272 Results for *หลักการ*
หรือค้นหา: หลักการ, -หลักการ-

Longdo Unapproved MED - TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
PET Scan(n, vt) PET Scan ย่อมาจาก Positron Emmision Tomography เป็นเครื่องมือใหม่ที่ใช้เพื่อ ตรวจหาการกระจายและปริมาณความผิดปกติของสารเภสัชรังสีโพสิตรอน ทำให้ข้อมูลที่ได้จาก PET มีความแตกต่างจากเครื่องมืออื่นๆ ซึ่งเรารู้จักกันดี เช่น การตรวจด้วย ultrasound, CT และ MRI ที่ส่วนใหญ่จะแสดงเพียงลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางกายวิภาค การตรวจด้วย PET เป็นการถ่ายภาพการกระจายตัวของสารเภสัชรังสีที่สลายตัวให้โพสิตรอน (positron) สารเภสัชรังสีเหล่านี้จะสัมพันธ์และแสดงถึงขบวนการชีววิทยาต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เราสามารถตรวจขบวนการเผาผลาญ (metabolism) ของเซลล์ได้ หลักการของเครื่องตรวจนี้คือ ใช้้ในการตรวจหาเซลล์ที่มีเมตะบอลลิสม์ผิดปกติ เป็นการตรวจหาการทำงานของเซลล์และผ่านกลวิธีทำให้ออกมาเป็นรูปให้เราเห็น ในการตรวจมะเร็งปอดเราใช้น้ำตาล เมื่อเราทำให้น้ำตาลนั้นจับกับสารกัมมันตภาพ (Glucose 2-fluoro-2-deoxy-D-glucose หรือ FDG) ฉีดเข้าไปในเลือด เซลล์ไหนที่มีเมตะบอลลิสม์สูงจะใช้น้ำตาลมาก เช่น เซลล์ของมะเร็ง เซลล์ไหนที่ตายหรือมีเมตะบอลลิสม์ต่ำจะใช้น้ำตาลน้อย เมื่อใช้ Radiotracer จับปริมาณกัมมันตภาพ เราจะพบว่าก้อนมะเร็งนั้นมีกัมมันตภาพสูงกว่าเนื้อธรรมดาและใช้ตรวจทั้งตัว ก็ได้

Longdo Unapproved TH - EN
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
วิชาหลักการจัดการ(n, phrase) Principles of Management
วิชาหลักการตลาด(n, phrase) Principles of Marketing

NECTEC Lexitron-2 Dictionary (TH-EN)
หลักการ(n) principle, Syn. หลัก, แนว, วิถีทาง, แนวทาง, Thai Definition: หลักสาระสำคัญในการดำเนินการ
ตามหลักการ(adv) theoretically, Syn. ตามหลักทฤษฎี, Example: นักเรียนแสดงรูปวงจรหารตามหลักการ, Thai Definition: อย่างเป็นไปตามหลักสาระสำคัญในการดำเนินการ

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
หลักการน. สาระสำคัญที่ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ เช่น คณะกรรมการลงมติรับหลักการตามที่มีผู้เสนอ.
จุดยืนน. ความคิดแน่วแน่, ความมั่นคงในหลักการตามความคิดความเชื่อของตน.
ไดนาโมน. เครื่องกลที่ใช้สำหรับเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการ คือ ให้ลวดตัวนำเคลื่อนที่ตัดเส้นแรงแม่เหล็ก เป็นเหตุให้เกิดกระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ในลวดตัวนำได้.
ทฤษฎี(ทฺริดสะดี) น. หลักการทางวิชาการที่ได้ข้อสรุปมาจากการค้นคว้าทดลองเป็นต้น เพื่อเสริมเหตุผลและรากฐานให้แก่ปรากฏการณ์หรือข้อมูลในภาคปฏิบัติ เช่น ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลก ทฤษฎีแสง. (ส.; ป. ทิฏฺ ิ).
บัญชีซะกาตน. บัญชีที่ธนาคารจัดตั้งขึ้นเพื่อบริจาคและรับดำเนินการบริจาคตามหลักการของศาสนาอิสลาม.
บุญกิริยาวัตถุ(บุนยะ-) น. ที่ตั้งแห่งการทำบุญ, เรื่องที่จัดเป็นการทำความดี, หลักการทำความดี, ทางทำความดี, มี ๑๐ ข้อ คือ ทานมัย สีลมัย ภาวนามัย อปจายนมัย เวยยาวัจจมัย ปัตติทานมัย ปัตตานุโมทนามัย ธัมมัสสวนมัย ธัมมเทสนามัย ทิฏฐุชุ-กรรม, โดยย่อมี ๓ ข้อ ได้แก่ ทานมัย สีลมัย ภาวนามัย.
แปรญัตติก. แก้ถ้อยคำหรือเนื้อความในร่างกฎหมายที่สภารับหลักการแล้ว.
ยึดมั่นก. ยึดถืออย่างมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงง่าย ๆ เช่น ยึดมั่นในหลักการ ยึดมั่นในตัวบุคคล.
ราชนีติน. หลักการปกครองของพระราชา, หลักการปกครองบ้านเมือง.
ลัทธิน. คติความเชื่อถือ ความคิดเห็น และหลักการ ที่มีผู้นิยมนับถือและปฏิบัติตามสืบเนื่องกันมา เช่น ลัทธิสังคมนิยม ลัทธิชาตินิยม ลัทธิทุนนิยม.
วิธีการน. วิธีปฏิบัติตามหลักการเป็นขั้นตอนอย่างมีระบบ เช่น วิธีการที่รัฐให้สวัสดิการแก่ประชาชน วิธีการสอนวิทยาศาสตร์มีหลายวิธี.
ศิลปะประยุกต์น. กรรมวิธีในการนำทฤษฎีและหลักการทางศิลปะไปใช้ในภาคปฏิบัติ เพื่อพัฒนาศิลปะให้มีความงามหรือเป็นประโยชน์แก่สังคมยิ่งขึ้นเป็นต้น อย่างในการออกแบบเครื่องแต่งกาย.
สังคมนิยม(สังคมมะ-, สังคม-) น. ทฤษฎีเศรษฐกิจและการเมือง ที่มีหลักการให้รัฐหรือส่วนรวมเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิต ตลอดจนการจำแนกแจกจ่าย และวางระเบียบการบริโภคผลผลิต.
สัตยาเคราะห์น. การยึดความจริงเป็นหลักการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม โดยใช้วิธีดื้อแพ่งไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งที่ไม่ยุติธรรม แต่ไม่ใช้วิธีรุนแรง.
เสียหลักก. ผิดไปจากหลักการ หลักเกณฑ์ หรือความถูกต้องเป็นต้น เช่น เป็นผู้ใหญ่มีคนเขานับถือ ทำสิ่งใดอย่าให้เสียหลัก
อนุโลมนำมาใช้โดยอาศัยหลักการอย่างเดียวกันแต่ให้แก้ไขในรายละเอียดได้ตามควรแก่กรณี.
อุดมการณ์(อุดมมะ-, อุดม-) น. หลักการที่วางระเบียบไว้เป็นแนวปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้.

ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
pigeonhole principleหลักการช่องนกพิราบ [ มีความหมายเหมือนกับ Dirichlet drawer principle และ shoebox principle ] [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
per se doctrineโดยหลักการนั้นเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
principleหลักการ [ปรัชญา ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
principleหลัก, หลักการ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
principleหลักการ, หลัก [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
principle democratผู้ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
principle of oralityหลักการสืบพยานด้วยปาก, หลักการสืบพยานบุคคล [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
last antecedent ruleหลักการตีความข้อความสุดท้ายมิให้มีความหมายไกลไปจากข้อความที่นำหน้า [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
leadership principleหลักการเป็นผู้นำ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
rule of men, theหลักการปกครองที่ถือตัวบุคคลเป็นใหญ่ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
shoebox principleหลักการกล่องรองเท้า [ มีความหมายเหมือนกับ Dirichlet drawer principle และ pigeonhole principle ] [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
simultaneityหลักการซ้อนผสาน [ศิลปะ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
orality, principle ofหลักการสืบพยานด้วยปาก, หลักการสืบพยานบุคคล [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
men, the rule ofหลักการปกครองที่ถือตัวบุคคลเป็นใหญ่ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
mischief ruleหลักการตีความกฎหมายเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิด [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
memorandum, explanatoryบันทึกหลักการและเหตุผล (ประกอบร่างกฎหมาย) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
memorandum, explanatoryบันทึกหลักการและเหตุผล (ประกอบร่างกฎหมาย) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
measure of indemnityหลักการคำนวณค่าสินไหมทดแทน [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
clean cut basisหลักการตัดภาระผูกพัน [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
Dirichlet drawer principleหลักการลิ้นชักของดีรีเคล [ มีความหมายเหมือนกับ pigeonhole principle และ shoebox principle ] [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
doctrinaireผู้เคร่งหลักการ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
explanatory memorandumบันทึกหลักการและเหตุผล (ประกอบร่างกฎหมาย) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
explanatory memorandumบันทึกหลักการและเหตุผล (ประกอบร่างกฎหมาย) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
well ordering principleหลักการจัดอันดับดี [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]

คลังศัพท์ไทย (สวทช.)
Innovationนวัตกรรม, นวัตกรรม หรือนวกรรม หมายถึง วิธีการปฏิบัติใหม่ๆ ที่แปลกไปจากเดิม โดยอาจจะได้มาจากการคิดค้นพบวิธีการใหม่ๆ ขึ้นมา หรือการปรุงแต่งของเก่าให้ใหม่และเหมาะสม และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการทดลองพัฒนาจนเป็นที่เชื่อถือได้แล้วว่าได้ผลดีในทางปฏิบัติ ทำให้ระบบก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น โดย มีหลักการที่สำคัญอยู่ 3 ประการ ที่จัดเป็นหลักพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาหรือไม่ คือ <ul><li>สิ่งนั้นควรเป็นสิ่งที่ค้นพบ หรือประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือการปรับปรุงแต่งของเก่าให้ใหม่เหมาะสมกับกาลสมัยมาใช้ในวงการศึกษา เพื่อให้ระบบการศึกษาก้าวหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ</li><li>ได้ผ่านการทดลอง การปรับปรุงพัฒนา จนเป็นที่ยอมรับกับอย่างแพร่หลาย</li><li>ได้มีการนำมาปฏิบัติจริงในวงการนั้น</li></ul> [เทคโนโลยีการศึกษา]
Thermoluminescence dosimeterอุปกรณ์วัดปริมาณรังสีสะสมที่ได้รับ, อุปกรณ์วัดปริมาณรังสีสะสมที่ได้รับ โดยใช้หลักการเปล่งแสงของสารเมื่อได้รับความร้อน (ดู thermoluminescence ประกอบ), Example: [นิวเคลียร์]
Radiographyการถ่ายภาพรังสี, การใช้รังสีชนิดก่อไอออน เช่น รังสีเอกซ์ หรือ รังสีแกมมา ถ่ายภาพวัตถุบนแผ่นฟิล์มโดยอาศัยหลักการดูดกลืนรังสี ส่วนของวัตถุที่ดูดกลืนรังสีไว้น้อยกว่าจะปรากฏภาพเงาบนฟิล์มทึบกว่าส่วนของวัตถุที่ดูดกลืนรังสีไว้มากกว่า [นิวเคลียร์]
Noveltyความใหม่ สิ่งใหม่ ที่เป็นหลักการสำคัญในข้อร้องสิทธิในสิทธิบัตรการประดิษฐ์, ความใหม่ สิ่งใหม่ ที่เป็นหลักการสำคัญในข้อร้องสิทธิในสิทธิบัตรการประดิษฐ์, Example: ต้องไม่เคยปรากฏแก่สาธารณะมาก่อนไม่ว่าวิธีใด ๆ ก่อนที่ทำการยื่นขอรับสิทธิบัตรเรื่องนั้น ๆ [ทรัพย์สินทางปัญญา]
Proportional counterเครื่องนับรังสีแบบสัดส่วน, เครื่องวัดรังสีที่ใช้หลักการนับจำนวนสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งเป็นสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนของไอออนที่เกิดขึ้นเมื่อมีรังสีชนิดก่อไอออนผ่านเข้าไปในหัววัดชนิดบรรจุแก๊ส [นิวเคลียร์]
Audi alteram partemหลักการรับฟังคู่กรณีทุกฝ่าย [TU Subject Heading]
Foundationsหลักการ [TU Subject Heading]
Polluter Pays Principle, PPPหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย, พีพีพี, Example: กฎหรือหลักเกณฑ์ที่ให้ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้ออก ค่าใช้จ่ายในการลดหรือ บำบัดมลพิษที่ตนเองเป็นผู้ก่อขึ้น [สิ่งแวดล้อม]
Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategyยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี ? เจ้าพระยา ? แม่โขง ACMECS หรือชื่อเดิม ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า และไทย (ECS : Economic Cooperation Strategy among Cambodia, Lao PDR, Myanmar and Thailand) คือ กรอบความร่วมมือระหว่าง 5 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม ACMECS เป็นแนวคิดที่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกขึ้นหารือกับผู้นำกัมพูชา ลาว และพม่า ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรค SARS เมื่อ 29 เมษายน 2546 ที่กรุงเทพฯ และได้มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจนถึงการประชุมระดับผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 1 ที่เมืองพุกาม สหภาพพม่า เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2546 โดยผู้นำทั้ง 4 ประเทศร่วมกันออกปฏิญญาพุกาม (Bagan Declaration) รวมทั้งแผนปฏิบัติการ (Plan of Action) ครอบคลุมความร่วมมือ 5 สาขา ได้แก่ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการ ลงทุน ความร่วมมือทางด้านเกษตรและอุตสาหกรรม การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บนหลักการที่เน้นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและยกระดับความ เป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งเปิดกว้างให้นานาประเทศและองค์การระหว่างประเทศได้มีส่วนร่วมเป็น หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Development Partner) ในโครงการต่างๆ ของ ACMECS ด้วย * เวียดนามร่วมเป็นสมาชิก ACMECS เมื่อ 10 พฤษภาคม 2547 สถานะล่าสุด ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2547 ที่จังหวัดกระบี่ ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสสมัยพิเศษและการประชุม รัฐมนตรี ACMECS อย่างไม่เป็นทางการ รวมทั้งการประชุมร่วมกับ Development Partners (ผู้แทนจากออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย) ซึ่งการประชุมประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง สมาชิก ACMECS ทั้ง 5 ประเทศได้ร่วมกันแสดงความเป็น เอกภาพ โดยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการตามกรอบความร่วมมือ ACMECS อย่าง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อผู้แทนของ Development Partners รวมทั้งมีการหารือถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการระหว่างกันอย่างเป็น รูปธรรม นอกจากนี้ ยังสามารถมีข้อสรุปที่สำคัญๆ เกี่ยวกับกลไกการประสานงานระหว่างกันซึ่งจะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมความร่วม มือของ ACMECS มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป * ไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2548 ที่กรุงเทพฯ [การทูต]
ASEAN Finance Minister + 3 (China, Japan and the Republic of Korea) Meetingการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนกับผู้แทนจากจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี มีการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542 ในช่วงการประชุม ประจำปีของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่กรุงมะนิลา และได้ ตกลงในหลักการที่จะจัดเป็นประจำทุกปี เพื่อหารือสถานการณ์การเงินและเศรษฐกิจในภูมิภาค และร่วมมือหามาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขวิกฤตการณ์การเงินในภูมิภาค ผลงานที่สำคัญคือ ข้อตกลงริเริ่มที่เชียงใหม่ (Chiang Mai Initiative) [การทูต]
ASEAN-JAPAN SUMMITการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น เป็นการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนและนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งในหลักการจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2540 [การทูต]
ASEAN Troikaกลุ่มผู้ประสานงานของอาเซียน " เป็นข้อเสนอของไทยในการประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการ ณ กรุงมะนิลา เมื่อ 28 พฤศจิกายน 2542 ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ผู้นำประเทศ/รัฐบาลอาเซียน เป็นกลไกเฉพาะกิจในระดับรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาเซียนสามารถแก้ไขและร่วมมือกันได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ทันท่วงทีและใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ในเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพ และในเรื่องที่อาเซียนมีความห่วงกังวลร่วมกันว่ามี แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประสานงานอาเซียนจะปฏิบัติงานโดยยึดหลักการที่สำคัญของอาเซียน คือ หลักฉันทามติ และการไม่แทรกแซงกิจการภายใน กลุ่มผู้ประสานงานอาเซียนประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ ประเทศที่เป็นประธานคณะกรรมการประจำของ อาเซียนในปัจจุบัน อดีต และอนาคต " [การทูต]
ASEAN - China, Japan and the Republic of Korea Relationshipความสัมพันธ์อาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธาณรัฐเกาหลี เป็นกลไกความร่วมมือใหม่ที่เริ่มมีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2540 ซึ่งผู้นำของ อาเซียน จีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี ได้พบกันเป็นครั้งแรกที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยในปี พ.ศ. 2542 ผู้นำอาเซียน+3 ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (Joint Statement on East Asia Cooperation) เป็นหลักการพื้นฐานของการเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง [การทูต]
ASEAN Food Security Reserve Boardคณะกรรมการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียน เป็นกลไกประสานด้านการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงของภูมิภาค จัดตั้งขึ้นตามหลักการของปฏิญญาความสมานฉันท์แห่งอาเซียน 2514 [การทูต]
concert of nationsความปรองดองระหว่างชาติ หลักการและแนวคิดเรื่องความปรองดองระหว่างชาติเกิดขึ้นในยุโรป ระหว่าง พ.ศ. 2357-2358 ซึ่งเรียกว่า Concert of Europe หรือบางครั้งเรียกว่า Concert of Allies โดยการรวมตัวของกลุ่มรัฐพันธมิตรที่ต่อต้านการขยายอำนาจของฝรั่งเศส คือ รัสเซีย ออสเตรีย ปรัสเซีย และอังกฤษ ได้รวมตัวกันเป็นระบบแห่งยุโรป (European system) หรือระบบแห่งมหาอำนาจในยุโรป ซึ่งต่อมาฝรั่งเศสและสเปนได้เข้าร่วมในระบบความปรองดองแห่งยุโรปด้วย นอกจากนี้การเกิดระบบความปรองดองแห่งยุโรปซึ่งมีระบบการประชุมคองเกรส ระหว่างชาติมหาอำนาจเป็นกลไกสำคัญนั้น ยังเป็นการแสดงถึง "มหาอำนาจแห่งปฐมลำดับ" (The powers of the first order) และยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการเรียกชื่อที่ระบุคำว่ามหาอำนาจ (The first expression of the idea of the Great Powers) อย่างไรก็ตาม ระบบความปรองดองแห่งยุโรปได้ล่มสลายลงในปี พ.ศ. 2365 [การทูต]
Extraditionการส่งผู้ร้ายข้ามแดน การที่ชาติหนึ่งยอมส่งคนในชาติของตนให้แก่อีกชาติหนึ่ง คือคนในชาติที่ถูกกล่าวหา หรือต้องโทษฐานกระทำความผิดภายนอกเขตแดนของตน และเป็นความผิดที่กระทำขึ้นในเขตอำนาจของอีกชาติหนึ่ง ซึ่งมีความสามารถที่จะตัดสินคดี รวมทั้งลงโทษบุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นข้ออ้างว่า ในกรณีที่ชนชาติหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่าประกอบอาชญากรรมแล้วหลบหนีไปยังต่าง ประเทศนั้น รัฐของผู้ที่ประกอบอาชญากรรมมีสิทธิที่จะขอให้ต่างประเทศนั้นส่งตัวผู้กระทำ ผิดกลับคืนมา เพื่อส่งตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาลงโทษได้ แต่หลายคนยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ในข้อนี้ มีไม่น้อยที่สนับสนุนหลักการที่ว่า กฎหมายระหว่างประเทศมิได้รับรองหน้าที่ที่จะต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดน กล่าวคือ นอกจากสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่มีต่อกันแล้ว กฎหมายระหว่างประเทศมิได้รับรองสิทธิที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่กัน อย่างไรก็ดี ตามสนธิสัญญาที่มีต่อกัน ผู้ร้ายที่หนีความยุติธรรมจะถูกส่งไปให้อีกประเทศหนึ่งตามสนธิสัญญานั้น จักกระทำโดยวิถีทางการทูต ส่วนผู้หลบหนีเจ้าหน้าที่เพราะเหตุผลทางการเมือง จะส่งข้ามแดนอย่างผู้ร้ายไม่ได้ และเมื่อหลบหนีไปยังอีกประเทศหนึ่งได้สำเร็จ ประเทศนั้นๆ มักจะให้อาศัยพักพิงในประเทศของตนเป็นในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง [การทูต]
Gorbachev doctrineนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต]
North Atlanitc Treaty Organizationองค์การนาโต้ หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งได้ลงนามกันเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1949 ประเทศสมาชิกขณะเริ่มตั้งองค์การครั้งแรก ได้แก่ ประเทศเบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ต่อมาประเทศกรีซและตรุกีได้เข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 และเยอรมนีตะวันตก ( ในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1955 สนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1949ในภาคอารัมภบทของสนธิสัญญา ประเทศภาคีได้ยืนยันเจตนาและความปรารถนาของตน ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติกับประเทศและรัฐบาลทั้งหลาย ที่จะปกป้องคุ้มครองเสรีภาพมรดกร่วม และอารยธรรมของประเทศสมาชิกทั้งมวล ซึ่งต่างยึดมั่นในหลักการของระบอบประชาธิปไตย เสรีภาพส่วนบุคคลหลักนิติธรรม ตลอดจนจะใช้ความพยายามร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อป้องกันประเทศ และเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในสนธิสัญญาดังกล่าว บทบัญญัติที่สำคัญที่สุดคือข้อ 5 ซึ่งระบุว่า ประเทศภาคีสนธิสัญญาทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หากประเทศภาคีหนึ่งใดหรือมากกว่านั้น ในทวีปยุโรปหรือในอเมริกาเหนือ ถูกโจมตีด้วยกำลังอาวุธ จักถือว่าเป็นการโจมตีต่อประเทศภาคีทั้งหมด ฉะนั้น ประเทศภาคีจึงตกลงกันว่า หากมีการโจมตีด้วยกำลังอาวุธเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง ประเทศภาคีแต่ละแห่งซึ่งจะใช้สิทธิในการป้องกันตนโดยลำพังหรือร่วมกัน อันเป็นที่รับรองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ จะเข้าช่วยเหลือประเทศภาคีแห่งนั้นหรือหลายประเทศซึ่งถูกโจมตีด้วยกำลัง อาวุธในทันทีองค์กรสำคัญที่สุดในองค์การนาโต้เรียกว่า คณะมนตรี (Council) ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศภาคีสนธิสัญญานาโต้ คณะมนตรีนี้จะจัดตั้งองค์กรย่อยอื่น ๆ หลายแห่ง รวมทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นยุโรปและภาคพื้น แอตแลนติก สำนักงานใหญ่ขององค์การนาโต้ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส [การทูต]
New World Orderระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต]
Political Offensesความผิดทางการเมือง หลักการข้อหนึ่งของการส่งตัวผู้กระทำความผิดไปให้อีก ประเทศหนึ่ง หรือที่เรียกว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดน คือ ผู้ที่กระทำผิดทางการเมืองจะถูกส่งข้ามแดนไปให้อีกประเทศหนึ่งไม่ได้เป็นอัน ขาด แต่อย่างไรก็ดี มีปัญหาในปฏิบัติคือว่า จะแยกความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างความผิดทางการเมือง กับที่มิใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง นักวิชาการบางท่านนิยามความหมายของคำว่าความผิดทางการเมืองไว้ว่า คือ ความผิดฐานกบฏ (Treason) ซึ่งในกฎหมายของหลายประเทศหมายถึงการประทุษร้าย หรือพยายามประทุษร้ายต่อประมุขของประเทศ หรือช่วยฝ่ายศัตรูทำสงครามกับประเทศของตน ความผิดฐานปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ (Sedition) หรือการประกอบจารกรรม (Espionage) อันเป็นการคุกคามต่อความั่นคงหรือต่อระบบการปกครองของประเทศผู้ร้องขอ (หมายถึงประเทศที่ร้องขอให้ส่งตัวผู้กระทำผิดไปให้ในลักษณะผู้ร้ายข้ามแดน) ไม่ว่าจะกระทำโดยคนเดียวหรือหลายคนก็ตาม [การทูต]
Responsibility to protectหลักการความรับผิดชอบในการคุ้มครอง เป็นหลักการที่ได้รับการรับรองในการประชุมระดับผู้นำ เพื่อทบทวนผลของปฏิญญาสหัสวรรษ(High Level Panel Meeting - HLPM) เมื่อวันที่ 14-16 กันยายน พ.ศ. 2548 ณ นครนิวยอร์ก ที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงทางมนุษยธรรม ( humanitarian interference/intervention of humanity)เพื่อคุ้มครองประชาชนจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การฆ่าล้างชนชาติ โดยจะถือเป็นความรับผิดชอบและที่จะต้องดำเนินการร่วมกันโดยประชาคมระหว่าง ประเทศ อย่างไรก็ตาม หลักการเรื่องนี้มีนัยเกี่ยวข้องกับกฏหมายระหว่างประเทศ อธิปไตย ของรัฐ ความอ่อนไหวทางการเมือง และความชอบธรรมในการปฏิบัติ จึงยังไม่มีการนิยามแนวความคิด R2P รวมถึงขอบเขตของ R2P ที่ชัดเจน [การทูต]
Security Council of the United Nationsคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีนี้ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent members) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก 10 ประเทศ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งประเทศละ 2 ปี สมาชิกประเภทนี้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งใหม่ในทันที และในการเลือกตั้งจะคำนึงส่วนเกื้อกูลหรือบทบาทของประเทศผู้สมัครที่มีต่อ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งที่มีต่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ขององค์การสหประชาชาติด้วย ในการเลือกตั้ง จะคำนึงถึงการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกดังนี้คือ ก. 5 ประเทศจากแอฟริกาและเอเชียข. 1 ประเทศจากยุโรปตะวันออกค. 2 ประเทศจากละตินอเมริกาง. 2 ประเทศจากยุโรปตะวันตก และประเทศอื่น ๆหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีดังนี้1. ธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือ เงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือ เป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร 6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศที่ทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชาในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติบรรดาประเทศสมาชิกของสห ประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งยังรับรองที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงหากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ [การทูต]
Stalemateภาวะจนมุม เป็นคำที่ยืมมาจากเกมหมากรุกและใช้ในความหมายที่ว่า ตกอยู่ในสภาพชะงักงันหรือทางตัน คำนี้จะใช้กันแพร่หลายในด้านการทูต และในด้านการเจรจาระหว่างประเทศ คือ ทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในหลักการของแต่ละฝ่าย ซึ่งแตกต่างกันได้ก็ด้วยอาศัยมือที่สาม หรือประเทศที่สามเข้ามาแทรกแซงแก้ไขให้ [การทูต]
Treaty of Amity and Cooperationสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ " เป็นสนธิสัญญาที่จัดทำขึ้นโดยอาเซียนเมี่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อกำหนด หลักการดำเนินความสัมพันธ์ในภูมิภาค โดยมีหลักการที่สำคัญได้แก่ การเคารพในอำนาจอธิปไตย ความเท่าเทียมกัน บูรณภาพแห่งดินแดน การไม่แทรกแซงกิจการภายใน การแก้ไขปัญหาโดยสันติ การไม่ใช้หรือขู่ว่าจะใช้กำลัง และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งมีมาตราเกี่ยวกับแนวทางยุติความขัดแย้งโดยสันติวิธี โดยอาศัยกลไกคณะอัครมนตรี (High Council) ปัจจุบันประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศ เป็นภาคีสนธิสัญญาฯ " [การทูต]
Work of the United Nations on Human Rightsงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต]
nuclear gaugeเครื่องวัดเชิงนิวเคลียร์ หรือนิวเคลียร์เกจ, เป็นเครื่องวัดและควบคุมที่ทำงานโดยการกระตุ้นด้วยรังสีจากต้นกำเนิดรังสีชนิดปิดผนึก เครื่องวัดชนิดนี้ประกอบด้วยต้นกำเนิด และหัววัดรังสี บรรจุอยู่ในภาชนะที่แยกจากกัน หรือบรรจุอยู่ในภาชนะเดียวกัน โดยให้ลำรังสีผ่านออกมาทางช่องทางผ่าน หรืออุปกรณ์ควบคุมรังสีไปยังวัสดุที่ต้องการวัด ขณะเดียวกันหัววัดรังสีจะทำหน้าที่ตรวจวัดความเข้มของปริมาณรังสี หรือจำแนกชนิด และขนาดพลังงานของรังสี ซึ่งเป็นผลมาจากอันตรกิริยาระหว่างรังสีกับวัสดุนั้น ค่าที่วัดได้จะถูกส่งไปประมวลผลด้วยระบบไมโครโปรเซสเซอร์ เพื่อแสดงผลการตรวจสอบที่จะใช้เป็นตัวแปรในอุปกรณ์ควบคุมกระบวนการผลิตในขั้นตอนต่อไป เครื่องวัดเชิงนิวเคลียร์นี้ มีหลักการทำงานตามลักษณะการเกิดอันตรกิริยาระหว่างรังสีกับวัสดุ แบ่งเป็น 3 แบบ คือ เครื่องวัดแบบส่งผ่าน (Transmission gauge) และเครื่องวัดแบบกระตุ้นให้เกิดการแผ่รังสี (Reactive gauge) [พลังงาน]
spallation neutron sourceต้นกำเนิดนิวตรอนแบบสปอลเลชัน, เป็นต้นกำเนิดนิวตรอนรุ่นใหม่ จัดเป็นเครื่องผลิตนิวตรอนพลังงานสูงชนิดหนึ่ง มีหลักการทำงานคือ เมื่อยิงโปรตรอนพลังงานสูง (มากกว่า 100 ล้าน อิเล็กตรอนโวลต์) เข้าไปในเป้าซึ่งเป็นธาตุหนัก เช่น แทนทาลัม ทังสเตน และยูเรเนียม จะทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แบบสปอลเลชั่น และมีการปลดปล่อยนิวตรอน พร้อมทั้งอนุภาคชนิดอื่นๆ เช่นโปรตรอน และเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องหลั่นกันไป (cascade) ต้นกำเนิดนิวตรอนชนิดนี้ ให้นิวตรอนพลังงานเฉลี่ยประ มาณ 1 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ จำนวนประมาณ 10-30 เท่าของการยิงโปรตรอน 1 อนุภาค นิวตรอนที่ผลิตขึ้นนี้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานวิจัยด้านต่างๆ ต้นกำเนิดนิวตรอนแบบ สปอลเลชันเครื่องแรกมีชื่อว่า KENSตั้งอยู่ที่สถาบัน KEK (National Laboratory for High Energy Physics) ประเทศญี่ปุ่น เริ่มใช้งานครั้งแรกในปี พ.ศ.2523 สำหรับต้นกำเนิดนิวตรอนแบบสปอลเลชัน ที่ให้นิวตรอนเข้มข้นสูงสุดในปัจจุบันคือ ISIS ของ Rutherford Appleton Laboratory ประเทศอังกฤษ เริ่มเดินเครื่องในปี พ.ศ. 2527 และให้นิวตรอนฟลักซ์เฉลี่ยประมาณ 1015นิวตรอน/ ตร.ซม.-วินาที และมีฟลักซ์สูงสุดมากกว่า 40 เท่าของฟลักซ์เฉลี่ย [พลังงาน]
sterile insect techniqueการควบคุมจำนวนแมลงด้วยแมลงที่เป็นหมัน, คือ วิธีการควบคุมประชากรแมลง โดยใช้แมลงชนิดเดียวกันที่เป็นหมันด้วยรังสี โดยมีหลักการคือ นำแมลงม ทำให้เป็นหมันด้วยรังสีชนิดก่อไอออน แล้วปล่อยไปในธรรมชาติ แมลงตัวเมียที่ได้รับการผสมพันธุ์กับแมลงตัวผู้ที่เป็นหมัน จะไม่สามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้ การควบคุมแมลงวิธีนี้ จะต้องปล่อยแมลงที่เป็นหมันจำนวนมากหลายรุ่นต่อเนื่องกัน จนกว่าประชากรแมลงลดลงหรือหมดไป ข้อดีของวิธีการนี้เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการใช้ยาฆ่าแมลง คือ ไม่มีสารพิษตกค้างในผลิตผลการเกษตร และไม่ทำลายแมลงที่เป็นประโยชน์ ประเทศไทยมีการใช้วิธีการนี้ควบคุมแมลงวันผลไม้ (Oriental fruit fly) ที่ดอยอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา [พลังงาน]
Basic principle of accountingหลักการบัญชีเบื้องต้น [การบัญชี]
Generally Accepted Accounting Principlesหลักการบัญชีที่ยอมรับทั่วไป [การบัญชี]
Principles of accountingหลักการบัญชี [การบัญชี]
Revenue realization principleหลักการเกิดขึ้นของรายได้ [การบัญชี]
Kneaderนีดเดอร์ คือ เครื่องนวดยาง ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายกับเครื่องผสมแบบบานบูรี แต่มีประสิทธิภาพในการผสมที่ต่ำกว่า [เทคโนโลยียาง]
Community Development Approachหลักการพัฒนาชุมชน, การวินิจฉัยปัญหาอนามัยชุมชน [การแพทย์]
Dosage Regimenรับประทานยาให้ถูกวิธี, หลักการให้ยา [การแพทย์]
Dye-Binding Methodหลักการรวมตัวกับสี [การแพทย์]
Enzymatic Methodวิธีตรวจด้วยเอนไซม์, วิธีทดสอบที่ใช้เอ็นซัยม์, วิธีใช้หลักการทางด้านเอ็นไซม์ [การแพทย์]
Universal designหลักการออกแบบที่เป็นสากล, Example: หลักการออกแบบที่เป็นสากล (universal design) หมายถึง การออกแบบเว็บไซต์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้โดยไม่มีข้อจำกัด [Assistive Technology]
Le Chatelier's principleหลักของเลอชาเตอลิเอ, หลักการซึ่งกล่าวว่า เมื่อรบกวนระบบที่อยู่ในภาวะสมดุล ระบบจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะลดผลของการรบกวนนั้นโดยการเข้าสู่ภาวะสมดุลใหม่ การรบกวนภาวะสมดุลได้แก่ การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสาร อุณหภูมิหรือความดัน [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
sonarโซนาร์, อุปกรณ์ที่ใช้ในเรือเพื่อสำรวจหรือหาวัตถุใต้ทะเล โดยอาศัยหลักการส่งคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงออกไปกระทบวัตถุใต้น้ำ แล้วสะท้อนกลับมาสู่เครื่องรับ  sonar ย่อมาจาก sound navigation and ranging [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
dynamoไดนาโม, เครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ซึ่งอาศัยหลักการเหนี่ยวนำทางแม่เหล็กไฟฟ้า โดยการทำให้ขดลวดเคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก เป็นการเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้า [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
jackแม่แรง, เครื่องผ่อนแรงใช้สำหรับยกวัตถุที่มีน้ำหนักมาก ๆ ขึ้น ใช้หลักการทำงานด้วยคานเกลียวหรือแรงดันจากน้ำหรือน้ำมัน [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
automatic switchสวิตช์อัตโนมัติ, อุปกรณ์สำหรับเปิดปิดวงจรไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ  โดยใช้หลักการเกิดสนามแม่เหล็กเหนี่ยวนำหรือแผ่นโลหะคู่ที่ขยายตัวไม่เท่ากันเมื่อได้รับความร้อน [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
superposition principleหลักการซ้อนทับ, การที่คลื่น 2 คลื่นเคลื่อนที่มาพบกันในตัวกลางเดียวกันและเกิดการรวมกันขึ้น  ทำให้รูปร่างของคลื่นรวมขณะนั้นเปลี่ยนไป แต่เมื่อเคลื่อนที่ผ่านกันไปแล้ว คลื่นทั้ง 2 นั้นจะมีรูปร่างเหมือนเดิมก่อนที่จะมารวมกัน [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
criterion, criteriaเกณฑ์, หลักการหรือมาตรฐานที่ตั้งขึ้นเพื่อใช้ตัดสินสิ่งใดสิ่งหนึ่ง [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
rocketจรวด, อุปกรณ์ที่ใช้กับยานอวกาศเพื่อเพิ่มพลังผลักดัน  อุปกรณ์นี้เคลื่อนที่ได้โดยอาศัยหลักการขับเคลื่อนด้วยแรงซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
scientistนักวิทยาศาสตร์, บุคคลที่ได้รับการศึกษาและฝึกอบรมให้มีความสามารถที่จะทำวิจัยค้นคว้า เสาะแสวงหาความรู้ และหลักการทางวิทยาศาสตร์ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
solid state drive (SSD)เครื่องขับแบบโซลิดสเตต, อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ล้วน มีหลักการทำงานเช่นเดียวกับหน่วยความจำแบบแฟลช ไม่ได้ใช้จานแม่เหล็กในการเก็บข้อมูล จึงไม่มีชิ้นส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวในขณะบันทึกหรืออ่านข้อมูลเหมือนกับฮาร์ดดิสก์ ทำให้ประหยัดไฟกว่า การอ่านหรือบันทึกทำได้รว [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]

ตัวอย่างประโยคจาก Open Subtitles
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
This Oregon female is the 4th person in her graduating class to die under mysterious circumstances. จากการไตร่ตรองตามหลักการแล้ว สาวชาวโอเรกอน คนนี้ เป็นคนที่ 4 ในชั้นเรียนของเธอ Deep Throat (1993)
- You're aware of that? - Yes, sir. ..หลักการ และความเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ ดูเหมือนจะไม่สนับสนุนเรื่องราวเลย Deep Throat (1993)
Jules, you give that fuckin' nimrod 1, 500 dollars, and I'll shoot him on general principle. จูลส์คุณให้ว่าไอ้นิม 1, 500 ดอลลาร์และฉันจะยิงเขาในหลักการทั่วไป Pulp Fiction (1994)
Are you asking me to surrender my principles? ท่านจะให้ฉันล้มเลิกหลักการเรารึคะ Beneath the Planet of the Apes (1970)
The principle of all greatness on earth has long been bathed in blood หลักการในบรรดา great on โลก... ...มียาวถูกจุ่มน้ำในเลือด Salò, or the 120 Days of Sodom (1975)
You've got to understand the basics of aerodynamics in a thing like this. นายต้องเข้าใจหลักการ แอร์โรว์ไดนามิคอะไรทำนองนั้นก่อน The Road Warrior (1981)
My refusal is a matter of principle. การปฏิเสธของฉันเ- ป็นเรื่องของหลักการ Idemo dalje (1982)
On principle. That's me. เกี่ยวกับหลักการ นั่นคือฉัน. Idemo dalje (1982)
I won't take a single crackling, on principle, while this Cana gets the liver and sausages! ฉันจะไม่ใช้เสียง- แตกเดียวกับหลักการ, ขณะนี้คานาได้รับตับและไส้กรอก! Idemo dalje (1982)
No, on principle. Danke. ไม่เกี่ยวกับหลักการ Danke Idemo dalje (1982)
What is a principle? หลักการคืออะไร? Idemo dalje (1982)
A principle is a conviction you won't do something. หลักการคือการเชื่อมั่น- คุณจะไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง Idemo dalje (1982)
I mean, Declan was fire, all passion, he had a cause. But this man was ice. เดย์แคนเนี่ย เป็นคนที่รุนแรง เขามีหลักการ เขาเย็นอย่างกับน้ำแข็ง The Jackal (1997)
You need method. You must think and work! เธอจำเป็นต้องมีหลักการ และความคิด The Red Violin (1998)
The principal one of which is earning large growing sustained legal returns for the people who own the business. หลักการข้อแรกสุดคือการทำรายได้มาก ๆ เติบโต, มีผลตอบแทนถูกกฎหมายที่ยั่งยืน ให้แก่กลุ่มคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ The Corporation (2003)
Well, to start with... everything. โอเค เพื่อรักษา หลักการเก็บหลักฐาน Yankee White (2003)
No, Occam's Razor is a basic scientific principle which says: ไม่มีสาธารณรัฐโคลัมเบียเป็นพื้นฐาน หลักการทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวว่า: Contact (1997)
Well, there should be, 'use that's the way it works. มันน่าจะมี มันหลักการง่ายๆ I Heart Huckabees (2004)
You don't even know what Taekwondo's basic principle is. พวกนายไม่รู้แม้กระทั่ง หลักการพื้นฐานของเทควันโด Spin Kick (2004)
According to rules, for the next level you need a body. ตามหลักการแล้วมันมีขั้นต่อไป คุณต้องใช้หุ่น Formula 17 (2004)
But from a scientific point of view this is a case of "fear of intimacy". แต่ตามหลักการณ์แล้วก็คือ เขากลัวความใกล้ชิด Formula 17 (2004)
No, Dr. Kroger and I have a system. ไม่ คุณหมอครูเกอร์และผมเป็นคนมีหลักการ Mr. Monk and the Girl Who Cried Wolf (2004)
Same basic principle. หลักการพื้นฐานเดียวกัน Charlie and the Chocolate Factory (2005)
-Was Nobu disappointed? โนบุผิดหวังกับหรอคะ? - เปล่าเขาไม่ได้ร่วมประมูล มันขัดกับหลักการที่ยิ่งใหญ่ของเขา Memoirs of a Geisha (2005)
- What are the two foundations of any civilized community? -หลักการณ์สองอย่าง ของสังคมที่เจริญแล้วคืออะไร An American Haunting (2005)
It's a basic principle of the universe that every action will create an equal and opposing reaction. มันเป็นหลักการพื้นฐานของจักรวาล... ...ทุกๆการกระทำย่อมเกิดผลกระทบ ทางใดทางหนึ่งเสมอ. V for Vendetta (2005)
- We will not renounce our faith! - No one here will do what you ask. It is unthinkable! ไม่มีใครเอาด้วยหรอก ช่างไร้หลักการสิ้นดี The Chronicles of Riddick (2004)
Now, we've already spent a lot of time talking about Song of Myself from a stylistic perspective, but what about content? เอาล่ะ เราได้ใช้เวลามามากแล้ว กับการพูดถึง ซอง ออฟ มายเซฟ ในแง่ของหลักการแต่งมามากแล้ว มาพูดถึงเนื้อความของบทกวีมั่งดีกว่า Loving Annabelle (2006)
- I'm simply a realist. - You're an opportunist. มนุษย์ทุกคนมิได้ถูกสร้างให้เท่ากัน นั่นคือหลักการของสปาร์เทิน ราชินีน้อยของข้า 300 (2006)
I am here for all those voices which cannot be heard. และสำหรับหลักการ ที่ทำให้ห้องนี้ตั้งอยู่ 300 (2006)
What are you, part of some cult or something? ลุงพูดอะไรน่ะ หลักการของลัทธิ หรืออะไรอย่างนั้นหรือ Peaceful Warrior (2006)
- So basically... - งั้นโดยหลักการ... The Astronaut Farmer (2006)
Sometimes his methods are... (GROANS) questionable. บางครั้งหลักการณ์ของเขาก็... เสียงคราง ไม่ค่อยจะดีนัก American Pie Presents: The Naked Mile (2006)
In principle, all of Mr Chow's fortune is now Ms Chow's. โดยหลักการ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณเชา ตอนนี้เป็นของคุณนายเชา Confession of Pain (2006)
All heroes have a system. ฮีโร่ทุกคนก็มีหลักการ Chapter Four 'Collision' (2006)
This is our system. และนี่คือหลักการของเรา Chapter Four 'Collision' (2006)
An Educated Guess. เดาอย่างมีหลักการหน่ะ Something's Coming (2007)
I know it's contrary To protocol, But I think it's more likely... ผมรู้ว่ามันขัดกับหลักการ แต่ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่า... 97 Seconds (2007)
In principle, they are evil spirits, - that only exist to cause pain - and to do evil acts of personal entertainment. ในหลักการ มันเป็นวิญญาณร้าย มีตัวตนอยู่เพื่อสร้างความเจ็บปวด และทำสิ่งที่เลวร้ายเพื่อความซะใจ Paranormal Activity (2007)
He's a peculiar man. Might even say he has principles. มันเป็นคนประหลาด หรือ จะว่าไปมันก็มีหลักการของมัน No Country for Old Men (2007)
Principles that transcend money or drugs or anything like that. หลักการที่อยู่เหนือ เงินทอง ยาเสพติด หรืออะไรก็ตาม No Country for Old Men (2007)
If the rule you followed brought you to this of what use was the rule? ถ้าหลักการที่นายยึดถือ ทำให้นายต้องทำอย่างนี้ล่ะก็... หลักการมีประโยชน์อะไร? No Country for Old Men (2007)
The premise is quite simple. คิอหลักการครั้งนี้มีความธรรมดามาก I Am Legend (2007)
And seeing as I live further uptown than you I could, theoretically, pick you up. แล้วเนื่องจากผมอยู่ออกจากตัวเมืองมากกว่าคุณ... ตามหลักการแล้ว ผมควรจะไปรับคุณ Music and Lyrics (2007)
Relatively speaking. โดยหลักการนะครับ. The Visitor (2007)
That's all very well, but go easy. The headmaster wants discipline. หลักการง่ายๆ คือ ครูใหญ่ต้องการให้เรียนหนักๆ Like Stars on Earth (2007)
-He uses his. -And what are his? พระองค์มีหลักการของพระองค์ / แล้วมันคืออะไร Fireproof (2008)
Same principle, just refined. หลักการเดียวกัน แค่ปรับปรุงหน่อย Transporter 3 (2008)
Logical design dictates they'd never การออกแบบอย่างมีหลักการบ่งบอกว่ามันไม่เคย The Legend (2008)
The code is mine now. And mine alone. หลักการนี้เป็นของผมแล้ว ของผมคนเดียว Our Father (2008)

Volubilis Dictionary (TH-EN-FR)
โดยหลักการ[dōi lakkān] (x) FR: en principe
เข้ากับหลักการ[khao kap lakkān] (v, exp) EN: be in accordance with the principles
หลักการ[lakkān] (n) EN: principle ; tenet  FR: principe [ m ] ; règle [ f ]
หลักการบัญชี[lakkān banchī] (n, exp) EN: accounting principles  FR: principes comptables [ mpl ]
หลักการพื้นฐาน[lakkān pheūnthān] (n, exp) EN: basic principle  FR: principe de base [ m ]
หลักการทางศีลธรรม[lakkān thāng sīnlatham] (n, exp) EN: moral standards  FR: principe moral [ m ]
ในหลักการ[nai lakkān] (x) EN: in principle  FR: en principe ; a priori ; au premier abord
ปัญหาหลักการ[panhā lakkān] (n, exp) EN: matter of principle  FR: question de principe [ f ]
ตามหลักการ[tām lakkān] (adv) EN: theoretically

Longdo Approved EN-TH
Good Governance(n) ธรรมาภิบาล, หลักการที่นำมาใช้บริหารงานปกครองในปัจจุบัน เช่น We regard "good governance" as such that should help countries to achieve sustainable and self-reliant development and social justice.
blockchain(n) บล็อกเชน, วิธีการเก็บข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลงตามหลักการทางบัญชี โดยการเข้ารหัสและจัดเรียงข้อมูลเหล่านี้ต่อกันตามลำดับเวลาที่ข้อมูลเข้ามา กลุ่มข้อมูลดังกล่าวจะเผยแพร่ไปให้ผู้ใช้ในเครือข่ายที่กำหนดได้ทราบทั่วกัน ทั้งนี้ ผู้ใช้ทุกคนจะทราบการแก้ไขเพิ่มเติมรายการเปลี่ยนแปลงในบล็อกเชนทุกรายการตลอดเวลา [ ศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ฉบับราชบัณฑิตยสภา ]

NECTEC Lexitron Dictionary EN-TH
abstract(adj) ทางทฤษฎี, See also: ทางหลักวิชา, ทางหลักการ, ทางวิชาการ, Syn. theoretical
accounting(n) หลักการบัญชี, See also: ทฤษฎีการทำบัญชี
axiom(n) กฎเกณฑ์ที่ยอมรับกันทั่วไป, See also: หลักการที่เป็นที่ยอมรับ, Syn. maxim, saying, adage
be in line with(idm) เป็นไปตาม (ความคิด, หลักการ, กฎเกณฑ์), See also: ยึดตาม, Syn. be out of, Ant. be out of
by the book(idm) ตามกติกา, See also: ตามหลักการ
canon(n) หลักการทั่วไป, Syn. rule, principle
catechise(vt) สอนหลักการของศาสนาคริสต์โดยการถามตอบ, Syn. catechize
catechism(n) คำถามและคำตอบที่ใช้ในการสอนถึงหลักการของศาสนาคริสต์
catechize(vt) สอนหลักการของศาสนาคริสต์โดยการถามตอบ, Syn. catechise
champion(n) นักต่อสู้, See also: นักสู้เพื่อป้องกัน คน การกระทำ การทำงาน หลักการ, คนที่ต่อสู้เพื่อป้องกัน คน การกระทำ หลั, Syn. defender, fighter, hero, paladin, protector
found on(phrv) ตั้งอยู่บนหลักการของ, Syn. base on, found upon, ground on
found upon(phrv) ตั้งอยู่บนหลักการของ, Syn. base on, found on, ground on
doctrinal(adj) เกี่ยวข้องกับหลักการ, See also: เกี่ยวข้องกับทฤษฎี, Syn. dogmatic, creedal
doctrine(n) ทฤษฎี, See also: หลักการ, ปรัชญา, คำสอนทางศาสนา, Syn. philosophy, religious doctrine
dogmatist(n) ผู้เชื่อในหลักการของตนเอง, See also: ผู้เชื่อในกฎเกณฑ์ของตนเอง
equalitarian(adj) เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่าตามหลักการแล้วทุกๆ คนเท่าเทียมกัน, See also: เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่าทุกๆ คนเสมอภาคกัน, Syn. egalitarian
evangel(n) หลักคำสอนเบื้องต้น, See also: หลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับศีลธรรมหรือการเมือง
generality(n) กฎเกณฑ์ทั่วไป, See also: หลักการทั่วไป
hardline(adj) ที่ยึดมั่นในหลักการ
hard-line(adj) ที่ยึดมั่นในหลักการ
ideally(adv) ตามหลักการ, See also: ตามทฤษฎี
indoctrinate(vt) สั่งสอนให้ซึมซาบ, See also: ปลูกฝัง ความคิด ความเชื่อ หลักการหรือทฤษฎี, Syn. brainwash, imbue, inculcate
internationalist(n) ผู้สนับสนุนหลักการร่วมมือระหว่างประเทศ
live up to(phrv) ดำรงชีวิตโดยยึดตาม (กฎเกณฑ์, หลักการ, มาตรฐานฯลฯ)
legitimate(adj) ตามหลักการหรือกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้, See also: ตามทำนองคลองธรรม, Syn. sanctioned
Machiavellianism(n) การยึดหลักการของ Machiavelli
Machiavellism(n) การยึดหลักการของ Machiavelli
Maoism(n) ลัทธิเหมาเซตุง, See also: ลัทธิสังคมนิยมของเหมาเซตุงซึ่งยึดถือหลักการของมาร์กซิสและเลนิน, Syn. communism, Marxism-Leninism
maxim(n) ข้อเขียนที่เป็นความจริง, See also: หลักการ, หลักปฏิบัติ, หลักคำสอน, Syn. aphorism, adage, saying
methodology(n) วิธีการ, See also: วิธี, หลักการ, Syn. system, arrangement
negation(n) คำลบล้าง, See also: ข้อคิดเห็นหรือหลักการที่นำมาใช้ลบล้าง, สิ่งหักล้าง, Syn. invalidation, nullification
notional(adj) ซึ่งประมาณไว้, See also: ซึ่งคาดตามหลักการ
obiter dictum(n) คำพูดแสดงความคิดเห็น ความจริง หลักการหรืออื่นๆ
platform(n) นโยบายพรรคที่แถลงก่อนการเลือกตั้ง, See also: แผนงาน, หลักการ, Syn. policies, principles
pole(n) สิ่งที่ต่างกันมาก (ในด้านความคิด ความชอบ หลักการ ตำแหน่ง)
policy(n) นโยบาย, See also: หลักการ, แผนการ, วิถีทาง, อุบาย, Syn. course, procedure
politics(n) การเมือง, See also: กิจกรรมทางการเมือง, หลักการทางการเมือง, ข้อคิดเห็นทางการเมือง, Syn. campaigning, seeking nomination, electioneering
principled(adj) ที่มีหลักการ, See also: มีจรรยา, มีศีลธรรม, Syn. noble-minded
rudiments(n) หลักการชั้นต้น, See also: มูลฐาน, ขั้นต้น, พื้นฐาน, ความรู้ขั้นต้น, Syn. elements, first principles
rule of thumb(n) หลักการทั่วๆ ไป, Syn. approximation, estimate
scintillation counter(n) อุปกรณ์ตรวจนับวัดกัมมันตรังสีตรังสีโดยใช้หลักการของ scintillation
survival of the fittest(n) หลักการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม, See also: หลักการอยู่รอดอย่างเหมาะสม, Syn. natural selection, selection
system(n) ระบบ, See also: หลักการ
stand for(phrv) ยึดมั่น, See also: เชื่อถือ หลักการ
arian(suf) เกี่ยวกับการติดตาม หลักการ หรือยุค
theory(n) ทฤษฎี, See also: หลักวิชา, หลักการ, Syn. law, principles, ideas, system
theosophy(n) ความคิดด้านปรัชญาหรือศาสนาที่ยึดหลักเทววิทยา, See also: เทวหลักการ, Syn. spiritualism
transcendentalism(n) หลักการเรียนรู้ด้วยตนเอง
unchristian(adj) ไม่ใช่คริสเตียน, See also: ไม่เหมาะสมสำหรับคริสเตียน, ไม่เข้ากับหลักการของคริสเตียน
verism(n) หลักการยึดถือความจริง (ทางวรรณคดี), Syn. realism

Hope Dictionary
absolute ideaหลักการที่ว่าขบวนการของโลกเป็นการแสดงออกและบรรลุผล (spiritual principle)
allemande(แอล' ลิมานดฺ) n., (pl. -mandes) การเต้นรำในศตวรรษที่ 17-18 ที่มีจังหวะคู่ที่ช้า, ดนตรีที่อาศัยหลักการเต้นรำดังกล่าว
altruism(แอล' ทรูอิสซึม) n. หลักการปฏิบัติที่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง (philanthropy) -altruist n.
antinomy(แอนทิน' โนมี) n. ความขัดแย้งกันระหว่างกฎหรือหลักการ, คำพูดหรือข้อความที่ขัดกันเอง. -antinoic (al) adj., (contradiction)
antinovel(แอน' ทีนอฟเวิล) n. นวนิยายหรือเรื่องเริงรมย์ที่ผู้เขียนไมใช้หลักการทั่วไปที่ยืดถือกัน. -antinovelist n.
apostasy(อะพอส'ทะซี) n. การผละออกจากศาสนาหลักการณ์ พรรคหรืออื่น ๆ
apstate(อะพอส'เทท) n. บุคคลที่ผละออกจากศาสนา หลักการพรรคหรืออื่น ๆ (convert) apostatise, apostatize (อะพอส'ทะไทซ) n. กระทำการ apostasy (commit apostasy)
art 2(อาร์ทฺ) n. ศิลป, ฝีมือ, อุบาย, เล่ห์กระเท่ห์, เล่ห์เหลี่ยม, ความสามารถ, หลักการหรือวิธีการของการเรียนรู้, ความเชี่ยวชาญในกิจกรรมของมนุษย์, สาขาวิชาที่เกี่ยวกับศิลปศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์, Syn. skill, craft, Ant. artlessness, guilelessness
ascetical(อะเซน'ทิคัล) adj. เกี่ยวกับวินัยหรือหลักการ (pertaining to ascetic discipline
autosuggestion(ออโทซักเจส'เชิน) n. การแนะนำใจตัวเอง (โดยเฉพาะการกล่าวซ้ำสูตรหรือหลักการต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนบุคลิกภาพ. -autosuggestibility n.
axiom(แอค' เซียม) n. ความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์, ความจริงในตัวของมันเอง, กฎหรือหลักการที่ยอมรับกันทั่วไป (self-evident truth, maxim)
canon(แคน'เนิน) n. วินัยศาสนา, ศีล, มาตรการ, หลักการ, คัมภีร์พระ, Syn. law
commercialism(คะเมอ'ชะลิสซึม) n. หลักการหรือวิธีการพานิชย์, ลัทธิการค้าเพื่อหวังผลกำไร, ลักษณะพ่อค้า, See also: commercialist n. ดูcommercialism commercialistic adj. ดูcommercialism
conventionality(คันเวน'ชะแนล'ลิท') n. หลักการตามประเพณีนิยม, Syn. convention
corporatism(คอ'พะระทิศซึม) n. หลักการลัทธิหรือระบบการร่วมกันทางการเมือง
economism(อีคอน'นะมัสซึม) n. การเพิ่มผลผลิตโดยการให้ชาวนาได้รับส่วนแบ่ง ของผลผลิตมากขึ้นการเพิ่มค่าแรงงานสวัสดิการและอื่น ๆ (เป็นทฤษฎีหรือหลักการ ของคอมมิวนิสต์จีน)
espousal(อีสเพา'เซิล) n. การรับหลักการ, การยอมรับ, การสนับสนุน, การยกให้เป็นภรรยา, พิธีสมรส, การหมั้น, พิธีหมั้น
espouse(อีสเพาซฺ') vt. รับหลักการ, รับ, สมรส, หมั้น, สนับสนุน -espouser n., Syn. marry
explicate(เอคซ'พลิเคท) vt. พัฒนา, อธิบาย, ชี้แจง, สร้างทฤษฎี, สร้างหลักการ., See also: explicator n., Syn. explain
free tradern. ผู้สนับสนุนและยึดหลักการค้าเสรี
freetradern. ผู้สนับสนุนและยึดหลักการค้าเสรี
generalisationn. ลักษณะทั่วไป, หลักการหรือกฎเกณฑ์ทั่วไป, การพูดคลุม, การลงความเห็น, การวางหลักเกณฑ์, Syn. generality, majority
generalityn. หลักการทั่วไป, กฎเกณฑ์ทั่ว ๆ ไป, ส่วนใหญ่, ความครอบคลุม
generalizationn. ลักษณะทั่วไป, หลักการหรือกฎเกณฑ์ทั่วไป, การพูดคลุม, การลงความเห็น, การวางหลักเกณฑ์, Syn. generality, majority
hard-lineadj. ยึดมั่นในหลักการ, ไม่ยินยอม, ไม่ประนีประนอม, Syn. unyielding
hard-liner(ฮาร์ด'ไล'เนอะ) n. ผู้ยึดมั่นในหลักการ
hinge(ฮินจฺ) n., vt. (ใส่) บานพับ, สายยู, หลักการ, จุดสำคัญ, ส่วนที่ปิดพับได้, ทำให้พึ่งพา, ทำให้ขึ้นอยู่กับ, Syn. depend, rest
ideally(ไอเดียล'ลี) adv. ซึ่งเกี่ยวกับอุดมการณ์หรืออุดมคติ, อย่างสมบูรณ์, ดีเลิศ, เป็นความนึกคิด, เป็นความเพ้อฝัน, เป็นทฤษฎี, เป็นหลักการ
illegitimate(อิลลิจิท'ทิเมท) adj. ผิดกฎหมาย, (ลูก) นอกกฎหมาย, ผิดปกติ, ผิดทำนองคลองธรรม, ผิดหลักการ. vt. ทำให้ผิดกฎหมาย. n. ลูกนอกกฎหมาย, บุคคลนอกกฎหมาย., See also: illegitimateness n. illegitimation n., Syn. unlawful, bastard, illogical
jain(ไจน์) n. ผู้ยึดหลักการของJainism
jihad(จิฮาด) n. สงครามพิทักษ์ศาสนามุสลิม, การต่อสู้เพื่อพิทักษ์ความเลื่อมใสหลักการหรือความคิด, Syn. jehad
live 1(ลิฟว) { lived, living, lives } vi. มีชีวิตอยู่, ดำเนินชีวิต, อยู่, อาศัย, อยู่ในความทรงจำ, อยู่ได้ด้วย, กิน, เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง, มีอายุ, ผ่านชีวิต, ผ่านพ้นอันตราย -Phr. (live up to ปฏิบัติตามหลักการที่ยึดถือ), Syn. exist, be, dwell
maxim(แมค'ซิม) n. ข้อเขียนที่เป็นความจริง, หลักการ, คติพจน์, ความจริง, หลักปฏิบัติ, Syn. aphorism
methodology(เมธธะดอล'ละจี) n. วิธี, วิธีการ, หลักการ, กฎ, การศึกษาเกี่ยวกับกฎเกณฑ์
philosophy(ฟิลอส'ซะฟี) n. ปรัชญา, ระบบปรัชญา, หลักปรัชญา, ระบบหลักการ, สาขาวิชาทั้งหมด (ยกเว้นแพทยศาสตร์, วิชากฎหมาย และศาสนศาสตร์) , ธรรมะ, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, จริยศาสตร์, ความรักวิชาอย่างคลั่งไคล้
policy(พอล'ลิซี) n. นโยบาย, วิถีทาง, ยุทธวิธี, หลักการ, ความฉลาด, ความสุขุม, กรมธรรม์ประกันภัย, ลอตเตอรี, Syn. strategy
postulate(พอส'ชะลิท) n. ขอร้อง, ยืนยัน, อ้าง, วางสมมุติฐาน, วางหลัก. n. สมมุติฐาน, หลัก, หลักฐาน, หลักการพื้นฐาน, เงื่อนไขที่ต้องมีก่อน., See also: postulation n. postulational adj., Syn. demand premise
principle(พริน'ซะเพิล) n. หลัก, หลักการ, กฎ, ศีลธรรม, ลัทธิ, หลักศีลธรรม, ตัวยา. -Phr. (in principle ในแง่ทฤษฎี), Syn. rule
radicalism(แรด'ดิคัลลิสซึม) n. การยึดหลักการที่รุนแรง, ลัทธิหัวรุนแรง
rationale(แรช'ชะแนล) n. ข้อความแห่งเหตุผล, ข้อความเหตุผลแห่งหลักการ, พื้นฐานของเหตุผล, Syn. basis, reason
revisionist(รีวิส'เชินนิสทฺ) n., adj. การยึดถือหลักการหรือทฤษฎีที่หันเหจากเดิม
scientific(ไซเอินทิฟ'ฟิค) adj. เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์, ควบคุมโดยหลักความจริงหรือหลักการ, มีระบบ., See also: scientifically adv., Syn. empirical, systematic, demonstrable
shinto(ชิน'โท) n. ศาสนาชินโตในญี่ปุ่นยึดหลักการเคารพบูชาบรรพบุรุษ, ศาสนาไหว้เจ้าในญี่ปุ่น
sin(ซิน) n. บาป, อกุศล, ความชั่ว, ความชั่วร้าย vi. กระทำบาป, กระทำความชั่ว, ละเมิดต่อหลักการ. vt. กระทำผิด., See also: sinningly adv., Syn. trespass, wrongdoing, wickedness, err
sqlเอสคิวแอลซีเควลย่อมาจาก structured query language (แปลว่า ภาษาสอบถามเชิงโครงสร้าง) เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมประเภทคลังข้อมูล (database) ซึ่งใช้หลักการของการให้ตอบคำถามไปทีละข้อ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ไปเลือกหาข้อมูลที่ต้องการมาแสดง
stoic(สโท'อิค) adj. เกี่ยวกับหลักการขจัดตัณหาราคะ, ปลงตก, stoic, =stoical (ดู) . n. สมาชิกหรือผู้ยึดถือหลักปรัชญาของสำนักหลักปรัชญาดังกล่าว, , See also: stoic n. ผู้ปฎิบัติตามหลักปรัชญาดังกล่าว
structured programmingหมายถึง วิธีการเขียนโปรแกรมวิธีหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีการแบ่งเป็นโปรแกรมย่อย (subprogram) หรือ โมดุล (module) หลาย ๆ อัน ทำให้เข้าใจได้ง่าย หลักการเขียนก็คือ แต่ละส่วนจะประกอบด้วยข้อคำสั่ง 3 ประเภท คือ กำหนดคำสั่งให้เรียงไปตามลำดับการทำงาน ที่เรียกว่า sequential มีคำสั่งให้เลือกทิศทางที่เรียกว่า conditional คือ มี IF-THEN-ELSE และมีการวนไปทำคำสั่งเดิมที่เรียกว่า loop คือมีคำสั่ง DO WHLE อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่คิดจะเป็นนักเขียนโปรแกรม ก็อาจจะไม่รู้จักคำสั่งประเภทนี้ และก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักโปรแกรมโครงสร้างด้วย
structured query languageภาษาสอบถามเชิงโครงสร้างใช้ตัวย่อว่า (บางทีออกเสียงว่า "ซีเควล") เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมประเภทคลังข้อมูล (database) ซึ่งใช้หลักการของการให้ตอบคำถามไปทีละข้อ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ไปเลือกหาข้อมูลที่ต้องการมาแสดง
taoism(เดา'อิสซึม) n. ศาสนาเต๋าของจีนที่เล่าจื้อเป็นผู้ตั้งขึ้นยึดถือหลักการดำเนินชีวิตอย่างง่าย ๆ, See also: Taoist n. Taoistic adj.
teaching(ทิช'ชิง) n. การสอน, อาชีพการสอน, อาชีพครู, เรื่องที่สอน, สิ่งที่สอน, , See also: teachings ทฤษฎี, หลักการ, Syn. pedagogy, education

Nontri Dictionary
espousal(n) การแต่งงาน, การเข้าครอง, การสมรส, การหมั้น, การรับหลักการ
espouse(vt) สมรส, แต่งงาน, หมั้น, สนับสนุน, เข้าครอง, รับหลักการ
explicable(adj) ซึ่งอธิบายได้, ซึ่งชี้แจงได้, สามารถสร้างหลักการได้
formal(adj) เป็นพิธี, ตามแบบ, ตามระเบียบ, ตามหลักการ, เป็นทางการ
formality(n) ระเบียบวิธี, พิธี, แผน, หลักการ, พิธีรีตรอง, ธรรมเนียมปฏิบัติ
policy(n) นโยบาย, แนวทาง, หลักการ, อุบาย, ยุทธวิธี
principle(n) กฎ, หลัก, ศีลธรรม, เนื้อ, หลักการ, หลักศีลธรรม, ตัวยา
system(n) แนวการ, ระบบ, แผนการ, วิธี, ระเบียบ, หลักการ
tenet(n) หลักการ, คำสอน, ความเชื่อ, ข้อคิดเห็น, ทฤษฎี
unscrupulous(adj) ไม่พิถีพิถัน, ไม่มีธรรมะ, ไร้ยางอาย, ไม่มีหลักการ

Longdo Unapproved EN-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
centrifugal pump(n) ปั้มหอยโข่ง ปั้มน้ำที่อาศัยหลักการหมุนเหวี่ยง
keep one's principle(prep) ยึดมั่นในหลักการ
non-refoulement(n) หลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังดินแดนหรือถิ่นที่ชีวิตและเสรีภาพของพวกเขาจะถูกคุกคาม Non-refoulement is a principle in international law, specifically, refugee law, which protects refugees from being returned to places where their lives and freedoms would be threatened.[ Google ] Art.33(1) of the 1951 UN Convention on the Status of Refugees, and its 1967 protocol.
technically(adv) โดยหลักการ

Longdo Unapproved JP-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
科学的管理[かがくてきかんり, kagakutekikanri] (n) การควบคุมอย่างมีหลักการทางวิทยาศาสตร์

Longdo Approved DE-TH
Konzept(n) |das, pl. Konzepte| หลักการ, คอนเซ็ปต์
Pragmatismus(n) |der, nur Sg.| ปฏิบัตินิยม, หลักการหรือปรัชญาที่ว่าผลของการปฏิบัติเป็นแกนหรือความหมายของความรู้

Time: 0.0413 seconds, cache age: 7.009 (clear)Longdo Dict -- https://dict.longdo.com/