ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ฝักใฝ่, -ฝักใฝ่- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ |
| ฝักใฝ่ | ก. เอาใจใส่, ผูกพัน. | กระตือรือร้น | ก. รีบร้อน, เร่งรีบ, ขมีขมัน, มีใจฝักใฝ่มาก, ใส่ใจอยากจะทำ. | จดจ่อ | ก. มีใจฝักใฝ่ผูกพันอยู่. | ใจบาป, ใจบาปหยาบช้า | ว. มีใจฝักใฝ่ในทางชั่วร้าย. | ใจบุญ | ว. มีใจฝักใฝ่ในการบุญ. | นกสองหัว | น. คนที่ทำตัวฝักใฝ่เข้าด้วยทั้ง ๒ ฝ่ายที่ไม่เป็นมิตรกันโดยหวังประโยชน์เพื่อตน. | นักการเมือง | น. ผู้ฝักใฝ่ในทางการเมือง, ผู้ที่ทำหน้าที่ทางการเมือง เช่นรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา. | นักเลง | น. ผู้ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น ๆ เช่น นักเลงหนังสือ นักเลงการพนัน | แนวที่ห้า | น. ผู้เอาใจฝักใฝ่และช่วยเหลือศัตรู. | ฝ่ายเป็นกลาง | น. กลุ่มที่มีอุดมคติทางการเมืองการเศรษฐกิจเป็นต้นไม่ฝักใฝ่หนักไปทางฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา. | เล่นการเมือง | ก. ฝักใฝ่หรือปฏิบัติการเกี่ยวกับงานบริหารบ้านเมือง, โดยปริยายหมายความว่า ใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงไม่ตรงไปตรงมา เพื่อผลประโยชน์ของตน เช่น ในวงการกีฬาก็มีการเล่นการเมือง นักกีฬาเก่ง ๆ บางคนถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมทีม. |
| | Nonalignment | การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด [TU Subject Heading] | Hugo Grotius (1583-1645) | บรมครูทางกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ เป็นบุคคลแรกที่ได้ประกาศเสรีภาพของทะเล (Freedom of the Seas) ในตำราของท่านชื่อ Mare Liberumนักกฎหมาย รัฐบุรุษ และปรัชญาเมธีด้านมนุษยธรรมของเนเธอร์แลนด์ผู้นี้ ภายหลังเกิดมาได้ไม่กี่ปีก็ส่อให้เห็นว่าเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดอย่างน่า มหัศจรรย์ เขาเริ่มศึกษาวิชากฎหมายตั้งแต่มีอายุได้ 11 ขวบ ณ สถาบันศึกษาชั้นสูงแห่งเลย์เด็นในเนเธอร์แลนด์ และได้รับปริญญาเอกทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัย ณ เมืองออร์ลีนส์ ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อมีอายุได้เพียง 15 ปี โดยที่เป็นผู้ฝักใฝ่ในการเมือง เขาได้ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1618 ด้วยข้อหาทางการเมือง แต่ต่อมาใน ค.ศ. 1621 ได้หลบหนีไปยังประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ 1625 เขาได้แต่งตำรากฎหมายซึ่งถือกันว่าเป็นตำราอมตะชื่อว่า Jure Belli ac Pacis (แปลว่า เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยสงครามและสันติภาพ) เป็นงานเขียนที่เหมาะกับสมัย และเขียนอย่างนักวิชาการอันเยี่ยมยอดที่สุดไม่มีใครเหมือนในสมัยนั้น และด้วยความรู้สึกที่รักความยุติธรรมอย่างแรงกล้าด้วยเหตุนี้ ทั่วโลกจึงขนานนาม Hugo Grotius ว่าเป็นบิดาแห่งกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายนานาชาติ (Father of the Law of Nations) [การทูต] | Non-Aligned Movement | กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2504 มีสมาชิกจำนวน 114 ประเทศ (ตุลาคม 2547) ไทยเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 [การทูต] | Neutralization, Neutrality หรือ Neutralism | คำว่า Neutraliza-tion หมายถึง กระบวนการซึ่งรัฐได้รับการค้ำประกันความเป็นเอกราชและบูรณภาพอย่างถาวรภาย ใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับการประกันรับรองให้เป็นกลาง (Neutralized State) เช่นนี้จะผูกมัดตนว่า จะละเว้นจาการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าประเทศใดทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าจะถูกโจมตีก่อน ตัวอย่างอันเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความ เป็นกลางอย่างถาวร คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามปฏิญญา (Declaration) ซึ่งมีการลงนามกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 ประเทศใหญ่ ๆ ในสมัยนั้น คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ปรัสเซีย และรัสเซีย ได้รับรองว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นการจำเป็นที่จะให้รัฐเฮลเวติก(Helvetic Swiss States) ได้รับการประกันความเป็นกลางตลอดไป ทั้งยังประกาศด้วยว่า รัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงรับปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้เมื่อไร ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ก็จะได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางในทันที และแล้วสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศยอมรับปฏิบัติตาม หรือให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 บรรดาประเทศที่รับรองค้ำประกันความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์จึงประกาศ รับรองดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1815 อนึ่ง การค้ำประกันความเป็นกลางในลักษณะที่ครอบคลุมทั้งประเทศของรัฐใดรัฐหนึ่ง นั้น มีความแตกต่างกับการค้ำประกันเพียงดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางจะ ไม่ยอมให้ฝ่ายใดใช้ดินแดนส่วนที่ค้ำประกันนั้นเป็นเวทีสงครามเป็นอันขาด การค้ำประกันความเป็นกลางยังมีอีกแบบหนึ่งคือ รัฐหนึ่งจะประกาศตนแต่ฝ่ายเดียวว่าจะรักษาความเป็นกลางของตนตลอดไปโดยถาวร แต่ในกรณีเช่นนี้ ความเป็นเอกราชและบูรณภาพของรัฐที่ประกาศตนเป็นกลางเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ได้รับการค้ำประกันร่วมกันจากรัฐอื่น ๆ แต่อย่างใดส่วนคติหรือลัทธิความเป็นกลาง (Neutralism) เป็นศัพท์ที่หมายถึงสถานภาพของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการน้ำประเทศของตนเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสงครามเย็น ( Cold War) ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศภาคตะวันออกกับกลุ่มประเทศภาค ตะวันตก นอกจากนี้ ผู้นำบางคนในกลุ่มของรัฐที่เป็นกลาง ไม่เห็นด้วยกีบการที่ใช้คำว่า ?Neutralism? เขาเหล่านี้เห็นว่าควรจะใช้คำว่า ?ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด? ( Uncommitted ) มากกว่าจะเห็นได้ว่า คำว่า ?ความเป็นกลาง? ( Neutrality ) นั้น หมายถึงความเป็นกลางโดยถาวร ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากกลุ่มประเทศกลุ่มหนึ่ง เช่นในกรณีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้หรือหมายถึงความเป็นกลางเฉพาะในดินแดน ส่วนหนึ่งของรัฐที่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปทำสงครามกันในดินแดนที่เป็นกลางส่วน นั้นเป็นอันขาดก็ได้ ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่า แก่นแท้ในความหมายของความเป็นกลาง ( Neutrality) จึงอยู่ที่ท่าที หรือ ทัศนคติของประเทศที่ดำรงตนเป็นกลาง ไม่ต้องการเข้าข้างประเทศคู่สงครามใด ๆ ในสงคราม ในสมัยก่อนผู้คนยังไม่รู้จักความคิดเรื่องความเป็นกลางดังที่รู้จักเข้าใจ กันในปัจจุบัน ความเป็นกลางเป็นผลมาจากการทยอยวางหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความเป็นกลาง นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน [การทูต] | Parliamentary Diplomacy | การทูตแบบรัฐสภา หรือบางครั้งเรียกว่า Organization Diplomacy เช่น การทูตในองค์การสหประชาชาติ การทูตแบบนี้ต่างกับการทูตตามปกติที่ดำเนินกันในนครหลวงของประเทศ กล่าวคือ1. นักการทูตมีโอกาสติดต่อโดยใกล้ชิดกับสื่อมวลชนและกับนัการทูตด้วยกันจาก ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรภายในองค์การสหประชาติ มากกว่าในนครหลวงของประเทศ แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดต่อกับคนชาติของตนอย่างใกล้ชิด2. การพบปะติดต่อกับบรรดานักการทูตด้วยกันในองค์การสหประชาชาติ จะเป็นไปอย่างเป็นกันเองมากกว่าในนครหลวงของประเทศ3. ในองค์การสหประชาติ ประเทศเล็ก ๆ สามารถมีอิทธิพลในการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ได้มากกว่าในนครของตน เพราะตามปกติ นักการทูตในนครหลวงมักจะติดต่ออย่างเป็นทางการกับนักการทูตในระดับเดียวกัน เท่านั้น แต่ข้อนี้มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนักในสหประชาชาติ ในแง่การปรึกษาหารือกันระหว่างกลุ่ม ในสมัยก่อนที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดในสหประชาชาติได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม (Blocs) ด้วยกัน คือกลุ่มเอเชียอัฟริกา กลุ่มเครือจักรภพ (Commonwealth) กลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มละตินอเมริกัน กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสแกนดิเนเวีย และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศที่มิได้ผูกพันเป็นทางการกับกลุ่มใด ๆ ที่กล่าวมา อนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามเย็น สมาชิกประเทศในสหประชาชาติจะรวมกลุ่มกันตามแนวนี้ คือ ประเทศนิยมฝักใฝ่กับประเทศฝ่ายตะวันตก (Pro-West members) ประเทศที่นิยมค่ายประเทศคอมมิวนิสต์ (Pro-Communist members) และประเทศที่ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายใด (Non-aligned members)เกี่ยวกับเรื่องการทูตในการประชุมสหประชาชาติ ในสมัยสงครามเย็น นักการทูตชั้นนำของอินเดียผู้หนึ่งให้ข้อวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพิจารณากัน การทะเลาะเบาะแว้งด้วยคำผรุสวาทหรือการแถลงโผงผางต่อกันนั้น ล้วนเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะวิสัยของการทูตทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปในการประชุมสหประชาชาติ จึงแทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการทูต เพราะการทูตที่แท้จริงจะกระทำกันด้วยอารมณ์สงบ ใช้ความสุขุมคัมภีรภาพ ปราศจากกามุ่งโฆษณาตนแต่อย่างใด การแสดงต่าง ๆ เช่น สุนทรพจน์และภาพยนตร์นั้นจะต้องมีผู้ฟังหรือผู้ชม แต่สำหรับการทูตจะไม่มีผู้ฟังหรือผู้ชม (Audience) หากกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็คือ ผู้พูดในสหประชาชาติมุ่งโฆษณาหาเสียง หรือคะแนนนิยมจากโลกภายนอก แต่ในการทูตนั้น ผู้พูดมุ่งจะให้มีการตกลงกันให้ได้ในเรื่องที่เจรจากันเป็นจุดประสงค์สำคัญ [การทูต] |
| As you know, we're non-political these days. Hey. | เดี๋ยวนี้เราฝักใฝ่พรรคใดไม่ได้ The Bodyguard (1992) | And he's staying at our boarding house, because he's nobody's man. | มาเช่าบ้านเราอยู่ เพราะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด The Legend of Bagger Vance (2000) | After he died, my parents became political. | หลังจากเขาตาย, พ่อแม่ฉันก็ฝักใฝ่การเมือง. V for Vendetta (2005) | Are you a German sympathizer? | คุณเป็นพวกฝักใฝ่เยอรมันหรือเปล่า Flyboys (2006) | ...resulted in a maverick enzyme... of the kind which induces... defective biochemical reaction and causes brain damage. | ส่งผลให้เอนไซม์ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ชนิดที่ก่อให้เกิดการ ปฏิกิริยาทางชีวเคมีข้อบกพร่อง และทำให้เกิดความเสียหายสมอง Sex Trek: Charly XXX (2007) | Loners, mavericks... | สันโดษ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด There's No 'I' in Team (2008) | And you're gonna have to do it to win their trust and stay on the inside. | แต่คุณจำเป็นต้องทำ เพื่อให้ได้ ความเชื่อใจจากพวกมัน และฝักใฝ่อีกฝ่าย Goodbye Yellow Brick Road (2010) | I suggest selling yourself on craigslist under the heading of "men seeking men with butt-chins." | แต่ชั้นแนะนำว่านายควรไปขายตัว บนประกาศหางานโดยใช้หัวข้อว่า "ชายตามหาชายผู้ฝักใฝ่แก้มก้นเหมือนกัน" The Substitute (2010) | Fairness in not taking sides in fights, quarrels, debates, etc. =- . | ความเป็นธรรมในการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ในการต่อสู้ วิวาท หรือโต้แย้ง ฯลฯ=. Warrior Baek Dong-soo (2011) | Purge pro-Japanese pawns first. | ก็แค่ข้ออ้างกวาดล้างพวกฝักใฝ่ญี่ปุ่น The Front Line (2011) | Yes. Seems that even in death, I have a weakness for the living flesh. | แม้กระทั่งตายไปแล้ว ข้าก็ยังฝักใฝ่เรื่องเนื้อหนังอยู่ Dark Shadows (2012) | Fang boner and real boner. | ไอ้แวมพ์หมกมุ่น ฝักใฝ่แต่เรื่องอย่างว่า Authority Always Wins (2012) | It's not me! Yes, Chief. | หัวหน้าครับ ถึงแม้ว่าเขาฝักใฝ่เรื่องชู้สาว The Scent (2012) | He's a classic loner. He didn't even talk to his neighbours. | เขาเป็นคนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด คลาสสิก เขาไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านของเขา Jack Reacher (2012) | Well, I'm a bit of a maverick, I guess. | ดีฉันบิตของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดผมคิดว่า Anchorman 2: The Legend Continues (2013) | Lannister, Stark, Baratheon-- you prey on the weak, the Brotherhood without Banners will hunt you down. | แลนนิสเตอร์ สตาร์ก บาราธีออน เจ้าภาวนาเพื่อคนอ่อนแอ กลุ่มคนจรที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดจะล่าตัวเจ้า And Now His Watch Is Ended (2013) | Or sit in the corner of some greasy little fucking pub somewhere like you're the fucking happy little maverick. | เลขที่หรือนั่งอยู่ในมุมของบางเลี่ยนผับร่วมเพศเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ที่ไหนสักแห่ง เหมือนคุณไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมีความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ร่วมเพศ Locke (2013) | So they're blaming this whole thing on us? Yeah. | เป็นฝีมือของไดเวอร์เจนท์ คนทรยศ และผู้ฝักใฝ่ Insurgent (2015) | He wants to be the brilliant maverick, the provocateur who comes along and reinvents the Second World War. | เขาต้องการที่จะเป็นผู้ไม่ฝักใฝ่ ฝ่ายใดสดใส provocateur ที่มาพร้อมและ reinvents สงครามโลกครั้งที่สอง Denial (2016) | I'm a citizen of a neutral country. | ฉันเป็นสมาชิกของประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในสงครามนะคะ The Great Raid (2005) |
| ฝักใฝ่ | [fakfai] (v) EN: concentrate on ; pay attention to ; be interested in | ผู้ฝักใฝ่ | [phūfakfai] (n) EN: adherent ; partisan ; sympathizer FR: partisan [ m ] ; sympathisant [ m ] |
| devotion | (n) การอุทิศตัว, See also: การฝักใฝ่, การยึดมั่น, การศรัทธา, Syn. enthusiasm, fondness, Ant. hate, dislike | maverick | (n) ผู้เป็นอิสระ, See also: ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด, ผู้แยกตัว, Syn. nonconformist, loner | neutralist | (n) ผู้เป็นกลาง, See also: ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง, Syn. isolationist | nonaligned | (adj) ที่ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง, See also: ซึ่งไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง, ซึ่งเป็นกลาง, Syn. neutral, nonpartisan, Ant. aligned, partisan | sectarian | (n) สมาชิกของนิกาย, See also: สมาชิกของกลุ่มผู้ที่มีความเห็นทางศาสนาแตกต่างออกไป, ผู้ฝักใฝ่, Syn. nonconformist, dissenter, zealot | unworldly | (adj) ซึ่งไม่หมกมุ่นในทางโลกีย์, See also: ซึ่งไม่ฝักใฝ่ทางโลกีย์, เกี่ยวกับทางธรรม, Syn. holy, religious, Ant. worldly |
| sectary | (เซค'ทะรี) n. สมาชิกนิกาย, ผู้ฝักใฝ่ในนิกายหนึ่ง, สมาชิกนิกายโปรเตสแตนต์ |
| independence | (n) เอกราช, ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด, อิสรภาพ, พรรคการเมืองอิสระ | prefer | (vt) ชอบมากกว่า, สมัครใจ, เลื่อนตำแหน่ง, ฝักใฝ่ในทาง, ยื่น, เสนอ |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |