: prendre fin
สุดสิ้นลง[sutsin long] (x) FR: au terme de
แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง[taēktāng kan dōisinchoēng] (adj) EN: vastly different
ทั้งสิ้น[thangsin] (adj) EN: whole ; total ; entire ; overall  FR: total
ทั้งสิ้น[thangsin] (adv) EN: all ; wholly ; entirely ; totally ; altogether  FR: à fond ; jusqu'au bout
วันสิ้นปี[wan sin pī] (n, exp) EN: New Year's Eve
วันสิ้นสุดสัญญา[wan sinsut sanyā] (n, exp) EN: date of expiration of a contract
วันสิ้นสุดสงคราม[wan sinsut songkhrām] (n, exp) EN: Armistice Day  FR: armistice [ m ] ; L'Armistice

English-Thai: Longdo Dictionary
collaborative(adj) ทำด้วยความร่วมมือกันจากหลายคน หรือ หลายฝ่าย มีการช่วยเหลือกัน เพื่อให้งานเสร็จสิ้น
homoeopathy[โฮมีโอพาธี] (n) การบำบัดแบบโฮมีโอพาธีมีแนวคิดหรือปรัชญาพื้นฐานในการทำความเข้าใจร่างกายมนุษย์ที่แตกต่างจากระบบการแพทย์แผนปัจจุบันโดยสิ้นเชิง การมองร่างกายและจิตใจของ ผู้ป่วยจะไม่ได้มองเป็นอวัยวะที่แยกส่วนออกจากกัน แต่จะมองร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเป็นภาพรวมเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่จะบำบัดผู้ป่วยจะต้องมีการสัมภาษณ์และคุยกับผู้ป่วยในเรื่องของลักษณะทั่วไป บุคลิกภาพ ประวัติทางการแพทย์ของครอบครัว อารมณ์ ความรู้สึกส่วนบุคคลต่อสิ่งแวดล้อม อาหาร อากาศ ฯลฯ รวมทั้งอาการของโรคด้วย นักบำบัด (practitioner) จะต้องนำคำตอบทั้งหมดมาประมวลและสรุปเป็นภาพรวมโดยเรียกว่า “ภาพของอาการ” (symtom picture)ดังนั้นการประเมินประสิทธิภาพของการบำบัดจึงไม่ควรใช้กรอบและแนวคิดของระบบการแพทย์แผนปัจจุบันประเมินแต่เพียงอย่างเดียว ควรมีการศึกษาและทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของการบำบัดแบบโฮมีโอพาธีด้วย โดยสรุปแล้วการบำบัดแบบโฮมีโอพาธีจัดเป็นศาสตร์การรักษาสุขภาพแบบองค์รวมที่เน้นเรื่องการปรับสมดุลสารชีวเคมีและพลังไหลเวียนภายในร่างกาย การให้ยาเป็นไปเพียงเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการปรับสมดุลด้วยกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเอง ไม่ได้มุ่งหมายให้ยาไปขจัดหรือทำลายกลไกของร่างกายหรือสารที่ก่อให้เกิดอาการป่วย รวมทั้งไม่ได้มุ่งหมายที่จะขจัดสิ่งมีชีวิตใด ๆ ออกจากร่างกายด้วย

English-Thai: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
abate(vt) ทำให้สิ้นสุด, Syn. end, stop, terminate
abate(vi) สิ้นสุด
absolutely(adv) อย่างแน่นอน, See also: อย่างสิ้นเชิง, อย่างแท้จริง, โดยสิ้นเชิง, อย่างแน่แท้
ad infinitum(adj) ไม่มีที่สิ้นสุด, Syn. endlessly, forever
aeon(n) ช่วงเวลาที่ยาวนานไม่สิ้นสุด
all(adj) ทั้งหมด, See also: ทั้งมวล, ทั้งสิ้น, ทั้งผอง, ทั้งปวง, ทั้งหลาย, ล้วนแต่, ล้วนแล้วแต่, สรรพ, ตลอด, Syn. total, whole, entire
altogether(adv) ด้วยประการทั้งปวง, See also: โดยสิ้นเชิง
annul(vt) ทำให้สิ้นสุด, See also: ทำให้จบลง, Syn. end, cease, break off, Ant. start, begin
antithesis(n) สิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง, See also: ผู้ที่อยู่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง, Syn. direct opposite, converse
at all(adv) ทั้งสิ้น
all over(idm) เสร็จสิ้น, See also: ยุติ, จบ
all over bar the shouting(idm) จบสิ้นอย่างไม่เป็นทางการ
all over with(idm) จบสิ้น, See also: เสร็จ
black(adj) ไร้ความหวัง, See also: สิ้นหวัง, มืดมน, Syn. hopeless
bleak(adj) โดยสิ้นหวัง, See also: โดยหมดหวัง, Syn. cheerless, depressing
boundless(adj) ไม่มีที่สิ้นสุด, See also: มากมาย, กว้างใหญ่, Syn. infinite
be all over and done with(idm) เสร็จสมบูรณ์, See also: เสร็จสิ้น, จบสิ้น, Syn. fininish with
be at a dead end(idm) หมดหวัง, See also: สิ้นหวัง, Syn. bring to, come to
be at an end(idm) หมด, See also: ยุติ, สิ้นสุด, Syn. bring to, put to
be in at(phrv) อยู่จนสิ้นสุด (คำไม่เป็นทางการ), See also: อยู่จนจบ, ถึงที่สุด
be out(phrv) หมด, See also: จบ, สิ้นสุด
be through(phrv) ทำเสร็จ, See also: เสร็จสิ้น, จบ, สิ้นสุด
bereave of(phrv) ทำให้สูญเสีย, See also: ทำให้สูญสิ้น
blow over(phrv) หยุด, See also: ยุติ, สิ้นสุด
blow the whistle on(idm) ยุติ, See also: สิ้นสุด
break off(phrv) ยุติ, See also: สิ้นสุด, พังทลาย, Syn. declare off, declare on
bring an end to(idm) ยุติ, See also: สิ้นสุด, Syn. be at, put to
cease(n) การสิ้นสุด, See also: การยุติ, การจบ, การหยุด, Syn. cessation
cease(vi) จบ, See also: ยุติ, สิ้นสุด, Syn. end
ceaseless(adj) ไม่รู้จักจบ, See also: ไม่มีที่สิ้นสุด, ที่ไม่หยุด, Syn. continual, endless, unceasing, unending, Ant. discontinuous
closure(n) การจบ, See also: การยุติ, การสิ้นสุด, Syn. end, finish
cold(adv) โดยสิ้นเชิง, See also: ทั้งสิ้น, Syn. absolutely, completely
complete(adj) ที่เสร็จสิ้น, Syn. finished, ended
complete(vt) เสร็จ, See also: จบ, เสร็จสิ้น, Syn. accomplish, perfect
consume(vt) ทำลายอย่างสิ้นเชิง
contrast(n) สิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง, See also: ข้อแตกต่าง, ข้อเปรียบเทียบ
cost(vt) ทำให้สิ้นเปลือง, See also: ทำให้สูญเสีย
cream(vt) ชนะอย่างสิ้นเชิง
cash up(phrv) รวมเงิน (โดยเฉพาะเมื่อสิ้นสุดแต่ละวันในร้านค้าหรือร้านขายของ)
catch up(phrv) ทำให้หมดหวัง, See also: ทำให้สิ้นหวัง, ทำให้ติดเเหง็กอยู่กับ
check out(phrv) จ่ายเงินเมื่อสิ้นสุดการเข้าพัก, See also: ชำระเงิน, Syn. book out
clean up(phrv) จบสิ้นการทำลาย (ทางทหาร), See also: ทำให้พ่ายแพ้แล้ว, Syn. wipe up
clock off(phrv) เลิกงาน, See also: เสร็จงาน, สิ้นสุดการทำงาน, Syn. clock out
clock out(phrv) เลิกงาน, See also: เสร็จงาน, สิ้นสุดการทำงาน, Syn. check off, check on, check out, clock in, clock off, ring out
come to an end(idm) สิ้นสุด, See also: จบ, ยุติ
dead and buried(idm) สูญสิ้น, See also: หมดไป
dead loss(idm) ความสูญเปล่า, See also: ความสูญสิ้น
deplete of(phrv) ทำให้ว่างเปล่า, See also: ทำให้สูญสิ้น
down the drain(idm) สูญเปล่า (คำสแลง), See also: สูญสิ้น
drain out(phrv) หายไปหมด, See also: หมด, สิ้นสุด

English-Thai: HOPE Dictionary [with local updates]
abandon(อะแบน' เดิน) vt., n. ละทิ้ง, ปล่อย, พลัดพรากจาก, ไม่เกรงครหา, ปล่อยตามอารมณ์ -abandoner , -abandonment ตัวอย่าง: *Somchai abandones himself to despair. สมชัยปล่อยตัวอยู่แต่ในความสิ้นหวัง* n.
acapniaการขาดคาร์บอนไดออกไซด์อย่างสิ้นเชิงในโลหิต
ad infinitum(แอดอินฟะไน' ทัม) ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต
aeon(อี' ออน. อี' อัน) n. ระยะเวลาที่ยาวนานไม่สิ้นสุด, ชั่วนิรันดร., Syn. eon
alias(เอ' ลิแอส) 1. n., (pl. -ases) นามแฝง, สมญานาม. -adv. มีนามแฝงว่า, Syn. pseudonym 2. สมนาม คอมพิวเตอร์แมคอินทอชที่ใช้ System 7 มีคำสั่ง Make Alias ใต้เมนู File คำสั่งนี้ใช้สำหรับสร้างสัญรูป icon อีกอันหนึ่งของแฟ้มข้อมูลที่เลือกไว้ แฟ้มใหม่นี้จะมีคำ alias ต่อท้ายชื่อเดิม หากเมื่อใดมีการแก้ไขแฟ้มใดแฟ้มหนึ่ง โดยเรียกมาทำในจอภาพ แล้วสั่งบันทึกเก็บลงในจานบันทึก การแก้ไขนั้นก็จะมีผลต่อแฟ้มสมนามนั้นด้วย ทั้งนี้เพราะอันที่จริงแล้ว สัญรูปสมนามนั้นไม่ว่าจะมีสักกี่อัน จะโยงถึงแฟ้มข้อมูลอันเดียวกันทั้งสิ้น ดู duplicate เปรียบเทียบ
all-purpose computerคอมพิวเตอร์เอนกประสงค์หมายถึง คอมพิวเตอร์ที่ออกแบบขึ้นใช้เพื่อให้ทำงานสนองความต้องการได้หลายวัตถุประสงค์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่อาจใช้วิธีการเขียนโปรแกรมหรือชุดคำสั่งเพื่อสั่งให้ทำงานได้ด้วยภาษาต่าง ๆ หลายภาษา (คอมพิวเตอร์ที่พูดถึงโดยทั่วไปในปัจจุบันนี้ ส่วนมากจะเป็นคอมพิวเตอร์เอนกประสงค์ทั้งสิ้นดู special purpose computer เปรียบเทียบ
altogether(ออลทูเกธ' เธอะ) adv. ทั้งหมด, พร้อมกัน, ด้วยประการทั้งปวง, โดยสิ้นเชิง, ทั้งสิ้น, โดยสรุป, รวมทั้งสิ้นเป็น (entirely, completely)
ambsace(แอม' เซส) n. โชคร้าย, ระยะทางที่สั้น ที่สุด . ปริมาณที่น้อยที่สุด, ระยะทางที่สิ้นที่สุด, ของที่มีมาตรฐานต่ำสุด, ของที่ไร้ค่าที่สุด
american national standarสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา <คำแปล>ใช้ตัวย่อว่า ANSI (อ่านว่า แอนซี) เป็นชื่อของสถาบันเอกชนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ทำหน้าที่กำหนดและควบคุมมาตรฐานของอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ โดยไม่หวังผลกำไรใด ๆ ทั้งสิ้น
ansi(แอนซี) ย่อมาจาก American National Standards Institute ซึ่งราชบัณฑิตสถานบัญญัติว่า "สถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา" เป็นสถาบันเอกชน ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ทำหน้าที่กำหนดและควบคุมมาตรฐานของอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ โดยไม่หวังผลกำไรใด ๆ ทั้งสิ้นดู ANSI C, ANSI character set, ANSI graphics
arrant(แอร์'เรินทฺ) adj. เหลือเกิน, อย่างที่สุด, โดยสิ้นเชิง, ตลอด, ร้ายกาจ, Syn. flagrant, egregious, base, Ant. proper, decent
asymptote(แอส'ซิมโทท) n. เส้นตรงที่เส้นโค้งเช้าหา, ค่าไม่สิ้นสุด (infinity)
attribute(อะทริบ'บิวทฺ) vt. ให้เหตุผลว่า, ถือเอา, อ้างเหตุผล. -n. คุณลักษณะ. -attributer, attributor n. -attribution n., Syn. assign, consider, quality ลักษณะประจำหมายถึง คุณสมบัติของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ มีการเน้นความแตกต่างจากของอื่นในประเภทเดียวกัน เช่น ถ้าเป็นแฟ้มข้อมูลในระบบดอส จะมีลักษณะประจำต่างกันเป็น 4 อย่าง คือ แฟ้มข้อมูลที่มีการจัดเก็บเป็นระเบียบ archive แฟ้มที่อ่านได้อย่างเดียว แก้ไขไม่ได้ read only แฟ้มที่ไม่แสดงตัว hidden และแฟ้มระบบ system หรือถ้าต้องการหาคำใดคำหนึ่ง เช่น ในโปรแกรมประมวลผลคำ นอกจากจะบอกคอมพิวเตอร์ว่าสะกดอย่างไรแล้ว อาจบอกเพิ่มเติมว่า ...เป็นคำที่ใช้แบบอักษร Times New Roman ขนาด 14 จุด ข้อความที่บ่งบอกคุณสมบัติเพิ่มเติมไปนี้ก็เรียกว่า " attribute " ทั้งสิ้น
auxiliary memoryหน่วยความจำช่วย <คำแปล>หมายถึงหน่วยความจำที่ใช้เก็บข้อมูลนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ (เพิ่มไปจากหน่วยความจำหลัก) เช่น จานบันทึก เมื่อใดที่ต้องการใช้ ก็ให้เครื่องคอมพิวเตอร์นำมาเก็บในเครื่อง จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม แล้วเก็บลงใหม่ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อมิให้สิ้นเปลืองหน่วยความจำหลักในเครื่องคอมพิวเตอร์
auxiliary storageหน่วยเก็บช่วย <คำแปล>หมายถึงหน่วยความจำหรือหน่วยเก็บที่ใช้เก็บข้อมูลนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ (เพิ่มไปจากหน่วยความจำหลัก) เช่น จานบันทึก เมื่อใดที่ต้องการใช้ ก็ให้เครื่องคอมพิวเตอร์นำมาเก็บในเครื่อง จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม แล้วเก็บลงใหม่ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อมิให้สิ้นเปลืองหน่วยความจำหลักในเครื่องคอมพิวเตอร์มีความหมายเหมือน auxiliary memory
bankrupt(แบงคฺ'รัพทฺ) { bankrupted, bankrupting, bankrupts } n. บุคคลล้มละลาย adj. ล้มละลาย, สิ้นเนื้อประดาตัว, เสื่อมเสีย, ล้ม, คว่ำ vt. ทำให้ล้มละลาย
bankruptcy(แบงคฺ'รัพซี) n. ภาวะล้มละลาย, ภาวะสิ้นเนื้อประดาตัว, ความล้มเหลว, Syn. failure
bedevil(บิเดฟ'เวิล) { bedeviled, bedeviling, bedevils } vt. ทำให้ผีเข้า, สาป, แช่ง, ทำให้หลง, ทรมาน, กวน, ทำทารุณ, ทำให้สิ้นสุด, ทำให้เสียการ, See also: bedevilment n.
bereave(บิรีฟว') { bereave/bereft, bereaved/bereft, bereaving, bereaves } vt. ทำให้สูญสิ้น, ทำให้หมด, เอาไปด้วยกำลัง, ปลิดชีพ, คร่าไปเสีย, See also: bereavement n. ดูbereave, Syn. deprive
blank(แบลงคฺ) { blanked, blanking, blanks } adj. ว่าง, ว่างเปล่า, ปราศจากเรื่องราว, ยังไม่ได้เขียนหรือพิมพ์อะไร, จืดชืด, ไม่น่าสนใจ, โดยสิ้นเชิง, ทั้งสิ้น, ซีด, ไร้สี n. สถานที่ว่างเปล่า, ช่องว่างสำหรับเติม, แบบฟอร์มที่ว่างเปล่า, จุดขาวตรงกลางของเป้า, เป้า, กระสุนเปล่า, เครื่องห
bomb(บอมบ์) { bombed, bombing, bombs } n. ระเบิด, ลูกระเบิด, ก้อนวัตถุเหลวที่ขับออกจากภูเขาไฟ, ระเบิดภูเขาไฟ, ความล้มเหลวสิ้นเชิง, อาวุธนิวเคลียร์ vi. ปล่อยลูกระเบิด, ทิ้งลูกระเบิด, ยิงลูกระเบิด, ล้มเหลว, Syn. missile
burnoutn. การไหม้เกลี้ยง, การดับเพราะเชื้อเพลิงหมด, การสูญสิ้น
candle(แคน'เดิล) { candled, candling, candles } n.เทียน, เทียนไข, หน่วยความเข้มของแสงสว่าง vt. ส่องแสงตรวจ -Id. (burn the candle at both ends สิ้นเปลืองพลังมากเกินไป), See also: candler n. ดูcandle
carriage returnปัดแคร่แป้นปัดแคร่ใช้ตัวย่อว่า CR ในทางคอมพิวเตอร์ ถือเป็นตัวอักขระตัวหนึ่งที่มองไม่เห็น ใช้เมื่อสิ้นสุดการพิมพ์แต่ละบรรทัด และทำให้ตัวชี้ตำแหน่ง (cursor) ลงไปอยู่เป็นตำแหน่งแรกของบรรทัดถัดลงมา โดยปกติ จะกำหนดให้กดแป้น <RETURN> หรือ <ENTER>
ceaselessadj. ไม่สิ้นสุด, ไม่รู้จักจบ, See also: ceaselessness n.
charon's boatก่อนตาย, ก่อนสิ้นใจ
charon's ferryก่อนตาย, ก่อนสิ้นใจ
chin(ชิน) { chinned, chinning, chins } n. คาง -keep (have) one's chin up อย่าท้อใจ, ไม่ท้อ -take it on the chin แพ้, ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง, ยกคางขึ้น, คุย, สนทนา. -vi. คุย, ยกคางตัวเองขึ้น
clean(คลีน) adj. สะอาด, เกลี้ยง, หมดจด, ไม่มีมลทิน, บริสุทธิ์, สุจริต, ไม่หยาบคาย, ไม่มีกัมมันตภาพรังสี, ไม่มีรอยแก้, ไม่มีอุปสรรค์, เป็นระเบียบเรียบร้อย, ไม่มีทั้งสิ้น, ไร้เดียงสา, ไม่มีอาวุธซ่อนอยู่ -adv. อย่างสะอาด, รักสะอาด, สมบูรณ์, ทั้งหมด, ทั้งสิ้น. vt. ลบออก, ขจัดออก. v
close(โคลส) { closed, closing, closes } adj. ใกล้, สนิทสนม, รอบคอบ, แน่นหนา, แคบ, คับ, อึดอัด, ไม่มีลมเข้า, มิดชิด, เป็นความลับ, ทัดเทียมกัน, พอ ๆ กัน, ขี้เหนียว, หวงแหน, หวงห้าม -adv. ใกล้ชิด, ใกล้ v., n. (การ) ปิด, ลงเอย, สิ้น, ตกลง, ปิดบัญชี, ทำให้ติดกับ, ทำให้ประชิดกับ, สรุป, สถานที่ปิด
closingn. การสิ้นสุด, การปิด adj. สิ้นสุด, ยุติ, หมดเวลา
cockeyed(คอค'อายดฺ) adj. ตาเขหรือเหล่, เอียงไปหรือบิดไปด้านหนึ่ง, โง่, ผิดสิ้นเชิง, Syn. awry
cockshutn. การสิ้นสุดของวัน
cold(โคลดฺ) n. หนาว, เย็น, เย็นชา, เฉยเมย, ไม่แยแส, ไร้อารมณ์, ตาย, ครบถ้วน, แน่ชัด, อ่อน (กลิ่น) , (สี) เย็นตา. n. ความหนาว, ความเย็น, หวัด, ไข้หวัด, อุณหภูมิใต้ศูนย์องศา -adv. หมดสิ้น, ทั้งสิ้น, สิ้นเชิง, กะทันหัน, Syn. wintry abbr. chronic obstructive lung disease
complete(คัมพลีท') { completed, completing, completes } adj. สมบูรณ์, เสร็จ, สำเร็จ, ครบ, สมบูรณ์, พร้อม, เต็มที่, สิ้นเชิง vt. ทำให้เสร็จ, ทำให้สมบูรณ์, ทำให้ครบ, ส่งฟุตบอลไปข้างหน้าได้สำเร็จ, Syn. remainder, balance -Conf. completer
conclude(คันคลูด') { concluded, concluding, concludes } vt. ลงเอย, สิ้นสุดลง, สรุป, ลงมติ, ตัดสินใจ. vi. สิ้นสุดลง, ลงเอย, ลงความเห็น, ตัดสินใจ, Syn. finish, infer, deduce
conclusion(คันคลู'เชิน) n. การลงเอย, การสิ้นสุดลง, การสรุป, บทสรุป, ผล, การตกลงขั้นสุดท้าย, การตัดสินใจครั้งสุดท้าย, Syn. inference
consume(คันซูม') { consumed, consuming, consumes } vt. บริโภค, ผลาญ, กิน, กลืนใช้อย่างฟุ่มเฟือย, ครอบงำ. vi. สูญสลาย, สิ้นเปลือง, สูญสิ้น
contradistinctionn. ความแตกต่างโดยสิ้นเชิง, See also: contradistinctive adj. ดูcontradistinction
cornucopia(คอร์นะโค'เพีย) n. เขาแพะ (ตามตำนาน) ที่ใส่อาหารเครื่องดื่มอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่หมดสิ้น, ความอุดมสมบูรณ์, เครื่องประดับหรือภาชนะรูปเขา, See also: cornucopian adj. ดูcornucopia cornucopiate adj. ดูcornucopia
cost(คอสทฺ) { cost, cost, costing, costs } n. ทุน, ต้นทุน, ทุนที่ซื้อมา, ค่าโสหุ้ย, ค่าใช้จ่าย, ค่าตอบแทน, ค่าเสียหาย, ค่าฤชาธรรมเนียม, ค่าธรรมเนียมฟ้องร้อง. -at all costs โดยทุกวิถีทาง vt. เป็นมูลค่า, เป็นราคา, ต้องใช้, ต้องเสีย vi. หมดเปลือง, สิ้นเปลือง, หาค่าประเมิน -Conf.
cr/lf<คำย่อ>เป็นคำอธิบายคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์ CR ย่อมาจาก Carriage Return หมายถึงการสิ้นสุดบรรทัด เครื่องพิมพ์จะขึ้นบรรทัดใหม่ให้ ส่วน LF ย่อมาจาก Line Feed หมายถึงว่าเครื่องพิมพ์จะเลื่อนกระดาษให้ด้วย (เครื่องพิมพ์บางเครื่องจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)
cropper(ครอพ'เพอะ) n. ผู้เก็บเกี่ยว, ผู้เพาะปลูก, คนตัดไม้ประดับ, เครื่องมือตัดหญ้า, เครื่องมือตัดไม้ประดับ, เครื่องตัดผ้า, ล้มหัวทิ่ม, การประสบความล้มเหลวอย่างกะทันหันหรืออย่างสิ้นเชิง
crucify(ครู'ซิไฟ) { crucified, crucifying, crucifies } vt. ตรึงให้ตายบนไม้กางเขน, ประหัตประหาร, ทำให้ดับสิ้นด้วยความไม่เป็นธรรม, See also: crucifier n., Syn. torment, torture
culminate(คัล'มะเนท) { culminated, culminating, culminates } vi. บรรลุถึงยอด, สิ้นสุด, สรุป, ถึงขั้นสุดท้าย. vt. ทำให้ถึงที่สุด, ทำให้ถึงจุดสุดยอด, Syn. climax, ripen, finish
dead(เดด) adj.ตาย, สิ้นลมหายใจ, ไม่มีชีวิต, ไม่มีความรู้สึก, ทื่อ, จืดชืด, โดยสิ้นเชิง, แม่นยำ, กะทันหัน, ตรง, จริง ๆ , ไม่มีกระแสไฟฟ้า adv. โดยสิ้นเชิง, เต็มที่, อย่างกะทันหัน n. คนตาย, Syn. deceased
deathlessadj. อมตะ, อมร, ไม่มีที่สิ้นสุด, นิรันดร, See also: deathlessness n. ดูdeathless, Syn. eternal
deep six n.การปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง, การโยนลงทะเล
demise(ดิไมซ') n. การตาย, การสิ้นสุด, การตกทอดมรดกของผู้ตายแก่ทายาท, การสืบราชสมบัติ, การสืบตำแหน่ง vi. โอน, สืบทอดราชสมบัติ, See also: demisable adj.
deplete(ดิพลีท') vt. ทำให้หมดสิ้นหรือลดน้อยลงมาก, ทำให้สูญเสีย, ทำให้ว่างเปล่า, บรรเทา, See also: depletion n. ดูdeplete depletive adj. ดูdeplete, Syn. empty, Ant. fill

English-Thai: Nontri Dictionary
accomplished(adj) ที่สำเร็จ, ที่เสร็จสิ้น, ที่บรรลุผล, คล่องแคล่ว, ชำนาญ
all(adj) ทั้งสิ้น, ทั้งหมด, ทั้งปวง, ทั้งมวล
altogether(adv) ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, โดยสิ้นเชิง, พร้อมกัน
bankrupt(adj) ล้มละลาย, หมดสิ้น, สิ้นเนื้อประดาตัว, ล้มคว่ำ
bankrupt(vt) ทำให้ล้มละลาย, ทำให้ฉิบหาย, ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว, ทำให้หมดตัว
bankruptcy(n) การล้มละลาย, การหมดตัว, การสิ้นเนื้อประดาตัว
bereave(vt) เสียไป, ทำให้สูญสิ้น, หมดไป, ปลิดชีพ
bereavement(n) การเสียไป, การหมดสิ้น, การปลิดชีพ
boundless(adj) ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด
cease(vi, vt) ยุติ, เลิก, หยุด, สิ้นสุด, เว้น
ceaseless(adj) ไม่รู้จักจบ, ไม่หยุดหย่อน, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่เลิกรา
cessation(n) การสิ้นสุด, การหยุด, การยุติ, การเลิก, การเว้น
close(n) การปิด, การจบ, การยุติ, การสิ้นสุด, การเลิก, การลงเอย
close(vt) ปิด, จบ, อวสาน, สิ้น, เลิก, ยุติ, ลงเอย
complete(adj) ทั้งสิ้น, บริบูรณ์, สมบูรณ์, ครบ, พร้อม
conclude(vi, vt) จบ, ลงมติ, ตัดสินใจ, ลงเอย, สิ้นสุด, ปลงใจ, ทำเสร็จ
dateless(adj) ไม่ได้ลงวันที่, ไม่มีวันที่, ไม่มีวันสิ้นสุด, ไม่มีวันหมดอายุ
dead(adj) ตาย, ดับ, สิ้นลม, สูญสิ้น, แน่นอน, ทั้งสิ้น, ตายด้าน, เป็นหมัน
dead(adj) โดยถ่องแท้, แน่นอน, เต็มที่, โดยสิ้นเชิง, อย่างกะทันหัน
death(n) ความตาย, ความสูญสิ้น, การดับสูญ, มรณกรรม
decease(vi) ตาย, มรณะ, สิ้นชีพ, สิ้นชีวิต, ถึงแก่กรรม
deceased(adj) ตาย, ที่สิ้นลม, ที่หมดลม, ที่สิ้นชีวิต
defunct(adj) ตาย, สิ้นอายุขัย, หมดลม, สิ้นลม, หมดอายุ, ดับ
demise(n) ความตาย, การสิ้นสุด, การมรณกรรม, การสืบตำแหน่ง
depart(vi, vt) จากไป, ตายแล้ว, สิ้นไป, ออกจาก
deplete(vt) ใช้หมด, ทำให้สูญเสีย, ทำให้สิ้นเปลือง, ทำให้ลดน้อยลง
depletion(n) การใช้จนหมดสิ้น, การสูญเสีย, ความสิ้นเปลือง
despair(n) การสิ้นหวัง, การหมดศรัทธา, ความหมดอาลัยตายอยาก
despair(vi) สิ้นหวัง, หมดหวัง, สิ้นคิด, หมดศรัทธา, หมดอาลัยตายอยาก
desperado(n) คนร้าย, พวกหัวขโมย, คนสิ้นคิด
desperation(n) ความหมดหวัง, ภาวะล่อแหลม, ความไม่กลัวอันตราย, การกระทำด่วน, ความสิ้นคิด
despondent(adj) เศร้าใจ, สลดใจ, สิ้นหวัง, ท้อแท้, หมดกำลังใจ, หดหู่ใจ
destitute(adj) อัตคัด, ขาดแคลน, ยากจน, อดอยาก, ไม่เพียงพอ, สิ้นเนื้อประดาตัว
die(vi) ตาย, สิ้นอายุขัย, อวสาน, พินาศ, หมดอายุ, หยุด
disconsolate(adj) สิ้นหวัง, เศร้าสลด, สิ้นหวัง, หดหู่, กลัดกลุ้ม
dissolution(n) การแตกตัว, การสลายตัว, การเลิก, การสิ้นสุด, ความเสเพล, ความเหลวไหล
divest(vt) ขจัด, กำจัด, ทำให้สิ้นไป, ปลดเปลื้อง, ละทิ้ง
downright(adj) จริงจัง, ชัดแจ้ง, โดยสิ้นเชิง
downright(adv) อย่างจริงจัง, อย่างแท้ๆ, ทีเดียว, อย่างสิ้นเชิง, เต็มที่
drop(vi) หยด, ตก, หย่อนลง, เคลื่อนต่ำลง, จมลง, ยุติ, สิ้นสุด
ending(n) ตอนจบ, การจบ, ตอนปลาย, การสิ้นสุด, ความตาย
endless(adj) ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่สุดสิ้น, ไม่รู้จบ, ชั่วกัลปาวสาน
entire(adj) ทั้งปวง, ทั้งสิ้น, ครบถ้วน, ทุกส่วน
entirely(adv) อย่างสิ้นเชิง, อย่างแท้จริง, ตลอดทั้งหมด
eternity(n) ความไม่มีที่สิ้นสุด, ความไม่รู้จักตาย, ความอมตะ, ชั่วนิรันดร
evaporate(vi) สูญสิ้นไป, กลายเป็นไอ, ระเหยเป็นไอ
ever(adv) เสมอ, เคย, แต่เดิม, ตลอดไป, ตลอดกาล, เรื่อยไป, นิรันดร, ไม่สิ้นสุด
exhaustive(adj) ทอนกำลัง, หมดแรง, หมดจด, หมดสิ้น
expense(n) ค่าใช้จ่าย, ค่าโสหุ้ย, ความสิ้นเปลือง, การใช้จ่าย
expensive(adj) แพง, มีราคาสูง, สิ้นเปลือง

English-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
add up toรวมทั้งสิ้น, รวมเป็น, ก่อให้เกิด
add up to(phrv) รวมทั้งสิ้น, รวมเป็น, ก่อให้เกิด, Syn. amount to
beyond hopeสิ้นหวัง
consumable(n) วัสดุสิ้นเปลือง
dope offหลับ, หลับเป็นตาย, หลับสนิท, นอนสิ้นสติ, See also: sleep, Syn. asleep
effluxionการสิ้นสุดของสัญญาที่มีกำหนดระยะเวลา
fiscal cliffหน้าผาทางการคลัง (ใช้เรียกสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงปลายปี 2012 เนื่องจากเป็นช่วงที่จะมีเหตุการณ์สำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯอย่างมีนัยสำคัญ โดยเหตุการณ์ที่สำคัญ 2 เหตุการณ์ได้แก่ การสิ้นสุดของมาตรการลดหย่อนภาษีหลายๆมาตรการ และการเริ่มต้นของมาตรการการปรับลดงบประมาณของภาครัฐฯ)
Free Carrier ( FCA )การเสนอราคา ที่ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการมอบสินค้าตามสัญญาก็ต่อเมื่อผู้ขายได้จัดสินค้าส่งมอบให้กับผู้รับขนส่ง ณ สถานที่ของผู้รับขนส่ง(เช่น บรรดาบริษัท shipping ต่างๆ) ตามที่ผู้ซื้อระบุไว้เพราะฉะนั้นในการเสนอราคา ผู้ขายก็จะเสนอราคาขาย ที่บวกค่าส่งมอบสินค้าในเบื้องต้นลงไปด้วย
lean(n, jargon) ศัพท์ธุรกิจ หมายถึง การปรับลดหรือตัดกระบวนการที่ไม่จำเป็นหรือสิ้นเปลืองออก เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขัน หรือสร้างความสามารถทางธุรกิจ เป็นแนวคิดของโตโยต้าที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตของตนเองที่เรียกว่า TPS: Toyota Production System, See also: A. -, Syn. -
lnw(slang) เป็นคำที่เลียนแบบภาษาไทยให้ดูคล้ายคำว่า "เทพ" เป็นที่นิยมในหมู่เกรียนเพื่อที่จะบ่งบอกความเก่งของตน ซึ่งโดยมากจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง, Syn. god

Japanese-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
失望[しつぼう, shitsubou] (n) ความผิดหวัง , ความสิ้นหวัง
落ち込む[おちこむ, ochikomu] (vt) ตกลงไป บุ๋ม ยุบเป็นแอ่ง ตกอยู่ใน(สภาพเลวร้าย) ท้อแท้สิ้นหวังหมดกำลังใจ
一切[おちこむ, issai] (adv) ทั้งหมด, ทุกอย่าง, โดยสิ้นเชิง
消失[しょうしつ, shoushitsu] (vt) การหายไป การอันตรธาน การสูญสิ้น
最後[さいご, saigo] (n) สุดท้าย , สิ้นสุด , จบ
完成[かんせい, kansei] สมบูรณ์, เสร็จ, สำเร็จ, ครบ, สมบูรณ์, พร้อม, เต็มที่, สิ้นเชิง
永遠[えいえん, eien] (n) (n) ความไม่มีที่สิ้นสุด, ความไม่รู้จักตาย, ความอมตะ, ชั่วนิรันดร
絶望[ぜつぼう, zetsubou] (adj) สิ้นหวัง
幕を閉じる[まくをとじる, makuwotojiru] (phrase) จบสิ้น, เสร็จสิ้น, ปิดฉาก
オワタ[おわた, owata] (slang) จบสิ้น, สิ้นสุด, มาจากคำว่า終わった เป็นแสลงในอินเตอร์เน็ต 
年末[nenmatsu, nenmatsu] (n) สิ้นปี
愚かなこと[おろかなこと, orokanakoto] (exp) เรื่องสิ้นคิด

Japanese-Thai-English: Saikam Dictionary
詰め[つめ, tsume] TH: ช่วงปลายที่ใกล้จะสิ้นสุดและค่อนข้างเข้มข้น  EN: stuffing
絶える[たえる, taeru] TH: สิ้นสุด  EN: to die out
出来上がる[できあがる, dekiagaru] TH: เสร็จสิ้น  EN: to be finished
済む[すむ, sumu] TH: เสร็จสิ้น

German-Thai: Longdo Dictionary
insgesamt(adv) รวมทั้งหมด, ทั้งหมดทั้งสิ้น เช่น Was kostet das insgesamt? ทั้งหมดนี่ราคาเท่าไหร่, Syn. zusammen
verzweifelt(adj) สิ้นหวัง, เศร้าโศก, ที่มีแต่ความทุกข์ตรม (อาการหนักกว่า unglücklich) เช่น Er ist verzweifelt, weil er Jahre lang arbeitslos ist. เขาทุกข์ใจมากเนื่องจากไม่มีงานทำมาหลายปีแล้ว, See also: A. froh, frohlich, glücklich, Related: unglücklich, besorgt, betrübt
sterben(vi) |stirbt, starb, ist gestorben| ตาย, เสียชีวิต, สิ้นชีวิต, มรณะ, สิ้นใจ เช่น Er ist durch einen Unfall gestorben. เขาตายด้วยอุบัติเหตุ, See also: tot sein
an etw.(Dat.) sterben(vi) เสียชีวิตด้วยสาเหตุหนึ่งใด เช่น Er ist an einem Herzinfarkt gestorben. เขาสิ้นใจด้วยโรคหัวใจล้มเหลว
vollkommen(adv) อย่างสิ้นเชิง, ตลอดทั้งหมด เช่น vollkommen zerstören ทำลายให้ราบเป็นหน้ากลอง
bis(prep) |+ คำนามบ่งช่วงเวลา| ถึง, จนถึง เช่น Der Film läuft im Kino bis Ende des Monats. หนังเรื่องนี้ฉายในโรงถึงสิ้นเดือน
mißlingen(vi) |mißlang, ist mißlungen, + jmdm.| ล้มเหลว, ไม่เป็นผลสำเร็จ เช่น Der Versuch, sie zum Lachen zu bringen, ist ihm völlig mißlungen. ความพยายามของเขาที่จะทำให้เธอหัวเราะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง, See also: A. gelingen
ausgehen(vi) |geht aus, ging aus, ist ausgegangen| ดับ, ทำให้สิ้น, ยกเลิก, ยุติ เช่น Nachdem er mich viel geschumpfen hatte, ging mir die Geduld aus. หลังจากที่เขาด่าฉันซะมากมาย ความอดทนของฉันก็มลายหายไป
Ewigkeit(n) |die, pl. Ewigkeiten| นิรันดร, ระยะเวลาที่ยาวนานมากไม่รู้จบ, ชั่วกัลปาวสาน, ความไม่มีที่สิ้นสุด, ความไม่รู้จักตาย, ความอมตะ,

French-Thai: Longdo Dictionary
finir(vt) |je finis, tu finis, il finit, nous finissons, vous finissez, ils finissent| เสร็จ, ทำให้เสร็จ, จบ, สิ้นสุด เช่น Vous finissez presque votre étude? คุณใกล้จะเรียนจบหรือยัง
fin, -s(n) la, = ตอนจบ, ตอนสุดท้าย , (but)จุดมุ่งหมาย, ความตั้งใจ, เป้าหมาย เช่น à la fin mai = ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม , sans fin = ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จบสิ้น, Ant. début, commencement

เพิ่มคำศัพท์


ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ


Are you satisfied with the result?



Discussions

ว่าด้วยโฆษณา
เราทราบดีว่าท่านผู้ใช้คงไม่ได้อยากให้มีโฆษณาเท่าใดนัก แต่โฆษณาช่วยให้ทาง Longdo เรามีรายรับเพียงพอที่จะให้บริการพจนานุกรมได้แบบฟรีๆ ต่อไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Go to Top