*ทำสงคราม* แปลว่าอะไร ดูความหมาย ตัวอย่างประโยค หมายความว่า พจนานุกรม Longdo Dictionary แปลภาษา คำศัพท์
50 useful phrasal verbs ที่ต้องรู้ !! Phrasal Verb หรือในภาษาไทยเรียกว่า กริยาวลี คือ การรวมกันของคำกริยา (Verb) กับคำอื่น ๆ เช่น คำบุพบท (Preposition) หรือ คำวิเศษณ์ (Adverb) ที่เมื่อรวมกันแล้วจะให้ความหมายที่แตกต่างจากความหมายปกติของคำกริยานั้น ๆ เช่น Give up Give (verb) แปลว่า ให้ Up (prep.) แปลว่า...
“Demure” : The word redefines elegance and confidence in 2024 (เรียนภาษาอังกฤษ in English) “Demure” เป็นคำศัพท์ที่ได้รับความสนใจจากโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ Tiktok ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่หันมาให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความมั่นใจ และความใส่ใจในรายละเอียดทั้งในรูปลักษณ์และพฤติกรรม โดยคำนี้ได้รับการนิยามใหม่จากความหมายดั้งเดิมที่เกี่ยวกับความสุภาพถ่อมตัวและความสงวนท่าที ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามที่มาพร้อมความมั่นใจอย่างมีชั้นเชิงในโลกที่เต็มไปด้วยความโดดเด่นฉูดฉาด การเปลี่ยนแปลงนี้ซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเทรนด์ในโซเชียลมีเดียและทัศนคติของสังคมที่พัฒนาไป ชี้ให้เห็นถึงการยอมรับในรูปแบบการแสดงตัวตนที่แฝงด้วยความลึกซึ้งและงดงามในปัจจุบัน The word “demure” was selected as Dictionary.com’s 2024 Word of...
“Longdo Dict” ปรับโฉมครั้งใหญ่! 🎉 มีอะไรเด็ดบ้างนะ? ปรับโฉมครั้งใหญ่! 🎉 หลังจากที่ Longdo Dict ปรับหน้าตาเว็บครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อ 11 ปีที่แล้ว (ในปี 2013) ถึงเวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ! ✨ ต้อนรับปีใหม่ 2025 ด้วยรูปโฉมที่ทันสมัยและน่าใช้งานยิ่งขึ้น เป็นของขวัญพิเศษสำหรับผู้ใช้งานทุกท่าน 🎁 ก่อนจะพาทุกท่านสัมผัส Longdo Dict โฉมใหม่...
“Hop in” วลีเด็ดสำหรับชวนคนไปด้วยกัน “Hop in” Your Go-To Phrase for Inviting Someone Along” “Hop in” หมายถึง “กระโดดขึ้นมา” หรือ “ขึ้นมาเลย” ในเชิงที่ไม่เป็นทางการ ใช้เมื่อชวนใครสักคนขึ้นยานพาหนะ เช่น รถยนต์ หรือ รถโดยสาย โดยมีความหมายเป็นกันเอง ส่วนใหญ่ใช้กับเพื่อนหรือคนที่สนิทด้วย สามารถใช้ได้ 2...
Idiom ใช้บ่อยไม่รู้ไม่ได้: “I’m stuffed” สำนวน “I’m Stuffed” : my stomach being too full to take in any more food. ความหมาย: “I’m stuffed” ใช้เพื่อแสดงว่า คุณอิ่มมากหลังจากทานอาหารจำนวนมาก...
×
Dictionaries languages







English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


105 ผลลัพธ์ สำหรับ *ทำสงคราม*
ภาษา
หรือค้นหา: ทำสงคราม, -ทำสงคราม-

มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่
ปรับการตั้งค่า
NECTEC Lexitron-2 Dictionary (TH-EN)
ทำสงคราม(v) war, See also: battle, Syn. ออกศึก, รบ, รบรา, ทำสงคราม, ต่อสู้, ดวล, สู้, โรมรัน, Example: สหรัฐเคยทำสงครามกับญี่ปุ่นจนญี่ปุ่นแพ้ย่อยยับ

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
ดาหงัน(-หฺงัน) ก. ทำสงคราม, รบศึก.
เต็มอัตราศึกว. เต็มตามกำลังที่จะทำสงคราม.
ยุทธการน. การรบ, การทำสงคราม.
วินาศกรรม(วินาดสะกำ) น. การลอบทำลายหรือเผาผลาญทรัพย์สินโรงงานอุตสาหกรรมเป็นต้น ของนายจ้างหรือของศัตรู เช่น ในกรณีที่เกิดพิพาทกันขึ้นระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หรือเพื่อตัดกำลังฝ่ายศัตรูเมื่อทำสงครามกันโดยตรงหรือโดยปริยาย.
อาชญากรสงคราม(อาดยากอน-, อาดชะยากอน-) น. ผู้ก่ออาชญากรรมในการทำสงคราม.

ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
law of armsกฎว่าด้วยการทำสงคราม [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
death due to operations of warการตายจากการทำสงคราม [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
escalation๑. การเพิ่มระดับ (การทำสงคราม)๒. การขยายขอบเขต (การทำสงคราม) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
injury due to operations of warการบาดเจ็บจากการทำสงคราม, การเสียหายจากการทำสงคราม [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]

คลังศัพท์ไทย (สวทช.)
Neutralization, Neutrality หรือ Neutralismคำว่า Neutraliza-tion หมายถึง กระบวนการซึ่งรัฐได้รับการค้ำประกันความเป็นเอกราชและบูรณภาพอย่างถาวรภาย ใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับการประกันรับรองให้เป็นกลาง (Neutralized State) เช่นนี้จะผูกมัดตนว่า จะละเว้นจาการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าประเทศใดทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าจะถูกโจมตีก่อน ตัวอย่างอันเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความ เป็นกลางอย่างถาวร คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามปฏิญญา (Declaration) ซึ่งมีการลงนามกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 ประเทศใหญ่ ๆ ในสมัยนั้น คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ปรัสเซีย และรัสเซีย ได้รับรองว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นการจำเป็นที่จะให้รัฐเฮลเวติก(Helvetic Swiss States) ได้รับการประกันความเป็นกลางตลอดไป ทั้งยังประกาศด้วยว่า รัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงรับปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้เมื่อไร ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ก็จะได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางในทันที และแล้วสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศยอมรับปฏิบัติตาม หรือให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 บรรดาประเทศที่รับรองค้ำประกันความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์จึงประกาศ รับรองดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1815 อนึ่ง การค้ำประกันความเป็นกลางในลักษณะที่ครอบคลุมทั้งประเทศของรัฐใดรัฐหนึ่ง นั้น มีความแตกต่างกับการค้ำประกันเพียงดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางจะ ไม่ยอมให้ฝ่ายใดใช้ดินแดนส่วนที่ค้ำประกันนั้นเป็นเวทีสงครามเป็นอันขาด การค้ำประกันความเป็นกลางยังมีอีกแบบหนึ่งคือ รัฐหนึ่งจะประกาศตนแต่ฝ่ายเดียวว่าจะรักษาความเป็นกลางของตนตลอดไปโดยถาวร แต่ในกรณีเช่นนี้ ความเป็นเอกราชและบูรณภาพของรัฐที่ประกาศตนเป็นกลางเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ได้รับการค้ำประกันร่วมกันจากรัฐอื่น ๆ แต่อย่างใดส่วนคติหรือลัทธิความเป็นกลาง (Neutralism) เป็นศัพท์ที่หมายถึงสถานภาพของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการน้ำประเทศของตนเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสงครามเย็น ( Cold War) ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศภาคตะวันออกกับกลุ่มประเทศภาค ตะวันตก นอกจากนี้ ผู้นำบางคนในกลุ่มของรัฐที่เป็นกลาง ไม่เห็นด้วยกีบการที่ใช้คำว่า ?Neutralism? เขาเหล่านี้เห็นว่าควรจะใช้คำว่า ?ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด? ( Uncommitted ) มากกว่าจะเห็นได้ว่า คำว่า ?ความเป็นกลาง? ( Neutrality ) นั้น หมายถึงความเป็นกลางโดยถาวร ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากกลุ่มประเทศกลุ่มหนึ่ง เช่นในกรณีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้หรือหมายถึงความเป็นกลางเฉพาะในดินแดน ส่วนหนึ่งของรัฐที่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปทำสงครามกันในดินแดนที่เป็นกลางส่วน นั้นเป็นอันขาดก็ได้ ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่า แก่นแท้ในความหมายของความเป็นกลาง ( Neutrality) จึงอยู่ที่ท่าที หรือ ทัศนคติของประเทศที่ดำรงตนเป็นกลาง ไม่ต้องการเข้าข้างประเทศคู่สงครามใด ๆ ในสงคราม ในสมัยก่อนผู้คนยังไม่รู้จักความคิดเรื่องความเป็นกลางดังที่รู้จักเข้าใจ กันในปัจจุบัน ความเป็นกลางเป็นผลมาจากการทยอยวางหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความเป็นกลาง นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน [การทูต]
New World Orderระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต]
Political Offensesความผิดทางการเมือง หลักการข้อหนึ่งของการส่งตัวผู้กระทำความผิดไปให้อีก ประเทศหนึ่ง หรือที่เรียกว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดน คือ ผู้ที่กระทำผิดทางการเมืองจะถูกส่งข้ามแดนไปให้อีกประเทศหนึ่งไม่ได้เป็นอัน ขาด แต่อย่างไรก็ดี มีปัญหาในปฏิบัติคือว่า จะแยกความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างความผิดทางการเมือง กับที่มิใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง นักวิชาการบางท่านนิยามความหมายของคำว่าความผิดทางการเมืองไว้ว่า คือ ความผิดฐานกบฏ (Treason) ซึ่งในกฎหมายของหลายประเทศหมายถึงการประทุษร้าย หรือพยายามประทุษร้ายต่อประมุขของประเทศ หรือช่วยฝ่ายศัตรูทำสงครามกับประเทศของตน ความผิดฐานปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ (Sedition) หรือการประกอบจารกรรม (Espionage) อันเป็นการคุกคามต่อความั่นคงหรือต่อระบบการปกครองของประเทศผู้ร้องขอ (หมายถึงประเทศที่ร้องขอให้ส่งตัวผู้กระทำผิดไปให้ในลักษณะผู้ร้ายข้ามแดน) ไม่ว่าจะกระทำโดยคนเดียวหรือหลายคนก็ตาม [การทูต]
Potsdam Proclamationคือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต]
Security Council of the United Nationsคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีนี้ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent members) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก 10 ประเทศ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งประเทศละ 2 ปี สมาชิกประเภทนี้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งใหม่ในทันที และในการเลือกตั้งจะคำนึงส่วนเกื้อกูลหรือบทบาทของประเทศผู้สมัครที่มีต่อ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งที่มีต่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ขององค์การสหประชาชาติด้วย ในการเลือกตั้ง จะคำนึงถึงการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกดังนี้คือ ก. 5 ประเทศจากแอฟริกาและเอเชียข. 1 ประเทศจากยุโรปตะวันออกค. 2 ประเทศจากละตินอเมริกาง. 2 ประเทศจากยุโรปตะวันตก และประเทศอื่น ๆหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีดังนี้1. ธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือ เงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือ เป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร 6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศที่ทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชาในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติบรรดาประเทศสมาชิกของสห ประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งยังรับรองที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงหากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ [การทูต]
The Hague Peace Conferencesการประชุมสันติภาพ ณ กรุงเฮก ในประเทศเนเธอร์แลนด์ การประชุมนี้ได้กระทำกันเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1899 โดย พระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่สอง ของประเทศรัสเซียเป็นผู้จัดให้มีขึ้น ณ กรุงเฮก เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1899 ที่ประชุมได้รับรองอนุสัญญาว่าด้วยการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติ วิธี ได้ตกลงจัดตั้งศาลซึ่งตัดสินประเทศโดยสันติวิธี พร้อมทั้งได้ตกลงจัดตั้งศาลซึ่งตัดสินโดยอนุญาโตตุลาการเป็นการถาวร และเสนอแนะให้วางประมวลพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการ ทั้งยังได้ตกลงรับรองอนุสัญญาและปฏิญญาต่าง ๆ หลายฉบับ ในจำนวนนี้ ที่สำคัญที่สุดได้แก่ อนุสัญญาควบคุมกฎหมายและขนบประเพณีว่าด้วยการทำสงครามภาคพื้นดินการประชุม สันติภาพ ณ กรุงเฮกครั้งที่สอง หรือการประชุม ณ กรุงเฮกปี ค.ศ.1907 ตามคำขอร้องของรัฐบาลรัสเซีย ได้มีขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1907 วัตถุประสงค์สำคัญของการประชุมคือต้องการปรับปรุงและขยายข้อความในอนุสัญญา ต่าง ๆ ที่ทำไว้เมื่อปี ค.ศ. 1899 ว่าด้วยการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี รวมทั้งกฎหมายและขนบประเพณีเกี่ยวกับสงครามภาคพื้นดิน ตลอดจนรับรองอนุสัญญาเกี่ยวกับกฎหมายและขนมประเพณีของการทำสงครามทางทะเล การประชุม ณ กรุงเฮกครั้งที่สองนี้ยังได้เสนอแนะให้ที่ประชุมกำหนดให้ประเทศผู้ลงนาม รับรองและนำออกใช้ซึ่งร่างอนุสัญญาว่าด้วยการก่อตั้งศาลสถิตยุติธรรม เพื่อพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการอีกด้วย [การทูต]

ตัวอย่างประโยคจาก Open Subtitles
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
-Oh, the war. Yes. ทำสงคราม ใช่สิ The Englishman Who Went Up a Hill But Came Down a Mountain (1995)
...but towards the end, he was paroled to help with the American war effort, so for six months he's worked in my pastry shop. แต่ในช่วงสุดท้ายที่เขาเป็นคนคุมเพื่อช่วยให้มีความพยายามทำสงครามอเมริกัน เพื่อให้เป็นเวลาหกเดือนที่เขาทำงานอยู่ในร้านขนมของฉัน The Godfather (1972)
I want Sollozzo, or we go to war... ฉันต้องการ Sollozzo หรือเราจะไปทำสงคราม ... The Godfather (1972)
Men, you are about to embark on a great crusade to stamp out runaway decency in the West. ทุกคน เรากำลังจะได้ทำสงครามอันยิ่งใหญ่ เพื่อขับไล่พวกที่ทำให้ตะวันตกมัวหมอง Blazing Saddles (1974)
For reasons long forgotten, two mighty warrior tribes went to war and touched off a blaze which engulfed them all. ด้วยสาเหตุ ที่เลือนไปแล้ว 2 เผ่านักรบใหญ่ทำสงครามกัน... ผู้คนถูกกลืนหายไปในเปลวเพลิง The Road Warrior (1981)
He coined the phrase, "Make love, not war." เขาประดิษฐ์วลี "ร่วมรักไม่ใช่ทำสงคราม" Field of Dreams (1989)
In a nutshell, the Soviet's strategic capability for waging nuclear war. สรุปความสามารถในเชิงกลยุทธ์ของสหภาพโซเวียตสำหรับทำสงครามนิวเคลียร์ The Russia House (1990)
It was before Apalachin and before Crazy Joe... decided to take on a boss and start a war. เป็นช่วงก่อนหน้า อพาลาคิน และ ก่อนหน้าที่เครซี่ โจ ตัดสินใจขึ้นบังลังก์เปิดศึกทำสงคราม Goodfellas (1990)
And until he left for the war, was considered... the South's premier golfer. และก่อนที่เขาจะจากไปทำสงคราม... ...เขาเป็นยอดนักกอล์ฟของภาคใต้ The Legend of Bagger Vance (2000)
My father equates business with war. พ่อฉันคิดว่าการทำธุรกิจก็เหมือนกับการทำสงคราม Metamorphosis (2001)
Yeah, yeah, it sounds like they're gonna start a war. ใช่ๆ เหมือนกับว่าพวกนั้นอยากจะทำสงคราม Howl's Moving Castle (2004)
It's... promoting human warfare... Promoting human warfare มันคือการสนับสนุนการทำสงครามของมนุษย์ 100 Days with Mr. Arrogant (2004)
Jos jätän armeijan Guyn haltuun, - hän saa vallan sisarestani, - ja julistaa sodan muslimeille. ถ้าข้าปล่อยให้กีย์คุมกองทัพ, เขาจะยึดอำนาจ ผ่านพี่ของข้าและทำสงครามกับพวกมุสลิม. Kingdom of Heaven (2005)
The women make the homes. The men make the wars... and hooch. ผู้หญิงสร้างครอบครัว พวกผู้ชายดีแต่ทำสงครามกับเหล้า The Constant Gardener (2005)
This is how it was, this tiny world of women, friend turned against friend. นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น, ในโลกเล็กของผู้หญิง, เพื่อนต้องต่อสู้กับเพื่อน และตอนนี้เกอิชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสองคนกำลังทำสงครามโดยมีฉันเป็นเดิมพัน Memoirs of a Geisha (2005)
You can't go to war with Victor Sweet. Not straight up. นายทำสงครามกับวิคเตอร์ สวีท ไม่ได้หรอก ปะทะตรงๆ ไม่ไหว Four Brothers (2005)
Those idiots... starting the war for nothing Just made the oil prices go up... คนงี่เง่าพวกนั้น... เริ่มทำสงครามกันแล้ว ราคาน้ำมันก็จะขึ้นอีก Jenny, Juno (2005)
Weren't you going to use this world's powers in the war in the other world? ไหนบอกว่าแกจะดึงพลังจากที่นี่ไปทำสงครามที่โลกโน้นไง? Fullmetal Alchemist the Movie: Conqueror of Shamballa (2005)
and had started a religious war against the pagans. .... และเริ่มทำสงครามศาสนากับชาวเพเกิน The Da Vinci Code (2006)
Or did the pagans commence war against the Christians? หรือจะเป็นเพเกินเริ่มทำสงครามกับชาวคริสเตียน? The Da Vinci Code (2006)
Because while they are starving with their strikes and with their protests... the people of Uganda are eating beef and driving big cars. เพราะในขณะพวกเขาอดตายจากการทำสงคราม คนอูกันดากินเนื้อวัวแล้วก็ขับรถหรู The Last King of Scotland (2006)
And in my opinion, I believe that if some other country wanted to go to the moon and live there we'd get in a war with them because we think the moon is ours. แต่ในความเห็นของผม ผมเชื่อว่าถ้ามีประเทศอื่น... ...ต้องการไปดวงจันทร์และอยู่ที่นั่น ...เราคงทำสงครามกับพวกเขา เพราะว่าเราคิดว่าดวงจันทร์เป็นของเรา The Astronaut Farmer (2006)
How would you feel if America and Japan were to enter war? คุณคิดยังไง.. หาก อเมริกา และญี่ปุ่น เกิดทำสงครามกัน Letters from Iwo Jima (2006)
Precisely the kind of terrorist organization today's accord was designed to combat. ตกลงว่าจุดมุ่งหมายของผกก.ในวันนี้คือการทำสงคราม Day 5: 9:00 a.m.-10:00 a.m. (2006)
We're gonna be Mom and Dad, and I don't wanna be at war with the mother of my child, so, here. เราจะเป็นพ่อกับแม่ และผมก็ไม่อยากทำสงครามกับแม่ของลูกผม ดังนั้น นี่ It Takes Two (2006)
They force people to fight who don't want to and kill them like bugs พวกนั้นบังคับชาวบ้านที่ไม่อยากทำสงคราม แล้วก็ฆ่าพวกเขายังกับแมลง Grave of the Fireflys (2005)
Ever since the last battle, the Hans have been planning on another war with us. ตั้งแต่สงครามคราวที่แล้ว ฮั่นก็ได้วางแผนจะทำสงครามกับเราอีก Episode #1.41 (2006)
During the last war with BuYeo, you helped them fight against the Han,  ในช่วงสงครามครั้งที่แล้ว เจ้าช่วยพวกมันทำสงครามกับฮั่น Episode #1.41 (2006)
We aren't strong enough for a war with BiRyu. เราไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำสงครามกับไบรุ Episode #1.41 (2006)
The last time I saw you was at the meeting, before our battle with Han Nation. ครั้งสุดท้ายที่กระหม่อมเข้าเฝ้าพระองค์คือตอนประชุม ก่อนทำสงครามกับชาติฮั่น มันนานมากแล้ว Episode #1.42 (2006)
Then we might have to have another war with the Han Nation. ไม่งั้นเราอาจจะต้องทำสงครามกับฮั่น Episode #1.43 (2006)
Ju-Mong had a war to save the refugees. จูมงเคยทำสงครามพวกผู้อพยพ Episode #1.43 (2006)
Once you had a war to save the refugees, but now you are trying hard to send them to the Han Nation as slaves. ครั้งหนึ่งท่านทำสงครามเพื่อช่วยผู้อพยพ แต่ตอนนี้ท่านกำลังพยายามอย่างหนักที่จะส่งพวกเขาไปเป็นทาสของฮั่น Episode #1.43 (2006)
If we engage in a battle with the BuYeo Army while crossing the border, we'll have to go to war with BuYeo too. ถ้าเราต่อสู้กับกองทัพพูยอ ในขณะที่ข้ามเขตแดน เราจะต้องทำสงครามกับพูยอด้วย The Book of the Three Hans (2006)
Oh, you like to mock the war effort, do you? นี่ แกกำลังเย้ยหยันการทำสงครามครั้งนี้ยังงั้นเหรอ The Water Horse (2007)
None Spartaan leaves for a war Without first listening to the Oracle. ไม่มีสปาตันคนใดออกไปทำสงคราม โดยไม่ฟังคำทำนายก่อน Meet the Spartans (2008)
If you are at war with Persia, Then you will surely die. ถ้าท่านทำสงครามกับเปอร์เซีย ท่านจะต้องตาย Meet the Spartans (2008)
If I had known this, I would have killed myself before and spared you this war. ถ้าข้ารู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ข้าจะฆ่าตัวตายเสียก่อน ท่านจะได้ไม่ต้องทำสงครามครั้งนี้ Sita Sings the Blues (2008)
While the Jedi are occupied fighting a war, no one is left to keep the peace. ในขณะที่พวกเจไดกำลังวุ่นอยู่กับการทำสงคราม, ไม่เหลือผู้ใดอยู่รักษาความสงบ Star Wars: The Clone Wars (2008)
Soon the Jedi will not only be at war with you, Count but the Hutt clan as well. ไม่ช้าพวกเจไดไม่เพียงจะทำสงคราม กับท่านเท่านั้น แต่กับชาวฮัตต์อีกด้วย Star Wars: The Clone Wars (2008)
Clandestine warfare isn't pretty, but the rules of engagement don't include killing and torturing the innocent. การทำสงครามกันอย่างลับๆมันไม่สวยงามหรอก แต่ข้องตกลงของสัญญา ไม่ได้ร่วมถึงการฆ่า และการทรมานคนบริสุทธิ์ The Sunshine State (2008)
You want to go to war with me, you sick piece of shit? นายอยากจะทำสงครามกับฉัน แกมันไอ้โรตจิตมากใช่ไหม Old Bones (2008)
We're not ready for war. พวกเรายังไม่พร้อมกับการทำสงคราม The Pull (2008)
Your throne's in Danger, and you can't wage war on Serena without an ally. และเธอจะทำสงครามกับเซรีน่าไม่ได้ ถ้าไม่มีผู้ร่วมอุดมการณ์นะ The Serena Also Rises (2008)
For an army of Camelot to enter it would be an act of war. อยู่ดีๆก็บุกเข้าไปอย่างนั้น แลดูเหมือนการทำสงครามกัน The Moment of Truth (2008)
A new frontier of psychic warfare. That was Stalin's dream. แนวคิดในการทำสงครามพลังจิต นั่นคือความฝันของ สตาลิน Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull (2008)
For months now, President Ashton has been working with leaders from five continents, to forge a new ground-breaking alliance in the ongoing war on terror. หลายเดือนมานี้ ประธานาธิปดีแอชตั้น ได้ปรึกษากับบรรดาผู้นำจาก 5 ทวีป เพื่อสร้างพันธมิตรใหม่ในการ ทำสงครามต่อสู้การก่อการร้ายค่ะ Vantage Point (2008)
Because you do know we're at war, right? เรากำลังทำสงครามอยู่ Body of Lies (2008)
... heignitedatribalwarthatkilled tens of thousands of civilians. เขาทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งฆ่าคนไปกว่าหมื่นคน 24: Redemption (2008)
No, I'm doing the hurting to you. ไม่ต้องกลัวฉันอยู่นี่ เราจะทำสงครามกับมัน Gomorrah (2008)

Longdo Approved EN-TH
conventional warfare(phrase) การยุทธตามรูปแบบ, การทำสงครามโดยใช้อาวุธและยุทธวิธีทางการทหาร ซึ่งแต่ละชนชาติจะเผชิญหน้ากันอย่างเปิดเผย

NECTEC Lexitron Dictionary EN-TH
cannon fodder(n) ทหารที่ถูกคิดว่าเป็นเพียงวัตถุที่ใช้ทำสงคราม
engagement(n) การสู้รบ, See also: การทำสงคราม, Syn. battle, combat
fight(vi) ต่อสู้, See also: ต่อต้าน, สู้รบ, ทำสงคราม, เข้าปะทะ, โจมตี, Syn. collide, battle, Ant. stop, quit
fight(vt) ต่อสู้, See also: ต่อต้าน, สู้รบ, ทำสงคราม, ปะทะ, โจมตี, Syn. collide, battle
martialism(n) การทำสงคราม, Syn. military, warlike, soldierly
martialist(n) นักรบ, See also: ผู้ทำสงคราม, ผู้ชอบทำสงคราม, Ant. pacifist
militant(adj) เกี่ยวกับการทำสงคราม, Syn. bellicose, combative, Ant. dovish, peaceable
militarist(n) ผู้ทำสงคราม, See also: ทหาร, ผู้เข้มแข็ง, Syn. combatant, warmonger, soldier
militarization(n) การทำสงคราม
petard(n) เครื่องระเบิดประตูหรือกำแพงในการทำสงครามสมัยโบราณ, Syn. firecracker, explosive, squib
ragnarok(n) การทำสงครามทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าและปีศาจในเทพนิยายนอซหรือนอร์เวย์, Syn. Twilight of the Gods
tactics(n) การทหาร, See also: กลยุทธ์ที่ใช้ในการรบหรือทำสงคราม
trigger-happy(adj) ซึ่งชอบทำสงคราม, See also: ซึ่งกระหายเลือด
war(n) ระยะเวลาที่ทำสงคราม, See also: ช่วงเวลาระหว่างสงคราม
war(vi) ทำสงคราม, See also: ต่อสู้
war cry(n) เสียงกู่ร้องก่อนการทำสงครามของทหาร, Syn. battle cry
war zone(n) บริเวณที่มีการทำสงคราม, See also: เขตสงคราม
warfare(n) การทำสงคราม, See also: การสู้รบ, การสงคราม
warlike(adj) ที่ชอบทำสงคราม, See also: ที่ชอบให้เกิดสงคราม
Whig(n) ผู้สนับสนุนให้ทำสงครามเพื่อประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ

Hope Dictionary
angary(แอง' กะรี) n สิทธิของรัฐที่ทำสงครามในการยึดครองหรือทำลายทรัพย์สินของประเทศที่เป็นกลางแล้ว, รอไว้ชดใช้ค่าเสียหาย หรือสินไหมทดแทนในภายหลัง
belligerence(เบลลิจ'เจอเรินซฺ) n. ภาวะคล้ายสงคราม, ลักษณะกระหายสงคราม, ลักษณะชอบต่อสู้, การทำสงคราม, Syn. war
belligerency(บะลิจ'เจอเรินซี) n. ภาวะสงคราม, ภาวะเข้าสู่การทำสงคราม, Syn. aggression, Ant. peace
belligerent(บะลิจ'เจอเรินทฺ) adj. ชอบสงคราม, ทำสงคราม, มุ่งร้าย, ก่อสงคราม n. ภาวะสงคราม, ฝ่ายที่เข้าทำสงคราม, Syn. pugnacious, Ant. pacific
crusade(ครูเซด') n. สงครามศาสนา, สงครามศาสนาในศตวรรษที่ 11, 12, 13 ระหว่างทหารคริสเตียนกับทหารมุสลิม, การปราบปราม vi. ทำสงครามครูเสด, ปราบปราม
hostility(ฮอลทิล'ลิที) n. ความเป็นปรปักษ์, การมีเจตนาร้าย, การเป็นศัตรู, การไม่เป็นมิตร., See also: hostilities n. สงคราม, การทำสงคราม, Syn. enmity, animosity
militant(มิล'ลิเทินทฺ) adj. บุกรุก, เข้มแข็ง, กระฉับกระเฉง, เกี่ยวกับการทำสงคราม. n. ผู้ทำสงคราม
war(วอร์) n. สงคราม, ภาวะสงคราม, การรบ vi. ทำสงครามรบ, ต่อสู้, ขัดแย้ง, ต่อต้าน adj. เกี่ยวกับสงคราม, Syn. warfare, fight
war cryเสียงกู่ร้องการทำสงคราม, คติพจน์หรือคำขวัญที่ใช้ในการเรียกร้องความสามัคคี
war zonen. บริเวณที่มีการทำสงคราม, เขตสงคราม
warfare(วอร์'แฟร์) n. การสงคราม, การทำสงคราม, การสู้รบ, Syn. fighting, war, battle
warpath(วอร์'พาธ -แพธ) n. เส้นทางออกรบของอินเดียนแดง, โกรธเคือง มุ่งร้าย pl. warpaths -Phr. (on the warpath เตรียมสงคราม ทำสงคราม)
warring(วอ'ริง) adj. สู้รบกัน, ทำสงครามกัน, ต่อสู้กัน, Syn. fighting

Nontri Dictionary
belligerence(n) การทำสงคราม, ความกระหายสงคราม
belligerency(n) ภาวะสงคราม, การทำสงคราม
crusader(n) ผู้ทำสงครามศาสนา
militant(n) ผู้ต่อสู้กัน, ผู้ทำสงคราม
war(vi) ทำสงคราม, ต่อสู้, สู้รบ, ขัดแย้ง, ต่อต้าน, ทำศึก

ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ

Time: 0.7762 seconds
ว่าด้วยโฆษณา
เราทราบดีว่าท่านผู้ใช้คงไม่ได้อยากให้มีโฆษณาเท่าใดนัก แต่โฆษณาช่วยให้ทาง Longdo เรามีรายรับเพียงพอที่จะให้บริการพจนานุกรมได้แบบฟรีๆ ต่อไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม