ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: diplo, -diplo- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ diploma | (n) อนุปริญญา, See also: ประกาศนียบัตร, ใบประกาศนียบัตร, Syn. graduation certificate, parchment, honor | diplomat | (n) นักการทูต, See also: เอกอัครราชทูต, ทูต, ผู้ที่ต่อรองอย่างมีชั้นเชิง, ผู้ชำนาญในการคบค้าสมาคม, Syn. diplomatist, envoy representative | diplomacy | (n) การทูต, See also: การต่างประเทศ, ศิลปะการทูต, Syn. tact, address, savoir, faire, Ant. tactlessness, crudeness | diplomacy | (n) ความเชี่ยวชาญในการคบค้าสมาคม, See also: ทักษะในการเจรจาต่อรอง, Syn. tact, artfulness statesmanship, Ant. tactlessness, crudeness | diplomate | (n) ผู้ได้รับประกาศนียบัตร, Syn. graduate | diplomatic | (adj) เกี่ยวกับการทูต, See also: เกี่ยวกับการเจรจาต่อรอง, Syn. polite, statesmanlike, wise, Ant. direct, blunt | diplomatist | (n) ทูต | diplomatically | (adv) อย่างมีชั้นเชิง |
|
| | diploma | (n) ปริญญาบัตร, ประกาศนียบัตร, อนุปริญญา, หนังสือสำคัญ | diplomacy | (n) การทูต, ศิลปะการทูต | diplomat | (n) ทูต, นักการทูต, ทูตานุทูต | diplomatic | (adj) เกี่ยวกับการทูต, ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทูต |
| privilege, diplomatic | เอกสิทธิ์ทางทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | shirt-sleeve diplomacy | การทูตอย่างไม่เป็นทางการ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | agent, diplomatic | ตัวแทนทางทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | anadiplosis | การทวนคำ [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕] | alternation of generations; digenesis; diplobiontic life cycle; diplohaplontic life cycle; heterogenesis; heterogony; metagenesis | วัฏจักรชีวิตแบบสลับ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | big stick diplomacy | การทูตแบบใช้แสนยานุภาพ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | metagenesis; alternation of generations; digenesis; diplobiontic life cycle; diplohaplontic life cycle; heterogenesis; heterogony | วัฏจักรชีวิตแบบสลับ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | coercive diplomacy | การทูตแบบบีบบังคับ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | co rps, diplomatic; corps diplomatique (Fr.) | คณะทูตานุทูต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | conference diplomacy | การทูตแบบประชุม [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | corps diplomatique (Fr.); corps, diplomatic | คณะทูตานุทูต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | corps, diplomatic | คณะทูตานุทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplobiontic life cycle; alternation of generations; digenesis; diplohaplontic life cycle; heterogenesis; heterogony; metagenesis | วัฏจักรชีวิตแบบสลับ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | diplocoria | สภาพรูม่านตาแฝด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplohaplontic life cycle; alternation of generations; digenesis; diplobiontic life cycle; heterogenesis; heterogony; metagenesis | วัฏจักรชีวิตแบบสลับ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | diploid | มีโครโมโซมสองชุด [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | diploma | ประกาศนียบัตรชั้นสูง [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | diplomacy | การทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomacy, big stick | การทูตแบบใช้แสนยานุภาพ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomacy, coercive | การทูตแบบบีบบังคับ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomacy, gunboat | การทูตแบบใช้นาวิกานุภาพ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomacy, shirt-sleeve | การทูตอย่างไม่เป็นทางการ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomatic agent | ตัวแทนทางทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomatic corps | คณะทูตานุทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomatic corps | คณะทูตานุทูต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | diplomatic immunity | ความคุ้มกันทางทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomatic immunity | ความคุ้มกันทางทูต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | diplomatic privilege | เอกสิทธิ์ทางทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplomatic privilege | เอกสิทธิ์ทางทูต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | diplomatic relations | ความสัมพันธ์ทางการทูต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | diplopia; vision, double | การเห็นซ้อนสอง, การเห็นภาพซ้อน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | diplostemonous | มีเกสรเพศผู้สองวง [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | digenesis; alternation of generations; diplobiontic life cycle; diplohaplontic life cycle; heterogenesis; heterogony; metagenesis | วัฏจักรชีวิตแบบสลับ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | double vision; diplopia | การเห็นซ้อนสอง, การเห็นภาพซ้อน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | gunboat diplomacy | การทูตแบบใช้นาวิกานุภาพ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, diplomatic | ความคุ้มกันทางทูต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | vision, double; diplopia | การเห็นซ้อนสอง, การเห็นภาพซ้อน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | heterogenesis; alternation of generations; digenesis; diplobiontic life cycle; diplohaplontic life cycle; heterogony; metagenesis | วัฏจักรชีวิตแบบสลับ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | heterogony; alternation of generations; digenesis; diplobiontic life cycle; diplohaplontic life cycle; heterogenesis; metagenesis | วัฏจักรชีวิตแบบสลับ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] |
| Diplomacy | การฑูต [เศรษฐศาสตร์] | Diplomacy | การทูต [TU Subject Heading] | Diplomatic and consular service | สถานทูตและสถานกงสุล [TU Subject Heading] | Diplomatic and consular service, American | สถานทูตและสถานกงสุลอเมริกัน [TU Subject Heading] | Diplomatic and consular service, Thai | สถานทูตและสถานกงสุลไทย [TU Subject Heading] | Diplomatic etiquette | พิธีการทูต [TU Subject Heading] | Diplomatic privileges and immunities | เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต [TU Subject Heading] | Diplomatic protection | ความคุ้มครองทางการทูต [TU Subject Heading] | Diplomatics | เอกสารทางการทูต [TU Subject Heading] | Diplomats | ทูต [TU Subject Heading] | Act on Diplomatic Privileges and Immunities B.E. 2527 | พระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางทูต พ.ศ. 2527 [การทูต] | Break of Diplomatic Relations | การตัดความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อสองรัฐตัดความสัมพันธ์ทางการทูตซึ่งกันและกัน เพราะมีการไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรง หรือเพราะเกิดสงคราม จึงไม่มีหนทางติดต่อกันได้โดยตรง ดังนั้น แต่ละรัฐมักจะขอให้มิตรประเทศที่เป็นกลางแห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับของรัฐอีกฝ่ายหนึ่ง ช่วยทำหน้าที่พิทักษ์ดูแลผลประโยชน์ของตนในอีกรัฐหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ช่วยดูแลคนชาติของรัฐนั้น ตัวอย่างเช่น ในตอนที่สหรัฐอเมริกากับคิวบาได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกดัน สหรัฐอเมริกาได้ขอให้คณะผู้แทนทางการทูตของสวิส ณ กรุงฮาวานา ช่วยพิทักษ์ดูแลผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในประเทศคิวบา ในขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตเช็คโกสโลวาเกียในกรุงวอชิงตัน ก็ได้รับการขอจากประเทศคิวบา ให้ช่วยพิทักษ์ดูแลผลประโยชน์ของตนในสหรัฐอเมริกาถึงสังเกตว่า การตัดความสัมพันธ์ทางการทูตนี้ มิได้หมายความว่าความสัมพันธ์ทางกงสุลจะต้องตัดขาดไปด้วย มาตรา 45 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติว่า ?ถ้าความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองรัฐขาดลง หรือถ้าคณะผู้แทนถูกเรียกกลับเป็นการถาวรหรือชั่วคราวก. แม้ในกรณีการขัดแย้งกันด้วยอาวุธ รัฐผู้รับจะต้องเคารพและคุ้มครองสถานที่ของคณะผู้แทน รวมทั้งทรัพย์สินและบรรณสารของคณะผู้แทนด้วยข. รัฐผู้ส่งอาจมอบหมายการพิทักษ์สถานที่ของคณะผู้แทน รวมทั้งทรัพย์สินและบรรณสารของคณะผู้แทน ให้แก่รัฐที่สามซึ่งเป็นที่ยอมรับแก่รัฐผู้รับก็ได้ค. รัฐผู้ส่งอาจมอบหมายการอารักขาผลประโยชน์ของคนและคนชาติของตน แก่รัฐที่สามซึ่งเป็นที่ยอมรับได้แก่รัฐผู้รับก็ได้ [การทูต] | Commencement of the Functions of the Head of Diplomatic Mission | การเริ่มต้นรับหน้าที่ของหัวหน้าคณะผู้แทนทางการ ทูต กล่าวคือ เมื่อหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตเดินทางไปถึงนครหลวงของประเทศผู้รับแล้ว ควรรีบแจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทราบว่า ตนได้เดินทางมาถึงแล้วและขอนัดเยี่ยมคารวะ ตามปกติกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมพิธีการทูตจะดำเนินการตระเตรียมให้หัวหน้าคณะ ผู้แทนทางการทูตได้เข้ายื่นสารตราตั้งต่อไประหว่างนั้น หัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตจะต้องไม่ไปพบเยี่ยมผู้ใดเป็นทางการ จนกว่าจะได้ยื่นสารตราตั้งเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี หัวหน้าคณะผู้แทนอาจขอพบเป็นการภายในกับหัวหน้าของคณะทูตานุทูต (Dean หรือ Doyen of the Diplomatic Corps) ได้ เพื่อขอทราบพิธีการปฏิบัติในการเข้ายื่นสารตราตั้งต่อประมุขของประเทศผู้รับ เกี่ยวกับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนา ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 13 ว่า1. พึงถือได้ว่าหัวหน้าคณะผู้แทนได้เข้ารับภารกิจหน้าที่ของตนในรัฐผู้รับ เมื่อตนได้ยื่นสารตราตั้งหรือเมื่อตนได้บอกกล่าวการมาถึงของตน พร้อมทั้งได้เสนอสำเนาที่ถูกต้องของสารตราตั้งต่อกระทรวงการต่างประเทศของ รัฐผู้รับ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกันในแนวปฏิบัติที่มีอยู่ในรัฐผู้รับ ซึ่งจะต้องใช้ในทำนองอันเป็นเอกรูป2. ลำดับของการยื่นสารตราตั้ง หรือสำเนาที่ถูกต้องของสารตราตั้ง จะได้พิจารณากำหนดตามวันและเวลาของการมาถึงของหัวหน้าคณะผู้แทน [การทูต] | Conduct of Diplomatic Mission Towards the Receiving State | ในการปฏิบัติของคณะผู้แทนทางการทูตต่อรัฐผู้รับ นั้นหน้าที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งของนักการทูตคือ จะต้องละเว้นจากการเข้าแทรกแซงใด ๆ ในกิจการภายในของรัฐผู้รับ อนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติเรื่องนี้ไว้ในมาตราที่ 41 ว่า1. โดยไม่เสื่อมเสียแก่เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของตน เป็นหน้าที่ของบุคคลทั้งมวลซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันเช่นนี้ ที่จะเคารพกฎหมายรวมทั้งข้อบังคับของรัฐผู้รับ บุคคลเหล่านี้มีหน้าที่ที่จะไม่แทรกสอดในกิจการภายในของรัฐนั้นด้วย2. ธุรกิจในทางการทั้งมวลกับรัฐผู้รับ ซึ่งรัฐผู้ส่งได้มอบหมายแก่คณะผู้แทนให้กระทำกัน โดยผ่านกระทรวงการต่างประเทศของรัฐผู้รับ หรือกระทรวงอื่นเช่นที่อาจจะตกลงกัน3. สถานที่ของคณะผู้แทนต้องไม่ใช้ไปในทางที่ไม่ต้องด้วยกับการหน้าที่ของคณะผู้ แทน ดังที่ได้กำหนดลงไว้ในอนุสัญญานี้ หรือโดยกฎเกณฑ์อื่นของกฎหมายระหว่างประเทศทั่วไป หรือด้วยการตกลงพิเศษอื่นใดที่ใช้บังคับอยู่ระหว่างรัฐผู้ส่งกับรัฐผู้รับ ข้อ 42 ของอนุสัญญากรุงเวียนนายังได้บัญญัติด้วยว่า ตัวแทนทางการทูตจะต้องไม่ปฏิบัติกิจกรรมใดทางวิชาชีพหรือพาณิชย์เพื่อ ประโยชน์ส่วนตัวในรัฐผู้รับตามบทบัญญัติข้างต้นของอนุสัญญากรุงเวียนนา พอจะตีความหมายได้ว่า ผู้แทนทางการทูตจะต้องเคารพกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ เพื่อที่จะธำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประชาชน รวมทั้งความปลอดภัยในรัฐผู้รับ การปฏิบัติใดๆ ที่ถูกต้องของผู้แทนทางการทูตนั้นย่อมเป็นเครื่องประกันอย่างดีที่สุด ที่ตัวบุคคลของผู้แทนทางการทูตนั้นจะถูกล่วงละเมิดมิได้ตามที่กล่าวอ้าง [การทูต] | Conference Diplomacy | กระบวนการเจรจาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลในรูปของการ ประชุม แทนที่จะกระทำโดยวิถีทางการทูตตามปกติ คือ โดยทางเอกอัครราชทูต หรือผู้แทนทางการทูตถาวร การประชุมแบบหนึ่งซึ่งเรียกว่า การประชุมโต๊ะกลม เพื่อทำหน้าที่ระงับปัญหาระหว่างประเทศนั้น เริ่มนิยมกระทำกันหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 การประชุมระหว่างประเทศนี้จะประกอบด้วยคณะผู้แทน ซึ่งมีหัวหน้าคณะที่ได้รับมอบอำนาจเต็ม และรัฐบาลของประเทศที่ร่วมประชุมเป็นผู้ส่งไป ในเรื่องนี้มีความเห็นแตกต่างกันอยู่บ้าง บ้างเห็นว่า ควรเป็นการประชุมทางการทูตตามประเพณีที่กระทำกันโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญโดยอาชีพ ซึ่งเป็นไปตามวิถีทางการทูตตามปกติมากกว่า [การทูต] | Corps Diplomatique หรือ Diplomatic Corps | คณะทูตานุทูตที่ประจำอยู่ในนครหลวง (Capital) ของประเทศ ซึ่งจะมีหัวหน้าคณะทูตพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทางการทูตใน คณะทูต เจ้าหน้าที่ทางการทูตในคณะทูตนั้นจะประกอบไปด้วย อัครราชทูต (Minister) อัครราชทูตที่ปรึกษา (Minister Counselor) และที่ปรึกษา (Counselor) ซึ่งอาจจะมีคนเดียวหรือหลายคน นอกจากนี้ มีเลขานุการทางการทูตอีกหลายคน คือ เลขานุการเอก โท ตรี และตามปกติยังมีผู้ช่วยทูต (Attaché) อีกหลายคนซึ่งมีฐานะทางการทูต (Diplomatic status) คือผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร (บก เรือ และอากาศ) ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ (Commercial Attaché) ผู้ช่วยทูตฝ่ายการแถลงข่าว (Press Attaché) และผู้ช่วยฝ่ายอื่น ๆ ซึ่งกระทรวงทบวงกรมของรัฐบาล (นอกจากกระทรวงการต่างประเทศ) เป็นฝ่ายแต่งตั้งข้าราชการของตนไปประจำในคณะทูต รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ซึ่งมีฐานะทางการทูตด้วยในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะทูตานุทูต (Head หรือ Dean of the Diplomatic Corps) จะได้แก่ผู้แทนทางการทูตอาวุโสที่ได้ประจำการอยู่ในประเทศนั้นเป็นเวลานาน ที่สุด ยกเว้นแต่ในบางประเทศ จะถือเอกอัครราชทูตผู้แทนองค์สมเด็จพระสันตะปาปา (Papal Nuncio) เป็นหัวหน้าคณะทูตานุทูตตลอดไป โดยไม่คำนึงถึงเรื่องอาวุโสแต่อย่างใด เช่น ฟิลิปปินส์ [การทูต] | Cultural Diplomacy | การทูตวัฒนธรรม หมายถึง กิจกรรมด้านวัฒนธรรมในกรอบกว้าง ทั้งภาษา ความคิด อุดมการณ์ ทัศนคติ ประเพณี วิทยาการความรู้ การกีฬาและวิถีชีวิต (ไม่เพียงแต่การส่งคณะนาฏศิลป์ไปแสดงในต่างประเทศเท่านั้น) ทั้งนี้ เพื่อ ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกัน โดยใช้แนวทางปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในลักษณะซึมลึกเพื่อให้เข้าถึงประชาชน [การทูต] | Dean (of the Diplomatic Corps) | คณบดีคณะทูต เอกอัครราชทูตที่อาวุโสที่สุด (ยื่นสาส์นตราตั้งก่อนผู้อื่น) ในประเทศนั้น ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหรือผู้แทนของคณะทูตานุทูต (ในกรณีที่รัฐผู้รับนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก สมณทูตวาติกันจะดำรงตำแหน่งคณบดีทูต) [การทูต] | Dean (หรือ Doyen) of the Diplomatic Corps | หัวหน้า (Dean) ของคณะทูตานุทูตในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ได้แก่ ตัวทูตที่อาวุโสที่สุด (คือเป็นทูตอยู่ในประเทศนั้นๆ เป็นเวลานานที่สุด) ตัวหัวหน้าคณะทูตานุทูตจะมีลำดับอาวุโสเหนือทุกคนในคณะทูตานุทูต ทำหน้าที่เป็นโฆษกของคณะทูตเมื่อถึงความจำเป็น และเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองบรรดาเอกสิทธ์และความคุ้มกันทางการทูตที่คณะ ทูตานุทูตมีอยู่ แต่หน้าที่ที่แท้จริงนั้น โดยมากเกี่ยวกับเรื่องพิธีการทูตมากกว่า อาทิเช่น เมื่อถึงวันที่ระลึกครบรอบวันเกิดประมุขของรัฐ (เช่นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในประเทศไทย) Dean ของคณะทูตจะเป็นผู้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าวในนามของคณะทูตทั้งหมด แต่การที่จะเรียกหรือขอให้บุคคลในคณะทูตไปประชุมเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง นั้น เป็นสิ่งที่ Dean ไม่พึงกระทำ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผู้แทนทางการทูตคนใดไปร่วมการประชุมระหว่างบุคคลในคณะทูตด้วยกัน เกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศโดยมิได้รับคำสั่งโดยเฉพาะจากรัฐบาลของตนก่อน ภริยาของ Dean หรือ Doyen นั้นเรียกว่า Doyenneเมื่อหัวหน้าคณะทูตวายชนม์ขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ บุคคลในคณะทูตที่มีอาวุโสรองลงมาหรือเป็นบุคคลที่สองจะเป็นผู้รับช่วงงาน ทันที และมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Chargé d?Affaires ad interim) ทั้งจะต้องดูว่า เอกสารทางราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกสารลับหรือปกปิด จะไม่ทิ้งรวมอยู่กับ เอกสารส่วนตัวของทูตผู้วายชนม์อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทาง การทูต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1961 จากการประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับการติดต่อและความคุ้มกันทางการทูต ได้บัญญัติไว้ว่า?ข้อ 39 (3) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามี สิทธิที่จะได้รับไปจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป(4) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว ให้รัฐผู้รับอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่ส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้ามในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในคราอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดกและการรับมรดกนั้น ๆ ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับ เพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่ฝ่ายเดียวของผู้วายชนม์ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทนอนึ่ง อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1963 ได้บัญญัติไว้ว่า ?ข้อ 51 ในกรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล หรือของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว รัฐผู้รับ(ก) จะอนุญาตให้ส่งออกซึ่งสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ โดยมีข้อยกเว้นแก่ทรัพย์สินเช่นว่า ทรัพย์ใด ๆ ที่ได้มาในรัฐผู้รับนั้น ซึ่งการส่งออกของทรัพย์ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลดังกล่าวถึงแก่มรณกรรม(ข) จะไม่เรียกเก็บอากรกองมรดก อากรสืบช่วงมรดกหรืออากรรับมรดก และอากรการโอน ไม่ว่าจะเป็นอากรของชาติ ของภูมิภาค หรือของเทศบาล จากสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการที่สังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ในรัฐผู้รับก็เนื่องมาแต่ฝ่ายเดียว จากการที่ผู้วายชนม์อยู่ในรัฐนั้นฐานะบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุลหรือใน ฐานะคนในครอบครัวของบุคคลในที่ทำการกงสุล? ?ข้อ 53(5) กรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล คนในครอบครัวซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว จะคงได้รับอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ประสาทให้แก่ตนต่อไป จนกว่าตนจะออกไปจากรัฐผู้รับ หรือจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะสามารถให้ตนกระทำดังนั้นได้ แล้วแต่ว่าเวลาไหนจะมาถึงก่อนกัน? [การทูต] | Departure of Diplomatic Agents | การออกไปจากรัฐผู้รับของเจ้าหน้าที่ทางการทูต ข้อ 44 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติได้ว่า ?แม้ในกรณีการขัดกันด้วยอากร รัฐผู้รับต้องอำนวยความสะดวก เพื่อให้บุคคลซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน นอกจากคนชาติของรัฐผู้รับและคนในครอบครัวของบุคคลเช่นว่านี้ โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติของบุคคลเหล่านั้น ออกไปในขณะที่เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ ในกรณีที่จำเป็นโดยเฉพาะ รัฐผู้รับต้องจัดพาหนะเดินทางในการขนส่งสำหรับตัวบุคคลเหล่านั้น และทรัพย์สินของบุคคลเหล่านั้นให้ด้วย? [การทูต] | Diplomacy | การทูต, Example: คำว่าการทูต มีหลายท่านได้ให้คำอธิบายความหมายแตกต่างกัน บางท่านเห็นว่าการทูตเป็นศิลปะหรือศาสตร์ หรือวิธีปฏิบัติขั้นการเจรจากันระหว่างรัฐ บ้างว่า เป็นการจัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยวิธีการเจรจา ซึ่งจะกระทำโดยเอกอัครราชทูต หรือผู้แทนการทูตเป็นส่วนใหญ่หนังสือ ?Satow?s A Guide to Diplomatic Practice? ซึ่งเรียบเรียงแก้ไขใหม่เป็นครั้งที่ 4 โดย Sir Neville Bland ได้กล่าวว่า การทูต (Diplomacy) คือการนำเอาสติปัญญา (Intelligence) และปฏิภาณ (Tact) ออกใช้ในการเจรจาเป็นทางการระหว่างรัฐบาลของรัฐเอกราชด้วยกัน หรือหากจะกล่าวโดยสรุปก็หมายถึงการที่รัฐต่อรัฐยกเอาเรื่องต่าง ๆ ขึ้นเจรจากันอย่างเอาจริงเอาจังโดยสันติวิธีนั่นเองวิธีการที่รัฐหันมาใช้ การเจรจากันเพื่อทำความตกลงในเรื่องต่าง ๆ นั้นได้เริ่มกระทำกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันในระยะหลัง ๆ ก่อนที่อาณาจักรจะล่มสลาย นัยว่าจักรพรรดิทั้งหลายของอาณาจักรจะล่มสลาย นัยว่าจักรพรรดิทั้งหลายของอาณาจักรไบซานเตอุม (Byzanteum) ในสมัยนั้นมีชื่อโด่งดังว่าเป็นบรมครูหรือปรมาจารย์ในการเจรจาทีเดียว แต่การทูตได้กลายเป็นที่รับรองกันทั่วไปว่าเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ก็ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา ในตอนที่รัฐต่างๆ ของอิตาลีได้เริ่มแต่งตั้งเอกอัครราชทูตไปประจำเป็นการถาวร แต่ในสมัยนั้นก็ยังไม่มีการกำหนดสถานภาพและระเบียบข้อบังคับของอาชีพการทูต แต่อย่างใด จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 19 คือใน ค.ศ. 1815 จึงได้มีการทำความตกลงกันระหว่างประเทศกำหนดสถานภาพและกฎข้อบังคับขึ้นเป็น กิจลักษณะ คือหลังจากเสร็จสงครามนโปเลียน รัฐต่าง ๆ ที่เข้าร่มประชุมกัน ณ กรุงเวียนนา หรือเรียกว่าคองเกรสแห่งเวียนนา ได้ตกลงจัดจำแนกผู้แทนทางการทูตรวมทั้งจัดลำดับอาวุโสขึ้น เพื่อให้รัฐทั้งหลายได้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ จะเห็นได้ว่าในทุกวันนี้ การทูตได้กลายเป็นส่วนหนึ่ง หรือสาขาหนึ่งของระบบการปกครองประเทศในทุกประเทศ ซึ่งทวีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในโลกปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างสงครามเย็น (Cold War) ต่างเพียรพยายามใช้การทูตทุกวิถีทางเพื่อระงับปัญหาหรือข้อพิพาท โดยมิให้เกิดสงครามเบ็ดเสร็จ (Total War) ซึ่งเป็นหนทางสุดท้ายขึ้น เป็นต้นมีข้อน่าสังเกตว่า แต่เดิมรัฐต่าง ๆ จะใช้วิธีการเจรจาระหว่างรัฐบาลตามปกติ โดยผ่านทางผู้แทนทางการทูตถาวรหรือเอกอัครราชทูต ต่อมาหลังจากเสร็จสงครามโลกครั้งแรกเกิดความนิยมใช้วิธีระงับปัญหาระหว่าง ประเทศโดยการประชุมโต๊ะกลมมากขึ้น (Round table conferences) ในการประชุมระหว่างประเทศเช่นนี้ รัฐบาลของประเทศที่ร่วมการประชุมจะส่งคนของตนไปร่วมประชุมในฐานะผู้แทนผู้ ได้รับมอบอำนาจเต็มและให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนในการเจรจา แทนที่จะเป็นเอกอัครราชทูตดังแต่ก่อน อย่างไรก็ดี วิธีการประชุมเช่นนี้ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่สองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรจะใช้วิธีการประชุมแก้ปัญหาระหว่างประเทศโดยวิถีทางการ ทูตตามปกติ โดยให้เอกอัครราชทูตเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน เพราะถือว่าเอกอัครราชทูตเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพการทูตอยู่แล้ว ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งสนับสนุนการประชุมโต๊ะกลม หรือที่เรียกว่า Diplomacy by Conferenceในสมัยปัจจุบัน วิธีเจรจาทางการทูตที่ใช้ปฏิบัติกันมีอยู่หลายวิธี วิธีแรกคือ การเจรจาทางการทูตตามปกติ ซึ่งปฏิบัติกันตลอดมาจนเป็นธรรมเนียม (Normal หรือ Traditional Diplomacy) ในกรณีนี้ เอกอัครราชทูตจะเป็นตัวแทนของประเทศของตนเจรจากับกระทรวงการต่างประเทศของ รัฐผู้รับประการที่สอง คือ การทูตด้วยวิธีการประชุม (Conference Diplomacy) ซึ่งคณะผู้แทนเจรจาจะมีบุคคลผู้ได้รับมอบอำนาจเต็มเป็นหัวหน้าคณะ และส่งไปจากประเทศที่ร่วมการประชุมประการที่สาม ได้แก่ วิธีที่เรียกว่า การทูตส่วนบุคคล (Personal Diplomacy) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐสองแห่งหรือมากกว่านั้น จะทำการเจรจากันโดยตรง เพื่อระงับหรือทำความตกลงในเรื่องบางเรื่องที่มีผลประโยชน์ร่วมกันประการที่ สี่ คือ การทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) โดยประมุขของรัฐบาลหรือของรัฐจะไปร่วมประชุมกันเพื่อหาทางระงับปัญหาของตน ประการสุดท้าย ได้แก่ การทูตโดยทางองค์กรนิติบัญญัติหรือรัฐสภา (Parliamentary Diplomacy) คือให้นำปัญหาไปพิจารณากันในการประชุมปรึกษา เช่น การประชุมขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งนักเขียนเกี่ยวกับวิชาการทูตบางท่านเรียกว่า การทูตโดยคะแนนเสียง (Diplomacy by ballot)อย่างไรก็ตาม มีผู้ทรงคุณความรู้ด้านการทูตบางท่านเห็นว่า ยังมีวิธีการเจรจาทางการทูตอีกแบบหนึ่ง เรียกว่า การทูตสื่อมวลชน (Diplomacy by News Conference) ในกรณีนี้ ประมุขของรัฐหรือของรัฐบาลประเทศหนึ่งจะแถลงนโยบายของประเทศตนต่อที่ประชุม สื่อมวลชน เกี่ยวกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นกับอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งโดยปกติย่อมจะแถลงโดยวิถีทางการทูตตามปกติให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบได้ แต่กลับหันไปใช้วิธีแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบโดยการแถลงต่อที่ประชุมสื่อมวล ชนเท่ากับแจ้งให้ทราบโดยทางอ้อม [การทูต] | Diplomacy for the Peoples | การทูตเพื่อประชาชน หมายถึง การดำเนินนโยบายต่างประเทศหรือกิจกรรมทางการทูต ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประชาชน เช่น โครงการส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปช่วยรักษาพยาบาลชาวกัมพูชา [การทูต] | diplomatic agent | ตัวแทนทางทูต คือ หัวหน้าของคณะผู้แทน หรือบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายทูตของคณะผู้แทน [การทูต] | diplomatic clearance number | หมายเลขการอนุญาตให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งของประเทศหนึ่ง ๆ ผ่านเข้าไปในอาณาเขตของอีกประเทศหนึ่งได้โดยเหตุผลทางการทูต อาทิ อากาศยานเฉพาะกิจ เรือที่ใช้ในการสงคราม ฯลฯ [การทูต] | diplomatic corps | คณะทูตานุทูต หมายถึง กลุ่มเอกอัครราชทูต กงสุล และหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งภริยาและเจ้าหน้าที่ทางการทูตที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ [การทูต] | diplomatic courier | ผู้ถือสารทางทูต [การทูต] | Diplomatic Expressions | ถ้อยคำสำนวนที่ใช้ในวงการทูต กล่าวคือ ในวงการทูตจะมีการนิยมใช้ถ้อยคำสำนวนการทูต ถือกันว่าเป็นภาษาที่สุภาพ ซึ่งจะมีความหมายลึกซื้งเพียงใดนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูตจะทราบกันดี อาทิเช่น?My Government views with concern หรือ with grave concern? จะแสดงถึงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย หรือแสดงการประท้วง?My Government cannot remain indifferent to the matter? จะส่อถึงเจตนาที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปส่วนถ้อยคำสำนวนที่ว่า ?In such event my Government would feel bound to reconsider its position หรือ to consider its own interest??My Government will have to claim a free hand? หรือ ?feel obliged to formulate express reservations regarding?เหล่านี้เป็นถ้อยคำสำนวนที่เตือนให้ทราบว่า อาจเกิดการแตกร้าว หรือตัดขาดในพันธไมตรีที่มีต่อกันได้เมื่อรัฐบาลหนึ่งประกาศถือว่าการกระทำ ของอีกรัฐบาลหนึ่งเป็น ?an unfriendly act? หรือการกระทำที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ ย่อมหมายถึงการเตือนให้ทราบว่า การกระทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่สงครามได้ถ้าหากในตอนเสร็จสิ้นการประชุมกันมีการ แถลงการณ์หรือโฆษกของที่ประชุมแจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมได้ทำความตกลงกันโดยสมบูรณ์ (Full agreement) แต่ไม่มีการเปิดเผยให้ทราบว่ามีการตกลงอะไรกันบ้าง จะทำให้เป็นที่สงสัยกันว่าได้มีการตกลงกันโดยสมบูรณ์จริงละหรือ ถ้าหากคำประกาศนั้นใช้ถ้อยคำว่า มี ?substantial agreement? ก็พอจะอนุมานได้ว่าแท้ที่จริงยังมีเรื่องสำคัญ ๆ ที่ยังตกลงกันไม่ได้อีกบางเรื่อง อนึ่ง หากว่ามีการแถลงว่า ?there was a full exchange of views? ก็เท่ากับพูดว่า มิได้มีการตกลงกันแต่อย่างใดทั้งสิ้น [การทูต] | diplomatic identity card | บัตรประจำตัวคณะผู้แทนทางทูต [การทูต] | Diplomatic Illness | นักการทูตแสร้งทำเป็นป่วย ใช้เป็นข้อแก้ตัวในการที่ไม่ไปร่วมพิธี ร่วมประชุม หรือร่วมงานสังคม เพื่อมิให้เป็นการแสลงน้ำใจโดยมิสมควรแก่ผู้เชิญ [การทูต] | Diplomatic Language | ภาษาการทูต ในสมัยโบราณจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 รัฐทั้งหลายในสมัยนั้นได้นิยมใช้ภาษาละตินเป็นภาษาการทูตและก็เป็นภาษาเดียว ที่ใช้กันในยุโรปภาคกลางและภาคตะวันตก ต่อมาในราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสแทนภาษาละตินเป็นภาษาการทูต และใช้กันตลอดมาจนถึงสมัยสงครามโลกครั้งแรก หลังจากเสร็จสงครามโลกครั้งแรกจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐต่างๆ เริ่มนิยมใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น และใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ก็ยังไม่มีการรับรองเป็นทางการกันว่าให้ใช้ภาษาใดเป็นภาษาทางการทูตใน องค์กรทั้งหมดของสหประชาชาติยกเว้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ใช้ 5 ภาษาเป็นภาษาราชการ คือ ภาษาจีน รัสเซีย สเปน อังกฤษ และฝรั่งเศส ดังนั้น ในการประชุมใด ๆ ณ องค์การสหประชาชาติ หากมีการแถลงเป็นภาษาหนึ่ง ก็จะมีการแปลเป็นอีก 4 ภาษาเกือบพร้อมกันในทันที (Simultaneous Translation) สำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนั้น ภาษาที่ใช้เป็นภาษาราชการคือ ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส เพียงสองภาษา [การทูต] | diplomatic pouch | ถุงเมล์ทูต [การทูต] | Diplomatic Pouch | ถุงเมล์ทางการทูตที่บรรจุหนังสือโต้ตอบทางราชการ ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาล กับสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ใน ต่างประเทศ ถุงเมล์ทูตจะถูกปิดประทับตราของทางราชการ และผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ขอตรวจไม่ได้ คือได้รับการละเว้นจากการแทรกแซงใด ๆ ทั้งสิ้นเรื่องถุงเมล์ทางการทูตนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในข้อ 27 ว่า?1. ในรัฐผู้รับจะอนุญาตและคุ้มครองการสื่อสารโดยเสรีในส่วนของคณะผู้แทน เพื่อความมุ่งประสงค์ทั้งมวลในการติดต่อกับคณะรัฐบาลและกับคณะผู้แทน และสถานกงสุลอื่นของรัฐผู้ส่งไม่ว่าตั้งอยู่ที่ใด คณะผู้แทนอาจใช้วิถีทางเหมาะสมทั้งมวลได้ รวมทั้งผู้สื่อสารทางการทูต และสารเป็นรหัสหรือประมวล อย่างไรก็ดี คณะผู้แทนอาจติดตั้งและใช้เครื่องส่งวิทยุได้ด้วยความยินยอมของรัฐผู้รับ เท่านั้น 2. หนังสือโต้ตอบทางการทูตของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ หนังสือโต้ตอบทางการทูตหมายถึง หนังสือโต้ตอบทั้งมวลที่เกี่ยวกับคณะผู้แทนและภารกิจหน้าที่ของคณะผู้แทน 3. ถุงเมล์ทางการทูตจะไม่ถูกเปิดหรือถูกกักไว้ 4. หีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางการทูตจะต้องมีเครื่องหมายติดไว้ภายนอกที่เห็น ชัดเจน แสดงลักษณะของถุงทางการทูตและอาจบรรจุเอกสารหรือสิ่งของทางการทูต ซึ่งได้เจตนาเพื่อใช้ในทางการเท่านั้น 5. ผู้ถือสารทางการทูต (Diplomatic courrier) จะได้รับเอกสารทางการ แสดงสถานภาพของตนและจำนวนหีบห่อ ซึ่งรวมเป็นถุงทางทูตนั้น ให้ได้รับความคุ้มครองจากรัฐผู้รับในการปฏิบัติการตามหน้าที่ของตน ให้ผู้ถือสารทางการทูตได้อุปโภคความละเมิดมิได้ และจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือกักในรูปใด 6. รัฐผู้ส่งหรือคณะผู้แทนอาจแต่งตั้งผู้ถือสารทางการทูตเฉพาะกรณีได้ในกรณีที่ ว่านี้ให้นำบทแห่งวรรค 5 ของข้อนี้มาใช้ด้วย เว้นแต่ว่าความคุ้มกันที่กล่าวไว้ในวรรคนั้นให้ยุติไม่ใช้ เมื่อผู้ถือสารนี้ได้ส่งถุงทางการทูตในหน้าที่ของตนให้แก่ผู้รับแล้ว 7. ถุงทางการทูตอาจจะมอบหมายไว้แก่ผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งได้มีพิกัดจะลง ณ ท่าเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตแล้วได้ ให้ผู้บังคับบัญชาของเครื่องบินพาณิชย์รับเอกสารทางการ แสดงจำนวนหีบห่อซึ่งรวมเป็นถุง แต่ไม่ให้ถือว่าผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์เป็นผู้ถือสารทางการทูต คณะผู้แทนอาจส่งบุคคลหนึ่งในคณะผู้แทนไปรับมอบถุงทางการทูตได้โดยตรงและโดย เสรีจากผู้บังคับการของเครื่องบิน?คำว่าถุงทางการทูตนี้ กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษเรียกว่า ?Diplomatic bag? ส่วนในภาษาฝรั่งเศสใช้คำว่า ?Valise Diplomatique? [การทูต] | Diplomatic Privilege of Accommodation | มาตรา 21 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตบัญญัติไว้ว่า ?1. รัฐผู้ต้อนรับจะต้องอำนวยความสะดวกตามบทกฎหมายของประเทศของตน ในการจัดการให้ได้มาซึ่งดินแดนของตนให้แก่รัฐผู้ส่ง ซึ่งจำเป็นแก่การปฏิบัติภาระหน้าที่ของรัฐนั้น หรือช่วยเหลือให้รัฐผู้ส่งได้รับอาคารที่พำนักด้วยวิธีการหนึ่งใด 2. ในกรณีจำเป็น รัฐผู้รับจะต้องช่วยให้คณะเจ้าหน้าที่ทางการทูต ได้มีสถานที่อยู่อาศัยอย่างเหมาะสม?เมื่อตัวแทนทางการทูตที่เพิ่งได้รับแต่ง ตั้งได้เดินทางไปถึงประเทศที่เขาจะเข้าดำรงตำแหน่ง ซึ่ง ณ ที่นั้นมีคณะผู้แทนทางการทูตของรัฐบาลของเขาประจำทำงานอยู่แล้ว ตามปกติตัวแทนทูตดังกล่าวจะมีสำนักงานทางการทูตตั้งอยู่แล้วในสถานที่เหมาะ สม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยสำหรับการปฏิบัติงานโดยครบครัน และผู้ที่ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าเขาหรืออุปทูตชั่วคราวมักจะเตรียมการไว้ก่อน แล้วเกี่ยวกับที่พักอาศัย เรียกว่าทำเนียบ นอกจากว่าจะมีทำเนียบตั้งอยู่ภายในบริเวณตึกสถานเอกอัครราชทูตซึ่งรัฐบาลของ เขาเป็นเจ้าของเองแต่ถ้าหากตัวแทนทางการทูตที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ จะต้องตั้งคณะผู้แทนทางการทูตในประเทศที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งเป็นครั้งแรก ก็จะต้องประสบกับปัญหาเรื่องหาสถานที่สำหรับใช้เป็นที่ตั้งสถานเอกอัคร ราชทูตขึ้น ในกรณีเช่นนี้จึงจำเป็นจะต้องอาศัยคำแนะนำและความช่วยเหลือจากกระทรวงการ ต่างประเทศของรัฐผู้รับ กระทรวงการต่างประเทศของบางประเทศจะมีแผนกหนึ่งทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่คณะทูตต่างประเทศโดยเฉพาะ เป็นแผนกหนึ่งในกรมพิธีการทูต ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว [การทูต] | Diplomatic Privileges and Immunities | เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตที่ได้ให้แก่เจ้า หน้าที่ทางการทูต โดยถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้แทนส่วนตัวของประมุขของรัฐ เหตุผลที่ให้มีการคุ้มกันทางการทูต ก็เพราะถือว่ารัฐบาลหนึ่งใดก็ตามจะถูกกีดกันขัดขวางด้วยการจับกุม หรือกีดกันมิให้ผู้แทนของรัฐบาลนั้นปฏิบัติหน้าที่ในความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศนั้นมิได้ ถ้าหากเห็นว่าผู้แทนนั้นมีพฤติกรรมหรือพฤติการณ์ที่ก้าวร้าวซึ่งรัฐผู้รับ ไม่อาจรับได้ก็ชอบที่รัฐผู้รับจะขอร้องให้รัฐผู้ส่งเรียกตัวผู้แทนของตนกลับ ประเทศได้ อนึ่ง การที่สถานเอกอัครราชทูตได้รับความคุ้มกันจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ เพราะต้องการให้บรรดาผู้แทนทางการทูตเหล่านั้น รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของเขาได้มีโอกาสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประเทศของเขาอนุสัญญากรุง เวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตมีบทบัญญัตินิยามคำว่า เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตในเรื่องต่างๆ ไว้มากพอสมควร เช่น เรื่องสถานที่ของคณะผู้แทนทางการทูต รวมทั้งบรรณสารและเอกสาร เรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่การปฏิบัติงานของคณะผู้แทน และเสรีภาพในการเคลื่อนย้ายรวมทั้งการคมนาคมติดต่อ เป็นต้น [การทูต] | Diplomatist หรือ Diplomat | ใช้กับราชการทุกคนที่ประจำทำงานในด้านทางการทูต ไม่ว่าจะประจำอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ หรือในราชการต่างประเทศ คือ ในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล หรือในสำนักงานทางทูตอื่นๆในทรรศนะของ เซอร์แฮโรลด์ นิโคลสัน นักการทูตยอดเยี่ยมคนหนึ่งของอังกฤษ ได้ระบุไว้ว่า นักการทูตหรือ Diplomat จะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ ยึดถือความเป็นจริง มีความแม่นยำ สงบเยือกเย็น มีความอดกลั้น อารมณ์ดี มีความสงบเสงี่ยมและมีความจงรักภักดี ทั้งยังจะต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญา มีความรู้ มองเห็นการณ์ไกล มีความสุขุมรอบคอบ ใจดีกับแขกและผู้แปลกหน้า มีเสน่ห์ มีความอุตสาหะวิริยะ มีความกล้า และมีปฏิภาณในทำนองเดียวกัน Francoise de Callieres (1645-1717) นักการทูตชั้นเยี่ยมของฝรั่งเศส ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำโปแลนด์ ซาวอย ฮอลแลนด์ บาวาเรีย และลอเรน ได้เขียนหนังสือไว้เล่มหนึ่งชื่อว่า De la miniere avec les souverains เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการเจรจาทางการทูต ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังเป็นที่รับรองกันทั่วไปว่าเป็นหนังสือที่ดีเยี่ยมเล่ม หนึ่ง หรือเป็นจินตกวีนิพนธ์เรื่องการดำเนินการทูตกับเจ้าผู้ครองนคร (Princes) สมัยนั้นCallieres ได้วางมาตรฐานของนักการทูตไว้สูงมากเพราะเขาเห็นว่า ไม่มีงานราชการใด ๆ ที่จะยากยิ่งไปกว่าการเจรจา ในการเจรจานั้น ผู้เจรจาจะต้องสามารถมองเห็นเหตุการณ์ทะลุปรุโปร่ง หรือมีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง มีความละมุนละไม มีความรอบรู้และความเข้าใจอย่างกว้างขวาง ตลอดจนข้อสำคัญที่สุด ต้องเป็นผู้มีความสุขุมคัมภีรภาพ สามารถมองเห็นการณ์ไกลชนิดเจาะลึกทีเดียว นอกจากนี้ จะต้องเป็นผู้มีอารมณ์ขันอย่างสม่ำเสมอ ไม่โกรธง่าย มีจิตใจสงบเยือกเย็น มีความอดกลั้น พร้อมเสมอที่จะรับฟังทุกคนที่เขาพบด้วยความตั้งอกตั้งใจ พูดจาอย่างเปิดเผย และมีอารมณ์ร่าเริงไม่หน้าเง้าหน้างอ มีอัธยาศัยไมตรี รวมทั้งมีกิริยาท่าทางเป็นที่ต้องตาต้องใจกับทุกคน ในฐานะนักเจรจา (Negotiator) นักการทูตจะต้องมีคุณลักษณะและคุณสมบัติตามที่กล่าวมานี้เป็นอย่างน้อย เนื่องจากมีการเจรจาเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของนักการทูตนั่นเอง [การทูต] | Duration of Diplomatic Privileges and Immunities | ระยะเวลาของการอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทาง การทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตราที่ 39 ว่า?1. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ที่จะได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันนั้นตั้งแต่ขณะที่บุคคลนั้นเข้ามาใน อาณาเขตของรัฐผู้รับในการเดินทางไปรับตำแหน่งของตน หรือถ้าอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ได้บอกกล่าวการแต่งตั้งของตนต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน 2. เมื่อภารกิจหน้าที่ของบุคคล ซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันยุติลง เอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามปกติให้สิ้นสุดลงขณะที่บุคคลนั้นออกไปจากประเทศ หรือเมื่อสิ้นกำหนดอันสมควรที่จะทำเช่นนั้น แต่จะยังมีอยู่จนกระทั่งเวลานั้น แม้ในกรณีของการขัดแย้งด้วยอาวุธ อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปโดยบุคคลเช่นว่านั้น ในการปฏิบัติการหน้าที่ของตนในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน ความคุ้มกันนั้นให้มีอยู่สืบไป 3. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามีสิทธิที่จะได้สืบไป จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป 4. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นอยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว รัฐผู้รับสามารถอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่การส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดก และการรับมรดกนั้น ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับเพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่เพียงถ่ายเดียวของผู้วายชนม์ ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือในฐานะเป็นคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน? [การทูต] | Diplomatic Secretaries | ตำแหน่งเลขานุการทางการทูตในสถานเอกอัครราชทูต ตำแหน่งเลขานุการทางการทูตจะมีอยู่ 3 ระดับ คือ เลขานุการเอก เลขานุการโท และเลขานุการตรี ทั้งสามระดับอยู่รองลงมาจากตำแหน่งที่ปรึกษา (Counselor) ระดับทั้งหมดนี้มีฐานะทางการทูต มีเอกสิทธิ และความคุ้มกันทางการทูตทั้งมวล และชื่อจะปรากฎอยู่ในสมุดเอกสารรายชื่อบุคคลในคณะทูตตำแหน่งเลขานุการทางการ ทูตเหล่านี้ อย่าไปปนกับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของเอกอัครราชทูต ซึ่งแม้จะมีฐานะสำคัญในสถานเอกอัครราชทูต แต่ไม่มีสถานภาพทางการทูตแต่อย่างใด รวมทั้งตำแหน่งเลขานุการ ซึ่งทำหน้าที่เสมียนจดชวเลขและพิมพ์ดีด [การทูต] | diplomatic privileges and immunities | เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต [การทูต] | Establishment of Diplomatic Relations and Missions | การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและคณะผู้แทนถาวร ทางการทูต ข้อนี้มีบทบัญญัติไว้ในมาตรา 2 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตว่าการสถาปนาความ สัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัฐ และคณะผู้แทนถาวรทางการทูตมีขึ้นได้ด้วยความยินยอมของกันและกันในเรื่องนี้ รัฐที่มีอธิปไตยโดยสมบูรณ์ทุกรัฐ มีสิทธที่จะส่งตัวแทนทางการทูตไปทำหน้าที่พิทักษ์ดูแลผลประโยชน์ของตนยังรัฐ อื่นๆ ซึ่งถือกันว่ามี Active right of legation แต่การใช้สิทธิดังกล่าว เป็นเรื่องดุลยพินิจของแต่ละรัฐ เพราะจะบังคับให้รัฐหนึ่งส่งคณะผู้แทนทางทูตประจำ ณ ที่ใดหาได้ไม่ ถ้าหากรัฐนั้นไม่ปรารถนาจะปฏิบัติเช่นนั้น ในทำนองเดียวกันจะมีการบังคับให้รัฐผู้รับต้องรับคณะผู้แทนทางการทูตจากรัฐ ใดหาได้ไม่ ทั้งนี้เพราะเป็นเรื่องดุลยพินิจของรัฐผู้รับเช่นกัน [การทูต] | Exemption from Customs Duties and Inspection of Diplomatic Mission?s Articles | การยกเว้นจากอากรศุลกากร และการตรวจสิ่งของเครื่องใช้ของคณะผู้แทนทางการทูต การยกเว้นดังกล่าวนี้ไม่ถือว่าเป็นสิทธิ แต่เป็นเรื่องของการแสดงอัธยาศัยไมตรีระหว่งประเทศที่ให้ต่อกันมากกว่า กฎหมายระหว่างประเทศก็มิได้กำหนดพันธะที่จะต้องให้การยกเว้นจากอากรศุลกากร อย่างไรก็ดี รัฐส่วนมากได้แสดงอัธยาศัยไมตรีโดยให้ผู้แทนทางการทูตได้รับการยกเว้นอากร ศุลกากรแก่สินค้าและเครื่องใช้ที่นำเข้ามาใช้ในส่วนตัวเองอนุสัญญากรุง เวียนนาได้ระบุไว้ในมาตรที่ 36 ว่า1. รัฐผู้รับจะอนุญาตให้นำเข้าและอำนวยให้มีการยกเว้นจากอากรศุลกากร ภาษี ตลอดจนค่าภาระที่เกี่ยวข้องทั้งมวล นอกจากค่าภาระในการเก็บรักษา การขนส่งและบริการ ให้ทำนองเดียวกันตามกฎหมายหรือข้อบังคับ ซึ่งรัฐผู้รับอาจกำหนดไว้แก่ก. สิ่งของสำหรับใช้ในทางการของคณะผู้แทนข. สิ่งของสำหรับใช้ส่วนบุคคลของตัวแทนทางการทูต หรือคนในครอบครัวของตัวแทนทางการทูต ซึ่งประกอบเป็นส่วนครัวเรือนของตัวแทนทางการทูต รวมทั้งสิ่งของที่แสดงเจตนาสำหรับการตั้งถิ่นฐานของตัวแทนทางการทูตด้วย2. หีบห่อส่วนบุคคลของตัวแทนทางการทูต ให้ได้รับยกเว้นจากการตรวจตรา นอกจากมีมูลเหตุอันร้ายแรงที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่า หีบห่อส่วนตัวนั้นบรรจุสิ่งของซึ่งไม่อยู่ในข่ายแห่งการยกเว้นที่ได้ระบุไว้ ในวรรค 1 ของข้อนี้ หรือสิ่งของซึ่งการนำเข้าหรือส่งออกนั้นต้องห้ามทางกฎหมาย หรือถูกควบคุมตามข้อบังคับว่าด้วยการกักตรวจโรคของรัฐผู้รับ การตรวจตราเช่นว่านี้ให้กระทำต่อหน้าตัวแทนทางการทูต หรือต่อหน้าผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจของตัวแทนทางการทูตเท่านั้น [การทูต] | Exemption from Taxation of Diplomatic Agent | การยกเว้นภาษีอากรให้แก่ตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ข้อ 34 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติไว้ว่า?ให้ตัวแทนทางการทูตได้รับยกเว้นจากภาระผูกพันและภาษีทั้ง ปวงของชาติท้องถิ่นหรือเทศบาล ในส่วนบุคคลหรือในทรัพย์สิน เว้นแต่ก. ภาษีทางอ้อม ชนิดที่ตามปกติรวมอยู่ในราคาของสินค้าหรือบริการแล้วข. ภาระผูกพันและภาษีจากอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับ นอกจากว่า ตัวแทนทางการทูตครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นไว้ในนามของรัฐผู้ส่ง เพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนค. อากรกองมรดก การสืบมรดก หรือการรับมรดก ซึ่งรัฐผู้รับเรียกเก็บภายในบังคับแห่งบทของวรรค 4 ข้อ 39 ง. ภาระผูกพันและภาษีจากเงินได้ส่วนตัว ซึ่งมีแหล่งกำเนิดในรัฐผู้รับ และภาษีเก็บจากเงินทุนซึ่งได้ลงทุนในการประกอบการพาณิชย์ในรัฐผู้รับจ. ค่าภาระซึ่งเรียกเก็บสำหรับบริการจำเพาะที่ได้ให้ฉ. ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ค่าธรรมเนียมศาล หรือสำนวนความ ภาระผูกพันในการจำนอง และอากรแสตมป์ในส่วนที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ภายในบังคับแห่งบทของข้อ 23?นอกจากนี้ ข้อ 35 ของอนุสัญญากรุงเวียนนายังได้บัญญัติไว้ด้วยว่า ?ให้รัฐผู้รับให้ตัวแทนทางการทูตได้รับการยกเว้นจากการบริการส่วนบุคคลทั้ง มวล จากบริการส่วนสาธารณะทั้งมวล และจากข้อผูกพันทางทหาร เช่น ส่วนที่เกี่ยวกับการเรียกเกณฑ์ ส่วนบำรุง หรือเรียกคืนที่พักอาศัยเพื่อปฏิบัติการทางทหาร? [การทูต] | Exercise by Diplomatic Missions of Consular functions | การปฏิบัติหน้าที่กงสุลโดยคณะผู้แทนทางการทูต ตามข้อ 70 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ได้บัญญัติไว้ว่า1. บทของอนุสัญญานี้ใช้แก่ปฏิบัติการหน้าที่ทางกงสุลโดยคณะผู้แทนทางการทูตด้วย เท่าที่บริบทจะอำนวยให้2. ชื่อของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานในแผนกกงสุล หรือมิฉะนั้นได้รับภาระให้ปฏิบัติการหน้าที่ทางกงสุลของคณะผู้แทนนั้น จะต้องแจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศของรัฐผู้รับ หรือแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่กระทรวงนั้นที่แต่งตั้งไว้3. ในการปฏิบัติการหน้าที่ทางกงสุล คณะผู้แทนทางการทูตอาจติดต่อกับก. เจ้าหน้าที่ท้องที่ของเขตกงสุลนั้นข. เจ้าหน้าที่ส่วนกลางของรัฐผู้รับ ถ้าหากกระทำได้ตามกฎหมาย ข้อบังคับ และจารีตประเพณีของรัฐผู้รับ หรือตามความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง4. เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูตที่อ้างถึงในวรรค 2 ของข้อนี้ จะยังคงอยู่ในบังคับแห่งกฎเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับความ สัมพันธ์ทางการทูต [การทูต] | Freedom of Movement of Diplomatic Agents | เสรีภาพในการเคลื่อนย้ายและการเดินทางของผู้แทน ทางการทูต โดยปกติ รัฐผู้รับย่อมอนุญาตโดยเสรีแก่ผู้แทนทางการทูต ที่จะเคลื่อนย้ายและเดินทางไปไหนมาไหนได้ทั่วประเทศ แต่ระหว่างสงครามเย็นที่ผ่านมา ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตั้งข้อจำกัดการเดินทางแก่ผู้แทนทางการทูตของกลุ่ม ประเทศคอมมิวนิสต์บางแห่ง ได้แก่ สหภาพโซเวียต บัลแกเรีย เชคโกสโลวาเกีย ฮังการี รูเมเนีย และโปแลนด์ นัยว่าสหรัฐฯ ได้กำหนดเขตแขวงในดินแดนของตน 355 แห่ง หรือประมาณร้อยละ 11 ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นเขตห้ามเข้าสำหรับผู้แทนทางการทูตของประเทศเหล่านั้นในทำนองเดียวกัน กลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ดังกล่าวก็ได้ตั้งข้อจำกัดการเดินทางแก่ผู้แทนทางการ ทูตของสหรัฐฯ เช่นกัน สำหรับเสรีภาพการเคลื่อนย้ายนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติในข้อ 26 ว่า?ภายในบังคับของกฎหมาย และข้อบังคับของรัฐผู้รับเกี่ยวกับการเข้าไปในเขตหวงห้ามหรือวางระเบียบไว้ โดยเหตุผลของความมั่นคงแห่งชาติ ให้รัฐผู้รับประกันแก่สมาชิกทั้งมวลของคณะเกี่ยวกับเสรีภาพในการเคลื่อนไหว และการเดินทางในอาณาเขตของตน? [การทูต] | Functions of Diplomatic Mission | ภาระหน้าที่ต่าง ๆ ของคณะผู้แทนทางการทูต หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หน้าที่ที่ปฏิบัติเป็นประจำของผู้แทนทางการทูตนั้น ได้แก่ หน้าที่การเจรจา การสังเกต และการคุ้มครอง อย่างไรก็ดี มีบางประเทศได้มอบอำนาจให้ผู้แทนทางการทูตของตนปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุล และกิจกรรมเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ด้วย ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำคัญใด ๆ กับการทูตเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติไว้ในมาตรา 3 ว่า1. นอกจากประการอื่นแล้ว การหน้าที่ของคณะผู้แทนทางการทูตประกอบด้วยก. ทำหน้าที่แทนรัฐผู้ส่งในรัฐผู้รับข. คุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐผู้ส่งและของคนชาติของรัฐผู้ส่งในรัฐผู้รับ ภายในขีดจำกัดอันกฎหมายระหว่างประเทศได้อนุญาตให้ค. เจรจากับรัฐบาลของรัฐผู้รับง. สืบเสาะให้แน่ด้วยวิถีทางทั้งมวลอันชอบด้วยกฎหมายถึงสถาวะและพัฒนาการในรัฐ ผู้รับ แล้วรายงานไปยังรัฐบาลของรัฐผู้ส่งจ. ส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างรัฐผู้ส่งกับรัฐผู้รับ ตลอดจนพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์ ระหว่างรัฐผู้ส่งกับรัฐผู้รับ2. ไม่มีข้อความในอนุสัญญานี้ ที่จะหมายความได้ว่าเป็นการห้ามไม่ให้คณะผู้แทนทางการทูตปฏิบัติหน้าที่ทางกงสุล [การทูต] | Head of Diplomatic Mission | บุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐผู้ส่งให้ทำหน้าที่ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต ในกรณีของสถานเอกอัครราชทูตผู้ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทน ทางการทูต เรียกว่า เอกอัครราชทูตวิสามัญและมีอำนาจเต็ม (Ambassador Extraordinary and plenipotentiary) หัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตจะได้แก่ อัครราชทูตวิสามัญและมีอำนาจเต็ม หรือเรียกว่าอุปทูต (Chargé d?Affaires entitre) คองเกรสแห่งเวียนนาและที่ประชุมแห่งเอกซ์ ลา ชา แปล (Congress of Aix-la-Chapelle) ได้จำแนกหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตไว้ดังต่อไปนี้ คือ1. เอกอัครราชทูต (Ambassadors) หรือเอกอัครสมณทูต (Papal Nucios)2. อัครราชทูต (Envoys Extraordinary and Ministers Plenipotentiary)3. อัครราชทูตผู้มีถิ่นพำนัก (Mission Resident)4. อุปทูต (Chargé d?Affaires)แต่อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติไว้ในมาตร 14 ว่า?1. หัวหน้าคณะผู้แทนแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือก. ชั้นเอกอัครราชทูตหรือเอกอัครสมณทูต ซึ่งแต่งตั้งไปยังประมุขของรัฐ และหัวหน้าคณะผู้แทนอื่นที่มีชั้นเท่ากันข. ชั้นรัฐทูต อัครราชทูต และอัครสมณทูต ซึ่งแต่งตั้งไปยังประมุขของรัฐค. ชั้นอุปทูตซึ่งแต่งตั้งไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 2. ข้อยกเว้นที่เกี่ยวกับลำดับอาวุโสและมารยาท ต้องไม่ให้มีความแตกต่างกันระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทน ในมาตรา 15 ก็ได้ระบุว่า ชั้นที่กำหนดให้แก่หัวหน้าคณะผู้แทนนั้น ต้องทำความตกลงกันระหว่างรัฐ? [การทูต] | Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] | Inviolability of Residence and Property of Diplomatic Agents | หมายถึง ความละเมิดมิได้ของทำเนียบและทรัพย์สินของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 30 ว่า ?1. ให้ที่อยู่ส่วนตัวของตัวแทนทางการทูต ได้อุปโภคความละเมิดมิได้และความคุ้มครอง เช่นเดียวกับสถานที่ของคณะผู้แทน 2. ให้กระดาษเอกสาร หนังสือโต้ตอบ และยกเว้นที่ได้บัญญัติไว้ในวรรค 3 ของข้อ 31 ทรัพย์สินของตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคและละเมิดมิได้เช่นกัน?วรรค 3 ของข้อ 31 ในอนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติว่า มาตรการบังคับคดีไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต (เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยเงื่อนไขว่า มาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้ โดยปราศจาการละเมิด) หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต [การทูต] | member of the diplomatic staff | บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายทูต คือ บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ของคณะผู้แทนซึ่งมีตำแหน่งทางทูต [การทูต] | New Diplomacy | การทูตแบบใหม่ ภายหลังสงครามโลกครั้งแรก หรือตั้งแต่ ค.ศ. 1918 เป็นต้นมา ได้เกิดการทูตแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างไปจาการทูตแบบเก่า อันได้ปฏิบัติกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี นักวิชาการบางท่านมีความเอนเอียงที่จะตำหนิว่า การที่เกิดสงครามโลกขึ้นนั้น เป็นเพราะการทูตประสบความล้มเหลวมากกว่าอย่างไรก็ดี บางท่านเห็นว่าแม้ส่วนประกอบของการทูตจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่เนื้อหาหรือสาระสำคัญของการทูตยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างการทูตแบบเก่ากับการทูตแบบใหม่อาจกล่าวได้ ว่า มีปัจจัยสำคัญ ๆ อยู่สามประการ ที่มีอิทธิพลหรือบังเกิดผลโดยเฉพาะต่อวิธีการหรือทฤษฎีของการเจรจาระหว่าง ประเทศ กล่าวคือ ข้อแรก ชุมชนนานาชาติทั้งหลายเกิดการตื่นตัวมากขึ้น ข้อที่สอง ได้มีการเล็งเห็นความสำคัญของมติสาธารณะ ( Public Opinion) มากขึ้น และประการสุดท้าย เป็นเพราะการสื่อสารคมนาคมได้เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วอดีตนักการทูตผู้มี ชื่อเสียงคนหนึ่งของอินเดีย ได้แสดงความไม่พอใจและรังเกียจความหยาบอย่างปราศจากหน่วยก้านของการดำเนิน การทูตแบบใหม่ เช่น การโฆษณาชวนเชื่อเข้าใส่กัน การใช้ถ้อยคำในเชิงผรุสวาทต่อกัน การเรียกร้องกันอย่างดื้อ ๆ ขาดความละมุนละไมและประณีต อาทิเช่น การเรียกร้องข้ามหัวรัฐบาลไปยังประชาชนโดยตรงในค่ายของฝ่ายตรงกันข้ามการ กระทำต่าง ๆ ที่จะให้รัฐบาลต้องเสียชื่อหรือขาดความน่าเชื่อถือ ตลอดจนการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ห้ามไม่ให้ประชาชนติดต่อกันทางสังคม และอื่น ๆ เป็นต้น [การทูต] | Normal Diplomacy | การติดต่อทางการทูตโดยวิถีทางทูตตามปกติ มักจะกระทำกันดังนี้ เมื่อรัฐบาลต้องการจะหยิบยกปัญหาขึ้นกับอีกรัฐบาลหนึ่ง ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะส่งคำสั่งไปยังเอกอัครราชทูตของ ประเทศตนที่ประจำอยู่ในประเทศผู้รับส่งให้ยกเรื่องนั้นขึ้นเจรจากับรัฐบาล ของประเทศผู้รับ โดยปกติเอกอัครราชทูตจะมีหนังสือทางการทูต (Diplomatic Note) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีวาการกระทรวงการต่างประเทศ ของประเทศผู้รับนั้นก่อน หรือไม่ก็ไปพบกับรัฐมนตรีด้วยตนเอง ณ กระทรวงการต่างประเทศ การเจรจากันอาจทำให้จำเป็นต้องมีการบันทึกของทูตแลกเปลี่ยนกันขึ้น ในรูปบันทึกช่วยจำ (Aide-Memoire ) ในบางกรณี เอกอัครราชทูตจำเป็นต้องไปพูดจา ณ กระทรวงการต่างประเทศ อีกหลายครั้งกว่าจะเสร็จเรื่อง ในระหว่างนั้น เอกอัครราชทูตมีหน้าที่จะต้องรายงานผลการเจรจาแต่ะครั้งไปยังกระทรวงการต่าง ประเทศของตน และบางคราวอาจจะต้องขอคำสั่งเพิ่มเติมอีกเมื่อเกิดกรณีใหม่โดยมิได้คาดหมาย มาก่อนเป็นต้น ในขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศของประเทศผู้รับก็จะส่งคำสั่งไปยังเอก อัครราชทูตของตน แนะว่าควรดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาที่กำลังเจรจากันกับรัฐบาลของ ประเทศที่ตนประจำอยู่ผลการเจรจาอาจเป็นที่ตกลงกันได้ระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ฝ่าย หรืออาจจะจบลงด้วยภาวะชะงักงัน ( Stalemate ) หรือรัฐบาลทั้งสองอาจจะตกลงกันว่าไม่สามารถตกลงกันได้ และปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังไปก่อน จนกว่าจะมีการรื้อฟื้นเจรจากันใหม่ บางคราวปัญหาที่ยังตกลงกันไม่ได้นั้น อาจกลายเป็นปัญหาขัดแย้งกันอย่างรุนแรงต่อไปก็ได้ [การทูต] |
| What's it gonna look like in the fall when you apply to the CPA program, and they see that you barely squeaked by in Intro Accounting? | Was ist, wenn du dich für das Wirtschaftsprüferdiplom bewirbst, und die merken, wie knapp du in Buchführung durchgekommen bist? Pilot (2014) | Frank says undercover cop trying to pull you into a sting, and I'm going with either foreign diplomat or Pilates guru. | Frank, eine verdeckte Ermittlerin. Und ich tippe auf Diplomatin oder Pilates-Guru. Stuck (2014) | Diplomacy. | Diplomatie. Liege Lord (2014) | Need the diploma to get promoted, right? | So so, ein Diplom für die Karriere. The Fool (2014) | But every conversation I have with a noble or diplomat ends the same way. | Ob Edelmann oder Diplomat, alle sagen denselben Satz. Toy Soldiers (2014) | I'm getting that stupid diploma I said I didn't care about. | Ich bekomme das dumme Diplom, von dem ich behauptet hatte, es wäre mir egal. And the First Degree (2014) | You can do more than get that diploma, Max. | Du kannst mehr tun, als das Diplom zu bekommen, Max. And the First Degree (2014) | Okay, Max, maybe don't say anything else, or they'll take your diploma back. | Okay, Max, vielleicht sagst du jetzt besser nichts mehr, oder sie nehmen dir das Diplom wieder ab. And the First Degree (2014) | You were so close to getting your diploma. | Du warst so kurz davor dein Diplom zu bekommen. And the First Degree (2014) | Did you ever consider a career in diplomacy? | Hast du jemals eine Karriere als Diplomat in Betracht gezogen? Episode #2.5 (2014) | Heal the battle wounds of Wuchang, Jingim... as a diplomat making peace. | Heile die Schlachtwunden von Wuchang als Diplomat, der Frieden schließt. The Fourth Step (2014) | Warrior and diplomat. | Krieger und Diplomat. The Fourth Step (2014) | And this offer will enrage him, but I've shown his council, army and people that I'm a diplomat until the bitter end. | Das Angebot wird ihn erzürnen, zeigt aber Rat, Armee und Volk, dass ich Diplomat bin, bis zum bitteren Ende. Rendering (2014) | Turns out our parents didn't go off on some diplomatic mission like everyone thought. | Scheint, als seien unsere Eltern nicht wegen einer diplomatischen Sache unterwegs gewesen, so wie alle dachten. A Tale of Two Sisters (2014) | Third, by misrepresenting yourself and your intentions, you're in violation of all international diplomatic statutes. | Drittens, falsche eigene Vorstellung und deiner Absichten, du hast alle internationalen diplomatischen Statuten verletzt. Population 25 (2014) | He is one of our best diplomats, but business has he not learn. | Er ist einer unserer besten Diplomaten. Aber Geschäfte sind nicht sein Ding. Foreign Affairs (2014) | You always did excel at diplomacy. | Du wärst ein guter Diplomat geworden. Every Mother's Son (2014) | Well, then let me send diplomats. | - Senden wir Diplomaten. No Exit (2014) | I have diplomatic immunity. | Ich habe diplomatische Immunität. Quicksand (2014) | They confirm you have diplomatic status. | Sie bestätigen Ihren Diplomatenstatus. Quicksand (2014) | I haven't gotten my teacher's degree yet. | Ich habe noch nicht mal mein Lehrer-Diplom. Chapter One (2014) | Where did you get your degree from, the University of Dumb-ass? | Woher haben Sie Ihr Diplom, von der Spasten-Universität? Chapter One (2014) | Or that, you know, you don't have your teaching degree or that I haven't established my career, or that we have debts, or whatever other reasons we have for waiting. | Oder dass du dein Lehrer-Diplom nicht hast, dass ich meine Karriere noch nicht im Griff habe, oder dass wir Schulden haben, oder welchen Grund wir auch immer haben zu warten. Chapter One (2014) | He's brilliant but impolitic. | Er ist genial aber undiplomatisch. Single Point of Failure (2014) | I'm gonna revoke my diplomatic immunity. | Ich werde meine diplomatische Immunität aufheben. Toil and Till (2014) | I was just trying to be diplomatic. | Ich wollte es nur etwas diplomatischer ausdrücken. Poor Little Lambs (2014) | We're trying to mitigate a major diplomatic crisis here. | Wir versuchen, eine große diplomatische Krise zu entschärfen. Iconoclast (2014) | It's created a diplomatic shitstorm for the State Department. | Das hat einen diplomatischen Shitstorm für das State Department ausgelöst. Iconoclast (2014) | Diplomacy is dead. | Die Diplomatie ist am Ende. Hashshashin (2014) | Then I do not suggest a career in the Diplomatic. | Dann solltest du keine Diplomatin werden. Episode #5.8 (2014) | We even do not have diplomatic relations with these countries. And for what? | Dahin gibt es nicht mal diplomatische Beziehungen. Labyrinth of Lies (2014) | I'm on a diplomatic mission, part of a semi-permanent envoy. | Ich bin auf einer diplomatischen Mission, sozusagen ein semi-permanenter Diplomat. The Snow Queen (2014) | We shall see to it that your diplomatic mission here is over. | Wir werden dafür sorgen, dass Eure diplomatische Vertretung hier vorbei ist. The Snow Queen (2014) | I'm the one with the business degree, and you have to trust me on this. | Ich bin diejenige mit dem Diplom, und du musst mir hier vertrauen. And a Loan for Christmas (2014) | A Harvard law diploma, summa cum laude, Order of the Coif. | Ein Harvard Jura-Diplom, summa cum laude, den Order of the Coif. This Is Rome (2014) | President's decided to break off diplomatic relations. | Der Präsident beendet die diplomatischen Beziehungen. Krieg Nicht Lieb (2014) | I'm an official of the German diplomatic mission... | Ich bin Funktionärin der deutschen, diplomatischen Gesandtschaft... Krieg Nicht Lieb (2014) | This won't be a... bunch of kids looking to stir up a fight... but a diplomatic mission to make contact with the Grounders' commander... and negotiate for peace. | Das wird nicht so sein, wie ein paar Kinder, die darauf aus sind, einen Kampf anzuzetteln... sondern eine diplomatische Mission, um den Commander der Erdlinge zu kontaktieren, und Frieden zu erreichen. Reapercussions (2014) | I'm looking at your diploma, thinking I could have got into your Alma mater when I was seven. | Wenn ich mir Ihr Diplom anschaue, denke ich, ich hätte mit sieben an Ihrer Uni studieren können. True Colors (2014) | I want you to know that your outburst this morning may have seriously jeopardized four years of careful diplomacy. | Sie müssen wissen, dass Ihr Ausbruch heute Morgen vier Jahre vorsichtiger Diplomatie ernsthaft gefährdet haben könnte. Redux (2014) | The door won't open until I get an all-clear from the Diplomatic Security Command Center in Washington. | Die Türe wird sich nicht öffnen, bis ich die Freigabe der Diplomatischen Sicherheits-Kommando-Zentrale aus Washington erhalten habe. 13 Hours in Islamabad (2014) | The president's decided to break off diplomatic relations. | Der Präsident hat sich entschieden, die diplomatischen Beziehungen zu beenden. 13 Hours in Islamabad (2014) | Our diplomatic immunity is gone. | Unsere diplomatische Immunität ist weg. 13 Hours in Islamabad (2014) | I'm a diplomat. | Ich bin ein Diplomat. Halfway to a Donut (2014) | Keep in mind we've got diplomats here, state officials. | Behaltet im Kopf, dass wir Diplomaten hier haben, Staatsbeamte. Face My Enemy (2014) | We'll say there's a photography graduate here. | Wir sagen: "Hier ist ein Fotograf mit Diplom." Deliha (2014) | Because he knew that this man's diplomatic connections entitled his correspondence to less scrutiny from customs. | Weil er wusste, dass durch die diplomatischen Verbindungen dieses Mannes, die Korrespondenz vom Zoll weniger kontrolliert wurde. Rip Off (2014) | - I'm a diplomat. | - Ich bin Diplomat. Gold Soundz (2014) | Absolute honesty isn't always the most diplomatic, nor the... safest form of communication with emotional beings. | Absolute Ehrlichkeit ist nicht immer diplomatisch, und schon gar nicht die sicherste Form der Kommunikation mit emotionalen Wesen. Interstellar (2014) | I'm a licensed chiropractor. | Ich bin diplomierter Chiropraktiker. Mr. Peabody & Sherman (2014) |
| | วงการทูต | (n) diplomatic circles, Syn. แวดวงทูต, Example: แขกที่มาอวยพรคู่บ่าวสาวมีแต่ผู้ที่อยู่ในวงการทูตทั้งนั้น, Count Unit: วงการ, Thai Definition: หน่วยงานและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทูต | ประกาศนียบัตรชั้นสูง | (n) diploma, Example: มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดรับสมัครนักศึกษารอบเพิ่มเติมประจำปีการศึกษา 2541 ในระดับประกาศนียบัตรชั้นสูง, Count Unit: ใบ, Thai Definition: เอกสารแสดงคุณวุฒิ ในระดับอุดมศึกษา | พระราชไมตรี | (n) friendly relations, See also: diplomatic relations, Example: เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มีพระราชไมตรีตอบรับคำเชิญของกระทรวงการต่างประเทศของไทย, Thai Definition: ความเป็นเพื่อน, ความหวังดีต่อกัน, Notes: (ราชา) | อักษรสาสน์ | (n) diplomatic letter, Syn. อักษรสาสน, Count Unit: ฉบับ, Thai Definition: จดหมายของประธานาธิบดีหรือประมุขของประเทศ ซึ่งมีชื่อเป็นอย่างอื่นที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ | ประกาศนียบัตร | (n) certificate, See also: diploma, testimonial, Syn. ใบสุทธิ, วุฒิบัตร, ใบรับรอง, Example: เขาเรียนจบระดับปวส. โดยมีประกาศนียบัตรรับรองความรู้, Thai Definition: เอกสารแสดงคุณวุฒิ ตามปกติต่ำกว่าระดับอุดมศึกษา | การทูต | (n) diplomacy, See also: statecraft, statesmanship, foreign affairs, external affairs, Example: เขาชอบใช้วิธีการทูตในการเจรจาหว่านล้อมและสร้างพันธมิตรทางการค้า | ทูต | (n) ambassador, See also: diplomat, envoy, representative, minister, Syn. นักการทูต, ราชทูต, ทูตา, Example: ประเทศไทยส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ, Count Unit: คน, ท่าน, Thai Definition: ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนไปยังต่างประเทศ เพื่อเจรจาหรือเจริญสันถวไมตรีเป็นทางราชการ, Notes: (บาลี) | ทูตานุทูต | (n) diplomat, See also: envoy, representative, minister, ambassador, diplomatic body, diplomatic corps, Syn. ตัวแทน, Count Unit: ท่าน, คน , กลุ่ม, คณะ, Thai Definition: ทูตใหญ่น้อย, คณะทูต, Notes: (บาลี) | นักการทูต | (n) diplomat, See also: ambassador, emissary, envoy, consul, minister, statesman, Example: พ่อของฉวีวรรณเป็นนักการทูตที่มีความสามารถมานานมาก, Count Unit: คน, Thai Definition: ผู้ชำนาญการทูต | วุฒิบัตร | (n) diploma, Example: รางวัลที่หนึ่งจะได้รับทุนการศึกษาและวุฒิบัตร, Thai Definition: เอกสารแสดงความรู้, เอกสารแสดงวุฒิ | อนุปริญญา | (n) diploma, Example: งานตำแหน่งนี้รับผู้จบอนุปริญญาขึ้นไป, Thai Definition: ชั้นความรู้ขั้นมหาวิทยาลัยรองจากปริญญาตรี ซึ่งประสาทให้แก่ผู้ที่สอบไล่ได้ตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ | คณะฑูต | (n) diplomatic corps, See also: diplomatic mission, Example: นายดิเรก ชัยนาม เป็นหัวหน้าคณะทูตทหารที่เดินทางไปพบกับฝ่ายทหารอังกฤษที่ศรีลังกา | คณะฑูต | (n) diplomatic corps, See also: diplomatic mission, Example: นายดิเรก ชัยนาม เป็นหัวหน้าคณะทูตทหารที่เดินทางไปพบกับฝ่ายทหารอังกฤษที่ศรีลังกา | คณะฑูต | (n) diplomatic corps, See also: diplomatic mission, Example: นายดิเรก ชัยนาม เป็นหัวหน้าคณะทูตทหารที่เดินทางไปพบกับฝ่ายทหารอังกฤษที่ศรีลังกา |
| อนุปริญญา | [anuparinyā] (n) EN: diploma FR: diplôme [ m ] ; certificat [ m ] | ใบสุทธิ | [baisutthi] (n) EN: graduation certificate ; school-leaving certificate ; diploma ; testimonial ; certificate of honourable dismissal FR: attestation [ f ] ; certificat [ m ] | บัณฑิต | [bandit] (n) EN: graduate FR: licencié [ m ] ; diplômé [ m ] | ชั้นเชิง | [chanchoēng] (n) EN: artifice ; tactics ; means ; stratagem ; trick ; tact ; strategy ; trickery ; finesse ; craftiness ; diplomatic skill FR: stratagème [ m ] ; moyen [ m ] ; artifice [ m ] ; finesse [ f ] | โดยวิถีทางการทูต | [dōi withīthāng kānthūt] (xp) EN: through the diplomatic channel FR: par voie diplomatique | จบการศึกษา | [jop kānseuksā] (v, exp) EN: graduate FR: être diplômé ; obtenir son diplôme ; terminer ses études ; sortir de l'université ; sortir de l'école | การปฏิบัติหน้าที่ทางการทูต | [kān patibat nāthī thāng kānthūt] (n, exp) EN: performance of diplomatic acts | การปฏิบัติหน้าที่ทางทูต | [kān patibat nāthī thāng thūt] (n, exp) EN: performance of diplomatic acts | การประชุมทางการทูต | [kān prachum thāng kānthūt] (n, exp) EN: diplomatic conference FR: conférence diplomatique [ f ] | การทูต | [kānthūt] (n) EN: diplomacy ; statecraft ; statesmanship ; foreign affairs ; external affairs FR: diplomatie [ f ] | ไข้การเมือง | [khai kān meūang] (n, exp) EN: diplomatic illness ; political illness FR: maladie diplomatique [ f ] | คณะผู้แทนทางทูต | [khana phūthaēn thāng thūt] (n, exp) EN: diplomatic mission FR: mission diplomatique [ f ] | คณะทูต | [khanathūt] (n) EN: diplomatic corps FR: mission diplomatique [ f ] ; légation [ f ] ; corps diplomatique [ m ] | ข้าราชการสถานทูต | [khārātchakān sathānthūt] (n) EN: diplomat FR: diplomate [ m, f ] | ความสัมพันธ์ทางการทูต | [khwām samphan thāng kānthūt] (n, exp) EN: diplomatic relations FR: relations diplomatiques [ fpl ] | ลิ้นทูต | [lin thūt] (adj) EN: diplomatic | นักการทูต | [nakkānthūt] (n) EN: diplomat ; ambassador ; emissary ; envoy ; consul ; minister ; statesman FR: diplomate [ m, f ] | เปรียญ | [parīen] (n) EN: graduate of theology FR: diplômé en théologie [ m ] | เปรียญธรรม | [parīen tham] (n, exp) EN: graduation in Buddhist theology ; the highest level of Buddhist dhamma FR: diplômé en théologie bouddhique [ m ] | ปริญญา | [parinyā] (n) EN: academic degree ; degree FR: diplôme universitaire [ m ] ; titre universitaire [ m ] ; maîtrise [ f ] | พิธีการทางการทูต | [phithīkān thāng kānthūt] (n, exp) EN: diplomatic protocol FR: protocole diplomatique [ m ] | พิธีการทูต | [phithīkān thūt] (n) EN: diplomatic protocol FR: protocole diplomatique [ m ] | พระราชไมตรี | [phrarātchamaitrī] (n) EN: friendly relations; diplomatic relations FR: relation amicale [ f ] | ผู้สำเร็จการศึกษา | [phū samret kānseuksā] (n, exp) EN: graduate FR: diplômé [ m ] | ผู้แทนทางทูต | [phūthaēn thāng thūt] (n, exp) FR: agent diplomatique [ m ] | ประกาศนียบัตร | [prakātsanīyabat] (n) EN: diploma ; certificate FR: diplôme [ m ] ; certificat [ m ] ; brevet [ m ] | ประกาศนียบัตรชั้นสูง | [prakātsanīyabat chan sūng] (n, exp) EN: diploma | ประเพณีการทูต | [praphēnī kān thūt] (n, exp) EN: diplomatic etiquette FR: règle diplomatique [ f ] | ราชทูต | [rātchathūt] (n) EN: King's envoy ; diplomatic representative ; envoy | เรียนจบ | [rīenjob] (v) EN: graduate FR: obtenir son diplôme | สัมพันธ์ทางการทูต | [samphan thāng kānthūt] (n, exp) EN: diplomatic relations FR: relations diplomatiques [ fpl ] | ตัดสัมพันธ์ทางการทูต | [tat samphan thāng kānthūt] (xp) EN: sever diplomatic relations FR: rompre les relations diplomatiques | ทางการทูต | [thāng kānthūt] (adj) EN: diplomatic FR: diplomatique | ทางทูต | [thāng thūt] (adj) EN: diplomatic FR: diplomatique | ถุงเมล์ของสถานทูต | [thung mē khøng sathānthūt] (n, exp) EN: diplomatic bag ; diplomatic pouch (Am.) FR: valise diplomatique [ f ] | ถุงไปรษณีย์ของสถานทูต | [thung praisanī khøng sathānthūt] (n, exp) EN: diplomatic bag ; diplomatic pouch (Am.) FR: valise diplomatique [ f ] | ถุงทางทูต | [thung thāng thūt] (n, exp) EN: diplomatic bag ; diplomatic pouch (Am.) FR: valise diplomatique [ f ] | ทูต | [thūt] (n) EN: diplomat ; diplomatic agent ; emissary ; envoy ; ambassador FR: diplomate [ m, f ] ; émissaire [ m ] ; envoyé [ m ] | ทูตานุทูต | [thūtānuthūt] (n) EN: diplomatic corps FR: corps diplomatique [ m ] | ทูตขรตรีเศียร | [thūt khoratrīsīen] (n, exp) EN: diplomat | วิถีการทูต | [withī kānthūt] (n, exp) FR: voie diplomatique [ f ] | โวหารการทูต | [wōhān kānthūt] (n, exp) EN: diplomatic language FR: langage diplomatique [ f ] | วงการทูต | [wongkān thūt] (n, exp) EN: diplomatic circles ; diplomatic quarters ; diplomatic sphere FR: sphère diplomatique [ f ] |
| | | amphidiploid | (n) (genetics) an organism or cell having a diploid set of chromosomes from each parent | amphidiploidy | (n) the condition of being amphidiploid | anadiplosis | (n) repetition of the final words of a sentence or line at the beginning of the next, Syn. reduplication | bureau of diplomatic security | (n) the bureau in the State Department that is responsible for the security of diplomats and embassies overseas, Syn. DS | diplococcus | (n) Gram-positive bacteria usually occurring in pairs | diplodocus | (n) a huge quadrupedal herbivore with long neck and tail; of late Jurassic in western North America | diploic vein | (n) one of the veins serving the spongy part of the cranial bones, Syn. vena diploica | diploid | (n) (genetics) an organism or cell having the normal amount of DNA per cell; i.e., two sets of chromosomes or twice the haploid number | diploid | (adj) of a cell or organism having two sets of chromosomes or twice the haploid number, Ant. haploid, polyploid | diploidy | (n) the condition of being diploid | diploma | (n) a document certifying the successful completion of a course of study, Syn. sheepskin | diplomacy | (n) negotiation between nations, Syn. diplomatic negotiations | diplomat | (n) an official engaged in international negotiations, Syn. diplomatist | diplomat | (n) a person who deals tactfully with others | diplomate | (n) medical specialist whose competence has been certified by a diploma granted by an appropriate professional group | diplomatic | (adj) relating to or characteristic of diplomacy | diplomatic | (adj) using or marked by tact in dealing with sensitive matters or people, Syn. diplomatical, Ant. undiplomatic | diplomatically | (adv) with diplomacy; in a diplomatic manner, Ant. undiplomatically | diplomatic building | (n) government building in which diplomats live or work | diplomatic immunity | (n) exemption from taxation or normal processes of law that is offered to diplomatic personnel in a foreign country | diplomatic mission | (n) a mission serving diplomatic ends | diplomatic pouch | (n) a mail pouch that is sealed shut and that is used to carry communications between a legation and its home office | diplomatic service | (n) the body of diplomatic personnel, Syn. corps diplomatique, diplomatic corps | diplopia | (n) visual impairment in which an object is seen as two objects, Syn. double vision | diplopoda | (n) arthropods having the body composed of numerous double somites each with two pairs of legs: millipedes, Syn. class Myriapoda, class Diplopoda, Myriapoda | diplopterygium | (n) scandent thicket-forming ferns of Asia to western Pacific, Syn. genus Diplopterygium | diplotaxis | (n) wall rocket, Syn. genus Diplotaxis | diplotene | (n) the fourth stage of the prophase of meiosis | dollar diplomacy | (n) diplomacy influenced by economic considerations | genus diplococcus | (n) a genus of bacteria | genus diplodocus | (n) a reptile genus of the suborder Sauropoda | higher national diploma | (n) a diploma given for vocational training that prepares the student for a career in a particular area; good students may progress to a course leading to a degree, Syn. HND | shuttle diplomacy | (n) international negotiations conducted by a mediator who frequently flies back and forth between the negotiating parties | undiplomatic | (adj) not skilled in dealing with others, Ant. diplomatic | undiplomatically | (adv) without diplomacy; in an undiplomatic manner, Ant. diplomatically | delicacy | (n) subtly skillful handling of a situation, Syn. discreetness, finesse, diplomacy | giant scrambling fern | (n) large scrambling fern forming large patches to 18 feet high; Pacific region and China, Syn. Diplopterygium longissimum | minister | (n) a diplomat representing one government to another; ranks below ambassador, Syn. diplomatic minister | pneumococcus | (n) bacterium causing pneumonia in mice and humans, Syn. Diplococcus pneumoniae | power politics | (n) diplomacy in which the nations threaten to use force in order to obtain their objectives, Syn. gunboat diplomacy | statesmanship | (n) wisdom in the management of public affairs, Syn. statecraft, diplomacy | wall rocket | (n) yellow-flowered European plant that grows on old walls and in waste places; an adventive weed in North America, Syn. Diplotaxis tenuifolia, Diplotaxis muralis | white rocket | (n) from Mediterranean region; a naturalized weed throughout southern Europe, Syn. Diplotaxis erucoides |
| Anadiplosis | ‖n. [ L., fr. Gr. &unr_;; &unr_; + &unr_; to double, &unr_;, &unr_;, twofold, double. ] (Rhet.) A repetition of the last word or any prominent word in a sentence or clause, at the beginning of the next, with an adjunct idea; as, “He retained his virtues amidst all his misfortunes -- misfortunes which no prudence could foresee or prevent.” [ 1913 Webster ] | Diploblastic | a. [ Gr. &unr_; doublet + -blast + -ic. ] (Biol.) Characterizing the ovum when it has two primary germinal layers. [ 1913 Webster ] | Diplocardiac | a. [ Gr. &unr_; double + E. cardiac. ] (Anat.) Having the heart completely divided or double, one side systemic, the other pulmonary. [ 1913 Webster ] | Diplococcus | ‖n.; pl. Diplococci [ NL., fr. Gr. diplo`os twofold + ko`kkos grain, seed. ] (Biol.) A form of micrococcus in which cocci are united in a binary manner. See Micrococcus. [ 1913 Webster ] | Diploe | ‖n. [ NL., fr. Gr. &unr_; fold, fr. &unr_; twofold, double. ] (Anat.) The soft, spongy, or cancellated substance between the plates of the skull. [ 1913 Webster ] | Diploetic | a. (Anat.) Diploic. [ 1913 Webster ] | Diplogenic | a. [ Gr. &unr_; double + the root of &unr_; to produce. ] Partaking of the nature of two bodies; producing two substances. Wright. [ 1913 Webster ] | Diplograph | n. [ Gr. &unr_; double + -graph. ] An instrument used for double writing, as one for producing embossed writing for the blind and ordinary writing at the same time. -- Dip`lo*graph"ic*al a. -- Dip*log"ra*phy n. [ Webster 1913 Suppl. ] | Diploic | a. (Anat.) Of or pertaining to the diploë. [ 1913 Webster ] | diploid | n. [ Gr. diplo`os twofold + -oid. ] 1. (Crystallog.) A solid bounded by twenty-four similar quadrilateral faces. It is a hemihedral form of the hexoctahedron. [ 1913 Webster ] 2. (Biol.) a cell or organism having a number of chromosomes corresponding to two copies of each chromosome; a diploid cell or organism. [ PJC ] A: I'm not interested in diploids. B: Oh, how I wish your parents had felt the same way! | diploid | a. [ Gr. diplo`os twofold + -oid. ] (Biol.) having a number of chromosomes corresponding to two copies of each chromosome; having double the basic number of chromosomes, as seen in a haploid cell. Contrasted to haploid and polyploid. in diploid cells, although the number of chromosomes is double that in haploid cells, it is not always true that there are two copies of every chromosome, since the two sex chromosomes in males will differ from each other. In females, and for other chromosomes, however, there are generally two copies of each, giving rise to the classical hereditary and sorting patterns of Mendelian genetics. [ PJC ] | Diploma | n.; pl. Diplomas [ L., fr. Gr. &unr_;, fr. &unr_; to double, fr. diplo`os twofold. See Double. ] A letter or writing, usually under seal, conferring some privilege, honor, or power; a document bearing record of a degree conferred by a literary society or educational institution. [ 1913 Webster ] | Diplomacy | n. [ F. diplomatie. This word, like supremacy, retains the accent of its original. See Diploma. ] 1. The art and practice of conducting negotiations between nations (particularly in securing treaties), including the methods and forms usually employed. [ 1913 Webster ] 2. Dexterity or skill in securing advantages; tact. [ 1913 Webster ] 3. The body of ministers or envoys resident at a court; the diplomatic body. [ R. ] Burke. | Diplomate | { , n. [ F. diplomate. ] A diplomatist. [ 1913 Webster ] Variants: Diplomat | Diplomate | v. t. To invest with a title or privilege by diploma. [ R. ] Wood. [ 1913 Webster ] | Diplomatial | a. Diplomatic. [ R. ] | Diplomatic | n. A minister, official agent, or envoy to a foreign court; a diplomatist. [ 1913 Webster ] | Diplomatical | { } a. [ Cf. diplomatique. ] 1. Pertaining to diplomacy; relating to the foreign ministers at a court, who are called the diplomatic body. [ 1913 Webster ] 2. Characterized by tact and shrewdness; dexterous; artful; as, diplomatic management. [ 1913 Webster ] 3. Pertaining to diplomatics; paleographic. Astle. [ 1913 Webster ] Variants: Diplomatic | Diplomatically | adv. According to the rules of diplomacy; in the manner of a diplomatist; artfully. [ 1913 Webster ] | Diplomatics | n. The science of diplomas, or the art of deciphering ancient writings, and determining their age, authenticity, etc.; paleography. [ 1913 Webster ] | Diplomatism | n. Diplomacy. [ R. ] [ 1913 Webster ] | Diplomatist | n. [ Cf. F. diplomatiste a student of diplomatics. ] A person employed in, or skilled in, diplomacy; a diplomat. [ 1913 Webster ] In ability, Avaux had no superior among the numerous able diplomatists whom his country then possessed. Macaulay. | Diplopod | n. (Zool.) One of the Diplopoda. [ 1913 Webster ] | Diplopoda | ‖n. pl. [ Gr. &unr_; double + -poda. ] (Zool.) An order of myriapods having two pairs of legs on each segment; the Chilognatha. [ 1913 Webster ] | Diplopy | { ‖ } n. [ NL. diplopia, from Gr. &unr_; double + the root of &unr_; sight: cf. F. diplopie. ] (Med.) The act or state of seeing double. [ 1913 Webster ] ☞ In crossed or heteronymous diplopia the image seen by the right eye is upon the left hand, and that seen by the left eye is upon the right hand. In homonymous diplopia the image seen by the right eye is on the right side, that by the left eye on the left side. In vertical diplopia one image stands above the other. [ 1913 Webster ] Variants: Diplopia | Diplostemonous | a. [ Gr. &unr_; double + &unr_; the warp, a thread. ] (Bot.) Having twice as many stamens as petals, as the geranium. R. Brown. [ 1913 Webster ] | Diplostemony | n. (Bot.) The condition of being diplostemonous. [ 1913 Webster ] | diplotene | n. (Cell biol.) the fourth stage of the prophase of meiosis, when the paired chromosomes being to separate. This stage follows the pachytene. [ WordNet 1.5 +PJC ] | Epanadiplosis | ‖n. [ L., fr. Gr. &unr_;; 'epi` + &unr_; to make double. ] (Rhet.) A figure by which the same word is used both at the beginning and at the end of a sentence; as, “Rejoice in the Lord always: and again I say, Rejoice.” Phil. iv. 4. [ 1913 Webster ] | Higher National Diploma | n. (Education) A certificate awarded for completing a course of vocational education beyond secondary school, preparing the student for a career in business or certain practical arts. It is a term used in the United Kingdom. [ United Kingdom ] [ PJC ] | Obdiplostemonous | a. [ Pref. ob- + diplostemonous. ] (Bot.) Having twice as many stamens as petals, those of the outer set being opposite the petals; -- said of flowers. Gray. [ 1913 Webster ] | Obdiplostemony | n. (Bot.) The condition of being obdiplostemonous. [ 1913 Webster ] |
| 承认 | [chéng rèn, ㄔㄥˊ ㄖㄣˋ, 承 认 / 承 認] to admit; to concede; to recognize; recognition (diplomatic, artistic etc); to acknowledge #1,783 [Add to Longdo] | 复 | [fù, ㄈㄨˋ, 复 / 複] to repeat; to double; to overlap; complex (not simple); compound; composite; double; diplo-; duplicate; overlapping; to duplicate #2,449 [Add to Longdo] | 外交 | [wài jiāo, ㄨㄞˋ ㄐㄧㄠ, 外 交] diplomacy; diplomatic; foreign affairs #3,500 [Add to Longdo] | 使命 | [shǐ mìng, ㄕˇ ㄇㄧㄥˋ, 使 命] a (diplomatic or other) mission #6,681 [Add to Longdo] | 使馆 | [shǐ guǎn, ㄕˇ ㄍㄨㄢˇ, 使 馆 / 使 館] consulate; diplomatic mission #10,947 [Add to Longdo] | 文凭 | [wén píng, ㄨㄣˊ ㄆㄧㄥˊ, 文 凭 / 文 憑] diploma #12,981 [Add to Longdo] | 通行证 | [tōng xíng zhèng, ㄊㄨㄥ ㄒㄧㄥˊ ㄓㄥˋ, 通 行 证 / 通 行 證] a pass (authorization through a checkpoint); a laissez-passer or safe conduct; to authenticate; to confirm name and password on a website; fig. a condition giving access to benefits (e.g. a diploma as a pass to a career) #14,417 [Add to Longdo] | 外交官 | [wài jiāo guān, ㄨㄞˋ ㄐㄧㄠ ㄍㄨㄢ, 外 交 官] diplomat #15,177 [Add to Longdo] | 代办 | [dài bàn, ㄉㄞˋ ㄅㄢˋ, 代 办 / 代 辦] to act for sb else; to act on sb's behalf; an agent; a diplomatic representative; a chargé d'affaires #15,952 [Add to Longdo] | 建交 | [jiàn jiāo, ㄐㄧㄢˋ ㄐㄧㄠ, 建 交] to establish diplomatic relations #16,823 [Add to Longdo] | 潘基文 | [Pān Jī wén, ㄆㄢ ㄐㄧ ㄨㄣˊ, 潘 基 文] Ban Ki Moon (1944-), Korean diplomat, UN secretary general from 2006 #20,438 [Add to Longdo] | 正常化 | [zhèng cháng huà, ㄓㄥˋ ㄔㄤˊ ㄏㄨㄚˋ, 正 常 化] normalization (of diplomatic relations etc) #20,668 [Add to Longdo] | 使节 | [shǐ jié, ㄕˇ ㄐㄧㄝˊ, 使 节 / 使 節] (diplomatic) envoy #21,609 [Add to Longdo] | 李鸿章 | [Lǐ Hóng zhāng, ㄌㄧˇ ㄏㄨㄥˊ ㄓㄤ, 李 鸿 章 / 李 鴻 章] Li Hung-chang or Li Hongzhang (1823-1901), Qing dynasty general, politician and diplomat #23,260 [Add to Longdo] | 奖状 | [jiǎng zhuàng, ㄐㄧㄤˇ ㄓㄨㄤˋ, 奖 状 / 獎 狀] certificate (of prize, degree, diploma etc) #25,120 [Add to Longdo] | 照会 | [zhào huì, ㄓㄠˋ ㄏㄨㄟˋ, 照 会 / 照 會] a diplomatic note; letter of understanding or concern exchanged between governments #27,848 [Add to Longdo] | 参赞 | [cān zàn, ㄘㄢ ㄗㄢˋ, 参 赞 / 參 贊] diplomatic officer; attache #28,558 [Add to Longdo] | 邦交 | [bāng jiāo, ㄅㄤ ㄐㄧㄠ, 邦 交] relations between two countries; diplomatic relations #30,118 [Add to Longdo] | 唐家璇 | [Táng Jiā xuán, ㄊㄤˊ ㄐㄧㄚ ㄒㄩㄢˊ, 唐 家 璇] Tang Jiaxuan (1938-), politican and diplomat #30,305 [Add to Longdo] | 公使 | [gōng shǐ, ㄍㄨㄥ ㄕˇ, 公 使] minister; diplomat performing ambassadorial role in Qing times, before regular diplomatic relations #33,603 [Add to Longdo] | 出使 | [chū shǐ, ㄔㄨ ㄕˇ, 出 使] to go abroad as ambassador; to be sent on a diplomatic mission #36,767 [Add to Longdo] | 鲁肃 | [Lǔ Sù, ㄌㄨˇ ㄙㄨˋ, 鲁 肃 / 魯 肅] Lu Su or Lu Zijing 魯子敬|鲁子敬 (172-217), statesman, diplomat and strategist of Eastern Wu 東吳|东吴 #43,947 [Add to Longdo] | 使团 | [shǐ tuán, ㄕˇ ㄊㄨㄢˊ, 使 团 / 使 團] diplomatic mission #45,500 [Add to Longdo] | 断交 | [duàn jiāo, ㄉㄨㄢˋ ㄐㄧㄠ, 断 交 / 斷 交] break off diplomatic relations #50,767 [Add to Longdo] | 外交家 | [wài jiāo jiā, ㄨㄞˋ ㄐㄧㄠ ㄐㄧㄚ, 外 交 家] a diplomat #51,183 [Add to Longdo] | 国书 | [guó shū, ㄍㄨㄛˊ ㄕㄨ, 国 书 / 國 書] credentials (of a diplomat); documents exchanged between nations; national or dynastic history book #56,631 [Add to Longdo] | 杨洁篪 | [Yáng Jié chí, ㄧㄤˊ ㄐㄧㄝˊ ㄔˊ, 杨 洁 篪 / 楊 潔 篪] Yang Jiechi (1950-), Chinese politician and diplomat, foreign minister of PRC from 2008 #58,464 [Add to Longdo] | 乔冠华 | [Qiáo Guān huà, ㄑㄧㄠˊ ㄍㄨㄢ ㄏㄨㄚˋ, 乔 冠 华 / 喬 冠 華] Qiao Guanhua (1913-1973), PRC politician and diplomat #58,548 [Add to Longdo] | 曾纪泽 | [Zēng Jì zé, ㄗㄥ ㄐㄧˋ ㄗㄜˊ, 曾 纪 泽 / 曾 紀 澤] Cang Jize or Tseng Chi-tse (1839-1890), pioneer diplomat of late Qing, serve as imperial commissioner (ambassador) to UK, France and Russia #70,408 [Add to Longdo] | 萧万长 | [Xiāo Wàn cháng, ㄒㄧㄠ ㄨㄢˋ ㄔㄤˊ, 萧 万 长 / 蕭 萬 長] Vincent C. Siew (1939-), Taiwanese diplomat and Kuomintang politician, prime minister 1997-2000, vice-president from 2008 #70,624 [Add to Longdo] | 双球菌 | [shuāng qiú jūn, ㄕㄨㄤ ㄑㄧㄡˊ ㄐㄩㄣ, 双 球 菌 / 雙 球 菌] diplococcus #72,826 [Add to Longdo] | 复交 | [fù jiāo, ㄈㄨˋ ㄐㄧㄠ, 复 交 / 復 交] to reopen diplomatic relations #73,063 [Add to Longdo] | 通牒 | [tōng dié, ㄊㄨㄥ ㄉㄧㄝˊ, 通 牒] diplomatic note #75,506 [Add to Longdo] | 班超 | [Bān Chāo, ㄅㄢ ㄔㄠ, 班 超] Ban Chao (33-102), noted Han diplomat and military man #78,936 [Add to Longdo] | 唐绍仪 | [Táng Shào yí, ㄊㄤˊ ㄕㄠˋ ㄧˊ, 唐 绍 仪 / 唐 紹 儀] Tang Shaoyi (1862-1939), politician and diplomat #79,269 [Add to Longdo] | 金成 | [Jīn Chéng, ㄐㄧㄣ ㄔㄥˊ, 金 成 / 金 晟] Sung KIM, US diplomat and director of US State Department's Korea office #79,728 [Add to Longdo] | 黄遵宪 | [Huáng Zūn xiàn, ㄏㄨㄤˊ ㄗㄨㄣ ㄒㄧㄢˋ, 黄 遵 宪 / 黃 遵 憲] Huang Zunxian (1848-1905), Qing dynasty poet and diplomat, author of A record of Japan 日本國誌|日本国志, an extended analysis of Meiji Japan #86,251 [Add to Longdo] | 先礼后兵 | [xiān lǐ hòu bīng, ㄒㄧㄢ ㄌㄧˇ ㄏㄡˋ ㄅㄧㄥ, 先 礼 后 兵 / 先 禮 後 兵] peaceful measures before using force (成语 saw); diplomacy before violence; jaw-jaw is better than war-war #91,975 [Add to Longdo] | 伍廷芳 | [Wǔ Tíng fāng, ㄨˇ ㄊㄧㄥˊ ㄈㄤ, 伍 廷 芳] Wu Tingfang (1842-1922), diplomat and lawyer #104,679 [Add to Longdo] | 治外法权 | [zhì wài fǎ quán, ㄓˋ ㄨㄞˋ ㄈㄚˇ ㄑㄩㄢˊ, 治 外 法 权 / 治 外 法 權] diplomatic immunity; (hist.) extraterritoriality, the rights (under unequal treaties) of a foreigner to live in China outside Chinese jurisdiction #106,703 [Add to Longdo] | 卫奕信 | [Wèi yì xìn, ㄨㄟˋ ㄧˋ ㄒㄧㄣˋ, 卫 奕 信 / 衛 奕 信] David Clive Wilson, Baron Wilson of Tillyorn (1935-), British diplomat and China expert, Governor of Hong Kong 1986-1992 #135,722 [Add to Longdo] | 薄瑞光 | [Bó Ruì guāng, ㄅㄛˊ ㄖㄨㄟˋ ㄍㄨㄤ, 薄 瑞 光] Raymond Burghard (1945-), US diplomat and ambassador to Vietnam 2001-2004, chairman of American Institute in Taiwan from 2006 #135,726 [Add to Longdo] | 刘贵今 | [Liú Guì jīn, ㄌㄧㄡˊ ㄍㄨㄟˋ ㄐㄧㄣ, 刘 贵 今 / 劉 貴 今] Liu Guijin (1945-), PRC diplomat, special representative to Africa from 2007, Chinese specialist on Sudan and the Darfur issue #136,207 [Add to Longdo] | 陆征祥 | [Lù Zhēng xiáng, ㄌㄨˋ ㄓㄥ ㄒㄧㄤˊ, 陆 征 祥 / 陸 徵 祥] Lu Zhengxiang (1871-1949), Chinese diplomat and Catholic monk #188,279 [Add to Longdo] | 甘巴里 | [Gān bā lǐ, ㄍㄢ ㄅㄚ ㄌㄧˇ, 甘 巴 里 / 甘 巴 裡] Professor Ibrahim Gambari (1944-), Nigerian scholar and diplomat, ambassador to UN 1990-1999, UN envoy to Burma from 2007 #234,426 [Add to Longdo] | 双倍体 | [shuāng bèi tǐ, ㄕㄨㄤ ㄅㄟˋ ㄊㄧˇ, 双 倍 体 / 雙 倍 體] diploid (doubled chromosomes) #259,207 [Add to Longdo] | 鲁子敬 | [Lǔ Zǐ jìng, ㄌㄨˇ ㄗˇ ㄐㄧㄥˋ, 鲁 子 敬 / 魯 子 敬] Lu Zijing or Lu Su 魯肅|鲁肃 (172-217), statesman, diplomat and strategist of Eastern Wu 東吳|东吴 #611,235 [Add to Longdo] | 使节团 | [shǐ jié tuán, ㄕˇ ㄐㄧㄝˊ ㄊㄨㄢˊ, 使 节 团 / 使 節 團] a diplomatic group; a delegation [Add to Longdo] | 使领官员 | [shǐ lǐng guān yuán, ㄕˇ ㄌㄧㄥˇ ㄍㄨㄢ ㄩㄢˊ, 使 领 官 员 / 使 領 官 員] ambassador and consul; diplomat [Add to Longdo] | 倍足纲 | [bèi zú gāng, ㄅㄟˋ ㄗㄨˊ ㄍㄤ, 倍 足 纲 / 倍 足 綱] Diplopoda, arthropod class with a pair of legs on each segment, including centipedes 蜈蚣 and millipedes 千足蟲|千足虫 [Add to Longdo] |
| 外交官 | [がいこうかん, gaikoukan] TH: ผู้เจรจาทางการทูต EN: diplomat | 外交 | [がいこう, gaikou] TH: การฑูตระหว่างประเทศ EN: diplomacy |
| | 外交 | [がいこう, gaikou] (n) diplomacy; (P) #2,737 [Add to Longdo] | 複 | [ふく, fuku] (n, pref) (1) diplo-; double; (n) (2) (abbr) (See 複試合) doubles (tennis, etc.); (3) (abbr) (See 複勝式) place betting (in horse racing, etc.) #10,381 [Add to Longdo] | 国交 | [こっこう, kokkou] (n) diplomatic relations; (P) #11,592 [Add to Longdo] | シャトル外交 | [シャトルがいこう, shatoru gaikou] (n) shuttle diplomacy [Add to Longdo] | ディプロマ | [deipuroma] (n) diploma [Add to Longdo] | ディプロマット | [deipuromatto] (n) diplomat [Add to Longdo] | ドル外交 | [ドルがいこう, doru gaikou] (n) dollar diplomacy [Add to Longdo] | メキシカンホッグフィッシュ | [mekishikanhoggufisshu] (n) Mexican hogfish (Bodianus diplotaenia) [Add to Longdo] | 位記 | [いき, iki] (n) court rank diploma [Add to Longdo] | 奥許し | [おくゆるし, okuyurushi] (n) secret; initiation; diploma [Add to Longdo] | 外交の才 | [がいこうのさい, gaikounosai] (n) diplomatic talent [Add to Longdo] | 外交チャンネル | [がいこうチャンネル, gaikou channeru] (n) diplomatic channel [Add to Longdo] | 外交家 | [がいこうか, gaikouka] (n) diplomat; diplomatic person [Add to Longdo] | 外交活動 | [がいこうかつどう, gaikoukatsudou] (n) diplomatic activity [Add to Longdo] | 外交官 | [がいこうかん, gaikoukan] (n) diplomat; (P) [Add to Longdo] | 外交官補 | [がいこうかんほ, gaikoukanho] (n) probationary diplomat [Add to Longdo] | 外交関係 | [がいこうかんけい, gaikoukankei] (n) diplomatic relations [Add to Longdo] | 外交機関 | [がいこうきかん, gaikoukikan] (n) diplomatic institution [Add to Longdo] | 外交交渉 | [がいこうこうしょう, gaikoukoushou] (n) diplomatic negotiations; negotiations through diplomatic channels [Add to Longdo] | 外交使節 | [がいこうしせつ, gaikoushisetsu] (n) diplomat [Add to Longdo] | 外交史 | [がいこうし, gaikoushi] (n) history of diplomacy; history of foreign policy [Add to Longdo] | 外交辞令 | [がいこうじれい, gaikoujirei] (n, adj-no) diplomatic turn of phrase; diplomatic language; tactful way of expressing something [Add to Longdo] | 外交手腕 | [がいこうしゅわん, gaikoushuwan] (n) diplomatic finesse; skill(s) in diplomacy [Add to Longdo] | 外交術 | [がいこうじゅつ, gaikoujutsu] (n) diplomacy; state-craft [Add to Longdo] | 外交体制 | [がいこうたいせい, gaikoutaisei] (n) diplomatic structure [Add to Longdo] | 外交団 | [がいこうだん, gaikoudan] (n) diplomatic corps [Add to Longdo] | 外交的 | [がいこうてき, gaikouteki] (adj-na) diplomatic [Add to Longdo] | 外交特権 | [がいこうとっけん, gaikoutokken] (n) diplomatic immunity [Add to Longdo] | 外交文書 | [がいこうぶんしょ, gaikoubunsho] (n) diplomatic papers or documents [Add to Longdo] | 外交問題 | [がいこうもんだい, gaikoumondai] (n) diplomatic issue [Add to Longdo] | 学位記 | [がくいき, gakuiki] (n) diploma; testamur; graduation certificate [Add to Longdo] | 雁皮 | [がんぴ;ガンピ, ganpi ; ganpi] (n) (1) (uk) Diplomorpha sikokiana (species of flowering plant); (2) (abbr) (See 雁皮紙) paper made from the fibre of this plant [Add to Longdo] | 雁皮紙 | [がんぴし, ganpishi] (n) (See 雁皮・1) traditional Japanese paper made from the fibre of plant species Diplomorpha sikokiana (high quality, glossy) [Add to Longdo] | 吉日 | [きちじつ;きちにち, kichijitsu ; kichinichi] (n) (1) lucky day; (2) an unspecified day of the month, used on diplomas, proclamations, etc. [Add to Longdo] | 勲記 | [くんき, kunki] (n) decoration diploma; diploma [Add to Longdo] | 経済外交 | [けいざいがいこう, keizaigaikou] (n) economic diplomacy [Add to Longdo] | 公開外交 | [こうかいがいこう, koukaigaikou] (n) open diplomacy [Add to Longdo] | 広報外交 | [こうほうがいこう, kouhougaikou] (n) public diplomacy [Add to Longdo] | 合従連衡 | [がっしょうれんこう, gasshourenkou] (n) (See 合従, 連衡) alliance (of the Six Kingdoms against the Qin dynasty, and of individual Kingdoms with the Qin dynasty); (tactic of) making & breaking alliances (to benefit oneself as the occasion demands); resorting to alliances as a diplomatic expedient [Add to Longdo] | 国交を結ぶ | [こっこうをむすぶ, kokkouwomusubu] (exp, v5b) to enter into diplomatic relations [Add to Longdo] | 在外公館 | [ざいがいこうかん, zaigaikoukan] (n) diplomatic mission; government establishments overseas; (P) [Add to Longdo] | 三国干渉 | [さんごくかんしょう, sangokukanshou] (n) (See 下関条約) Triple Intervention (diplomatic intervention by Russia, Germany and France over the terms of the Treaty of Shimonoseki) [Add to Longdo] | 使聘 | [しへい, shihei] (n) exchange of diplomatic representatives [Add to Longdo] | 資源外交 | [しげんがいこう, shigengaikou] (n) resources diplomacy [Add to Longdo] | 社交辞令 | [しゃこうじれい, shakoujirei] (exp, adj-no) polite or diplomatic way of putting things; honeyed words; lip service [Add to Longdo] | 弱腰外交 | [よわごしがいこう, yowagoshigaikou] (n) weak foreign policy; weak-kneed diplomacy [Add to Longdo] | 主席外交官 | [しゅせきがいこうかん, shusekigaikoukan] (n) doyen of the diplomatic corps [Add to Longdo] | 修了証 | [しゅうりょうしょう, shuuryoushou] (n) evidence of course completion (e.g. diploma) [Add to Longdo] | 修了証書 | [しゅうりょうしょうしょ, shuuryoushousho] (n) diploma [Add to Longdo] | 小切手外交 | [こぎってがいこう, kogittegaikou] (n) checkbook diplomacy; chequebook diplomacy [Add to Longdo] |
| |
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |