ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ปอย, -ปอย- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ |
| บังกล้อง | [บัง-กล้อง] (n) เป็นชื่อ ที่ เรียกแทน บุคคล ที่ มีคุณสมบัติ คือ กาก เกรียน เพี้ยน หลุดโลก มักชอบทำอะไร เพี้ยนๆ ไม่เหมือนคนอื่น ชอบการ fag เป็นชีวิตจิตใจ คติประจำใจ คือ สเต็ปอยู่ในไต | สปอยล์ | เป็นการเอาจุดเพลิกผัน ปมสำคัญ หรือเอาตอนจบมาเล่าก่อน หรือเอาเรื่องแขกรับเชิญเซอร์ไพรซ์ในงานมาเฉลยก่อน ทำให้คนที่ยังไม่ได้เห็น ยังไม่ได้ดูหรือยังไม่ได้อ่านสูญเสียอารมณ์ลุ้นหรือความตื่นเต้นเร้าใจไปเวลาไปดูหรืออ่านด้วยตัวเอง |
| ปอย | (n) tuft, See also: bunch, a lock of hair, wisp, Syn. กระจุก, Example: ทรงผมยอดนิยมของคุณผู้ชายยุคก่อนจะต้องมีผมปอยหนึ่งตกหน้าผาก, Count Unit: ปอย, กระจุก, Thai Definition: กลุ่มก้อนหรือกระจุกเล็กๆ ของสิ่งที่เป็นเส้น เป็นฝอยอย่างเส้นด้าย หญ้า ผม หรือขนเช่น ขนนก ผม เป็นต้น | ปอยผม | (n) lock (of hair), See also: tuft or strand of hair, wisp, Example: ขณะที่บรรยายไปเธอก็เผลอเอามือเขี่ยปอยผมตลอด, Count Unit: ปอย, กระจุก, Thai Definition: กระจุกหรือกลุ่มผม | ปอยผม | (n) lock (of hair), See also: tuft or strand of hair, wisp, Example: ขณะที่บรรยายไปเธอก็เผลอเอามือเขี่ยปอยผมตลอด, Count Unit: ปอย, กระจุก, Thai Definition: กระจุกหรือกลุ่มผม |
| ปอย ๑ | น. กลุ่มก้อนหรือกระจุกเล็ก ๆ ของสิ่งที่เป็นเส้นเป็นฝอยอย่างเส้นด้าย หญ้า ผม หรือขน เช่น ปอยผม, ลักษณนามเรียกกระจุกหรือกลุ่มก้อนของสิ่งเช่นนั้น เช่น ผมปอยหนึ่ง ผม ๒ ปอย. | ปอย ๒ | น. งานพิธีต่าง ๆ, ถ้างานใหญ่ เช่นประเพณีฉลองการสร้างถาวรวัตถุของวัด เรียกว่า ปอยหลวง, ถ้างานเล็ก เช่นงานบวช เรียกว่า ปอยน้อย. | ไปอย่างน้ำขุ่น ๆ | ก. พูดแก้ตัวหลบเลี่ยงไปอย่างข้าง ๆ คู ๆ. | กระจับ ๑ | วัตถุที่มีรูปอย่างฝักกระจับสำหรับยันคางศพที่บรรจุโกศ | กระโจม ๑ | น. สิ่งที่ตามปรกติมียอดเป็นลอมอย่างซุ้ม ใช้เป็นเครื่องกำบังแดดลมเป็นต้น, โจม ก็ว่า, โดยปริยายหมายถึง สิ่งที่รวมกันเข้าเป็นลอม เช่น กระโจมปืน หรือสิ่งที่ผูกรวบยอดให้รวมกัน เช่น ปากผูกกระโจม หรือผ้าที่ทำเป็นลอมเพื่อเข้าไปอยู่ให้เหงื่อออก เช่น เข้ากระโจม. | กระชุก ๒ | น. ภาชนะสานรูปอย่างฟักผ่าตามยาว ใช้วางในเกวียน สำหรับใส่ข้าวเปลือกเป็นต้น, สามชุก ก็เรียก. | กระดืบ | ก. อาการที่ค่อย ๆ คืบไปอย่างหนอน. | กระบะ | ชื่อรถชนิดหนึ่งใช้บรรทุกสิ่งของ ทำตัวถังเป็นรูปอย่างกระบะ เรียกว่า รถกระบะ. | กระพือ | ก. เอาสิ่งที่เป็นผืนแผ่นบาง ๆ โบกขึ้นลง, พัดหรือโบกด้วยอาการเช่นนั้น, โดยปริยายหมายถึงแพร่กระจาย เช่น ข่าวนี้กระพือไปอย่างรวดเร็ว. | กร่ำ ๑ | (กฺรํ่า) น. ที่ล่อปลาให้เข้าไปอยู่ ใช้ไม้ปักตามชายฝั่งลำแม่นํ้า ให้มีลักษณะกลมบ้างรีบ้าง เมื่อเวลาจะจับก็เอาเฝือกหรืออวนล้อม แล้วเอาไม้นั้นออก, เขียนเป็น กลํ่า ก็มี. | กลับหลังหัน | ก. หมุนตัวกลับให้ด้านหลังไปอยู่แทนในตำแหน่งด้านหน้า. | กะเตง ๆ | ว. ลักษณะที่ไปอย่างไม่เรียบร้อยคล้ายกับมีของถ่วงอยู่ข้างหนึ่ง เช่น อุ้มลูกกะเตง ๆ พายเรือกะเตง ๆ, กะเตงเรง ก็ว่า, ลักษณะที่ไปอย่างเรื่อยเปื่อย เช่น วัน ๆ ได้แต่กะเตง ๆ ไปโน่นไปนี่. | กะพรวดกะพราด | (-พฺรวด-พฺราด) ว. พรวดพราด, อาการที่เป็นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ยับยั้ง. | กะเร่อกะร่า | ว. อาการที่แต่งกายรุ่มร่ามเกินพอดี เช่น เขาแต่งตัวกะเร่อกะร่าผิดกาลเทศะ, ซุ่มซ่าม เช่น เขาเดินกะเร่อกะร่าออกไปกลางถนนเลยถูกรถชน, เซ่อซ่า เช่น เขากะเร่อกะร่าเข้าไปอยู่กับพวกเล่นการพนันเลยถูกจับไปด้วย, เก้งก้าง เช่น เขาเป็นคนท่าทางกะเร่อกะร่า, กะเล่อกะล่า เร่อร่า หรือ เล่อล่า ก็ว่า. | กะลาซอ | น. กะลามะพร้าวที่มีปุ่มนูนเป็นรูปสามเส้า ใช้สำหรับทำซอสามสาย, เรียกลักษณะของหัวกะโหลกศีรษะที่เป็นรูปอย่างนั้น. | เกี้ยวประทีป | น. ซุ้มไฟทำเป็นรูปอย่างเกี้ยว. | โกร่ง ๑ | ภาชนะรูปอย่างกล่องมีลิ้น ใช้ตามบ่อนเบี้ยสำหรับใส่อีแปะ. | ขอมดำดิน | น. คนที่ปรากฏตัวขึ้นทันทีอย่างไม่คาดฝันหรือหายไปอย่างรวดเร็วไม่ทันได้สังเกต. | ขับไล่ไสส่ง | ก. ไล่ไปอย่างไม่มีเยื่อใย, ขับไสไล่ส่ง ก็ว่า. | ขึ้นบ้านใหม่ | น. งานฉลองการเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่. | เข้ากระโจม | ก. เข้าไปอยู่ในผ้าที่ทำเป็นกระโจมเพื่ออบให้เหงื่อออก, เข้าไปอบควันยาในกระโจม. | เข้าวัดเข้าวา | ก. ไปวัดเพื่อฟังเทศน์ฟังธรรม, ไปอยู่ที่วัดเพื่อปฏิบัติธรรม, ประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม. | คร่า | (คฺร่า) ก. ฉุดลากไปอย่างไม่ปรานี เช่น ถ้าเจรจาถึง ๒ ครั้งไซ้ให้คร่ามือออกไปจากพระโรงแลให้ห้ามเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (สามดวง), ท่านให้มาว่ากล่าวร้องฟ้องณะโรงสานตามกระบินเมืองอย่าให้ตีด่าฉุดคร่าเอาโดยกำลังเองศักอันเลย (สามดวง) | คลอ | (คฺลอ) ก. เคียงคู่กันไปอย่างคู่รักหรืออย่างสนิทสนม | คลาน | กิริยาที่เดินไปอย่างช้า ๆ ของสัตว์บางชนิด เช่น เต่า จระเข้, เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ เช่น รถยนต์ค่อย ๆ คลานไป. | ควบม้า | ก. อาการที่คนขี่หลังม้ากระตุ้นให้ม้าวิ่งไปอย่างเร็ว. | คว้าง ๆ | ว. อาการที่ลอยหรือหมุนไปอย่างรวดเร็ว. | โค้ง | ว. ลักษณะของเส้นหรือสิ่งที่มีรูปอย่างส่วนหนึ่งของวงกลม เช่น ทางโค้ง. | งอ | ว. ลักษณะที่มีส่วนปลายหักโค้งเข้าหาตัวมันเองเช่นรูปอย่างขอ | จรดพระกรรไกรกรรบิด, จรดพระกรรไตรกรรบิด | ก. ใช้กรรไกรขริบปอยผมเล็กน้อย เป็นการเริ่มในพระราชพิธีโสกันต์และเกศากันต์. | จอก ๑ | น. ภาชนะเล็ก ๆ รูปอย่างขัน ถ้าใช้สำหรับตักนํ้าโดยลอยอยู่ในขันใหญ่เรียก จอกลอย, ถ้าใช้ใส่หมากในเชี่ยนหมากเรียก จอกหมาก | แฉ่ง | น. เครื่องตีประกอบจังหวะทำด้วยโลหะ รูปอย่างม้าล่อ. | โฉบ | ก. โผลงมาคว้าเอาสิ่งของไป (ใช้แก่นก) เช่น กาโฉบลูกไก่, ฉวยเอาไปอย่างรวดเร็ว เช่น เด็กโฉบมะม่วงนอกรั้วไปเสียแล้ว | ช่วงชัย | น. การเล่นพื้นเมืองอย่างหนึ่ง นิยมเล่นในเทศกาล เช่นสงกรานต์ มีผู้เล่นหลายคน แบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย ชายฝ่ายหนึ่ง หญิงฝ่ายหนึ่ง ยืนหันหน้าเข้าหากัน ห่างพอที่จะใช้ลูกช่วงที่ทำด้วยผ้าขาวม้าเป็นต้นม้วนเป็นลูกกลม ๆ ผูกให้แน่นโยนหรือปาใส่กัน ถ้าฝ่ายใดรับได้แล้วปาไปถูกคนใดคนหนึ่งของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายที่ถูกปาเป็นฝ่ายแพ้ มี ๓ ชนิด คือ ช่วงรำ ผู้แพ้ต้องออกไปรำ ช่วงใช้ ผู้แพ้ต้องไปอยู่อีกข้างหนึ่ง และช่วงขี้ข้า ผู้แพ้ต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งขี่หลัง. | ช่วงชิง | ก. แย่งชิง เช่น จะมาช่วงชิงนางอย่างผลไม้ ที่จะได้นางไปอย่าสงกา (อิเหนา). | ชวาลา | น. เครื่องตามไฟชนิดหนึ่ง ทำด้วยทองเหลือง มีรูปอย่างหม้อขนาดย่อม ๆ สำหรับใส่น้ำมัน มีพวยต่อออกมาข้าง ๆ ๒ พวยบ้าง ๓ พวยบ้าง ใส่ด้ายดิบเป็นไส้ ใช้จุดไฟ และประกอบกับแกนรับหม้อใส่น้ำมันตั้งบนถาด ใช้ได้ทั้งตั้งและแขวน เช่น ถับถึงคฤหาสน์หอทอง ชวาลาเรืองรองรยับด้วยรัตนรัศมี (สรรพสิทธิ์). | ช่อฟ้า | น. ชื่อตัวไม้เครื่องประกอบกรอบหน้าบัน รูปอย่างครุฑ มีอกใหญ่ คอเรียว ศีรษะเล็ก ปากเป็นจะงอย หงอนยาวเรียว ติดตั้งอยู่ตอนปลายสุดหน้าบัน. | ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ | ไม่ว่าผู้มีอำนาจจะว่าอย่างใด ผู้น้อยก็ต้องคล้อยตามไปอย่างนั้นเพราะกลัวหรือประจบ. | ชุบตัว | ก. เอาตัวจุ่มลงไปในของเหลวเพื่อให้ติดสิ่งนั้นอย่างพระสังข์ชุบตัวให้เป็นทอง, เอาตัวเข้าไปในกองไฟเพื่อเปลี่ยนรูปอย่างท้าวสันนุราชชุบตัวในกองไฟเพื่อให้กลับเป็นหนุ่มใหม่ | ซั้ง | น. ที่ล่อปลาให้เข้าไปอยู่ ใช้ไม้ปักตามชายฝั่งลำแม่นํ้า เป็นรูปกลมบ้างรีบ้าง ภายในสุมด้วยกิ่งไม้เพื่อล่อปลาให้เข้าอาศัย เมื่อเวลาจะจับปลาก็เอาเฝือกหรืออวนล้อมแล้วเอาไม้ที่สุมนั้นออก, กรํ่า หรือ กลํ่า ก็ว่า. | ซัดเซ | ก. ไปอย่างไม่มีจุดหมาย, มักใช้เข้าคู่กับคำ พเนจร เป็น ซัดเซพเนจร. | ซิกแซ็ก | น. เรียกกรรไกรตัดผ้าให้มีรูปอย่างฟันปลา ว่า กรรไกรซิกแซ็ก, เรียกการเย็บผ้าด้วยด้ายให้มีรูปอย่างฟันปลา ว่า การเย็บซิกแซ็ก. | ซีป่าย | น. ชื่อกองทหารแบบอังกฤษกองหนึ่งในรัชกาลที่ ๔ เอาแบบมาจากทหารซีปอยของกองทัพอังกฤษในอินเดีย. | เซ่อซ่า | ก. เข้าไปอย่างผิดกาลเทศะเพราะเผลอหรือไม่รู้ เช่น เขาเดินเซ่อซ่าเข้าไปในห้องน้ำผู้หญิง, เร่อร่า, เล่อล่า, กะเร่อกะร่า หรือ กะเล่อกะล่า ก็ว่า. | โซซัดโซเซ | ก. ไปหรือมาอย่างอ่อนแรงอ่อนกำลัง เช่น โซซัดโซเซกลับบ้าน, ไปอย่างไม่มีจุดหมาย เช่น ตั้งแต่ตกงานเขาก็เที่ยวโซซัดโซเซอยู่นาน. | ดอกจอก | ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งข้าวเจ้าผสมกะทิให้เหลว ปรุงให้มีรสเค็มหวานเล็กน้อย ใช้พิมพ์รูปอย่างดอกจอกจุ่มให้แป้งติด แล้วเอาไปทอด | ดัน | ใช้เป็นคำไม่สุภาพหมายถึงขืนทำ เช่น กางเกงคับยังดันสวมเข้าไปได้, ทำสิ่งที่ไม่น่าจะทำ เช่น ดันขึ้นไปอยู่บนยอดไม้. | ดุ่ย, ดุ่ย ๆ | ว. เรื่อย ๆ ไปโดยไม่มีจุดหมาย เช่น ไปดุ่ย ๆ ทำดุ่ย ๆ ไปอย่างนั้นเอง. | ตะกรุมตะกราม | (-กฺรุม-กฺราม) ก. กิริยาที่ทำไปอย่างผลีผลาม ไม่สำรวมในการบริโภคเป็นต้น. | ตะพัด ๑ | ว. อาการที่เคลื่อนไหวเรื่อยไปอย่างรวดเร็วดุจกระแสนํ้าไหล, สะพัด ก็ว่า. |
| retrodisplacement | การกระจัดไปอยู่หลัง [ มีความหมายเหมือนกับ retroposition ๒ ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | retroposition | ๑. ตำแหน่งอยู่หลัง๒. การกระจัดไปอยู่หลัง [ มีความหมายเหมือนกับ retrodisplacement ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | spoiler | สปอยเลอร์ [ยานยนต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๔๕] | migratory divorce | การหย่าโดยวิธีย้ายภูมิลำเนาชั่วคราว (ไปอยู่ในประเทศอื่น) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | continuous deformation | การแปลงรูปอย่างต่อเนื่อง [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | divorce, migratory | การหย่าโดยวิธีย้ายภูมิลำเนาชั่วคราว (ไปอยู่ในประเทศอื่น) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | floccule; tuft | กลุ่ม, กระจุก, ปอย, ขด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | expatriation | ๑. การถูกขับออกจากบ้านเมือง๒. การถูกถอนสัญชาติ๓. การสละสัญชาติ๔. การออกไปอยู่นอกประเทศ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | exile | ๑. การเนรเทศ๒. การลี้ภัย๓. การออกไปอยู่ต่างถิ่น๔. ผู้พลัดถิ่น [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | tuft; floccule | กลุ่ม, กระจุก, ปอย, ขด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| Innovation | นวัตกรรม, นวัตกรรม หรือนวกรรม หมายถึง วิธีการปฏิบัติใหม่ๆ ที่แปลกไปจากเดิม โดยอาจจะได้มาจากการคิดค้นพบวิธีการใหม่ๆ ขึ้นมา หรือการปรุงแต่งของเก่าให้ใหม่และเหมาะสม และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการทดลองพัฒนาจนเป็นที่เชื่อถือได้แล้วว่าได้ผลดีในทางปฏิบัติ ทำให้ระบบก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น โดย มีหลักการที่สำคัญอยู่ 3 ประการ ที่จัดเป็นหลักพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาหรือไม่ คือ <ul><li>สิ่งนั้นควรเป็นสิ่งที่ค้นพบ หรือประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือการปรับปรุงแต่งของเก่าให้ใหม่เหมาะสมกับกาลสมัยมาใช้ในวงการศึกษา เพื่อให้ระบบการศึกษาก้าวหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ</li><li>ได้ผ่านการทดลอง การปรับปรุงพัฒนา จนเป็นที่ยอมรับกับอย่างแพร่หลาย</li><li>ได้มีการนำมาปฏิบัติจริงในวงการนั้น</li></ul> [เทคโนโลยีการศึกษา] | มณฑป | เรือนยอดขนาดใหญ่มีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือเป็นรูปตัด มุม หรือย่อไม้แปด ย่อไม้สิบสอง ยอดหลังคาเป็นทรงจอมแห, ใช้ว่า มรฑป ก็มี. (ป., ส.); ขันนํ้าเย็นของพระเจ้าแผ่นดินที่มีฝาเป็นรูปอย่างมณฑป เรียกว่า พระมณฑป [ศัพท์พระราชพิธี] | Blast wave | คลื่นแรงผลักดันฉับพลัน, คลื่นกระแทกที่แพร่ไปในอากาศ หรือ คลื่นที่มีความดันเพิ่มขึ้นซึ่งกำหนดได้แน่ชัด กระจายผ่านตัวกลางที่แวดล้อมอยู่ออกไปอย่างรวดเร็วจากศูนย์กลางของระเบิด หรือปรากฏการณ์ของแรงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน [นิวเคลียร์] | Dean (หรือ Doyen) of the Diplomatic Corps | หัวหน้า (Dean) ของคณะทูตานุทูตในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ได้แก่ ตัวทูตที่อาวุโสที่สุด (คือเป็นทูตอยู่ในประเทศนั้นๆ เป็นเวลานานที่สุด) ตัวหัวหน้าคณะทูตานุทูตจะมีลำดับอาวุโสเหนือทุกคนในคณะทูตานุทูต ทำหน้าที่เป็นโฆษกของคณะทูตเมื่อถึงความจำเป็น และเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองบรรดาเอกสิทธ์และความคุ้มกันทางการทูตที่คณะ ทูตานุทูตมีอยู่ แต่หน้าที่ที่แท้จริงนั้น โดยมากเกี่ยวกับเรื่องพิธีการทูตมากกว่า อาทิเช่น เมื่อถึงวันที่ระลึกครบรอบวันเกิดประมุขของรัฐ (เช่นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในประเทศไทย) Dean ของคณะทูตจะเป็นผู้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าวในนามของคณะทูตทั้งหมด แต่การที่จะเรียกหรือขอให้บุคคลในคณะทูตไปประชุมเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง นั้น เป็นสิ่งที่ Dean ไม่พึงกระทำ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผู้แทนทางการทูตคนใดไปร่วมการประชุมระหว่างบุคคลในคณะทูตด้วยกัน เกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศโดยมิได้รับคำสั่งโดยเฉพาะจากรัฐบาลของตนก่อน ภริยาของ Dean หรือ Doyen นั้นเรียกว่า Doyenneเมื่อหัวหน้าคณะทูตวายชนม์ขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ บุคคลในคณะทูตที่มีอาวุโสรองลงมาหรือเป็นบุคคลที่สองจะเป็นผู้รับช่วงงาน ทันที และมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Chargé d?Affaires ad interim) ทั้งจะต้องดูว่า เอกสารทางราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกสารลับหรือปกปิด จะไม่ทิ้งรวมอยู่กับ เอกสารส่วนตัวของทูตผู้วายชนม์อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทาง การทูต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1961 จากการประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับการติดต่อและความคุ้มกันทางการทูต ได้บัญญัติไว้ว่า?ข้อ 39 (3) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามี สิทธิที่จะได้รับไปจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป(4) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว ให้รัฐผู้รับอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่ส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้ามในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในคราอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดกและการรับมรดกนั้น ๆ ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับ เพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่ฝ่ายเดียวของผู้วายชนม์ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทนอนึ่ง อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1963 ได้บัญญัติไว้ว่า ?ข้อ 51 ในกรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล หรือของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว รัฐผู้รับ(ก) จะอนุญาตให้ส่งออกซึ่งสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ โดยมีข้อยกเว้นแก่ทรัพย์สินเช่นว่า ทรัพย์ใด ๆ ที่ได้มาในรัฐผู้รับนั้น ซึ่งการส่งออกของทรัพย์ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลดังกล่าวถึงแก่มรณกรรม(ข) จะไม่เรียกเก็บอากรกองมรดก อากรสืบช่วงมรดกหรืออากรรับมรดก และอากรการโอน ไม่ว่าจะเป็นอากรของชาติ ของภูมิภาค หรือของเทศบาล จากสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการที่สังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ในรัฐผู้รับก็เนื่องมาแต่ฝ่ายเดียว จากการที่ผู้วายชนม์อยู่ในรัฐนั้นฐานะบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุลหรือใน ฐานะคนในครอบครัวของบุคคลในที่ทำการกงสุล? ?ข้อ 53(5) กรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล คนในครอบครัวซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว จะคงได้รับอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ประสาทให้แก่ตนต่อไป จนกว่าตนจะออกไปจากรัฐผู้รับ หรือจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะสามารถให้ตนกระทำดังนั้นได้ แล้วแต่ว่าเวลาไหนจะมาถึงก่อนกัน? [การทูต] | Duration of Diplomatic Privileges and Immunities | ระยะเวลาของการอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทาง การทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตราที่ 39 ว่า?1. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ที่จะได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันนั้นตั้งแต่ขณะที่บุคคลนั้นเข้ามาใน อาณาเขตของรัฐผู้รับในการเดินทางไปรับตำแหน่งของตน หรือถ้าอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ได้บอกกล่าวการแต่งตั้งของตนต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน 2. เมื่อภารกิจหน้าที่ของบุคคล ซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันยุติลง เอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามปกติให้สิ้นสุดลงขณะที่บุคคลนั้นออกไปจากประเทศ หรือเมื่อสิ้นกำหนดอันสมควรที่จะทำเช่นนั้น แต่จะยังมีอยู่จนกระทั่งเวลานั้น แม้ในกรณีของการขัดแย้งด้วยอาวุธ อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปโดยบุคคลเช่นว่านั้น ในการปฏิบัติการหน้าที่ของตนในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน ความคุ้มกันนั้นให้มีอยู่สืบไป 3. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามีสิทธิที่จะได้สืบไป จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป 4. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นอยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว รัฐผู้รับสามารถอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่การส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดก และการรับมรดกนั้น ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับเพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่เพียงถ่ายเดียวของผู้วายชนม์ ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือในฐานะเป็นคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน? [การทูต] | Final Act | กรรมสารสุดท้าย คือคำแถลงหรือคำสรุปอย่างเป็นทางการจากเรื่องราวการ ประชุม คำแถลงนี้จะระบุสนธิสัญญาและอนุสัญญาที่ได้มีการลงนามกันอันเป็นผลจากการ ประชุม และในบางกรณีจะผนวกความเห็นหรือข้อเสนอแนะหรือความปรารถนาจากที่ประชุมไว้ ด้วย ผู้แทนที่มีอำนาจเต็มเท่านั้นจะเป็นผู้ลงนามในกรรมสารสุดท้าย ในตอนสุดท้ายของการประชุม [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | International Trade Organization | องค์การการค้าระหว่างประเทศ มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับความตกลงทั้วไปว่าด้วยภาษี ศุลกากรและการค้าระหว่างประเทศ วัตถุประสงค์สำคัญขององค์การคือ ต้องการขยายการค้าของโลกให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยให้มีมาตรฐานการครองชีพสูงขึ้น ขจัดการกีดกันการค้า หรือพยายามลดให้เหลือน้อยที่สุด เช่น การตั้งข้อจำกัดโควต้า เป็นต้น ตัดทอนภาษีศุลกากรทั่วโลกให้ต่ำลง ดูแลตลาดวัตถุดิบให้เป็นไปอย่างยุติธรรม และพยายามควบคุมด้านการค้าของการร่วมมือกันทางธุรกิจ (Cartels) จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดคือ ป้องกันมิให้กลับไปสู่การดำเนินการทางการค้าที่ตัดราคากันอย่างหั่นแหลก เหมือนเมื่อระยะปี ค.ศ. 1930 ถึง 1939 นั่นเองอย่างไรก็ดี ตั้งแต่มีการปฏิบัติใช้ความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้ามาจนบัด นี้ ก็ได้รับผลสำเร็จตามแนววัตถุประสงค์อย่างมากมาย เช่น มีประเทศสมาชิกหลายสิบประเทศลดภาษีศุลกากรและรักษาระดับภาษีอย่างมีเสรีภาพ แต่ละปี ประเทศสมาชิกจะได้ยินได้ฟังเสียงร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการค้า ละเมิดกฎเกณฑ์ของความตกลงทั่วไป แล้วเสียงร้องเรียนดังกล่าวก็ได้รับการแก้ไขจนเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการปรับปรุงและดัดแปลงข้อกำหนดของความตกลงทั่วไป ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา [การทูต] | Marshall Plan | แผนการมาร์แชล ในโอกาสวันประสาทปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ยอร์ช ซี.มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยนั้น ได้กล่าวอยู่ตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ว่า?สหรัฐอเมริกาควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะ สามารถกระทำได้ เพื่อช่วยให้ดินแดนต่าง ๆ ในโลกได้กลับคืนสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจ เพราะหากปราศจากภาวะดังกล่าว โลกก็จะไม่มีเสถียรภาพที่สถาพร นโยบายของสหรัฐฯ มิได้มุ่งจะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศใดหรือลัทธิใด หากมุ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อความหิวโหย ความยากจน ความสิ้นหวัง และความยุ่งเหยิง การที่จะให้สหรัฐอเมริการับภาระในการจัดวางโครงการแต่ฝ่ายเดียว เพื่อช่วยให้ทวีปยุโรปสามารถช่วยตนเองทางเศรษฐกิจขึ้นใหม่ นับว่ายังไม่เหมาะสมและถูกต้องนัก ควรจะให้เป็นภาระหน้าที่ของชนชาวยุโรปทั้งหลายเอง บทบาทของสหรัฐฯ ควรจะเป็นเพียงผู้เสนอให้ความความช่วยเหลือฉันมิตร ในการร่างโครงการช่วยเหลือทวีปยุโรป และให้ความสนับสนุนแก่โครงการนั้น ตราบที่โอกาสจะเอื้ออำนวยต่อการกระทำเช่นนั้นได้?จากสุนทรพจน์ข้างต้น พอจะเข้าใจจุดประสงค์สำคัญของสหรัฐอเมริกาได้ไม่ยากว่า ไม่ต้องการให้ทวีปยุโรป ซึ่งกำลังอ่อนแอโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหลังจากเสร็จสงครามใหม่ ๆ ต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจครอบงำของฝ่ายคอมมิวนิสต์นั่นเอง [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Parliamentary Diplomacy | การทูตแบบรัฐสภา หรือบางครั้งเรียกว่า Organization Diplomacy เช่น การทูตในองค์การสหประชาชาติ การทูตแบบนี้ต่างกับการทูตตามปกติที่ดำเนินกันในนครหลวงของประเทศ กล่าวคือ1. นักการทูตมีโอกาสติดต่อโดยใกล้ชิดกับสื่อมวลชนและกับนัการทูตด้วยกันจาก ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรภายในองค์การสหประชาติ มากกว่าในนครหลวงของประเทศ แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดต่อกับคนชาติของตนอย่างใกล้ชิด2. การพบปะติดต่อกับบรรดานักการทูตด้วยกันในองค์การสหประชาชาติ จะเป็นไปอย่างเป็นกันเองมากกว่าในนครหลวงของประเทศ3. ในองค์การสหประชาติ ประเทศเล็ก ๆ สามารถมีอิทธิพลในการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ได้มากกว่าในนครของตน เพราะตามปกติ นักการทูตในนครหลวงมักจะติดต่ออย่างเป็นทางการกับนักการทูตในระดับเดียวกัน เท่านั้น แต่ข้อนี้มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนักในสหประชาชาติ ในแง่การปรึกษาหารือกันระหว่างกลุ่ม ในสมัยก่อนที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดในสหประชาชาติได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม (Blocs) ด้วยกัน คือกลุ่มเอเชียอัฟริกา กลุ่มเครือจักรภพ (Commonwealth) กลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มละตินอเมริกัน กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสแกนดิเนเวีย และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศที่มิได้ผูกพันเป็นทางการกับกลุ่มใด ๆ ที่กล่าวมา อนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามเย็น สมาชิกประเทศในสหประชาชาติจะรวมกลุ่มกันตามแนวนี้ คือ ประเทศนิยมฝักใฝ่กับประเทศฝ่ายตะวันตก (Pro-West members) ประเทศที่นิยมค่ายประเทศคอมมิวนิสต์ (Pro-Communist members) และประเทศที่ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายใด (Non-aligned members)เกี่ยวกับเรื่องการทูตในการประชุมสหประชาชาติ ในสมัยสงครามเย็น นักการทูตชั้นนำของอินเดียผู้หนึ่งให้ข้อวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพิจารณากัน การทะเลาะเบาะแว้งด้วยคำผรุสวาทหรือการแถลงโผงผางต่อกันนั้น ล้วนเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะวิสัยของการทูตทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปในการประชุมสหประชาชาติ จึงแทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการทูต เพราะการทูตที่แท้จริงจะกระทำกันด้วยอารมณ์สงบ ใช้ความสุขุมคัมภีรภาพ ปราศจากกามุ่งโฆษณาตนแต่อย่างใด การแสดงต่าง ๆ เช่น สุนทรพจน์และภาพยนตร์นั้นจะต้องมีผู้ฟังหรือผู้ชม แต่สำหรับการทูตจะไม่มีผู้ฟังหรือผู้ชม (Audience) หากกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็คือ ผู้พูดในสหประชาชาติมุ่งโฆษณาหาเสียง หรือคะแนนนิยมจากโลกภายนอก แต่ในการทูตนั้น ผู้พูดมุ่งจะให้มีการตกลงกันให้ได้ในเรื่องที่เจรจากันเป็นจุดประสงค์สำคัญ [การทูต] | State Peace and Development Council | สภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ เป็นองค์กรปกครองสูงสุดของพม่าในปัจจุบัน เดิมมีชื่อว่าสภาฟื้นฟูกฎหมายและระเบียบแห่งรัฐ (SLORC - State Law and Order Restoration Council) อันเป็น กลุ่มทหารพม่าที่เข้ายึดอำนาจการปกครองในวันที่ 18 กันยายน 2531 ภายหลังจากที่ประชาชนชาวพม่าได้ออกมาเดินขบวนประท้วงรัฐบาลภายใต้การนำของ พรรคโครงการสังคมนิยมพม่า การเข้ายึดอำนาจรัฐในครั้งนั้นเป็นไปอย่างนองเลือดและคณะทหารดังกล่าวได้ให้ สัญญาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้ง แต่ภายหลังการเลือกตั้งในวันที่ 27 พฤษภาคม 2533 SLORC กลับปฏิเสธที่จะมอบอำนาจการปกครองให้แก่พรรค National League for Democracy (NLD) และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2540 SLORC ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น SPDC [การทูต] | Hydrogenated acrylonitrile-butadiene rubber | ยางไฮโดรจิเนตอะไครโลไนไทรล์บิวทาไดอีน หรือยาง HNBR เป็นยางสังเคราะห์ชนิดหนึ่งซึ่งได้จากการเกิดปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชัน (Hydrogenation) ของยาง NBR สมบัติของยาง HNBR มีความทนทานต่อการเสื่อมสภาพอันเนื่องมาจากความร้อน รังสีที่มีพลังงานสูง และโอโซนสูงมาก ใกล้เคียงกับยาง EPDM และเนื่องจากมี CN อยู่ในโมเลกุลทำให้ยางชนิดนี้ทนต่อน้ำมันได้ดี ยาง HNBR มีสมบัติทั่วไปอยู่ระหว่างยาง NBR และยางฟลูออโรคาร์บอน เนื่องจากยางชนิดนี้มีราคาสูง จึงนิยมใช้ยาง HNBR แทนยาง NBR เฉพาะกรณีที่ต้องการใช้งานในสภาวะที่รุนแรงหรือที่อุณหภูมิสูงเท่านั้น นอกจากนี้ยางชนิดนี้ยังมีข้อดีเหนือกว่ายางฟลูออโรคาร์บอน คือ มีความทนทานต่อสารตัวเติมที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น สารประกอบเอมีน ได้ดี จึงนิยมใช้ในการผลิตชิ้นส่วนยางที่ใช้ในแท่นขุดเจาะน้ำมัน [เทคโนโลยียาง] | Reclaimed rubber | ยางรีเคลมได้มาจากการนำเอาผลิตภัณฑ์ยางเก่าที่ใช้แล้ว เช่น ยางล้อรถยนต์ ยางในรถยนต์ หรือยางคงรูปที่เป็นของเสียซึ่งเกิดระหว่างกระบวนการผลิต มาผ่านกรรมวิธีโดยความร้อนและเคมี ยางจะเกิดการดีพอลิเมอไรซ์ (depolymerize) เปลี่ยนจากสภาพคงรูป (vulcanized) และมีความยืดหยุ่น (elasticity ) กลับคืนไปสู่สถานะแรกเริ่ม คือ ไม่มีความคงรูป (unvulcanised) และไม่มีความยืดหยุ่น (plasticity )* ได้เป็นยางรีเคลมที่มีลักษณะกึ่งของแข็งและของเหลว (paste-like ) ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ปกติจะใช้ยางรีเคลมผสมกับยางธรรมชาติสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ที่ไม่คำนึงถึงความ แข็งแรงและความ ทนทานมากนัก *Plasticity คือ ความโน้มเอียงของวัสดุที่จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปอย่างถาวรเมื่อได้รับ แรงกระทำ [เทคโนโลยียาง] | Bronchial Intubation | ท่อไปอยู่ในหลอดลม [การแพทย์] | Equation, Poiseuille | สมการปอยส์อิลเล่ [การแพทย์] | Erythropoietin | อิริโทรปอยอีติน, อีริโทรปอยอีติน, สาร, อีริย์โธรโปอิเอติน, อีริโธรพอยอีติน [การแพทย์] | Fluids, Interstitial | ไอออนชนิดต่างๆภายนอกเซลล์, ของเหลวระหว่างเซล, น้ำระหว่างเซลล์, ของเหลวระหว่างเซลล์, น้ำในหลอดเลือดออกไปอยู่ในเนื้อเยื่อ [การแพทย์] | ความผิดปกติทางจิต | ความผิดปกติทางจิต, อาการที่แสดงออกที่ผิดแปลก ทำให้การปรับตัวหรือสัมพันธภาพหรือความรับผิดชอบหรือชีวิตประจำวันที่เคยมี เสียไป หรือแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างผิดปกติ ซึ่งสามารถแสดงออกหลายด้านไล่เรียงตั้งแต่สิ่งที่สังเกตยากที่สุด คือ ความคิด ความรู้สึก การรับรู้ อารมณ์ หรือพฤติกรรม [สุขภาพจิต] | development | การเจริญเติบโต, การเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีระเบียบในสิ่งมีชีวิต เป็นผลให้เนื้อเยื่อมีความซับซ้อนมากขึ้น หรือสมบูรณ์ขึ้นทั้งในด้านโครงสร้างและหน้าที่ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | phagocytosis | ฟาโกไซโทซิส, กระบวนการที่เม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมโดยการใช้เยื่อหุ้มเซลล์โอบล้อมเชื้อโรคไว้จนในที่สุดเชื้อโรคนั้นหลุดเข้าไปอยู่ในเซลล์และถูกย่อยทำลาย [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | terminal side | ด้านสิ้นสุด, ในการวัดมุมถ้าส่วนของเส้นตรง AP หมุมรอบจุด A ไปอยู่ในแนว AQ สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่ามุม และเรียกส่วนที่เกี่ยวข้องกับมุมดังนี้ เรียกจุด A ว่า จุดยอดมุม เรียก AP ว่า ด้านเริ่มต้น เรียก AQ ว่า ด้านสิ้นสุด [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | rectangular hyperbola | ไฮเพอร์โบลามุมฉาก, ไฮเพอร์โบลาชนิดหนึ่งซึ่งมีสมการทั่ว ๆ ไปอยู่ในรูป x2 - y2 = a2 หรือ y2 - x2 = a2 [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | flywheel | ล้อตุนกำลัง, แผ่นโลหะกลมที่ยึดติดอยู่กับเพลาของเครื่องกล ช่วยทำให้การหมุนของเครื่องกลเป็นไปอย่างสม่ำเสมอไม่กระตุก [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | cycle | รอบ, วง, วัฏจักร, ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินติดต่อกันไปอย่างมีระเบียบจนจบลง ณ จุดเริ่มต้นนั้นอีก เช่น รอบของการแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกา วงชีวิตของกบวัฏจักรของน้ำ เป็นต้น [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | ligule | ลิกิวล์, ส่วนของกาบใบที่งอกยื่นออกตรงรอยต่อระหว่างกาบใบกับแผ่นใบ มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ประกบติดอยู่กับลำต้นของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีหน้าที่กั้นน้ำหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปอยู่ระหว่างกาบใบและลำต้น [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | plasticity | สภาพพลาสติก, สมบัติของวัสดุที่เมื่อถูกแรงกระทำให้รูปร่างเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อแรงหยุดกระทำ วัสดุนั้นจะเปลี่ยนรูปร่างไปอย่างถาวร โดยผิววัสดุไม่มีการฉีกขาดหรือแตกหัก [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | Intubation, Esophageal | ท่อไปอยู่ในหลอดอาหาร [การแพทย์] | Lipoidosis | ไลปอยโดซิส; ลิปอยโดซิส; ลิปอยโดซิส, โรค [การแพทย์] | Metastasis, Distance | แพร่กระจายไปอยู่ในบริเวณที่ห่างไกลออกไปจากก้อน [การแพทย์] |
| I can't believe it. I just don't believe it. | ข้าไปอยากจะเชื่อเลย Aladdin (1992) | Ali, where have you been? | อาลี เจ้าไปอยู่ที่ไหนมาน่ะ Aladdin (1992) | That's risky. You could end up in prison. | นั่นมันเสี่ยง คุณอาจจะไปอยู่ในคุกก็ได้นะ Basic Instinct (1992) | What happens when you don't take risks? | อะไรเกิดขึ้นเมื่อ คุณไม่เข้าไปอยู่ในภาวะความเสี่ยง? Basic Instinct (1992) | We used to get in his car and ride around listening to 911 calls on his scanner then speed over. | เราเคยเข้าไปอยู่ในรถเขา และขับไปทั่ว... ...ฟัง 911 จาก วิทยุของเขา ...และเขาก็เร่งความเร็วขึ้น Basic Instinct (1992) | How did it end up in the rubbish? | แล้วมันไปอยู่ในถังขยะได้ยังไง? Basic Instinct (1992) | If you say she did, and that got her put on a psych ward stopped her from killing again, wouldn't that be worth it? | ถ้าคุณบอกว่าเธอทำ เธอจะต้องไปอยู่ โรงพยาบาลบ้า... ...และนั่นจะเป็นการหยุดเธอไม่ให้ฆ่าใครได้อีก มันไม่คุ้มเหรอ? Basic Instinct (1992) | Like going to another planet. | เหมือนได้ไปอยู่อีกดาวหนึ่ง The Lawnmower Man (1992) | I could go off in them hills there and find a cave. | ไปอยู่บนภูเขานั่น หาถ้ำสักถ้ำ Of Mice and Men (1992) | Suppose I went in with you fellas. | สมมุติฉันขอไปอยู่ด้วยกับพวกนายล่ะ Of Mice and Men (1992) | You two could get her started. I'd work and make up the rest. | แล้วลุงกับเลนนี่ก็เข้าไปอยู่ ฉันก็หางานทำเก็บเงินที่เหลือ Of Mice and Men (1992) | We're gonna do it, goddamnit. We can fix up that little old place and live there. | เราจะทำมัน ให้ตายสิ เราจะปรับปรุ่งที่เล็ก ๆ เก่า ๆ นั่น แล้วเราจะไปอยู่ที่นั่น Of Mice and Men (1992) | They'd take you to the booby hatch and lock you up with a collar, like a dog. | เขาจะพานายไปอยู่โรงพยาบาลบ้า เอาปลอกคอล่ามนายเหมือนหมา Of Mice and Men (1992) | We'll be there before you know it. | เราจะไปอยู่ที่นั่น ก่อนที่ลุงจะรู้ตัวซะอีก Of Mice and Men (1992) | It's just that they want me to go into hospital just to... give them a chance to get to the bottom of whatever it is I've got. | ก็แค่... แม่จะต้องไปอยู่โรงพยาบาล เพื่อที่... The Cement Garden (1993) | For years I waited for my life to end so I could be reunited with my family. | หลายปีที่ผ่านมาฉันเฝ้ารอให้ชีวิตฉันจบลง เพื่อที่ฉันจะได้ไปอยู่กับครอบครัว. Hocus Pocus (1993) | Where's all the missing pieces? | ของทุกชิ้นที่ขาดหายไปอยู่ที่ไหน In the Name of the Father (1993) | All right, mate. You're with us. | ใช่, คู่ครอง คุณไปอยู่กับเรา In the Name of the Father (1993) | We're with you, Gerry! | เราไปอยู่กับคุณ, Gerry! In the Name of the Father (1993) | We're with you all the way, mate! | เราไปอยู่กับคุณตลอดทาง, เพื่อน! In the Name of the Father (1993) | She looks so skinny. | ฉันจะต้องไปอยู่ที่บ้านของผู้หญิงพวกนั้น The Joy Luck Club (1993) | Who would want such a dirty daughter-in-law? | ใครเขาจะไปอยากได้ลูกสะใภ้สกปรกกัน The Joy Luck Club (1993) | Otherwise when you go to Huang Tai Tai's, she will disapprove of you. | ไม่อย่างนั้นเวลาที่ลูกไปอยู่บ้านของฮวงไท่ไท่แล้ว เธอจะไม่พอใจลูกเอานะ The Joy Luck Club (1993) | And then one day, my mother said our whole family was moving to the south. | แล้วในวันหนึ่ง แม่ฉันบอกว่าครอบครัวของเราจะย้ายไปอยู่ทางใต้ The Joy Luck Club (1993) | Where are my grandsons? | หลานฉันไปอยู่ที่ไหน The Joy Luck Club (1993) | - You already at the beauty parlor? | - ลูกไปอยู่ที่ร้านเสริมสวยแล้วเหรอ ยังเหรอ The Joy Luck Club (1993) | When I went to live with my mother, | ตอนที่แม่ไปอยู่กับแม่ของแม่ The Joy Luck Club (1993) | I told her the rest so fast, as if it would hurt her less. | แม่เล่าเรื่องที่เหลือไปอย่างเร็วที่สุด ราวกับว่าให้มันทำให้แม่ของแม่เจ็บปวดน้อยที่สุด The Joy Luck Club (1993) | To the head of the team, Zero! | ไปอยู่ด้านหน้าเลย ซีโร่! The Nightmare Before Christmas (1993) | I'll just find myself out in the woods. | หนูไม่รู้ว่า ออกไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร Deep Throat (1993) | Detective Miles and I won't let anything happen to you. | พ่อจะพาหนูไปอยู่ที่ที่ปลอดภัย Deep Throat (1993) | Can you explain your whereabouts over the past four months? | คุณบอกได้ไหมว่า ไปอยู่ไหน ระหว่าง สี่เดือนที่แล้ว ? Squeeze (1993) | Going, going, always going... and one day, gone. | ไป ไป ไปอยู่นั่นแหละ พอสักวัน ก็ตายจากไป Junior (1994) | I left with the greatest guy on Earth. | ฉันไปอยู่กับผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก Léon: The Professional (1994) | Then... after seven years, I was sent home to my family and... now... | จากนั้น ... หลังจากเจ็ดปีที่ผมถูกส่งกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวของฉันและ ... ตอนนี้ ... Pulp Fiction (1994) | Give me one of them cigarettes you got up there, and I'll tell you all about it. | ให้ฉันหนึ่งของพวกเขาสูบบุหรี่ที่คุณได้ไปอยู่ที่นั่นและฉันจะบอกคุณเกี่ยวกับมัน Pulp Fiction (1994) | Say, some untimely tragic death. Death? | หรือแทนเขาถ้าเขาเป็นอะไรไป เช่นตายไปอย่างกระทันหัน Rapa Nui (1994) | I mean, do you think she'd go behind your back, try to hamstring you? | ผมหมายถึงว่าคุณคิดว่าเธอจะไปอยู่ข้างหลังคุณพยายามที่จะร้อยหวายคุณ? The Shawshank Redemption (1994) | They transferred him to a minimum-security hospital upstate. | พวกเขาย้ายเขาไปอย่างน้อยการรักษาความปลอดภัยที่โรงพยาบาลตอนเหนือของรัฐ The Shawshank Redemption (1994) | Where'd you go? | นายไปอยูที่ไหนนะ In the Mouth of Madness (1994) | They'd almost have to keep you in here... once they'd seen these, wouldn't they, John? | คุณเกือบจะเข้าไปอยู่ในทุกที่ ที่มีไม้กางเขนอยู่ใช่มั้ยจอห์น In the Mouth of Madness (1994) | So you're saying the man went someplace fictional? | คุณกำลังจะบอกว่า เขาไปอยู่ในที่ที่อ้างไว้ในหนังสือเหรอ In the Mouth of Madness (1994) | Oh, I've been trying to. | ผมก็พยายามไปอยู่ In the Mouth of Madness (1994) | This incredible epidemic of random mass killing... has spread to every country in the civilized world. | มันแพร่ระบาดไปอย่างเหลือเชื่อ มีการฆ่ากันอย่างโจ่งแจ้ง แผ่ขยายไปทั่วประเทศในโลกอันศิวิไลซ์ In the Mouth of Madness (1994) | Leetch spots Messier in the crease. Here's the pass. | แม็คลิชส่งกลับไปอย่างรวดเร็ว ไปให้... The One with George Stephanopoulos (1994) | Yeah, well, it's a Mercedes if I move back home. | ใช่ รถเบนซ์หนึ่งคันถ้าฉันกลับไปอยู่บ้าน The One with the East German Laundry Detergent (1994) | Get over there! | ไปอยู่ทางโน้น Heat (1995) | You better get in there and stay in there. | รีบเข้าไปอยู่ในนั้นเฉย ๆ เลย Heat (1995) | Just wait till I'm living in a building named after me. | แล้วพ่อยังจะให้ผมไปอยู่หอพัก ที่มีชื่อตามผมอีกต่างหาก Jumanji (1995) | - Good. Why don't you live in it? - I did! | ดี ทำไมพ่อไม่ไปอยู่ซะเองล่ะ? Jumanji (1995) |
| ปอย | [pøi] (n) EN: tuft ; tassel ; lock FR: épi [ m ] ; touffe [ f ] | ปอยผม | [pøi phom] (n, exp) EN: lock (of hair) | สปอยเลอร์ | [sapøiloē] (n) EN: spoiler FR: spoiler [ m ] | สปอยเลอร์ท้าย | [sapøiloē thāi] (n, exp) EN: rear spoiler FR: aileron arrière [ m ] |
| deploy | (vt) แปรแถวตอนเป็นแถวหน้ากระดาน(ทางทหาร), เคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธไปอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะต่อสู้ (ทางทหาร), การตั้งแถวเตรียมตัวออกรบ, จัดเพื่อใช้งาน | narcolepsy | (n) ชื่อโรคชนิดหนึ่ง อาการของโรคคือผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการหลับได้ ในแต่ละวันผู้ป่วยอาจจะรู้สึกง่วงมากจนต้องหลับไปอย่างกระทันหันได้หลายๆครั้ง ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.ninds.nih.gov/disorders/narcolepsy/narcolepsy.htm http://med.stanford.edu/school/Psychiatry/narcolepsy/ |
| backstage | (adv) อยู่ (หรือไป) หลังเวที, See also: อยู่ หรือไป หลังฉาก, ถอยไปอยู่หลังฉาก, Syn. offstage | bob | (n) สิ่งที่ห้อยอยู่และเด้งขึ้นเด้งลงเช่น ปอยผม | bugger about | (phrv) ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างไร้ประโยชน์ (คำสแลงและคำต้องห้าม), Syn. mess about | bugger around | (phrv) ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างไร้ประโยชน์ (คำสแลงและคำต้องห้าม), Syn. mess about | bum about | (phrv) ใช้เวลาหมดไปอย่างเปล่าประโยชน์ (คำสแลง), See also: สูญเวลาเปล่า, Syn. bum around | bum around | (phrv) ใช้เวลาหมดไปอย่างเปล่าประโยชน์ (คำสแลง), See also: สูญเวลาเปล่า, Syn. bum about | burgeon out | (phrv) แพร่ออกไป, See also: กระจาย, ขยายไปอย่างเร็ว | cut along | (phrv) ไปอย่างเร็ว (คำไม่เป็นทางการ), Syn. cut off | cut off | (phrv) ไปอย่างรวดเร็ว | cut out | (phrv) (รถยนต์) แล่นตัดออกไปอย่างเร็ว | dash away | (phrv) รีบไป, See also: ผละไปอย่างเร่งรีบ, Syn. dash off, tear away, tear off | drift along | (phrv) ล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย, See also: แล่นไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย | drift away | (phrv) ถูกพัดหรือพาให้ห่างออกไปอย่างช้าๆ (โดยลม, กระแสน้ำ), Syn. drift off | drift off | (phrv) ถูกพัดหรือพาให้ห่างออกไปอย่างชาๆ (โดยลม, กระแสน้ำ), See also: พาไป, Syn. drift away | drive between | (phrv) ขับไปอยู่ระหว่าง, See also: ทำให้ขับไปอยู่ระหว่าง | face up to | (phrv) เผชิญหน้ากับ, See also: ประจันกับ, เผชิญกับ, ยอมรับทำไปอย่างไม่ย่อท้อ, Syn. shape up to, square up to | fade away | (phrv) ทำให้หายไปอย่างลับๆ, See also: ทำให้หายไปอย่างเงียบๆ, Syn. fade out | fall beneath | (phrv) ตกไปอยู่ข้างใต้ (บางสิ่ง), Syn. fall under | fall between | (phrv) ตกไปอยู่ระหว่าง, See also: อยู่ระหว่าง | fling away | (phrv) ออกไปอย่างอารมณ์เสีย, See also: หงุดหงิดออกไป | fling up | (idm) เคลื่อนไปอย่างเร็ว, Syn. kick up | fly by | (phrv) (เวลา) ผ่านไปอย่างรวดเร็ว, Syn. go by, go on, go past, pass by, run on, wear on, wear out | force down | (phrv) ผลักหรือดันลงไปอย่างแรง, Syn. push down, ram down, stuff down, thrust down | forge ahead | (phrv) เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคง, See also: เคลื่อนไปอย่าเร็ว | frivol away | (idm) ใช้(เงินหรือเวลา)หมดไปอย่างไม่คุ้มค่า, Syn. idle away | dash | (n) การโผเข้าไปอย่างรวดเร็ว, See also: การเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว, การพุ่งไปข้างหน้า, การถลาเข้าใส่, การโถมเข้าใส่, Syn. bolt, dart, run, rush, speed, sprint | dash | (vt) โผเข้าไปอย่างรวดเร็ว, See also: เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว, โถม, ถลา, ปราด, ปรี่, พุ่งชน, พุ่งไปอย่างเร็ว, Syn. bolt, bound, dart, race, run, rush, scoot, scud, speed, Ant. linger | deploy | (vt) เคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธไปอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะต่อสู้ (ทางทหาร), See also: เข้าแถวเรียงหน้ากระดาน, Syn. array, mobilize | deployment | (n) การเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธไปอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะต่อสู้ (ทางทหาร), See also: การเข้าแถวเรียงหน้ากระดาน, Syn. stretching, spread | engraft | (vt) ฝังลงไปอย่างถาวร, Syn. implant, imbue | evanescent | (adj) หายไปอย่างรวดเร็ว, Syn. ephemeral, fleeting, transient | fade out | (phrv) ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ, See also: ภาพหรือเสียงค่อยๆ เลือนหายไป, Syn. disappear gradually | fiddle-faddle | (vi) ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า, See also: ชักช้า, เถลไถล, เรื่อยเปื่อย | flash | (vi) วูบผ่านไปอย่างรวดเร็ว, See also: ผ่านไปอย่างรวดเร็ว | fleet | (vi) เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว, See also: บินไปอย่างรวดเร็ว, Syn. fly | flit | (vi) ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช่น เวลา | flow | (vi) ลื่นไหล, See also: ไหลคล่อง, ดำเนินไปอย่างราบรื่น, Syn. move, pass | fly | (vi) ผ่านไปอย่างรวดเร็ว (เวลา, ฤดูกาล), See also: ล่วง, Syn. pass, elaspe, glide | fly | (vi) พุ่งไปอย่างรวดเร็ว, See also: ปราด, โผ, รีบเร่ง, แล่น, Syn. rush, dash, hurry, Ant. delay, slow | futz | (vi) ใช้เวลาหมดไปอย่างไร้ประโยชน์ | gad about | (phrv) ท่องไปทั่ว, See also: เดินทางไปอย่างไร้จุดหมาย, Syn. gad around, gallivant about | gad around | (phrv) ท่องไปทั่ว, See also: เดินทางไปอย่างไร้จุดหมาย, Syn. gad about, gallivant about | go adrift | (phrv) ล่องลอยไปอย่างอิสระ, See also: ลอยออกไป | go astray | (phrv) เดินเตร็ดเตร่ไป, See also: ท่องเที่ยวไป, เดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย, Syn. lead astray | go badly | (phrv) ไม่สำเร็จ, See also: ดำเนินไปอย่างแย่ๆหรือไม่ดี, Ant. go well | go below | (phrv) ลงไปอยู่ชั้นล่างของเรือ (ทางการแล่นเรือ), Syn. be below, send below, take below | go over to | (phrv) ย้ายไปเข้าข้าง, See also: เปลี่ยนไปจงรักภักดีกับ, ย้ายพรรคไปอยู่กับ, Syn. bring round, go across to | gulp back | (phrv) กินอย่างมูมมาม, See also: กลืนลงไปอย่างรวดเร็วและตะกละตะกลาม, Syn. gulp down | gulp down | (phrv) กินอย่างมูมมาม, See also: กลืนลงไปอย่างรวดเร็วและตะกละตะกลาม, Syn. gulp back | hurry away | (phrv) รีบหนี, See also: วิ่งหนี, จากไปอย่างรวดเร็ว, Syn. hurry off |
| absentee landlord | เจ้าของที่ดินที่ไปอยู่ที่อื่น | barge | (บาร์จฺ) n. เรือท้องแบน, เรือบรรทุก vt. ใช้เรือบรรทุกหรือขนส่ง vi. เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ชนกัน, ถลา, โผล่พรวดเข้าไป, Syn. boat | bundle | (บัน'เดิล) { bundled, bundling, bundles } n. มัด, ห่อ, พวง, กลุ่ม, กอง, เงินจำนวนมาก. vt. มัดเข้าด้วยกัน, ส่งไปอย่างเร่งรีบ, รีบไล่ไป. vi. รีบจากไป, รีบไป, นอนบนเตียงเดียวกัน -Phr. (bundle up ใส่เสื้อผ้าให้อุ่น), See also: bundler n. | bush telegraph | n. ข่าวที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว | carriage return | ปัดแคร่แป้นปัดแคร่ใช้ตัวย่อว่า CR ในทางคอมพิวเตอร์ ถือเป็นตัวอักขระตัวหนึ่งที่มองไม่เห็น ใช้เมื่อสิ้นสุดการพิมพ์แต่ละบรรทัด และทำให้ตัวชี้ตำแหน่ง (cursor) ลงไปอยู่เป็นตำแหน่งแรกของบรรทัดถัดลงมา โดยปกติ จะกำหนดให้กดแป้น <RETURN> หรือ <ENTER> | circular shift | การเลื่อนเป็นวงหมายถึง การเลื่อนบิต (bit) ที่อยู่ปลายด้านหนึ่งไปอยู่ปลายอีกด้านหนึ่งในเรจิสเตอร์ (register) เดียวกัน ในการเลื่อนแบบนี้ บิตจะไม่หายไปไหน มีความหมายเหมือน cyclic shiftดู shift ประกอบ | cowlick | (คาว'ลิค) n. ปอยผมที่ยื่นออกทางทิศทางต่างจากผมส่วนอื่น | cyclic shift | หมายถึง การเลื่อนบิต (bit) ที่อยู่ปลายด้านหนึ่งไปอยู่ปลายอีกด้านหนึ่งในเรจิสเตอร์ (register) เดียวกัน ในการเลื่อนแบบนี้ บิตจะไม่หายไปไหน มีความหมายเหมือน circular shiftดู shift ประกอบ | dart | (ดาร์ท) { darted, darting, darts } n. หลาว, ลูกดอก, การพุ่งเข้าไปอย่างฉับพลัน, เกมขว้างลูกดอกเข้าเป้า, เหล็กต่อยของแมลง v. พุ่งเข้าอย่างฉับพลัน, โผ, โถม, ขว้าง, See also: dartingly adv. ดูdart dartingness n. ดูdart, Syn. spurt | dartle | (ดาร์ท'เทิล) { dartled, dartling, dartles } vt., vi. โถมเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง, ยิงเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง, ฉายแสงเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง | dash | (แดช) { dashed, dashing, dashes } vt. กระแทก, ทุบแตก, ชน, สาดอย่างแรง, ผสมหรือเจือปน, ทำลาย, ทำให้หดหู่ใจ, ทำให้ยุ่งเหยิง, ทำให้เสร็จโดยเร็ว vi. กระแทก, ชน, โถมเข้าไป, พุ่งเข้าชน, พุ่งไปอย่างรวดเร็ว n. การสาดน้ำ, เสียงสาดน้ำ, ปริมาณน้อย ๆ ที่ผสมเข้าสิ่งอื่น, เครื่องหมาย (๛) , ข | decamp | (ดิแคมพฺ') vi. ออกจากค่าย, จากไปอย่างรวดเร็ว, See also: decampment n., Syn. escape | dispatch | (ดิสแพทชฺ') vt., vi., n. (การ) ส่ง, ส่งไปอย่างรวดเร็ว, ฆ่า, รีบทำ, จัดการอย่างรวดเร็ว, ข่าวด่วน., Syn. despatch | eloign | (อิลอยน') vt. ย้ายตัวเองไปอยู่ที่ไกล., See also: eloigner n. ดูeloign eloiner n. ดูeloign eloignment n. ดูeloign eloinment n. ดูeloign | eloin | (อิลอยน') vt. ย้ายตัวเองไปอยู่ที่ไกล., See also: eloigner n. ดูeloign eloiner n. ดูeloign eloignment n. ดูeloign eloinment n. ดูeloign | emigrant | (เอม'มะเกรินทฺ) adj., n. (ผู้) ซึ่งอพยพไปอยู่ต่างถิ่น, ซึ่งย้ายไปอยู่ต่างถิ่น | emigrate | (เอม'มะเกรท) vi. อพยพไปอยู่นอกประเทศ หรือถิ่น, See also: emigrative adj. ดูemigrate | emigration | (เอมมะเกร'เชิน) n. การอพยพไปอยู่นอกประเทศหรือถิ่น, กลุ่มผู้อพยพ, การย้ายถิ่น | expatriate | (เอคซฺเพ'ทริเอท) vt., adj., n. (ซึ่งถูก) เนรเทศ, (ซึ่ง) อพยพไปอยู่ต่างประเทศ, (ซึ่ง) สละสัญชาติเดิม n. ผู้อพยพไปอยู่ต่างประเทศ, ผู้ถูกเนรเทศ., See also: expatriation n., Syn. banish | feeze | (ฟีซ', เฟซ) n. ความกังวล, การพุ่งออกไปอย่างรุนแรง, การชนอย่างแรง, การปะทะกันอย่างแรง | fleet | (ฟลีท) n. กองเรือรบ, กองทัพเรือ, กองเรือ, กองบิน, ขบวนรถยนต์ adj. รวดเร็ว vi. เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว, บิน, บินผ่านไปอย่างรวดเร็ว, บินหายไป, เปลี่ยนทิศทาง, เปลี่ยนตำแหน่ง, หายวับไป, ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว, ปล่อยเชือก. vt. ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว, เปลี่ยนทิศทาง, เปลี่ | fleeting | (ฟลีท'ทิง) adj. ซึ่งหายวับไป, ซึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว, ชั่วคราว, ประเดี๋ยวเดียว., See also: fleetingness n., Syn. transient | flight | (ไฟลทฺ) n. การบิน, กองบินน้อย, ขั้นบันได, การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว, การหายวับ, การเจริญอย่างรวดเร็ว, การหนี, การจากไปอย่างเร่งรีบ. -Phr. (take flight, take to flight ล่าถอย, หนี) | flighty | (ไฟล'ที) adj. เปลี่ยนใจง่าย, เหลาะแหละ, ไม่แน่นอน, ไม่รับผิดชอบ, จิตฟุ้งซ่าน, ไม่เต็มบาท, ซึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว. -flightily adv., See also: flightiness n., Syn. unstable | flit | (ฟลิท) { flitted, flitting, flits } vi. โผ, โถม, โฉบ, บินวับไป, ผ่านไปแวบเดียว, ผ่านไปอย่างรวดเร็ว, จากไป, ตาย, ย้ายถิ่น, โยกย้าย vt. ขจัด, เอาออก. n. การเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว, การวับไป, รักร่วมเพศชาย, Syn. dart, whisk, flitter, flutter | flitter | (ฟลิท'เทอะ) vt., vi. โฉบ, กระพือปีก, บินไปมาอย่างรวดเร็ว, ทำ ๆ หยุด ๆ , เต้น ๆ หยุด ๆ , สั่นเทา n. ผู้โผ, ผู้โถม, ผู้โฉบ, สิ่งที่บินวับไป, สิ่งที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว, Syn. flutter | flow | (โฟล) vi. ไหล, ไหลเวียน, ออกจาก, หลั่ง, มีประจำเดือน, ดำเนินไปอย่างราบรื่นและติดต่อกัน, เต็มไปด้วย, ขึ้น, ปลิว, ปลิวสะบัด, โบกสะบัด vt. ทำให้ไหล, ท่วม, ไหลบ่า. n. การไหล, การไหลเวียน, สิ่งที่ไหล, กระแสน้ำ, การไหลบ่า, การหลั่ง, การมีประจำเดือน, การเคลื่อนตัวของพลังงาน, ลูกศรช | gallop | (แกล'ลัพ) vi. ความบ้า, วิ่งควบ, วิ่งกระโดดอย่างรวดเร็วเหมือนม้า. vt. ทำให้ม้าวิ่งควบ. n. ท่าวิ่งควบของม้า ยกขาทั้ง4ขึ้นควบแต่ละครั้ง) , การวิ่งในท่าดังกล่าว, การไปอย่างรวดเร็ว., See also: galloper n., Syn. trot, run | hairpiece | n. วิกผม, ปอยผม | hightail | vi. จากไปอย่างรวดเร็ง, ถอยอย่างรวดเร็ว | hobble | (ฮอบ'เบิล) vi., vt. (ทำให้) เดินขาเป๋, เดินกระโผลกกะเผลก, ดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น. n. ที่ผูกม้าหรือสัตว์อื่น, สถานการณ์ที่ไม่ราบรื่น., See also: hobbler n. hobblingly adv., Syn. walk lamely | hurry | (เฮอ'รี) vi., vt., n. (ความ, ทำให้) รีบเร่ง, รีบร้อน, เร่งด่วน, จากไปอย่างรวดเร็ว, See also: hurriedly adv. hurriedness n., Syn. rush, hasten, move | hurtle | (เฮฮ'เทิล) v., n. (การ) พุ่ง, เคลื่อนไปอย่างรวดเร็วมาก, เบียดและผลักอุตลุด, กระทบ, ชน., Syn. charge, rush, crash | immigrant | (อิม'มะเกรินทฺ) n. ผู้อพยพเข้าประเทศ adj. เกี่ยวกับการอพยพเข้าไปอยู่ในประเทศหรือถิ่นใหม่ | infest | (อินเฟสทฺ') vt. รังควาญ, รบกวน, ยุ่มย่ามและรังควาญ, เข้าไปอยู่เต็ม., See also: infestation n. infester n., Syn. beset, overrun | jump | (จัมพฺ) { jumped, jumping, jumps } vi., n. (การ) กระโดด, กระดก, โลดเต้น, ไปอย่างรวดเร็ว, จู่โจม n. การกระโดด, สิ่งกีดขวาง, การกระโดดร่ม, การขึ้นพรวดขึ้นอย่างกะทันหัน (เช่นราคา) , การเปลี่ยนอย่างกะทันหัน, การกระโดดแข่งขัน adj. (ดนตรีแจ๊ช) เล่นจังหวะเขย่า, adv. แน่ชัด, แม่นยำ | light 3 | (ไลทฺ) { lighted, lighting, lights } vi. ลง, ลงจากรถ, ลงจากม้า, ลงมาเกาะ, ลงเดิน, ปรากฎขึ้นอย่างบังเอิญ. -Phr. (light into โจมตีกล่าวโจมตี) -Phr. (light out จากไปอย่างรวดเร็ว) | local variable | ตัวแปรเฉพาะที่เป็นคำที่นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใช้อธิบายถึงข้อมูลที่แยกออกไปอยู่ในบางส่วนบางตอนของโปรแกรม เช่น อาจเป็นตัวแปลที่อยู่เฉพาะในโปรแกรมย่อยเท่านั้น | lock | (ลอค) { locked, locking, locks } n. กุญแจ, เครื่องมือที่ให้ปิด, เครื่องกัก, เครื่องกัน, นกสับ, การติดขัด, ห้องปิดอากาศ, ช่องระหว่างประตูน้ำ, กระจุกผม, ปอยผม., See also: locks ผมที่ศีรษะ, ปอยขน, ปอยฝ้ายหรือเส้นใย -Phr. lock, stock, and barrel ทั้งสิ้น ทั้งหมด สมบู | lost | (ลอสทฺ) adj. สูญหายไป, เสียไป, ไม่พบ, หาย, สูญเสียเปล่า, แพ้, ถูกทำลาย, พินาศ, หมกมุ่น, ไม่มีคนรู้, ไร้ความหวัง. Id. (Get lost! หลีกไปอย่ารบกวน.) vt., vi. กริยาช่อง 2 และ 3 ของ lose | migrant | (ไม'เกรินทฺ) adj. ซึ่งอพยพหรือย้ายถิ่น n. ผู้อพยพไปอยู่ที่อื่น, สัตว์หรือสิ่งที่ย้ายถิ่น, Syn. migrating, migratory | orphan | กำพร้า, บรรทัดรั้งท้ายเป็นศัพท์ที่ใช้ในโปรแกรมประมวลผลคำ (word processing) หมายถึง บรรทัดสุดท้ายของย่อหน้า ที่ถูกแยกจากส่วนที่เหลือทั้งหมดไปอยู่คนละหน้า (ถ้าเป็นบรรทัดแรกของย่อหน้า จะเรียกว่า "widow") โปรแกรมประมวลผลคำ หรือโปรแกรมจัดพิมพ์ มักจะมีคำสั่งเฉพาะในเรื่องนี้ โดยผู้ใช้สามารถสั่งให้นำไปรวมกับส่วนที่เหลือของย่อหน้าให้ได้ ดู widow เปรียบเทียบ | page up key | เป็นแป้นหนึ่งบนแผงแป้นอักขระ จะมีตัวอักษรย่อ PgUp อยู่บนแป้น ทำหน้าที่ตรงข้ามกับแป้น PgDn การกดแป้นนี้ทำให้ตัวชี้ตำแหน่ง (cursor) ขึ้นไปอยู่บรรทัดบนของจอภาพ หรือบรรทัดแรกของแฟ้มเอกสารเลย (ขึ้นอยู่กับโปรแกรม) ดู Pg Dn key เปรียบเทียบ | prance | (แพรนซฺ, พรานซฺ) vi., n. (การ) (ม้า) ชูขาหน้าขึ้นทั้ง2ขา, ขี่ม้าอย่างสบาย, ไปอย่างแคล่วคล่อง, การขี่ม้าเดินโอ้อวด., See also: prancer n. prancingly adv. | program check | ชุดคำสั่งตรวจสอบหมายถึง โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่มีเก็บไว้ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่คอยตรวจสอบการวิ่ง (run) ชุดคำสั่ง ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ | puff | (พัฟ) n. กลุ่มควัน (หมอก, ไอ) , การพ่น, เสียงพ่น, สิ่งที่พ่นออก, ปุย, ปอย, ก้อนนูน, แป้งหรือปุยผัดหน้า, ผ้าห่ม, บทความสั้น ๆ ที่เป็นการยกยอ vi. พ่นควัน, พัดเป็นพัก ๆ , หอบ, ฮือ, พองตัว, โป่งออก vt. เป่า, พัด, ผาย, สูบ, สูด, อวดดี, ยกย่อง, ทำให้เป็นปุย., See also: puffingly | railroad | (เรล'โรด) n. ทางรถไฟ, บริษัททางรถไฟ, ระบบทางรถไฟ vt. ขนส่งทางรถไฟ, จัดให้มีทางรถไฟ, สร้างทางรถไฟ, ส่งไปอย่างเร็ว ๆ ลวก ๆ , ทำให้ผ่านไปอย่างเร็ว ๆ ลวก ๆ , ตัดสินคดีอย่างเร่งรีบและลวก ๆ, Syn. rush, push, force | raster | แรสเตอร์ <คำอ่าน>หมายถึง การที่ลำแสงอิเล็กตรอนผ่านวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วส่งเข้าสู่จอภาพเช่นเดียวกับที่ใช้ในการกราดภาพ (scan) คือการยิงลำแสงอิเล็กตรอนให้ผ่านภาพไปอย่างต่อเนื่องทีละเส้น แล้วส่งขึ้นบนจอภาพ ตั้งแต่บรรทัดบนสุดจนถึงล่างสุด เราจะมองเห็นเส้นใหม่ก่อนที่เส้นเก่าจะหายไป เส้นที่มองเห็นนี้จะรวมกันเป็นภาพที่เราต้องการ เรียกว่าภาพ "แรสเตอร์" | resort | (รีซอร์ท') vt. อาศัย, พึ่ง, ใช้, ใช้วิธี, ใช้มาตรการ, ไป, มักไป n. สถานที่ที่ผู้คนไปกันบ่อย, ที่มั่วสุม, ที่มีชื่อเสียง, การไปอยู่เสมอ, การอาศัย, การใช้มาตรการอันใดอันหนึ่ง, สิ่งที่ขอความช่วยเหลือ, ผู้ที่ถูกขอความช่วยเหลือ, Syn. go, use, employ | ring | (ริง) { rang, rung, ringing, rings } n. วงแหวน, แหวน, ล้อ, ห่วง, วงปีของต้นไม้, ทางวงกลม, สนามวัวแข่ง, สนามมวย, สนามมวยปล้ำ, การต่อยมวย, การแข่งขัน, สังเวียน, วงการ, กลุ่ม, คณะ, ปอยผมที่ขดเป็นวง, สียงกริ่ง, เสียงกระดิ่ง, เสียงโทรศัพท์, เสียงกังวาน, การโทรศัพท์ -v. ล้อมวง, กลายเป็นวงแหวน |
| expatriate | (vt) ย้ายภูมิลำเนา, เนรเทศ, อพยพไปอยู่ต่างประเทศ | hairpiece | (n) ปอยผม, วิกผม | preoccupy | (vt) เข้าไปอยู่ก่อน, เข้ายึดก่อน, เข้าครอบครองก่อน | puff | (n) ผ้าปะแป้ง, กระจุก, ปอย, กลุ่มควัน, ปุย | ringlet | (n) ปอยผม, วงเล็ก, ลอนผม | tress | (n) ปอยผม, จุกผม | tuft | (n) ช่อ, พู่, ปอย, ปุย, พุ่ม, หนวดใต้คาง, กระจุก | wisp | (n) กระจุก, ช่อ, ปอย, หยิบมือ, กำมือ |
| adventist | (n) ผู้ที่รอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ (เพื่อรับพวกเขาไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์ ตามพระสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้ใน พระธรรมยอห์น 14:1-3 ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล) Image: | flv | (uniq) FLV หรือ Flash VDO คือ สกุลของไฟล์ VDO ที่นิยมกันมากในเวปคลิปอย่าง YouTube.com, Video.Google.com เป็นต้น คิดค้นโดยบริษัท Adobe ข้อดีของไฟล์สกุลนี้คือ มีขนาดเล็กมาก ทำให้คล่องตัว และสะดวกต่อการใช้งานแบบ Streaming หารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> http://en.wikipedia.org/wiki/Flash_Video Image: | Fringe | (n) ผมม้า, ปอยผมที่ปรกหน้าผาก | in full swing | (adj) ดำเนินไปอย่างแข็งขันเต็มที่ที่สุด | trek | (n) การเดินทางที่เป็นไปอย่างช้าๆ หรือด้วยความลำบาก | tuft | [ทัฟท] (n) กระจุก, ปอย(เชือก, ผม, หญ้า) |
| 打ち込む | [うちこむ, uchikomu] TH: พุ่งตัวลงไปอย่างแรง EN: to smash | 引越す | [ひきこす, hikikosu] TH: การย้ายบ้านไปอยู่แห่งใหม่ EN: to move (house) |
| flüchtig | (adj) ซึ่งหายวับไป, ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว, ประเดี๋ยวเดียว เช่น Sie kannte ihn flüchtig. หล่อนรู้จักเขาแค่ประเดี๋ยวเดียว |
| quasistable | (adj) ซึ่งมีความมั่นคงที่ไม่แน่นอน , เกี่ยวกับภาวะหรือสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง หรือถูกทำลายในที่สุดแต่มีเสถียรภาพพอควร เนื่องจากการปลี่ยรแปลงนั้นเป็นไปอย่างช้าๆ, Syn. metastable |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |