ผลลัพธ์การค้นหาสำหรับ

*รุกราน*

   
ภาษา
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: รุกราน, -รุกราน-
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่
ปรับการตั้งค่า
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


Thai-English: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
รุกราน(v) invade, See also: attack, assault, encroach, raid, infringe, Example: การที่อิรักรุกรานคูเวตทำให้แผนการของตะวันตกในตะวันออกกลางล้มลง, Thai Definition: ล่วงล้ำเข้าไปก้าวร้าวระราน
รุกราน(v) attack, See also: burst into, intrude, assault, Syn. บุกลุก, ล่วงล้ำ, Example: อังกฤษต้องปกป้องจุดนี้ด้วยชีวิต มิเช่นนั้นมหาอำนาจของยุโรปอื่นๆ จะสามารถรุกรานอินเดียอย่างสะดวก, Thai Definition: ล่วงล้ำเข้าไปก้าวร้าวระราน
ผู้รุกราน(n) invader, See also: attacker, raider, aggressor, Syn. ผู้บุกรุก, Example: มนุษย์เป็นผู้รุกรานที่อยู่ของสัตว์ป่า, Count Unit: คน, Thai Definition: ผู้ที่ล่วงล้ำเข้าไปก้าวร้าวระราน
ฝ่ายรุกราน(n) aggressor, Syn. ฝ่ายบุก, ฝ่ายรุก, Ant. ฝ่ายรับ, Example: ฝ่ายรุกรานไม่ทันตั้งตัวจึงตกเป็นฝ่ายรับอย่างตั้งตัวไม่ติด, Count Unit: ฝ่าย, Thai Definition: ฝ่ายที่เข้าไประรานผู้อื่น

ไทย-ไทย: พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
รุกรานก. ล่วงลํ้าเข้าไปก้าวร้าวระราน เช่น ถูกข้าศึกรุกราน.
ปราการ(ปฺรา-) น. กำแพงสำหรับป้องกันการรุกราน.

อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน [เชื่อมโยงจาก orst.go.th แบบอัตโนมัติและผ่านการปรับแก้]
aggressionการรุกราน [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
aggressionการรุกราน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
invasionการรุกราน [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
invasionการรุกราน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
non-aggression pactกติกาสัญญาไม่รุกรานกัน [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]

อังกฤษ-ไทย: คลังศัพท์ไทย โดย สวทช.
Aggression (International law)การรุกราน (กฎหมายระหว่างประเทศ) [TU Subject Heading]
Biological invasionsการรุกรานทางชีวภาพ [TU Subject Heading]
Eisenhower Doctrineลัทธิไอเซนฮาวร์ เมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1957 ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความวิตกห่วงใยในสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่ออันตรายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้อ่านสารพิเศษต่อที่ประชุมร่วมระหว่างสภาผู้แทนกับวุฒิสภาขอร้องให้รัฐสภา สหรัฐฯ ลงมติรับรองโครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและทางทหาร เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชแห่งชาติของบรรดาประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ดังนั้น ในการสนองตอบสารพิเศษดังกล่าว รัฐสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านข้อมติร่วมกันเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1957 มอบให้ประธานาธิบดีมีอำนาจให้ความร่วมมือและอำนวยความช่วยเหลือแก่ชาติหรือ กลุ่มชาติต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งต้องการความช่วยเหลือเช่นนั้น ในการที่จะพัฒนาพลังทางเศรษฐกิจเพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกราชแห่งชาติตน และให้จัดโครงการช่วยเหลือทางทหารแก่ชาติต่างๆ ในภาคนั้นซึ่งต้องการความช่วยเหลือดังกล่าว ทั้งได้มอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสามารถใช้กองทัพสหรัฐฯ เข้าช่วยเหลือชาติเหล่านั้นที่แสดงเจตนาขอความช่วยเหลือ เพื่อต่อต้านการรุกรานจากประเทศใด ๆ ที่อยู่ใต้อำนาจควบคุมของคอมมิวนิสต์ระหว่างประเทศ [การทูต]
Gorbachev doctrineนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต]
New World Orderระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต]
Organization of American Statesคือองค์การของรัฐในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1947 สหรัฐอเมริกา และประเทศต่าง ๆ ในละตินอเมริกา ยกเว้นประเทศนิคารากัวและอีเควดอร์ ได้ตกลงทำสนธิสัญญาระหว่างรัฐในอเมริกาด้วยกัน ณ กรุงริโอเดจาเนโร เพื่อให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า สนธิสัญญาริโอ ประเทศเหล่านั้นต่างมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือกันอย่างมีประสิทธิผล ถ้าหากรัฐในอเมริกาหนึ่งใดถูกโจมตีด้วยกำลังอาวุธหรือถูกคุกคามจาการรุกราน ต่อมาในเดือนเมษายน ค.ศ. 1948 ได้มีการจัดตั้งองค์การของรัฐอเมริกัน (Organization of American States) ขึ้น ณ กรุงโบโกตา ประเทศโบลิเวีย ประกอบด้วยรัฐต่าง ๆ ในอเมริการวม 21 ประเทศ ยกเว้นประเทศแคนาดา เพื่อดำเนินการให้เป็นผลตามสนธิสัญญาริโอ และจัดวางระบบการรักษาความมั่นคงร่วมกันขึ้น กฎบัตร (Charter) ขององค์การได้มีผลบังคับให้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1951องค์การโอเอเอสนี้ เป็นองค์การส่วนภูมิภาคแห่งหนึ่ง ภายในกรอบของสหประชาชาติ ประเทศสมาชิกต่างปฏิญาณร่วมกันที่จะทำการธำรงรักษากระชับสันติภาพ ตลอดจนความมั่นคงในทวีปอเมริกา เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุแห่งความยุ่งยากใด ๆ และต้องการระงับกรณีพิพาทที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างประเทศสมาชิกด้วยกันโดย สันติวิธี อนึ่ง ถ้าหากมีการรุกรานเกิดขึ้นก็จะมีการปฏิบัติการร่วมกัน นอกจากนี้ ยังจะหาทางระงับปัญญาหาทางการเมือง ทางการศาล และทางเศรษฐกิจ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างประเทศสมาชิก พร้อมทั้งจะพยายามร่วมกัน ในการหาหนทางส่งเสริมพัฒนาการทางเศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรม สำนักงานใหญ่ขององค์การโอเอเอสตั้งอยู่ ณ กรุงวอชิงตันดีซี นครหลวงของสหรัฐอเมริกา [การทูต]
Pacific Charterคือกฎบัตรแปซิฟิค ซึ่งประกาศ ณ กรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ในโอกาสที่มีการตกลงกันทำสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( Southeast Asia Defense Treaty-SEATO ) ประเทศที่ลงนามเป็นภาคีในสนธิสัญญา คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาสาระสำคัญในสนธิสัญญาดังกล่าว หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า SEATO (ซีโต้) นั้นคือ ทุกประเทศภาคีจะร่วมมือกันในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมให้พลเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมาตรฐานการครอง ชีพสูงขึ้น มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และมีสวัสดิภาพสังคมที่ดี แต่จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดคามสนธิสัญญาคือ บรรดาประเทศภาคีตกลงที่จะป้องกันหรือตอบโต้ความพยายามใด ๆ ที่จะล้มล้างเสรีภาพที่มีอยู่ในเขตสนธิสัญญา หรือทำลายอธิปไตยหรือบูรณภาพแห่งเขตแดนของประเทศภาคี พูดอย่างสั้น ๆ ก็คือฝ่ายโลกเสรีอันมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ต้องการกีดกันมิให้ประเทศฝ่ายคอมมิวนิสต์เข้าไปมีอำนาจครอบงำดินแดนเขต เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างสงครามเย็น (Cold War ) โดยวิธีรุกรานหรือวิธีอื่นใดก็ตาม [การทูต]
Southeast Asia Collective Defense Treaty (Mahila Pact)สนธิสัญญาซีโต้ สนธิสัญญานี้ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญามีประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา สนธิสัญญาได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955ในภาคอารัมภบทของสัญญานี้ บรรดาประเทศสมาชิกต่างแสดงความปรารถนาที่จะประสานความพยายามของตนที่จะ ป้องกันร่วมกัน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคง โดยเฉพาะข้อ 4 ของสนธิสัญญาเป็นข้อสำคัญที่สุด คือ แต่ละประเทศภาคีคู่สัญญาตกลงเห็นพ้องกันว่า หากดินแดนของประเทศใดถูกรุกรานจาการโจมตีด้วยกำลังอาวุธ ประเทศภาคีทั้งหมดที่เหลือจะถือว่าเป็นอันตรายร่วมกัน และจะปฏิบัติการเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายร่วมกัน หรือถ้าหากพื้นที่ภายในเขตครอบคลุมของสนธิสัญญาถูกคุกคามด้วยประการใด ๆ ประเทศภาคีทั้งหมดจะปรึกษากันในทันที เพื่อตกลงในมาตรการเพื่อการป้องกันร่วมกันสำนักงานใหญ่ขององค์การซีโต้ตั้ง อยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองของโลกได้เปลี่ยนไปมากทำให้องค์การซีโต้หมดความ จำเป็น และได้ยุบเลิกไปนานแล้ว [การทูต]
Security Council of the United Nationsคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีนี้ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent members) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก 10 ประเทศ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งประเทศละ 2 ปี สมาชิกประเภทนี้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งใหม่ในทันที และในการเลือกตั้งจะคำนึงส่วนเกื้อกูลหรือบทบาทของประเทศผู้สมัครที่มีต่อ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งที่มีต่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ขององค์การสหประชาชาติด้วย ในการเลือกตั้ง จะคำนึงถึงการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกดังนี้คือ ก. 5 ประเทศจากแอฟริกาและเอเชียข. 1 ประเทศจากยุโรปตะวันออกค. 2 ประเทศจากละตินอเมริกาง. 2 ประเทศจากยุโรปตะวันตก และประเทศอื่น ๆหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีดังนี้1. ธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือ เงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือ เป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร 6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศที่ทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชาในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติบรรดาประเทศสมาชิกของสห ประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งยังรับรองที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงหากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ [การทูต]
Work of the United Nations on Human Rightsงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต]
Cancer, True Preinvasiveมะเร็งชนิดเริ่มรุกรานจริง [การแพทย์]
Invasionแทรกซึม, การแทรกลง, การรุกราน, ลุกลาม [การแพทย์]

ตัวอย่างประโยค จาก Open Subtitles  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
- I don't want to offend you.- ฉันไม่ต้องการที่จะรุกรานคุณ Pulp Fiction (1994)
But now he has the incident he requires to go on a rampage of conquest.เเต่ตอนนี้ เขามีข้ออ้างที่จะยกทัพไปรุกรานชาวบ้าน Beneath the Planet of the Apes (1970)
An Egyptian Pharaoh, Shishak, invaded Jerusalem about 980 BC, and may have taken the Ark to the city of Tanis and hidden it in a secret chamber called the Well of Souls.ฟาโรห์แห่งอียิปต์, ซิซา, รุกรานเยซูซาเล็ม ประมาณปี 980 ก่อนคริสต์ศักราช, และอาจจะนำเอาหีบ ไปที่เมืองทานิส และซ่อนมันเอาไว้ในแชมเบอร์ลึกลับ เรียกว่า กำแพงแห่งวิญญาณ Indiana Jones and the Raiders of the Lost Ark (1981)
Survivor of countless incursions behind enemy lines.รอดชีวิตจากการรุกรานที่นับไม่ถ้วนของศัตรู First Blood (1982)
I wouldn't want to offend you.ฉันไม่อยากรุกรานคุณ Idemo dalje (1982)
What grudge do the two of you have with Quan Zhen Sect to involve with so many men?เจ้ามีเรื่องบาดหมางอะไรกับสำนักช้วนจิน ถึงได้พาคนมารุกรานที่นี่? Return of the Condor Heroes (1983)
history demonstrates conclusively that naive wishing for peace is the surest possible way to encourage an aggressor.ประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า พวกโลกสวยที่เรียกร้องสันติภาพ มีทางเดียวที่เป็นไปได้ นั่นคือ ยอมสยบแก่ผู้รุกราน Spies Like Us (1985)
But over two million civilians, mostly peasants farmers and their families, have been systematically slaughtered by invading Russian armies.ประชากรมากกว่า 2 ล้านคน ส่วนใหญ่ก็เป็นเกษตรกร ชาวไร่Nชาวนากับครอบครัวพวกเขา กำลังถูกกองทัพรัสเซียรุกราน เข่นฆ่า Rambo III (1988)
They'd rather die than be slaves to an invading army.พวกเขายอมตายดีกว่าอยู่เป็นทาสของพวกรุกราน Rambo III (1988)
If I fall asleep, ... ..I'm done for.เธอรุกรานกลุ่มผู้สนับสนุนผม และเธอก็รุกรานบ้านผม เฮ้ย เฮ้ย, นั่งก่อน Fight Club (1999)
By the blood of our people are your lands kept safe....สกัดการรุกรานของพวกมอร์ดอร์ พี่น้องเราหลั่งเลือด... ...เพื่อปกป้องดินเเดนของพวกท่าน The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001)
Some kind of dormant defense mechanism.มีบางอย่างนิดหน่อย กลไกป้องกันการรุกราน Resident Evil (2002)
they're hostile.ข้อสอง คือมารุกราน Signs (2002)
Uh... in this book of yours... did they happen to detail what would happen if they were hostile?ในหนังสือของลูกน่ะ พวกมันทำอะไรที่คล้ายกับ... การรุกรานบ้างมั้ย มีรายละเอียดอะไร Signs (2002)
It said they would probably invade.หนังสือบอกว่าถ้ามันมารุกราน Signs (2002)
They would use ground tactics... hand-to-hand combat.มาจะรุกรานทางพื้นดิน ต่อสู้ด้วยมือ Signs (2002)
I was wrong. They're hostile. It's like "War of the Worlds."ผมคิดผิด พวกมันมารุกราน เหมือนเรื่อง "War of the Worlds" เลย Signs (2002)
Those of you that do know we are nearing the end of our struggle.ต่างก็คงรู้ดีว่าอีกไม่นานการรุกรานก็จะสิ้นสุดลง The Matrix Reloaded (2003)
This is the single greatest threat we have ever faced and if we do not act accordingly, we will not survive.นี่คือการรุกรานที่ใหญ่มากเท่าที่เคยเจอมา และถ้าเราทำไม่ได้ เราก็ไม่รอด The Matrix Reloaded (2003)
Were it not for the threat of invasion...ถ้าหากว่าดาวดวงนี้ไม่โดนรุกราน The Chronicles of Riddick (2004)
Instead, we will forge a union so strong, the Mongol hordes won't dare attack.ข้าจะเข้าแทรกแซง, โดยปล่อยข่าวว่ามีทัพหนุนเข้ามาเสริมกองกำลังของเรา เหล่าทหารของมองโกลจะไม่กล้ารุกรานเรา Mulan 2: The Final War (2004)
Ilman sitä häpeää, tuo vihollinen ei eläisi.ต่อต้านผู้รุกรานที่บุกเข้ามา. Kingdom of Heaven (2005)
Tuhoatte armeijanne tänne, ettekä pysty koskaan rakentamaan samanlaista.ท่านจะทำให้กองทัพถูกทำลายที่นี่ และจะรุกรานใครไม่ได้อีก. Kingdom of Heaven (2005)
The four of them rode out against impossible odds to defend this island with their lives.พวกเขาทั้งสี่ออกเรือไปเผชิญกับ การรุกรานที่ชั่วร้าย ที่จะป้องกันเกาะนี้ด้วยชีวิต The Fog (2005)
It seems as though the German aggressors cannot be stopped as the Allied nations valiantly fight to survive.ดูเหมือนว่าจะไม่มีทาง ยับยั้งเยอรมันผู้รุกรานได้ ในขณะที่สัมพันธมิตรหาญกล้า ต่อสู้เพื่อความอยู่รอด Flyboys (2006)
Our country has been at war since we were first attacked three years ago, and we have lost more than a million of our young men.ประเทศของเราตกอยู่ในภาวะสงคราม นับแต่ถูกรุกรานเมื่อสามปีก่อน เราสูญเสียคนหนุ่มไปกว่าล้านคน Flyboys (2006)
Our lands were ravaged!เขตของเราถูกรุกราน! Apocalypto (2006)
Your lands were ravaged?เขตของเจ้าถูกรุกรานหรือ? Apocalypto (2006)
I will try to make strong swords and protect BuYeo from any threats.ข้าจะพยายามผลิตดายที่แข็งแกร่ง และปกป้องพูยอจากการรุกรานทั้งปวง Episode #1.41 (2006)
THE BUGS THAT INVADED HIS CO-OP.แมลงสาบ ที่รุกรานชีวิตเพื่อนเขา If There's Anything I Can't Stand (2007)
With a replication rate this aggressive, you would have been dead by morning.จากอัตราที่มันรุกรานในแบบจำลองแล้ว, ถึงตอนเช้าคุณคงจะต้องตายไปแล้ว Chapter Two 'Lizards' (2007)
600 years before Columbus North America was invaded by ruthless marauders intent on settling its shores.600 ปี ก่อนโคลัมบัส... อเมริกาเหนือถูกรุกรานจากพวกไร้ปราณี ที่ต้องการตั้งรกรากบนฝั่ง Pathfinder (2007)
Well, yeah, it's an ongoing offensive against neighborhood evil.ใช่, มันเป็นรุกรานที่ต่อเนื่อง ระหว่างเพื่อนบ้านอันชั่วร้าย Disturbia (2007)
The right for our sons and daughters to go to school without fear of molestation by a bloodthirsty predator in the playground or in the classroom.สิทธิของลูกหลานของเรา ที่จะไปโรงเรียนโดยไม่ถูกรุกราน จากพวกนักล่ากระหายเลือดตามสนามหญ้า The Fourth Man in the Fire (2008)
You want to see the invasion plans for Iran?คุณต้องการดูแผนที่จะรุกรานอิหร่านเหรอ? \ Transporter 3 (2008)
a method which rejects revenge, aggression, and retaliation."วิธีการที่ปฏิเสธการแก้แค้น การรุกราน และการตอบโต้ Masterpiece (2008)
These clones, manning of a whole network of tracking stations, are all that stands between the Republic and invasion.โคลนเหล่านี้ ต้องดูแลเครือข่ายทั้งหมดของสถานีตรวจการณ์ ซึ่งเป็นแนวป้องกันด่านแรก ของสาธารณรัฐ จากการรุกราน Rookies (2008)
He attacked me! He threatened me!เขารุกรานข้า คุกคามข้า To Kill the King (2008)
You invaded Narnia.เจ้า.. รุกรานนาเนีย. The Chronicles of Narnia: Prince Caspian (2008)
Seven mysticuszen fought together intruders.เจ็ดผู้เยี่ยมยุทธผนึกกำลังกัน เพื่อต่อสู้ผู้รุกราน Dragonball: Evolution (2009)
All of the mercy west residents just 'cause you feel threatened.Mercy west ทุกคนได้ เพราะว่าเราถูกรุกราน Invasion (2009)
Oh, we don't feel threatened.โอ้, พวกเราไม่ได้รู้สึกว่าถูกรุกราน Invasion (2009)
Yeah, we feel pretty threatened.ใช่, เรารู้สึกว่าถูกรุกรานมาก Invasion (2009)
We had tidings from the North that the House of Tregor had fallen to invaders.พวกเราได้ข่าวจาำกทางเหนือว่า สภาทรีเกอร์ ได้ตกเป็นของพวกรุกรานแล้ว Beauty and the Beast (2009)
"Invasion by sea monsters. ""การรุกรานจากปีศาจทองทะเล" Planet 51 (2009)
"Invasion by 50 foot women! ? ""การรุกรานจากผูหญิงสูงหาสิบฟุต" Planet 51 (2009)
"So you've been invaded by aliens. ""คุณวาเปนการรุกรานของเอเลียน." Planet 51 (2009)
The trace of the human genius it makes shores and depths dirty.ร่องรอยการรุกรานของมนุษย์ สร้างความแปดเปื้อน แก่ชายฝั่งและผืนน้ำ Oceans (2009)
So it's a contamination-type Angel... That's bad.การรุกรานแบบนี้เป็นปัญหาแน่ Evangelion: 2.0 You Can (Not) Advance (2009)
You mean to occupy our home.ท่านหมายความว่าจะรุกรานบ้านของพวกเรา Duchess of Mandalore (2010)

Thai-English-French: Volubilis Dictionary 1.0
การรุกราน[kān rukrān] (n) EN: aggression ; invasion ; attack  FR: agression [ f ] ; invasion [ f ]
ผู้รุกราน[phūrukrān] (n) EN: invader ; attacker ; raider ; aggressor  FR: envahisseur [ m ] ; agresseur [ m ]
รุกราน[rukrān] (v) EN: invade ; attack ; assault ; encroach ; raid ; infringe ; intrude ; burst into  FR: envahir ; attaquer ; assaillir ; agresser
ซึ่งรุกราน[seung rukrān] (adj) FR: agressif

English-Thai: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
aggression(n) การบุกรุก, See also: การรุกราน
aggressive(adj) เริ่มต่อสู้, See also: เริ่มทะเลาะ, เริ่มรุกราน
aggressor(n) ฝ่ายรุกราน, See also: ผู้รุกราน, Syn. assailant, invader, offender, attacker
assail(vt) โจมตี, See also: รุกราน, ถล่ม, Syn. attack, assault
attack(vi) บุก, See also: โจมตี, รุกราน, รุก, ตี
attack(vt) บุก, See also: โจมตี, รุกราน, รุก, ตี, Syn. assault, strike
advance on(phrv) บุก, See also: โจมตี, รุกราน, เข้าตี, Syn. advance upon
advance upon(phrv) บุก, See also: โจมตี, รุกราน, เข้าตี, Syn. advance on
assail with(phrv) จู่โจมด้วย (มักใช้รูป passive voice), See also: โจมตีด้วย, รุกรานด้วย
drive off(phrv) ขับผู้รุกรานออกไป, Syn. fight off
inoffensive(adj) ไม่เป็นภัย, See also: ไม่ทำอันตราย, ไม่รุกราน, ไม่ทำร้ายคนอื่น, ไม่น่ารังเกียจ, Syn. friendly, harmless, innocuous, Ant. offensive
invade(vt) บุกรุก, See also: บุก, รุกราน, Syn. attack, assult, raid, Ant. defend
invader(n) ผู้รุกราน, See also: ผู้บุกรุก, Syn. attacker, raider, trespasser, Ant. defender
invasion(n) การรุกราน, See also: การโจมตี, Syn. attack, assult, inroad, Ant. defense, protection
invasive(adj) ที่เป็นการรุกราน, Syn. offensive
miff(vi) รุกราน, See also: ระราน, ทำให้เคือง, Syn. provoke, offend
miff(vt) รุกราน, See also: ระราน, ทำให้เคือง, Syn. provoke, offend
molestation(n) การรบกวน, See also: การรุกราน, Syn. abuse
molester(n) ผู้รุกราน, See also: ผู้รบกวน, Syn. attacker
occupy(vt) ยึดครอง, See also: รุกราน, ครอบครอง, Syn. capture, seize, invade, Ant. free, liberate

English-Thai: HOPE Dictionary [with local updates]
acariasis(แอคคะไร' อะซิส) n. ภาวะที่มีแมลง 6 ขา (เช่นเห็บ, หมัด) รุกราน infestation with mites
aggression(อะเกรส' เชิน) n. การรุกราน, การบุกรุก, การล่วงละเมิด, Syn. attack
aggressive(อะเกรส'ซิฟว) adj. รุกราน, ก้าวร้าว. -agressiveness n., Syn. belligerent
aggressor(อะเกรส' เซอะ) n. ผู้รุกราน, ทำให้ได้รับทุกข์, ทำให้เจ็บปวด, Syn. attacker
aggrieved(อะกรีฟวดฺ') adj. เสียใจ, ได้รับอันตราย, ได้รับบาดเจ็บ, ถูกรุกราน -aggrievedness n., Syn. sorrowful
assail(อะเซล') vt. โจมตี, ป้ายร้าย, รุกราน, กล่าวหา, ทำร้าย-assailer, assailment n.
assertive(อะเซอ'ทิฟว) adj. ซึ่งยืนยัน, รุกราน, Syn. decided, positive, aggressive
defence(ดิเฟนซฺ') n. การป้องกัน, การต้านการรุกราน, การพิทักษ์, การแก้ตัวให้, การเป็นทนายให้, การแก้ต่าง, See also: defenceable adj. ดูdefence, Syn. protection
defensible(ดิเฟน'ซิเบิล) adj. ซึ่งต่อต้านการรุกรานได้, ซึ่งป้องกันได้, ซึ่งสามารถแก้ต่างหรือแก้คดีได้., See also: defensibility n. ดูdefensible
impinge(อิมพินจฺ') vt. กระทบ, การแทก, ปะทะ, บุกรุก, รุกราน, มีผลต่อ., See also: impinger n. impingement n., Syn. strike, collide
innocuous(อินอค'คิวอัส) adj. ไม่มีอันตราย, ไม่เป็นภัย, ไม่เป็นพิษ, ไม่รุกราน, ไม่น่ากลัว., See also: innocuously adv. innocuousness n., Syn. harmless-A. noxious
inoffensive(อินอะเฟน'ซิฟว) adj. ไม่เป็นภัย, ไม่ทำอันตราย, เป็นรุกราน, ไม่ทำร้ายคนอื่น, ไม่น่ารังเกียจ., See also: inoffensiveness n., Syn. innocuous, Ant. offensive
invade(อินเวด') vt. บุกรุก, รุกราน, ล่วงล้ำ, ย่ำยี, เหยียบย่ำ, แผ่ไปทั่ว, แพร่หลาย., See also: invader n. invadable adj., Syn. attack, spread
invasion(อินเ'เชิน) n. การรุกราน, การล้ำรุก, การบุกรุก, การถลันเข้าไป, การแพร่ (ของโรค)
invasive(อินเว'ซิฟว) adj. ซึ่งรุกราน
jingo(จิง'โก) n., adj. (เกี่ยวกับ) ผู้แสดงความรักชาติอย่างรุนแรงและรุกราน -Phr. (byjingo! คำอุทานเพื่อแสดงการย้ำ) -, Syn. chauvinist, Ant. pacifist
jingoism(จิง'โกอิสซึม) n. การแสดงความรักชาติที่รุนแรงและโวยวาย, การแสดงความรักชาติแบบรุกราน., See also: jingoist n., adj. ดูjingoism jingoistic adj. ดูjingoism
miff(มิฟ) vt. รุกราน, ทำให้ขุ่นเคือง, ทำผิด
molest(มะเลสทฺ') vt. รบกวน, เข้ายุ่ง, รุกรานทางเพศ., See also: molestation n. molester n.
noisome(นอย'เซิม) adj. รุกราน, น่ารังเกียจ, เป็นภัย, เป็นอันตราย, เป็นพิษ., See also: noisomeness n., Syn. noxious, bad
offend(อะเฟนดฺ') n. กระทำผิด, ละเมิด, รุกราน, ทำให้ขุ่นเคือง, ทำให้ไม่พอใจ., See also: offendable adj. offendible adj. offender n., Syn. fault, vice, attack
overpass(โอ'เวอะพาซฺ) n. ทางข้าง, สะพานลอย, ทางผ่านสายด่วน vt. ข้าม, ผ่าน, ผ่านเหนือ, เกิน, รุกราน, รุกล้ำ, มีเกิน, ชนะ, ดีกว่า, มีประสบการณ์, มองข้าม, เพิกเฉย
pushing(พุช'ชิง) adj. เกี่ยวกับการผลักดัน, ขยันขันแข็ง, ทะเยอทะยาน, รุกราน, ชอบเลือก, ชอบสอดแทรก., See also: pushingness n., Syn. enterprising, pushy
quisle(ควิส'เซิล) vi. ขายชาติโดยการช่วยเหลือข้าศึกที่กำลังรุกรานประเทศ, สมคบกระทำความผิด
stink(สทิงคฺ) { stank/stunk, stunk, stinking, stinks } vi. ส่งกลิ่นเหม็น, รุกราน, เสื่อมทราม, มีจำนวนมาก (โดยเฉพาะเงิน) . vt. ทำให้เหม็น, ไล่ด้วยกลิ่นเหม็น, ได้กลิ่นเหม็นของ n. กลิ่นเหม็น, ความเหม็นโฉ่, ความยุ่งเหยิง, เรื่องอื้อฉาว, , See also: stinks n. วิชาเคมี
tigress(ไท'เกรส) n. เสื้อตัวเมีย, หญิงดุร้ายรุกรานหรือโหดเหี้ยม
tread(เทรด) vt., vi., n. (การ) ย่ำ, เหยียบ, เดินไปมา, ใช้เข้าบดขยี้, ย่ำยี, บดขยี้, กดขี่, เต้นรำ, เสียงฝีเท้า, วิธีการเดิน, วิธีก้าว, จังหวะการก้าว, ที่เหยียบของระหัด, แผ่นเหยียบ, พื้นเหยียบ, พื้นรองเท้า, ยางหล่อดอก. -Phr. (tread on someone's toes (corns) ก้าวร้าว รุกราน)
turbulent(เทอ'บิวเลินทฺ) adj. วุ่นวาย, สับสน, อลหม่าน, โกลาหล, พล่าน, ซึ่งไหลทะลัก, ก้าวร้าว, รุกราน., See also: turbulently adv., Syn. tumultuous
vandal(แวน'เดิล) n. สมาชิกเผ่าเยอรมันในสมัยศตวรรษที่ 5 ที่ถูกชาว Gaul และสเปนรุกราน adj. เกี่ยวกับชนเผ่าเยอรมันดังกล่าว, ชอบทำลาย, ทรัพย์สินของคนอื่น, ป่าเถื่อน., See also: Vandalic adj. vandal n. ผู้ทำลายทรัพย์สินของรัฐหรือของเอกชน

English-Thai: Nontri Dictionary
aggression(n) การรุกราน, การบุกรุก, การก้าวร้าว, การล่วงละเมิด
aggressive(adj) รุกราน, ล่วงละเมิด, ก้าวร้าว, แข็งขัน
aggressor(n) ผู้รุกราน, ผู้บุกรุก
assail(vt) ทำร้าย, ก้าวร้าว, ด่าว่า, โจมตี, รุกราน, ต่อสู้
impinge(vt) กระทบ, บุกรุก, รุกราน
inoffensive(adj) ไม่น่ารังเกียจ, ไม่ทำอันตราย, ไม่รุกราน
inroad(n) การโจมตี, การบุกรุก, การรุกราน
invader(n) ผู้บุกรุก, ผู้รุกราน, ผู้ย่ำยี
molest(vt) แกล้ง, รบกวน, ทำร้าย, ข่มเหง, รุกราน
molestation(n) การแกล้ง, การรบกวน, การทำร้าย, การข่มเหง, การรุกราน
offence(n) การรุกราน, การละเมิด, การกระทำผิด
offend(vt) ทำให้ขุ่นเคือง, ทำให้ไม่พอใจ, รุกราน, ละเมิด, ทำผิด
offender(n) ผู้ละเมิด, ผู้รุกราน, ผู้กระทำผิด
offensive(adj) ซึ่งรุกราน, ก้าวร้าว, น่ารังเกียจ
offensive(n) การรุกราน, การบุกรุก, การล่วงละเมิด
pelt(vt) โยน, ขว้างปา, เขวี้ยง, รุกราน, ระดมยิง, โจมตี
trench(vt) ขุดสนามเพลาะ, ขุดคู, รุกราน

