ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ไปจาก, -ไปจาก- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ อื่นไกล | (adj, adv) ที่นอกเหนือจากนั้น, อย่างนอกเหนือจากนั้น, ต่างไปจากเดิม |
|
| กฎหมายปิดปาก | น. หลักกฎหมายที่ไม่ยอมให้อ้างหรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามพฤติการณ์ ไม่ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม. | กระคน | น. ประโคน คือ สายรัดจากใต้สัปคับไปที่อกช้างหลังขาหน้า แล้วลอดมาบรรจบกันโยงใต้ท้องช้างและที่หน้าขาหน้าไปจากสายชนักที่คอช้าง. | กระโดง ๒ | น. กิ่งไม้ที่แตกออกตรงขึ้นไปจากกิ่งใหญ่ | กลับหน้ามือเป็นหลังมือ | ก. เปลี่ยนแปลงหรือทำให้ผิดไปจากเดิมอย่างตรงกันข้าม, พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ว่า. | กว่า | (กฺว่า) ก. ไปจาก เช่น แทบทางที่จะกว่า (ม. คำหลวง จุลพน), ผิออกนางธจะกว่า (ม. คำหลวง กุมาร), ไป เช่น ลํ๋ตายหายกว่า (จารึกสยาม). | กันสาด | น. แผงหรือส่วนที่ต่อยื่นออกไปจากชายคาสำหรับกันฝน, บังสาด ก็เรียก. | กางเกียง | ก. ไม่ลงรูป, ไม่ลงรอย, ไม่ลงที่, สวมกันไม่เข้า, ใช้ว่า กางเกี่ยง ก็มี เช่น เมื่อนั้น พระคาวีเห็นนางยังกางเกี่ยง ยิ้มพลางทางลงไปจากเตียง แล้วกล่าวเกลี้ยงแกล้งปลอบให้ชอบใจ (คาวี), กังเกียง หรือ กำเกียง ก็ว่า. | กิ่ง | ใช้เรียกส่วนย่อยที่แยกออกไปจากส่วนใหญ่ แต่ยังขึ้นอยู่กับส่วนใหญ่ เช่น กิ่งอำเภอ กิ่งสถานีตำรวจ | เกร่ | ขออนุญาตเร่หรือหันเหทิศทางไปจากจุดเดิมโดยให้มีระยะทางเท่าเดิมหรือไกลกว่าเพื่อให้สะดวกในการเล่นบางอย่าง เช่น หยอดหลุม ทอยกอง ร่อนรูป | เก้อ | ว. แสดงสีหน้าเจื่อนเพราะรู้สึกผิดคาดหรือทำอะไรผิดพลาดไป เช่น ทำหน้าเก้อ, รู้สึกผิดคาดผิดหวัง เช่น ไปเก้อ คอยเก้อ, ผิดแผกไปจากผู้อื่นเขาหรือแต่งตัวรอจะไปงานแล้วไม่ได้ไป เช่น แต่งตัวเก้อ | ขวัญบ่า | ก. ขวัญไหลไปจากตัว. | ขวางโลก | ว. แปลกไปจากคนอื่น, ผิดจากปรกติวิสัย. | ขา ๑ | เรียกส่วนที่ยื่นออกไปจากส่วนใหญ่เหมือนรูปขา เช่น ขากางเกง. | ข้านอกเจ้าข้าวนอกหม้อ | น. จำนวนคนซึ่งมีจำนวนมาก ย่อมกระทำหรือประพฤตินอกออกไปจากคำสั่งหรือแบบอย่างขนบธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมามากเช่นกัน ดังข้อความว่า กาลแต่ก่อนเจ้านายน้อยตัว ก็ไม่รั่วไม่ร้ำข้างไหนหนัก ครั้นภายหลังเจ้านายมากขึ้นก็เกิดการรั่วร้ำไปต่าง ๆ เป็นการข้านอกเจ้า เข้านอกหม้อ ลูกนอกพ่อ หลานนอกปู่ เป็นขึ้น (พระราชหัตถเลขารัชกาลที่ ๔). | ขีปนาวุธ | (ขีปะ-) น. อาวุธซึ่งถูกส่งออกไปจากผิวพิภพเพื่อใช้ประหัตประหารหรือทำลายในการสงคราม โดยมีการบังคับวิถีในตัวเองเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย การบังคับวิถีนี้บังคับเฉพาะตอนขึ้นเท่านั้น มีหลายชนิด เช่น ขีปนาวุธข้ามทวีป. | เขว | (เขฺว) ก. แปรไปจากแนวทางเดิม เช่น พูดมากทำให้ความคิดฉันเขว. | แขน ๑ | เรียกสิ่งที่ยื่นออกไปจากส่วนใหญ่เหมือนรูปแขน เช่น แขนเสื้อ ไม้เท้าแขน. | คร่า | (คฺร่า) ก. ฉุดลากไปอย่างไม่ปรานี เช่น ถ้าเจรจาถึง ๒ ครั้งไซ้ให้คร่ามือออกไปจากพระโรงแลให้ห้ามเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (สามดวง), ท่านให้มาว่ากล่าวร้องฟ้องณะโรงสานตามกระบินเมืองอย่าให้ตีด่าฉุดคร่าเอาโดยกำลังเองศักอันเลย (สามดวง) | คา ๒ | ว. ยังไม่พ้นไปจากที่นั้น ๆ เช่น ยืนคาประตู สุกคาต้น ตายคาที่. | คำขาด | น. คำบอกกล่าวอย่างเด็ดขาดครั้งที่สุดให้ปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่มีการผ่อนผัน เช่น ยื่นคำขาดให้ผู้เช่าออกไปจากบ้านเช่าภายใน ๓ วัน, ข้อเสนอเด็ดขาด, ข้อเสนอที่ยื่นให้อีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติตามโดยเด็ดขาด เช่น เขายื่นคำขาดให้เธอปฏิบัติตาม. | เคลื่อน | (เคฺลื่อน) ก. ออกจากที่หรือทำให้ออกจากที่ เช่น เคลื่อนขบวน รถไฟค่อย ๆ เคลื่อนไป, เลื่อนหรือทำให้เลื่อนไปจากที่ เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน เคลื่อนตู้ไป. | ชะโงกผา | น. หินซึ่งยื่นออกไปจากหน้าผา. | ชะลอ | ก. อาการที่ลากเลื่อนสิ่งของที่หนักให้ค่อย ๆ เคลื่อนไปจากที่, พยุงไว้, ประคองไว้, ค่อย ๆ ประคองไป, เช่น ชะลอต้นไม้ใหญ่มาปลูก, ค่อย ๆ พยุงขึ้นให้ตรง เช่น สุครีพชะลอเขาไกรลาศ | ชักรอก | น. เรียกโขนที่ชักรอกผู้แสดง เช่น หนุมาน เบญกาย ลอยขึ้นไปจากพื้นเวทีแสดงท่าเหาะ ว่า โขนชักรอก. | ดักแด้ ๑ | น. ชื่อตัวอ่อนระยะสุดท้ายของแมลงหลายชนิด มีรูปร่างเปลี่ยนไปจากตัวหนอน บางชนิดสร้างปลอกหุ้มตัวรูปร่างแตกต่างกัน เช่น รูปไข่ รูปกลม รูปกระสวย ทำด้วยเส้นใย เศษใบไม้ หรือดิน เพื่อเจริญไปเป็นตัวเต็มวัย ระยะนี้อยู่กับที่ไม่กินอาหาร, แดกแด้ หรือ แด็กแด้ ก็เรียก. | เดี่ยว ๑ | น. วิธีบรรเลงดนตรีด้วยทางเพลงที่ประดิษฐ์ขึ้นเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากทางธรรมดา. | ตาบอดสี | น. ตาที่มองเห็นสีผิดไปจากสีที่เป็นจริง เนื่องจากประสาทตาที่รับรู้สีพิการหรือเจริญไม่เต็มที่. | ตาฝาด | ว. เห็นผิดพลาดไป, เห็นคลาดเคลื่อนไปจากของเดิม. | ตื้น | ว. ตํ่าลงไปจากขอบน้อยกว่าปรกติ เช่น ชามก้นตื้น, หยั่งลงไปได้ไม่ไกลจากผิวหน้าหรือขอบบน เช่น นํ้าตื้น คลองตื้น, เข้าไปไม่ไกลจากขอบเป็นต้น เช่น ตรอกตื้น | แตกทัพ | ก. แตกกระจัดกระจายไปจากกองทัพ, พ่ายแพ้. | แตกฝูง | ก. ปลีกตัวออกจากหมู่, มีความประพฤติหรือความเห็นผิดแผกไปจากหมู่. | ไถยสังวาส | น. การทำหรือการแต่งตัวปลอมแปลงให้ผิดไปจากเพศของตน เช่นคฤหัสถ์แต่งตัวปลอมเพศเป็นสมณะ ผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิง. | ทองแดง ๓ | น. สำเนียงของคนภาคใต้ที่พูดภาษากลางเพี้ยนไปจากสำเนียงมาตรฐาน. | ธรรม ๒ | คำประกอบท้ายคำที่เป็นนามธรรม เมื่อประกอบแล้วมีความหมายไม่ต่างไปจากคำศัพท์เดิม เช่น วัฒนธรรม อารยธรรม. | นอก | ว. พ้นออกไปจากภายในหรือร่วมใน เช่น นอกเรือน นอกประเทศ นอกกาย นอกตำแหน่ง, ต่างประเทศ เช่น ของนอก ไปนอก, เรียกเขตที่พ้นจากเมืองหลวงออกไป ว่า บ้านนอก, เรียกประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา ว่า เมืองนอก, เรียกผลไม้ที่เอามาจากนอกกรุงหรือเขตปริมณฑล เช่น เงาะนอก ทุเรียนนอก, คู่กับ ผลไม้ในกรุงหรือเขตปริมณฑล เช่น เงาะสวน ทุเรียนสวน. | นิยยานิก- | (นิยะยานิกะ-) ว. ที่นำออกไปจากทุกข์ เช่น มหาสติปัฏฐานสูตรเป็นนิยยานิกธรรม คือ ธรรมที่นำสัตว์ออกจากทุกข์. | นิรา | ก. ไปจาก. | นิราศ ๑ | (-ราด) ก. ไปจาก, ระเหระหน, ปราศจาก. | นิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้น | น. คนใดไม่ดี ก็ตัดออกไปจากหมู่คณะ. | บอดสี | น. เรียกตาที่มองเห็นสีผิดไปจากสีที่เป็นจริง เนื่องจากประสาทตาที่รับรู้สี พิการหรือเจริญไม่เต็มที่ ว่า ตาบอดสี. | บังใบ ๑ | การเพลาะริมไม้ให้ลึกลงไปจากผิวเดิมด้วยการใช้กบบังใบไส แล้วนำมาประกอบเป็นวงกบหรือวงกรอบของประตูหน้าต่าง, วิธีเพลาะไม้ให้สนิทเป็นแผ่นเดียวกัน ด้วยการใช้กบบังใบไสริมไม้ทั้ง ๒ แผ่นให้ลึกเท่า ๆ กัน แล้วนำมาประกบให้เป็นแผ่นเดียวกัน. | บังสาด | น. แผงหรือส่วนที่ต่อยื่นออกไปจากชายคาสำหรับกันฝน, กันสาด ก็เรียก. | บ้า ๆ | ว. แผลง ๆ, แตกต่างไปจากปรกติ, เช่น ทำบ้า ๆ เล่นบ้า ๆ. | บิด ๑ | เผล้ไปจากสภาพปรกติ เช่น ล้อรถบิด, ทำให้ผิดไปจากสภาพความจริง เช่น บิดข้อความ | บิดเบือน | ก. ทำให้ผิดแผกไปจากเดิมหรือจากข้อเท็จจริง. | บุกรุก | เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควร หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก. | เบียนธาตุ | ก. ทำให้ความหมายของธาตุในภาษาบาลีและสันสกฤตแผกเพี้ยนไปจากเดิมโดยการเติมอุปสรรค เช่น ธาตุ คม แปลว่า ไป เติม อา เบียนธาตุ เป็น อาคม แปลว่า มา. | เบี้ยว ๑ | ว. มีรูปบิดเบ้ไปจากเดิมซึ่งมักจะมีลักษณะค่อนข้างกลม เช่น หัวเบี้ยว ปากเบี้ยว. | ปกติ | (ปะกะติ, ปกกะติ) ว. ธรรมดา เช่น ตามปกติ, เป็นไปตามเคย เช่น เหตุการณ์ปกติ, ไม่แปลกไปจากธรรมดา เช่น อาการปกติ, ปรกติ ก็ว่า. | ปรกติ | (ปฺรกกะติ) ว. ธรรมดา เช่น ตามปรกติ, เป็นไปตามเคย เช่น เหตุการณ์ปรกติ, ไม่แปลกไปจากธรรมดา เช่น อาการปรกติ, ปกติ ก็ว่า. |
| perquisite | ประโยชน์พิเศษ (ที่ให้แก่พนักงานของรัฐ นอกเหนือไปจากเงินเดือน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | last antecedent rule | หลักการตีความข้อความสุดท้ายมิให้มีความหมายไกลไปจากข้อความที่นำหน้า [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | removal of child from care | ความผิดฐานเอาเด็กไปจากสถานพินิจโดยไม่ได้รับอนุญาต (ก. อังกฤษ) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | aboral | ไปจากปาก, ห่างจากปาก [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | cerebrifugal | ไปจากสมอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | care, removal of child from | ความผิดฐานเอาเด็กไปจากสถานพินิจโดยไม่ได้รับอนุญาต (ก. อังกฤษ) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | centrifugal | ๑. -หนีศูนย์๒. ไปจากสมองใหญ่ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | vacate | ออกไปจาก, ถอนออกไป, ทำให้ว่าง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| Innovation | นวัตกรรม, นวัตกรรม หรือนวกรรม หมายถึง วิธีการปฏิบัติใหม่ๆ ที่แปลกไปจากเดิม โดยอาจจะได้มาจากการคิดค้นพบวิธีการใหม่ๆ ขึ้นมา หรือการปรุงแต่งของเก่าให้ใหม่และเหมาะสม และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการทดลองพัฒนาจนเป็นที่เชื่อถือได้แล้วว่าได้ผลดีในทางปฏิบัติ ทำให้ระบบก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น โดย มีหลักการที่สำคัญอยู่ 3 ประการ ที่จัดเป็นหลักพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาหรือไม่ คือ <ul><li>สิ่งนั้นควรเป็นสิ่งที่ค้นพบ หรือประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือการปรับปรุงแต่งของเก่าให้ใหม่เหมาะสมกับกาลสมัยมาใช้ในวงการศึกษา เพื่อให้ระบบการศึกษาก้าวหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ</li><li>ได้ผ่านการทดลอง การปรับปรุงพัฒนา จนเป็นที่ยอมรับกับอย่างแพร่หลาย</li><li>ได้มีการนำมาปฏิบัติจริงในวงการนั้น</li></ul> [เทคโนโลยีการศึกษา] | Deviation Well | หลุมเจาะเอียงไปจากแนวตรง, Example: หลุมเจาะเอียงไปจากแนวตรง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นแหล่งน้ำมันหรือก๊าซมากที่สุด หรือเพื่อหลีกเลี่ยงอุปกรณ์การเจาะที่ติดค้างอยู่ในหลุมเดิม [ปิโตรเลี่ยม] | Anticipated operational occurrence | อุบัติการณ์ที่อยู่ในความคาดหมาย, เหตุการณ์ที่เบี่ยงเบนไปจากการทำงานตามปกติของโรงงานนิวเคลียร์ ซึ่งคาดว่าตลอดอายุการใช้งานจะเกิดขึ้นได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่ได้มีการออกแบบรองรับเหตุการณ์นี้ไว้แล้วเพื่อความปลอดภัย และป้องกันมิให้ลุกลามเป็นอุบัติเหตุ เช่น หากพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายให้แก่เครื่องสูบน้ำของระบบระบายความร้อนเกิดขัดข้อง ระบบไฟฟ้าสำรองก็จะทำงานทันที, Example: [นิวเคลียร์] | Residence time | เวลาคงอยู่, ระยะเวลาที่วัสดุกัมมันตรังสียังคงเหลืออยู่ในบรรยากาศภายหลังการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์ มักระบุเป็น “ครึ่งเวลา(half-time)” เนื่องจากไม่อาจทราบระยะเวลาแท้จริงที่วัสดุกัมมันตรังสีนั้นจะหมดไปจากบรรยากาศ [นิวเคลียร์] | Public exposure | การรับรังสีของบุคคลทั่วไป, การได้รับรังสีของบุคคลทั่วไปจากต้นกำเนิดรังสี หรือจากการดำเนินกิจการทางรังสีซึ่งได้รับอนุญาต หรือกรณีเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ไม่รวมถึงการได้รับรังสีจากการปฏิบัติงาน จากการรักษาทางการแพทย์ และจากต้นกำเนิดรังสีในธรรมชาติ (ดู occupational exposure และ medical exposure ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Nuclear material | วัสดุนิวเคลียร์, วัสดุเฟอร์ไทล์ พลูโทเนียมที่มีพลูโทเนียม-238 น้อยกว่าร้อยละ 80 ยูเรเนียม-233 ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ ยูเรเนียมที่มีส่วนผสมของไอโซโทปต่างไปจากที่ปรากฏอยู่ตามธรรมชาติ ที่ไม่ใช่แร่หรือกากแร่ และวัสดุใดๆ ที่เป็นส่วนผสมวัสดุดังกล่าวข้างต้น, Example: [นิวเคลียร์] | Mutagenesis | กระบวนการกลายพันธุ์, กระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อสารพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ ของเซลล์สิ่งมีชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เซลล์นั้นหรือเซลล์ที่เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ดังกล่าวมีรูปร่างลักษณะหรือพฤติกรรมต่างไปจากเดิม กระบวนการนี้อาจเกิดขึ้นเอง หรือเกิดจากการเหนี่ยวนำโดยสิ่งก่อกลายพันธุ์ ถ้าเกิดที่เซลล์สืบพันธุ์ จะมีการส่งผ่านหรือถ่ายทอดลักษณะผิดปกติไปยังรุ่นถัดไป แต่ถ้าเกิดที่เซลล์ร่างกาย การกลายจะจำกัดเฉพาะที่เนื้อเยื่อส่วนนั้น [นิวเคลียร์] | Dean (หรือ Doyen) of the Diplomatic Corps | หัวหน้า (Dean) ของคณะทูตานุทูตในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ได้แก่ ตัวทูตที่อาวุโสที่สุด (คือเป็นทูตอยู่ในประเทศนั้นๆ เป็นเวลานานที่สุด) ตัวหัวหน้าคณะทูตานุทูตจะมีลำดับอาวุโสเหนือทุกคนในคณะทูตานุทูต ทำหน้าที่เป็นโฆษกของคณะทูตเมื่อถึงความจำเป็น และเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองบรรดาเอกสิทธ์และความคุ้มกันทางการทูตที่คณะ ทูตานุทูตมีอยู่ แต่หน้าที่ที่แท้จริงนั้น โดยมากเกี่ยวกับเรื่องพิธีการทูตมากกว่า อาทิเช่น เมื่อถึงวันที่ระลึกครบรอบวันเกิดประมุขของรัฐ (เช่นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในประเทศไทย) Dean ของคณะทูตจะเป็นผู้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าวในนามของคณะทูตทั้งหมด แต่การที่จะเรียกหรือขอให้บุคคลในคณะทูตไปประชุมเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง นั้น เป็นสิ่งที่ Dean ไม่พึงกระทำ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผู้แทนทางการทูตคนใดไปร่วมการประชุมระหว่างบุคคลในคณะทูตด้วยกัน เกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศโดยมิได้รับคำสั่งโดยเฉพาะจากรัฐบาลของตนก่อน ภริยาของ Dean หรือ Doyen นั้นเรียกว่า Doyenneเมื่อหัวหน้าคณะทูตวายชนม์ขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ บุคคลในคณะทูตที่มีอาวุโสรองลงมาหรือเป็นบุคคลที่สองจะเป็นผู้รับช่วงงาน ทันที และมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Chargé d?Affaires ad interim) ทั้งจะต้องดูว่า เอกสารทางราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกสารลับหรือปกปิด จะไม่ทิ้งรวมอยู่กับ เอกสารส่วนตัวของทูตผู้วายชนม์อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทาง การทูต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1961 จากการประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับการติดต่อและความคุ้มกันทางการทูต ได้บัญญัติไว้ว่า?ข้อ 39 (3) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามี สิทธิที่จะได้รับไปจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป(4) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว ให้รัฐผู้รับอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่ส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้ามในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในคราอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดกและการรับมรดกนั้น ๆ ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับ เพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่ฝ่ายเดียวของผู้วายชนม์ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทนอนึ่ง อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1963 ได้บัญญัติไว้ว่า ?ข้อ 51 ในกรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล หรือของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว รัฐผู้รับ(ก) จะอนุญาตให้ส่งออกซึ่งสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ โดยมีข้อยกเว้นแก่ทรัพย์สินเช่นว่า ทรัพย์ใด ๆ ที่ได้มาในรัฐผู้รับนั้น ซึ่งการส่งออกของทรัพย์ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลดังกล่าวถึงแก่มรณกรรม(ข) จะไม่เรียกเก็บอากรกองมรดก อากรสืบช่วงมรดกหรืออากรรับมรดก และอากรการโอน ไม่ว่าจะเป็นอากรของชาติ ของภูมิภาค หรือของเทศบาล จากสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการที่สังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ในรัฐผู้รับก็เนื่องมาแต่ฝ่ายเดียว จากการที่ผู้วายชนม์อยู่ในรัฐนั้นฐานะบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุลหรือใน ฐานะคนในครอบครัวของบุคคลในที่ทำการกงสุล? ?ข้อ 53(5) กรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล คนในครอบครัวซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว จะคงได้รับอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ประสาทให้แก่ตนต่อไป จนกว่าตนจะออกไปจากรัฐผู้รับ หรือจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะสามารถให้ตนกระทำดังนั้นได้ แล้วแต่ว่าเวลาไหนจะมาถึงก่อนกัน? [การทูต] | Departure of Diplomatic Agents | การออกไปจากรัฐผู้รับของเจ้าหน้าที่ทางการทูต ข้อ 44 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติได้ว่า ?แม้ในกรณีการขัดกันด้วยอากร รัฐผู้รับต้องอำนวยความสะดวก เพื่อให้บุคคลซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน นอกจากคนชาติของรัฐผู้รับและคนในครอบครัวของบุคคลเช่นว่านี้ โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติของบุคคลเหล่านั้น ออกไปในขณะที่เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ ในกรณีที่จำเป็นโดยเฉพาะ รัฐผู้รับต้องจัดพาหนะเดินทางในการขนส่งสำหรับตัวบุคคลเหล่านั้น และทรัพย์สินของบุคคลเหล่านั้นให้ด้วย? [การทูต] | Duration of Diplomatic Privileges and Immunities | ระยะเวลาของการอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทาง การทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตราที่ 39 ว่า?1. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ที่จะได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันนั้นตั้งแต่ขณะที่บุคคลนั้นเข้ามาใน อาณาเขตของรัฐผู้รับในการเดินทางไปรับตำแหน่งของตน หรือถ้าอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ได้บอกกล่าวการแต่งตั้งของตนต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน 2. เมื่อภารกิจหน้าที่ของบุคคล ซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันยุติลง เอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามปกติให้สิ้นสุดลงขณะที่บุคคลนั้นออกไปจากประเทศ หรือเมื่อสิ้นกำหนดอันสมควรที่จะทำเช่นนั้น แต่จะยังมีอยู่จนกระทั่งเวลานั้น แม้ในกรณีของการขัดแย้งด้วยอาวุธ อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปโดยบุคคลเช่นว่านั้น ในการปฏิบัติการหน้าที่ของตนในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน ความคุ้มกันนั้นให้มีอยู่สืบไป 3. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามีสิทธิที่จะได้สืบไป จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป 4. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นอยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว รัฐผู้รับสามารถอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่การส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดก และการรับมรดกนั้น ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับเพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่เพียงถ่ายเดียวของผู้วายชนม์ ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือในฐานะเป็นคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน? [การทูต] | Exclusive Economic Zone | เขตเศรษฐกิจจำเพาะ คือ บริเวณที่อยู่เลยไปจากและประชิดกับทะเลอาณาเขต สิทธิและเขตอำนาจของรัฐชายฝั่งและสิทธิเสรีภาพของรัฐอื่นถูกกำหนดโดยบท บัญญัติที่เกี่ยวข้องของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. 2525 [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] | New Diplomacy | การทูตแบบใหม่ ภายหลังสงครามโลกครั้งแรก หรือตั้งแต่ ค.ศ. 1918 เป็นต้นมา ได้เกิดการทูตแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างไปจาการทูตแบบเก่า อันได้ปฏิบัติกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี นักวิชาการบางท่านมีความเอนเอียงที่จะตำหนิว่า การที่เกิดสงครามโลกขึ้นนั้น เป็นเพราะการทูตประสบความล้มเหลวมากกว่าอย่างไรก็ดี บางท่านเห็นว่าแม้ส่วนประกอบของการทูตจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่เนื้อหาหรือสาระสำคัญของการทูตยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างการทูตแบบเก่ากับการทูตแบบใหม่อาจกล่าวได้ ว่า มีปัจจัยสำคัญ ๆ อยู่สามประการ ที่มีอิทธิพลหรือบังเกิดผลโดยเฉพาะต่อวิธีการหรือทฤษฎีของการเจรจาระหว่าง ประเทศ กล่าวคือ ข้อแรก ชุมชนนานาชาติทั้งหลายเกิดการตื่นตัวมากขึ้น ข้อที่สอง ได้มีการเล็งเห็นความสำคัญของมติสาธารณะ ( Public Opinion) มากขึ้น และประการสุดท้าย เป็นเพราะการสื่อสารคมนาคมได้เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วอดีตนักการทูตผู้มี ชื่อเสียงคนหนึ่งของอินเดีย ได้แสดงความไม่พอใจและรังเกียจความหยาบอย่างปราศจากหน่วยก้านของการดำเนิน การทูตแบบใหม่ เช่น การโฆษณาชวนเชื่อเข้าใส่กัน การใช้ถ้อยคำในเชิงผรุสวาทต่อกัน การเรียกร้องกันอย่างดื้อ ๆ ขาดความละมุนละไมและประณีต อาทิเช่น การเรียกร้องข้ามหัวรัฐบาลไปยังประชาชนโดยตรงในค่ายของฝ่ายตรงกันข้ามการ กระทำต่าง ๆ ที่จะให้รัฐบาลต้องเสียชื่อหรือขาดความน่าเชื่อถือ ตลอดจนการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ห้ามไม่ให้ประชาชนติดต่อกันทางสังคม และอื่น ๆ เป็นต้น [การทูต] | Persona non grata | เป็นศัพท์ที่ใช้กับนักการทูตหรือผู้แทนทางการทูต ที่ประจำอยู่ในประเทศซึ่งรัฐบาลของประเทศนั้นไม่ปรารถนาให้อยู่ต่อไปอีกแล้ว หลังจากที่ได้ไปประจำทำงานในตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้น หรือก่อนหน้าที่นักการทูตผู้นั้นจะเดินทางไปถึงดินแดนของประเทศผู้รับ (Receiving State) นักการทูตที่ถูกประกาศเป็น persona non grata หรือ บุคคลที่ไม่พึงปรารถนานั้น เป็นเพราะสาเหตุดังต่อไปนี้ คือ กล่าวคำดูหมิ่นรัฐบาลของประเทศที่ตนไปประจำอยู่ ละเมิดกฎหมายของบ้านเมืองนั้น แทรกแซงในการเมืองภายในของเขา เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในประเทศของเขา ใช้ถ้อยคำก้าวร้าวต่อประเทศนั้น วิพากษ์ประมุขแห่งประเทศของเขากระทำการอันเป็นที่เสียหายต่อประโยชน์หรือต่อ ความมั่นคงของประเทศ และกระทำการอื่น ๆ ในทำนองนั้นตามปกติรัฐบาลของประเทศเจ้าภาพที่เป็นฝ่ายเสียหายจะขอร้องให้ รัฐบาลผู้ส่ง (Sending government) เรียกตัวนักการทูตผู้กระทำผิดกลับประเทศ ซึ่งตามปกติรัฐบาลผู้ส่งมักจะปฏิบัติตาม รัฐบาลของประเทศผู้เสียหายจะแจ้งให้นักการทูตผู้นั้นทราบว่า รัฐบาลจะไม่ทำการติดต่อเกี่ยวข้องเป็นทางการกับเขาอีกต่อไป หรืออาจจะบอกให้นักการทูตผู้นั้นออกไปจากประเทศโดยไม่เกรงใจแต่อย่างใดก็ได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในข้อ 9 ดังต่อไปนี้ ?1. รัฐผู้รับอาจบอกกล่าวแก่รัฐผู้ส่งในเวลาใดก็ได้ และโดยมิต้องชี้แจงถึงการวินิจฉัยของตนว่า หัวหน้าคณะผู้แทนหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ไม่พึงโปรด หรือว่าบุคคลอื่นใดในคณะเจ้าหน้าที่ของคณะผู้แทนเป็นที่ไม่พึงยอมรับได้ ในกรณีใดเช่นว่านี้ ให้รัฐผู้ส่งเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นกลับ หรือเลิกการหน้าที่ของผู้นั้นกับคณะผู้แทนเสียก็ได้ตามที่เหมาะสมบุคคลอาจจะ ถูกประกาศให้เป็นผู้ไม่พึงโปรด หรือไม่พึงยอกรับได้ก่อนที่จะมาถึงอาณาเขตของรัฐผู้รับก็ได้ 2. ถ้ารัฐผู้ส่งปฏิเสธ หรือไม่นำพาภายในระยะเวลาอันสมควร ที่จะปฏิบัติตามข้อผูกพันของคนภายใต้วรรค 1 ของข้อนี้ รัฐผู้รับสามารถปฏิเสธที่จะยอมรับนับถือบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นว่าเป็นบุคคล ในคณะผู้แทนก็ได้? [การทูต] | Potsdam Proclamation | คือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต] | Termination of Mission of Diplomatic Agent | ภารกิจของผู้แทนทางการทูตหรือหัวหน้าคณะทูตจะสิ้น สุดลง 1. ระยะเวลาที่ผู้แทนทางการทูตได้รับแต่งตั้งให้ประจำอยู่ในประเทศผู้รับได้ครบ กำหนดตามวาระ2. เมื่อวัตถุประสงค์ของภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติได้สัมฤทธิผลเรียบ ร้อยแล้ว3. ถูกเรียกตัวกลับเนื่องจากต้องโยกย้ายไปที่อื่น หรือลาออก หรือเนื่องจากครบเกษียณอายุ4. ถูกเรียกตัวกลับเนื่องจากไม่เป็นที่พอใจของรัฐบาลของตน หรือกระทำตามคำขอร้องของรัฐบาลของประเทศผู้รับ ซึ่งเขาได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงานอยู่5. เนื่องจากการเสด็จสวรรคตของพระมหากษัตริย์ของประเทศตน หรือประเทศที่ตนได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงาน6. หากตัวเขาเองได้กระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศบางอย่าง หรือเนื่องจากเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่คาดไม่ถึง และมีลักษณะร้ายแรงจริง ๆ ตัวเขาเองจะต้องรับผิดชอบในการตัดความสัมพันธ์7. เมื่อรัฐบาลผู้รับ ซึ่งตัวเขาได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงานอยู่นั้น แล้วจะด้วยเหตุผลอย่างใดก็ตาม ได้แจ้งให้เขาเดินทางออกไปจากประเทศในทันที โดยไม่ต้องระให้รัฐบาลของตนเรียกตัวกลับ8. เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของผู้แทนทางการทูต ดังเช่น ได้รับเลื่อนตำแหน่งจากอัครราชทูตขึ้นเป็นเอกอัครราชทูต9. เนื่องจากเกิดสงครามขึ้นระหว่างรัฐทั้งสอง10. เนื่องจากถูกถอดจากตำแหน่ง หรือสละราชบัลลังก์ของประมุขของประเทศใดประเทศหนึ่ง 11. เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในประเทศใดประเทศหนึ่ง จากระบบพระมหากษัตริย์เป็นระบบสาธารณรัฐ หรือเป็นระบบสาธารณรัฐอันมีประมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้กฎหมาย12. เนื่องจากรัฐใดรัฐหนึ่งของทั้งสองรัฐต้องสูญสภาวะในการเป็นรัฐเหตุผลข้างต้น ทั้งหมดนี้ เป็นทรรศนะของเซอร์เออร์เนสท์ ซาทาว ซึ่งได้ให้ไว้ในหนังสือของท่าน ชื่อว่า ?A Guide to Diplomatic Practice? ฉบับเรียบเรียงใหม่ครั้งที่ 4 โดยเซอร์เนวิลล์ แบลนด์ [การทูต] | Injection moulding | การขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์แบบฉีดเป็นกระบวนการขึ้นรูปที่ยางคอมพาวด์จาก ห้องผสมถูกฉีดเข้าไปในแม่พิมพ์ปิดโดยใช้ความดัน (นอกเหนือไปจากแรงกดปิดแม่พิมพ์) ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีขนาดที่ถูกต้องมากกว่าการขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์แบบอื่นๆ จึงเหมาะกับการผลิตชิ้นส่วนที่ซับซ้อน นอกจากนี้การขึ้นรูปด้วยวิธีนี้ยังมีอัตราเร็วในการผลิตสูงและมีอัตราของ เสียต่ำกว่าการขึ้นรูปด้วยวิธีอื่นๆ อีกด้วย [เทคโนโลยียาง] | Cells, Atypical | การเปลี่ยนแปลงไปจากปกติของเซลล์, เซลล์ที่มีลักษณะผิดปกติ [การแพทย์] | Cellular Aberration | เซลล์ที่ผิดไปจากปกติ [การแพทย์] | Cortical, Juxta | ก้อนขนาดเล็กยื่นออกไปจากคอร์เท็กซ์ [การแพทย์] | Daily Normal Production | ปริมาณของฮอร์โมนที่ขาดหรือลดลงไปจากปริมาณที่ต้อง [การแพทย์] | Denaturation | การแปลงสภาพ, เสียสภาพธรรมชาติ, การทำลายสภาพธรรมชาติ, การเปลี่ยนแปลง, การแปรสภาพธรรมชาติ, แปรสภาพไปจากธรรมชาติ, การเสียคุณสมบัติ, เลือดเสีย [การแพทย์] | Denature | เปลี่ยนสภาวะ, ถูกทำลาย, ถูกทำลายไปบางส่วน, เสียสภาพทางธรรมชาติ, แปรสภาพ, แปลงสภาพ, ผิดไปจากเดิม, แยกคู่ออกจากกัน, เสียสภาพทางธรรมชาติ [การแพทย์] | Depression, Atypical | อาการซึมเศร้าที่ผิดแปลกไปจากลักษณะที่ควรจะเป็น [การแพทย์] | Drop Out | จำนวนผู้ป่วยที่จะขาดหายไปจากการทดลอง [การแพทย์] | Elimination | ปฏิกิริยาการกำจัด, ปล่อยสิ่งแปลกปลอมที่ถูกทำลายแล้วออกไปจากเซลล์ [การแพทย์] | Endocervical Atypism | ปากมดลูกด้านในผิดไปจากปกติ [การแพทย์] | Funny Looking Kid | หน้าตาผิดไปจากธรรมดา [การแพทย์] | secondary use | secondary use, การใช้เนื้อเยื่อเพื่อวัตถุประสงค์ต่อเนื่องเพิ่มเติมไปจากตอนที่ทำการเก็บรวบรวมเนื้อเยื่อในตอนต้นหรือเพิ่อวัตถุประสงค์อื่นที่ต่างไปจากวัตถุประสงค์ตอนต้นโดยสิ้นเชิง (tissues are used for purpose that either extend beyond or are totally different from the primary purpose [ชีวจริยธรรม] | natural selection | การคัดเลือกโดยธรรมชาติ, การที่ลูกหลานของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์จะมีความแตกต่างไปจากพ่อแม่เล็กน้อย ซึ่งลูกหลานเหล่านี้ตัวที่มีความเหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมมากกว่าก็จะมีชีวิตอยู่ และสืบพันธุ์ได้ ส่วนตัวที่มีความเหมาะสมน้อยจะตายไป จึงเป็นผลให้สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนไปเพื่อให้เ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | amoeboid movement | การเคลื่อนที่แบบอะมีบา, ลักษณะการเคลื่อนไหวโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึมไปรวมกันด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้เซลล์ด้านนั้นโป่งออกเป็นซูโดโปเดียมและทำให้เซลล์เคลื่อนที่ไปจากจุดเดิมได้ เช่น การเคลื่อนที่ของอะมีบา เซลล์เม็ดเลือดขาว เป็นต้น [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | corpus luteum | คอร์ปัสลูเทียม, กลุ่มเนื้อเยื่อภายในรังไข่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ซึ่งเปลี่ยนแปลงมาจากกราเฟียนฟอลลิเคิลที่ปล่อยไข่ออกไปจากรังไข่แล้ว ถ้าไข่ได้รับการผสม คอร์ปัสลูเทียมก็จะผลิตฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนเพื่อควบคุมการตั้งครรภ์ จนหมดหน้าที่ก็จะสลายไป ถ้าไข่ไม่ได้รับการผสมคอร์ปั [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | cyanocobalamin [ cobalamin ] | ไซยาโนโคบาลามิน, วิตามินบี 12, วิตามิน B12 สูตรเคมีคือ C63H90CoN14O14P เป็นผลึกสีแดงเข้ม ละลายได้ในน้ำและแอลกอฮอล์ ถ้าร่างกายขาดวิตามินชนิดนี้จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเซียสแอนีเมียซึ่งเซลล์เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างผิดไปจากปกติ และมีเฮโมโกลบินน้อย [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | larva | ตัวอ่อน, สัตว์ในระยะแรกที่ออกจากไข่ของสัตว์ซึ่งเจริญแบบมีเมทามอร์โฟซิส ตัวอ่อนจะมีรูปร่างลักษณะแตกต่างไปจากเมื่อโตเต็มวัย [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | air sac | ถุงลม (ของนก), ถุงที่แยกออกไปจากปอดและขั้วปอดหลายถุง มีแขนงติดต่อไปถึงช่องกลวงของกระดูก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยปอด โดยทำให้ปอดได้รับออกซิเจนอยู่ตลอดเวลา เป็นประโยชน์ในการบินของนก [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | flagellum | แฟลเจลลัม, อวัยวะที่เป็นเส้นยาวยื่นออกไปจากเซลล์ มักจะมี 1 - 2 เส้น ใช้ในการเคลื่อนที่ของโพรโทซัวหรือเซลล์บางชนิด [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | mutation | การกลาย, มิวเทชัน, การเปลี่ยนแปลงของยีนซึ่งเป็นผลให้จีโนไทป์แตกต่างไปจากที่เคยเป็นอยู่ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | end point | จุดยุติ, ภาวะที่อินดิเคเตอร์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจนสังเกตเห็นได้ในกระบวนการไทเทรต [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | chemical reaction | ปฏิกิริยาเคมี, การเปลี่ยนแปลงของสารเกิดเป็นสารใหม่ที่มีสมบัติแตกต่างไปจากเดิม ในการเกิดปฏิกิริยาเคมีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานด้วย [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | scattering | การกระเจิง, การที่คลื่นเคลื่อนที่ไปกระทบอนุภาคแล้วมีคลื่นกระจายออกรอบ ๆ อนุภาคนั้น หรือการที่อนุภาคเคลื่อนที่ไปกระทบอนุภาคอื่นแล้วแนวการเคลื่อนที่หันเหไปจากทิศเดิม [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | stress | ความเค้น, แรงต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ที่ทำให้วัสดุเปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม ความเค้นมีหลายแบบ เช่น ความเค้นดึง ความเค้นอัด ความเค้นเฉือน [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | strain | ความเครียด, ผลที่เกิดกับวัสดุเมื่อวัสดุนั้นได้รับความเค้น เช่น ความยาว ปริมาตร เปลี่ยนไปจากเดิม [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | erosion | การกร่อน, กระบวนการทางธรรมชาติที่เศษหิน ดิน ถูกพัดพาไปจากเดิมเนื่องจากแรงน้ำแรงลม แรงโน้มถ่วงโลก และธารน้ำแข็ง [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | hydrosphere | อุทกภาค, ส่วนที่เป็นน้ำทั้งหมดบนพื้นผิวโลกนอกเหนือไปจากธรณีภาคและบรรยากาศ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | ionosphere | ไอโอโนสเฟียร์, ชั้นบรรยากาศถัดขึ้นไปจากมีโซสเฟียร์จนถึงระยะประมาณ 800 กิโลเมตร เป็นชั้นที่มีความสำคัญต่อการสื่อสารระยะไกล ๆ เพราะบรรยากาศชั้นนี้สามารถสะท้อนคลื่นวิทยุทำให้สามารถส่งสัญญาณคลื่นวิทยุได้เป็นระยะพัน ๆ กิโลเมตร อุณหภูมิของอากาศชั้นนี้จะเริ่มสูงขึ้นและเปลี่ยนแ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | lithosphere | ธรณีภาค, ส่วนที่เป็นของแข็งของเปลือกโลกนอกเหนือไปจากอุทกภาคและบรรยากาศ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | mesosphere | มีโซสเฟียร์, ชั้นบรรยากาศถัดขึ้นไปจากสตราโตสเฟียร์จนถึงระยะสูงประมาณ 80 กิโลเมตรเป็นชั้นที่เกิดมีปรากฏการณ์เกี่ยวกับอุกกาบาต อุณหภูมิของชั้นอากาศนี้จะลดต่ำลงถึงประมาณ -100 องศาเซลเซียส ที่ระยะสูงสุด [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | soil erosion | การกร่อนของดิน, การพังทลายของดิน, กระบวนการทางธรรมชาติที่ทำให้เปลือกโลกสึกกร่อนโดยที่ดินชั้นบนถูกพัดพาไปจากที่เดิมเนื่องจากกระแสลม น้ำและแรงโน้มถ่วงของโลก การทำลายป่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการสึกกร่อนและพัดพาของดิน [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | stratosphere | สตราโตสเฟียร์, ชั้นบรรยากาศถัดขึ้นไปจากโทรโปสเฟียร์จนถึงระยะสูงประมาณ 50 กิโลเมตรเป็นชั้นบรรยากาศที่มีแก๊สโอโซน ซึ่งสามารถดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลตของแสงอาทิตย์ไว้ได้มาก ทำให้ไม่เกิดอันตรายต่อพืชและสัตว์ อุณหภูมิของอากาศชั้นนี้ จะสูงขึ้นบ้างจากประมาณ -50° C ที่ระยะต่ำสุ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
| -Hello! Come on, let's get outta here! | ไปจากที่นี่กันเถอะ! Aladdin (1992) | Run! Go! | วิ่ง ไป รีบออกไปจากที่นี่ Aladdin (1992) | I don't know, Abu--he probably can't even get us out of this cave. | ไม่รู้สิ อาบู เขาอาจจะไม่สามารถพาเราออกไปจากที่นี่ได้เลยละกระมัง Aladdin (1992) | Mayday! Just go jump off a balcony! | ออกไปจากระเบียงข้าซะ Aladdin (1992) | We could get out of the palace, see the world. | เราสามารถออกไปจากราชวังได้ เพื่อดูโลกของเรา Aladdin (1992) | We gotta get outta here! | เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ เราต้องรีบแล้ว ข้าจะจัดกระเป๋าล่ะ นายท่าน Aladdin (1992) | The beauty about antisocial behavior is that it takes you away from other people, however briefly. | ความงามเกี่ยวกับ มารยาททางสังคม... ...คือสิ่งที่พรากคุณออกไปจากผู้คน ยังไงก็ตาม สั้นๆ Basic Instinct (1992) | I also don't like people stealing things from my apartment. | แล้วฉันก็ไม่ชอบคนขโมยของ ไปจากอพาร์ทเม้นของฉัน Basic Instinct (1992) | I'd want to take you away from here for a while. | ผมอยากพาคุณไปจากนี่ The Bodyguard (1992) | You, sir, leave my house immediately. | คุณ ขอรับ ได้โปรดออกไปจากบ้าน ผมเดี๋ยวนี้ Wuthering Heights (1992) | He's robbed you of Wuthering Heights. | เขาปล้น เวธเตอริง ไฮตส์ไปจากเธอนะ Wuthering Heights (1992) | I want you out of here as fast as you can. | ผมอยากให้คุณ ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด The Lawnmower Man (1992) | I must find a way out. | ฉันต้องออกไปจากที่นี่ The Lawnmower Man (1992) | I must find a way out! | ฉันต้องออกไปจากที่นี่! The Lawnmower Man (1992) | We've got to get out of here! | เราต้องรีบออกไปจากที่นี่! The Lawnmower Man (1992) | To get away from here. | ไปจากที่นี่ Of Mice and Men (1992) | - Hey, listen, man, the only reason why I come here... is to get off of this stinkin' island. | - ฟังนะ เพื่อน เหตุผลเดียวที่ฉันมาที่นี่... คือการได้ออกไปจาก เกาะห่วยแตกนี้ Cool Runnings (1993) | I'm gonna leave the island... and live right down there. | ฉันจะไปจากเกาะ... และมาอยู่ที่นี่ Cool Runnings (1993) | So collect your candy and get out of my life! | เธอไปเอาขนมซะ และออกไปจากชีวิตฉัน! Hocus Pocus (1993) | - Get outta here. | - ไปจากนี่กันเถอะ. Hocus Pocus (1993) | Get out of my house! | ออกไปจากบ้านฉัน! Hocus Pocus (1993) | Get outta here! | ออกไปจากที่นี่ซะ! Hocus Pocus (1993) | Get outta my house! | ออกไปจากบ้านฉัน! Hocus Pocus (1993) | Now, tart face, take your Clark bars and get out of my house! | ตอนนี้, พวกเธอ, เอาขนมไป และออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว! Hocus Pocus (1993) | - Get out there and find them. | - ออกไปจากตรงนี้แล้วไปหามัน. Hocus Pocus (1993) | Get your face off my shoe. | เอาหน้าแกออกไปจากรองเท้าฉันซะ. Hocus Pocus (1993) | Hollywood! Help us out here. | ฮอลลีวู้ด ช่วยพวกเราออกไปจากที่นี่ที Hocus Pocus (1993) | - Let me outta here, man! | - เอาฉันออกไปจากที่นี่ที, เพื่อน! Hocus Pocus (1993) | - Let me outta here, man! | - เอาฉันออกไปจากที่นี่ที, เพื่อน! Hocus Pocus (1993) | Get off me, you thundering oafs! | ออกไปจากตัวฉัน, พวกแกนี่มันโง่จริง! Hocus Pocus (1993) | I ran up the gangplank to get away from him... and then I suddenly felt bad about it. | ฉันวิ่งขึ้นสะพานลงเรือ เพื่อให้ได้ออกไปจากเขา ... แล้วอยู่ ๆ ผมก็ รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ In the Name of the Father (1993) | And I walked away from you, remember? | และฉันจะเดินออกไปจากคุณจำได้ไหม? In the Name of the Father (1993) | Get away from me. | รับไปจากฉัน In the Name of the Father (1993) | But when she arrived in the new country, the immigration officials pulled the swan away from her, leaving the woman fluttering her arms and with only one swan feather for a memory. | แต่เมื่อเธอมาถึงประเทศใหม่ จนท.ตรวจคนเข้าเมืองแย่งหงส์ไปจากเธอ ทิ้งไว้เพียงแต่วงแขนที่สั่นระริกของเธอ The Joy Luck Club (1993) | And leave this lopsided house. | แล้วไปจากบ้านเอียงๆนี่ซะ The Joy Luck Club (1993) | If you have any dignity, leave right away. | ถ้าแกมีศักดิ์ศรีสักนิดก็ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ The Joy Luck Club (1993) | Now get out of my house! | ออกไปจากบ้านฉันซะ The Joy Luck Club (1993) | Far from my home | ไกลออกไปจากบ้านฉัน The Nightmare Before Christmas (1993) | - I'd get out of town | -ฉันจะหนีออกไปจากเมือง The Nightmare Before Christmas (1993) | I'll get you out of here. | ฉันจะพาคุณออกไปจากที่นี่ The Nightmare Before Christmas (1993) | She was no fatter or thinner... or slower or faster than anyone else, and I couldn't guess what had she done. | เธอไม่ผอม... ไม่อ้วน ไม่มีอะไรผิดไปจากคนอื่นๆ Schindler's List (1993) | However, does not account for small unidentified object found in subject's nasal cavity. | .... ยืนยันว่าเหมือนคน แต่ อาจมีสรีระ ที่แปรเปลี่ยนไปจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถอธิบาย ได้ว่า... Deep Throat (1993) | Just gone. Vanished. | คืนหนึ่งเธอหายไปจากเตียงนอน Deep Throat (1993) | - Where are we going? - We're gonna visit Billy Miles. | ไปเถอะ เราไปจากที่นี่กันเถอะ Deep Throat (1993) | It ain't gonna happen. | .. .... คอย Billy ออกไปจากเตียงนี้ Deep Throat (1993) | - Get the hell out of my yard! | - ไอ้ ส... . ไปจากสนามกู ! Squeeze (1993) | - Let's get outta here! | - ออกไปจากที่นี่เถอะ ! Squeeze (1993) | Let's get out of here, Mulder, while you still have ajob. | ไปจากที่นี่กันเถอะ Mulder ระหว่างที่คุณยังมีงานให้ทำ Squeeze (1993) | I'm gonna shower. I'll pack and then we'll get out of here. | ผมจะไปอาบน้ำ ผมจะเก็บของ แล้วเราจะไปจากที่นี่ Squeeze (1993) | Let's get out of here, Mulder, as fast as we can. | ไปจากที่กันเถอะ Mulder เร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ Squeeze (1993) |
| นอกเหนือไปจาก | [nøk neūa pai jāk] (prep) EN: in addition to ; outside of ; apart from | ถัดขึ้นไปจาก... | [that kheun pai jāk ...] (x) EN: just above ... FR: juste au-dessus de ... | ถัดลงไปจาก... | [that long pai jāk ...] (x) EN: next below ... FR: juste au-dessous de ... |
| no other than | (phrase) ที่ไม่นอกเหนือไปจาก (เป็นสิ่งนี้แน่นอน ไม่ใช่สิ่งอื่น) |
| anomalous | (adj) ที่ต่างไปจากปกติ, See also: ที่ต่างจากเกณฑ์ปกติ, Syn. abnormal, atypical, irregular | appendage | (n) ส่วนที่ยื่นออกไปจากร่างกาย, Syn. limb | aside | (adv) ออกไปจาก, See also: ออกไปจากใจ, ออกไปจากความคิด, Syn. out of the way | away | (adv) ไปที่อื่น, See also: ไปทางอื่น, ไปทิศอื่น, ไปจาก, Syn. off, forth | basin | (n) ลุ่มน้ำ, See also: แอ่งน้ำ, อู่เรือ, ที่จอดเรือซึ่งขุดเข้าไปจากแม่น้ำหรือทะเล | beside | (prep) นอกเหนือไปจาก, See also: นอกจากนี้, Syn. in addition | banish from | (phrv) เนรเทศ, See also: ขับไล่ไปจาก | bring out | (phrv) เคลื่อนย้ายออกไปจาก (ห้องหรืออาคาร), Syn. fetch out | clear off | (phrv) เก็บออกไปจาก (ปกติบนโต๊ะ), See also: เอาออกไป, ขจัดออกไป, Syn. clear away | deliver from | (phrv) ส่งไปจาก, See also: ส่งจาก | disappear from | (phrv) หายไปจาก (สถานที่หรือสายตา), See also: ลับหายไปจาก | eliminate from | (phrv) กำจัดไปจาก, See also: ขจัดไปจาก | filch from | (phrv) ขโมย…ไปจาก | flee from | (phrv) หนีรอดจาก, See also: หลุดรอดไปจาก | freak out | (phrv) ออกนอกลู่นอกทาง (คำไม่เป็นทางการ), See also: เปลี่ยนไปจากที่เคยหรือจากปกติ | detune | (vt) ทำให้เสียความพอดี, See also: ทำให้เคลื่อนไปจากที่เดิม | deviation | (n) การเบี่ยงเบน, See also: การหันเห, การแตกต่างไปจากปกติ, Syn. difference, change, Ant. similarity, likeness | displace | (vt) บังคับให้ออกไปจากที่ที่อยู่, See also: ทำให้เคลื่อนออก, ปลดจากงาน, ไล่ออก, ทำให้ย้ายที่, ทำให้ลงจากอำนาจ, ขับไล่, ย้ายถิ่น, Syn. demote, downgrade replace, Ant. promote, upgrade, reinstate | displacement | (n) การบังคับให้คนออกไปจากที่ที่อยู่, See also: การย้ายออก, การเคลื่อนออก, การไล่ออก, การขับไล่, Syn. transfer, move, shift, migration | exit | (vi) ออกไปจาก, See also: จากไป, ออกจาก, Syn. depart, leave | get out of | (phrv) ออกไปจาก, See also: ทำให้ออกไปจาก, Syn. be out of | go from | (phrv) ละทิ้ง, See also: ออกไป, ผละไปจาก | go out of someone's mind | (idm) ลืม, See also: หมดไปจากความทรงจำ | have out | (phrv) ถอนออก (เช่น ฟัน), See also: ทำให้ออกไปจากร่างกาย, Syn. take out | lead away | (phrv) พาไปจาก, See also: นำไปจาก, พาไปพ้น, Syn. lead off | lead off | (phrv) นำออกไปจาก, Syn. lead away | leap out of | (phrv) กระโจนออกไปจาก, Syn. jump out of | pass off | (phrv) ดึงความสนใจไปจาก | pass out of | (phrv) ละทิ้ง, See also: ออกไปจาก | pull out of | (phrv) แล่นออกไปจาก | push from | (phrv) ผลักออกไปจาก, Syn. thrust from | flit | (sl) หลบออกไปจากถิ่นที่อาศัยอย่างลับๆ เพื่อหนีใครบางคน | stratosphere | (n) ชั้นบนของบรรยากาศ (สูงขึ้นไปจากโลก 15 ไมล์), See also: ระดับสูงมาก, สถานที่ที่อยู่สุด, Syn. air, heaven | snatch from | (phrv) คว้าจาก, See also: ฉวยไปจาก, Syn. snatch out of | snatch out ot | (phrv) คว้าจาก, See also: ฉวยไปจาก, Syn. snatch from | take away from | (phrv) เอาไป, See also: พรากไปจาก | therewith | (adv) นอกเหนือไปจากนั้น | throw | (vt) ทำให้ออกไปจาก, See also: ไล่ออก, ทำให้หมดสถานภาพจาก | take away from | (phrv) พาไปจาก (คนหรือสถานที่), Syn. get away from | take out | (phrv) พาออกไปจาก, See also: นำออกจาก, Syn. carry out, go out | unconventional | (adj) ที่ไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคม, See also: ที่ผิดแปลกไปจากเดิม, Syn. eccentric, individualistic, idiosyncratic, Ant. conventional | unconventionally | (adj) อย่างไม่เป็นไปตามแบบแผน, See also: โดยผิดแปลกไปจากเดิม, Syn. eccentrically, individualistically, Ant. conventionally | vanish from | (phrv) หายไปจาก | veer from | (phrv) หันทิศทางไปจาก (เล็กน้อย), See also: เหไปจาก | vacate | (vt) ออกจาก, See also: ออกไปจาก, ย้ายออก, Syn. depart, leave | warpage | (n) การบิดหรือหมุนเพื่อให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม | walk away from | (phrv) เดินไปจาก | wander from | (phrv) เดินเที่ยวไปจาก, See also: เดินท่องเที่ยวจาก, เดินเตร็ดเตร่จาก, Syn. stray from, wander off | want out | (phrv) ต้องการออกจาก (อาคาร, ตึก ฯลฯ), See also: อยากออกไปจาก | wheel away | (phrv) เข็นออกไปจาก (สถานที่), See also: หมุนจาก, กลิ้งจาก |
| aboral | (แอบอ' รัล) adj. ว่งตรงข้ามหรือไปจากปาก | archdeacon | (อาร์คดี'คัน) n. ตำแหน่งพระคริสเตียนที่อยู่ถัดลงไปจาก bishop, รองบาทหลวง -archdeaconate, archdeaconry, archdeaconship n. (an ecclesiastic) | aside | (อะไซดฺ') adj. ไปทางข้าง, ไปด้านหนึ่ง, เลี่ยงไป, ไปจากความนึกคิด, นอกเหนือจาก. | auxiliary memory | หน่วยความจำช่วย <คำแปล>หมายถึงหน่วยความจำที่ใช้เก็บข้อมูลนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ (เพิ่มไปจากหน่วยความจำหลัก) เช่น จานบันทึก เมื่อใดที่ต้องการใช้ ก็ให้เครื่องคอมพิวเตอร์นำมาเก็บในเครื่อง จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม แล้วเก็บลงใหม่ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อมิให้สิ้นเปลืองหน่วยความจำหลักในเครื่องคอมพิวเตอร์ | auxiliary storage | หน่วยเก็บช่วย <คำแปล>หมายถึงหน่วยความจำหรือหน่วยเก็บที่ใช้เก็บข้อมูลนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ (เพิ่มไปจากหน่วยความจำหลัก) เช่น จานบันทึก เมื่อใดที่ต้องการใช้ ก็ให้เครื่องคอมพิวเตอร์นำมาเก็บในเครื่อง จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม แล้วเก็บลงใหม่ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อมิให้สิ้นเปลืองหน่วยความจำหลักในเครื่องคอมพิวเตอร์มีความหมายเหมือน auxiliary memory | awa | (อะวอ') adv., Scot. ออกจาก, ไปจาก | backing store | หน่วยเก็บหนุนหน่วยเก็บข้อมูล ที่ใช้เป็นที่เก็บหนุน หรือเก็บข้อมูลสำรองไว้ ในกรณีที่หน่วยเก็บที่ใช้งานอยู่เกิดขัดข้อง หรือเสียหาย ก็อาจใช้หน่วยเก็บหนุนนี้แทนได้ โดยทั่วไปก็จะหมายถึงหน่วยเก็บความจำอื่น ๆ นอกไปจากหน่วยความจำหลัก (main memory) เป็นต้นว่าสื่อต่าง ๆ เช่น แถบบันทึก (tape) หรือจานบันทึก (disk) มีความหมายเหมือน auxiliary storage หรือ backup storage | backup storage | หน่วยเก็บสำรอง <คำแปล>หมายถึง หน่วยเก็บข้อมูลที่ใช้เป็นที่เก็บหนุน หรือเก็บข้อมูลสำรองไว้ ในกรณีที่หน่วยเก็บที่ใช้งานอยู่เกิดขัดข้อง หรือเสียหาย ก็อาจใช้หน่วยเก็บสำรองแทนได้ โดยทั่วไปก็จะหมายถึงหน่วยความจำอื่น ๆ นอกไปจากหน่วยความจำหลัก (main memory) เป็นต้นว่าสื่อต่าง ๆ เช่น แถบบันทึก (tape) หรือจานบันทึก (disk) มีความหมายเหมือน auxiliary storage หรือ backing store | begone | (บิกอน') vt. จากไป, ไปจาก | blow | (โบล) { blew, blown, blowing, blows } vi. เป่าลม, ทำให้เกิดกระแสลม, ผิวปาก, พ่นลมหายใจ, พ่นน้ำ, คุยโต, ระเบิดออก (ยางรถ) จากไป, วิ่งหน'vt. พัด, เป่าให้เคลื่อนไหว, เป่า (แก้ว) , ทำให้โกรธ, ทำให้ระเบิด, ทำให้ (ม้า) เหนื่อยหอบ, ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย, ไปจาก -n. ลมแรง, พายุ, การเป่าลม, การต | branch | (เบรานชฺ) { branched, branching, branches } n. กิ่งก้าน, กิ่ง, สาขา, แขนง, วิชาย่อย, ทางแยก, สายย่อย, แคว vt. แตกกิ่งก้านสาขา, , Syn. bough แยกแตกกิ่ง1. หมายถึง การแยกตัวออกไปจากโปรแกรมที่ทำอยู่ ไปทำโปรแกรมอีกอันหนึ่ง เช่น แยกออกจากโปรแกรมหลัก main program ไปทำงานที่โปรแกรมย่อย subprogram ตามคำสั่ง Go to2. ความหมายที่ใช้กับ "ต้นไม้" tree มีความหมายถึงการแตกกิ่งก้านสาขา เช่นในการแสดงแฟ้มข้อมูลในโปรแกรม Windows Explorer ของ Windows 95 | computer | (คัมพิว'เทอะ) n. เครื่องคอมพิวเตอร์, เครื่องคำนวณ, ผู้คำนวณ คณิตกรณ์หมายถึง อุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถจำข้อมูลและคำสั่งได้ ทำให้สามารถทำงานไปได้ โดยอัตโนมัติด้วยอัตราความเร็วที่สูงมาก ใช้ประโยชน์ในการคำนวณหรือการทำงานต่าง ๆ ได้เกือบทุกชนิด มี 3 ขนาด คือ ขนาดใหญ่ (main frame) ขนาดกลาง (mini computer) และขนาดเล็กที่กำลังได้รับความนิยมทั่วไปในขณะนี้ เรียกว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ (micro computer) หรือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (personal computer) ที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า พีซี ปัจจุบัน การใช้ระบบเครือข่ายทำให้เราสามารถใช้คอมพิวเตอร์เป็นที่ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ สื่อสารได้ นอกเหนือไปจากการใช้เพื่อการคำนวณตามวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของผู้ประดิษฐ์ | daisey wheel printer | เครื่องพิมพ์แบบจานอักขระหมายถึงเครื่องพิมพ์แบบกระทบ (impact printer) ชนิดหนึ่ง ที่ใช้วิธีพิมพ์ด้วยการมีจานอักขระหรือจานกลม ๆ ที่มีลักษณะเหมือนวงล้อ มีตัวอักขระต่าง ๆ ติดอยู่ที่ปลายก้านแต่ละก้านที่กางออกไปจากศูนย์ตรงกลาง) เวลาพิมพ์ จานนี้ก็จะหมุนไปรอบ ๆ เมื่ออักษรตัวใดกระทบกับกระดาษ ก็จะเกิดเป็นอักษรตัวนั้นบนกระดาษดู daisy wheel ประกอบ | daisy wheel | จานอักขระหมายถึง จานกลม ๆ มีลักษณะเหมือนวงล้อ มีตัวอักขระต่าง ๆ ติดอยู่ที่ปลายก้านแต่ละก้านที่กางออกไปจากศูนย์ตรงกลาง ใช้กับเครื่องพิมพ์แบบกระทบ (impact printer) เวลาพิมพ์ จานนี้ก็จะหมุนไปรอบ ๆ เมื่ออักษรตัวใดกระทบกับกระดาษ ก็จะเกิดเป็นอักษรตัวนั้นบนกระดาษ | escape character | อักขระหลีกตัวอักขระบนแป้นพิมพ์ที่เมื่อกดแล้ว ทำให้ตัวอักขระอื่น ๆ ที่ตามมา ต้องแปลความต่างไป จากตัวอักขระที่ใช้มาก่อนหน้านี้ ตัวอย่าง เช่น จะใช้อักขระหลีก เพื่อกำหนดความหมายว่า ตัวอักขระที่จะใช้ต่อไปนั้น จะต้องใช้รหัสแปลความแตกต่างไปจากรหัสแปลความที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ หรืออาจจะถือว่า อักขระเหล่านั้นไม่ใช่ข้อมูลอีกต่อไป แต่เป็นอักขระเพื่อการควบคุมเท่านั้น เป็นต้น | gw-basic | (จีดับบลิวเบสิก) เป็นชื่อภาษาเบสิกแบบหนึ่งที่ดัดแปลงไปจากภาษาเบสิกธรรมดา ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้วหันไปใช้ QBASIC แทน | hypercare | : ไฮเปอร์แคร์หมายถึง ชุดซอฟต์แวร์ของเครื่องแมคอินทอชที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่เขียนโปรแกรมไม่เป็น สามารถเขียนโปรแกรมเองได้ แต่แล้วกลับปรากฏว่า การเรียนวิธีใช้ซอฟต์แวร์ตัวนี้ กลับยากเกินไป กับทั้งยังทำไม่ได้ดีเหมือนกับโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาซี (C) หรือปาสกาล (Pascal) เมื่อผลิตขายใหม่ ๆ คนนิยมมาก แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะหายไปจากตลาดแล้ว | laser disk | จานเลเซอร์เป็นจานบันทึกชนิดหนึ่งที่ใช้แสงเลเซอร์ช่วยในการบันทึกและล้างข้อมูล มีความจุมากกว่าจานบันทึกธรรมดามาก (ประมาณ 600 เมกะไบต์ ถึง 1.3 กิกะไบต์) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 เซนติเมตร ค้นหาข้อมูลได้รวดเร็ว ข้อดีอีกข้อหนึ่งก็คือ ทนทานต่อการขูดขีด ในการใช้ ต้องมีหน่วยบันทึกหรือหน่วยขับ (drive) พิเศษ ต่างไปจากหน่วยจานบันทึกธรรมดา ปัจจุบัน นิยมนำมาใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์มากขึ้น มักใช้บรรจุโปรแกรมหรือข้อมูลที่ต้องไม่มีการแก้ไข (เช่นพจนานุกรม) ราคาถูกลงมาก และนับว่าคุ้มค่า (มีลักษณะเหมือนจานบันทึกเพลงหรือภาพยนตร์) มีความหมายเหมือน compact disk | ostracise | (ออส'ทระไซซ) vt. เอาออกไปจากสังคม, เนรเทศ, เอาออก, ตัดสิทธิ์ | ostracize | (ออส'ทระไซซ) vt. เอาออกไปจากสังคม, เนรเทศ, เอาออก, ตัดสิทธิ์ | outward | (เอาทฺ'เวิร์ด) adj., adv. ภายนอก, ด้านนอก, นอกเขต, นอกบริเวณ, เนื้อหนังมังสา, เปิดเผย, ชัดเจน, ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง. n. ส่วนที่อยู่ภายนอก, โลกภายนอก, โลกของวัตถุ, ไปจากท่า., See also: outwardness n., Syn. exterior | page description language | ใช้ตัวย่อว่า PDL (พีดีแอล) เป็นภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมภาษาหนึ่ง เช่นเดียวกับโพสต์คริปต์ (postcript) ซึ่งจะทำการประมวลผลในหน่วยประมวลผลของเครื่องพิมพ์เอง ในพีดีแอลนั้น จะต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องของการกำหนดหน้า การคำนวณภาพกราฟิก แม้จะมีความยาวมาก แต่ก็จะทำงานได้เร็วกว่า คำสั่งที่ส่งไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพีซีแอล พีดีแอลนั้นจะใช้ได้กับเครื่องพิมพ์ทุกยี่ห้อที่สามารถเข้าใจภาษานี้ ปัจจุบันแมคอินทอชใช้พีดีแอล ที่ชื่อ "postcript" ส่วนพีซีใช้พีดีแอลที่ชื่อ "true type" (เทียบเคียงได้กับ postcript) | pdl | (พีดีแอล) 1. ย่อมาจาก page description language เป็นภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมภาษาหนึ่ง เช่นเดียวกับโพสต์คริปต์ (postcript) ซึ่งจะทำการประมวลผลในหน่วยประมวลผลของเครื่องพิมพ์เอง ในพีดีแอลนั้น จะต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องของการกำหนดหน้า การคำนวณภาพกราฟิก แม้จะมีความยาวมาก แต่ก็จะทำงานได้เร็วกว่า คำสั่งที่ส่งไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพีดีแอลนั้น จะใช้ได้กับเครื่องพิมพ์ทุกยี่ห้อที่สามารถเข้าใจภาษานี้ ปัจจุบันแมคอินทอชใช้พีดีแอล ที่ชื่อ "postcript" ส่วนพีซีใช้พีดีแอลที่ชื่อ "true type" (เทียบเคียงได้กับ postcript) 2. ย่อมาจาก personal digital assistant (เครื่องช่วยงานส่วนบุคคลแบบดิจิตอล) หมายถึงคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่นำติดตัวไปไหนมาไหนได้ ผู้ใช้สามารถจดบันทึกข้อมูลลงไปด้วยปากกาพิเศษ เช่น แบบสินค้า แผนที่เส้นทางไปจุดนัดพบ รวมทั้งข้อมูล ต่าง ๆ รวมทั้งนัดหมายประจำวัน ฯ | remote batch processing | การประมวลผลแบบกลุ่มระยะไกลหมายถึง การประมวลผลแบบเป็นกลุ่มที่เครื่องคอมพิวเตอร์ หน่วยรับข้อมูล และหน่วยแสดงผลไม่ได้อยู่ในบริเวณเดียวกัน การป้อนข้อมูลทุกอย่างทำจากเครื่องปลายทาง (terminal) ที่อยู่ห่างไปจากบริเวณที่ตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ การสื่อสารข้อมูลทำได้โดยผ่านสายโทรศัพท์ สายเคเบิล ไมโครเวฟ หรือดาวเทียม การแสดงผลอาจออกผลได้ทั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือที่เครื่องปลายทางดู batch processing ประกอบ | remote terminal | เครื่องปลายทางระยะไกลหมายถึง เครื่องปลายทางที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่เชื่อมต่อกับตัวเครื่องด้วยระบบการสื่อสาร เช่น ทางสายโทรศัพท์ เคเบิล ดาวเทียม ฯลฯดู terminal ประกอบ | shingle | (ชิง'เกิล) n. แผ่นมุงหลังคาหรือทำผนัง, ทรงผมตัดสั้น, ป้ายเล็ก ๆ , หินกลมเล็ก ๆ หรือกรวดตามหาดทราย, หาดทรายที่มีหินหรือกรวดดังกล่าว vt. มุงหลังคา, ปิดด้วยแผ่นดังกล่าว, ตัดผมให้สั้นโดยไล่ขึ้นไปจากต้นคอ., See also: shingler n. | sporting | (สพอร์ท'ทิง) adj. เกี่ยวกับการกีฬา, เกี่ยวกับการกรีฑา, ชอบกีฬา, ชอบการพนัน, คล้ายนักกีฬา, สนใจการกีฬา, ยุติธรรม, มีน้ำใจนักกีฬา, เปลี่ยนแปลงไปจากลักษณะเดิมของพ่อแม่, Syn. fair | upcountry | (อัพ'คันทรี) adj. บนเนิน, บนแผ่นดิน, ภายในประเทศ, ชนบท, ต่างจังหวัด, ขึ้นไกลเข้าไปจากฝั่ง, หัวเมือง. n. หัวเมือง, ต่างจังหวัด, บริเวณภายในประเทศ. adv. ไปยังบริเวณภายในประเทศ | video mode | ภาวะภาพหมายถึง ภาวะที่แสดงผลเป็นภาพ มาตรฐานที่กำหนดไว้สำหรับจำนวนสีที่ตัวปรับภาพใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันมีด้วยกันทั้งหมด 20 แบบ เรียงกันไปตั้งแต่ 0 - 19 ถ้าเป็นการแสดงผลเฉพาะตัวอักขระอย่างเดียว ก็จะใช้อีกภาวะหนึ่งต่างไปจากการแสดงผลเป็นภาพ นอกจากนั้น การแสดงผลเป็นภาพ ก็ยังแบ่งเป็น การแสดงสีเดียว แสดงหลายสี กับทั้งยังมีการแบ่งแยกในเรื่องของความคมชัด (resolution) ที่แตกต่างกันออกไปอีก |
| consignee | [คันไซ้นี่] (n) ผู้รับมอบกรรมสิทธิ์ในสินค้า หากระบุในใบตราส่งจะอยู่ในช่องที่ 2 อ้านซ้ายริมบน ซึ่งมีเรียงกัน 3 ช่องเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด คือ ช่อง 1 Shipper คือ ผู้ส่งสินค้าซึ่งจะเป็นใครก็ได้ ช่อง 2 Consignee คือ ผู้รับมอบกรรมสิทธิ์ในสินค้า จะระบุต้นทาง หรือปลายทางก็ได้ตามบริบทแวดล้อม ช่อง 3 คือ Notify Party คือ ผู้รับแจ้งเมื่อมีการส่งสินค้าออกไปจากต้นทางแล้ว | plant diseases | การทำงานทางสรีระวิทยาที่ผิดปกติไปจากเดิม หรือในระบบพืชผิดปกติ เป็นผลมาจากกรระคายเคืองอย่างต่อเนื่อง และยาวนานที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตที่ก่อให้เกิดโรคแก่พืช | plant diseases | การทำงานทางสรีระวิทยาที่ผิดปกติไปจากเดิม หรือในระบบพืชผิดปกติ เป็นผลมาจากกรระคายเคืองอย่างต่อเนื่อง และยาวนานที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตที่ก่อให้เกิดโรคแก่พืช |
| それに | [それに, soreni] (n) ยิ่งไปกว่านั้น, นอกเหนือไปจากนั้น |
| 口を合わせる | [くちをあわせる, kuchiwoawaseru] (exp) ปรับลิ้นให้เข้ากัน (กับสิ่งที่รสชาติต่างไปจากความเคยชินส่วนตัว) |
| 狂う | [くるう, kuruu] TH: ผิดปกติไปจากเดิม EN: to get out of order | 音便 | [おんびん, onbin] TH: เสียงที่เปลี่ยนไปจากกฏเกณฑ์การผันเดิม EN: euphony |
| dazu | เพิ่มเติมไปจากนั้น, นอกเหนือจากนั้น เช่น Wir haben drei Gerichte gekocht. Dazu gab es noch einen Nachtisch. พวกเราทำกับข้าวสามอย่าง นอกเหนือจากนั้นยังมีขนมหวานอีกอย่าง, See also: zusätzlich, Syn. außerdem | darüber hinaus | เหนือไปจากนั้น, เลยไปจากนั้น เช่น Darüber hinaus bestehen viele Möglichkeiten, Ihre Kompetenzen im Bereich Literatur zu erweitern., Syn. außerdem |
| |
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |