“Demure” : The word redefines elegance and confidence in 2024 (เรียนภาษาอังกฤษ in English) “Demure” เป็นคำศัพท์ที่ได้รับความสนใจจากโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ Tiktok ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่หันมาให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความมั่นใจ และความใส่ใจในรายละเอียดทั้งในรูปลักษณ์และพฤติกรรม โดยคำนี้ได้รับการนิยามใหม่จากความหมายดั้งเดิมที่เกี่ยวกับความสุภาพถ่อมตัวและความสงวนท่าที ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามที่มาพร้อมความมั่นใจอย่างมีชั้นเชิงในโลกที่เต็มไปด้วยความโดดเด่นฉูดฉาด การเปลี่ยนแปลงนี้ซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเทรนด์ในโซเชียลมีเดียและทัศนคติของสังคมที่พัฒนาไป ชี้ให้เห็นถึงการยอมรับในรูปแบบการแสดงตัวตนที่แฝงด้วยความลึกซึ้งและงดงามในปัจจุบัน The word “demure” was selected as Dictionary.com’s 2024 Word of...
ผลลัพธ์การค้นหาสำหรับ

*มีขอบเขต*

   
ภาษา
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: มีขอบเขต, -มีขอบเขต-
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่
ปรับการตั้งค่า
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


ไทย-ไทย: พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ [with local updates]
บุก ๒ก. ฝ่าเข้าไปในบริเวณที่มีขอบเขตกั้นไว้หรือมีสิ่งกีดขวางเป็นต้น เช่น บุกป่า บุกเข้าไปในค่ายทหาร, โดยปริยายหมายถึง ไปถึงด้วยความลำบาก เช่น อุตส่าห์บุกมาถึงบ้าน.
เวสสันดรน. พระนามพระโพธิสัตว์ชาติที่ ๑๐ ในทศชาติ, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีใจกว้างขวางชอบให้ของแก่ผู้อื่นอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เช่น ใจกว้างเหมือนพระเวสสันดร มีอะไรให้เขาหมด.
แว่นแคว้นน. แผ่นดินซึ่งมีขอบเขตเป็นปริมณฑล เช่น แว่นแคว้นตะนาวศรี ฝ่ายเขาเล่าก็สามพารา เป็นใหญ่ในชวาแว่นแคว้น (อิเหนา).

อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน [เชื่อมโยงจาก orst.go.th แบบอัตโนมัติและผ่านการปรับแก้]
at largeอย่างเต็มที่, ไม่มีขอบเขต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
bounded aboveมีขอบเขตบน [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
bounded belowมีขอบเขตล่าง [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
bounded functionฟังก์ชันมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
bounded sequenceลำดับมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
bounded setเซตมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
boundedมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
bound๑. ขอบเขต๒. แบบมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
bound variableตัวแปรแบบมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
unbounded aboveไม่มีขอบเขตบน [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
unbounded belowไม่มีขอบเขตล่าง [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
unbounded regionบริเวณไม่มีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
unbounded sequenceลำดับไม่มีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]

อังกฤษ-ไทย: คลังศัพท์ไทย โดย สวทช.
systemระบบ, ที่รวมของส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำงานร่วมกัน มีจุดประสงค์ร่วมกัน และมีขอบเขตโดยแน่ชัด เช่น คอมพิวเตอร์เป็นระบบ เพราะประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาตามที่ผู้ใช้กำหนด ร่างกายมนุษย์เป็นระบบเพราะประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ ระบบทั้งหลายต้องรับอินพุดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเข้าไปในระบบ ต่อจากนั้นจึงนำอินพุดเหล่านั้นมาดำเนินการให้เกิดเป็นเอาท์พุต หรือปรับอินพุดหรือการดำเนินการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การนำเอาท์พุดมาพิจารณาแล้วปรับ ดังนี้เรียกว่า การป้อนกลับ (feedback) [คอมพิวเตอร์]
Conference on Disamamentการประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นเวทีเจรจาการลดอาวุธระหว่างประเทศ มีขอบเขตความรับผิดชอบเกี่ยวกับประเด็นด้านการลดอาวุธทุกด้าน และมีหน้าที่ รายงานต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติทุกปี ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ประเทศ(ไทยมิได้เป็นสมาชิก) โดยที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ด้านการลดอาวุธหลายฉบับ ที่สำคัญได้แก่ สนธิสัญญาไม่แพร่อาวุธนิวเคลียร์ อนุสัญญาห้ามเคมี อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ และสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ [การทูต]
Gorbachev doctrineนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต]
Attitude, Over-Indulgenceทัศนคติแบบตามใจมากจนไม่มีขอบเขต [การแพทย์]
Circumscribed and Encapsulateเป็นก้อนชัดเจนมีขอบเขต [การแพทย์]
phaseวัฏภาค, เฟส, ส่วนที่เป็นเนื้อเดียวกันในระบบหนึ่ง และมีขอบเขตแน่นอนแยกจากส่วนอื่น ๆ ของระบบนั้น  เช่น ในภาชนะปิดที่บรรจุน้ำแข็ง น้ำ และไอน้ำ ระบบนี้จะมี 3 วัฏภาค คือ วัฏภาคของแข็ง ได้แก่ น้ำแข็ง วัฏภาคของเหลว ได้แก่ น้ำ และวัฏภาคของแก๊ส ได้แก่ ไอน้ำ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
Margin, Poorly Definedไม่มีขอบเขต [การแพทย์]
Margin, Ragged Underminedมีขอบเขตไม่แน่นอน [การแพทย์]

ตัวอย่างประโยค จาก Open Subtitles  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
But your progress was limitless!แต่ฝีมือแกเจริญไปอย่างไม่มีขอบเขต Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000)
Now, Ms. Kensington... did diversity jurisdiction exist in this case?เอาล่ะ มิสเคนซิงตัน มีขอบเขตอำนวจตัดสินหลากหลายในคดีนี้หรือไม่ Legally Blonde (2001)
To obey-just like that-for the sake of obeying, without questioning... that's something only people like you can do, Captain.การเชื่อฟังต้องมีขอบเขต บางเรื่องผมก็เชื่อไม่ได้ มีบางอย่างที่คนอย่างคุณสมควรจะทำนะ, ผู้กอง Pan's Labyrinth (2006)
Boundaries.มีขอบเขตนิดนึง Purple Giraffe (2005)
Heaven nor hell, no countries with borders...ไม่ว่าสวรรค์หรือนรก ไม่มีที่ไหนที่มีขอบเขต... Episode #1.1 (2006)
Or what my limits are.หรือมีขอบเขตแค่ไหน Chapter Two 'Lizards' (2007)
There's a limit to avoiding somebody. It's total disrespect now.ถึงไม่ชอบก็น่าจะมีขอบเขตบ้าง นี่มันไม่ให้เกียรติกันเลยนะ The 1st Shop of Coffee Prince (2007)
This place is off limits.ที่นี่มีขอบเขต Attack on the Pin-Up Boys (2007)
"it's that the sky is the limit."มันคือท้องฟ้าที่มีขอบเขต Charlie Bartlett (2007)
Mark is a married man, there are boundaries.มาร์คเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว มันต้องมีขอบเขต Juno (2007)
- I'm just sayin' there's a line I can't cross.แค่จะบอกว่าฉันมีขอบเขต Cassandra's Dream (2007)
Hey, that credit you get for being a cop, it has a limit.นี่ การที่คุณเป็นตำรวจมันก็มีขอบเขตนะ All in the Family (2008)
The trauma caused by the explosion is completely localized.แผลที่เกิดจากระเบิดมันมีขอบเขตชัดเจน Bombshell (2008)
- So Some Boundaries Wouldn't Hurt. - Betty? Betty, Betty, Betty.ดังนั้นมีขอบเขตบ้าง จะได้ไม่มีใครเจ็บตัว เบ็ตตี้ เบ็ตตี้ เบ็ตตี้ The Manhattan Project (2008)
Our ecosystem doesn't have borders.ระบบนิเวศของเราไม่มีขอบเขต Home (2009)
There's a limit to the jokes you make.นายควรจะเล่นตลกให้มีขอบเขตบ้างนะ Episode #1.2 (2009)
There's boundaries there where it's just a little bit artificial, whereas what you have with Chris is really- it's a real relationship.มันคือความสัมพันธ์ที่ต้องแตกต่างกัน มันมีขอบเขตตรงนั้น ซึ่งค่อนข้างต้องเสแสร้งนิด ๆ The Girlfriend Experience (2009)
Amazing. Your holiday paranoia truly knows no bounds.น่าทึ่งมาก ความฟุ้งซ่านเรื่องวันหยุดของคุณ\ไม่มีขอบเขตเลยจริงๆ The Treasure of Serena Madre (2009)
The borders have different width. They've been altered.ทุกอย่างมีขอบเขตที่แตกต่างกัน พวกเค้าเพิ่งได้รับการเปลี่ยนแปลง The Blind Side (2009)
Get you a list, contact numbers, so forth. Can I ask you a question?อะไรที่เธอได้ทำ, มีขอบเขตจำกัด ลูกสาวของคุณเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ฝึก Edge of Darkness (2010)
My English friend, Mr. Davenport here... about 6 feet tall, 220 pounds... is enjoying his cigar.ถ้าผมกำลังตามหาชาย ผู้เป็นคนยิงลูกสาวของคุณ... ...และผมได้จินตนาการอย่างมีขอบเขต แล้วผมไม่... ...ผมต้องมองไปที่ พวกชั้นต่ำที่คุณไปพบมาวันนี้ Edge of Darkness (2010)
Understand I am bound by the attorney-client privilege to keep everything you tell me a secret.เข้าใจดีว่าฉันมีขอบเขต เอกสิทธิระหว่างลูกค้ากับทนายความ ในการรักษาความลับทุกอย่างที่คุณบอก I.F.T. (2010)
Anyway, just reminding you to keep any April fool's prankอย่างไรก็ดี ในวัน April Fool ผมขอย้ำให้นักศึกษาแกล้งกันอย่างมีขอบเขต The Science of Illusion (2010)
How many jurisdictional boundaries have you transgressed over the years?มีขอบเขตอำนาจทางกฎหมาย สักเท่าไรแล้วล่ะ ที่คุณละเมิดเข้าไป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา? The Bones That Weren't (2010)
In a field with no boundaries surrounded by nothingอยู่ในทุ่งหญ้าที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีอะไรล้อมรอบ Love in Disguise (2010)
Well, darfur, actually, with doctors without borders.แพทย์อาสา ต่างหาก เป็นหมอที่ไม่มีขอบเขต As You Were (2010)
Friendships go beyond borders and race.ความเป็นเพื่อนน่ะไม่มีขอบเขตหรอก Episode #1.2 (2010)
When you live life, there are bound to be days... when things get all screwed up and messy.เมื่อชีวิตของเธอ มีขอบเขตไปวันๆ... เมื่อทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด Episode #1.8 (2010)
There is a limit to everything!ทุกอย่างมีขอบเขตจำกัดนะ! Episode #1.18 (2010)
The energy signature of their weapons is a fairly limited range.มีขอบเขตของค่าเฉพาะที่ค่อนข้างชัดเจน เราสามารถกำหนดเป้าหมายเฉพาะมันได้ Gauntlet (2011)
It's true there's not much margin for error, but I think it might just work.มันก็จริง ที่มีขอบเขตความผิดพลาดบ้าง แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะใช้ได้ ใช่, ถ้าเราโชคดีนะ Gauntlet (2011)
I obviously don't care too much about how this house looks but I gotta draw the line somewhere.ผมไม่สนว่าบ้านนี้เป็นยังไง แต่ผมก็มีขอบเขต Royal Wedding (2011)
The reason the Timekeepers leave me alone is 'cause I have boundaries.แกไม่เข้าใจหรอ เหตุผลที่ผู้คุมเวลาไม่ยุ่งกับฉัน เพราะฉันทำแบบมีขอบเขต In Time (2011)
I think boundaries are good in a relationship.ถ้ามีขอบเขตระยะห่าง ของความสัมพันธ์ Nebraska (2011)
Science knows no boundaries and sees no countries or colors.ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่มีขอบเขต ไม่พบว่าแบ่งแยกประเทศหรือสีผิว World Leader Pretend (2011)
Boundaries. Got it.มีขอบเขต ฉ้นเข้าใจแล้ว And the Break-Up Scene (2011)
That also has a limit.แต่นั่นก็ยังมีขอบเขตของมัน Episode #1.8 (2011)
it's best to described it's a predator without boundries targeting men, women, children, young, old he does not discriminateฆาตกรรายนี้ไม่มีขอบเขตการฆ่า เป้าหมายเป็นได้ทั้งชายหญิงและเด็ก ไม่มีการเจาะจงอายุหรือเพศ The Collection (2012)
♪ Well, they say the sky's the limit ♪#ก็อย่างที่เขาว่ากัน ว่าท้องฟ้านั้นมีขอบเขตของมัน# Michael (2012)
I know, but there's a line.ผมรู้ แต่มันต้องมีขอบเขต Infamy (2012)
Really has no boundaries.มันจริง ไม่มีขอบเขตเลย Guys, Interrupted (2012)
I know it's a reach.ฉันรู้ว่ามันมีขอบเขต Do the Wrong Thing (2012)
Boundaries, Alec.มีขอบเขต, อเล็ก Fast Times (2012)
He's telling us he has boundaries?หรือว่าเขากำลังบอกพวกเราว่า เขามีขอบเขต The Silencer (2012)
The CIA has no jurisdiction here.ซีไอเอไม่มีขอบเขตอำนาจที่นี่นะครับ Ice Queen (2012)
If there's infinite love, then it's not possible to love one more than the other, because infinite love is infinite.ถ้าเป็นความรักที่ไม่มีขอบเขต มันจะเป็นไปได้ไง ที่จะรักคนนึงมากกว่ากว่าอีกคน เพราะมันไม่มีขอบเขต Last Whiff of Summer: Part 1 (2012)
Well, no, sure, the infinite stuff your mom said...คือ ไม่แน่นอน อย่างที่แม่พูดแหละ ไม่มีขอบเขต Last Whiff of Summer: Part 1 (2012)
Infinite love.ความรักไม่มีขอบเขต Last Whiff of Summer: Part 1 (2012)
I thought you believed in infinite love.ผมคิดว่าแม่เชื่อในเรื่องรักไม่มีขอบเขตซะอีก Last Whiff of Summer: Part 1 (2012)
Well, yes, infinite love while also understanding that you might have a special connection to one person or parent more than the other.ใช่จ้ะ รักไม่มีขอบเขต แต่ก็ยังมีเรื่อง ที่ลูกอาจมีความเชื่อมโยงที่พิเศษกับคนอีกคน Last Whiff of Summer: Part 1 (2012)

English-Thai: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
absolute(adj) ไม่มีขอบเขต, See also: ไม่จำกัด, Syn. unlimited, Ant. limited
America Online(n) ศูนย์บริการออนไลน์ผ่านทางโมเด็มที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอเมริกา มีขอบเขตการให้บริการที่กกว้างขวางมีการให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ปริการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตขั้นพื้นฐาน มีข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากสำนักข่าวรอยเตอร์และยูพีไอ
endless(adj) ซึ่งไม่สิ้นสุด, See also: ไม่มีขอบเขต, ชั่วกาลนาน, Syn. illimitable, limitless, unceasing, unending
endlessly(adv) อย่างไม่สิ้นสุด, See also: อย่างไม่มีขอบเขต, Syn. eternally
finite(adj) มีขอบเขต, See also: มีเขตจำกัด, มีที่สิ้นสุด, Syn. limited, bounded, Ant. boundless
finite(n) สิ่งที่มีขอบเขต, Syn. limit
land(n) พื้นที่ที่มีขอบเขต, See also: อาณาบริเวณ
limited(adj) ที่มีขอบเขต, See also: ที่มีขีดขั้น, Syn. constricted, small-scale, narrow
limiting(adj) จำกัด, See also: มีขอบเขต
marginality(n) การทำให้มีขอบเขต
marginally(adv) อย่างมีขอบเขต
restrictive(adj) ซึ่งถูกจำกัด, See also: ซึ่งมีขอบเขต, Syn. prohibitive, confining, limiting
spaceless(adj) ซึ่งไม่มีขอบเขต
unbounded(adj) ไม่จำกัด, See also: ไม่มีขอบเขต, ไร้ขีดจำกัด, ไร้ขอบเขต, Syn. absolute, infinite, limitness, unrestrained, unrestricted
unlimited(adj) ไร้ขีดจำกัด, See also: ซึ่งไม่มีขอบเขต, Syn. limitless, measureless, Ant. limited
unmeasured(adj) ซึ่งวัดไม่ได้, See also: ซีงไม่มีขอบเขต, Syn. endless

English-Thai: HOPE Dictionary [with local updates]
a gogo(อาโก' โก) มากเท่าที่คุณต้องการ, ไม่มีขอบเขต, เดินเพ่นพ่าน, จังหวะเต้นรำอะโกโก้, เวที่เต้นรำจังหวะอะโกโก้, Syn. a Go go, a go-go, au gogo
ad infinitum(แอดอินฟะไน' ทัม) ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต
conservative(คันเซอ'วะทิฟว) adj. ซึ่งอนุรักษ์ไว้, ซึ่งสงวนไว้, เกี่ยวกับการเก็บรักษา, ซึ่งมีขอบเขต, รอบคอบ, เกี่ยวกับพรรคConservative. n. นักอนุรักษ์นิยม, นักจารีตนิยม, ผู้รักษาสิ่งเก่า ๆ , สมาชิกพรรคคอนเซอวาตีฟ, ตัวกันบูด., See also: conservativeness n. คำที่มีความ
endlessadj. ไม่มีขอบเขต, ไม่สิ้นสุด, See also: endlessness n. ดูendless, Syn. eternal
finite(ไฟ'ไนทฺ) adj. มีขอบเขต, มีเขตจำกัด, ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจนวัดไม่ได้, ไม่ใช่ศูนย์. n. สิ่งที่มีขอบเขต., See also: finitely adv. finiteness n., Syn. limited, fixed, Ant. infinite, eternal
fuzzy logicตรรกศาสตร์คลุมเคลือหมายถึง แบบหนึ่งของตรรกะ ซึ่งใช้ในระบบผู้เชี่ยวชาญ (expert system) ตรรกะ ประเภทนี้ไม่ใช่มีแต่ ผิด-ถูก (กล่าวคือ ถ้าไม่ถูก ก็ต้องผิด หรือถ้าไม่ผิด ก็ต้องถูก) แต่ตรรกะแบบนี้ มีขอบเขตกว้างขวาง
immeasurableadj. ซึ่งไม่สามารถจะวัดได้, ไม่มีขอบเขต, นับไม่ถ้วน, เหลือคณานับ., See also: immeasurably adv., Syn. boundless
immense(อิเมนซฺ') adj. ใหญ่มาก, มหึมา, มโหฬาร, มากมาย, กว้างขวาง, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, ดีมาก, เลิศ, ยอดเยี่ยม., See also: immensely adv. immenseness n., Syn. huge, vast, Ant. small, little
immensity(อิเมน'ซิที) n. ความกว้างขวาง, ความใหญ่โต, ความมโหฬาร, ความไม่มีขอบเขต, Syn. hugeness
infinite(อิน'ฟะนิท) adj. ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, สมบูรณ์, ไม่หมดสิ้น. n. สิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด, บริเวณที่ไม่มีขอบเขต, อวกาศ. -Phr. (the Infinite, the Infinite Being พระผู้เป็นเจ้า) ., See also: infinitely adv. infiniteness n. คำที่มีควา
infinity(อินฟิน'นิที) n. ความไม่มีที่สิ้นสุด, ความไม่มีขอบเขต, สิ่งที่ใหญ่โตเหลือเกิน, จำนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด, Syn. endlessness, eternity
information technologyเทคโนโลยีสารสนเทศใช้ตัวย่อว่า IT หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications)
it(อิท) pron. มัน, นั่น, ตัว, คน, บุคคล, ตัวมาร, ตัวการ, คนสำคัญ, คนโง่. n. คนเล่น, สถานการณ์โดยทั่วไป ไอทีย่อมาจาก information technology แปลว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications)
limiting(ลิม'มิททิง) adj. จำกัด, มีขอบเขต, มีขีดขั้น
limitless(ลิม'มิทลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, See also: limitlessness n. ความไม่มีขอบเขต
restrictive(รีสทริค'ทิฟว) adj. จำกัด, จำกัดวง, มีขอบเขต, ถูกกำหนด, คับแคบ, มีลักษณะจำกัด, See also: restrictiveness n., Syn. restricted
spaceless(สเพส'ลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีช่องว่าง, Syn. limitless
termless(เทอม'ลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่จำกัด, ไม่มีเงื่อนไข, ไม่มีที่สิ้นสุด
unbounded(อันเบาน์'ดิด) adj. ไม่มีจำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่ถูกควบคุม, มากมาย
unending(อันเอน'ดิง) adj. ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่หยุด, ถาวร, อมตะ, ไม่มีขอบเขต
unlimited(อันลิม'มิทิด) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่จำกัด, ไม่บังคับ, กว้างใหญ่ไพศาล, ไม่มีข้อยกเว้น., See also: unlimitedly adv., Syn. limitless
unmeasured(อันเมช'เ?ิร์ด) adj. ไม่ได้วัด, ไม่ได้ประเมิน, วัดไม่ได้, ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไพศาล, มากมาย, ไม่มีจังหวะ, ไม่สัมผัสเสียง.

English-Thai: Nontri Dictionary
boundless(adj) ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด
illimitable(adj) ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด
immeasurable(adj) มากมาย, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถวัดได้
infinite(adj) อสงขัย, ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, มากมาย, เหลือคณา
limited(adj) ถูกจำกัด, น้อย, มีขอบเขต, แคบ
limitless(adj) ไม่จำกัด, ไม่อั้น, มากมาย, ไม่มีขอบเขต
measureless(adj) ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถจะวัดได้, เหลือคณนา
unlimited(adj) ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่บังคับ

English-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
non-exclusive jurisdiction of court(n) ศาลที่่มีขอบเขตในการตัดสินคดีทั่่วไป

เพิ่มคำศัพท์


ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ


Are you satisfied with the result?



Discussions

ว่าด้วยโฆษณา
เราทราบดีว่าท่านผู้ใช้คงไม่ได้อยากให้มีโฆษณาเท่าใดนัก แต่โฆษณาช่วยให้ทาง Longdo เรามีรายรับเพียงพอที่จะให้บริการพจนานุกรมได้แบบฟรีๆ ต่อไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Go to Top