คนร้าย | (n) outlaw, See also: bandit, criminal fellow, murderer, Syn. ผู้ร้าย, Ant. คนดี, คนบริสุทธิ์, Example: ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายดักปล้นเงินจากลูกค้าของธนาคาร, Count Unit: คน |
ดีร้าย | (adv) anyhow, See also: in any case, good and bad, Syn. ชะรอย, บางที, Example: ดีร้ายมันคงจะกลับมาอีก |
ตาร้าย | (n) misfortune, See also: ill-omen, time of calamity, time of misfortune, disaster, Syn. ชะตาร้าย, คราวร้าย, Ant. ตาดี, เคราะห์ดี, Example: หากเข้าตาร้ายทัพเราอาจพ่ายแพ้ให้แก่ศัตรู, Thai Definition: ถึงคราวที่เดือดร้อน, โชคไม่ดี |
ทำร้าย | (v) harm, See also: do harm, hurt, Syn. รังแก, ทำอันตราย, ประทุษร้าย, Example: ผู้ร้ายทำร้ายร่างกายตัวประกัน, Thai Definition: ทำให้บาดเจ็บหรือเสียหาย |
ผลร้าย | (n) bad effect, See also: harmful effect, unfavorable effect, disastrous effect, Syn. โทษ, ผลเสีย, Ant. ผลดี, ผลประโยชน์, Example: ค่ายบางระจันเป็นร่องรอยหลักฐานอันแน่ชัดถึงผลร้ายของการแตกสามัคคีกันระหว่างชนในชาติ, Thai Definition: สิ่งไม่ดีที่เกิดตามมา |
ใจร้าย | (v) be wicked, See also: be cruel, be merciless, be pitiless, be heartless, be vicious, be evil-minded, Syn. ใจดำ, ดุร้าย, โหด, ใจทมิฬ, Ant. ใจดี, ปราณี, Example: เขายังคงใจร้ายกับลูกเลี้ยงของเขาอยู่จนทุกวันนี้, Thai Definition: ไม่ปราณี |
ใจร้าย | (adj) evil-minded, See also: cruel, wicked, merciless, pitiless, Syn. ใจดำ, ดุร้าย, โหด, ใจทมิฬ, Ant. ใจดี, ปราณี, Example: คนใจร้ายอย่างเขาไม่น่าจะมีคนไปรักและนับถือมากเช่นนั้น, Thai Definition: ไม่ปราณี |
คิดร้าย | (v) have malice, See also: have wicked intentions, harbour evil designings, harbour evil thoughts, Example: ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่คิดถึงแต่ตัวเอง แต่เขาก็ไม่เคยคิดร้ายต่อผู้อื่น |
ซ้ำร้าย | (conj) moreover, See also: in addition, furthermore, Syn. ยิ่งไปกว่านั้น, Example: เขาไล่ผมยังกะหมูกะหมา หาว่าไปทำเสียงดังรบกวนเขา ซ้ำร้ายบางบ้านยังปล่อยหมาไล่กัดผมอีกด้วย, Thai Definition: ร้ายขึ้นไปอีก |
ปากร้าย | (v) be sharp-tongued, See also: be foul-mouthed, Example: เมืองที่ท่านจะไปจำพรรษานั้น ชาวบ้านปากร้ายหยาบคาย ถ้าถูกบริภาษด้วยคำหยาบคายจะทนไหวหรือ, Thai Definition: มักดุด่าว่าร้าย |
ผู้ร้าย | (n) criminal, See also: lawbreaker, offender, malefactor, culprit, crook, felon, Syn. อาชญากร, โจร, คนร้าย, มิจฉาชีพ, Ant. ตำรวจ, Example: หน้าที่ของตำรวจคืออยู่เวรยามตามหน้าที่ จับผู้ร้าย, Count Unit: คน, Thai Definition: ผู้ที่ลักขโมยหรือปล้นทรัพย์สินผู้อื่น |
ฝันร้าย | (v) have a nightmare, Ant. ฝันดี, Example: เขาฝันร้ายทุกคืนหลังจากเกิดเรื่องวันนั้น, Thai Definition: เห็นเป็นเรื่องราวที่ไม่ดีเมื่อหลับ |
ฝันร้าย | (n) nightmare, See also: bad dream, Ant. ฝันดี, Example: ฝันร้ายของเขาเกือบจะเป็นจริง เมื่อลูกน้องที่เขารู้ใจมากที่สุดถูกยิง, Count Unit: เรื่อง, Thai Definition: นึกเห็นสิ่งที่ไม่ดีขณะหลับ |
พิษร้าย | (n) toxicity, See also: toxic, Example: ประชากรโลกกว่า 2, 500 ล้านคน กำลังเสี่ยงอยู่กับพิษร้ายของสารดีดีที, Thai Definition: ความร้ายแห่งพิษ |
ร้ายกาจ | (adj) lethal, See also: deadly, dangerous, Example: นางมีอาวุธอันร้ายกาจสองอย่าง คือ จักรกับตรีศูล, Thai Definition: ที่มีประสิทธิภาพร้ายแรง |
ร้ายกาจ | (v) be fierce, See also: be ferocious, be cruel, be savage, be wild, be vicious, Example: ตอนเด็กๆ ใครๆ ก็ว่าผมร้ายกาจ, Thai Definition: ร้ายมาก, ร้ายยิ่ง |
ลางร้าย | (n) bad omen, See also: evil omen, Syn. ลางบอกเหตุ, ลาง, Example: เขารู้สึกว่ามีลางร้ายที่บอกให้รู้ล่วงหน้าว่าจะเจ็บตัว, Thai Definition: เครื่องหมายที่ปรากฏให้เห็นอันบอกผลร้าย |
วายร้าย | (n) criminal, See also: villain, evil man, bandit, brigand, gangster, Syn. คนร้าย, Ant. คนดี, Example: เขาได้รับการยกย่องจากวายร้ายทั้งหลายว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของอาณาจักรแก๊งสเตอร์ที่แท้จริง, Count Unit: คน |
วายร้าย | (adj) devilish, See also: evil, fiendish, diabolical, demonic, despicable, Syn. เหลือร้าย, ชั่วร้าย, ชั่วช้า, Ant. ดี, Example: เราอุตส่าห์หลบมาหากินตอนกลางคืน แต่เราก็มาเจอเข้ากับนกเค้าแมววายร้ายเข้าอีก |
ว่าร้าย | (v) gossip, Syn. นินทา, ว่า, Example: ไม่ว่าจะถูกนินทาว่าร้ายต่างๆ นานาเรื่องที่เขามีบ้านเล็กบ้านใหญ่อย่างไรเขาก็ไม่ใส่ใจ, Thai Definition: ติเตียนลับหลัง |
เลวร้าย | (v) be bad, See also: be evil, be immoral, be wicked, be depraved, Syn. ไม่ดี, ชั่วร้าย, เลวทราม, เลว, ทราม, Example: ถึงผู้หญิงคนนั้นจะเลวร้ายแค่ไหน เธอก็ยังรักลูกของเธออยู่, Thai Definition: มีนิสัยไม่ดีมากๆ |
แง่ร้าย | (n) pessimism, See also: inclination to expect the worst, Ant. แง่ดี, Example: เธอคำนึงถึงแต่แง่ร้ายของเขา เลยเอาแต่ระแวงเขาตลอด, Thai Definition: นัยว่าเป็นเรื่องไม่ดี |
โหดร้าย | (v) be cruel, See also: be pitiless, be brutal, Syn. ร้ายกาจ, เหี้ยมโหด, ชั่วร้าย, Ant. ใจดี |
โหดร้าย | (v) be cruel, See also: be pitiless, be brutal, Syn. ร้ายกาจ, เหี้ยมโหด, ชั่วร้าย, Ant. ใจดี |
โหดร้าย | (adj) cruel, See also: pitiless, brutal, Syn. ร้ายกาจ, เหี้ยมโหด, ชั่วร้าย, Ant. ใจดี |
โหดร้าย | (v) be cruel, See also: be ruthless, be heartless, be brutal, be callous, be inhumane, be malevolent, be unkind, b, Syn. โหดเหี้ยม, ใจร้าย, Ant. ใจดี, Example: พฤติกรรมของทหารนาซีโหดร้ายดุจคนเถื่อน |
โหดร้าย | (adv) brutally, See also: cruelly, ruthlessly, heartlessly, callously, inhumanely, malevolently, unkindly, viciously, Syn. ร้ายกาจ, โหดเหี้ยม, อำมหิต, Example: รัฐมนตรีอินเดียก็ถูกระเบิดสังหารอย่างโหดร้าย |
ใส่ร้าย | (v) slander, See also: frame, Syn. ใส่ความ, ใส่ไฟ, ใส่ร้ายป้ายสี, Example: ดร.ป๋วยอึ๊งภากรณ์ท่านนั่งทำงานที่นี่อยู่ 2 ปีก่อนที่จะถูกใส่ร้ายป้ายสีจนต้องออกไปอยู่อังกฤษ, Thai Definition: หาความร้ายป้ายผู้อื่น |
ให้ร้าย | (v) defame, See also: malign, slander, smear, vilify, abuse, Syn. ป้ายสี, ให้ร้ายป้ายสี, ใส่ความ, ใส่ร้าย, ป้ายร้าย, Example: เขาได้ใช้วิธีประจบสอพลอเลียเจ้านายหรือแม้กระทั่งให้ร้ายเพื่อนร่วมงานเพื่อประโยชน์ตนเอง, Thai Definition: ใส่ความผู้อื่นโดยไม่มีมูลความจริง |
ข่าวร้าย | (n) bad news, Ant. ข่าวดี, Example: ผมไม่รู้ว่าจะแจ้งข่าวร้ายนี้ให้เธอทราบได้อย่างไร, Thai Definition: เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เลวร้าย หรือไม่ดี |
คราวร้าย | (n) misfortune, See also: bad luck, adversity, hard luck, ill luck, infelicity, Syn. คราวเคราะห์, คราวซวย, Ant. คราวดี, Thai Definition: คราวที่โชคร้าย |
ความร้าย | (n) malignance, See also: badness, vileness, mercilessness, evil, vice, wickedness, terribleness, Syn. ความชั่ว, ความเลว, ความร้ายกาจ, ความชั่วร้าย, Ant. ความดี, Example: ในที่สุดเขาก็ถูกเปิดโปงความร้ายของเขาออกมา |
ชั่วร้าย | (v) wicked, See also: bad, low, evil, Syn. เลวทราม, เลวร้าย, ดุร้าย, ชั่ว, ชั่วช้า, โหดเหี้ยม, ทราม, ต่ำช้า, ร้าย, เลวมาก, Example: พวกผู้ก่อการร้ายชั่วร้ายมาก มันไม่มีความปราณีให้แก่ผู้ใดเลย |
มุ่งร้าย | (v) bear ill will, See also: intend to do harm, have bad intention, bear malice toward somebody, Syn. ปองร้าย, ประสงค์ร้าย, คิดร้าย, มุ่งร้ายหมายขวัญ, Ant. หวังดี, มุ่งดี, ประสงค์ดี, Example: มีคนมุ่งร้ายคอยใส่ความเขาอยู่เสมอ, Thai Definition: มุ่งจะทำร้าย |
สิ่งร้าย | (n) bad thing, See also: evil, Syn. สิ่งเลวร้าย, Ant. สิ่งดี, Example: ยายไปอาบน้ำมนต์เพื่อปัดสิ่งร้ายออกจากตัว |
เข้าร้าย | (v) be in trouble, See also: be in distress, Syn. เข้าตาร้าย, ถึงตาร้าย, Example: ถ้าเศรษฐกิจไทยยังเข้าร้ายแบบนี้ การพัฒนาประเทศคงเป็นไปได้ยาก, Thai Definition: ตกอยู่ในฐานะไม่ดี, อยู่ในสภาพลำบาก |
เราะร้าย | (v) speak rudely, Thai Definition: พูดมากหยาบคาย, พูดไม่เพราะ |
เหตุร้าย | (n) accident, See also: mishap, misadventure, misfortune, calamity, disaster, Syn. เคราะห์ร้าย, โชคร้าย, เคราะห์หามยามร้าย, Example: หมอดูทำนายว่าจะเกิดเหตุร้ายในช่วงเบญจเพส |
การทำร้าย | (n) doing harm, See also: hurting, attack, molestation, Syn. การรังแก, การข่มขู่, การประทุษร้าย, การข่มเหง, Example: การทำร้ายร่างกายผู้อื่นถือเป็นความผิด, Thai Definition: การทำให้บาดเจ็บหรือเสียหาย |
ปีศาจร้าย | (n) devil, See also: ghost, monster, demon, spirit, Satan, fiend, Syn. ผี, ภูติ, มาร, ซาตาน, ผีสาง, Example: คนไทยบางกลุ่มยังมีความเชื่องมงายในเรื่องภูติผีปีศาจ, Count Unit: ตน, ตัว |
ลอบทำร้าย | (v) ambush, See also: waylay, attack, Example: ญาติสนิทของเราถูกลอบทำร้าย |
สัตว์ร้าย | (n) fierce animal, See also: wild animal, Example: จระเข้เป็นสัตว์ร้าย อยู่ในน้ำ เลี้ยงไม่เชื่อง, Count Unit: ตัว |
สัตว์ร้าย | (n) fierce animal, See also: wild animal, Example: จระเข้เป็นสัตว์ร้าย อยู่ในน้ำ เลี้ยงไม่เชื่อง, Count Unit: ตัว |
เหลือร้าย | (adj) awful, See also: terrible, dreadful, Syn. ร้ายมาก, Example: ไวรัสเหลือร้ายตัวนี้เพิ่มจำนวนตัวเองเป็นทวีคูณอย่างรวดเร็ว |
เหลือร้าย | (v) be awful, See also: be terrible, be dreadful, Syn. ร้ายมาก, ร้ายกาจ, Example: แผนการของเขาเหลือร้ายจริงๆ |
เหล่าร้าย | (n) gangsters, See also: hoodlums, rascals, rogues, criminals, Syn. คนร้าย, ผู้ร้าย, Example: เหล่าร้ายที่จับได้ทั้งหมดนี้เป็นชาวอิตาเลียนทั้งหมด |
ก่อการร้าย | (v) terrorize, See also: cause terrorism, cause violence, Example: ชาวซิกพยายามใช้ปากีสถานเป็นฐานที่มั่น ลอบเข้าไปก่อการร้ายในรัฐปัญจาบของอินเดีย |
ความดุร้าย | (n) cruelty, See also: wildness, Syn. ความโหดเหี้ยม, ความโหดร้าย, ความป่าเถื่อน, Ant. ความอ่อนโยน, Example: เสือเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายพอๆ กับสิงโต |
ชะดีชะร้าย | (conj) in any case, See also: perhaps, maybe, anyhow, Syn. เผื่อว่า, บางที, Example: ในยามสับสนไม่รู้ว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนร้าย ชะดีชะร้ายอาจจะมองคนไม่ดีเป็นคนดี, Thai Definition: ีแสดงถึงความไม่แน่นอน, โดยปกติมักใช้ในลักษณะเหตุการณ์ที่สังหรณ์หรือกริ่งเกรงว่าอาจจะเกิดขึ้นตามที่คาดไว้ |
ประทุษร้าย | (v) injure, See also: harm, commit an offense, do harm, molest, hurt, Syn. ทำร้าย, ทารุณ, ทำร้ายร่างกาย, ทำอันตราย, ทำให้บาดเจ็บ, รังแก, Example: เขาถูกประทุษร้ายจากน้ำมือของพวกผู้ร้าย |
กร่าย | (กฺร่าย) น. ผ้าคาดที่ถักเป็นตาข่าย เช่น คาดกร่ายชายทองวาง ร่วงรุ้ง (กาพย์ห่อโคลง). |
กล่าวร้าย | ก. พูดถึงในเชิงร้าย, ให้ร้าย. |
ก่อการร้าย | น. เป็นฐานความผิดอาญา ที่ผู้กระทำก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อบุคคล ต่อทรัพย์สินอันเป็นสาธารณะ หรือต่อทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใดหรือต่อสิ่งแวดล้อมอันก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ โดยผู้กระทำมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ. |
ข่มเหงคะเนงร้าย | ก. รังแกเบียดเบียน. |
เข้าตาร้าย | ก. ถึงคราวเดือดร้อน. |
เข้าร้าย | ก. ตกอยู่ในฐานะไม่ดี. |
คนร้าย | น. คนที่ไม่มีคุณธรรม |
คนร้าย | คนทำผิดอาญา, อาชญากร. |
คนร้ายตายขุม | น. คนทำชั่วย่อมตกนรก, มักใช้เข้าคู่กับ คนดีผีคุ้ม ว่า คนดีผีคุ้ม คนร้ายตายขุม. |
คะเนงร้าย | ใช้เข้าคู่กับคำ ข่มเหง เป็น ข่มเหงคะเนงร้าย. |
คุ้มดีคุ้มร้าย | ว. มีสติไม่ปรกติ, บางคราวดีบางคราวร้าย, ดีบ้างร้ายบ้าง. |
เคราะห์หามยามร้าย | น. เคราะห์ร้าย. |
ใจร้าย | ว. ดุร้าย, ไม่ปรานี. |
ชะดีชะร้าย | ว. เผื่อว่า, บางทีแสดงถึงความไม่แน่นอน, เช่น ซื้อลอตเตอรี่ไว้สักใบเถิด ชะดีชะร้ายจะถูกรางวัล, โดยปรกติมักใช้ในลักษณะเหตุการณ์ที่สังหรณ์หรือกริ่งเกรงว่าอาจจะเกิดขึ้นตามที่คาดไว้ เช่น ชะดีชะร้ายก็จะตายเสียกลางทาง. |
ชะนีร่ายไม้ | น. ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งตั้งวงสูง มืออีกข้างหนึ่งแบมือหงาย แขนตึง ทอดต่ำลง เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือที่แขนตึง. |
ใช้กำลังประทุษร้าย | ก. ทำการประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของบุคคล ไม่ว่าจะทำด้วยใช้แรงกายภาพหรือด้วยวิธีอื่นใด และหมายความรวมถึงการกระทำใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่ว่าจะโดยใช้ยาทำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธีอื่นใดอันคล้ายคลึงกัน. |
ซ้ำร้าย | ว. ร้ายยิ่งขึ้นไปอีก. |
ดีร้าย | ว. ชะรอย, บางที, เช่น ดีร้ายของนี้จะถูกขโมยมา. |
ดุร้าย | ว. เหี้ยมโหด. |
ดูร้าย | น. ดูว่าไม่ดี เช่น เมื่อแขกเมืองมาแลเบีกเข้าไปถวายบังคม บมิได้นุ่งห่มเสื้อสนอบซึ่งพระราชทานนั้น แลนุ่งห่มเสื้อผ้าอื่นมิควรให้มาดูร้าย (สามดวง กฎมณเทียรบาล). |
ต้นร้ายปลายดี | น. ตอนแรกประพฤติตัวไม่ดี แต่ภายหลังกลับสำนึกตัวได้แล้วประพฤติดีตลอดไป, ตอนต้นไม่ดีไปดีเอาตอนหลัง. |
ถ่มร้าย | น. รอยบุ๋มที่ตะโพกทั้ง ๒ ข้าง ถือว่าเป็นลักษณะไม่ดีของผู้หญิง ๑ ใน ๓ อย่าง คือ สีจัก ยักหล่ม ถ่มร้าย, มักใช้เข้าคู่กับคำ ยักหล่ม เป็น ยักหล่มถ่มร้าย. |
ทำร้าย | ก. ทำให้บาดเจ็บหรือเสียหาย. |
ทำร้ายร่างกาย | น. เป็นฐานความผิดอาญา ที่ผู้กระทำทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น. |
นิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้น | น. คนใดไม่ดี ก็ตัดออกไปจากหมู่คณะ. |
เนื้อร้าย ๑ | น. สัตว์ป่าที่ดุร้าย เช่น หมี เสือ. |
เนื้อร้าย ๒ | น. เนื้อเป็นโรค เกิดแก่ คน สัตว์ และต้นไม้ หรือแผลที่เป็นมะเร็ง มีอาการต่าง ๆ. |
ประทุษร้าย | (ปฺระทุดสะ-) ก. ทำให้บาดเจ็บ เช่น ประทุษร้ายร่างกาย, ทำให้เสียหาย เช่น ประทุษร้ายทรัพย์สิน. |
ประสงค์ร้าย | ก. มุ่งร้าย, หมายจะทำร้าย. |
ปากร้าย | ว. มักดุด่าว่าร้าย. |
ปากร้ายใจดี | ก. พูดจาดุด่าแต่น้ำใจดี. |
ผู้ก่อการร้าย | น. บุคคลที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลและพยายามก่อความไม่สงบขึ้นในที่ต่าง ๆ. |
ผู้ร้าย | น. โจร, อาชญากร |
ผู้ร้าย | ตัวโกงในการแสดงละครหรือภาพยนตร์เป็นต้น. |
พอดีพอร้าย | ว. ปานกลาง, ไม่ดีนัก, ไม่เลวนัก |
พอดีพอร้าย | บางที (แสดงความไม่แน่นอน) เช่น พอดีพอร้ายไม่ได้ไป. |
มิดีมิร้าย | ว. ชั่วร้าย, ไม่สมควร |
มิดีมิร้าย | อาการที่ล่วงเกินในเชิงชู้สาว. |
มุ่งร้ายหมายขวัญ | ก. คิดปองร้าย. |
ยินร้าย | ก. ไม่พอใจ, ไม่ชอบใจ. |
ระร่าย | ก. เดินได้จังหวะ. |
ร่าย ๑ | น. ชื่อคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองแบบหนึ่ง เช่น ร่ายยาว ร่ายสุภาพ ร่ายดั้น ร่ายโบราณ |
ร่าย ๑ | ทำนองร้องสำหรับดำเนินเรื่องของโขนละคร มี ๒ อย่าง คือ ร่ายในและร่ายนอก ร่ายในสำหรับโขนและละครใน ร่ายนอกสำหรับละครนอกและละครทั่วไป. |
ร่ายดั้น | น. ชื่อร่ายชนิดหนึ่ง บทหนึ่งมี ๕ วรรคขึ้นไป วรรคหนึ่งใช้ตั้งแต่ ๕-๗ คำ และจะต้องจบด้วยบาทที่ ๓ และที่ ๔ ของโคลงดั้นวิวิธมาลี นอกนั้นเหมือนร่ายสุภาพ. |
ร่ายโบราณ | น. ชื่อร่ายชนิดหนึ่ง นิยมใช้ในวรรณคดีโบราณ ไม่นิยมเอกโท ไม่จำกัดวรรคและคำ แต่มักใช้วรรคละ ๕ คำและใช้คำเท่ากันทุกวรรค. |
ร่ายไม้ | ก. เร่เตร่ไปเป็นจังหวะตามกิ่งไม้ เช่น นกร่ายไม้ กระแตร่ายไม้. |
ร่ายยาว | น. ชื่อร่ายชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายร่ายโบราณ ใช้แต่งบทเทศน์ บทสวด บทกล่อมลูก เป็นต้น ไม่จำกัดวรรคและคำ แต่ละวรรคไม่ควรน้อยกว่า ๕ คำ นิยมส่งสัมผัสส่งท้ายวรรคหน้า และรับสัมผัสในวรรคถัดไปที่คำใดก็ได้ สัมผัสเชื่อมกันไปเช่นนี้จนจบ. |
ร่ายรำ | ก. เดินหรือจับระบำไปตามจังหวะดนตรีของละครรำ. |
ร่ายสุภาพ | น. ชื่อร่ายชนิดหนึ่ง บทหนึ่งมี ๕ วรรคขึ้นไป วรรคหนึ่งมี ๕ คำ ส่งสัมผัสท้ายวรรคหน้า และรับสัมผัสกับคำที่ ๑ ที่ ๒ หรือที่ ๓ ของวรรคถัดไป และจะต้องจบด้วยโคลง ๒ สุภาพ. |
ร่าย ๒ | ก. บริกรรมเวทมนตร์คาถาเพื่อทำให้ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ร่ายเวท ร่ายมนตร์ ร่ายคาถา. |
personal protection order | คำสั่งให้ความคุ้มครองบุคคล (ต่อการทำร้ายร่างกาย) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
pernicious | ร้าย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
pernicious vomiting | การอาเจียนอย่างร้าย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
pestilence | โรคติดต่อร้ายแรง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
pestilential | -ติดต่อร้ายแรง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
pancreatitis, fulminating | ตับอ่อนอักเสบเร็วร้าย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
phlegmon | ๑. ฝีลามร้าย๒. ฝีลามร้ายฝ่าเท้า, รองช้ำ๓. ฝีตับอ่อน [ มีความหมายเหมือนกับ phlegmon, pancreatic ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
pestiferous | -นำโรคติดต่อร้ายแรง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
physical force | การใช้กำลังทำร้ายร่างกาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
lethal weapon | อาวุธร้ายแรง, อาวุธสำหรับสังหาร [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
lethality | ความร้ายแรงของพลังทำลาย [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
legal cruelty | ๑. การกระทำทารุณโหดร้าย (ก. อาญา)๒. การกระทำทารุณ (ที่เป็นเหตุฟ้องหย่า) (ก. แพ่ง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
rendition | การส่งผู้ร้ายข้ามมลรัฐ (อเมริกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
rendition | การส่งผู้ร้ายข้ามมลรัฐ (อเมริกัน) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
requisition | ๑. การเกณฑ์๒. การขอ, คำขอเบิก (สิ่งที่ต้องการ)๓. การขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
requisition | ๑. การเรียกเกณฑ์๒. การขอ, คำขอเบิก, หนังสือร้องขอ๓. การขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน, การขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามมลรัฐ (อเมริกัน) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
slander of goods | การกล่าวร้ายต่อสินค้า [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
slander of title | การกล่าวร้ายต่อกรรมสิทธิ์ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
seriously | อย่างร้ายแรง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
oneirodynia | การฝันร้าย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
outlaw | นอกกฎหมาย, คนนอกกฎหมาย, ผู้ร้าย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
offensive weapon | อาวุธที่ใช้กระทำความผิด, อาวุธร้ายแรง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
outrage | การทำร้ายอย่างรุนแรง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
assault | ๑. การประทุษร้าย๒. การขู่ว่าจะประทุษร้าย [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
assault | การทำร้ายร่างกาย [ ดู battery ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
assault and battery | การลงมือทำร้ายร่างกาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
assault risk | ภัยจากการจู่โจมทำร้าย [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
act of cruelty | การกระทำทารุณโหดร้าย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
aggravate | ทำให้ร้ายแรงขึ้น [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
aggravated assault | การทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
justice, fugitive from | ผู้หลบหนีคดีอาญาข้ามแดน, ผู้ร้ายข้ามแดน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
bad motive | เจตนาร้าย, เจตนาทุจริต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
benign; benignant | ไม่ร้าย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
benign hypertension | ความดันเลือดสูงไม่ร้าย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
benign tumour | เนื้องอกไม่ร้าย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
benignant; benign | ไม่ร้าย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
battery | การทำร้ายร่างกาย [ ดู assault ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
bodily injury | การทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย, การทำร้ายร่างกาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
bona waviata (L.) | ทรัพย์ที่ผู้ร้ายโยนทิ้งขณะหลบหนี [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
moral turpitude | ความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
misdemeanor | ความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
misdemeanour | ความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
molestation | การรบกวน, การทำร้าย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
mayhem | การทำร้ายอวัยวะจนใช้ป้องกันตัวไม่ได้ [ ดู maim และดู mutilation ความหมายที่ ๒ ประกอบ ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
mens rea (L.) | เจตนาร้าย [ ดู criminal intent ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
malice | เจตนาร้าย [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
malice | เจตนาร้าย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
malice aforethought | เจตนาร้ายโดยไตร่ตรองมาก่อน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
malice in fact | เจตนาร้ายที่ชัดแจ้ง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
malice in law | เจตนาร้ายตามกฎหมาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
กบฏ | การประทุษร้าย การทรยศต่ออาณาจักร, Example: คำที่มักเขียนผิด คือ กบฎ [คำที่มักเขียนผิด] |
ประณาม | กล่าวร้ายให้เขาเสียหาย, Example: คำที่มักเขียนผิด คือ ประนาม [คำที่มักเขียนผิด] |
เหนี่ยว | ทำร้ายร่างกาย [ศัพท์วัยรุ่น] |
Atrocities | การกระทำโหดร้ายป่าเถื่อน [TU Subject Heading] |
Bioterorism | การก่อการร้ายทางชีวภาพ [TU Subject Heading] |
Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman, or Degrading Treatment or Punishment (1984) | อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (ค.ศ. 1984) [TU Subject Heading] |
Convention Concerning the Prohibition and Immediate Action for the Elimination of the Worst Forms of Child Labour (1999) | อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามและการขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก (ค.ศ. 1999) [TU Subject Heading] |
Domestic terrorism | การก่อการร้ายภายในประเทศ [TU Subject Heading] |
Extradition | การส่งผู้ร้ายข้ามแดน [TU Subject Heading] |
Neuroleptic malignant syndrome | กลุ่มอาการร้ายแรงจากสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท [TU Subject Heading] |
Outlaws | ผู้ร้าย [TU Subject Heading] |
Pleural effusion, Malignant | ภาวะน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดชนิดร้ายแรง [TU Subject Heading] |
September 11 Terrorist Attacks, 2001 | การโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย 11 กันยายน ค.ศ. 2001 [TU Subject Heading] |
State-sponsored terrorism | การใช้อำนาจรัฐก่อการร้าย [TU Subject Heading] |
Terrorism | การก่อการร้าย [TU Subject Heading] |
Terrorism and mass media | การก่อการร้ายกับสื่อมวลชน [TU Subject Heading] |
Terrorism in mass media | การก่อการร้ายในสื่อมวลชน [TU Subject Heading] |
Terrorism victims' families | ครอบครัวของผู้ประสบภัยจากการก่อการร้าย [TU Subject Heading] |
Terrorists | ผู้ก่อการร้าย [TU Subject Heading] |
Victims of terrorism | ผู้ประสบภัยจากการก่อการร้าย [TU Subject Heading] |
War on Terrorism, 2001- | สงครามตอบโต้การก่อการร้าย ค.ศ. 2001- [TU Subject Heading] |
Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman and Degrading Treatment or Punishment | อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่น ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี [การทูต] |
Convention on Prohibitions or Restrictions on the Use od Certain Conventional Weapons Which May Be Deemed to Be Excessively Inju | Convention on Prohibitions or Restrictions on the Use od Certain Conventional Weapons Which May Be Deemed to Be Excessively Injurious or to Have Indiscriminate Effects = อนุสัญญาห้ามอาวุธตามแบบบางชนิดที่ก่อให้เกิดการบาด เจ็บร้ายแรงเกินความจำเป็นหรือก่อให้เกิดลโดยไม่จำกัดเป้าหมาย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการห้ามหรือหารจำกัดการใช้อาวุธตามแบบบางชนิดที่ก่อให้ เกิดผลกระทบร้ายแรงด้านมนุษยธรรม โดยสาระสำคัญของการ คอบคุมอาวุธตามแบบแต่ละชนิดจะถูกกำหนดไว้ในพิธีสารแต่ละฉบับต่างหาก ซึ่งในชั้นนี้ มีพิธีสาร 5 ฉบับ และรัฐต่างๆ สามารถเลือกยอมรับพิธีสารต่อท้ายอนุสัญญาฯ ฉบับใดก็ได้อย่างน้อยจำนวน 2 ฉบับ [การทูต] |
Cobra Gold | การฝึกร่วม/ผสมคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซีย ตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทยและกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก (USPACOM) ร่วมกันเป็น เจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี การฝึกคอบร้าโกลด์พัฒนามาจากการฝึกผสมยกพลขึ้นบกระหว่างกองทัพเรือไทยกับกอง ทัพเรือสหรัฐอเมริกาและกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำการฝึกร่วมกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2499 ต่อมาใน พ.ศ. 2525 ได้รวมการฝึกหลายอย่างเข้าด้วยกันแล้วกำหนดชื่อรหัสการฝึกขึ้นใหม่ว่า "การฝึกร่วม/ผสมคอบร้าโกลด์" ปัจจุบัน มีประเทศที่ร่วมฝึกรวม ทั้งร่วมสังเกตการณ์หลายประเทศ รวมทั้งได้ขยายการฝึกครอบคลุมการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การตอบโต้การก่อการร้ายด้วย [การทูต] |
Commission on Human Rights | คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แต่งตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1946 ตามมติของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมของสหประชาชาติ มีหน้าที่รับผิดชอบในการเสนอข้อเสนอแนะและรายงานการสอบสวนต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนไปยังสมัชชา (General Assembly) สหประชาชาติ โดยผ่านคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมาธิการประกอบด้วยผู้แทนประเทศสมาชิก 53 ประเทศ ซึ่งได้รับเลือกตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ตามวาระ 3 ปี มีการประชุมกันทุกปี ปีละ 6 สัปดาห์ ณ นครเจนีวา และเมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมาธิการได้จัดตั้งกลไกเพื่อให้ทำหน้าที่สอบสวนเกี่ยวกับปัญหาสิทธิ มนุษยชนเฉพาะในบางประเทศ กลไกดังกล่าวประกอบด้วยคณะทำงาน (Working Groups) ต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิเศษที่สหประชาชาติแต่งตั้งขึ้น (Rapporteurs) เพื่อให้ทำหน้าที่ศึกษาและสอบสวนประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะในบาง ประเทศมีเรื่องน่าสนใจคือ ใน ค.ศ. 1993 ได้มีการประชุมในระดับโลกขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งแสดงถึงความพยายามของชุมชนโลก ที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นมูลฐานไม่ว่าที่ไหน ในระเบียบวาระของการประชุมดังกล่าว มีเรื่องอุปสรรคต่างๆ ที่เห็นว่ายังขัดขวางความคืบหน้าของการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการหาหนทางที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น เรื่องความเกี่ยวพันกันระหว่างการพัฒนาลัทธิประชาธิปไตย และการให้สิทธิมนุษยชนทั่วโลก เรื่องการท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้ไม่อาจปฏิบัติให้บรรลุผลอย่างสมบูรณ์ในด้านสิทธิมนุษยชน เรื่องการหาหนทางที่จะกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านสิทธิมนุษยชน และการที่จะส่งเสริมศักยภาพของสหประชาชาติในการดำเนินงานในเรื่องนี้ให้ได้ ผล ตลอดจนเรื่องการหาทุนรอนและทรัพยากรต่างๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานดังกล่าวในการประชุมระดับโลกครั้งนี้มีรัฐบาลของ ประเทศต่างๆ บรรดาองค์กรของสหประชาชาติ สถาบันต่างๆ ในระดับประเทศชาติ ตลอดจนองค์การที่มิใช่ของรัฐบาลเข้าร่วมรวม 841 แห่ง ซึ่งนับว่ามากเป็นประวัติการณ์ ช่วงสุดท้ายของการประชุมที่ประชุมได้พร้อมใจกันโดยมิต้องลงคะแนนเสียง (Consensus) ออกคำปฏิญญา (Declaration) แห่งกรุงเวียนนา ซึ่งมีประเทศต่าง ๆ รับรองรวม 171 ประเทศ ให้มีการปฏิบัติให้เป็นผลตามข้อเสนอแนะต่างๆ ของที่ประชุม เช่น ข้อเสนอแนะให้ตั้งข้าหลวงใหญ่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหนึ่งตำแหน่งให้มีการรับ รู้และรับรองว่า ลัทธิประชาธิปไตยเป็นสิทธิมนุษยชนอันหนึ่ง ซี่งเป็นการเปิดโอกาสให้ลัทธิประชาธิปไตยได้รับการสนับสนุนส่งเสริมให้มั่น คงยิ่งขึ้น รวมทั้งกระชับหลักนิติธรรม (Rule of Law) นอกจากนี้ยังมีเรื่องการรับรองว่า การก่อการร้าย (Terrorism) เป็นการกระทำที่ถือว่ามุ่งทำลายสิทธิมนุษยชน ทั้งยังให้ความสนับสนุนมากขึ้นในนโยบายและแผนการที่จะกำจัดลัทธิการถือเชื้อ ชาติและเผ่าพันธุ์ การเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเชื้อชาติ การเกลียดคนต่างชาติอย่างไร้เหตุผล และการขาดอหิงสา (Intolerance) เป็นต้นคำปฎิญญากรุงเวียนนายังชี้ให้เห็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) และการข่มขืนชำเราอย่างเป็นระบบ (Systematic Rape) เป็นต้น [การทูต] |
CSI | เป็นโครงการที่ริเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2545 โดยสำนักศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐอเมริกา ( US Bureau of Customs and Border Protection )ภายใต้กระทรวง Department of Homeland Security มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่สินค้าที่ขนส่งเข้าไปยังสหรัฐ อเมริกา ด้วยการติดตั้งระบบติดตามตู้บรรทุกสินค้าที่มีความเสี่ยงต่อการก่อการร้าย และมีระบบตรวจสอบตู้บรรทุกสินค้าก่อนออกจากประเทศต้นทางไปสู่สหรัฐอเมริกา [การทูต] |
disguised extradition | การส่งผู้ร้ายข้ามแดนแฝง (หรือการผลักดันออกนอกประเทศ) [การทูต] |
double criminality | ความผิดตามกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ ใช้ในกรณีส่งผู้ร้ายข้ามแดน [การทูต] |
Exemption from Customs Duties and Inspection of Diplomatic Mission?s Articles | การยกเว้นจากอากรศุลกากร และการตรวจสิ่งของเครื่องใช้ของคณะผู้แทนทางการทูต การยกเว้นดังกล่าวนี้ไม่ถือว่าเป็นสิทธิ แต่เป็นเรื่องของการแสดงอัธยาศัยไมตรีระหว่งประเทศที่ให้ต่อกันมากกว่า กฎหมายระหว่างประเทศก็มิได้กำหนดพันธะที่จะต้องให้การยกเว้นจากอากรศุลกากร อย่างไรก็ดี รัฐส่วนมากได้แสดงอัธยาศัยไมตรีโดยให้ผู้แทนทางการทูตได้รับการยกเว้นอากร ศุลกากรแก่สินค้าและเครื่องใช้ที่นำเข้ามาใช้ในส่วนตัวเองอนุสัญญากรุง เวียนนาได้ระบุไว้ในมาตรที่ 36 ว่า1. รัฐผู้รับจะอนุญาตให้นำเข้าและอำนวยให้มีการยกเว้นจากอากรศุลกากร ภาษี ตลอดจนค่าภาระที่เกี่ยวข้องทั้งมวล นอกจากค่าภาระในการเก็บรักษา การขนส่งและบริการ ให้ทำนองเดียวกันตามกฎหมายหรือข้อบังคับ ซึ่งรัฐผู้รับอาจกำหนดไว้แก่ก. สิ่งของสำหรับใช้ในทางการของคณะผู้แทนข. สิ่งของสำหรับใช้ส่วนบุคคลของตัวแทนทางการทูต หรือคนในครอบครัวของตัวแทนทางการทูต ซึ่งประกอบเป็นส่วนครัวเรือนของตัวแทนทางการทูต รวมทั้งสิ่งของที่แสดงเจตนาสำหรับการตั้งถิ่นฐานของตัวแทนทางการทูตด้วย2. หีบห่อส่วนบุคคลของตัวแทนทางการทูต ให้ได้รับยกเว้นจากการตรวจตรา นอกจากมีมูลเหตุอันร้ายแรงที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่า หีบห่อส่วนตัวนั้นบรรจุสิ่งของซึ่งไม่อยู่ในข่ายแห่งการยกเว้นที่ได้ระบุไว้ ในวรรค 1 ของข้อนี้ หรือสิ่งของซึ่งการนำเข้าหรือส่งออกนั้นต้องห้ามทางกฎหมาย หรือถูกควบคุมตามข้อบังคับว่าด้วยการกักตรวจโรคของรัฐผู้รับ การตรวจตราเช่นว่านี้ให้กระทำต่อหน้าตัวแทนทางการทูต หรือต่อหน้าผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจของตัวแทนทางการทูตเท่านั้น [การทูต] |
Extradition | การส่งผู้ร้ายข้ามแดน การที่ชาติหนึ่งยอมส่งคนในชาติของตนให้แก่อีกชาติหนึ่ง คือคนในชาติที่ถูกกล่าวหา หรือต้องโทษฐานกระทำความผิดภายนอกเขตแดนของตน และเป็นความผิดที่กระทำขึ้นในเขตอำนาจของอีกชาติหนึ่ง ซึ่งมีความสามารถที่จะตัดสินคดี รวมทั้งลงโทษบุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นข้ออ้างว่า ในกรณีที่ชนชาติหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่าประกอบอาชญากรรมแล้วหลบหนีไปยังต่าง ประเทศนั้น รัฐของผู้ที่ประกอบอาชญากรรมมีสิทธิที่จะขอให้ต่างประเทศนั้นส่งตัวผู้กระทำ ผิดกลับคืนมา เพื่อส่งตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาลงโทษได้ แต่หลายคนยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ในข้อนี้ มีไม่น้อยที่สนับสนุนหลักการที่ว่า กฎหมายระหว่างประเทศมิได้รับรองหน้าที่ที่จะต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดน กล่าวคือ นอกจากสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่มีต่อกันแล้ว กฎหมายระหว่างประเทศมิได้รับรองสิทธิที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่กัน อย่างไรก็ดี ตามสนธิสัญญาที่มีต่อกัน ผู้ร้ายที่หนีความยุติธรรมจะถูกส่งไปให้อีกประเทศหนึ่งตามสนธิสัญญานั้น จักกระทำโดยวิถีทางการทูต ส่วนผู้หลบหนีเจ้าหน้าที่เพราะเหตุผลทางการเมือง จะส่งข้ามแดนอย่างผู้ร้ายไม่ได้ และเมื่อหลบหนีไปยังอีกประเทศหนึ่งได้สำเร็จ ประเทศนั้นๆ มักจะให้อาศัยพักพิงในประเทศของตนเป็นในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง [การทูต] |
extradition | การส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยมีสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศรองรับ [การทูต] |
extraditable offence | ความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ [การทูต] |
Genocide | การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อน เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1946 สมัชชาสหประชาชาติได้ยืนยันเป็นเอกฉันท์ว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือการฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อนนั้นให้ถือเป็นอาชญากรรม ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งโลกที่บรรลุความเจริญแล้วประณามอย่างรุนแรงอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกัน และการลงโทษอาชญากรรมเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ สมัชชาสหประชาชาติได้ลงมติรับรองเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1948 อนุสัญญานี้ได้นิยามคำว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) หมายถึงการประกอบอาชญากรรมบางอย่าง โดยมีเจตนาที่จะทำลายล้างกลุ่มชนชาติ กลุ่มเผ่าพันธุ์ กลุ่มเชื้อชาติ หรือกลุ่มศาสนา ในบางส่วนหรือทั้งหมดก็ตาม การประกอบกรรมซึ่งถือเป็นการฆ่าล้างชาตินั้นได้แก่ การฆ่า การทำให้เกิดความเสียหายอย่างสาหัส ทั้งต่อร่างกายหรือจิตใจ และการบังคับให้มีสภาวะการครองชีพที่เจตนาจะให้ชีวิตร่ายกายถูกทำลาย ไม่ว่าจะเพียงส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดก็ตาม ตลอดจนออกมาตรการกีดกันมิให้มีลูกและโยกย้ายเด็ก ๆ ไม่เพียงแต่การฆ่าล้างชาติอย่างเดียว หากแต่การคบคิดหรือการยุยงให้มีการฆ่าล้างชาติ รวมทั้งความพยายามที่จะฆ่าล้างชาติและสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมดังกล่าว ย่อมถูกลงโทษได้ตามนัยแห่งอนุสัญญานี้ บรรดาผู้ที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกลงโทษไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ ปกครอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง หรือเอกชนส่วนบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดของตามกฎหมายก็ตามบรรดาประเทศที่ภาคี อนุสัญญานี้จำเป็นต้องออกกฎหมายของตนเพื่อรองรับ และจะต้องตกลงเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนในกรณีที่บุคคลนั้นๆ มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติ และบุคคลที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกพิจารณาลงโทษในประเทศที่มีการ ประกอบอาชญากรรมดังกล่าวขึ้น หรือโดยศาลระหว่างประเทศที่มีอำนาจครอบคลุมถึงเจตนารมณ์ของสนธิสัญญานี้ เพื่อต้องการป้องกัน และลงโทษอาชญากรรมฆ่าล้างชาติ ไม่ว่าจะประกอบขึ้นในยามสงครามหรือในยามสงบก็ตามอนุสัญญาดังกล่าวได้เริ่มมี ผลบังคับเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1951 เป็นเวลา 90 วันหลังจากที่ 20 ประเทศได้ให้สัตยาบัน หรือให้ภาคยานุวัติตามที่ระบุอยู่ในอนุสัญญา อนุสัญญานี้จะมีผลบังคับเป็นเวลา 10 ปี และมีการต่ออายุสัญญาทุก 5 ปี สำหรับประเทศที่มิได้บอกเลิกสัญญา หากประเทศที่ยังเป็นภาคีอนุสัญญามีจำนวนเหลือไม่ถึง 16 ประเทศ อนุสัญญานี้จะเลิกมีผลบังคับทันที [การทูต] |
international terrorism | การก่อการร้ายสากล [การทูต] |
New Diplomacy | การทูตแบบใหม่ ภายหลังสงครามโลกครั้งแรก หรือตั้งแต่ ค.ศ. 1918 เป็นต้นมา ได้เกิดการทูตแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างไปจาการทูตแบบเก่า อันได้ปฏิบัติกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี นักวิชาการบางท่านมีความเอนเอียงที่จะตำหนิว่า การที่เกิดสงครามโลกขึ้นนั้น เป็นเพราะการทูตประสบความล้มเหลวมากกว่าอย่างไรก็ดี บางท่านเห็นว่าแม้ส่วนประกอบของการทูตจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่เนื้อหาหรือสาระสำคัญของการทูตยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างการทูตแบบเก่ากับการทูตแบบใหม่อาจกล่าวได้ ว่า มีปัจจัยสำคัญ ๆ อยู่สามประการ ที่มีอิทธิพลหรือบังเกิดผลโดยเฉพาะต่อวิธีการหรือทฤษฎีของการเจรจาระหว่าง ประเทศ กล่าวคือ ข้อแรก ชุมชนนานาชาติทั้งหลายเกิดการตื่นตัวมากขึ้น ข้อที่สอง ได้มีการเล็งเห็นความสำคัญของมติสาธารณะ ( Public Opinion) มากขึ้น และประการสุดท้าย เป็นเพราะการสื่อสารคมนาคมได้เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วอดีตนักการทูตผู้มี ชื่อเสียงคนหนึ่งของอินเดีย ได้แสดงความไม่พอใจและรังเกียจความหยาบอย่างปราศจากหน่วยก้านของการดำเนิน การทูตแบบใหม่ เช่น การโฆษณาชวนเชื่อเข้าใส่กัน การใช้ถ้อยคำในเชิงผรุสวาทต่อกัน การเรียกร้องกันอย่างดื้อ ๆ ขาดความละมุนละไมและประณีต อาทิเช่น การเรียกร้องข้ามหัวรัฐบาลไปยังประชาชนโดยตรงในค่ายของฝ่ายตรงกันข้ามการ กระทำต่าง ๆ ที่จะให้รัฐบาลต้องเสียชื่อหรือขาดความน่าเชื่อถือ ตลอดจนการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ห้ามไม่ให้ประชาชนติดต่อกันทางสังคม และอื่น ๆ เป็นต้น [การทูต] |
New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] |
Personal Inviolability of Diplomatic Agents | หมายถึง ตัวบุคคลของตัวแทนทางทูตจะถูกละเมิดมิได้ กล่าวคือ มาตรา 29 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้ว่า ?ตัวบุคคลของตัวแทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้ ตัวแทนทางการทุตจะไม่ถูกจับกุมหรือกักขังในรูปใด ๆ ให้รัฐผู้รับปฏิบัติต่อตัวแทนทางการทูตด้วยความเคารพตามสมควร และดำเนินการที่เหมาะสมทั้งมวลที่จะป้องกันการประทุษร้ายใด ๆ ต่อตัวบุคคล เสรีภาพ หรือเกียรติของตัวแทนทางการทูต?ตัวบุคคลของตัวแทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้ นั้น ได้ถือเป็นปัจจัยหลักในการที่ให้ผู้แทนทางการทูตได้รับสิทธิและความคุ้มกัน ทั้งมวล ถึงกับมีการพูดกันว่า ผู้ใดประทุษร้ายต่อตัวเอกอัครราชทูต จักถือว่าเป็นการทำร้ายต่อประมุขของประเทศซึ่งผู้แทนทางการทูตผู้นั้นเป็น ตัวแทนอยู่ ทั้งยังถือว่าเป็นการยังผลร้ายต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชาติทั้ง มวลด้วยตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1964 ชายหนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งมีจิตวิปลาส ได้ใช้มีดแทง นายเอ็ดวิน โอไรส์ชาวเออร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศญี่ปุ่น ในเขตนอกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงโตเกียว รัฐมนตรีว่าการกระทวงมหาดไทยญี่ปุ่นได้ลาออกจากตำแหน่งทันทีและรุ่งขึ้นใน วันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1964 นายอิเคดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในสมัยนั้น ได้ทำการขอโทษต่อประชาชนชาวอเมริกันทางวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการดำเนินการในทำนองนี้ และการที่นายกรัฐมนตรีอิเคดะได้ปฏิบัติดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า การที่ตัวบุคคลของผู้แทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้นั้น มีความสำคัญมากเพียงใดตัวแทนทางการทูตจะถูกจับ ถูกฟ้องศาล หรือถูกลงโทษฐานประกอบอาชญากรรมนั้นไม่ได้ เพราะถือว่าผู้แทนทางการทูตมิได้อยู่ในอำนาจศาลของรัฐผู้รับ อย่างไรก็ดี หากผู้แทนทางการทูตกระทำความผิดอย่างโจ่งแจ้ง รัฐผู้รับอาจขอให้รัฐผู้ส่งเรียกตัวกลับไปยังประเทศของเขาได้ในทันที [การทูต] |
Political Offenses | ความผิดทางการเมือง หลักการข้อหนึ่งของการส่งตัวผู้กระทำความผิดไปให้อีก ประเทศหนึ่ง หรือที่เรียกว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดน คือ ผู้ที่กระทำผิดทางการเมืองจะถูกส่งข้ามแดนไปให้อีกประเทศหนึ่งไม่ได้เป็นอัน ขาด แต่อย่างไรก็ดี มีปัญหาในปฏิบัติคือว่า จะแยกความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างความผิดทางการเมือง กับที่มิใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง นักวิชาการบางท่านนิยามความหมายของคำว่าความผิดทางการเมืองไว้ว่า คือ ความผิดฐานกบฏ (Treason) ซึ่งในกฎหมายของหลายประเทศหมายถึงการประทุษร้าย หรือพยายามประทุษร้ายต่อประมุขของประเทศ หรือช่วยฝ่ายศัตรูทำสงครามกับประเทศของตน ความผิดฐานปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ (Sedition) หรือการประกอบจารกรรม (Espionage) อันเป็นการคุกคามต่อความั่นคงหรือต่อระบบการปกครองของประเทศผู้ร้องขอ (หมายถึงประเทศที่ร้องขอให้ส่งตัวผู้กระทำผิดไปให้ในลักษณะผู้ร้ายข้ามแดน) ไม่ว่าจะกระทำโดยคนเดียวหรือหลายคนก็ตาม [การทูต] |
Potsdam Proclamation | คือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต] |
rule of speciality/specialty | หลักเกณฑ์ว่าด้วยการพิจารณาความผิดเฉพาะเรื่อง หลักเกณฑ์ไม่ให้ลงโทษผู้ร้ายข้ามแดนในความผิดอื่น นอกเหนือจากความผิดที่ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน [การทูต] |
Termination of Mission of Diplomatic Agent | ภารกิจของผู้แทนทางการทูตหรือหัวหน้าคณะทูตจะสิ้น สุดลง 1. ระยะเวลาที่ผู้แทนทางการทูตได้รับแต่งตั้งให้ประจำอยู่ในประเทศผู้รับได้ครบ กำหนดตามวาระ2. เมื่อวัตถุประสงค์ของภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติได้สัมฤทธิผลเรียบ ร้อยแล้ว3. ถูกเรียกตัวกลับเนื่องจากต้องโยกย้ายไปที่อื่น หรือลาออก หรือเนื่องจากครบเกษียณอายุ4. ถูกเรียกตัวกลับเนื่องจากไม่เป็นที่พอใจของรัฐบาลของตน หรือกระทำตามคำขอร้องของรัฐบาลของประเทศผู้รับ ซึ่งเขาได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงานอยู่5. เนื่องจากการเสด็จสวรรคตของพระมหากษัตริย์ของประเทศตน หรือประเทศที่ตนได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงาน6. หากตัวเขาเองได้กระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศบางอย่าง หรือเนื่องจากเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่คาดไม่ถึง และมีลักษณะร้ายแรงจริง ๆ ตัวเขาเองจะต้องรับผิดชอบในการตัดความสัมพันธ์7. เมื่อรัฐบาลผู้รับ ซึ่งตัวเขาได้รับแต่งตั้งให้ประจำทำงานอยู่นั้น แล้วจะด้วยเหตุผลอย่างใดก็ตาม ได้แจ้งให้เขาเดินทางออกไปจากประเทศในทันที โดยไม่ต้องระให้รัฐบาลของตนเรียกตัวกลับ8. เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของผู้แทนทางการทูต ดังเช่น ได้รับเลื่อนตำแหน่งจากอัครราชทูตขึ้นเป็นเอกอัครราชทูต9. เนื่องจากเกิดสงครามขึ้นระหว่างรัฐทั้งสอง10. เนื่องจากถูกถอดจากตำแหน่ง หรือสละราชบัลลังก์ของประมุขของประเทศใดประเทศหนึ่ง 11. เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในประเทศใดประเทศหนึ่ง จากระบบพระมหากษัตริย์เป็นระบบสาธารณรัฐ หรือเป็นระบบสาธารณรัฐอันมีประมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้กฎหมาย12. เนื่องจากรัฐใดรัฐหนึ่งของทั้งสองรัฐต้องสูญสภาวะในการเป็นรัฐเหตุผลข้างต้น ทั้งหมดนี้ เป็นทรรศนะของเซอร์เออร์เนสท์ ซาทาว ซึ่งได้ให้ไว้ในหนังสือของท่าน ชื่อว่า ?A Guide to Diplomatic Practice? ฉบับเรียบเรียงใหม่ครั้งที่ 4 โดยเซอร์เนวิลล์ แบลนด์ [การทูต] |
War Crimes | อาชญากรรมสงคราม ตามกฎบัตรต่อท้ายความตกลงว่าด้วยการพิจารณาลงโทษ อาชญากรสางคามที่สำคัญ ๆ ของฝ่ายอักษะยุโรป (European Axis) การกระทำต่อไปนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามคือ การละเมิดกฎหมายหรือประเพณีของการสงคราม เช่น การฆ่า การปฏิบัติอันโหดร้าย หรือการขับคนไปทำงานเยี่ยงทาส หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ซึ่งกระทำต่อราษฎรพลเรือนของดินแดนที่ถูกยึดครอง การฆ่าหรือปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อเชลยศึกหรือบุคคลในท้องทะเล การฆ่าตัวประกัน การปล้นสะดมทรัพย์สินสาธารณะหรือส่วนบุคคล การทำลายล้างตัวเมืองหรือหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นในแง่การทหาร [การทูต] |
Work of the United Nations on Human Rights | งานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต] |
Bioterrorism | การก่อการร้ายชีวภาพ, การก่อการร้ายชีวภาพ การก่อการร้ายที่ข่มขู่หรือตั้งใจใช้สารชีวภาพ เช่น เชื้อโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรียหรือไวรัส) หรือชีวพิษ, Example: การก่อการร้าชีวภาพ สร้างความกลัวให้กับกลุ่มคนเป้าหมายหรือสังคมโดยรวม โดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจได้มาจากธรรมชาติหรืออยู่ในรูปที่ดัดแปลงโดยมนุษย์ก็ได้ และอาจใช้ในรูปฝุ่น ผง หรือทำให้ปนเปื้อนไปกับอาหารหรือน้ำ เป็นต้น [เทคโนโลยีชีวภาพ] |
Adenoma, Islet Cell | เนื้องอกของไอซ์เลทส์เซลล์ชนิดไม่ร้าย, เนื้องอกไอซ์เลท [การแพทย์] |
Anemia, Aplastic | เลือดจางอะพลาสติก, โลหิตจางชนิดอพลาสติค, โรคไขกระดูกไม่ทำงาน, โลหิตจางอพลาสติค, โลหิตจางอะพลาสติก, อพลาสติคอนีเมีย, อพลาสติคแอนีเมีย, โรคโลหิตจางที่ไม่มีการเกิดใหม่ของเม็ดเลือดแดง, โลหิตจางเนื่องจากไขกระดูกไม่ทำงาน, โรคโลหิตจาง, ไขกระดูกไม่สร้างเม็ดเลือด, โรคโลหิตจางแบบร้ายแรง [การแพทย์] |
Anemia, Pernicious | โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง, โรคโลหิตจางแบบเพอร์นิเชียส, โรคเลือดจางอย่างร้าย, โรคโลหิตจางอย่างแรง, โรคเลือดจางแบบร้าย, โลหิตจางร้ายแรง, โรคโลหิตจาง, โลหิตจางชนิดเพอนิเซียส, โรคโลหิตจางเพอร์นีเชียส, โรคโลหิตจางอย่างร้ายแรง, โรคโลหิตจางอย่างแรง, โรคเลือดจางอย่างร้าย, เปอร์นิเซียสอะนีเมีย, โลหิตจางแบบเพอร์นิเชียส, เลือดจางเปอร์นิเชียส [การแพทย์] |
Anemia, Primary | โลหิตจางร้ายแรง [การแพทย์] |
Apathy | ไม่ยินดียินร้าย, เฉยเมยไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น, อาการเฉยเมย, เฉยเมย, อารมณ์เฉยชา, ความเฉยเมยเซื่องซึม [การแพทย์] |
Assault and Battery | มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย [การแพทย์] |
อาฆาตมาดร้าย | [ākhātmatrāi] (v) EN: have a great malice |
อำนาจชั่วร้าย | [amnāt chūarāi] (n, exp) EN: evil power |
อารมณ์ร้าย | [ārom rāi] (adj) EN: bad-tempered ; hot-tempered ; bad disposition |
ชะตาร้าย | [chatā rāi] (n, exp) EN: bad luck FR: malheur [ m ] |
โชคร้าย | [chōkrāi] (n) EN: bad luck ; misfortune FR: malchance [ f ] ; infortune [ f ] ; mauvaise fortune [ f ] ; déveine [ f ] (fam.) ; poisse [ f ] (fam.) ; guigne [ f ] (fam.) ; guignon [ m ] (fam. - vx) ; cerise [ f ] (arg.) |
ชั่วร้าย | [chūarāi] (adj) EN: wicked ; bad ; low ; evil ; sinful FR: méchant ; malveillant |
ดาวร้าย | [dāo rāi] (n, exp) EN: bad character |
ดุร้าย | [durāi] (adj) EN: fierce FR: féroce ; cruel |
ฝันร้าย | [fan rāi] (n, exp) EN: nightmare ; bad dream FR: cauchemar [ m ] ; mauvais rêve [ m ] ; rêve affreux [ m ] |
ฝันร้าย | [fan rāi] (v, exp) EN: have a nightmare ; have bad dreams FR: faire des cauchemars ; faire de mauvais rêves ; cauchemarder (fam.) |
ให้ร้าย | [hairāi] (v, exp) EN: defame ; malign ; slander ; smear ; vilify ; abuse FR: calomnier ; diffamer |
เหตุการณ์ร้ายแรง | [hētkān rāiraēng] (n, exp) EN: tragedy FR: tragédie [ f ] |
โหดร้าย | [hōtrāi] (adj) EN: cruel ; pitiless ; brutal ; atrocious ; vicious ; heartless ; ruthless ; insensate ; unkind FR: cruel ; atroce ; sans pitié ; brutal ; insensible |
จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย | [jāi ngoen yāng suruisurāi] (v, exp) EN: throw money out of the window FR: jeter l'argent par la fenêtre/les fenêtres |
ใจร้าย | [jairāi] (adj) EN: evil-minded ; cruel ; wicked ; merciless ; pitiless ; vicious ; heartless ; unkind ; mean FR: mauvais ; méchant |
ใจร้ายจัง | [jairāi jang] (xp) EN: you are wicked ! ; how could you ! |
เจตนาร้าย | [jēttanā rāi] (n, exp) EN: evil intentions ; ill-will FR: mauvaises intentions [ fpl ] ; intention malveillante [ f ] |
เจตนาร้าย | [jēttanā rāi] (x) EN: with malice ; with evil intent ; malicious |
โจรผู้ร้าย | [jōn phūrāi] (n) EN: criminal ; thief ; robber ; bandit ; burglar FR: bandit [ m ] ; voleur [ m ] ; criminel [ m ] |
การลอบทำร้าย | [kān løpthamrāi] (n, exp) EN: ambush |
การสมมติสภาพที่เลวร้ายที่สุด | [kān sommot saphāp thī lēorāi thīsut] (n, exp) EN: worst-case scenario |
การส่งผู้ร้ายข้ามแดน | [kān song phūrāi khām daēn] (n, exp) EN: extradition FR: extradition [ f ] |
คำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน | [khamrøngkhø hai song phūrāi khām daēn] (n, exp) EN: extradition request |
ขั้นร้ายแรงมาก | [khan rāiraēng māk] (n, exp) EN: critical stage |
ข่าวร้าย | [khāo rāi] (n, exp) EN: bad news FR: mauvaise nouvelle [ f ] |
คิดร้าย | [khit rāi] (v, exp) EN: have malice ; have wicked intentions ; harbour evil designings ; harbour evil thoughts FR: être animé de mauvaises intentions |
ข่มเหงคะเนงร้าย | [khomhēngkhanēngrāi] (v) EN: bully ; annoy ; persecute ; hector |
คนชั่วร้าย | [khon chūarāi] (n, exp) EN: ruffian |
คนร้าย | [khonrāi] (n) EN: outlaw ; criminal ; malefactor FR: malfaiteur [ m ] |
ข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน | [khøtoklong song phūrāi khām daēn] (n, exp) EN: extradition treaty FR: traité d'extradition [ m ] |
เคราะห์ร้าย | [khrǿrāi] (n) EN: misfortune ; unfortunate ; adversity ; bad luck ; misadventure ; mischance FR: malheur [ m ] ; malchance [ f ] |
ความชั่วร้าย | [khwām chūarāi] (n) EN: malignance ; vice ; wickedness ; viciousness ; atrocity ; evilness ; harm ; badness FR: méchanceté [ f ] ; malveillance [ f ] |
ความดุร้าย | [khwām durāi] (n) EN: cruelty FR: cruauté [ f ] ; férocité [ f ] |
ความโหดร้าย | [khwām hōtrāi] (n) EN: ferocity ; wickedness ; cruelness FR: cruauté [ f[ ; atrocité [ f ] |
ความใจร้าย | [khwām jairāi] (n) EN: meanness |
ความเลวร้าย | [khwām lēorāi] (n) EN: vileness |
ก่อการร้าย | [køkān rāi] (v, exp) EN: terrorize ; cause terrorism ; cause violence FR: causer des violences |
ลางร้าย | [lāng rāi] (n, exp) FR: mauvais présage [ m ] ; mauvais augure [ m ] |
เลวร้าย | [lēorāi] (v) EN: be bad |
เลวร้ายที่สุด | [lēorāi thīsut] (adj) EN: worst-case FR: pire |
ลอบทำร้าย | [løpthamrāi] (v) EN: ambush |
มีเจตนาร้าย | [mī jēttanā rāi] (adj) EN: hateful |
มองในแง่ร้าย | [møng nai ngae rāi] (v, exp) EN: look at the dark side ; be pessimistic FR: être pessimiste ; voir le mauvais côté des choses |
เนื้อร้าย | [neūarai] (n, exp) EN: cancer ; malignant tumor ; gangrene FR: cancer [ m ] ; tumeur maligne [ f ] ; gangrène [ f ] |
แง่ร้าย | [ngae rāi] (v) EN: pessimism ; inclination to expect the worst FR: pessimisme [ f ] |
งูเหลือมผ้าร้าย | [ngū leūam phā rāi] (n, exp) EN: Dog-toothed Cat Snake |
ปากร้าย | [pāk rāi] (v) EN: be sharp-tongued ; be foul-mouthed ; be given to abuses ; be bitter of speech FR: être mauvaise langue |
เป็นลางร้าย | [pen lāng rāi] (v) EN: bode ill ; be ill-omened |
เป็นลางร้าย | [pen lāng rāi] (adj) EN: sinister |
ผีร้าย | [phī rāi] (n, exp) FR: esprit malfaisant [ m ] ; génie malfaisanrt [ m ] |
abuse | (vt) สบประมาท, See also: ดูถูก, ครหา, กล่าวร้าย, ประจาน, ผรุสวาท, Syn. revile, malign |
abyss | (n) สถานการณ์ที่เลวร้าย |
accident | (n) เหตุร้าย, See also: อุปัทวเหตุ |
acute | (adj) รุนแรง, See also: หนัก, ร้ายแรง, อย่างแรง, สาหัส, Syn. severe, serious |
allege | (vt) กล่าวหา, See also: กล่าวโทษ, กล่าวร้าย, ปรักปรำ |
allege | (vi) กล่าวหา, See also: กล่าวโทษ, กล่าวร้าย, ปรักปรำ, Syn. assert, affirm |
ambush | (n) การซุ่มโจมตี, See also: การดักลอบทำร้าย, การโจมตีที่ไม่ได้คาดคิด, Syn. ambuscade |
ambush | (n) ผู้ที่ดักลอบทำร้าย |
animal | (n) คนที่หยาบคาย, See also: คนที่โหดร้ายทารุณคล้ายสัตว์ |
anthrax | (n) โรคติดต่อร้ายแรงในสัตว์เลี้ยง (เช่น วัว ควาย), See also: โรคแอนแทร็คซ์ |
apotropaic | (adj) ที่ขจัดความชั่วร้าย |
assassin | (n) ผู้ร้ายที่ลอบฆ่า, See also: ผู้ที่ลอบสังหาร, ผู้สังหาร, ผู้ฆ่า, Syn. murderer, slayer, butcher |
assault | (n) การจู่โจม, See also: การโจมตี, การทำร้ายร่างกาย, Syn. attack, charge, onslaught |
atrocious | (adj) เหี้ยมโหด, See also: โหดร้าย, เลวร้าย, ป่าเถื่อน, Syn. cruel, brutal |
awfully | (adv) อย่างเลวร้าย, Syn. poorly, horribly, badly |
add insult to injury | (idm) ทำให้เลวร้ายขึ้น (โดยเฉพาะทำให้เศร้าเสียใจ, ทำให้อันตรายมากขึ้น) |
augur ill | (phrv) เป็นลางร้าย, See also: เป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดี, เป็นนิมิตร้าย, Syn. bode ill |
backbite | (vt) นินทาลับหลัง, See also: พูดให้ร้าย, ลอบกัด, ทำลายชื่อเสียง, Syn. scandalize |
backbiting | (n) การนินทาลับหลัง, See also: การพูดให้ร้าย, การลอบกัด, Syn. calumny, slander |
bad | (adj) เลว, See also: ชั่ว, เลวทราม, ชั่วช้า, แย่, ไม่ดี, เลวร้าย, เป็นอันตราย, Syn. wicked, immoral, Ant. moral |
bad guy | (n) ผู้ร้าย, See also: คนชั่ว, คนไม่ดี, Syn. baddy, Ant. good guy, brick |
baddie | (n) ผู้ร้าย, See also: คนชั่ว, คนไม่ดี, Syn. bad guy, Ant. goody |
baddy | (n) ผู้ร้าย, See also: คนชั่ว, คนไม่ดี, Syn. baddy, Ant. goody |
bad-mouth | (vt) พูดให้ร้ายคนอื่น |
badness | (n) ความเลว, See also: ความชั่วร้าย, Syn. evil, wickedness, Ant. goodness |
baleful | (adj) มุ่งร้ายหรือร้ายกาจ, See also: ทำให้เกิดอันตราย, Syn. baleful, baneful, harmful |
bandit | (n) ผู้ร้าย, See also: โจร, Syn. highwayman, thief |
banditry | (n) การขโมยและก่อความรุนแรงของผู้ร้าย |
barbarian | (n) คนหยาบคาย, See also: คนโหดร้าย, Syn. boor, fiend |
barbarize | (vt) กระทำป่าเถื่อน, See also: ทำโหดร้าย, Syn. brutalize |
barbarous | (adj) ป่าเถื่อน, See also: หยาบคาย, โหดร้าย, ดุร้าย, Syn. uncivilized, Ant. civilized |
barbarous | (adj) ป่าเถื่อน, See also: โหดร้าย, ดุร้าย, โหดเหี้ยม, Syn. uncivilized, barbaric |
barracuda | (n) ปลาทะเลบาราคิวดาตระกูล Sphyraena, See also: ดุร้ายและมีฟันแหลมคม |
base | (adj) ต่ำช้า, See also: เลวทราม, ชั่ว, ร้าย, เลวร้าย, เลวทราม, Syn. immoral, Ant. moral |
battered | (adj) ซึ่งโหดร้าย, See also: ซึ่งทารุณ, ทุบตีอย่างทารุณ |
battery | (n) การทำร้ายร่างกาย, See also: การโจมตี, การต่อสู้ |
bear | (n) คนอารมณ์ร้าย |
beast | (n) คนเลวทราม, See also: คนซึ่งร้าย, คนดุร้ายเหมือนสัตว์, มนุษย์ร้ายกาจ, Syn. fiend |
bestial | (adj) โหดร้ายและน่าขยะแขยง |
bitchy | (adj) ซึ่งพูดให้ร้ายคนอื่น |
black | (adj) ชั่วร้าย, Syn. evil, wicked |
black magic | (n) เวทมนตร์ชั่วร้าย, See also: คาถาที่ใช้ในทางชั่วร้าย, คุณไสย, Syn. conjuration, enchantment |
blunder | (n) การทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงเนื่องจากความสะเพร่า, Syn. gaffe |
bombard | (vt) โจมตีโดยการใช้ระเบิดหรือปืนที่มีอานุภาพร้ายแรง, See also: ถล่ม, กระหน่ำ, จู่โจม, Syn. assail, attack |
bombardment | (n) การโจมตีโดยการใช้ระเบิดหรือปืนที่มีอานุภาพร้ายแรง, Syn. attack |
boomerang | (n) สิ่งที่ให้ผลร้ายแบบไม่คาดคิดแก่ผู้ที่ทำหรือพูดออกไป, Syn. backfire |
boomerang | (vi) ส่งผลร้ายย้อนกลับมา, Syn. backfire |
broken-down | (adj) สภาพเลวร้ายมาก, See also: เหนื่อยและป่วยมาก |
bruised | (adj) ถูกทารุณ, See also: ถูกทำร้ายร่างกาย |
brutal | (adj) โหดร้าย, See also: รุนแรง, Syn. cruel, Ant. kindly |
abuse | (อะบิวซ) vt., n. ใช้ในทางผิด, ใช้มากเกินไป, ใช้เป็นโทษ, หลอกลวง, ข่มขืน, ชำเรา, กล่าวร้าย. -abusive adj., -abuser n. |
accursed | (อะเคอร์' ซิค) adj. ถูกสาปแช่ง, เคราะห์ร้าย, น่าชิงชัง, อัปรีย์. -accursedness n., Syn. cursed, doomed, condemned |
acute | (อะคิวทฺ') adj. แหลม, คม, รุนแรง, เข้มข้น, เหี้ยม, เฉียบแหลม, มีไหวพริบดี, ไว, มีมุมนแหลม, ตาคมกริบ, ร้ายแรง, เสียงสูง. -acuteness n., Syn. keen, intense, Ant. dull, mild |
adiaphorous | (แอดดิแอฟ' ฟอรัส) adj. ไม่ดีและไม่ร้ายต่อ (doing neither good nor harm) |
adverse | (แอดเวอส', แอด' เวอส) adj. ตรงกันข้าม, เป็นปฏิปักษ์, เป็นผลร้าย, เสียเปรียบ, หันไปทางแกน, ในทิศทางตรงข้าม. -adverseness n., Syn. opposing, damaging |
adversity | (แอดเวอ' ซีที) n. ความเคราะห์ร้าย, ภัยพิบัติ, Syn. misfortune, calamity |
afreet | (แอฟ' รีท , อะฟรีท') n. ปีศาจร้ายในนิยายอาหรับ (monster, afrit) |
alehouse | (เอล' เฮาซฺ) n. ร้ายขายเหล้าที่มี ale ขาย |
amazon | (แอม' มะซอน) n. แม่น้ำอะเมซอนในภาคเหนือของอเมริกาใต้, หญิงที่ดุร้ายและตัวสูงใหญ่. -Amazonian adj. |
ambsace | (แอม' เซส) n. โชคร้าย, ระยะทางที่สั้น ที่สุด . ปริมาณที่น้อยที่สุด, ระยะทางที่สิ้นที่สุด, ของที่มีมาตรฐานต่ำสุด, ของที่ไร้ค่าที่สุด |
ambuscade | (แอมบัสเคด') n., vt., vi. การซุ่มโจมตี, การคอยดักทำร้าย. -ambuscader n., Syn. ambush |
ambush | (แอม' บุช) n., vt. การซุ่มโจมตี, การคอยดักทำร้าย, ที่ที่คอยดักทำร้าย, ที่ซุ่มโจมตี, ผู้ซุ่มโจมตีหรือทำร้าย, ซุ่มโจมตีหรือทำร้าย. -ambusher n. -ambushlike adj., Syn. waylaying, hiding, cover |
animal | (แอน' นิเมิล) n. สัตว์, คนที่คล้ายสัตว์, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, คนที่โหดร้ายคล้ายสัตว์. -adj. เกี่ยวกับสัตว์. -animalic, animalian adj., Syn. creature, beast, Ant. human |
anthrax | (แอน' แธรค') n., (pl. -thraces) โรคติดต่อร้ายแรงในสัตว์เลี้ยง (วัวควาย และอื่น ๆ) เนื่องจากเชื้อ Bacillus anthracis, โรคฝีฝักบัวร้ายแรงในคน, โรคกาลีในสัตว์ |
apotropaic | (แอพพะโทรเพ'อิด) adj. เพื่อขนัดสิ่งชั่วร้าย (intended to avert evil) |
arraign | (อะเรน') vt. นำตัวมาขึ้นศาล, กล่าวหา, กล่าวร้าย-arraigner n. (charge, accuse) |
arrant | (แอร์'เรินทฺ) adj. เหลือเกิน, อย่างที่สุด, โดยสิ้นเชิง, ตลอด, ร้ายกาจ, Syn. flagrant, egregious, base, Ant. proper, decent |
asperse | (อัสเพิร์ส') vt. ใส่ร้าย, ป้ายร้าย, พรมน้ำ -asperser n. -aspersive adj. |
aspersion | (อัสเพอ'เชิน, -เชิน) n. ข้อกล่าวหา, การใส่ร้าย, การป้ายร้าย, การพรมน้ำมนต์ |
assail | (อะเซล') vt. โจมตี, ป้ายร้าย, รุกราน, กล่าวหา, ทำร้าย-assailer, assailment n. |
assailant | (อะเซ'เลินทฺ) n. ผู้โจมตี, ผู้ป้ายร้าย |
atheism | (เอ'ธีอิสซึม) n. ความเชื่อที่ว่าไม่มีพระเจ้า, ความไม่มีพระเจ้า, ความชั่วร้าย |
atrocious | (อะโทร'เชิส) adj. โหดร้าย, ชั่วร้าย, น่ากลัว, ดุร้าย, เลวร้าย, ข่มขืนใจสตรี. |
atrocity | (อะทรอส'ซิที) n. ความโหดร้าย, ความชั่วภัย, ความน่ากลัว, ความดุร้าย, สิ่งชั่วร้าย, การกระทำที่ชั่วร้าย, Syn. enormity, outrage, crime |
attack | (อะแทค') vt., vi., n. โจมตี, เข้าตี, ทำร้าย, เล่นงาน, ลงมือทำ, (โรค) เป็น, (ไข้) จับ, ลงมือทำ, เริ่มขึ้น, เริ่มต้น, ข่มขืน, พยายามข่มขืน |
awesome | (ออ'ซัม) adj. น่ากลัว, ทำให้น่ายำเกรง, ร้ายแรง. -awesomeness n. |
babylon | (แบบ'บิลอน) n. เมืองหลวงของBabylonis โบราณ, เมืองที่มีความหรูหราฟุ่มเฟือยและชั่วร้าย |
bad | (แบด) adj. เลว, ร้าย, Syn. evil, Ant. upright -Conf. bade, ill |
bad-tempered | (แบด'เทมเพิร์ดฺ) adj. อารมณ์ร้าย, อารมณ์ไม่ดี, Syn. irritable |
badly | (แบด'ลี) adj., adv. เลว, ร้าย, บกพร่อง, ไม่ถูกต้อง, มีอารมณ์กลัดกลุ้ม, ป่วย, Syn. not well |
bale | (เบล) n. ห่อใหญ่, มัดใหญ่, ม้วนใหญ่, ความชั่ว, ความหายนะ, ความเคราะห์ร้าย, ความทุกข์ทรมาน, ความเสียใจ vt. บรรจุหีบห่อ, See also: baler, n. |
baleful | (เบล'ฟูล) adj. มุ่งร้าย, ร้ายกาจ, ชั่วร้าย, Syn. evil, sinister, Ant. good |
barbarity | (บาร์แบร์'ริที) n. ความโหดร้าย, การกระทำที่โหดร้าย, ความทารุณ, ความหยาบ, Syn. savagery |
bastard | (แบส'เทิร์ด) n. ลูกไม่มีพ่อ, ลูกนอกกฎหมาย, พันทาง, สิ่งสารเลว, สิ่งปลอมแปลง, วายร้าย, อ้ายชั่ว adj. เกิดแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย, ผิดปกติ, พิกล, เลว, ปลอม, เชื่อถือไม่ได้, ทำให้ผิดกฎหมาย), See also: bastardly adj. ดูbastard bastardy n. ดูbastard |
bearish | (แบ'ริช) adj. คล้ายหมี, หยาบ, งุ่มง่าม, อารมณ์ร้าย, Syn. clumsy |
belligerent | (บะลิจ'เจอเรินทฺ) adj. ชอบสงคราม, ทำสงคราม, มุ่งร้าย, ก่อสงคราม n. ภาวะสงคราม, ฝ่ายที่เข้าทำสงคราม, Syn. pugnacious, Ant. pacific |
bespatter | (บิสแพท'เทอะ) { bespattered, bespattering, bespatters } vt. ทำให้เปื้อน, ทำให้เป็นจุด ๆ , สาด, สาดโคลน, ให้ร้าย, โปรย, Syn. soil, make sparkle |
bestial | (เบส'เชิล) adj. เกี่ยวกับสัตว์ป่า, เหมือนสัตว์ป่า, โหดร้าย, ทารุณ, ซึ่งไร้เหตุผล, ไร้ปัญญา, Syn. animalistic, Ant. human, humane |
bile | (ไบลฺ) n. น้ำดี, อารมณ์ร้าย, Syn. peevishness |
bilious | (บิล'เยิส) adj. เกี่ยวกับน้ำดี, ซึ่งมีน้ำดีออกมากผิดปกติ, เป็นโรคตับหรือน้ำดี, มีอารมณ์ร้าย |
bitch | (บิทชฺ) n. สุนัขตัวเมีย, แม่สุนัข, หญิงร้ายที่เห็นแก่ตัว, หญิงสำส่อน, หญิงเลว, See also: bitchy adj. ดูbitch bitchiness n. ดูbitch |
bitchy | (บิท'ชี) adj. เกี่ยวกับสุนัขตัวเมียหรือแม่สุนัข, ร้าย., See also: bitchiness n. |
black | (แบลค) { blacked, blacking, blacks } adj. ด่า, สีดำ, สวมเสื้อสีดำ, เกี่ยวกับนิโกร, เปื้อน, ผิวดำ, มุ่งร้าย, เป็นอันตราย, แห้งแล้ง, มลทิน, ด่างพร้อย, มืดมน, นิโกร, อารมณ์เสีย, ไม่ใส่ครีม (กาแฟ) n. คนผิวดำ, จุดดำ, เครื่องดำ, เครื่องไว้ทุกข์, ตาฟกช้ำ, สารสีดำ, ม้าดำ, เสื้อสีดำ vt. ท |
black disease | n. โรคเฉียบพลันร้ายแรงในแกะเนื่องจากเชื้อ Clostridium novyi |
black sheep | n. แกะดำ, คนผ่าเหล่า, นิ้วร้าย |
blacken | (แบลค'เคิน) vt. ทำให้ด่า, พูดให้ร้าย, กล่าวร้าย, ด่า. vi. กลายเป็นสีดำหรือมืด, See also: blackener n. ดูblacken, Syn. defame |
blackly | (แบลค'ลี่) adv. มืด, ร้าย, โกรธ |
blame | (เบลม) { blamed, blaming, blames } vt. กล่าวโทษ, ตำหนิ, ประณาม, นินทา, กล่าวร้าย, โยนความผิดให้ -Phr. (be to blame ควรถูกตำหนิ, ควรรับผิดชอบ) n. การตำหนิ, ความรับผิดชอบ, ภาระ, See also: blamer n. blameful adj. ดูblame blameless adj. ดูblame -Conf. put |
blaspheme | (แบลสฟีม') { blasphemed, blaspheming, blasphemes } v. ดูหมิ่น, สบประมาท, กล่าวร้าย, ด่า , ดูหมิ่นศาสนา, See also: blasphemer n. ดูblaspheme |
blasted | (บลาสฺ'ทิด) adj. เหี่ยว, ถูกทำลาย, เฮงซวย, ถูกสาปแช่ง, วายร้าย, Syn. destroyed |
accursed | (adj) ถูกแช่ง, ถูกสาป, เคราะห์ร้าย, อัปรีย์ |
accusation | (n) การกล่าวหา, การใส่ความ, การใส่ร้าย |
accuse | (vt) กล่าวหา, ใส่ร้าย, ใส่ความ |
adverse | (adj) ตรงข้าม, สวน, เป็นปฏิปักษ์, เป็นผลร้าย |
adversity | (n) ความขัดสน, ความทุกข์ยาก, ภัยพิบัติ, ความเคราะห์ร้าย |
aggravate | (vt) ทำให้เลวลง, ทำให้รุนแรงขึ้น, ทำให้ร้ายแรงขึ้น |
aggravation | (n) การทำให้ร้ายแรงขึ้น, การทำให้รุนแรงขึ้น |
ambush | (n) การซุ่มทำร้าย, การดักโจมตี, ที่ซุ่ม |
ambush | (vt) ดักโจมตี, ดักทำร้าย, ซุ่มทำร้าย |
apathetic | (adj) ไม่แยแส, เฉยเมย, เฉื่อยชา, ไม่ยินดียินร้าย |
arrant | (adj) มาก, อย่างที่สุด, เลวมาก, ร้ายกาจ |
asperse | (vt) กล่าวหา, ใส่ร้ายป้ายสี, แพร่ข่าวเท็จ |
aspersion | (n) การกล่าวหา, การใส่ร้าย, ข่าวเท็จ |
assail | (vt) ทำร้าย, ก้าวร้าว, ด่าว่า, โจมตี, รุกราน, ต่อสู้ |
assailant | (n) ผู้ทำร้าย, ผู้โจมตี, ผู้ป้ายร้าย |
assault | (n) การเข้าทำร้าย, การจู่โจม, การโจมตี, การข่มขืน |
assault | (vt) ทำร้าย, โจมตี, จู่โจม, ข่มขืน |
atrocious | (adj) โหดร้าย, ป่าเถื่อน, ชั่วร้าย, ทารุณ, น่ากลัว, เลวร้าย |
atrociously | (adv) อย่างโหดร้าย, อย่างชั่วร้าย, อย่างทารุณ, อย่างเลวร้าย |
atrocity | (n) ความโหดร้าย, ความดุร้าย, ความป่าเถื่อน, ความทารุณ, ความร้ายกาจ |
attack | (vt) ต่อสู้, โจมตี, จู่โจม, ทำร้าย, เล่นงาน |
awesome | (adj) น่ากลัว, ร้ายแรง, น่าหวาดเสียว, น่ายำเกรง |
badman | (n) คนร้าย, โจร, คนเลว, คนนอกกฎหมาย |
baleful | (adj) ร้ายแรง, ชั่วร้าย, ร้ายกาจ |
bandit | (n) โจร, ผู้ร้าย, คนนอกกฎหมาย |
baneful | (adj) มีอันตราย, มีผลร้าย, เป็นพิษ |
barbarity | (n) ความป่าเถื่อน, ความโหดร้าย, ความทารุณ |
barbarous | (adj) ป่าเถื่อน, โหดร้าย, ดุร้าย, ทารุณ |
bearish | (adj) คล้ายหมี, งุ่มง่าม, หยาบคาย, อารมณ์ร้าย |
bespatter | (vt) ทำให้เปรอะ, ทำให้เปื้อน, ให้ร้าย, สาด, โปรย |
bestial | (adj) เยี่ยงสัตว์ป่า, อย่างสัตว์เดรัจฉาน, โหดร้าย |
bile | (n) น้ำดี, อารมณ์ร้าย |
bilious | (adj) เกี่ยวกับน้ำดี, โมโหร้าย, มีอารมณ์ร้าย, โทสะร้าย |
BLACK black sheep | (n) แกะดำ, นิ้วร้าย, คนผ่าเหล่า, คนเลวทราม |
blacken | (vi, vt) กลายเป็นสีดำ, ใส่ร้ายป้ายสี |
blame | (vt) กล่าวโทษ, ติเตียน, ตำหนิ, ประณาม, กล่าวร้าย |
blighter | (n) คนน่าเหยียดหยาม, คนไร้ค่า, คนวายร้าย |
bloodthirsty | (adj) กระหายเลือด, โหดร้าย |
boding | (n) ลางบอกเหตุ, ลางสังหรณ์, ลางร้าย |
brigand | (n) โจร, ผู้ร้าย |
brutal | (adj) ทารุณ, ดุร้าย, โหดร้าย, โหดเหี้ยม |
brutality | (n) ความทารุณ, ความโหดร้าย, ความโหดเหี้ยม |
brute | (adj) ดุร้าย, เหี้ยมโหด, เหมือนสัตว์ร้าย |
brute | (n) สัตว์เดรัจฉาน, สัตว์ป่า, สัตว์ร้าย |
brutish | (adj) โหดเหี้ยม, เหมือนสัตว์ร้าย, คล้ายสัตว์ป่า |
burglar | (n) นักย่องเบา, ขโมย, ผู้ร้าย, พวกตีนแมว |
cabal | (n) คนซ่องสุมกัน, แผนร้าย |
calumniate | (vt) หมิ่นประมาท, สบประมาท, ใส่ร้าย |
calumnious | (adj) ใส่ร้าย, สบประมาท, หมิ่นประมาท |
calumny | (n) การใส่ร้าย, การสบประมาท, การหมิ่นประมาท |
abysmal | (adj) แย่สุดๆ, เลวร้ายมาก, ที่มีมาตรฐานต่ำมาก |
adversely | (adv) อย่างเป็นผลร้าย อย่างเป็นผลลบ (ใช้กับบัญชี)ที่ติดลบ, Syn. hostilely |
Beltane | (uniq) เทศกาลเฉลิมฉลอง หนึ่งใน เทศกาลแห่งเปลวเพลิง ซึ่งรับทอดมาจากศาสตร์เซลติกโบราณ ซึ่งนิยมจะเฉลิมฉลองกันในยามค่ำคืน เพแกนจะขี่เหล่าปศุสัตว์ระหว่างกองไฟซึ่งก่อ ณ กลางแจ้ง ทั้งสองกอง เป็นความเชื่อว่าจะปกป้องพวกเขาจากโรคร้าย ส่วนคู่หนุ่มสาวที่ปราถณาจะมีชีวิตคู่ที่ชุ่มชื่นก็จะ "กระโดดเหนือกองไฟ" ในคืน Beltane |
bi-polar | (slang) ผีเข้าผีออก, เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย |
cruel | (n, vi, vt) ใจร้าย |
diffuse | (vt) แก้สถานการณ์หรือความรู้สึกที่เลวร้าย |
Freeze | (vi) หยุด, อย่ากระดุกกระดิก (เป็นคำที่ตำรวจใช้ในการสั่งให้คนร้ายหยุดการเคลื่นไหวใดๆ ขณะเข้าจับกุม), See also: Don't move, Syn. Stop |
gorgoneion | เครื่องรางที่มีรูปหัวของกอร์กอน เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านความชั่วร้ายและภยันตราย |
Lucifer | [ลูซิเฟอร] (n) ลูซีเฟอร หรือซาตาน เป็นคนที่ก่อเหตชั่วร้ายให้กับมนุษย์ เป็นบิคาแห่งความชั่ว ตามความเชื่อศาสนาคริสต มันมีหลายชื่อ เช่น ดาวประจำกลางวัน มาร พญามาร งูดึกดำบรรณ ซาตาน |
materially | อย่างร้ายแรง |
persecution | (n) การไล่ทำร้ายและสังหาร เช่นการไล่ทำร้ายและสังหารชาวยิว หรือการไล่ทำร้ายและสังหารผู้นับถือคริสต์ศาสนาในสมัยคริสเตียนยุคแรก |
Polyarteritis nodosa | โรคอักเสบเฉียบพลันที่เกี่ยวข้องกับทุกชั้นของผนังหลอดเลือดแดงและมีลักษณะโดยการเสื่อมสภาพเนื้อร้ายการขับถ่ายและการก่อตัวของก้อนอักเสบตามแนวด้านนอก |
preeclampsia and eclampsia | เป็นความผิดปกติของลักษณะการตั้งครรภ์โดยความดันโลหิตสูงและจำนวนมากของโปรตีนในปัสสาวะ ความผิดปกติที่มักจะเกิดขึ้นจากสัปดาห์ที่28ของการตั้งครรภ์และได้รับผลเลวร้ายเมื่อปล่อยเวลาผ่านไป ในโรครุนแรงอาจจะมีการสลายของเซลล์เม็ดเลือดแดง, เกล็ดเลือดต่ำนับ, การทำงานของตับบกพร่อง, การผิดปกติของไต, บวม, หายใจถี่เนื่องจากของเหลวในปอด, หรือผลกระทบกับมองเห็นภาพ |
ptsd | (n) โรคเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-Traumatic Stress Disorder) |
Raven | [เรเว่น] (n, name) นกขนาดใหญ่ขนสีดำนิสัยดุร้าย ไม่ชอบรวมเป็นฝูง ลักษณะคล้ายอีกา |
Rhabdomyolysis | ความผิดปกติของเซลล์กล้ามเนื้อม, อาจนำไปสู่สภาวะร้ายแรง การสลายตัวของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อโครงร่างเป็นผลมาจากการเกิดไฟฟ้าหรือการสัมผัสเป็นเวลานานกับสารพิษ (ลักษณะการขับถ่ายของ ปัสสาวะออกมาสีดำเหมือนน้ำโคคาโคล่า ในปัสสาวะ) |
seminoma | เนื้องอกร้ายของอัณฑะ; มักจะเกิดขึ้นในผู้ชายที่มีอายุมากกว่า |
shit hit the fan | (phrase) คำอุทานเมื่อมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น หรือเมื่อความผิดที่ปกปิดเป็นที่ปรากฏต่อสาธารณะ (แปลตามตัวอักษรคือ อุจจาระถูกใบพัดลมหมุนปัดกระจายไปทั่ว) |
sich freiwillig auferlegt | (n) การทำร้ายร่างกายตัวเอง |
taser | (n, vt) ช็อตด้วยไฟฟ้า tasers, tasered, tasering (To taser someone) Taser เป็นยี่ห้อปืนไฟฟ้ายี่ห้อหนึ่ง เป็นอาวุธที่ใช้เพื่อป้องกันตัว หรืออาวุธที่ตำรวจใช้เพื่อทำให้ผู้ร้ายล้มลง หรือหมดสติ ได้ข้อมูลจาก answers.com A Taser is an electroshock weapon that uses Electro-Muscular Disruption (EMD) technology[ 1 ] to cause neuromuscular incapacitation[ 2 ] (NMI) and strong muscle contractions through the involuntary stimulation of both the sensory nerves and the motor nerves. Image: |
To add fuel to the fire | (slang) ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น โดยทำให้ใครบางคนโกรธหรือเสียใจมากกว่าเดิม ex. Martha's still mad at you, so don't go adding fuel to the fire by arguing with her right now. Let her calm down, first. |
To add fuel to the fire or to add fuel to the flames | (slang) ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น โดยทำให้ใครบางคนโกรธหรือโศกเศร้ามากกว่าแต่ก่อน ex. He not only ignored to call but he also added fuel to the flames by coming to the meeting 1 hour late. |
wanton | (adj) 1. ไม่มีความระมัดระวัง, ไม่มีเหตุผล 2. ป่าเถื่อน, โหดร้าย 3. (ต้นไม้) ขึ้นอย่างไม่ยับยั้ง 4. (ผู้หญิง) ทำตัวเสเพล |
wide berth | พื้นที่กว้าง / ทิ้งระยะห่าง เพื่อหลีกเลี่ยงผลร้ายที่จะเกิดขึ้น |