ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: แง, -แง- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ แง | (adv) onomatopoeia of the sound of the crying children, Syn. แงๆ, งอแง, Example: ใครมาปล่อยให้ลูกร้องไห้แงอยุ่แถวนี้, Thai Definition: เสียงเด็กร้องไห้ | แงะ | (v) prise, See also: pry, prize, open, lever, Syn. งัด, งัดแงะ, Example: เขาทำกุญแจหายจึงต้องแงะลิ้นชัก, Thai Definition: งัดให้เผยอขึ้น | แง่ | (n) trick, See also: game, cheat, Syn. เหลี่ยม, ชั้นเชิง, นัย, อุบาย, เล่ห์เหลี่ยม, Example: อย่าแล่นแง่กับพวกนี้เด็ดขาดเพราะพวกเขาฉลาดมาก, Count Unit: แง่ | แง่ | (n) angle, See also: viewpoint, standpoint, point of view, Syn. แง่มุม, มุมมอง, ประเด็น, Example: ต้นเหตุของปัญหานี้มองกันได้หลายแง่, Count Unit: แง่ | แง่ | (n) edge, See also: corner, border, Syn. ขอบ, สัน, Example: เดินระวังหน่อยนะเพราะว่าแง่หินบริเวณนี้คมมาก, Thai Definition: ส่วนที่เป็นเหลี่ยมเป็นสันเป็นมุมหรือส่วนที่ยื่นออกมา เช่น แง่หิน แง่โต๊ะ | งอแง | (v) be petulant, See also: be peevish, be irritable, be tempered, Syn. ขี้แย, ขี้อ้อน, โยเย, Example: น้องเล็กก็งอแงไปตามประสาเด็กๆ นั่นแหล่ะ อย่าตามใจมากนักเดี๋ยวจะเสียเด็ก | แง่ง | (clas) rhizome, See also: rootstock, stem, Syn. ราก, Example: ถ้าไปตลาดแล้วอย่าลืมซื้อขิงมาซัก 2 แง่งนะ, Count Unit: แง่ง, Thai Definition: ส่วนที่งอกเป็นแง่ออกมาจากเหง้าขิงข่ากะทือ เป็นต้น | แง่ง | (n) root, See also: rhizome, Example: ขิงหยวกจะมีแง่งใหญ่ ข้อห่าง เนื้อละเอียดไม่มีเสี้ยนหรือมีแต่น้อยมาก, Thai Definition: ส่วนที่งอกเป็นแง่ออกมาจากเหง้าขิงข่ากะทือเป็นต้น | แง่น | (v) gnaw, See also: bite, bare the teeth in order to bite, Syn. กัด, Example: ดูหมาตัวนั้นสิ ท่าทางน่ากลัวระวังมันจะแง่นเอานะ, Thai Definition: แยกเขี้ยวจะกัด (อย่างหมา) | แง้ม | (v) be ajar, See also: open slightly, be half-closed, Syn. อ้า, แย้ม, Example: เสียงเพลงจากวิทยุดังลอดออกมาจากห้องเชิงบันไดซึ่งบานประตูเปิดแง้มอยู่, Thai Definition: เปิดแต่น้อยๆ เช่น แง้มประตู | ขี้แง | (v) be a crybaby, See also: be/feel weepy, be easy to move tears, whine, Syn. ขี้แย, Example: เขายังดูอ่อนแอแบบบาง แต่เขาไม่ขี้แงเหมือนเจ้าว่าหรอก, Thai Definition: ร้องไห้ง่ายและร้องไห้บ่อย, Notes: (ปาก) | ขี้แง | (adj) weepy, See also: whiny, Syn. ขี้แย, ใจน้อย, Example: พี่น่ะดีแต่มานั่งพร่ำรำพันเป็นเด็กขี้แงอยู่อย่างงี้แหละ, Thai Definition: ร้องไห้ง่ายและร้องไห้บ่อย, Notes: (ปาก) | ชะแง้ | (v) crane (one's head), See also: look up, raise up (one's head), Syn. ชะเง้อ, ชะเง้อชะแง้, Example: นักดาราศาสตร์ชะแง้ดูดวงดาวทุกค่ำคืน เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น, Thai Definition: เฝ้าคอยด้วยใจจดจ่อ | ตะแง้ | (n) branches of the areca-nut tree, See also: branches of a cluster of betel-nuts, Syn. ระแง้, Count Unit: กิ่ง, Thai Definition: เรียกแขนงของทะลายหมากหรือแขนงของรวงข้าวว่า ตะแง้หมาก ตะแง้ข้าว | แง่ดี | (n) optimism, See also: looking on the bright/good side, Syn. แง่บวก, Ant. แง่ร้าย, Example: แม่ก็ต้องเอาแต่แง่ดีของลูกมาพูดให้คนอื่นฟังอยู่แล้ว, Thai Definition: นัยว่าเป็นเรื่องที่ดีงาม | ในแง่ | (adv) in the sense of, See also: in the meaning of, in respect to/of, Syn. ในทาง, ในด้าน, Example: ผู้ที่คิดจะทำงานนี้ จะต้องดูให้ดีในแง่ความต้องการด้านคุณภาพ | งอมแงม | (adv) inveterately, See also: habitually, confirmingly, chronically, Syn. ติดเป็นนิสัย, Example: เขาต้องหาวิธีจัดการกับลูกน้องไม่กี่คนที่ติดฝิ่นงอมแงม, Thai Definition: เลิกได้ยาก | งอมแงม | (adv) badly, See also: severely, seriously, Syn. รุนแรงมาก, ร้ายแรงมาก, แย่มาก, Example: ผมถูกหวัดกินเสียงอมแงมจนต้องหยุดงานไปหลายวัน, Thai Definition: แก้ได้ยาก, รักษาได้ยาก | แง่งอน | (n) artifice, See also: stratagem, trick, ruse, Syn. ชั้นเชิง, มารยา, เกี่ยงงอน, ข้อแม้, Example: เขาลงนามในสัญญาโดยปราศจากแง่งอน, Thai Definition: อาการที่แสร้งทำชั้นเชิงเพื่อให้ผู้อื่นเอาใจหรือให้เป็นที่พอใจตน | แง่บวก | (adj) positive, Syn. แง่ดี, Ant. แง่ลบ, Example: การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสนั้น ข้อสำคัญคือจะต้องมีความคิดในแง่บวกอยู่เสมอ, Thai Definition: ในด้านดี | แง่มุม | (n) part, See also: aspect, angle, viewpoint, point of view, slant, Syn. มุมมอง, ส่วน, ประเด็น, Example: ผู้ร่วมสัมมนาเสนอความเห็นในแง่มุมต่างๆ | น้อยแง่ | (adj) trickless, Example: ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพวกน้อยแง่ที่ไม่สามารถตามเขาทัน, Thai Definition: ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม | เข้าแง่ | (v) be reasonable, See also: be rational, be sensible, Syn. ตรง, ตรงจุด, Example: เรื่องที่เขาเล่ามาฟังดูเข้าแง่กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นดีทีเดียว, Thai Definition: ถูกที่เหมาะ, ถูกที่สำคัญ | เล่นแง่ | (v) hold off, See also: hold out, stand off, Syn. เล่นตัว, Example: ผู้หญิงคนนี้เล่นแง่นัก ปฏิเสธคนที่มาสู่ขอหลายคนแล้ว, Thai Definition: ไม่ยอมทำตามที่งอนง้อหรือขอร้อง เพราะถือว่าตัวดี | แง่ร้าย | (n) pessimism, See also: inclination to expect the worst, Ant. แง่ดี, Example: เธอคำนึงถึงแต่แง่ร้ายของเขา เลยเอาแต่ระแวงเขาตลอด, Thai Definition: นัยว่าเป็นเรื่องไม่ดี | ง่องแง่ง | (adv) lamely, See also: limpingly, slowly, difficulty, Syn. กระง่องกระแง่ง, กระย่องกระแย่ง, Ant. กระฉับกระเฉง, Example: เขาเดินง่องแง่งไปที่เตียง, Thai Definition: อาการที่ร่างกายไม่แข็งแรงทำให้เดินหรือเคลื่อนไหวไม่ถนัด | ง่องแง่ง | (v) quibble, See also: carp, niggle, argue over petty things, Syn. ทะเลาะ, ขัดแย้ง, ถกเถียง, โต้แย้ง, ไม่ลงรอย, Ant. ปรองดอง, เห็นด้วย, Example: สมพงษ์ง่องแง่งกับวราภาทุกครั้งที่เจอกัน, Thai Definition: ทะเลาะเบาะแว้งกัน, ไม่ปรองดองกัน | ง่อนแง่น | (v) be unstable, See also: be unsteady, be changeable, be variable, Syn. คลอนแคลน, กระท่อนกระแท่น, ไม่มั่นคง, สั่นคลอน, Ant. มั่นคง, แข็งแรง, Example: ในที่สุดทหารจะเสื่อมศรัทธาในรัฐบาลและเสถียรภาพของรัฐบาลจะต้องง่อนแง่นอย่างแน่นอน | ง่อนแง่น | (v) be rickety, See also: be unstable, be shaky, be unsteady, Syn. คลอนแคลน, สั่นคลอน, Ant. มั่นคง, แน่น, แข็งแรง, Example: ระวังสะพานไม้ข้างหน้าให้ดีเพราะมันง่อนแง่นเก่ามากเต็มทีแล้ว | ในแง่ที่ | (adv) in case of, See also: in the even of, if there should happen to be, Syn. ในแง่, Example: ผู้คนเห็นใจเขาในแง่ที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน | กระจองอแง | (adv) vociferously, See also: blubber, noisy, loud, boisterous, Syn. งอแง, Example: เสียงเด็กร้องไห้กระจองอแง, Thai Definition: เสียงเด็กร้องไห้ ก่อให้เกิดความรำคาญ, ใช้เรียกลูกเล็กเด็กแดงที่ยังต้องอุ้มต้องจูงอยู่ว่า กระจองอแง | ติดงอมแงม | (v) be addicted in, See also: be hooked on, Example: พอได้อ่านเรื่องสั้นของเขาแล้วปรากฏว่าผมติดงอมแงมวางไม่ลงเลย, Thai Definition: เลิกได้ยาก, แก้ได้ยาก | ชะเง้อชะแง้ | (v) crane (one's neck), See also: raise up (one's head), look up, Syn. ชะเง้อ, ชะแง้ | ทุกแง่ทุกมุม | (n) every aspect, See also: looked at from all directions, seen from all angles, Example: เขาได้เห็นชีวิตมาทุกแง่ทุกมุมแล้ว | สองแง่สองง่าม | (adj) double-meaning, Example: คนดูพอใจในคำพูดสองแง่สองง่ามของตัวตลก | ในอีกแง่หนึ่ง | (conj) on the other hand, Syn. ในอีกทางหนึ่ง, อีกประการหนึ่ง | กระง่องกระแง่ง | (adv) falteringly, See also: swayingly, unsteadily, Syn. กระย่องกระแย่ง, ง่องแง่ง, Example: หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้วเธอต้องเดินกระง่องกระแง่ง, Thai Definition: อาการที่ร่างกายไม่แข็งแรง ทำให้เดินหรือเคลื่อนไหวไม่ถนัด | กระง่อนกระแง่น | (adv) infirmly, See also: shakily, feebly, Syn. คลอนแคลน, งอนแง่น, Ant. แน่น, มั่นคง, Example: ราวตากผ้าหลังบ้านเอียงกระง่อนกระแง่น, Thai Definition: ง่อนๆ แง่นๆ, คลอนแคลน, ไม่แน่น |
| กระง่องกระแง่ง | ว. ง่องแง่ง. | กระงอดกระแงด | ว. งอดแงด, กระเง้ากระงอด, กะบึงกะบอน. | กระง่อนกระแง่น | ว. คลอนแคลน, ไม่แน่น, ไม่มั่นคง, ง่อนแง่น ก็ว่า. | กระจองอแง | ว. เสียงเด็กที่ร้องไห้ ก่อให้เกิดความรำคาญ, ใช้เรียกลูกเด็กเล็กแดงหรือที่ยังต้องอุ้มต้องจูงอยู่ว่า ลูกกระจองอแง. | ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย | ถ้าไม่ใช่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายของตน ก็ไม่ควรไว้วางใจใคร, ทำนองเดียวกับภาษิตที่ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง. | เข้าแง่ | ก. ถูกที่เหมาะ, ถูกที่สำคัญ. | ง่อกแง่ก | ว. โยกคลอนไปมา, ไม่แน่น, ไม่มั่นคง. | ง่องแง่ง | ว. อาการที่ร่างกายไม่แข็งแรงทำให้เดินหรือเคลื่อนไหวไม่ถนัด, กระง่องกระแง่ง ก็ว่า. | ง่องแง่ง | ก. ทะเลาะเบาะแว้งกัน, ไม่ปรองดองกัน, เช่น พี่น้องคู่นี้ง่องแง่งกันเสมอ. | งอแง | ว. ขี้แย, ขี้อ้อน, (ใช้แก่เด็ก) | งอแง | รวนเร, บิดพลิ้ว | งอแง | เอาใจยาก. | งอดแงด | ว. กระเง้ากระงอด, กะบึงกะบอน. | ง่อนแง่น | ว. คลอนแคลน, ไม่แน่น, ไม่มั่นคง, กระง่อนกระแง่น ก็ว่า. | งอมแงม | ว. เลิกได้ยาก เช่น ติดฝิ่นงอมแงม, แก้ได้ยาก, รักษาได้ยาก, เช่น เจ็บงอมแงม. | งับแง | ก. แง้ม, ปิดไม่สนิท. | งามแงะ | ว. งามน่าดู เช่น เจ้าเย้ยเยาะว่าเงาะไม่งามแงะ แฮะแฮะว่าเล่นหรือว่าจริง (สังข์ทอง). | แง ๑ | น. เรียกส่วนของหน้าตรงหว่างคิ้ว ว่า หน้าแง. | แง ๒, แง ๆ | ว. เสียงเด็กร้องไห้. | แง่ ๑ | น. ส่วนที่เป็นเหลี่ยมเป็นสันเป็นมุมหรือส่วนที่ยื่นออกมา เช่น แง่หิน แง่โต๊ะ, โดยปริยายหมายความว่า เหลี่ยม, ชั้นเชิง, เช่น ชาวแพแผ่แง่ค้าขายของ (นิ. นรินทร์), นัย. | แง่งอน | น. อาการที่แสร้งทำชั้นเชิงเพื่อให้ผู้อื่นเอาใจหรือให้เป็นที่พอใจตน. | แง่ ๒ | น. ตัว เช่น แต่งแง่ (จารึกสยาม), มิแต่งแง่ให้แม่ชม มิหวีผมให้แม่เชย (ลอ). | แง่ง ๑ | น. ส่วนที่งอกเป็นแง่ออกมาจากเหง้าขิงข่ากะทือเป็นต้น. | แง่งขิง | น. เครื่องประดับยอดปรางค์ ทำเป็นรูปหอก มีกิ่งเป็นรูปดาบแตกสาขาออกไป ๔ ทิศ, ฝักเพกา ลำภุขัน สลัดได นพศูล หรือ นภศูล ก็เรียก. | แง่ง ๒, แง่ง ๆ | ว. เสียงขู่ของหมาเมื่อจะกัดกันในเวลาแย่งอาหารกันเป็นต้น. | แง่น | ก. แยกเขี้ยวจะกัด (อย่างหมา). | แง่น ๆ | ว. แสดงกิริยาโกรธอย่างหมาจะกัด. | แง้ม | ก. เปิดแต่น้อย ๆ เช่น แง้มประตู. | แง้ม | น. ริม, ข้าง, เช่น ปากคลองบางกอกน้อยแง้มขวา. | แงะ | ก. งัดให้เผยอขึ้น. | เจ้าแง่เจ้างอน, เจ้าแง่แสนงอน | ว. มีแง่งอนมาก. | ชะแง้ | ก. เหลียวแลดู, เฝ้าคอยดู, เช่น ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย (อภัย). | ตะแง้ | น. เรียกแขนงของทะลายหมากหรือแขนงของรวงข้าว ว่า ตะแง้หมาก ตะแง้ข้าว, ระแง้ ก็เรียก. | ตั้งแง่ | ก. ทำชั้นเชิง, คอยหาเรื่องจับผิด. | น้อยแง่ | ก. น้อยหน้า | น้อยแง่ | ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม. | แผ่แง่ | ก. แสดงท่าทางท่วงทีเป็นชั้นเชิง. | แมงแงว | น. ชื่อสัตว์น้ำขาปล้องหลายชนิด หลายสกุล ในวงศ์ Streptocephalidae ขนาดยาว ๑.๘ เซนติเมตร ลักษณะทั่วไปคล้ายไรน้ำเค็ม ลำตัวใส มีถุงไข่ที่ท้อง ๑ ถุง ไข่จม กินสาหร่าย พบตามแหล่งน้ำจืดโดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูฝนเขตภูเขาในจังหวัดขอนแก่น หนองบัวลำภู หนองคาย นำมาใช้ปรุงอาหาร เช่น แกงอ่อมหรือห่อหมก ตามธรรมชาติเป็นอาหารของสัตว์น้ำ ที่พบบ่อย เช่น ชนิด <i>Streptocephalus sirindhornae</i> Sanoamuang, Murugan, Weekers & Dumont. ซึ่งมีหางสีแดงเข้ม, แมงหางแดง แมงอ่อนช้อย หรือ ไรน้ำจืด ก็เรียก. | ร้องกระจองอแง | ก. อาการที่เด็กหลาย ๆ คนร้องไห้พร้อม ๆ กัน. | ร้องงอแง | ก. ร้องอ้อน (ใช้แก่เด็กเล็ก ๆ ). | ระแง้ | น. เรียกแขนงของทะลายหมากหรือแขนงของรวงข้าว ว่า ระแง้หมาก ระแง้ข้าว, ตะแง้ ก็ว่า. | เล่นแง่ | ก. หาแง่มาขัดขวางไม่ให้เป็นไปอย่างสะดวกเพื่อเอาเปรียบหรือแสดงว่าตนเหนือกว่า เช่น เล่นแง่ในทางกฎหมาย. | สองแง่สองง่าม | ว. มีความหมายตีได้เป็น ๒ นัย ทั้งความหมายธรรมดาและความหมายที่ส่อไปในทางหยาบโลน (มักใช้ในปริศนาคำทาย) เช่นนอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย. | สองแง่สองมุม | ว. มีความหมายตีได้เป็น ๒ นัย เช่นสาบานขอให้ตายใน ๗ วัน. | สะเงาะสะแงะ | ว. เปะปะอย่างคนเมา เช่น เดินสะเงาะสะแงะ พูดจาสะเงาะสะแงะ. | หน้าแง | น. ส่วนของหน้าตรงหว่างคิ้ว เช่น นักมวยถูกชกหน้าแง. | หัวแง่ | น. ส่วนที่เป็นเหลี่ยมเป็นสันเป็นมุมหรือส่วนที่ยื่นออกมา, แง่ ก็ว่า. | กระต่ายชมจันทร์ | น. ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งตั้งวงสูง ระดับแง่ศีรษะ มืออีกข้างหนึ่งจีบหงายระดับข้างลำตัว เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือที่จีบ | กระหวัดเกล้า | น. ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งจีบหงาย งอข้อศอก หักข้อมือเข้าหาแง่ศีรษะ มืออีกข้างหนึ่งตั้งวงกลาง เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือที่ตั้งวง. | กระแหน่ | น. เล่ห์กล, แง่งอน, ท่วงที, เช่น ข้ากระไดกระแหน่ แต่งแง่แผ่ตนท่า (ลอ). |
| lingula of mandible | แง่กระดูกหน้ารูขากรรไกรล่าง [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] | rhizome | เหง้า, แง่ง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | multipolar | ๑. หลายขั้ว๒. หลายปุ่ม, หลายแง่ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | cam lobe | แง่ลูกเบี้ยว [ยานยนต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
|
| Barrel per Day | อัตราการผลิตน้ำมันที่ผลิตได้ต่อวัน (ความหมายในแง่การผลิต) [ปิโตรเลี่ยม] | Barrel per Day | ปริมาณน้ำมันที่กลั่นออกมาได้ในรอบปี หารด้วยจำนวนวันที่ปฏิบัติงานจริง, ปริมาณน้ำมันที่กลั่นออกมาได้ในรอบปี หารด้วยจำนวนวันที่ปฏิบัติงานจริง (ไม่นับวันที่หยุดและซ่อมแซมอุปกรณ์) (ความหมายในแง่การกลั่น) [ปิโตรเลี่ยม] | Economic aspects | แง่เศรษฐกิจ [TU Subject Heading] | Educational aspects | แง่การศึกษา [TU Subject Heading] | Environmental aspects | แง่สิ่งแวดล้อม [TU Subject Heading] | Genetic aspects | แง่พันธุศาสตร์ [TU Subject Heading] | Health aspects | แง่สุขภาพและอนามัย [TU Subject Heading] | Identity (Philosophical concept) | เอกลักษณ์ (แง่ปรัชญา) [TU Subject Heading] | Immunological aspects | แง่ภูมิคุ้มกันวิทยา [TU Subject Heading] | Moral and ethical aspects | แง่ศีลธรรมจรรยา [TU Subject Heading] | Nutritional aspects | แง่โภชนาการ [TU Subject Heading] | Physiological aspects | แง่สรีรวิทยา [TU Subject Heading] | Political aspects | แง่การเมือง [TU Subject Heading] | Psychic aspects | แง่จิตวิญญาณ [TU Subject Heading] | Psychological aspects | แง่จิตวิทยา [TU Subject Heading] | Religious aspects | แง่ศาสนา [TU Subject Heading] | Social aspects | แง่สังคม [TU Subject Heading] | Sociological aspects | แง่สังคมวิทยา [TU Subject Heading] | Strategic aspects | แง่ยุทธศาสตร์ [TU Subject Heading] | Superman (Philosophical concept) | อภิมนุษย์ (แง่ปรัชญา) [TU Subject Heading] | Symbolic aspects | แง่สัญลักษณ์ [TU Subject Heading] | award | คำตัดสินอนุญาโตตุลาการ (ใช้ในแง่การระงับกรณีพิพาท) [การทูต] | Congress of Vienna | เป็นการประชุมระหว่างประเทศที่สำคัญในยุโรป ได้จัดให้มีขึ้นหลังจากเสร็จสงครามนโปเลียน (กันยายน ค.ศ. 1814 ? มิถุนายน ค.ศ. 1815) ประเทศที่ร่วมการประชุมมี ออสเตรีย อังกฤษ ฝรั่งเศส รัฐสันตะปาปา ปรัสเซีย และรัสเซีย ภาระหน้าที่สำคัญของการประชุม คือ การปักปันเขตแดนกันใหม่ และจัดให้ราชวงศ์เก่าแก่กลับฟื้นคืนมาใหม่ ทั้งในประเทศฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และเยอรมนี สหภาพแห่งนอร์เวย์ และสวีเดน สหภาพแห่งเบลเยี่ยม และฮอลแลนด์ พร้อมทั้งกำหนดให้สวิตเซอร์แลนด์ มีฐานะเป็นประเทศเป็นกลางถ้ามองในแง่การทูต ผลสำเร็จสำคัญที่สุดจากการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาคือ ข้อมติกำหนดลำดับอาวุโสของคณะผู้แทนทางการทูต โดยถือหลักอาวุโสไม่ว่าในตำแหน่งใด แทนที่จะถือตามสถานภาพและความสำคัญของกษัตริย์อย่างแต่ก่อน รวมทั้งจัดประเภทของนักการทูต ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท (ตามระเบียบที่วางขึ้นใหม่ต่อมาในการประชุม ณ Aix-la-Chapelle ได้แก่1) เอกอัครราชทูต (Ambassadors) ตัวแทนขององค์สมเด็จพระสันตะปาปา (Papal legates) และหัวหน้าคณะทูตของสมเด็จพระสันตะปาปา (Papal Nuncios)2) ผู้แทนทางการทูตผู้มีอำนาจพิเศษ (Envoys Extra-ordinary) และเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็ม (Ministers Plenipotentiary) อินเตอร์นันสิโอของสมเด็จพระสันตะปาปา3) อัครราชทูตผู้มีถิ่นประจำ (Ministers Resident)4) อุปทูต (Chargé d?affaires)คองเกรสแห่งเวียนนายังวางระเบียบเกี่ยวกับเรื่องการจัดลำดับ อาวุโสของบุคคลในคณะทูต ซึ่งชาติต่าง ๆ ได้ลงนามรับรองในสนธิสัญญาพาหุภาคีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว [การทูต] | COlombo Plan Secretariat | สำนักเลขาธิการแผนโคลัมโบ สำนักเลขาธิการแผนโคลัมโบ ตั้งอยู่ที่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา โดยมีเลขาธิการแผนโคลัมโบเป็นผู้บริหารงานภายใต้แผนโคลัมโบ ซึ่งเป็นความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจแงะสังคมในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิก [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Heads of State | ผู้แทนที่สำคัญที่สุดของรัฐ หรือประมุขของรัฐ ในบางกรณีอาจทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐ ในการเจริญความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ โดยมีอำนาจเต็มที่จะประกอบการใด ๆ ได้ ประมุขของรัฐนั้นอาจได้แก่ พระจักรพรรดิ (Emperor) พระเจ้าแผ่นดิน (King) พระราชินี (Queen) และประธานาธิบดี (President)ประมุขของรัฐย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการเคารพ และการยอมรับนับถือจากประเทศอื่นๆ ในสังคมนานาประเทศ ในแง่พิธีการทูต ผู้ที่เป็นกษัตริย์อาจได้รับเกียรติแตกต่างกับผู้ที่เป็นประธานาธิบดี แต่ความแตกต่างเช่นนี้หามีความสำคัญในแง่กฎหมายอย่างใดไม่ เมื่อประมุขของรัฐเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ตัวประมุขพร้อมด้วยบุคคลในครอบครัวและบริวารทั้งหลาย ตลอดจนถึงทรัพย์สินของประมุขจะไดรับความคุ้มกัน (Immunity) ทั้งในทางแพ่งและอาญาคำว่าประมุขของรัฐอาจหมายถึงหัวหน้าของรัฐบาลก็ได้ เช่น ในกรณีสหรัฐอเมริกา แต่ในบางประเทศ เช่น อังกฤษ ประมุขของรัฐมิได้เป็นหัวหน้าของรัฐบาล ผู้ที่เป็นหัวหน้าของรัฐบาลได้แก่ นายกรัฐมนตรี (Prime Minister) ในประเทศที่มีการปกครองในรูปสาธารณรัฐ (Republic) ถือว่าอำนาจอธิปไตยตกอยู่กับประชาชน แม้แต่ตัวประธานาธิบดีของประเทศก็ไม่มีอำนาจอธิปไตย หากแต่เป็นประชาชนพลเมืองคนหนึ่ง ซึ่งได้รับการเลือกตั้งให้เข้าไปบริหารประเทศตามกำหนดระยะเวลาหนึ่งภายใต้ รัฐธรรมนูญ และตัวประธานาธิบดี เช่น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็อาจถูกฟ้องให้ขับออกจากตำแหน่งโดยรัฐสภา หรือสภานิติบัญญัติได้ เรียกว่า Impeachment [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Parliamentary Diplomacy | การทูตแบบรัฐสภา หรือบางครั้งเรียกว่า Organization Diplomacy เช่น การทูตในองค์การสหประชาชาติ การทูตแบบนี้ต่างกับการทูตตามปกติที่ดำเนินกันในนครหลวงของประเทศ กล่าวคือ1. นักการทูตมีโอกาสติดต่อโดยใกล้ชิดกับสื่อมวลชนและกับนัการทูตด้วยกันจาก ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรภายในองค์การสหประชาติ มากกว่าในนครหลวงของประเทศ แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดต่อกับคนชาติของตนอย่างใกล้ชิด2. การพบปะติดต่อกับบรรดานักการทูตด้วยกันในองค์การสหประชาชาติ จะเป็นไปอย่างเป็นกันเองมากกว่าในนครหลวงของประเทศ3. ในองค์การสหประชาติ ประเทศเล็ก ๆ สามารถมีอิทธิพลในการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ได้มากกว่าในนครของตน เพราะตามปกติ นักการทูตในนครหลวงมักจะติดต่ออย่างเป็นทางการกับนักการทูตในระดับเดียวกัน เท่านั้น แต่ข้อนี้มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนักในสหประชาชาติ ในแง่การปรึกษาหารือกันระหว่างกลุ่ม ในสมัยก่อนที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดในสหประชาชาติได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม (Blocs) ด้วยกัน คือกลุ่มเอเชียอัฟริกา กลุ่มเครือจักรภพ (Commonwealth) กลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มละตินอเมริกัน กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสแกนดิเนเวีย และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศที่มิได้ผูกพันเป็นทางการกับกลุ่มใด ๆ ที่กล่าวมา อนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามเย็น สมาชิกประเทศในสหประชาชาติจะรวมกลุ่มกันตามแนวนี้ คือ ประเทศนิยมฝักใฝ่กับประเทศฝ่ายตะวันตก (Pro-West members) ประเทศที่นิยมค่ายประเทศคอมมิวนิสต์ (Pro-Communist members) และประเทศที่ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายใด (Non-aligned members)เกี่ยวกับเรื่องการทูตในการประชุมสหประชาชาติ ในสมัยสงครามเย็น นักการทูตชั้นนำของอินเดียผู้หนึ่งให้ข้อวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพิจารณากัน การทะเลาะเบาะแว้งด้วยคำผรุสวาทหรือการแถลงโผงผางต่อกันนั้น ล้วนเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะวิสัยของการทูตทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปในการประชุมสหประชาชาติ จึงแทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการทูต เพราะการทูตที่แท้จริงจะกระทำกันด้วยอารมณ์สงบ ใช้ความสุขุมคัมภีรภาพ ปราศจากกามุ่งโฆษณาตนแต่อย่างใด การแสดงต่าง ๆ เช่น สุนทรพจน์และภาพยนตร์นั้นจะต้องมีผู้ฟังหรือผู้ชม แต่สำหรับการทูตจะไม่มีผู้ฟังหรือผู้ชม (Audience) หากกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็คือ ผู้พูดในสหประชาชาติมุ่งโฆษณาหาเสียง หรือคะแนนนิยมจากโลกภายนอก แต่ในการทูตนั้น ผู้พูดมุ่งจะให้มีการตกลงกันให้ได้ในเรื่องที่เจรจากันเป็นจุดประสงค์สำคัญ [การทูต] | War Crimes | อาชญากรรมสงคราม ตามกฎบัตรต่อท้ายความตกลงว่าด้วยการพิจารณาลงโทษ อาชญากรสางคามที่สำคัญ ๆ ของฝ่ายอักษะยุโรป (European Axis) การกระทำต่อไปนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามคือ การละเมิดกฎหมายหรือประเพณีของการสงคราม เช่น การฆ่า การปฏิบัติอันโหดร้าย หรือการขับคนไปทำงานเยี่ยงทาส หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ซึ่งกระทำต่อราษฎรพลเรือนของดินแดนที่ถูกยึดครอง การฆ่าหรือปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อเชลยศึกหรือบุคคลในท้องทะเล การฆ่าตัวประกัน การปล้นสะดมทรัพย์สินสาธารณะหรือส่วนบุคคล การทำลายล้างตัวเมืองหรือหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นในแง่การทหาร [การทูต] | บริหารงานสุขภาพจิต | บริหารงานสุขภาพจิต, มุมมองการดำเนินงานในแง่การบริหารงานสุขภาพจิตของบุคลากรสาธารณสุข และเครือข่ายที่กระทำต่อกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ โดยอาจสอดแทรกในการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหาสุขภาพจิต การบำบัดรักษาปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช และการฟื้นฟูสมรรถภาพสุขภาพจิต เพื่อให้บรรลุวัถุประ [สุขภาพจิต] | creativity | ความคิดสร้างสรรค์, ความสามารถทางสมองของมนุษย์ที่คิดได้กว้างไกล หลายแง่มุม หลายทิศทาง นำไปสู่การคิดประดิษฐ์สิ่งของ และแนวทางการแก้ปัญหาใหม่ โดยอาศัยข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ มี 4 ลักษณะ ประกอบด้วย ความคิดริเริ่ม ความคิดคล่อง ความคิดยืดหยุ่น ความคิดละเอีย [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | Incompatibility, Chemical | ความไม่พึงผสมของตัวยาในแง่เคมี [การแพทย์] | Incompatibility, Physical | ความไม่พึงผสมของตัวยาในแง่กายภาพ [การแพทย์] | Incompatibility, Therapeutic | ความไม่พึงผสมของตัวยาในแง่ของการรักษาโรค [การแพทย์] | Intellectual Process Level Problem Solving | ความรู้ความสามารถในแง่การแก้ปัญหา [การแพทย์] |
| Hey, mister. | -มันให้แง่คิดนะแล้วก้อสนุกด้วย Hero (1992) | -How's it going? -You don't wanna know. | ผมว่ามันก้อมีคนมากมายพออยู่แล้วที่จะมองเค้าในแง่ร้าย Hero (1992) | I didn't say that. Why are you being so negative? | ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น ทำไมมองในแง่ร้ายจัง Junior (1994) | - Don't be so negative. | - อย่ามองในแง่ลบสิ Junior (1994) | - What do you mean, negative? | - หมายความว่าไง แง่ลบ Junior (1994) | Wait a minute. I'm not negative. | เดี๋ยวก่อนสิ ฉันไม่ได้มองแง่ลบนะ Junior (1994) | In fact, I hear the bite reflex is so strong, they have to pry the victim's jaws open... | ในความเป็นจริงผมได้ยินสะท้อนกัดมีความแข็งแรงมาก พวกเขาจะต้องแงะปากของเหยื่อเปิด ... The Shawshank Redemption (1994) | Be optimistic. Now go on. Dig. | มองในแง่ดีหน่อย ขุดกันต่อเลย The Englishman Who Went Up a Hill But Came Down a Mountain (1995) | Pessimists, all of you. | พวกมองโลกแง่ร้าย ทั้งหมดเลย The Englishman Who Went Up a Hill But Came Down a Mountain (1995) | What in his terms is a magnificent achievement... you see as your failure, so you call it his. | อะไรในแง่ของเขาเป็นความสำเร็จที่งดงาม ... คุณเห็นเป็นความล้มเหลวของคุณ เพื่อให้คุณเรียกว่าของเขา Greystoke: The Legend of Tarzan, Lord of the Apes (1984) | # Remember to look on the bright side till then # | จงมองทุกอย่างในแง่ดี An American Tail (1986) | I want those two arrested for breaking and entering and grand theft. | ฉันต้องการให้จับกุมทั้ง 2 คนนี้ข้อหา งัดแงะ ทำลายทรัพย์สิน และลักทรัพย์ Mannequin (1987) | You know, Sonny, you're a fucking mutt. | ซอนนี่ รู้ไหม มึงมันง๊องแง๊งจริงๆ Goodfellas (1990) | All right. Keep your eyes open. They're busting my balls over it. | เอาล่ะ คอยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย พวกมันอาจเล่นแง่กับฉัน Goodfellas (1990) | The skinny guard's getting to be a real pain in the ass. | ไอผู้คุมมันทำท่าจะเล่นแง่กับฉัน Goodfellas (1990) | Objection, Your Honor. In view of the violence... | ขอค้านครับ ศาลที่เคารพ ในแง่ความรุนแรง Goodfellas (1990) | Strange thing, he may have more success exposing me in death than he ever did in life. | คิดอีกแง่ ความตายของเค้าก็เป็น ผลดีต่อผม Gattaca (1997) | Boy, and she had the goods on me too. She knew all my little peccadillos. | เธอมีสิ่งดีให้ ชั้นเธอรู้จักฉันทุกแง่มุม Good Will Hunting (1997) | Give me some credit babe... | มองผมในแง่ดีหน่อย The Jackal (1997) | Some puny, little uncoordinated... can´t-make-the-football-team- so-l´ll-pick-on-third-graders- and-steal-their-lunch-money... punk, jerk-off bully... that one day wakes up and realizes he´s nothing. | ไอ้ขี้แงเพื่อนไม่รับ เข้าทีมฟุตบอลไม่ได้ ไอ้อนุบาล3 กุ๊ยขี้ขโมยหน้าโง่ไร้สติ Nothing to Lose (1997) | - What? Some, uh, vandals broke in over the weekend. - What? | พวกงัดแงะบุกเข้ามาวันหยุด Nothing to Lose (1997) | - Don't be pessimistic. | - อย่างมองในแง่ร้ายซิครับ As Good as It Gets (1997) | While the world he inhabits is, in some respects, counterfeit. - | ถึงแม้โลกที่ "เขา" อาศัยอยู่ ในแง่หนึ่ง มันก็ปลอม The Truman Show (1998) | You don't have to leave home to discover what the world is about. | สัมผัสกลิ่นไอวัยเยาว์ในเมืองเล็กๆ ที่ให้แง่คิดว่า ไม่จากบ้านก็พบโลกได้ The Truman Show (1998) | What don't you like about them... and say it with some fucking conviction. | แล้วนายไม่ชอบอะไร / พวกเขา แล้วไปตัดสินเค้าในแง่ลบแบบนั้น American History X (1998) | No matter how I look at it, you don't deserve this. | คือไม่ว่าผมจะมองมันในแง่ไหน คุณก็ไม่สมควรได้รับสิ่งนี้ Brokedown Palace (1999) | He developed bitch tits because his testosterone was too high... ..and his body upped the oestrogen. | ก็เหมือนกับคนทั่วๆไป ผมตกเป็นทาสสินค้า ที่มีตราแบรนด์เนมอย่างไอเกีย งอมแงม Fight Club (1999) | Strangers with this kind of honesty make me go a big. rubbery one. | ผู้คนก็มักจะคิดไปในแง่เลวร้ายสุดๆ ยินดีต้อนรับ, ทราวิส ขอต้อนรับ, ทราวิส Fight Club (1999) | Aren't we the optimist? | พวกเราก็มองโลกในแง่ดีนี่เนอะ? 10 Things I Hate About You (1999) | ... thebabystartedcrying, then Larry pretended he was asleep. | ... ลูกก็เริ่มงอแง แล้วลาร์รี่ก็แกล้งทำเป็นหลับแล้ว The Story of Us (1999) | To be on the safe side, maybe we better not. | คิดในแง่ดีนะ เราไม่ควรทำ The Story of Us (1999) | -I just dwell on everything? | - ฉันแค่คิดในแง่ดีเกี่ยวกับทุกสิ่ง? The Story of Us (1999) | Honey, do me a favor and say whatever you want to say and spare me the propaganda. | ที่รัก ช่วยทีนะ ถ้าจะพูดอะไร ช่วยพูดในแง่บวกด้วย American Beauty (1999) | Not in a reproductive sense, of course, but in terms of approximating the physical sensation, you know, that occurs... | ไม่ใช่ในแง่ของการสืบพันธุ์ แต่ในแง่ที่เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นความรู้สึกทางกายภาพ Bicentennial Man (1999) | In a sense, I have. | ในแง่หนึ่ง ใช่ Bicentennial Man (1999) | ...and despite your warning, I managed to catch the cold. | ...และถึงแม้ว่าคุณจะเตือนไว้แล้ว แต่ผมก็ยังติดหวัดงอมแงม Il Mare (2000) | "Type A"? Wow! That means you're high-strung but cheerful, huh?" | มันหมายความว่าเธอจะเจ็บปวดแต่มองโลกในแง่ดี All About Lily Chou-Chou (2001) | She has visions your mother. | เธอเป็นคนมองโลกแง่ดี และก่อนเธอตาย Ken Park (2002) | And before she died she had a vision that I was an angel with three arms | เธอก็ยังมองแง่ดี เธอบอกชั้นเคยเป็นเทวดาที่มีสามแขน Ken Park (2002) | You've always been a crybaby about things. | เธอเป็นเด็กขี้แงตลอดแหละ Ken Park (2002) | I always say, look on the bright side. | ฉันพูดเสมอให้มองโลกแง่ดี The Pianist (2002) | That's why I always say: | ฉันถึงพูดเสมอไง มองโลกแง่ดีไว้ The Pianist (2002) | "Look on the bright side!" Yes, I know. | ใช่ มองแง่ดี ใช่ ฉันรู้ The Pianist (2002) | The point is to let the audience in on all aspects of your life. | จุดคือการให้ผู้ชมในทุกแง่มุมของชีวิตของคุณ Showtime (2002) | Think positive, no-glitch... Thoughts. | คิดในแง่ดี ไม่มีจุดบกพร่อง... Inspector Gadget 2 (2003) | It was Henri Langlois, who created the Cinémathèque... and it was because he liked to show movies... instead of letting them rot in some underground vault... to show any movies... | เขาคือ อองรี ลองกัวส์ ผู้สร้างโรงหนังซินิม่าเธค และก็เพราะว่า เขารักที่จะฉายหนัง... โดยไม่มีอะไรมาปิดกั้น\ หนังที่สะท้อนทุกแง่มุม... The Dreamers (2003) | And if that means one of 'em has to talk an ex-girlfriend out of their system... | และถ้านั่นหมายถึงแขกของเรา ต้องการแงะเอาแฟนเก่าออกไปจากสารบบ Hope Springs (2003) | There is a number hidden in every act of life, in every aspect of the universe. | มีตัวเลขจำนวนหนึ่งซ่อนอยู่ในทุกการกระทำในชีวิต ทุกๆแง่มุมของจักรวาล 21 Grams (2003) | Negative. | แง่ลบ Underworld (2003) | Negative. | แง่ลบ Underworld (2003) |
| เล่นแง่ | [len ngaē] (v, exp) EN: play tricks FR: jouer un tour | เล่นแง่ทางกฎหมาย | [len ngaē thāng kotmāi] (n, exp) EN: use legal dodges | แมลงกะแง | [malaēng ka-ngaē] (n) EN: Long-horned Beetle ? | มองโลกในแง่ดี | [møng lōk nai ngaē dī] (adj) EN: optimistic FR: optimiste | มองในแง่ดี | [møng nai ngae dī] (v, exp) FR: être optimiste ; voir le bon côté des choses | มองในแง่ร้าย | [møng nai ngae rāi] (v, exp) EN: look at the dark side ; be pessimistic FR: être pessimiste ; voir le mauvais côté des choses | แงะ | [ngae] (v) FR: extraire | แง่ | [ngaē] (n) EN: corner ; angle ; edge ; jag ; ledge ; protuberance FR: coin [ m ] ; angle [ m ] ; saillie [ f ] ; rebord [ m ] ; aspérité [ f ] | แง่ | [ngaē] (n) EN: point of view ; angle ; aspect ; viewpoint ; standpoint FR: point de vue [ m ] ; angle [ m ] ; aspect [ m ] ; côté [ m ] | แง่บวก | [ngāe būak] (adj) EN: positive | แง่ดี | [ngāe dī] (n, exp) EN: optimism looking on the bright/good side | แง่หิน | [ngaē hin] (n) EN: ledge ; edges of a rock ; edges of a stone FR: saillie [ f ] | แง่คิด | [ngaē khit] (n, exp) EN: point of view FR: point de vue [ m ] ; aspect [ m ] | แง้ม | [ngaēm] (v) EN: be ajar ; open slightly ; be half-closed FR: entrouvrir ; entrebâiller | แง่มุม | [ngaēmum] (n) EN: part ; aspect ; angle ; viewpoint ; point of view ; slant FR: aspect [ m ] | แง่งอน | [ngaē-ngøn] (n) EN: artifice ; stratagem ; trick ; ruse FR: ruse [ f ] ; astuce [ f ] ; artifice [ m ] ; stratagème [ m ] | แง่ร้าย | [ngae rāi] (v) EN: pessimism ; inclination to expect the worst FR: pessimisme [ f ] | สองแง่สองง่าม | [søng ngaē søng ngām] (adj) EN: double-meaning |
| nag | (vi, n) เหน็บแนม, ชอบวิพากษ์วิจารณ์สิ่งเล็กๆน้อยๆในแง่ลบ, คนที่ชอบป่วนรบกวนคนอื่น | facet | (n) ด้านมุมมอง, แง่ปัญหา | accrual basis | (n) (ในแง่การบัญชี)เกณฑ์คงค้าง, เกณฑ์สิทธิ์, เกณฑ์พึงรับพึงจ่าย, เกณฑ์ในการวัดผลการดำเนินงานสำหรับแต่ละงวดบัญชี ที่ใช้ในการคำนวณหาผลการดำเนินงานของธุรกิจ |
| ajar | (adv) เปิดแง้มอยู่ | ajar | (adj) เปิดแง้มอยู่, Syn. half-open, unshut | angle | (n) แง่มุมในการพิจารณา, See also: แง่ ความเห็น, มุมมอง, Syn. standpoint, outlook, perspective | aspect | (n) มุม, See also: ด้าน, แง่มุม | break in | (phrv) งัดแงะ (ผิดกฎหมาย) | break open | (phrv) งัด, See also: แงะ, เปิดบางสิ่งด้วยกำลัง | cat | (n) หญิงที่ถูกว่าในแง่ร้าย | cheerful | (adj) มีความสุขและมองโลกในแง่ดี, See also: สดชื่น, ร่าเริง, แช่มชื่น, สดใส, Syn. gay, merry, optimistic, Ant. unhappy, depressed | cheerfully | (adv) อย่างร่าเริง, See also: อย่างมีความสุขและมองโลกในแง่ดี, Syn. cheerily, happily, Ant. sadly, morosely | dodder along | (phrv) เดินโซเซ, See also: เดินง่อกแง่ก, เดินโงนเงน | fling at | (phrv) แสดง (ความคิดเห็นในแง่ลบ) อย่างรุนแรงกับ | flimsy | (adj) ไม่แข็งแรง, See also: ง่อนแง่น, Syn. fragile, frail, rickety, Ant. firm, strong | in an interesting condition | (idm) ตั้งท้อง (ในแง่ขบขัน), See also: มีครรภ์ | land of Nod | (idm) หลับ (ในแง่อารมณ์ขัน) | sacred cow | (idm) สิ่งหวงห้าม, See also: สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรหลบหลู่, สิ่งที่ไม่ควรพูดถึงในแง่ไม่ดี | think a great deal of | (idm) นึกถึงในแง่ดี | think a lot of | (idm) นึกถึงในแง่ดี | think highly of | (idm) นึกถึงในแง่ดี | think much of | (idm) นึกถึงในแง่ดี | idea | (n) ความคิด, See also: ความนึกคิด, ความคิดเห็น, ความเชื่อ, แง่คิด, มุมมอง, มโนคติ, Syn. concept, opinion, thought | in case | (adv) ในกรณีของ, See also: ในแง่ของ, Syn. in the case of, in the event of | in case of | (prep) ในกรณีที่เป็น, See also: ในแง่ของ, Syn. in the event of, if it should happen that | lever out | (phrv) งัดออกด้วยไม้ เหล็กหรือเครื่องมือหนักอย่างอื่น, See also: แงะออก | lever up | (phrv) งัดขึ้นด้วย ไม้ เหล็กหรือเครื่องมือหนัก, See also: แงะขึ้น | many-sided | (adj) หลายด้าน, See also: หลากหลาย, หลายแง่, Syn. polyhedral | multifaceted | (adj) ซึ่งมีหลายแง่มุม, Syn. complex, versatile | multiplex | (adj) ที่มีหลากหลายด้าน, See also: ซึ่งมีหลายแง่มุม | open | (vt) เปิดออก, See also: อ้า, เผยอ, แง้ม, Syn. unlock, uncover, Ant. close, shut | open | (vi) เปิดออก, See also: อ้า, เผยอ, แง้ม, Syn. unlock, uncover, Ant. close | optimism | (n) การมองในแง่ดี, Ant. pessimism | optimist | (n) ผู้ที่มองโลกในแง่ดี, Ant. pessimist | dis | (prf) จาก, See also: แตกไป, ไม่, ใช้แสดงความหมายในแง่ลบ | pessimism | (n) การมองโลกในแง่ร้าย | pessimism | (n) ลัทธิมองโลกในแง่ร้าย | pessimistic | (adj) ที่มองโลกในแง่ร้าย, Syn. fatalistic, desponding, downbeat | phase | (n) มุมมอง, See also: แง่มุม, แง่, Syn. aspect, point of view, side | pick | (n) เครื่องแคะ, See also: เครื่องแงะ | point | (n) ประเด็น, See also: ข้อ, แง่, หัวข้อ, เรื่อง, Syn. idea, matter | point of view | (n) ความเห็น, See also: แง่คิด, มุมมอง, Syn. outlook, opinion | positive | (adj) ทางบวก, See also: แง่บวก, ซึ่งมองในแง่ดี, Syn. optimistic, bright, confident, Ant. pessimistic | pun | (n) คำที่มีความหมายสองนัย, See also: คำที่พูดสองแง่สองง่าม, Syn. witticism, quibble | pick out | (phrv) แคะออก, See also: แงะออก, งัดออก | rickety | (adj) จวนจะพัง, See also: ง่อนแง่น, จวนจะแตกหัก, Syn. ramshackle, shaky, unstable | roseate | (adj) มองโลกในแง่ดี, Syn. optimistic | rose-colored | (adj) เหมือนสีกุหลาบ, See also: ซึ่งมองโลกแง่ดี, Syn. rose, hopeful | rosy | (adj) มีความหวัง, See also: ร่าเริงเบิกบาน, มองโลกในแง่ดี, Syn. bright, hopeful, optimistic, promising | Keep your pecker up | (sl) มองในแง่ดีไว้ | safecracker | (n) ผู้งัดแงะตู้นิรภัย, See also: โจร, Syn. robber | side | (n) แง่มุม, See also: แง่, กรณี | slur | (vt) พูดถึงคนอื่นในแง่ไม่ดี, See also: ทำให้แปดเปื้อน, พูดใส่ร้ายป้ายสี, Syn. defame, slander, vilify, Ant. praise |
| ajar 1 | (อะจาร์') adj., adv. เปิดแง้มอยู่ | blankly | (แบลง'คลี) adj. ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส, มีใบหน้าที่เฉยเมย, ทั้งหมด, ทุกแง่ทุกมุม, Syn. fully | burr | (เบอร์) n. เสี้ยน, มีดตัด, เครื่องขูดแงะฟัน, เครื่องขูดแงะกระดูก, ส่วนที่ยื่นที่หยาบ หัวที่เป็นขนปัด | circumstantial | adj. ตามสถานการณ์, ตามสภาพแวดล้อม, ไม่สำคัญ, บังเอิญ, เป็นรอง, ละเอียด, โดยเฉพาะ, ทุกแง่ทุกมุม, Syn. provisional -A.definite | circumstantiate | (เซอคัมสแทน'ชิเอท) vt. ยืนยัน, เสนอข้ออ้างอิงเพื่อยืนยัน, อธิบายอย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม, See also: circumstantiation n. ดูcircumstantiate | civil death | n. การตายในแง่นิตินัย | crapehanger | (เครพ'แฮงเกอะ) n. คนที่มองในแง่ร้าย, คนที่เศร้าหมอง | crepehanger | (เครพ'แฮงเกอะ) n. คนที่มองในแง่ร้าย, คนที่มีนิสัยฉุนเฉียว | dim | (ดิม) { dimmed, dimming, dims } adj. ทึบ, หมอง, สลัว, ไม่สว่าง, พร่า, คลุมเครือ, เลือนราง, เชื่องช้า, ท้อแท้, หมอง, ไม่แจ่มแจ้ง -Phr. (take a dim view of สงสัย, มองในแง่ร้าย) vt., vi. (ทำให้) ทึบ, (ทำให้) หมอง, ทำให้ (เลือนราง) ., See also: dims n., pl. ไฟสลัว, ไฟหรี่ | facet | (แฟส'ชิท) n. ด้าน, เหลี่ยม, หน้าของเพชรพลอยที่เจียระไนแล้ว, หน้าประกบ, หน้า, หน้าเล็ก ๆ ของตาแมลง, แง่ปัญหา. vt. เจียระไน | gloomy | (กลูม'มี) adj. มืดคลึ้ม, ห่อเหี่ยวใจ, หมดหวัง, มองในแง่ร้าย., See also: gloomily adv. gloominess n., Syn. sad, moody, dark | obvert | (ออบเวิร์ท) vt. พลิกให้เห็นอีกด้านหนึ่งเปลี่ยนด้านดู, เปลี่ยนหน้าดู, เปลี่ยนเป็นแง่ตรงข้าม | optimise | (ออพ'ทะไมซฺ) vi. มองในแง่ดี. vt. ทำให้มีผลดีที่สุด, ทำให้เหมาะที่สุด, เขียนโปรแกรมให้ได้ผลดีที่สุด (ของคอมพิวเตอร์), See also: optimisation n., Syn. optimize | optimism | (ออพ'ทิมิสซึม) n. การมองในแง่ดี, ลัทธิความเบิกบานใจ | optimist | (ออพ'ทะมิสทฺ) n. ผู้มองในแง่ดี, ผู้มองโลกในแง่ดี | optimistic | (ออพทะมิส'ทิค) adj. ซึ่งมองในแง่ดี, ซึ่งมองโลกในแง่ดี, เกี่ยวกับลัทธิเบิกบานใจ., See also: optimistical adj. optimistically adv., Syn. hopeful | pessimism | (เพส'ซะมิสซึม) n. การมองดูในแง่ร้าย, ลัทธิมองโลกในแง่ร้าย, การหมดอาลัยตายอยาก, Syn. gloom | pessimist | (เพส'ซะมิสทฺ) n. ผู้มองดูในแง่ร้าย, ผู้ยึดถือลัทธิมองโลกในแง่ร้าย, ผู้หมดอาลัยตายอยาก | pessimistic | (เพสซะมิส'ทิค) adj. มองดูในแง่ร้าย, มองโลกในแง่ร้าย, หมดอาลัยตายอยาก, Syn. depressed | phase | (เฟสฺ) n. ระยะ, ระยะโรค, ขั้น, ตอน, แง่, ช่วง, ด้าน, หน้า, รูปแบบ, รูป, ลำดับ. vt. ทำให้เป็นขั้นตอน, ทำให้ประสานกัน, ทำให้ดำเนินการไปตามแผน. -Phr. (phase in ค่อย ๆ ใช้สอยตามลำดับ) | point of view | ความเห็น, แง่คิด, Syn. standpoint | principle | (พริน'ซะเพิล) n. หลัก, หลักการ, กฎ, ศีลธรรม, ลัทธิ, หลักศีลธรรม, ตัวยา. -Phr. (in principle ในแง่ทฤษฎี), Syn. rule | queuing theory | ทฤษฎีรอคอยเป็นทฤษฎีที่ศึกษาเรื่องของแถวคอย โดยศึกษาในหลาย ๆ แง่ เช่น เวลารอคอยในแถว ความยาวเฉลี่ยของแถว ประสิทธิภาพของจุดให้บริการแถวคอย ตามปกติ มักมีลักษณะเป็นเครือข่าย (network) พื้นฐานของทฤษฎีแถวคอย ใช้หลักของความเป็นไปได้ (possibility) | ransack | (แรน'แซค) vt. ค้นหาทุกแง่ทุกมุม, ค้นหากระจุยกระจาย, ปล้นสะดม., See also: ransacker n., Syn. search, scour, plunder | rickety | (ริค'คิที) adj. ล้มได้ง่าย, โคลงเคลง, ง่อนแง่น, ขี้โรค, มีข้อต่อที่อ่อนแอ, โซเซ, ไม่มั่นคง, ไม่ปกติ, เกี่ยวกับโรคกระดูกอ่อน, See also: ricketiness n., Syn. infirm | rosily | (โร'ซะลี) adv. ด้วยสีกุหลาบ, ร่าเริง, เบิกบานใจ, มองโลกในแง่ดี, อย่างสบายใจ | rosy | (โร'ซี) adj. ชมพู, แดงอมชมพู, สีกุหลาบ, ร่าเริง, เบิกบานใจ, ดีงาม, มองโลกในแง่ดี, ทำด้วยกุหลาบ, ประดับด้วยกุหลาบ, See also: rosiness n., Syn. fresh, rubicund, promising | safe-cracker | n. ผู้งัดแงะเซฟ, ผู้งัดแงะตู้นิรภัย | spine | (สไพน์) n. ลำกระดูกสันหลัง, กระดูกสันหลัง, ส่วนที่คล้ายกระดูกสันหลัง, หนาม, หนามกระดอง, สิ่งที่แหลม, ความแข็งแกร่งของจิตใจ, ความแน่วแน่, สัน, แง่ง, สันหนังสือ., See also: spined adj., Syn. spinal column, ridge | standpoint | n. จุดยืน, หลัก, แง่คิด, ทัศนคติ, Syn. position, point of, view | starry-eyed | (สทา'รีไอดฺ) adj. เพ้อฝัน, มองโลกในแง่ดีเกินไป | viewpoint | (วิว'พอยทฺ) n. ทัศนคติ, ข้อสังเกต, ข้อคิดเห็น, แง่คิด, ความคิดเห็น |
| ajar | (adv) เปิดอยู่, แง้ม, อ้า | conditional | (adj) โดยมีข้อแม้, เล่นแง่, เกี่ยงงอน, ขึ้นอยู่กับ | equivocal | (adj) สองแง่สองง่าม, มีสองนัย, กำกวม, ไม่แน่ชัด, ไม่แน่นอน | equivocate | (vi) พูดสองแง่สองง่าม, พูดกำกวม, พูดอ้อมค้อม, พูดสองนัย | equivocation | (n) การพูดสองแง่สองง่าม, การพูดอ้อมค้อม, การพูดกำกวม | facet | (n) ด้าน, เหลี่ยมเพชรพลอย, แง่ปัญหา | housebreaking | (n) การย่องเบา, การงัดแงะ, การบุกรุกเข้าบ้าน | obverse | (n) แง่, ผิวหน้า | optimism | (n) การมองโลกในแง่ดี | optimist | (n) ผู้มองโลกในแง่ดี | optimistic | (adj) มองโลกในแง่ดี, ในทางดี | pessimism | (n) การมองโลกในแง่ร้าย | pessimist | (n) คนมองโลกในแง่ร้าย | pessimistic | (adj) ซึ่งมองโลกในแง่ร้าย | rickety | (adj) ขี้โรค, เป็นโรคกระดูกอ่อน, ง่อนแง่น, โคลงเคลง | side | (n) ด้าน, ข้าง, หน้า, ฝ่าย, แง่, แขนง, กรณี | slant | (n) การบิดเบือน, ที่ลาดเอียง, ทัศนคติ, แง่คิด | spine | (n) หนาม, กระดูกสันหลัง, ความแข็งขัน, สัน, แง่ง | standpoint | (n) แง่คิด, ความเห็น, หลัก, ทัศนคติ, จุดยืน |
| at best | อย่างดีที่สุด, ภายใต้เงื่อนไข (สภาวการณ์) ที่ดีที่สุด, ถ้ามองในแง่ดีที่สุด | bob | (n, vi, slang) ผู้หญิงอ้วน, มีเซ็ก, blowjob, เหี้ย! (คำด่าในแง่ลบ) ( * w *m Power by iiiita also RYUTAZA) | compute | (vt) compute vt. คึ่มพิ้วท์ (พบบ่อย) 1. คำนวณ nc. ค็อมพิ้วเตอร์ (บังคับ) 1. (comp.) คอมพิวเตอร์อุปกรณ์ประมวลผลที่มีความจำ ตามชุดคำสั่ง และสามารถบันทึกผลการประมวลได้ 2. (comp.) พนักงานคำนวณ ในแง่ที่ทำกันเป็นร้อยคน ในสมัยโบราณ ในงานดาราศาสตร์ (ความหมายโบราณ) nc. 1. (comp.) ศิลปะโดยคอมพิวเตอร์ คือ ศิลปที่สร้างหรือทำขึ้นโดยคอมพิวเตอร์ เช่น ใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพ หรือระบายสี เป็นต้น nc. 1. (comp.) คอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง คือ ได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดเมนเฟรม หรือมินิคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเครือข่ายทำหน้าที่บริการด้านประมวลผลข้อมูลแก่ผู้ใช้บริการในเครือข่าย nc. 1. (comp.) สกุลของคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในกลุ่มที่สร้างขึ้นจาก microprocessor ชนิดเดียวกัน หรือ คล้ายกัน ตัวอย่างสกุลของคอมพิวเตอร์ เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของบริษัทไอบีเอ็ม และแบบ PS /2 nc. 1. (comp.) เกมคอมพิวเตอร์ คือ การเล่นเกมโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ การเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ มักควบคุมการเล่นโดยคันโยก (joystick)หรือ แป้นพิมพ์ (keyboard) ก็ได้ nc. 1. (comp.) ชุดคำสั่งที่เขียนด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่งเพื่อจะนำไปใช้สั่งให้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติงานตามคำสั่งนั้น ๆ nc. 1. (comp.) ระบบคอมพิวเตอร์ คือ ระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วยชุดฮาร์ดแวร์ และเครื่องอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ร่วมกันของระบบ เช่น ระบบไมโครคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยตัวเครื่อง ดิสก์ไดร้ว์ จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ และเมาส์ nc. 1. (comp.) ยุคพัฒนาการคอมพิวเตอร์ ในช่วงระหว่างกลางปี พ.ศ. 2503 - 2513 เป็นยุคที่คอมพิวเตอร์เปลี่ยนมาใช้ IC หรือวงจรรวม ชื่อเต็มว่า integrated circuit หรือ IC n. (ศัพท์คอม) 1. (comp.) ความสามารถที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ให้เป็นประโยชน์ nc. 1. (comp.) การใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการสอน มีความหมาย เช่นเดียวกับ computer-assisted instruction สามารถดูคำอธิบายใน CAI n. (ไม่ต้องท่อง) 1. (comp.) ศัพท์ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ v. (ไม่ต้องท่อง) 1. (comp.) ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยทำงาน | in a sense | ในแง่หนึ่ง, จะว่าไป | in view of | (n) ในแง่, มองในแง่, ด้วยเหตุของ, จากการที่.... เช่น จากการที่ขาดมาตรการ เราต้องเพิ่มความเข้มงวด, See also: considering | jinxa | [jinxaฺ] (slang) พร่ามไปเรื่อย (แง่ลบ) | pete-man | (n) ผู้งัดแงะตู้นิรภัย, Syn. safecracker | Pharmacokinetics | 1. การศึกษาการดูดซึมของร่างกาย การกระจายการเผาผลาญและการขับถ่ายของยา 2. ปฏิกิริยาลักษณะของยาและร่างกายในแง่ของการดูดซึมการกระจายการเผาผลาญและการขับถาย | social commerce | (n) รูปแบบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากการปฏิสัมพันธ์ในเครือข่ายสังคม (Social Media) มาช่วยให้เกิดการซื้อขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือ อีกแง่หนึ่งก็คือการนำเครือข่ายสังคมมาใช้ให้เกิดเป็นธุรกรรมการซื้อขายสินค้า | then again | (adv) มองอีกแง่หนึ่ง | Unsteady | (vt) ง่องแง่ง |
| 隅々 | [すみずみ, sumizumi] ทุกซอกทุกมุม, ทุกแง่มุม | やばい | [やばい, yabai] (adj) สุดตีน(แสลง)(ใช้ในความหมายได้ทั้งในแง่ลบและบวก) | ぼやける | [ぼやける, boyakeru] (vi, vt, adj) (ดิม) { dimmed, dimming, dims } adj. ทึบ, หมอง, สลัว, ไม่สว่าง, พร่า, คลุมเครือ, เลือนราง, เชื่องช้า, ท้อแท้, หมอง, ไม่แจ่มแจ้ง -Phr. (take a dim view of สงสัย, มองในแง่ร้าย) vt., vi. (ทำให้) ทึบ, (ทำให้) หมอง, ทำให้ (เลือนราง) ., S. . dims n., pl. ไฟสลัว, ไฟหรี่ | 泣き虫 | [なきむし, nakimushi] คนขี้แง |
| seltsam | (adj) แปลก (โดยมากในแง่ลบ), See also: seltsamerweise adv. | Ja | ใช่ (เป็นคำใช้ตอบคำถามในแง่บวก) เช่น Kommen Sie aus Deutschland? - Ja. คุณมาจากเยอรมนีใช่ไหมครับ - ใช่ค่ะ | optimistisch | (adj, adv) ซึ่งมองในแง่ดี, ซึ่งมองโลกในแง่ดี, เกี่ยวกับลัทธิเบิกบานใจ, โดยคาดหวังสิ่งที่ดี, See also: A.
pessimistisch |
| jusqu'a | (prep) ถึง(ในแง่ของเวลา) เช่น Jusqu'a quand? ถึงเมื่อไหร่, jusqu'a lundi ถึงวันจันทร์ |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |