169 Results for *สัญชาต*
หรือค้นหา: สัญชาต, -สัญชาต-

Longdo Unapproved CN - TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
华为[Huá wèi, ㄏㄨㄚˊ ㄨㄟˋ,  ] (n) บริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี บริษัทสัญชาติจีนผลิตอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม สำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเซินเจิ้น

Longdo Unapproved KO - TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
소녀시대[โซ นยอ ชิ แด] (n, uniq) ศิลปินกลุ่มหญิงสัญชาติเกาหลีใต้จากสังกัดค่าย SM Entertainment มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย แทยอน, เจสสิก้า, ซันนี่, ทิฟฟานี่, ฮโยยอน, ยูริ, ซูยอง, ยุนอา และ ซอฮยอน เริ่มต้นเปิดตัวเข้าสู่วงการเพลงอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว Into the New World (다시 만난 세계, Dasi Mannan Segye) ในรายการเพลง Inkigayo ทางสถานีโทรทัศน์ SBS, See also: R. Girls' Generation
Image:

NECTEC Lexitron-2 Dictionary (TH-EN)
สัญชาติ(n) nationality, Syn. เชื้อชาติ, ชนชาติ
สัญชาติ(n) nationality, See also: citizenship, Syn. ชนชาติ, เชื้อสาย, Example: เมื่อวานนี้ตำรวจน้ำสามารถจับกุมโจรสลัดสัญชาติเวียดนามได้แล้วถึง 69 คนพร้อมด้วยเรือ 7ลำ, Thai Definition: สถานะตามกฎหมายของบุคคลที่แสดงว่าเป็นพลเมืองหรือคนในบังคับของประเทศใดประเทศหนึ่ง, Notes: (กฎหมาย)
สัญชาตญาณ(n) instinct, Syn. สัญชาตเวค, Example: มนุษย์จะไม่สามารถควบคุมแรงกระตุ้นจากสัญชาตญาณบางอย่างได้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้กระทำสิ่งที่ตนต้องการกระทำ, Thai Definition: ความรู้ที่มีมาแต่กำเนิดของคนและสัตว์ ทำให้มีความรู้สึกและกระทำได้เองโดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน
สัญชาติญาณ(n) instinct
โอนสัญชาติ(v) change the nationality, Syn. เปลี่ยนสัญชาติ, Example: เขาโอนสัญชาติเป็นอมริกันตามพ่อแม่บุญธรรม
โดยสัญชาตญาณ(adv) instinctively, Syn. ตามสัญชาตญาณ, Example: พฤติการณ์ของมนุษย์ไม่ได้เป็นไปโดยสัญชาตญาณ แต่เป็นไปโดยมีระเบียบแบบแผน, Thai Definition: อย่างมีมาแต่กำเนิด, อย่างมีความรู้สึกและกระทำได้เองโดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
แปลงสัญชาติก. เปลี่ยนจากสัญชาติเดิมไปเป็นสัญชาติอื่น, โบราณใช้ว่า แปลงชาติ.
สัญชาต-(-ชาตะ-, -ชาดตะ-) ว. เกิดเอง เช่น สัญชาตสระ ว่า สระที่เกิดเอง.
สัญชาตญาณ(-ชาดตะ-) น. ความรู้ที่มีมาแต่กำเนิดของคนและสัตว์ ทำให้มีความรู้สึกและกระทำได้เองโดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน เช่น สัญชาตญาณในการป้องกันตัว สัญชาตญาณในการรวมหมู่, สัญชาตเวค ก็ว่า.
สัญชาติ(-ชาด) น. ความเกิด, การเป็นขึ้น, ความอยู่ในบังคับ คืออยู่ในความปกครองของประเทศชาติเดียวกัน เช่น ฝรั่งถือสัญชาติไทย, โดยปริยายหมายความว่า สันดาน เช่น สัญชาติพาล สัญชาติคางคก ยางหัวไม่ตกก็ไม่รู้สึก. (ป. สญฺชาติ ว่า ความเกิด, การเป็นขึ้น)
สัญชาติสถานะตามกฎหมายของบุคคลที่แสดงว่าเป็นพลเมืองหรือคนในบังคับของประเทศใดประเทศหนึ่ง.
ชาติพันธุ์(ชาดติพัน) น. กลุ่มที่มีพันธะเกี่ยวข้องกัน และที่แสดงเอกลักษณ์ออกมา โดยการผูกพันลักษณาการของเชื้อชาติและสัญชาติเข้าด้วยกัน.
(ยอ) พยัญชนะตัวที่ ๑๓ เรียกว่า ญอ หญิง เป็นอักษรต่ำ ใช้เป็นพยัญชนะต้น และเป็นตัวสะกดในมาตรากนหรือแม่กน เช่น ปัญญา สัญชาติ ผจญ โคโลญ.
ใบสำคัญทหารกองเกินน. เอกสารที่นายอำเภอออกให้แก่ชายที่มีสัญชาติไทยและมีอายุย่างเข้า ๑๘ ปี ที่ไปแสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกิน เพื่อแสดงว่าได้ไปลงบัญชีทหารกองเกินแล้ว.
แปลงชาติก. แปลงสัญชาติ.
สูติบัตรน. เอกสารที่แสดงถึงสัญชาติ วัน เดือน ปี เวลา สถานที่เกิด และชื่อบิดามารดาของบุคคล โดยนายทะเบียนเป็นผู้ออกให้.
โอนชาติก. แปลงสัญชาติ.

ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
papers, secondเอกสารประกอบ (คำร้องขอแปลงสัญชาติ) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
political nationalityสัญชาติทางการเมือง [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
loss of nationalityการเสียสัญชาติ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
loss of nationalityการเสียสัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
statelessnessความไร้สัญชาติ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
statelessผู้ไร้สัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
second papersเอกสารประกอบ (คำร้องขอแปลงสัญชาติ) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
jus sanguinis (L.)หลักกฎหมายสัญชาติโดยสายโลหิต [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
jus sanguinis (L.)กฎหมายที่กำหนดสัญชาติตามสายโลหิต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
jus soli (L.)หลักกฎหมายสัญชาติโดยดินแดน [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
jus soli (L.)กฎหมายที่กำหนดสัญชาติตามดินแดน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
birth, citizenship byการได้สัญชาติโดยการเกิดในดินแดน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
certificate of naturalizationหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
certificate of naturalizationหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
capitulation๑. การยอมจำนน (โดยมีข้อตกลงจำยอม)๒. การให้สิทธิพิเศษ (แก่คนสัญชาติของประเทศอื่นตามสนธิสัญญา) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
citizen, naturalizedพลเมืองโดยการแปลงสัญชาติ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
citizenship by birthการได้สัญชาติโดยการเกิดในดินแดน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
collective naturalizationการแปลงสัญชาติเป็นกลุ่ม [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
denizenคนต่างด้าวที่ได้รับสัญชาติอังกฤษ (ก. อังกฤษ) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
dual nationality; double nationalityการมีสองสัญชาติ [ ดู dual citizenship ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
dual nationalityการมีสองสัญชาติ [ ดู double nationality และ dual citizenship ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
dual nationalityภาวะสองสัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
double nationality; dual nationalityการมีสองสัญชาติ [ ดู dual citizenship ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
ethnic nationalityสัญชาติตามชาติพันธุ์ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
expatriation๑. การถูกขับออกจากบ้านเมือง๒. การถูกถอนสัญชาติ๓. การสละสัญชาติ๔. การออกไปอยู่นอกประเทศ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
expatriation๑. การถูกขับออกจากบ้านเมือง๒. การสละสัญชาติ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ensign๑. ธงชาติ๒. ธงแสดงสัญชาติ๓. ธงประจำตำแหน่ง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
instinctสัญชาตญาณ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
nationalityสัญชาติ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
nationalityสัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
nationalityสัญชาติ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
national originถิ่นที่ถือสัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
naturalisation; naturalizationการแปลงสัญชาติ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
naturalised personบุคคลผู้แปลงสัญชาติ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
naturalizationการแปลงสัญชาติ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
naturalizationการแปลงสัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
naturalization; naturalisationการแปลงสัญชาติ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
naturalization, collectiveการแปลงสัญชาติเป็นกลุ่ม [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
naturalized citizenพลเมืองโดยการแปลงสัญชาติ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
naturalized citizenพลเมืองโดยการแปลงสัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]
naturalized personบุคคลผู้แปลงสัญชาติ [ประชากรศาสตร์ ๔ ก.พ. ๒๕๔๕]

คลังศัพท์ไทย (สวทช.)
Inventor's Country Codeรหัสสัญชาติผู้ประดิษฐ์ [ทรัพย์สินทางปัญญา]
Applicant's Country Codeรหัสประเทศสัญชาติผู้ขอรับสิทธิบัตร [ทรัพย์สินทางปัญญา]
Citizenship ; Nationalityสัญชาติ [TU Subject Heading]
Instinctสัญชาตญาณ [TU Subject Heading]
Instinct (Philosophy)สัญชาตญาณ (ปรัชญา) [TU Subject Heading]
Naturalizationการโอนสัญชาติ [TU Subject Heading]
Statelessnessความไร้สัญชาติ [TU Subject Heading]
Consulข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้งอย่างถูกต้องและได้รับ มอบหมายให้ไปประจำยังต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประเทศทั้งในด้าน พาณิชย์ การเดินเรือ คุ้มครองความเป็นอยู่อันดีของพลเมืองของประเทศตน พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่บางอย่างด้านธุรการ หรือวางระเบียบแบบแผนที่ใช้เป็นประจำ ตลอดจนด้านการเป็นสักขีพยานการลงนามในเอกสาร เพื่อให้เอกสารนั้นมีผลบังคับทางกฎหมาย (Notary) การให้การตรวจลงตรา รวมทั้งการรับรองเอกสารที่แท้จริง (มิใช่เอกสารปลอม) และจัดการการสัตย์สาบานตนหรืออีกนัยหนึ่ง ภาระหน้าที่ของกงสุลอาจแบ่งออกได้เป็น 5 ประการ ดังต่อไปนี้1 ทำหน้าที่ส่งเสริมผลประโยชน์ในทางพาณิชย์ของประเทศที่ตนเป็นผู้แทนอยู่2 ควบคุมดูแลผลประโยชน์ด้านการเดินเรือ3 คุ้มครองผลประโยชน์ของคนชาติของประเทศที่แต่งตั้งให้ตนไปประจำอยู่4 ทำหน้าที่สักขีพยานในการลงนามในเอกสารเพื่อให้เอกสารนั้นมีผลบังคับทาง กฎหมาย5 ทำหน้าที่ธุรการเบ็ดเตล็ดอื่นๆ หรือระเบียบแบบแผนที่ใช้เป็นประจำ เช่น การออกหนังสือเดินทาง การให้การตรวจลงตรา (Visas) การจดทะเบียนคนเกิด คนตาย ฯลฯอนุสัญญากรุงเวียนนา ภาคที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุลข้อที่ 5 ได้กำหนดภาระหน้าที่ของฝ่ายกงสุลไว้ดังต่อไปนี้ ก. คุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐผู้ส่ง และของคนในชาติของรัฐผู้ส่ง ทั้งเอกชนและบรรษัทในรัฐผู้รับ ภายในขีดจำกัดที่กฎหมายระหว่างประเทศอนุญาตข. เพิ่มพูนการพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านการพาณิชย์ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิทยาการ ระหว่างรัฐผู้ส่งกับรัฐผู้รับ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกันในทางอื่น ตามบทแห่งอนุสัญญานี้ค. สืบเสาะให้แน่โดยวิถีทางทั้งปวงอันชอบด้วยกฎหมายถึงภาวะและความคลี่คลายใน ทางพาณิชย์ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและวิทยาการของรัฐผู้รับ แล้วรายงานผลของการนั้นไปยังรัฐบาลของรัฐผู้ส่ง และให้ข้อสนเทศแก่บุคคลที่สนใจง. ออกหนังสือเดินทางและเอกสารการเดินทางให้แก่คนในชาติของรัฐผู้ส่ง ตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือออกเอกสารที่เหมาะสมให้แก่บุคคลที่ประสงค์จะเดินทางไปยังรัฐผู้ส่งจ. ช่วยเหลือคนในชาติของรัฐผู้ส่งทั้งเอกชนและบรรษัทฉ. ทำหน้าที่นิติกรและนายทะเบียนราษฎร์ และในฐานะอื่นที่คล้ายคลึงกัน ปฏิบัติการหน้าที่บางประการอันมีสภาพทางธุรการ หากว่าการหน้าที่นั้นไม่ขัดกับกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับช. พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของผู้เยาว์ และบุคคลไร้ความสามารถ ซึ่งเป็นคนชาติของรัฐผู้ส่ง ภายในขีดจำกัดที่ได้ตั้งบังคับไว้โดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ โดยเฉพาะในกรณีที่จำเป็นต้องมีความปกครองหรือภาวะทรัสตีใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลเหล่านั้นฌ. แทนคนชาติของรัฐผู้ส่ง หรือจัดให้มีการแทนอย่างเหมาะสมในองค์กรตุลาการ และต่อเจ้าหน้าที่ที่อื่นของรัฐผู้รับ เพื่อความมุ่งประสงค์ที่จะให้ได้มา ซึ่งมาตรการชั่วคราวสำหรับการรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของคนในชาติเหล่านี้ ไว้ตามกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ ในกรณีที่คนในชาติเหล่านี้ไม่สามารถเข้าทำการป้องกันสิทธิและผลประโยชน์ของ ตนในเวลาอันเหมาะสมได้ เพราะเหตุของการไม่อยู่หรือเหตุอื่นใด ทั้งนี้ ให้อยู่ภายในข้อบังคับแห่งทางปฏิบัติ และวิธีดำเนินการซึ่งมีอยู่ในรัฐผู้รับญ. ส่งเอกสารทางศาล หรือเอกสารที่มิใช่ทางศาล หรือปฏิบัติตาม หนังสือของศาลของรัฐผู้ส่งที่ขอให้สืบประเด็น หรือตามการมอบหมายให้สืบพยานให้แก่ศาลของรัฐผู้ส่งนั้น ตามความตกลงระหว่างประเทศที่ใช้บังคับอยู่ หรือเมื่อไม่มีความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่านั้น โดยทำนองอื่นใดที่ต้องด้วยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับด. ใช้สิทธิควบคุมดูแลและตรวจพินิจตามที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของ รัฐผู้ส่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับเรือที่มีสัญชาติของของรัฐผู้ส่ง หรืออากาศยานที่จดทะเบียนในรัฐนั้น รวมทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับลูกเรือของเรือและอากาศยานดังกล่าวต. ให้ความช่วยเหลือแก่เรือและอากาศยานที่ระบุไว้ในอนุวรรค (ด) ของข้อนี้ รวมทั้งลูกเรือของเรือและอากาศยานนั้น บันทึกถ้อยคำเกี่ยวกับการเดินทางของเรือ ตรวจดูและประทับตรากระดาษเอกสารของเรือ ดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุใด ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในระหว่างนายเรือ ดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุใดๆ ที่ได้เกิดขั้นในระหว่างนายเรือ เจ้าพนักงาน และกะลาสี ตราบเท่าที่การนี้อาจได้อนุมัติไว้โดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้ส่ง ทั้งนี้ จะต้องไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่อำนาจของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับถ. ปฏิบัติการหน้าที่อื่นใดที่รัฐผู้ส่งมอบหมายแก่สถานีทำการทางกงสุล ซึ่งมิได้ต้องห้ามโดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ หรือซึ่งไม่มีการแสดงข้อคัดค้านโดยรัฐผู้รับ หรือซึ่งมีอ้างถึงไว้ในความตกลงระหว่างประเทศ ที่ใช้บังคับอยู่ระหว่างรัฐผู้ส่งและรัฐผู้รับ [การทูต]
Convention on the Rights of the Childอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ได้รับการรับรองจากสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2532 โดยอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2533 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อคุ้มครองสิทธิของเด็ก (บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี) เพื่อให้ได้รับการศึกษา การดูแล ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือกระทำทารุณกรรม ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่เป็นภาคีอนุสัญญาฯ แล้ว 191 ประเทศ คงเหลือโซมาเลียและสหรัฐอเมริกาที่ยังมิได้ให้สัตยาบัน ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กด้วยการภาคยานุวัติ อนุสัญญาฯ มีผลปังคับใช้กับประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2535 ขณะนี้ไทยยังคงมีข้อสงวน 2 ข้อ คือ ข้อ 7 เรื่องสัญชาติ และ ข้อ 22 เรื่องการให้สถานะเป็นผู้ลี้ภัย [การทูต]
Departure of Diplomatic Agentsการออกไปจากรัฐผู้รับของเจ้าหน้าที่ทางการทูต ข้อ 44 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติได้ว่า ?แม้ในกรณีการขัดกันด้วยอากร รัฐผู้รับต้องอำนวยความสะดวก เพื่อให้บุคคลซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน นอกจากคนชาติของรัฐผู้รับและคนในครอบครัวของบุคคลเช่นว่านี้ โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติของบุคคลเหล่านั้น ออกไปในขณะที่เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ ในกรณีที่จำเป็นโดยเฉพาะ รัฐผู้รับต้องจัดพาหนะเดินทางในการขนส่งสำหรับตัวบุคคลเหล่านั้น และทรัพย์สินของบุคคลเหล่านั้นให้ด้วย? [การทูต]
emergency certificateเอกสารเดินทางฉุกเฉิน เอกสารเดินทางที่ออกให้แก่ผู้ลี้ภัยทางการเมือง เด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยในความดูแลของกรมประชาสงเคราะห์ คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและทำหนังสือเดินทางสูญหาย รวมทั้งเด็กต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทย ซึ่งไม่มีสถานทูต/สถานกงสุลของคนชาตินั้นในประเทศไทย [การทูต]
Gorbachev doctrineนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต]
International Court of Justiceศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า ศาลโลก ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1945 ตามกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติ กฎข้อบังคับ (Statute) ของศาลโลกนั้นได้ผนวกอยู่ท้ายกฎบัตรของสหประชาชาติ และถือเป็นส่วนสำคัญอย่างแยกจากกันมิได้ของกฎบัตร ศาลนี้ตั้งอยู่ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ถือเป็นองค์กรแห่งศาลหรือแห่งตุลาการสำคัญที่สุดขององค์การสหประชาชาติ ประเทศใดที่เข้าเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลก ย่อมมีสิทธิที่จะส่งคดีใดก็ตามไปให้ศาลโลกพิจารณาได้ ภายใต้เงื่อนไขที่คณะมนตรีความมั่นคงได้จัดวางไว้ นอกจากนั้น คณะมนตรีความมั่นคงก็อาจจะส่งกรณีพิพาททางกฎหมายไปให้ศาลพิจารณาได้ทั้ง สมัชชาและคณะมนตรีความมั่นคงสามารถขอคำปรึกษาหรือความเห็นจากศาลเกี่ยวกับ ปัญหาข้อกฎหมายใดๆ และองค์กรอื่น ๆ ของสหประชาชาติ อันรวมถึงองค์การชำนัญพิเศษ ก็สามารถขอคำปรึกษา หรือความเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาทางกฎหมายใดๆ ที่อยู่ภายในกรอบของงานที่ปฏิบัติอยู่ แต่ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุมัติเห็นชอบจากสมัชชาสหประชาชาติก่อน สมัชชาเคยมอบอำนาจเช่นนี้แก่คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะมนตรีภาวะทรัสตี คณะกรรมาธิการระหว่างกาล (Interim Committee) ของสมัชชา รวมทั้งองค์กรระหว่างรัฐบาลบางแห่งด้วยรัฐทั้งหมดที่เป็นสมาชิกของสหประชา ชาติถือว่าเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลกไปในตัว ส่วนประเทศใดที่มิใช่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็อาจเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลกได้ ตามเงื่อนไขที่สมัชชาสหประชาชาติเป็นผู้กำหนดเป็นราย ๆ ไป ตามข้อเสนอแนะของคณะมนตรีความมั่นคง ศาลโลกมีอำนาจที่จะพิจารณาปัญหาทั้งหลายที่รัฐสมาชิกขอให้พิจารณา รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ทั้งหลายที่ระบุอยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ และตามสนธิสัญญาหรืออนุสัญญาที่ใช้บังคับอยู่ รัฐสมาชิกย่อมยอมผูกพันตนล่วงหน้าได้ที่จะยอมรับอำนาจศาลในกรณีพิเศษต่าง ๆ โดยจะต้องลงนามในสนธิสัญญา หรืออนุสัญญาซึ่งยอมให้ส่งเรื่องไปที่ศาลได้ หรือออกประกาศเป็นพิเศษว่าจะปฏิบัติเช่นนั้น ในคำประกาศเช่นนั้นจะต้องระบุว่ายอมรับอำนาจบังคับของศาลโลก และอาจจะยกเว้นคดีบางประเภทมิให้อยู่ในอำนาจของศาลได้ ในการวินิจฉัยลงมติ ศาลโลกจะอาศัยแหล่งที่มาของกฎหมายต่าง ๆ ดังนี้ คือ- สัญญาหรืออนุสัญญาระห่างประเทศซึ่งวางกฎข้อบังคับที่รัฐคู่กรณียอมรับ- ขนบธรรมเนียมระหว่างประเทศซึ่งมีหลักฐานแสดงว่าเป็นหลักปฏิบัติทั่วไปตามที่ กฎหมายรับรองศาลโลกอาจจะตัดสินชี้ขาดว่าสิ่งใดยุติธรรมและดี โดยรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตกลงเห็นชอบด้วยคณะมนตรีความมั่นคงอาจจะรับการขอ ร้องจากรัฐภาคีหนึ่งใดในกรณีพิพาท ให้กำหนดมาตรการที่จะใช้เพื่อให้คำตัดสินของศาลมีผลบังคับ ถ้าคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามข้อผูกพันภายใต้อำนาจศาลศาลโลก ประกอบด้วยผู้พิพากษารวม 15 ท่าน ซึ่งถือกันว่าเป็น ?สมาชิก? ของศาล และได้รับเลือกตั้งจากสมัชชาและคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ผู้พิพากษาเหล่านี้จะมีอำนาจออกเสียงลงคะแนนอย่างอิสระเสรีหลักเกณฑ์การคัด เลือกผู้พิพากษาศาลโลกจะถือตามคุณสมบัติขอผู้พิพากษานั้น ๆ มิใช่ถือตามสัญชาติของบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ดี จะมีการระมัดระวังด้วยว่า กฎหมายที่นำมาใช้ในศาลจะต้องมาจากระบบกฎหมายที่สำคัญ ๆ ของโลก ในศาลโลกจะมีผู้พิพากษาที่เป็นชาติเดียวกันมากกว่าหนึ่งคนไม่ได้ ผู้พิพากษาทั้งหลายจะมีสิทธิ์ดำรงอยู่ในตำแหน่งได้ เป็นเวลา 9 ปี มีสิทธิ์ได้รับเลือกตั้งซ้ำได้ และระหว่างที่ดำรงอยู่ในตำแหน่ง จะต้องไม่ประกอบอาชีพการงานอื่นใดทั้งสิ้น [การทูต]
jus sanguinis (ภาษาลาติน)กฎหมายที่กำหนดสัญชาติตามหลักสายโลหิต [การทูต]
Jus Soliคือหลักความเชื่อถือซึ่งหลายประเทศยึดถืออยู่ คือบุคคลชาติใดก็ตาม ถือกำเนิด ณ ที่ไหนก็ได้สัญชาติของที่นั้น คนสวีเดนที่เกิดในประเทศไทยจะถือว่าได้สัญชาติไทยไปในตัวผิดกับหลักความ เชื่อถืออีกอันหนึ่งเรียกว่า Jus Sanguinis ซึ่งให้ถือสัญชาติของบุคคลตามสัญชาติของบิดามารดาของบุคคลนั้น ไม่ถือตามสถานที่เกิด [การทูต]
jus soli (ภาษาลาติน)กฎหมายที่กำหนดสัญชาติตามหลักดินแดน [การทูต]
loss of nationalityการเสียสัญชาติ [การทูต]
naturalizationการแปลงสัญชาติ [การทูต]
Passportหนังสือเดินทาง คือเอกสารทางราชการที่ใช้แสดงตัวและสัญชาติ ซึ่งทางราชการออกให้แก่บุคคลที่จะเดินทางไป หรือพำนักอยู่ชั่วคราวในต่างประเทศเมื่อสมัยก่อนสงครามโลกทั้งสองครั้ง ประเทศต่าง ๆ มิได้ขอให้คนต่างด้าวที่จะเข้าไปในประเทศของตนต้องมีหนังสือเดินทาง มีการเริ่มใช้หนังสือเดินทางอย่างแพร่หลายก็ในระยะหลังสงครามดังกล่าว ทุกวันนี้ ประเทศส่วนมากในโลกต่างต้องการให้คนต่างด้าวที่จะเดินทางเข้าไปในดินแดนของ ตนมีหนังสือเดินทางซึ่งได้รับการตรวจลงตรา (Visa) โดยถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลของตนเสียก่อน อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ประเทศส่วนมากได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลของตนในต่าง ประเทศเป็นผู้ออกหนังสือเดินทางได้ด้วยหนังสือเดินทางที่ใช้กันในปัจจุบันมี อยู่หลายประเภทอันได้แก่1. หนังสือเดินทางทูต (Diplomatic passports ) ออกให้แก่ผู้ที่มีตำแหน่งเอกอัครราชทูต อัครราชทูต เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ของสถานเอกอัครราชทูต และบุคคลอื่น ๆ ที่มีตำแหน่งทางการทูต รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของเขาเหล่านั้น2. หนังสือเดินทางพิเศษ (Special passports) ออกให้ แก่ข้าราชการที่ไม่มีสถานะทางการทูต และบุคคลในครอบครัวของเขาเหล่านั้น3. หนังสือเดินทางธรรมดา ( Regular passports ) ออกให้แก่บุคคลธรรมดา (Private persons) ซึ่งมีสิทธิจะขอหนังสือเดินทางดังกล่าวได้ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของ ประเทศของตนมีบางประเทศได้ออกหนังสือเดินทางประเภทอื่น นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมาข้างต้นด้วยเหตุผลเฉพาะ เช่น ภายใต้ระบบของสหรัฐอเมริกา มีการออกหนังสือเดินทางที่เรียกว่า1. หนังสือเดินทางบริการ (Service passports) ออกให้แก่คนอเมริกัน หรือชนชาติที่สวามิภักดิ์ต่อสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในต่างประเทศ2. หนังสือเดินทางบุคคลในครอบครัว (Dependent passports) ออกให้แก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางนี้ในกรณีที่เดินทางไปชั่วคราว หรือพำนักอยู่นาน ๆ ในต่างประเทศในฐานะที่เป็นบุคคลในครอบครัวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ หรือพลเรือนอเมริกันที่ยังรับราชการอยู่นอกเขตประเทศสหรัฐอเมริกา [การทูต]
recovery of nationalityการกลับคืนสัญชาติ [การทูต]
renunciation of nationalityการสละสัญชาติ [การทูต]
retain nationalityคงสัญชาติ [การทูต]
Work of the United Nations on Human Rightsงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต]
Idอิด, สัญชาตญาณ [การแพทย์]
Instinctสัญชาตญาณ [การแพทย์]
Instinct, Aggressiveสัญชาตญาณแห่งความก้าวร้าวหรือการทำลาย [การแพทย์]
Instinct, Basicสัญชาตญาณมูลฐาน [การแพทย์]
Instinct, Deathสัญชาตญาณแห่งความก้าวร้าวหรือการทำลาย, สัญชาตญานแห่งความตาย [การแพทย์]
Instinct, Life and Deathสัญชาตญานดำรงชีพและสัญชาตญาณแห่งความตาย [การแพทย์]
Instinct, Matingสัญชาตญาณเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ [การแพทย์]
Instinct, Survivalสัญชาตญานการธำรงชีพ [การแพทย์]
Instinctual Processกระบวนการทางสัญชาตญาณ [การแพทย์]
Libidoความรู้สึกทางเพศ, สัญชาตญาณการสร้างความสุขให้ตัวเองและเพื่อสืบพัน, ความต้องการทางเพศ, แรงดันทางเพศ, ความใคร่ทางเพศ [การแพทย์]

Volubilis Dictionary (TH-EN-FR)
โดยสัญชาตญาณ[dōi sanchāttayān] (adv) EN: instinctively  FR: par instinct ; instinctivement
การแปลงสัญชาติ[kān plaēng sanchāt] (n, exp) EN: naturalization   FR: naturalisation [ f ]
กฎหมายที่กำหนดสัญชาติตามดินแดน[kotmāi thī kamnot sanchāt tām dindaēn] (n, exp) EN: jus soli
กฎหมายที่กำหนดสัญชาติตามสายโลหิต[kotmāi thī kamnot sanchāt tām sāi lōhit] (n, exp) EN: jus sanguinis
หนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติ[nangseū samkhan kān plaēng sanchāt] (n, exp) EN: certificate of naturalization   FR: certificat de naturalisation [ m ]
หนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย[nangseū samkhan kān plaēng sanchāt pen Thai] (n, exp) FR: certificat de naturalisation thaïlandaise [ m ]
โอนสัญชาติ[ōn sanchāt] (v, exp) EN: change the nationality  FR: changer de nationalité
แปลงสัญชาติ[plaēng sanchāt] (v, exp) EN: naturalize
สัญชาติ[sanchāt] (n) EN: nationality ; citizenship  FR: nationalité [ f ] ; citoyenneté [ f ]
สัญชาต-[sanchāt-] (pref, (adj)) EN: natural  FR: inné ; instinctif ; naturel ; spontané
สัญชาตญาณ[sanchāttayān] (n) EN: instinct ; intuition  FR: instinct [ m ] ; intuition [ f ]
สัญชาตญาณดิบ[sanchāttayān dip] (n, exp) EN: instinct animal  FR: instinct animal [ m ]
สัญชาตญาณมืด[sanchāttayān meūt] (n, exp) EN: raw instinct  FR: instinct brut [ m ]
สัญชาติไทย[sanchāt thai] (n, exp) EN: Thai citizenship  FR: nationalité thaïlandaise [ f ] ; citoyenneté thaïlandaise [ f ]
ถอนสัญชาติ[thøn sanchāt] (v, exp) EN: expatriate
ถูกถอนสัญชาติ[thūk thøn sanchāt] (v, exp) EN: be expatriated

NECTEC Lexitron Dictionary EN-TH
instinct(adj) มีชีวิตชีวา, See also: เต็มไปด้วยความมั่นใจ, โดยสัญชาตญาณ
instinct(n) สัญชาตญาณ, See also: ปฐมฌาน
instinctive(adj) เกี่ยวกับสัญชาตญาณ, See also: เกี่ยวกับนิสัยดั้งเดิม, ที่เกิดขึ้นทันทีทันใดโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการคิด
intuition(n) การหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นในใจ, See also: การหยั่งรู้โดยสัญชาตญาณ, Syn. instinct, perception, insight
intuitive(adj) โดยสัญชาตญาณ, See also: โดยการหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นเอง, Syn. instinctive, innate
nationalise(vt) โอนชาติ, See also: โอนสัญชาติ, แปลงสัญชาติ, ให้สัญชาติ
nationality(n) สัญชาติ, See also: ชนชาติ, สัญชาติ, เชื้อชาติ, ประเทศ
nationalize(vt) โอนชาติ, See also: โอนสัญชาติ, แปลงสัญชาติ, ให้สัญชาติ
native(adj) ตามธรรมชาติ, See also: ตามสัญชาตญาณ, สันดาน, Syn. inborn, innate, connate, congenital, Ant. unnatural
naturalisation(n) การแสดงสัญชาติ, Syn. adoption, acculturation
naturalise(vi) แปลงสัญชาติ, See also: โอนสัญชาติ, ให้สัญชาติ, ให้สิทธิการเป็นพลเมือง, Syn. citizenship, acclimate, accustom
naturalise(vt) แปลงสัญชาติ, See also: โอนสัญชาติ, ให้สัญชาติ, ให้สิทธิการเป็นพลเมือง
naturalization(n) การแสดงสัญชาติ, Syn. adoption, acculturation
naturalize(vi) แปลงสัญชาติ, See also: โอนสัญชาติ, ให้สัญชาติ, ให้สิทธิการเป็นพลเมือง, Syn. citizenship, acclimate, accustom
naturalize(vt) แปลงสัญชาติ, See also: โอนสัญชาติ, ให้สัญชาติ, ให้สิทธิการเป็นพลเมือง
primaeval(adj) ที่เกิดขึ้นโดยสัญชาติญาณ
primeval(adj) ที่เกิดขึ้นโดยสัญชาติญาณ
self-preservation(n) สัญชาตญาณการเอาตัวรอด, See also: ความสามารถในการรักษาตัวรอด, สัญชาตญาณในการรักษาตัวรอด, การรักษาตัวรอด, Syn. selfishness, self-defense
spontaneous(adj) ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ, See also: เป็นไปเอง, ซึ่งเกิดขึ้นเอง, โดยสัญชาตญาณ, Syn. natural, unconscious, unplanned, instinctive, Ant. studied, cautious
stateless(n) ไร้สัญชาติ

Hope Dictionary
appetence(แอพ' พิเทินซฺ) n. ความอยากอย่างมากตามธรรมชาติ, แนวโน้มของสัญชาตญาณ, การดึงดูด, ความสัมพรรค, การติดนิสัย (intense desire)
citizenship(ซิท'ทิเซินชิพ) n. ฐานะประชากร, สัญชาติ, คุณธรรมของประชากร
civic(ซิฟ'วิค) adj. (เกี่ยวกับ) เมือง (นคร, กรุง) , เทศบาล, สัญชาติ, พลเรือน (พลเมือง, ประชากร) , ที่เป็นประโยชน์แก่เมือง
expatriate(เอคซฺเพ'ทริเอท) vt., adj., n. (ซึ่งถูก) เนรเทศ, (ซึ่ง) อพยพไปอยู่ต่างประเทศ, (ซึ่ง) สละสัญชาติเดิม n. ผู้อพยพไปอยู่ต่างประเทศ, ผู้ถูกเนรเทศ., See also: expatriation n., Syn. banish
instinct(อิน'สทิงคทฺ) n. สัญชาตญาณ adj. มีชีวิตชีวา, เต็มไปด้วยความมั่นใจ, Syn. tendency, impulse
instinctive(อินสทิงคฺ'ทิฟว) adj. เกี่ยวกับสัญชาตญาณ, เกี่ยวกับนิสัยดั้งเดิม., See also: instinctively adv., Syn. inborn, innate
intuition(อินทูอิช'เชิน) n. การรู้โดยสัญชาตญาณ, การรู้โดยความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองในใจ, การหยั่งรู้ความเข้าใจอันซาบซึ้ง, ความสามารถในการเข้าใจโดยสัญชาตญาณ, สหัชญาณ., See also: intuitional adj. intuitionly adv., Syn. feeling, sixth se
intuitive(อินทู'อิทิฟว) adj. โดยสัญชาตญาณ, โดยความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองในใจ, โดยสหัชญาณ, โดยการหยั่งรู้., See also: intuitiveness n., Syn. deluge
jus sanguinesถือสัญชาติตามผู้ให้กำเนิด
jus soliถือสัญชาติของประเทศในที่เขาเกิด
nationalise(แนช'ช ะเนิลไลซ) vt. ทำให้เป็นของชาติ, ให้สัญชาติแก่, ทำให้เป็นประเทศหนึ่ง. vi. กลายเป็นของชาต', See also: nationalisation n. nationalization n.
nationality(แนช'ชะแนล'ลิที) n. สัญชาติ
nationalize(แนช'ช ะเนิลไลซ) vt. ทำให้เป็นของชาติ, ให้สัญชาติแก่, ทำให้เป็นประเทศหนึ่ง. vi. กลายเป็นของชาต', See also: nationalisation n. nationalization n.
naturalise(แนช'เชอเริลไลซ) v. ให้สัญชาติ, โอนสัญชาติ, ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม, See also: naturalisation n. naturalization n.
naturalisze(แนช'เชอเริลไลซ) v. ให้สัญชาติ, โอนสัญชาติ, ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม, See also: naturalisation n. naturalization n.
registry(เรจ'จิสทรี) n. การลงทะเบียน, การจดทะเบียน, การขึ้นทะเบียน, สำนักงานทะเบียน, สำนักงานจดทะเบียน, สัญชาติเรือสินค้าที่จดทะเบียนไว้, สมุดจดทะเบียน, รายละเอียดของทะเบียนที่จดไว้
self-preservation(เซลฟฺ'เพรสเซอเว'เชิน) n. การรักษาตัวรอด, ความสามารถในการรักษาตัวรอด, สัญชาตญาณในการรักษาตัวรอด, สัญชาตญาณใน การป้องกันตัว
sex(เซคซฺ) n. เพศ, สัญชาตญาณทางเพศ, ความสนใจทางเพศ, ความรู้สึกทางเพศ, กาม, เรื่องประเวณี, การร่วมเพศ, การร่วมประเวณี vt. ตรวจดูเพศ (โดยเฉพาะของลูกไก่แรกเกิด) , เพิ่มความรู้สึกทางเพศ, แบ่งเพศ., See also: sexless adj.
spontaneous(สพอนเท'เนียส) adj. เกิดขึ้นโดยตัวของมันเอง, เกิดขึ้นเอง, เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ, โดยสัญชาตญาณ, จากภายใน, โดยทันที., See also: spontaneousness n., Syn. instinctive, involuntary, natural
stateless(สเทท'ลิส) adj. ไร้สัญชาติ
visceral(วิส'เซอเริล) adj. เกี่ยวกับหรือมีผลต่ออวัยวะภายใน, เป็นสัญชาตญาณ.

Nontri Dictionary
citizenship(n) การเป็นพลเมือง, สิทธิของประชากร, สัญชาติ
instinct(n) สัญชาตญาณ
instinctive(adj) เกี่ยวกับสัญชาตญาณ
intuitive(adj) โดยการหยั่งรู้, โดยสัญชาตญาณ, ซึ่งสังหรณ์ใจ
nationality(n) สัญชาติ, ความรักชาติ, ประชาชาติ
nationalize(vt) ให้สัญชาติแก่
naturalization(n) การโอนสัญชาติ, การเปลี่ยนสัญชาติ
naturalize(vt) โอนสัญชาติ, เปลี่ยนสัญชาติ

Longdo Unapproved EN-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
counterintuitive(n) การโต้ตอบตามสัญชาตญาณ
girls' generation[เกิล'ส เจเนอเรชั่น] (name, uniq) ศิลปินกลุ่มหญิงสัญชาติเกาหลีใต้จากสังกัดค่าย SM Entertainment มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย แทยอน, เจสสิก้า, ซันนี่, ทิฟฟานี่, ฮโยยอน, ยูริ, ซูยอง, ยุนอา และ ซอฮยอน เริ่มต้นเปิดตัวเข้าสู่วงการเพลงเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว Into the New World (다시 만난 세계, Dasi Mannan Segye) ในรายการเพลง Inkigayo ทางสถานีโทรทัศน์ SBS
Inclusive Education(n) การศึกษาแบบเรียนร่วม การจัดการศึกษาให้กับกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ เช่น คนพิการ คนด้อยโอกาส คนไร้สัญชาติ คนอพยพ โดยคำนึงถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ในโรงเรียน หรือระบบการศึกษาแบบปกติ มีจุดมุงหมายเพื่อสร้างความเข้าใจ และการยอมรับความแตกต่าง ความสามารถระหว่างบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนค้นพบศักยภาพของตนเอง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุข
SNSD[โซ นยอ ชิ แด] (abbrev, uniq) ศิลปินกลุ่มหญิงสัญชาติเกาหลีใต้จากสังกัดค่าย SM Entertainment มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย แทยอน, เจสสิก้า, ซันนี่, ทิฟฟานี่, ฮโยยอน, ยูริ, ซูยอง, ยุนอา และ ซอฮยอน เริ่มต้นเปิดตัวเข้าสู่วงการเพลงเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว Into the New World (다시 만난 세계, Dasi Mannan Segye) ในรายการเพลง Inkigayo ทางสถานีโทรทัศน์ SBS, See also: 소녀시대, Syn. Girls' Generation
War Ensignธงชัยสมรภูมิ เป็นธงที่ถูกชักไว้บนเรือรบเพื่อแสดงสัญชาติของเรือรบ อาจมีการชักธงนี้ไว้บนบกในดินแดนที่กองทัพเจ้าของธงยึดครองอยู่ อาทิ เมื่อเยอรมนีเข้ายึดกรุงปารีสในปี ค.ศ. 1940 มีการชักธงชัยสมรภูมิเยอรมันไว้บนยอดหอไอเฟลเพื่อสื่อว่า ประเทศฝรั่งเศสเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพเยอรมัน

Longdo Approved JP-TH
国籍[こくせき, kokuseki] (n) สัญชาติ

Longdo Unapproved JP-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
[じん, jin] (n) ชาว คน (เขียนต่อท้ายชื่อประเทศ มีความหมายว่าสัญชาติ)
[じん, jin] (n) ชาว, คน (เขียนต่อท้ายชื่อประเทศ มีความหมายว่าสัญชาติ)
[じん, jin, jin , jin] (n) ชาว, คน (เขียนต่อท้ายชื่อประเทศ มีความหมายว่า "สัญชาติ")

Longdo Approved DE-TH
thailändisch(adj) ที่เกี่ยวกับประเทศไทย เช่น die thailändische Nationalität สัญชาติไทย, See also: Thailand

Longdo Approved FR-TH
nationalité(n) |f| สัญชาติ

Time: 0.0461 seconds, cache age: 11.264 (clear)Longdo Dict -- https://dict.longdo.com/