English-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
biosecurityความปลอดภัยทางชีวะภาพ ความหมาย มาตรการที่มุ่งป้องกันการนำเข้าและ/หรือการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายไปยังสัตว์และพืช เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ ในการเกษตร มาตรการเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การปกป้องพืชผลอาหารและปศุสัตว์จากศัตรูพืช ชนิดพันธุ์ที่รุกราน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
biosecurityความปลอดภัยทางชีวะภาพ ความหมาย มาตรการที่มุ่งป้องกันการนำเข้าและ/หรือการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายไปยังสัตว์และพืช เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ ในการเกษตร มาตรการเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การปกป้องพืชผลอาหารและปศุสัตว์จากศัตรูพืช ชนิดพันธุ์ที่รุกราน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
biosecurityความปลอดภัยทางชีวะภาพ ความหมาย มาตรการที่มุ่งป้องกันการนำเข้าและ/หรือการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายไปยังสัตว์และพืช เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ ในการเกษตร มาตรการเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การปกป้องพืชผลอาหารและปศุสัตว์จากศัตรูพืช ชนิดพันธุ์ที่รุกราน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
Magnetic resonance cholangiopancreatography (MRCP)เป็นเทคนิคการถ่ายภาพทางการแพทย์ที่ใช้การถ่ายภาพสะท้อนแบบแม่เหล็กเพื่อแสดงให้เห็นถึงน้ำดีและท่อตับอ่อนในลักษณะที่ไม่รุกราน ขั้นตอนนี้สามารถใช้ในการตรวจสอบว่านิ่วในท่อที่อยู่รอบถุงน้ำดีหรือไม่

Japanese-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
防御[ぼうぎょ, bougyo] (n, adj) การป้องกันถัย (จากการรุกราน)

เพิ่มคำศัพท์


ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ


Are you satisfied with the result?



Discussions

ว่าด้วยโฆษณา
เราทราบดีว่าท่านผู้ใช้คงไม่ได้อยากให้มีโฆษณาเท่าใดนัก แต่โฆษณาช่วยให้ทาง Longdo เรามีรายรับเพียงพอที่จะให้บริการพจนานุกรมได้แบบฟรีๆ ต่อไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Go to Top