126 ผลลัพธ์ สำหรับ *โดยสิ้นเชิง*
ภาษา
หรือค้นหา: โดยสิ้นเชิง, -โดยสิ้นเชิง-NECTEC Lexitron-2 Dictionary (TH-EN)
โดยสิ้นเชิง | (adv) completely, See also: entirely, wholly, thoroughly, Syn. อย่างสิ้นเชิง, Example: ในที่สุดผู้ก่อการร้ายก็ยอมแพ้โดยสิ้นเชิง |
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
โดยสิ้นเชิง | ว. ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, ทุกประการ, เช่น เขาพ้นข้อหาโดยสิ้นเชิง, อย่างสิ้นเชิง ก็ว่า. |
เจ้าหนี้ร่วม | น. บุคคลหลายคนซึ่งมีสิทธิเรียกร้องการชำระหนี้โดยแต่ละคนอาจจะเรียกให้ชำระหนี้โดยสิ้นเชิงได้. |
โมกขบริสุทธิ์ | น. การที่พระจันทร์พ้นจากเงาโลกโดยสิ้นเชิง เมื่อมีจันทรุปราคา. |
ลูกหนี้ร่วมกัน, ลูกหนี้ร่วม | น. บุคคลหลายคนซึ่งต้องทำการชำระหนี้โดยทำนองซึ่งแต่ละคนจำต้องชำระหนี้โดยสิ้นเชิง. |
เลย | โดยสิ้นเชิง, แม้แต่น้อย, (ใช้ในความปฏิเสธ), เช่น ไม่เชื่อเลย ไม่เห็นด้วยเลย. |
สมองตาย | ว. สภาวะที่สมองถูกทำลายจนสูญเสียการทำงานโดยสิ้นเชิง ถือว่าสิ้นชีวิตแล้ว. |
สิ้นเชิง | ก. สิ้นท่า, หมดท่า, หมดชั้นเชิง, เช่น อันธพาลเมื่อเจอนักสู้เข้าก็สิ้นเชิงนักเลง, โดยปริยายมักใช้กับคำ โดย หรือ อย่าง เป็น โดยสิ้นเชิง อย่างสิ้นเชิง หมายความว่า ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, ทุกประการ, เช่น ข่าวลือนี้ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง โครงการนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง. |
ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
peremptory exceptions | การปฏิเสธคำฟ้องโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
peremptory | ที่แน่นอน, เด็ดขาด, โดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
strict liability | ความรับผิดโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
absolute liability | ความรับผิดโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
cost of completion | ค่าทดแทนความเสียหายโดยสิ้นเชิง (ในกรณีผิดสัญญา) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
general issue | การปฏิเสธตลอดข้อหา, การปฏิเสธโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
total destruction | การถูกทำลายโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
total disability | การหมดความสามารถโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
total eviction | การสิ้นสิทธิครอบครองโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
wholly destroyed | ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
คลังศัพท์ไทย (สวทช.)
Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] |
Nuclear Test Ban | หมายถึง สนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งในบรรยากาศ ในอวกาศ และใต้น้ำ สนธิสัญญาฉบับนี้ได้มีผลบังคับเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1963 ประเทศที่ลงนามเริ่มแรกในสนธิสัญญาได้แก่ อังกฤษ สหภาพโซเวียต และ สหรัฐอเมริกา รวมสามประเทศจุดมุ่งหมายสำคัญของสนธิสัญญาคือ รัฐบาลของประเทศทั้งสาม ต้องการให้มีการทำความตกลงกันเป็นผลสำเร็จเกี่ยวกับการลดอาวุธ หรือปลดกำลังอาวุธทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ภายใต้การควบคุมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ตามความมุ่งประสงค์ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งต้องการให้ยุติหรือเลิกการแข่งขันกันสะสมอาวุธ และกำจัดมิให้มีเหตุจูงใจที่จะผลิตและทดสอบอาวุธไม่ว่าชนิดใดทั้งหมด รวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ด้วย นอกจากนี้ ยังเสาะแสวงหาที่จะให้หยุดการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ไปตลอดชั่วกาลนานสนธิ สัญญานี้มีข้อความอยู่ 5 มาตรา และไม่จำกัดอายุเวลา ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ ทั้งหลายเข้าร่วมลงนามเป็นภาคีได้ ในทางตรงกันข้าม ประเทศภาคีก็มีสิทธิใช้อธิปไตยแห่งชาติได้เพื่อถอนตัวจากสนธิสัญญา ถ้าหากประเทศนั้น ๆ เห็นว่า ประโยชน์อันสูงสุดของประเทศตนต้องตกอยู่ในอันตราย และแจ้งล่วงหน้าสามเดือนให้ประเทศภาคีอื่น ๆ ทั้งหมดทราบการตกลงใจนั้น [การทูต] |
Sanctions | การบังคับตามกฎระหว่างประเทศ หมายถึงการที่หลาย ๆ ชาติได้ลงมติใช้มาตรการบังคับหรือจูงใจพร้อม ๆกันเพื่อบังคับให้ชาติหนึ่งที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทำการยับยั้ง (Desist) หรือยินยอมให้มีการชี้ขาดตัดสิน (Adjudication) หรือกล่าวอย่างสั้น ๆ แซ็งชั่นก็คือ หนทางที่บังคับพันธกรณีทางกฎหมายให้เป็นไปตามกฎหมายเรื่องแซ็งชั่นนี้ กฎบัตรสหประชาชาติได้กล่าวไว้ในบทที่ 7 ข้อ 41 และ 42 มีข้อความดังนี้ ?ข้อ 41 คณะมนตรีความมั่นคงอาจวินิจฉัยว่า จะต้องใช้มาตรการอันใดอันไม่มีการใช้กำลังอาวุธ เพื่อยังผลให้เกิดแก่คำวินิจฉัยของคณะมนตรี และอาจเรียกร้องให้สมาชิกแห่งสหประชาชาติใช้มาตรการเช่นว่านั้น มาตรการเหล่านี้อาจรวมถึงการตัดสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และการคมนาคมทางรถไฟ ทางทะเล ทางอากาศ ทางไปรษณีย์โทรเลข ทางวิทยุ และวิถีทางคมนาคมอย่างอื่นโดยสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน และการตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ข้อ 42 หากคณะมนตรีความมั่นคงพิจารณาเห็นว่ามาตรการที่บัญญัติไว้ในข้อ 41 น่าจะไม่เพียงพอ หรือได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอ คณะมนตรีก็อาจดำเนินการใช้กำลังทางอากาศ ทางทะเล หรือทางพื้นดินเช่นที่เห็นจำเป็น เพื่อธำรงไว้ หรือสถาปนากลับคืนมาซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การดำเนินการเช่นว่านี้ อาจรวมถึงการแสดงแสนยานุภาพ การปิดล้อม และการปฏิบัติอย่างอื่นโดยกำลังทางอากาศ ทางทะเล หรือทางพื้นดินของบรรดาสมาชิกแห่งสหประชาชาติ [การทูต] |
Broken, Complete | หักขาดจากกันโดยสิ้นเชิง [การแพทย์] |
Cytolysis, Complete | การตายโดยการละลายของเซลล์ไปโดยสิ้นเชิง [การแพทย์] |
secondary use | secondary use, การใช้เนื้อเยื่อเพื่อวัตถุประสงค์ต่อเนื่องเพิ่มเติมไปจากตอนที่ทำการเก็บรวบรวมเนื้อเยื่อในตอนต้นหรือเพิ่อวัตถุประสงค์อื่นที่ต่างไปจากวัตถุประสงค์ตอนต้นโดยสิ้นเชิง (tissues are used for purpose that either extend beyond or are totally different from the primary purpose [ชีวจริยธรรม] |
Mastectomy, Extended Radical | การผ่าตัดเต้านมออกหมดโดยสิ้นเชิงแบบถอนรากถอนโคน [การแพทย์] |
Mastectomy, Modified Radical | การผ่าตัดเอาเต้านมออกหมดโดยสิ้นเชิงแบบดัดแปลง [การแพทย์] |
Mastectomy, Radical | การผ่าตัดเอาเต้านมออกโดยสิ้นเชิง [การแพทย์] |
ตัวอย่างประโยคจาก Open Subtitles
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
Volubilis Dictionary (TH-EN-FR)
โดยสิ้นเชิง | [dōi sinchoēng] (adv) EN: completely ; entirely ; wholly ; thoroughly ; totally ; vastly FR: totalement |
ความสูญเสียโดยสิ้นเชิง | [khwāmsūnsīa dōi sinchoēng] (n, exp) EN: total loss |
แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง | [taēktāng kan dōisinchoēng] (adj) EN: vastly different |
Longdo Approved EN-TH
homoeopathy | [โฮมีโอพาธี] (n) การบำบัดแบบโฮมีโอพาธีมีแนวคิดหรือปรัชญาพื้นฐานในการทำความเข้าใจร่างกายมนุษย์ที่แตกต่างจากระบบการแพทย์แผนปัจจุบันโดยสิ้นเชิง การมองร่างกายและจิตใจของ ผู้ป่วยจะไม่ได้มองเป็นอวัยวะที่แยกส่วนออกจากกัน แต่จะมองร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเป็นภาพรวมเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่จะบำบัดผู้ป่วยจะต้องมีการสัมภาษณ์และคุยกับผู้ป่วยในเรื่องของลักษณะทั่วไป บุคลิกภาพ ประวัติทางการแพทย์ของครอบครัว อารมณ์ ความรู้สึกส่วนบุคคลต่อสิ่งแวดล้อม อาหาร อากาศ ฯลฯ รวมทั้งอาการของโรคด้วย นักบำบัด (practitioner) จะต้องนำคำตอบทั้งหมดมาประมวลและสรุปเป็นภาพรวมโดยเรียกว่า “ภาพของอาการ” (symtom picture)ดังนั้นการประเมินประสิทธิภาพของการบำบัดจึงไม่ควรใช้กรอบและแนวคิดของระบบการแพทย์แผนปัจจุบันประเมินแต่เพียงอย่างเดียว ควรมีการศึกษาและทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของการบำบัดแบบโฮมีโอพาธีด้วย โดยสรุปแล้วการบำบัดแบบโฮมีโอพาธีจัดเป็นศาสตร์การรักษาสุขภาพแบบองค์รวมที่เน้นเรื่องการปรับสมดุลสารชีวเคมีและพลังไหลเวียนภายในร่างกาย การให้ยาเป็นไปเพียงเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการปรับสมดุลด้วยกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเอง ไม่ได้มุ่งหมายให้ยาไปขจัดหรือทำลายกลไกของร่างกายหรือสารที่ก่อให้เกิดอาการป่วย รวมทั้งไม่ได้มุ่งหมายที่จะขจัดสิ่งมีชีวิตใด ๆ ออกจากร่างกายด้วย |
NECTEC Lexitron Dictionary EN-TH
Hope Dictionary
altogether | (ออลทูเกธ' เธอะ) adv. ทั้งหมด, พร้อมกัน, ด้วยประการทั้งปวง, โดยสิ้นเชิง, ทั้งสิ้น, โดยสรุป, รวมทั้งสิ้นเป็น (entirely, completely) |
arrant | (แอร์'เรินทฺ) adj. เหลือเกิน, อย่างที่สุด, โดยสิ้นเชิง, ตลอด, ร้ายกาจ, Syn. flagrant, egregious, base, Ant. proper, decent |
blank | (แบลงคฺ) { blanked, blanking, blanks } adj. ว่าง, ว่างเปล่า, ปราศจากเรื่องราว, ยังไม่ได้เขียนหรือพิมพ์อะไร, จืดชืด, ไม่น่าสนใจ, โดยสิ้นเชิง, ทั้งสิ้น, ซีด, ไร้สี n. สถานที่ว่างเปล่า, ช่องว่างสำหรับเติม, แบบฟอร์มที่ว่างเปล่า, จุดขาวตรงกลางของเป้า, เป้า, กระสุนเปล่า, เครื่องห |
contradistinction | n. ความแตกต่างโดยสิ้นเชิง, See also: contradistinctive adj. ดูcontradistinction |
dead | (เดด) adj.ตาย, สิ้นลมหายใจ, ไม่มีชีวิต, ไม่มีความรู้สึก, ทื่อ, จืดชืด, โดยสิ้นเชิง, แม่นยำ, กะทันหัน, ตรง, จริง ๆ , ไม่มีกระแสไฟฟ้า adv. โดยสิ้นเชิง, เต็มที่, อย่างกะทันหัน n. คนตาย, Syn. deceased |
dismay | (ดิสเม') vt. ทำให้ตกใจ, ทำให้สะดุ้งกลัว, ทำให้หมดความกล้าโดยสิ้นเชิง, ทำให้ตกตะลึง, ทำให้ท้อใจ. n. ความสะดุ้งกลัว, ความท้อใจ, ความท้อแท้, Syn. dread, terror, fright, fear |
downright | adj. อย่างแท้ ๆ ทีเดียว, โดยสิ้นเชิง, ชัดเจนที่สุด, ลงสู่ -adv. อย่างสิ้นเชิง, เต็มที่., See also: downrightedness n. ดูdownright, Syn. thorough, absolute, sheer |
entirely | (เอนไท'เออลี) adv. โดยสิ้นเชิง, อย่างแท้จริง |
fairly | (แฟร'ลี) adj. อย่างตรงไปตรงมา, อย่างยุติธรรม, อย่างปานกลาง, โดยความเป็นจริง, โดยสิ้นเชิง, Syn. justly |
fatal error | ข้อผิดพลาดร้ายแรงหมายถึง ปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งจะทำให้โปรแกรมหรือเครื่อง คอมพิวเตอร์หยุดทำงานโดยสิ้นเชิง ถ้าเป็นเครื่องแมคอินทอช จะเห็นเป็นลูกระเบิด |
goddam | (n) (กอด'แดม') interj. คำอุทานแสดงความรู้สึกที่รุนแรง. n. สิ่งที่มีค่าเล็กน้อย. adj., adv. น่ารำคาญ, น่าเบื่อหน่าย, โดยสิ้นเชิง |
heartily | (ฮาร์ท'ทิลี) adv. อย่างจริงใจ, อย่างแท้จริง, ด้วยมิตรไมตรีจิต, อย่างยิ่ง, โดยสิ้นเชิง, อย่างเอร็ดอร่อย, Syn. cordially, sincerely |
kill | (คิล) { killed, killing, kills } v. ฆ่า, สังหาร, ทำให้ตาย, ทำลาย, ประหาร, ทำให้หยุด, ระงับ, ทำ, ให้เป็นกลาง, ถูกฆ่าตาย, เอาชนะโดยสิ้นเชิง n. การฆ่า, การสังหาร, สัตว์ที่ถูกฆ่า -Phr. (kill off ฆ่าหรือทำลายโดยสิ้นเชิง), Syn. slay |
out-and-out | (เอาทฺ'อันเอาทฺ') adj. ตลอด, ทั่ว, สมบูรณ์, โดยตลอด, เต็มที่, โดยสิ้นเชิง, เปิดเผย |
pure | (เพียว'เออะ) n. บริสุทธิ์, หมดจด, พันธุ์แท้, โดยตรง, ชัดแจ้งและจริง ๆ , แน่นอน, เกลี้ยงเกลา, ขาวสะอาด, ไม่มีราคี, ไม่มีมลทิน, เป็นหญิงพรหมจารี, เต็มที่, โดยสิ้นเชิง., See also: pureness n., Syn. unmixed, unpolluted |
right-down | adj. โดยสิ้นเชิง, เต็มที่, เต็มตัว, ทีเดียว, Syn. entirely |
solid | (ซอล'ลิด) adj. ของแข็ง, มีสามมิติ (ความยาว, ความกว้างและความหนา) , เป็นรูปตัน, แข็ง, แน่น, อัดแน่น, ต่อเนื่อง, โดยสิ้นเชิง, ไม่มีการแบ่งแยก, สมบูรณ์, ทั้งหมด, พร้อมเพรียงกัน, เป็นแบบเดียวกัน, มีเหตุผล, ดี, มีจิตปกติ, มีฐานะการเงินมั่นคง, ลูกบาศก์, รุนแรง, เป็นเอกฉันท์, รวมกัน |
sovereign | (ซอฟ'เวอเรน) n., adj. (เกี่ยวกับ) กษัตริย์, รัฎฐาธิปัตย์, ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ, ผู้ปกครองประเทศ, ซึ่งมีอำนาจสูงสุด, สูงสุด, ใหญ่ยิ่งที่สุด, เหนือกว่าสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมด, ม'อำนาจการปกครองตัวเองที่อิสระ, โดยสิ้นเชิง, โดยครบถ้วน, ม'ประสิทธิภาพ. |
totally | (โท'ทะลี) adv. ทั้งหมด, โดยสิ้นเชิง, Syn. entirely, completely |
up | (อัพ) adj. ขึ้น, ขึ้นไป, อยู่ชั้นบน, ตั้งตรง, อยู่เหนือ, อยู่สูงกว่า, ลุกขึ้น, ตื่นขึ้น, ขึ้นหน้า, เกิดขึ้น, มากขึ้น, ขึ้นเหนือ, เกลี้ยง, แน่นหนา, เร่าร้อน, ไปตามลม, ให้หมด, ให้เสร็จ, ถึงที่สุด, โดยสิ้นเชิง. vt. ทำให้ใหญ่ขึ้น, ยกเว้น, ทำให้ดีขึ้น. vi. เริ่ม, ริเริ่ม |
very | (เว'รี) adv. มาก, มาก ๆ , อย่างยิ่ง, แท้จริง, เหลือเกิน. adj. แท้จริง, จริง, โดยเฉพาะ, แน่แท้, โดยสิ้นเชิง, เต็มที่, เพียงเท่านั้น, Syn. extremely, greatly, exactly, absolute, suitable |
wild-eyed | (ไวดฺ'อายดฺ) adj. มีนัยน์ตาที่โกรธ, บ้าคลั่งหรือเป็นทุกข์, ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง |
world | (เวิร์ลดฺ) n. โลก, เขตโลก, พิภพ, มนุษย์โลก, สากล, โลกมนุษย์, มวลมนุษย์, มนุษยชาติ, สาธารณชน, ชนชั้นเฉพาะของมนุษย์, วงการ, อาณาจักร, วงสังคม, จุกรวาล, ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่, สรรพสิ่ง, จำนวนมหาศาล, ชีวิตโลก, ทางโลกีย์, -Phr. (for all the world โดยสิ้นเชิง) |
Nontri Dictionary
altogether | (adv) ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, โดยสิ้นเชิง, พร้อมกัน |
dead | (adj) โดยถ่องแท้, แน่นอน, เต็มที่, โดยสิ้นเชิง, อย่างกะทันหัน |
downright | (adj) จริงจัง, ชัดแจ้ง, โดยสิ้นเชิง |
fast | (adv) โดยเร็ว, โดยสิ้นเชิง, รวดเร็ว, แน่น |
sovereign | (adj) สูงสุด, สำคัญยิ่ง, โดยสิ้นเชิง, โดยครบถ้วน |
up | (adv) ขึ้นไป, ตรง, อยู่เหนือ, โดยสิ้นเชิง, ให้หมด |
Longdo Unapproved EN-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
lnw | (slang) เป็นคำที่เลียนแบบภาษาไทยให้ดูคล้ายคำว่า "เทพ" เป็นที่นิยมในหมู่เกรียนเพื่อที่จะบ่งบอกความเก่งของตน ซึ่งโดยมากจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง, Syn. god |
Longdo Unapproved JP-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
一切 | [issai] (adv) ทั้งหมด, ทุกอย่าง, โดยสิ้นเชิง |
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Time: 0.027 seconds, cache age: 10.56 (clear)
ว่าด้วยโฆษณา
เราทราบดีว่าท่านผู้ใช้คงไม่ได้อยากให้มีโฆษณาเท่าใดนัก แต่โฆษณาช่วยให้ทาง Longdo เรามีรายรับเพียงพอที่จะให้บริการพจนานุกรมได้แบบฟรีๆ ต่อไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม